ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 55


     ตอนที่ 7

    เคนอิจิวางเสื้อพาดไว้บนเก้าอี้ก่อนจะลงมือกินอาหารเช้า  “เคโตะล่ะ  ยังไม่ลงมาอีกเหรอ”

    “พี่ชายไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ”  ยูโตะตอบ  เขากินอาหารไปได้เกือบครึ่งแล้ว

    “พอตื่นขึ้นมาก็ออกไปทำงานเลยค่ะ  ไม่รู้จะขับรถไหวหรือเปล่า  เขายังไม่กินอะไรแถมหน้าก็ซีดมากๆ ด้วย”  ยูมิโกะนั่งลงเป็นคนสุดท้าย

    “งั้นเหรอ”  เคนอิจิตอบแล้วไม่พูดอะไรอีก

     

    เรียวสุเกะเดินตรงมายังบ้านของเคโตะอย่างกระวนกระวายใจ  แต่ยังไม่ทันจะถึงเขาก็เห็นรถของผู้จัดการที่จอดอยู่ข้างทางห่างจากบ้านไม่เท่าไร  เรียวสุเกะวิ่งตรงไปยังรถคันนั้น  เคโตะนอนหลับสนิทภายในรถ  ใบหน้าซีดเซียวเหมือนจะไม่สบาย  เขาเคาะกระจกรถ  “ผู้จัดการตื่นได้แล้วครับ”

    เคโตะงัวเงียตื่นขึ้น  “ยามาดะเองเหรอ”  เขายันตัวเองขึ้นแล้วลงจากรถ  รู้สึกดวงตาหนักอึ้งจนแทบจะลืมตาไม่ได้  “ฉันขับรถไม่ไหว  นายขับให้ทีนะ”

    เรียวสุเกะสังเกตสีหน้าของผู้จัดการแต่ไม่กล้าพูดอะไร  “ได้ครับ  คุณเข้าไปในรถก่อนเถอะเดี๋ยวผมจะขับไปให้เอง”  เขาเปิดประตูแล้วผลักเคโตะเข้าไปก่อนจะขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับแล้วขับรถออกไป

    รถคันหรูแล่นไปตามทางหลวงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน  “เมื่อวานผู้จัดการกลับบ้านกี่โมงครับ  วันนี้ถึงได้เหนื่อยจนลุกไม่ไหวขนาดนี้”  เรียวสุเกะถามแต่ไร้เสียงตอบรับจากเคโตะเขาจึงหันไปมอง  เคโตะหลับสนิทไปแล้ว  เรียวสุเกะถอนหายใจ  “เมื่อคืนดื่มหนักมาแน่ๆ เลย”

    เรียวสุเกะขับรถเข้าไปในบริเวณโรงจอดรถของร้าน  ดีที่เคโตะมักจะมาทำงานก่อนพนักงานทุกคนทำให้ไม่มีใครรู้ว่ารถคันนี้เป็นของใคร  เรียวสุเกะเขย่าตัวผู้จัดการ  “ผู้จัดการตื่นเถอะครับ  ถึงแล้วนะครับ”  แต่เคโตะก็ยังคงหลับอยู่  เรียวสุเกะเขย่าตัวแรงขึ้น  “ผู้จัดการครับ!”  เคโตะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา  เขากุมขมับเพราะยังรู้สึกปวดหัวอยู่  “ผู้จัดการดื่มมาหรือครับ”

    เคโตะพยักหน้า  “ก็นิดหน่อย”

    “ผมว่าไม่นิดหรอก  อาการหนักขนาดนี้”  เรียวสุเกะถอนหายใจ  “ลงไปเถอะครับ  เดี๋ยวอิโนะโอะมาเห็นเข้า”

    “อิโนะโอะมาทำงานสายจะตาย  ไม่มีใครมาเห็นหรอก”  เคโตะพูดอย่างไม่ได้จะสนใจนัก

    เรียวสุเกะขมวดคิ้ว  “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ  คุณรีบไปพักผ่อนในห้องดีกว่าไม่งั้นเย็นนี้เดี๋ยวก็ขับรถกลับบ้านไม่ได้อีก”

    “กลับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับ”

    “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับผู้จัดการ”

    “เลิกพูดเถอะฉันอยากพักผ่อนแล้ว”  เคโตะลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในร้านทันที  เรียวสุเกะได้แต่ถอนหายใจ  เขาหยิบกระเป๋าของเคโตะแล้วเดินตามเข้าไป

     

