Rescue 49 วันฉันจะบอกรักเธอ - นิยาย Rescue 49 วันฉันจะบอกรักเธอ : Dek-D.com - Writer
×

    Rescue 49 วันฉันจะบอกรักเธอ

    "ทำไมฉันต้องมากลายเป็นวิญญาณที่ไร้ตัวตน ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปตลอดด้วยเหรอ นายช่วยฉันหน่อยจะได้ไหม ช่วยตามหาตัวตนของฉันให้หน่อย ฉันจะได้ไปสู่สขคติ" "นะ นายจะบ้าหรือไง นี้นายเป็นผีความจำเสื่อม"

    ผู้เข้าชมรวม

    169

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    169

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    จำนวนตอน :  7 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  14 มิ.ย. 66 / 13:10 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เสียงหวอดังลั่นถนน รถที่ขับอยู่บนถนน ต่างพากันหลบเข้าซ้ายจนหมด   รถกู้ภัยสองคันขับมาด้วยความเร็วสูง   คนที่อยู่บนท้องถนนต่างก็มองตามหลังรถที่วิ่งไปข้างหน้าด้วยความหวังที่จะไปช่วยคนเจ็บที่เกิดอุบัติเหตุ

    “กลุ่มฉลามบุกอีกแล้ว ถ้ากลุ่มฉลามฟาส 8 มาไม่ต้องห่วงเลย  ทั้งขับรถเร็วและทำงานกันอย่างจริงจังมาก ๆ “ 

    “ไอดอลเลย พี่สองคนที่เป็นคนขับอ่ะ อยากขับรถได้เก่งแบบพี่สองคนจังเลย”  คนที่อยู่ข้างถนนที่คุ้นเคยกับรถกู้ภัยสองคันนี้ดี และคนในละแวกนี้ก็รู้จักกลุ่มกู้ภัยกลุ่มนี้เป็นอย่างดี  เรื่องการขับรถที่รวดเร็วและปลอดภัย และการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือประสบอุบัติเหตุได้ทันท่วงที

    เมื่อรถขับมาถึงที่เกิดเหตุ รถคันหนึ่งเป็นรถเก๋งที่ชนเข้ากับหลักกิโลซึ่งถัดออกไปจากอีกจุดหนึ่งที่เป็นรถมอเตอร์ไซด์ที่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง   รถกู้ภัยคันแรกที่มาถึงก่อน ก็ตรงเข้าไปหารถเก๋งที่จอดสนิทและมีคนบาดเจ็บอยู่ในรถ และมีคนมุ่งอยู่ด้วย  พอรถเข้าจอดเทียบใกล้ ๆ และกันคนออกแล้ว  คนขับรถก็ก้าวลงจากรถพร้อมด้วยทีมอีก สองคน   

    คนขับรถเป็นสาวหล่อที่ทะมัดทะแมงมาก ลงมาก็รีบชี้บอกให้เพื่อนอีกสองคนปฏิบัติหน้าที่ทันที   ทั้งสามคนตรงเข้าไปดูคนเจ็บที่ติดอยู่กับรถ  คนเจ็บนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด  ทั้งสามคนกันคนที่มุงออก เพื่อขอพื้นที่ในการทำงานช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันที

    “ขอทางด้วยครับ “ ทั้งสามคนตรงเข้าไปดูคนเจ็บ “เอ้ เช็คร่างกายคนเจ็บก่อนเลย  จอมดูรถสิว่า มีน้ำมันรั่วหรือเปล่า” 

