ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaYama] คุณหนูสตรอว์เบอร์รี่ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 23

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 55


     ตอนที่ 23

    ไทสุเกะวางร่างของเรียวสุเกะไว้บนเตียง  ใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหลช่างยั่วเขาได้ดีนัก  เรียวสุเกะขยับตัวเพื่อให้นอนสบายขึ้นทำให้ไทสุเกะสามารถเห็นรอยบริเวณต้นคอของร่างเล็กได้อย่างชัดเจน

    ไทสุเกะหัวเราะ  “ว้า~ ไม่บริสุทธิ์ซะแล้ว  แต่สวยขนาดนี้ฉันให้อภัยได้”  เขาก้มหน้าเข้าไปหวังจะครอบครองร่องรอยเดิมที่เคโตะทำไว้  แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดผางออกอย่างแรง  ไทสุเกะมองไปที่ประตูเขาเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนทำ  “ฮิคารุจัง”

    ฮิคารุมองร่างของเรียวสุเกะที่หลับอยู่  “ฟุจิงายะ  ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้”

    ไทสุเกะรีบผละออกมา  “ฮิคารุจัง  อย่าเข้าใจผิดนะ  ผมไม่ได้คิดที่จะ...”

    “ไม่ต้องพูดแล้ว”  ฮิคารุพูดเสียงเหี้ยมเขาเข้าไปปลุกเรียวสุเกะแต่ร่างเล็กกลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  เขาหันไปมองไทสุเกะด้วยสายตาเย็นชา  “ทุกอย่างมันจบลงแล้วฟุจิงายะ  จบลงตั้งแต่คุณตัดสินใจจะฆ่าอิโนะโอะแล้ว”

    “ไม่นะฮิคารุจัง”  ไทสุเกะพูดอย่างร้อนรน  “ไม่นะคุณอย่าทำแบบนี้  ผมรักคุณคนเดียว  ผมขอโทษ”

    “คุณไม่เคยรักษาสัญญา  ฉันให้อภัยคุณไม่ได้  จบกันซักที”

    เสียงฝีเท้าของใครหลายคนวิ่งเข้ามาในห้อง  ไทสุเกะลุกขึ้นยืนแล้วมองคนในเครื่องแบบนับสิบที่ถือปืนจ่อเขาอยู่  เขามองไปทางฮิคารุด้วยแววตาเคียดแค้นปนตื่นตระหนก  “คุณเป็นคนทำเหรอ”

    ฮิคารุหน้าเศร้าลง  “ขอโทษนะฟุจิงายะ  คุณเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน  เรื่องนี้ฉันจะไม่มีวันลืม”

    “คุณฟุจิงายะครับ”  ยูยะปรากฏตัวขึ้น  “ยอมเถอะครับ  คุณไปไหนไม่รอดแล้ว  ผมมีหลักฐานที่จะเอาผิดคุณทุกอย่าง  อย่าพยายามหนีอีกเลยนะครับ”

    ไทสุเกะจ้องยูยะด้วยความแค้น  “แกหักหลังฉัน”  เขาชักปืนออกมาจากใต้เข็มขัด  “ฉันจะไม่ยอมถูกจับง่ายๆ หรอก”

    ฮิคารุใช้ช่วงเวลาที่ไทสุเกะยังคงตกตะลึงอยู่เข้าจับตัวไว้ทันที  “จับเขาไว้  เขากำลังจะฆ่าตัวตาย”  ฮิคารุตะโกนบอกตำรวจ  นายตำรวจหลายนายวิ่งเข้ามาจับไทสุเกะกดลงไปบนพื้น

    ไทสุเกะคำราม  “ฆ่าฉันให้ตายดีกว่าให้ฉันต้องติดแหง็กอยู่ในคุกตำรวจสกปรก”  ตำรวจใส่กุญแจมือให้เขา  ไทสุเกะพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น  เขาร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ตำรวจจะพาตัวออกไป

    ฮิคารุได้แต่มองตามเพื่อนไปอย่างใจหาย  “ทาคาคิ  ช่วยอุ้มเด็กคนนี้ลงไปข้างล่างที  ฉันพาเขาไปไม่ไหว”

