กบนอกกะลา - กบนอกกะลา นิยาย กบนอกกะลา : Dek-D.com - Writer

    กบนอกกะลา

    สวัสดีครับ ทุกๆ คน ตอนนี้ผมกำลังว่ายน้ำอยู่อย่างสนุกสนานในบึงเล็กๆ แห่งหนึ่ง น้ำเย็นกำลังสบายเลยทีเดียวเชียว ผมกะว่าถ้าเล่นน้ำเสร็จเมื่อไหร่จะขึ้นบกไปกระโดดหาแมลงกินเล่นเสียหน่อย แล้วค่อยกลับลงรูชื้นๆ อันแสนสุข

    ผู้เข้าชมรวม

    792

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    792

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ค. 52 / 00:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้ถ้านับก็เป็นเรื่องที่สองครับ... ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เขียนเรื่องย่อคงไม่ดี เพราะมันเป็นเรื่องสั้น

    เอาเป็นว่า... ยังไงช่วยติชมด้วยนะครับ (:
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      สวัสดีครับ ทุกๆ คน ตอนนี้ผมกำลังว่ายน้ำอยู่อย่างสนุกสนานในบึงเล็กๆ แห่งหนึ่ง น้ำเย็นกำลังสบายเลยทีเดียวเชียว
      ผมกะว่าถ้าเล่นน้ำเสร็จเมื่อไหร่จะขึ้นบกไปกระโดดหาแมลงกินเล่นเสียหน่อย แล้วค่อยกลับลงรูชื้นๆ อันแสนสุข

      หลายคนคงสงสัย ว่าผมเป็นมนุษย์แน่หรือ ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ใช่มนุษย์ ผมก็แค่กบตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่มีกายสีเขียวสด
      มีลิ้นยาวๆ เหนียวๆ ไว้จับแมลงที่อยากกิน พวกมันอร่อยมากเลยแหละครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะอธิบายยังไงดี

      วันนี้ผมหนีแม่ออกมานอกกะลาครับ ผมทำแบบนี้หลายครั้งหลายคราแล้วหละ แต่ผมก็ยังหาเหตุผลที่แม่ผมย้ำนัก
      ย้ำหนาไม่ได้เลยเสียทีว่าห้ามออกนอกกะลา เพราะมันไม่ใช่ที่ที่กบอย่างเราจะออกไป ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเลย
      แถมสนุกอีกต่างหาก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเีรียกแม่ออกมาข้างนอกด้วยกันจริงๆ แต่แม่คงไม่ยอมหรอกมั้ง

      เฮ้อ… หนาวเหมือนกันแฮะ พอขึ้นบกมาแบบกะทันหันเนี่ย สะบัดน้ำออกก่อนก็แล้วกันครับ แล้วค่อยไปหาแมลงกินกันต่อ
      ผมกำลังกระโดดเหยงๆ อยู่กลางป่าชื้นๆ ที่ฝนตกแทบทุกวัน ผมชอบจริงๆ บรรยากาศแบบนี้ มันดีต่อกบอย่างผมมากจริงๆ
      เวลากระโดดมันทำให้รู้สึกเย็นๆ ที่เท้าแบบสบายๆ ทุกครั้งที่เท้าพังผืดของผมมันแตะลงที่พื้น นี่แหละชีวิตที่แสนสุขในป่าใหญ่