     “เจ้าเคโตะไม่มาทำงานอีกแล้ว  จะอู้งานไปถึงเมื่อไรกันเนี่ยไม่มาช่วยกันเลย”  เคบ่นพลางถูพื้นไปด้วย  ไดกิส่ายหน้าอย่างเอือมๆ โดยไม่พูดอะไรเพราะเบื่อจะพูดแล้ว  “เคโตะไปไหนครับคุณยามาดะ”  เคเสนอหน้าเข้าไปถามเรียวสุเกะถึงโต๊ะรองผู้จัดการ

    “วันนี้ไม่สบายก็เลยมาทำงานไม่ได้”  เรียวสุเกะตอบ

    “งั้นเหรอครับ”  เคตอบอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะกลับไปทำงานต่อ  เรียวสุเกะลุกขึ้นแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องผู้จัดการ  เคหันไปพูดกับไดกิ  “ถ้าไม่ติดที่สั่งห้ามไว้ล่ะก็  ฉันจะเข้าไปดูให้ได้เลยว่าใครเป็นผู้จัดการสาขานี้  อยากเห็นหน้าจริงๆ เลย”

    ไดกิถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย  “ฉันเห็นอิโน่จังพูดกี่ครั้งแล้วว่าอยากเห็นน่ะ  แน่จริงอิโน่จังก็เข้าไปดูสิ”

    เคทำท่าสยอง  “ครั้งก่อนก็เคยมีคนเข้าไปแต่ไม่เห็นใครที่นั่นวันต่อมาก็โดนไล่ออกเลย  แบบนี้ใครจะกล้า”

    “รู้อย่างนี้แล้วยังจะบ่นทำไมอีก  ทำงานไปเหอะน่า”

    เคเบ้ปากอย่างเอาแต่ใจ  “ฉันอยากรู้จริงๆ นี่นา”

    ไดกิหันมาอย่างรำคาญ  “ถ้างั้นจะบอกให้ว่าทำยังไงถ้าอิโน่จังอยากรู้  ข้อหนึ่ง  ต้องมาทำงานก่อนแปดโมงเช้าเพราะนั่นคือเวลาที่ผู้จัดการมาทำงาน  ข้อสอง  กลับบ้านหลังเที่ยงคืนเพราะนั่นเป็นเวลาที่ผู้จัดการกลับบ้าน  จะได้รู้ว่าใครเป็นคนขับรถที่จอดข้างนอกนั่น  อิโน่จังทำได้มั้ยล่ะ  เลือกเอาระหว่างตื่นเช้ากับกลับดึก”  เขาอมยิ้มกับสีหน้าของแฟนหนุ่ม  เขารู้ว่าเคทำไม่ได้หรอกไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้าหรือแม้แต่กลับดึกก็ตาม

    เคถอนหายใจ  “เฮ้อ~  ถ้างั้นไม่อยากรู้แล้วก็ได้  ทำงานต่อเถอะถ้าคุณยามาดะมาเห็นเข้าเดี๋ยวก็โดนด่าทั้งสองคนหรอก”

    “อ้อ  อิโน่จังรู้แล้วเหรอว่าถ้าอู้งานจะโดนคุณยามาดะดุเอาน่ะ”  ไดกิล้อ

    เคทำท่างอนแบบเด็กๆ  “ไดจังอ่ะ”  ไดกิหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก

     

    ----------------------------------------------------------

    ยิ่งเดินเข้าใกล้บ้านหลังนั้นเท่าไรเสียงร้องเพลงก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้น  เสียงคนในบ้านร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ด้วยน้ำเสียงมีความสุข  เคโตะเดินเข้าไปในบ้านนั้นเงียบๆ โดยที่คนในบ้านนั้นไม่รู้เลยว่าเขาเข้ามา

    “ขอบคุณมากครับคุณพ่อสำหรับของขวัญ”  เสียงของยูโตะพูดขึ้น  เขาจำเสียงของเพื่อนสนิทได้ดีอยู่แล้ว

    เคโตะเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วแอบมองเข้าไปในห้อง  บุคคลทั้งสามในห้องนั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ทันทีที่ได้เห็นทุกคนในนั้นเคโตะก็ได้แต่ยืนมองอย่างตกตะลึง  เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วมองคนทั้งสามด้วยสายตาแดงก่ำ

    แววตาของยูโตะตื่นตระหนก  “พี่เคโตะครับ  คือว่า...”

    เคโตะมองสามคนตรงหน้าอย่างเจ็บปวด  เขากำมือแน่นโดยไม่พูดอะไรในเมื่อความจริงทุกอย่างมันชัดเจนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว  “นี่มันเรื่องอะไรกัน!!