    ยูยะเดินเข้ามาใกล้  “คุณยาโอโตเมะไหวหรือเปล่าครับ”

    ฮิคารุส่ายหน้า  “ไม่ไหวเท่าไร  ขอฉันอยู่คนเดียวซักพักนะ”  ยูยะพยักหน้ารับแล้วอุ้มเรียวสุเกะลงไปข้างล่าง  ฮิคารุปล่อยโฮทันทีที่อยู่ตามลำพัง  โคตะเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างๆ

    “คุณเป็นอะไรมั้ย”  เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    ฮิคารุพยักหน้า  “เป็น  ฉันเป็นมากๆ ด้วย  ไทสุเกะคุงกับฉันเราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเขาไม่หลงรักฉันเขาก็คงไม่ต้องกลายเป็นแบบนี้  ฉันผิดเอง  ฉันทำลายความอ่อนโยนของเขา”  ฮิคารุร้องไห้แล้วซบลงบนอกของทนายหนุ่ม

    โคตะกอดฮิคารุ  “ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกครับ  คุณไม่ได้ทำอะไรผิดฟุจิงายะต่างหากที่ทำลายตัวเอง  คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอก  ที่สำคัญคือต่อจากนี้คุณจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงต่างหาก”

    “แต่เขาเป็นเพื่อนฉัน”  ฮิคารุพูดเสียงอู้อี้

    “ผมก็เป็นเพื่อนคุณนะ”  โคตะลูบหลังฮิคารุอย่างอ่อนโยน  “เพื่อนคนนี้จะอยู่ข้างๆ คุณเอง”

    ฮิคารุผละจากอ้อมกอดของโคตะ  เขามองหน้าร่างสูงแล้วหัวเราะทั้งน้ำตา  “คุณทนายซื่อบื้อ”  เขาเช็ดน้ำตาออก  “ขอบใจนะ”  โคตะยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร  ฮิคารุเช็ดน้ำตาจนมันหายออกไปจากใบหน้าหลงเหลือไว้เพียงตาที่ยังบวมอยู่  “โอคาโมโตะเป็นไงบ้าง”

    โคตะส่ายหน้า  “ผมก็ไม่รู้ครับ  คุณอาริโอกะอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วตอนนี้  ถ้าคุณอยากจะไปเยี่ยมเขา”

    “ฉันจะไป  ฉันอยากรู้ด้วยตัวเองว่าเขาปลอดภัยดี”

    “ถ้างั้นก็ลุกขึ้นเถอะครับ”  โคตะจับมือฮิคารุไว้  ฮิคารุได้แต่จ้องหน้าร่างสูงไม่ขยับเขยื้อนบนแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อ  โคตะมองหน้าฮิคารุด้วยความแปลกใจ  “ทำไมไม่ลุกล่ะครับ  หรือจะให้ผมอุ้มไป”  เขาแซว

    ฮิคารุเด้งตัวขึ้นทันที  เขากำมือโคตะแน่นรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างประหลาด  “ฉันเดินลงไปได้หรอกน่า  ไปกันเถอะ”  โคตะยิ้ม  เขากำมือฮิคารุไว้แล้วเดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน

     

    ที่โรงพยาบาล

    ไดกินั่งนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน  เคจับมือภรรยาไว้เพื่อให้กำลังใจ  ไดกิรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองแทบจะแตกสลายทันทีที่รู้ข่าวเคโตะ  เขากอดสามีแน่นแล้วร้องไห้ออกมา  ความรู้สึกหนักอึ้งที่แบกอยู่จนแทบหมดแรงนี้ทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น  เขากังวลเหลือเกินว่าเคโตะจะเป็นอะไรไป  “ไดจังครับ  เคโตะต้องปลอดภัยแน่นอน  เชื่อผมนะ”  เคพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด  ความจริงแล้วเขาก็กังวลไม่แพ้ไดกิเหมือนกันแต่ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่เป็นที่พึ่งให้ภรรยาได้  เขาต้องเข้มแข็งเข้าไว้