      พักนี้พวกแมลงมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้แฮะ หรือว่าจำนวนประชากรเผ่าพันธุ์ผมมันเพิ่มขึ้นกันจนมากเกินไปหละเนี่ย
      แต่ช่างมันเถอะครับ ผมก็ไม่ค่อยเห็นพวกเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเจอแต่พวกอีกสายพันธุ์หนึ่งเลยมากกว่า พวกคางคก
      เขียด ปาด หนะ พวกนี้มันแย่งอาหารผมอยู่เรื่อย โดยเฉพาะไอ้พวกคางคก มันอาศัยว่าตัวใหญ่กว่า อัปลักษณ์กว่า
      เลยคิดว่าข่มพวกกบอย่างผมได้แต่ขอให้รู้ไว้เถ๊อะ ตูไม่กลัวมึงหรอก ฮ่าๆ พูดแล้วก็ขำครับ ผมพึ่งจะขู่ไอ้พวกคางคก
      ไปเมื่อวานเองว่า เดี๋ยวนี้พวกมนุษย์เค้าฮิตกินคางคกมากกว่ากินกบแล้ว เพราะว่าหาวิีธีกำจัดพิษของพวกมันได้แล้ว
      พวกมันเชื่อเป็นตุเป็นตะเลยครับ ฮ่าๆ ขำจริงๆ ถึงกับประกาศเหตุฉุกเฉินกันในเหล่าคางคกเลยหละครับ ว่าให้ระวังมนุษย์
      ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ ให้ตายสิ พวกนั้นมันโง่จริงๆ

      อ๊ะ ! นั่นไงฝูงแมลง เป็นสิบๆ ตัวเลย แถมเป็นพวกแมลงวันของโปรดผมอีกต่างหาก เวลารับมันเข้าไปในปากแล้วค่อยๆ
      เคี้ยวเนี่ย มันจะให้ความรู้สึกนุ่มอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีน้ำหวานๆ ไหลออกมาจากหัวเล็กๆ ของมัน ตอนผมขบหัวมันแตก

      วิธีกินแมลงของพวกเราชาวกบก็ไม่มีอะไรยากครับ ก็แค่ยืดลิ้นเหนียวๆ ยาวๆ ออกไปให้ตรงเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ ก็คือ
      พวกแมลงพวกนั้นนั่นแหละครับ หลายคนอาจจะมองว่ายาก เพราะมันบินเร็ว จะไปจับทันได้ยังไง

      มันไม่ยากอย่างที่คิดกันหรอกครับ มันจะยากนิดหน่อยก็แค่ตอนมันบินตัวเดียวเท่านั้นแหละครับ แต่ส่วนใหญ่ไอ้พวกนี้
      มันไม่บินตัวเดียวหรอกครับ มันบินทีเป็นฝูงๆ แทบไม่ต้องเล็งเลย แถมพวกนี้มันโง่อีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกแมลงวัน
      กว่าจะรู้ตัวมันก็เสร็จผมไปแทบทุกตัวแล้ว ส่องไปมั่วๆ ซักพักก็ได้แล้วครับ อาหารอันโอชะ

      ผมขอตัวไปกินแมลงซักครู่นะครับ มันยั่วน้ำลายจะตายอยู่แล้ว ถ้าขืนอืดอาด พวกคางคกจะมาแย่งกินไปเสียหมด
      เอ๊ะ ! แต่พวกคางคกคงไม่ออกมาหรอกมั้งครับ เพราะมันยังเชื่อเรื่องที่ผมบอกกันอยู่เลย ฮ่าๆ ไปจริงๆ ละครับ ช้ากว่านี้
      ถึงพวกคางคกไม่มาแย่ง แมลงวันพวกนั้นก็คงบินหนีไปหมดแล้ว

      …….
      ……….
      ………….
      ……………..

      กลับมาแล้วครับ ! อิ่มเป็นบ้าเลยจริงๆ แมลงวันพวกนั้นตอนนี้โดนล้างตระกูลโดยผมเรียบร้อยแล้ว มันกลายเป็นเศษละเอียด
      อยู่ในท้องของผมเรียบร้อย แต่ก็มีตัวหนึ่งโชคดีที่บินหนีไปได้ ให้ตายสิ ! น่าเสียดายจริงๆ ไม่งั้นผมก็ทำลายสถิติใหม่ไปแล้ว

      ผมไปกระโดดเล่นต่อดีกว่า ให้อาหารย่อยเสียหน่อย เผื่อฟลุ๊คเจอแมลงหน้าโง่ตัวนั้นด้วย จะได้ล้างตระกูลมันได้แบบหมดจด