    --------------------------------------------------------

     

    “ผู้จัดการครับ  ผู้จัดการ!”  เคโตะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียวสุเกะที่เรียกเขา  ฝันร้ายนี้เข้ามาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว  เรียวสุเกะเอาผ้าเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้เคโตะ  “ผู้จัดการเป็นอะไรครับ  มือคุณกำแน่นเชียว”

    เคโตะยันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาที่นอนอยู่  แล้วปล่อยมือของเรียวสุเกะที่เขากำอยู่ออก

    “ฝันร้ายเหรอครับผู้จัดการเหงื่อคุณออกเต็มเลย”  เรียวสุเกะพูดพลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้เคโตะไปด้วย

    เคโตะปัดมือเขาออกเบาๆ  “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

    “เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนเถอะครับผมจะหาอะไรให้คุณกิน”  เรียวสุเกะวางผ้าเช็ดหน้าลงแล้วเดินออกไป 

    เคโตะพยายามหายใจให้เป็นปกติ  เขายังรู้สึกตกใจกับฝันเมื่อสักครู่  เหตุการณ์วันนั้นเขายังจำมันได้ดี  “ฝันแบบนี้อีกแล้ว”

     

    “ริวทาโร่เป็นอะไร  วันนี้ไม่ยิ้มเลยนะ”  ยูโตะถามเมื่อเห็นเพื่อนทำสีหน้าอมทุกข์ทั้งวันตั้งแต่เช้า

    ริวทาโร่ถอนหายใจใหญ่  “ผมอกหัก”

    ยูโตะตกใจ  “เฮ้ย!  เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยวันนี้อกหักซะแล้ว  พี่ชายกล้ามใหญ่ของนายมีแฟนแล้วเหรอ?”

    ริวทาโร่ส่ายหน้า  “เปล่าครับ  แต่เขาบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

    ยูโตะทำสีหน้าเสียดายแทนเพื่อน  “ว้า~  แย่จังนะ  แต่ถ้าแค่แอบชอบก็แสดงว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกันนายก็มีสิทธิ์นี่นา  แล้วทำไมมานั่งถอนใจแบบนี้  แล้วคนนั้นเขาเป็นใครล่ะ”

    ริวทาโร่สายตาเหม่อลอย  “คุณไม่ต้องรู้หรอกครับว่าเขาเป็นใคร  ตั้งใจจีบยามะจังของคุณให้ติดก็พอแล้ว  ส่วนเรื่องพี่เคโตะก็ช่างเขาเถอะครับ  อยากทรมานตัวเองก็ตามใจ”

    “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ  นายรักพี่เคโตะของนายจริงหรือเปล่าเนี่ย”

    “ก็รักสิครับ  แต่เขาไม่เปิดใจให้ผมเลยจะให้ผมทำยังไงล่ะ  หน้าด้านนี้ไปตามตื้อเขาเหรอ  ผมทำไม่ได้หรอก”  ริวทาโร่ก้มหน้างุด  “เขาบอกว่าให้ผมทำใจซะเพราะเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว  เล่นพูดขนาดผมจะไปกล้าได้ยังไง”

    “งั้นแสดงว่านายไปบอกรักเจ้าเคโตะอะไรนั่นแล้วงั้นเหรอ”  ยูโตะถาม  ริวทาโร่พยักหน้าแทนคำตอบ  “โธ่เอ๊ยริว  เจอกันไม่กี่ครั้งก็ไปบอกรักแบบนั้นใครจะไปรับได้  เป็นฉันฉันก็ไม่รับเหมือนกันแหละ  การบอกรักมันต้องมีชั้นเชิงสิ”  ยูโตะตบบ่าเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ  “ทำใจเถอะว่ะ  นายมันผิดเองตั้งแต่ต้น

    ริวทาโร่หันมามองยูโตะตาเขียวปัด  “ไม่ให้กำลังใจแล้วยังจะตอกย้ำอีกนะ  ขอให้คุณจีบยามะจังไม่ติด”

    “เล่นแรงไปว่ะริว”  เขาแสร้งหัวเราะเผื่อเพื่อนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง  “ถ้างั้นก็ได้  แต่นายไม่ควรมานั่งเสียใจแบบนี้นะเว้ย  ไปทำงานได้แล้ว”  ยูโตะตบบ่าเพื่อนรักแล้วเดินไป