    “ครับพี่ปุ่น “ ทั้งสองรับคำแล้วรีบปฏิบัติหน้าที่ทันที

    “น้ำมันไม่รั่ว รถยางแตกแล้วก็ชนเข้ากับหลักกิโล ไม่ต้องห่วงเรื่องรถจะมีไฟลุกไหม้ครับ เพราะรถไม่ใช้ก๊าช  “  จอมรายงาน   “คนเจ็บขาหักติดกับคอนโซนหน้ารถแล้วก็หัวแตก  แขนซ้ายมีแผลโดนกระจกบาด  หน้าอกโดนกระแทก   แต่คนเจ็บยังหายใจและรู้สึกตัวดี”  เอ้เอ่ยบอก “งั้นเรารีบช่วยคนเจ็บออกจากรถก่อน” ปุ่นเอยแล้วทั้งสามก็ช่วยกันนำเครื่องมือเข้าช่วยเหลือคนเจ็บทันที     เสียงสั่งงานอย่างฉับไว   แล้วเธอก็ตรงเข้าไปช่วยเอ้ดูคนเจ็บ  เพื่อช่วยเอาคนเจ็บออกจากรถ  เพื่อนำส่งโรงพยาบาลให้ได้เร็วที่สุด   ทั้งสามคนทำงานประสานกันอย่างรวดเร็ว    ทั้งถ่ายรูปคนเจ็บและรูปรถ  เก็บรายละเอียดสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งรถตำรวจเข้ามาตรวจอีกครั้ง แล้วทั้งสามคนก็เตรียมเคลื่อนย้ายคนเจ็บเพื่อนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด   

    ส่วนอีกคันที่มาถึงก็ตรงเข้าดูรถมอเตอร์ไซด์และคนเจ็บที่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้า  ซึ่งจุดเกิดเหตุห่างจากรถคันแรก  เกือบ 500 เมตรได้   คนขับรถก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยคนนั่งข้าง ๆ ทั้งสองคนรีบตรงเข้าดูคนเจ็บที่นอนอยู่ข้าง ๆ รถ

    คนที่เป็นคนขับรถตรงเข้าไปดูคนเจ็บที่อาการโคม่า  นอนหายใจรวยระรินอยู่ สภาพร่างกายคือโดนแรงกระแทกจากการชนเข้ากับเสาไฟฟ้าและสภาพรถมอเตอร์ไซด์  ก็ชิ้นส่วนกระเดนไปคนละทาง   รถแยกออกเป็นสองชิ้นทีเดียว

    “ขาผิดรูป  หัวแตก ชีพจรเต็นช้า  มีนเรียกรถกู้ชีพด่วนเลย คนเจ็บอาการโคม่า  เราไม่สามารถเคลื่อนย้ายคนเจ็บเองได้  ต้องการรถกู้ชีพ “  เขาหันไปสั่งมีน  คนที่มาด้วยทันที  “ครับพี่เดียว”  มีนรับคำแล้วรีบวิทยุวอ  กลับไปที่ศูนย์ช่วยเหลือให้ประสานเรื่องรถกู้ชีพทันที    เดียวหันไปมองหน้าคนเจ็บที่ตอนนี้คนเจ็บเองก็หันมามองเขาเช่นกัน  ด้วยสายตามี่เลือนลอย  และต้องการความช่วยเหลือจากเขา   เดียวได้แต่มองคนเจ็บที่นอนอยู่

    “คุณอดทนไว้นะ  รถรถกู้ชีพก่อน “ เดียวเอ่ยกับคนเจ็บ  คนเจ็บที่นอนอยู่นอนหายใจแผ่วเบาแล้วส่งสายตามาที่เดียว  เหมือนต้องการบอกอะไรกับเขาสักอย่าง   เมื่อมีนรายงานเรียบร้อย  รถตำรวจที่มาถึงที่เกิดเหตุก็เข้ามาหา   มีนเข้าไปคุยกับตำรวจ   เดียวที่นั่ง่มองคนเจ็บที่นอนหายใจอ่อนลง อ่อนลง ด้วยความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเขาให้ได้มากกว่านี้   