      ตอนนี้มันก็เริ่มมืดแล้ว ดวงอาิทิตย์ลับขอบฟ้าไปเรียบร้อย แต่ผมยังไม่ค่อยอยากกลับบ้านเสียเท่าไหร่ อยากลองอยู่เที่ยวกลางคืน
      บ้าง ปกติแล้วเย็นๆ ผมก็กลับบ้านไปแล้ว แต่วันนี้บรรยากาศในป่ามันยั่วจริงๆ ไม่อยู่คงไม่ได้ครับ อิอิ

      ผมยังคงกระโดดอยู่ในป่า เท้าพังผืดเล็กๆ ของผมสัมผัสกับพื้นดินเย็นๆ แล้วยังรู้สึกสบายเหมือนเดิม บรรยากาศในป่าถึงจะเปลี่ยน
      ไปบ้าง แต่มันก็ไม่แย่ไปกว่าเดิมเสียเท่าไหร่ ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

      เอ๊ะ !! ทำไมพื้นดินมันสะเทือนผิดปกติ ผมรู้สึกได้เลย มันต่างจากเมื่อครู่มาก เม็ดดินเล็กๆ บนพื้นกระดอนเบาๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจน
      เฮ้ย ! ไอ้พวกคางคก มันวิ่งมาทางนี้กันเยอะแยะเลย ถ้าผมไม่หลบคงโดนมันชนกระเด็นแน่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกมันน่าจะ
      ไปซ่อนอยู่ในรูแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ผมเห็นมันประกาศเหตุฉุกเฉินกันอยู่กับตานี่นา

      ผมคงต้องหันกลับทางเดิมเสียแล้ว พวกมันใกล้เข้ามาเ็ต็มที… คงต้องเร่งสุดฝีตีนพังผืดของผมแล้วหละ !

      …….
      ……….
      ………….
      ……………..

      แอ้ก ! จุกจริงๆ ครับ สุดท้ายผมก็หนีพวกมันไม่ทัน ให้ตายสิ มันกระโดดไวชิบเป๋งเลย มันกระโดดชนผมอย่างเต็มเปา ตอนนี้ผม
      นอนหงายท้องอยู่กับพื้น มันหลายตัวกระโดดทับผมไปโดยไม่ใยดี ไม่ชายตามองด้วยซ้ำ ว่ามีกบตัวเล็กๆ กำลังนอนแผ่อยู่ที่พื้น
      ไม่รู้ว่าพวกมันจะรีบไปไหนกัน ให้ตายสิ ผมเลยเดือดร้อนไปด้วยเลย

      ผมคงต้องรีบลุกขึ้นแล้วหละ นอนอยู่นานๆ อย่างนี้มันเหมือนเป็นเป้านิ่งยังไงก็ไม่รู้สิ รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ มากๆ ว่าแต่…
      แสงอะไรวูบวาบๆ กำลังตรงมาทางนี้กันหละเนี่ย

      “เฮ้ยๆ กบเว้ย กบ ฟลุ๊คชิบหายเลย นานๆ ทีจะเจอแม่งซักตัว”
      “เออ จริงด้วยหวะ วันนี้มีอะไรสนุกๆ ทำแล้ว ฮ่าๆ ๆ ๆ”

      ชิบหายแล้วครับ แสงไฟเมื่อครู่มันมาจากไฟฉายโพกหัวของพวกมนุษย์ ถึงผมจะฟังที่มันพูดไ่ม่รู้เรื่อง แต่ดูจากท่าทาง มันไม่ได้
      มาดีแหงๆ เลย ตอนนี้ผมลุกขึ้นมาแล้ว น่าจะยังทันที่จะรีบกระโดดหนีเข้าพุ่มไม้ไป …ทำไมหัวใจเต้นแรงสุดตรีนอย่างนี้หละเนี้ย !