    ริวทาโร่ได้แต่นั่งถอนหายใจ  “ขอให้คุณชนะพี่เคโตะให้ได้ก็แล้วกัน”

     

    ช่วงพัก  เรียวสุเกะนั่งอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลา  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน  เขากดรับ  “สวัสดีครับ  ยามาดะพูด”

    [ยามะจังเหรอ  ฉันยูโตะเองนะเรียวสุเกะได้แต่นิ่งเงียบเมื่อรู้ว่าใครโทรมา  ทั้งตื่นเต้นและดีใจ  [ยามะจังเป็นอะไรหรือเปล่า]

    เรียวสุเกะได้สติ  “เอ่อ  มีอะไรเหรอยูโตะ”

    [เลิกงานแล้วยามะจังว่างมั้ย  ฉันอยากจะชวนยามะจังไปหาอะไรกินสักหน่อย]

    “เอ่อ...  ว่างสิ”

    [งั้นดีเลย  หลังเลิกงานฉันจะไปรับยามะจังที่เดิมที่เจอกันนะ  แค่นี้แหละแล้วเจอกัน]

    ปลายสายวางไปแล้ว  เรียวสุเกะกำโทรศัพท์ไว้ในมืออย่างตื่นเต้น  เขาอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ แต่ก็กลัวว่าพวกอิโนะโอะจะเห็นเข้าจึงได้แต่เก็บอาการไว้

    “คุณยามาดะเป็นอะไรครับ  นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้”  เรียวสุเกะผงะเมื่อเห็นเคยื่นหน้าเข้ามาถาม  เคทำหน้าสงสัยใคร่รู้  “แบบนี้มันน่าสงสัยนะ  แอบนัดแฟนไว้ใช่มั้ยครับ”

    เรียวสุเกะตกใจ  “จะบ้าเหรอนัดฟงนัดแฟนอะไร  ไม่มี๊!

    เคยิ้มเจ้าเล่ห์  “ทำเสียงสูงแบบนี้แสดงว่าโกหก”

    เรียวสุเกะทำสีหน้าไม่พอใจ  “นี่!  ไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง  เดี๋ยวฉันจะฟ้องผู้จัดการให้ไล่ออกซะเลย”

    เคเบ้ปาก  “รองผู้จัดการใจร้าย”

    “อิโน่จัง!”  เสียงไดกิแว้ดขึ้น  เขายืนเท้าสะเอวมองเคด้วยสายตาน่ากลัว  “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านาย  อยากโดนไล่ออกหรือไง!”  เขาเดินเข้ามาบิดหูเคแล้วลากไป

    เคก็ได้แต่ร้องด้วยความเจ็บปวดโดยไม่กล้าทำอะไร  “โอ๊ย!  ไดจังจ๋า  เคยอมแล้วจ้า  ปล่อยเคไปเถอะนะขอร้อง”

    ไดกิไม่ฟังเสียง  เขาลากหูเคออกห่างจากเรียงสุเกะ  “บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน  อยู่สงบๆ ไม่เป็นหรือไง  มีงานมีการอะไรก็ไปทำสิมัวอู้อยู่ได้  แล้วนี้ถ้า....”  เสียงไดกิเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ  เรียวสุเกะได้แต่มองคนทั้งคู่ด้วยความอึ้งปนสยอง

    “น่ารักนะคู่นี้”

    เรียวสุเกะตกใจหันไปมองคนพูด  เห็นเคโตะยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  “ผู้จัดการสบายดีแล้วเหรอครับ  แล้วนี่คุณออกจากห้องมาตั้งแต่เมื่อไร”

    “ออกมาตั้งนานแล้ว  ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ  ว่าจะมาทำงานต่อ”

    “แต่ว่าเมื่อเช้าคุณดูแย่มากเลยนะครับ”

    “ถ้าฉันนอนอีกชั่วโมงหนึ่งฉันต้องบ้าตายแน่ๆ”  เคโตะยิ้มอย่างอารมณ์ดีแต่ถึงอย่างนั้นเรียวสุเกะก็ยังไม่ไว้ใจ  เคโตะรู้ว่าผู้ช่วยของเขาคิดอะไร  “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”

    “แต่ว่า...”

    “ยามาดะ”  น้ำเสียงของเคโตะจริงจังจนเรียวสุเกะสัมผัสได้  “ฉันไม่เป็นไร”

    ในเมื่อขัดไม่ได้จึงจำต้องปล่อยไป  เรียวสุเกะได้แต่ถอนหายใจ  วันนี้ผู้จัดการเป็นอะไรนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×