    แต่เพราะเขาเป็นแค่รถกู้ภัย ไม่ใช่รถกู้ชีพ ไม่มีแพทย์ประจำรถ ไม่สามารถช่วยคนเจ็บที่อาการโคม่าได้ หากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด คนเจ็บอาจเสียชีวิตระหว่างทางที่เขานำส่งโรงพยาบาล  จะกลายเป็นความผิดของคนนำส่ง   มันเป็นกฎอย่างหนึ่งของการเป็นรถกู้ภัย     เขาได้แต่ดูอาการคนเจ็บ   ขาที่หักผิดรูป  และบาดแผลที่บริเวณหัว  และช่องท้องที่โดนกระแทก  อาจจะมีซีโครงที่หัก และอาจจะทิ่มเข้าที่ปอดได้  เดียวจับดูอาการคนเจ็บแล้วก็ให้รู้สึกห่วงเป็นอย่างมาก   เลือดไม่ได้ไหลออกมาเยอะ  นั่นยิ่งเป็นอาการที่ไม่ดีเอาเสียเลย  เพราะทำให้รู้ว่า  เลือดเขาคั่งอยู่ภายใน  เป็นอาการขั้นวิกฤติทีเดียว    เดียวหันไปมองทาง ก็เห็นรถกู้ชีพกำลังขับเข้ามา  เดียวหันไปหาคนเจ็บ

    “รถมาแล้วนะ  คุณ ”  เดียวจับมือคนเจ็บที่นอนหายใจแผ่วเบา  พอสิ้นเสียงคำที่เดียวเอ่ย   ร่างนั้นก็นิ่งไปพร้อมด้วยลมหายใจสุดท้าย  เดียวซึ่งหันไปมองหน้าคนเจ็บแล้วได้เห็นแววตาของเขา    และมือที่เดียวกำไว้ก็อ่อนแรงลง

    พอรถกู้ชีพมาถึงหมอและพยาบาลก้าวลงจากรถพร้อมด้วยเตียงคนเจ็บ   เดียวหันไปหาแล้วรายงานอาการของคนเจ็บ

    หมอและพยาบาลเข้าไปตรวจอาการคนเจ็บแล้ว  รีบเข้าช่วยเหลือและนำขึ้นรถกู้ชีพไปทันที  เดียวหันไปมองตามหลังรถกู้ชีพคันนั้น  ด้วยหัวใจที่หล่นวูบไปทันที

    “พี่  ไม่รอดเหรอ”  มีนเดินมาหาเดียวที่ยืนมองรถอยู่   เดียวหันมามองมีน  “พี่ก็ไม่แน่ใจ  แต่ 60/40 “ 

    “ไม่รอดเยอะกว่าใช่ไหมพี่” มีนเอ่ยถามอีกครั้ง  เดียวพยักหน้า  “อืม  หนักมาก “ เขาเอ่ยแล้วมองไปที่รถในที่เกิดเหตุ

     

    รถกลับเข้ามาที่ศูนย์แล้ว เดียวก้าวลงมาจากรถพร้อมกับมีน  แล้วก็เห็นว่า รถอีกคันเข้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว

    “พี่ทำไมกลับมาช้า  ก็ไปพร้อมกัน นี้พี่กลับมาช้ากว่าพวกผมเป็นชั่วโมงเลย ไปไหนกันมา”  เอ้เอ่ยถาม

    “เออ  ไปแวะเซเว่นมาเหรอ”  ปุ่นเอ่ยถาม แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคน

    “ป่าว ไปดูคนเจ็บที่ส่งขึ้นรถกู้ชีพมานะ” เดียวเอ่ยบอก  “เป็นไงบ้างพี่”  จอมเอ่ยถาม  มีนส่ายหน้า

    “ไม่รอด เขาเสียตั้งแต่ขึ้นรถกู้ชีพ หมอกับพยาบาลพยายามช่วยแล้ว แต่เลือดคั่งภายใน ทั้งในช่องท้องที่ซีโครงทิ่มทะลุปอด แล้วเลือดคั่งในสมองอีก ไปถึงโรงพยาบาล หมอพยาบาลก็พยายามช่วยกันอย่างสุดชีวิต  แต่ไม่รอด”  มีนเอ่ย