      “ฮ่าๆ จับได้แล้วเว้ย ! นึกว่ากบตัวนี้มันจะแน่ซะอีก”
      “จับมันขึงไว้เลยๆ ต้องสนุกก่อนแล้วค่อยอิ่ม”

      เฮ้ย ! มันจับตัวผมได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก็กระโดดออกไปแล้ว มันไวมาก เท้าพังผืดของผมยังไม่ทันแตะพื้นดินเย็นๆ เลยด้วยซ้ำ มันก็คว้า
      หมัมเข้าที่ตัวผม แถมกดท้องผมแรงอีกต่างหาก ยังจุกไ่ม่ทันหายเลย ต้องมาจุกอีกแล้ว

      ผมพยายามดิ้นสุดแรงเกิดที่มีแล้ว แต่พวกนี้มันแรงเยอะจริงๆ ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ให้ตายสิ ! จะทำยังไงดีหละเนี่ย

      …….
      ……….
      ………….
      ……………..

      อ๊ากกก ! ทำยังไงก็หลุดไปจากพวกนี้ไม่ได้เสียที ตอนนี้มันผูกขาผมขึงไว้กับไม้ที่มันตอกไว้กับดินจนแน่น ผมพยายามกระโดดแล้ว
      กี่ที กี่ที ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ไม้นั่นตอกไว้แน่นเกินไป เพียงแค่แรงของกบหนุ่มๆ อย่างผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แน่ๆ

      ผมยังคงพยายามกระโดดออกมาอยู่ อย่างน้อยก็ำทำให้พวกมันนั่งมองผมนิ่งๆ โดยไม่ทำอะไร ถึงมันจะทำท่าเหมือนสนุกสนานกันอยู่
      ก็ตามทีเถอะ แต่ถ้าผมหยุดกระโดดเมื่อไหร่คงเสร็จแน่ บ้าเอ้ยยย!! ผมจะกระโดดต่อไปได้นานแค่ไหนเนี่ย สิ่งที่มัดขาผมอยู่มันค่อยๆ
      กลืนกินเนื้อที่ขาผมไปทีละนิด เจ็บเป็นบ้าเลย!

      ใช่สิ ! ผมคิดออกแล้ว ว่าจะหนีจากมนุษย์พวกนี้ยังไงดี แต่มันก็ค่อนข้างเสี่ยงอยู่พอสมควรแฮะ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องมาตายอย่าง
      น่าอนาถ และทรมานโดยฝีมือไอ้มนุษย์พวกนี้

      อย่างที่เค้าเคยว่ากันไว้ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ผมจะแลกขาของผมที่มันผูกเอาไว้ กับชีวิตของผมก็แล้วกัน ผมรู้สึกได้เลยว่ายิ่งผมกระโดด
      ไอ้สิ่งที่พันธนาการขาผมอู่มันยิ่งกลืนกินขาผมเข้าไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มันใกล้จะขาดออกจากขาผมเต็มทีแล้ว ความรู้สึกที่ขานั่น แทบไม่มีแล้ว

      ต้องลองซักตั้ง! หละนะ

      …….
      ……….
      ………….
      ……………..

      อ๊ากกกก ! ขาผมข้างนั้นขาดไปเรียบร้อยแล้ว มนุษย์พวกนั้นยังคงสนุกสนานกันอยู่ มันยังไม่รู้ตัวว่าผมจะหนีสินะ จังหวะนี้แหละ เหมาะ!
      ผมค่อยๆ รวบรวมพลังกายที่มีหิ้วสังขารที่มีอยู่ด้วยขาที่เหลืออยู่แค่สามขานี้ เพื่อจะเอาตัวรอดจากมนุษย์พวกนี้ไปให้ได้ ผมเข้าใกล้
      พุ่มไม้แล้ว !

      ในที่สุด …. ผมก็หนีมนุษย์พวกนั้นมาจนได้ ผมหอบสังขารตัวเองออกมาจากพุ่มไม้นั่น แต่รู้สึกว่าจะะไปต่อไม่ไหวเสียแล้ว ขอนอนอยู่
      ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน มนุษย์พวกนั้นคงกลับบ้านไปหมดแล้วหละ

      …….
      ……….
      ………….
      ……………..