    ยูริมองไดกิด้วยแววตาเศร้าสร้อย  หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่เคโตะเข้าห้องฉุกเฉินไป  ยูริถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงราวกับว่ามันจะช่วยพาความกังวลทั้งหลายให้หายไปได้  ยูโตะเข้าไปกอดยูริไว้โดยไม่พูดอะไร  ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนรักทำให้ยูริลดความกังวลไปได้บ้าง  เขาสะอื้นไห้เบาๆ ในอ้อมอกของยูโตะ  สัมผัสอ่อนโยนลูบผมเขาเบาๆ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จากร่างสูงแต่ยูริก็รู้ว่ายูโตะเป็นห่วงเขาแค่ไหน  แค่นี้ก็ทำให้หัวใจเขาอบอุ่นขึ้นมากแล้ว

     

    เรียวสุเกะลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องบนคฤหาสน์ยามาดะ  เขาบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน

    “ตื่นแล้วหรือครับพี่เรียว”  เสียงริวทาโร่ดังขึ้นข้างๆ  ริวทาโร่ยิ้มให้พี่ชาย  “พี่เมาจนหลับไปทั้งคืนเลยนะ  อาบน้ำแล้วกินข้าวเถอะครับจะได้สบายตัวขึ้น  ผมจะรอพี่ข้างล่างรีบๆ ลงมานะครับ”  ริวทาโร่ลุกขึ้น

    “เดี๋ยวสิ”  เรียวสุเกะมองหน้าน้องชายตรงๆ  “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

    ริวทาโร่ฝืนยิ้ม  “เปล่าครับ  ผมแค่เพลียนิดหน่อยพักแป๊ปเดียวก็หายแล้ว  อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับอาบน้ำก่อนเถอะ”

    เรียวสุเกะแปลกใจ  ริวทาโร่ไม่ค่อยทำหน้ากังวลขนาดนี้ให้เห็นบ่อยนัก  “ช่างเถอะ”  เขาพูดกับตัวเองแล้วเข้าไปอาบน้ำ

     

    เรียวสุเกะเดินออกมาจากห้องน้ำรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ  เขาเปิดหน้าต่างออกแล้วสูดอากาศเข้าไป  “วันนี้ท้องฟ้าสดใสดีจัง”  เขานั่งลงบนเตียงพลางเช็ดหัวที่เปียกไปด้วย  พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน  เขาไม่รู้ว่าเมื่อวานไปทำอะไรมาทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ขนาดที่ว่าคิดถึงเคโตะแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอย่างกับว่าเคโตะกำลังอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้เลย  เรียวสุเกะยิ้มให้กับรูปของเคโตะในกระเป๋า  “ฉันรู้สึกเหมือนนายกลับมาเลยเคโตะ”

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เรียวสุเกะเหลียวมองรอบตัวนี่มันไม่ใช่เสียงโทรศัพท์เขานี่  เขามองเห็นโทรศัพท์ของริวทาโร่ที่วางอยู่บนโซฟา  เรียวสุเกะหยิบมันขึ้นมา  เขากดรับ  เสียงของยูโตะดังขึ้น

    [คุณโมริโมโตะครับผมยูโตะนะครับ  มีการบาดเจ็บของอวัยวะภายในหลายแห่งจากการโดนทำร้าย  ตอนนี้คุณโอคาโมโตะเข้าผ่าตัดรอบที่สองแล้วหมอบอกว่ามีเลือดคั่งบริเวณปอดต้องรีบผ่าออกให้เร็วที่สุดเสียงยูโตะหายไปสักพักแต่เรียวสุเกะรู้สึกราวกับว่าโลกนี้มันหยุดลงอยู่นานแสนนาน  น้ำเสียงยูโตะดูเป็นกังวล  [หมอบอกว่าให้เตรียมใจไว้ด้วย  ผมว่าคุณโมริโมโตะบอกคุณหนูเถอะครับก่อนที่มันจะสายเกินไป]

    “ยูโตะ”  เรียวสุเกะเอ่ยเสียงแผ่วเบา

    เสียงยูโตะเงียบไปนาน  [คุณหนูเหรอครับ]

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

    ริวทาโร่เปิดประตูเข้ามา  “พี่เรียว”  เขาไปแย่งโทรศัพท์ออกจากมือของพี่ชาย

    เรียวสุเกะลุกขึ้นยืนแล้วมองน้องชายด้วยสายตาแน่วนิ่ง  “บอกพี่มานะริวจัง  เกิดอะไรขึ้นกับเคโตะ”  แต่ริวทาโร่ไม่พูด  น้ำตาแห่งความกังวลใจไหลออกมาอาบแก้มของเรียวสุเกะ  “บอกพี่เถอะริวจังได้โปรด  เกิดอะไรขึ้นกับเขา”