    ทั้งหมดหน้าเศร้าไป  โดยเฉพาะเดียวที่ดูจะซึมมากกว่าคนอื่น ๆ     “เสียใจกับครอบครัวเขาด้วยจริง ๆ “  จอมเอ่ย 

    “แล้วพี่เดียวมึงเป็นอะไรว่ะ ทำไมดูซึม ๆ ผิดปกติ   หรือพี่  มึงรู้จักคนตาย  “ เอ้เอ่ยถาม ทุกคนหันไปมองเดียว

    “ไม่รู้จัก  แต่     ไม่รู้ว่ะ มันแปลก ๆ ตอนสายตาเขามองมา เหมือนเขาต้องการบอกอะไรสักอย่าง พอมารู้ว่า  เขาเสียชีวิต  แมร่ง ทำไมกูจำสายตาเขาได้แม่นขนาดนี้ว่ะ”  เดียวเอ่ย

    “เฮ้ยพี่ มึงก็เจอเครสแบบนี้มาเยอะแยะ  เอาน่า  พรุ่งนี้เราไปทำบุญกัน   ถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญให้กับเขา”  จอมเอ่ยบอก ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย 

     “เออ  มึงอย่าคิดมาก เราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว   หน้าที่เราก็ช่วยชีวิตคน  มันก็อาจจะมีคนที่ต้องตายต่อหน้าเรา    ไม่ใช่เราไม่เคยเจอนะ   ยิ่งกว่านี้พวกเราก็เจอกันมาแล้ว    พรุ่งนี้ก็พากันไปทำบุญด้วยกันนี้แหละ  เหมือนเดิมที่เราเคยทำ “  ปุ่นเอ่ยบอก แล้วเดินมาตบบ่าเดียว   เดียวหันมาพยักหน้าให้เพื่อน  “อืมม”

     

    กลุ่มฉลามฟาส 8  ประกอบไปด้วย  เดียว  ปุ่น เอ้  จอมและมีน  ทั้งหมดเป็นเพื่อนกัน

    ปุ่นเป็นนักแข่งรถ เธอจึงชำชองในการขับรถด้วยความเร็วเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องการขับรถใช้ความเร็วไม่ต้องห่วงเธอ  ปุ่นใช้เวลาเหลือจากซ้อมแข่งรถเข้ามาช่วยขับรถกู้ภัยกับเดียว  ซึ่งเดียวเปิดอู่ซ่อมรถและจำหน่ายอะไหล่  และเป็นนักแข่งรถทีมเดียวกันกับปุ่นด้วย   ทั้งสองคบหาเป็นเพื่อนกันมานาน   รถในทีมแข่ง มักจะเข้ามาใช้บริการอู่ของเดียวบ่อย ๆ  และร้านของเดียวก็เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ให้กับทีมแข่งด้วย

    ส่วนเอ้ ที่บ้านเปิดร้านคาร์แคร์  เป็นคนชอบความเร็วและความท้าทาย   เป็นเพื่อนรุ่นน้องกับปุ่นและเดียว

    ส่วนจอมเป็นหัวหน้าช่างอยู่ที่อู่ของเดียว  และมีนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมแข่งรถ   ทั้งหมดจึงได้สนิทสนมกันมาก  และความที่มีใจที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น  ทำให้พวกเขาเลือกที่จะมาทำงานกู้ภัยด้วยกัน

    คนในละแวกนี้รู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี และนอกเหนือจากงานกู้ภัย  พวกเขายังชอบไปทำบุญในที่ต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งตามสถานที่บ้านพักคนชรา หรือบ้านพักเด็กยากไร้ หรือพากันช่วยเหลือคนยากไร้ที่ไร้บ้านอีกด้วย   กลุ่มของพวกเขาจึงเป็นที่ชื่นชมและเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ทำคุณประโยชน์ให้ส่วนรวม

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น