      เฮ้ย ! นี่มันอะไรกัน ทำไมผมแทบไม่รู้สึกถึงร่างกายของผมเลย รู้สึกแค่ว่ามันเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังไหลออกไปจากตัวผมช้าๆ
      บ้าเอ้ย!! เลือดที่ขาผมมันยังไหลไม่หยุดเลย เลือดสีสดไหลออกมาจากขาผมราวกับสายน้ำ ไหลออกมาเร็วกว่าสายน้ำเชี่ยวเสียอีก
      ให้ตายสิ ! แค่แรงจะขยับปากร้องให้พวกมาช่วย ยังทำไม่ได้ ดวงตาของผมมันก็พร่ามัวไปทุกที ผมรู้สึกหนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก
      นี่ผมกำลังจะตายหรือไง

      แต่ก็ช่างมันเถอะครับ จะมาเสียดายชีวิตตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว… อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องตายอย่างอนาถด้วยฝีมือมนุษย์พวกนั้น
      ชื่อของผมคงได้ถูกจารึก ว่าสามารถหนีจากพวกโหดเหี้ยมนั่นได้ คงน่าภูมิใจพิลึก

      “เฮ้ย! พวกเรา มาดูไอ้กบขาด้วน นี่ดิ มันกำลังจะตายเว้ย”
      “เออจริงด้วยหวะ แล้วไม่ช่วยมันหน่อยหรอวะ”
      “จะไปช่วยมันทำไมเล่า! ก็มันเนี่ยแหละเป็นตัวกุเรื่องมนุษย์มาหลอกพวกเรา”
      “แต่ก็โชคดีนะ ที่เรารู้ทันมัน สมน้ำหน้ามันแล้ว ดันออกมาเข้าแผนเราพอดี หึหึ”
      “แผนอะไรกัน?”
      “ก็หัวหน้าสั่งให้ฉันพาพวกแกออกมา แล้วพาไปหาพวกมนุษย์ จากนั้นก็หนีมาทางที่ไอ้กบนี่วิ่งมาไงหละ”
      “อย่างนี้นี่เอง แทนที่จะบอกกันก่อนนะนายเหนี่ย งั้นก็สมน้ำหน้ามันแล้ว สะใจจริงๆ ฮ่าๆ”
      “ช่วยให้มันตายๆ เร็วๆ หน่อยดีไหม”
      “คงไม่ต้องหรอก ยังไงซะ มันก็ต้องตายอยู่ดี ปล่อยมันตายไปอย่างทรมานดีกว่า”

      นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่ผมได้ยิน หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ทุกอย่างเงียบสงัด… ตาที่พร่ามัวเริ่มเปลี่ยนภาพที่เห็น
      ให้เป็นสีดำสนิท ตอนนี้ผมมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ผมเริ่มหายใจยากขึ้นทุกที

      ให้ตายสิ ! ผมก็พึ่งรู้ว่าไอ้พวกคางคกนั่นมันหลอกผม เจ็บใจจริงๆ แต่มาเจ็บตอนนี้ก็คงไม่ทัน สัมผัสทั้งหมดของผมมันไม่มีอีกแล้วตอนนี้
      ได้เพียงแค่คิดอย่างเดียวในความเงียบสงัด ผมน่าจะเชื่อแม่ตั้งแต่แรก…

      “อย่าออกไปนอกกะลานะลูก มันอันตรายเกินไป”

      จู่ๆ เสียงนี่ก็ดังขึ้น… ในสมองของผมก่อนที่ผมจะ…

      เลือดที่เจิ่งนองบนพื้นค่อยๆ ซึมลงไปที่พื้นดิน… เจ้ากบน้อยนอนแน่นิ่งไปเสียแล้ว… ทิ้งไว้แต่เพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×