     

    บริเวณหน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล  เรียวสุเกะจ้องมองบอดิการ์ดหนุ่มของตัวเองด้วยแววตาตกตะลึงหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด  “ที่ผมไม่บอกพี่เรียวเพราะกลัวว่าพี่จะรับไม่ได้”  เสียงริวทาโร่ดังขึ้นข้างหูของเขา  “พี่เป็นคนเรียกพี่เคโตะไปที่นั่นเองแต่พี่กลับจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง  พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไรกับพี่เคโตะบ้าง”

    ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก  บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่มีร่างของเคโตะนอนอยู่โดยมีเครื่องช่วยหายใจครอบไว้  ทั้งสายให้เลือดและสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่  ทุกคนเดินตามเตียงที่ถูกเข็นไปโดยมีเรียวสุเกะเดินรั้งท้าย  เขาไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเดินด้วยซ้ำ  ริวทาโร่เดินมาจับมือเรียวสุเกะไว้แล้วเดินไปพร้อมกับพี่ชาย

     

    ------------------------------------------------------------------------------------

    คุณหมอใช้หูฟังตรวจชีพจรของเคโตะที่ใบหน้าซีดเผือดและตัวเย็นชืด  คุณหมอส่ายหน้าหลังตรวจเสร็จ  “เสียใจด้วยนะครับ”

    ไดกิทรุดตัวลงร้องไห้ทันที  เคได้แต่กอดภรรยาไว้โดยไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมาได้

    เรียวสุเกะได้แต่ยืนอยู่กับที่  เขารู้สึกเหมือนร่างกายชาด้านไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย  เขาจับมือเย็นชืดของเคโตะขึ้นมา  ไออุ่นแห่งชีวิตของเขาได้หายไปแล้ว  เรียวสุเกะร้องไห้เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในขณะนิ้  ทำไมความสุขของเขามันถึงได้สั้นนัก  ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้ตัวว่าอยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน  แต่คนๆ นั้นกลับทิ้งเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

    ริวทาโร่ดึงตัวเรียวสุเกะออกมา  พยาบาลใช้ผ้าขาวปิดคลุมร่างไร้วิญญาณของเคโตะขณะที่เข็นรถของเขาออกไปจากห้อง  เรียวสุเกะไม่อาจทนรับความจริงได้  เขาทรุดตัวลงนั่งรู้สึกถึงเรียวแรงที่เคยมีเหือดหายไปจากร่างของเขา  “เคโตะ”  เขาพูดออกมาอย่างแผ่วเบา  หัวใจของเขาเจ็บปวดจนแทบจะแตกสลาย  “เคโตะ!!

     

    “เคโตะ!!”  เรียวสุเกะสะดุ้งลุกขึ้นจากโซฟาของโรงพยาบาลที่เขานอนอยู่  เขาหอบหายใจแรงจากฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป  เหงื่อเย็นชืดผุดขึ้นเต็มใบหน้า

    ริวทาโร่วางหนังสือที่อ่านลงแล้วเข้ามานั่งข้างๆ เรียวสุเกะ  “พี่เรียวครับ  แค่ฝันร้ายน่ะครับ  พี่คงเหนื่อยมากพักผ่อนเถอะ”

    เรียวสุเกะมองไปยังเตียงคนไข้ของเคโตะ  คลื่นสมองยังคงเต้นเป็นปกติ  “เขายังอยู่ใช่มั้ยริวจัง”

    “พี่เคโตะปลอดภัยแล้วไม่ต้องกังวลนะครับ  เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้พี่กินดีกว่าจะได้พักผ่อน”  ริวทาโร่ลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป

    เรียวสุเกะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปที่เตียงคนไข้  เคโตะยังหลับอยู่  เครื่องช่วยหายใจที่ครอบอยู่คงทำให้เขาหายใจสะดวกขึ้น  เรียวสุเกะจ้องมองใบหน้านั้นด้วยความโหยหาราวกับไม่ได้เจอกันมานานแสนนานแล้ว

    “ฝันร้ายเหรอเรียวจัง”  ไดกิเดินมายืนข้างๆ เขา

    เรียวสุเกะพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า  “ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดเลย”  เขาพูดราวกับว่าเสียงนั้นล่องลอยอยู่โดยไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นคนฟัง  “ผมบอกไดจังว่าผมรักเคโตะ  ผมบอกคุณอิโนะโอะว่าผมรักเคโตะ  ผมบอกริวจัง  บอกจิเน็น  บอกยูโตะ  ผมบอกทุกคนว่าผมรักเขา  แต่ผมยังไม่เคยบอกเคโตะด้วยตัวผมเองเลยสักครั้ง”  เขาพยายามหยุดเสียงสะอื้นของตัวเองแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก

    เรียวสุเกะพูดต่อ  “วันที่เคโตะบอกว่ารักผม  ผมดีใจมากถึงแม้ว่ามันจะเป็นวันเดียวกันกับที่เขาบอกเลิกผมก็ตาม  ผมเสียใจจริงๆ  เสียใจกับทุกสิ่งที่ผ่านมา”  เขาเช็ดน้ำตารู้สึกแน่นหน้าอกไปหมด  “ผมอยากให้เขาตื่นขึ้นมาฟังผม  ผมจะบอกเขาทุกอย่าง  จะบอกว่าผมเสียใจ  บอกว่าผมขอโทษ  ....ผมจะบอกเขาว่าผมรักเขามากแค่ไหน”

    ไดกิโอบไหล่เรียวสุเกะไว้  “ฉันเข้าใจเรียวจัง  ฉันเองก็เสียใจที่เคโตะเป็นแบบนี้  แต่น้องชายฉันคงไม่อยากจะตื่นมาเห็นเราสองคนร้องไห้หรอกนะ”  ไดกิฝืนยิ้ม  “ฉันว่าเขาคงอยากตื่นขึ้นมาเห็นรอยยิ้มของพวกเรามากกว่า”

    เรียวสุเกะส่ายหน้าน้อยๆ  “แต่ผมยิ้มไม่ออกหรอกครับไดจัง  จะให้ผมยิ้มออกมาได้ยังไงในเมื่อเคโตะยังเป็นแบบนี้อยู่”  ไดกิจับมือเรียวสุเกะขึ้นมาแล้ววางมันลงบนมือของเคโตะ  เรียวสุเกะจับมือนั้นไว้  ความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านขึ้นมา

    “รู้สึกมั้ย”  ไดกิถาม  เรียวสุเกะพยักหน้า  “ถึงแม้เคโตะจะไม่ได้ยินสิ่งที่เรียวจังพูดแต่เขาก็ยังรับรู้ได้”  ไดกิปล่อยมืออก  เรียวสุเกะจับมือเคโตะให้แน่นขึ้น  “ฉันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้อาการของเคโตะจะเป็นยังไง  แต่ชั่วขณะนี้ที่ยังรู้ว่าเคโตะยังมีชีวิตอยู่มันก็มีค่ามหาศาลแล้ว”  ไดกิยิ้ม  เรียวสุเกะรับรู้ว่านั่นเป็นการฝืนแต่ความเข้มแข็งของไดกิก็ทำให้เขารู้สึกมั่นคงขึ้น  “ถนอมช่วงเวลานี้ไว้ให้ดีนะเรียวจัง  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันรู้ว่าเคโตะต้องรับรู้ความรู้สึกของเรียวจังแน่นอน”

     

    ไดกิออกมาจากห้องผู้ป่วยเพื่อให้เรียวสุเกะกับเคโตะได้มีเวลาอยู่กันตามลำพัง  ท่าทีเข้มแข็งที่ฝืนแสดงไปทำให้เรี่ยวแรงของเขาแทบหมดไปจากตัว  ความเจ็บปวดมากมายในหัวใจทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่การร้องไห้ก็ตาม  เขาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง  สายตาเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย  กลับมาเร็วๆ นะเคโตะ

     

    -------------------------------------------------------------------------

    ตอนหน้าก็จบแล้วนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×