Shortfic [HSJ-OkaJima] Stand by me (Yaoi)
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอจนกว่าความตายจะมาพรากจาก
ผู้เข้าชมรวม
554
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Stand by me
ประตูห้องเปิดออกก่อนที่ผมจะม่อยหลับไปอีกรอบ เคโตะเดินเข้ามาพร้อมสะพายกีต้าร์ตัวโปรดของเขามาด้วยซึ่งเป็นภาพที่ผมชินตาไปเสียแล้ว ผมมองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง มันบอกเวลา 5 ทุ่ม เคโตะวางกีต้าร์ลงแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผม “ยังไม่นอนอีกเหรอครับยูโตะ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรออีกแล้ว” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา
ผมยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้ง ๆ ที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากแต่ผมกลับเหนื่อยมากกว่าปกติ ผมมองหน้าเคโตะแบบเต็มๆตา 2 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเราย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเม้นต์แห่งนี้ ผมรู้สึกว่าเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน 3 ปีก่อนในวันที่เราเจอกันครั้งแรกเป็นเหมือนความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันวาน ในวันที่ผมเจอเขานั่งเล่นในสวนสาธารณะพร้อมลูกแมวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง รอยยิ้มคือสิ่งที่ผมประทับใจในวันแรกที่เราเจอกัน ผมไม่คิดเลยว่าจุดเริ่มต้นที่ดีในวันนั้นจะต้องมาลงเอยแบบนี้
“ยูโตะ เป็นอะไรหรือเปล่า ยิ้มอะไรงั้นเหรอ” คำถามของเคโตะทำให้ผมหลุดจากภวังค์
“เปล่าหรอก ฉันก็แค่ดีใจที่เจอนายน่ะ”
เคโตะขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูดอะไรแปลก ๆ เราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ผมยิ้มแล้วพึมพำเบาๆ “ก็วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้วนี่นา”
“อะไรนะ?” เคโตะถาม “วันสุดท้ายอะไร?”
“อ๋อ! เปล่าหรอก ฉันแค่จะบอกว่าวันนี้เขาลดราคาของเป็นวันสุดท้ายน่ะ” ผมเฉไฉตอบไป “เคโตะกินอะไรมาหรือยังให้ฉันหาอะไรให้กินเอามั้ย? หนาวหรือเปล่า? วันนี้ทำงานเป็นไงบ้าง? เหนื่อยมั้ย?” ผมถามออกไปชุดใหญ่
เคโตะยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ทำงานวันนี้ก็สนุกดี” เขาตอบ เขาเป็นนักดนตรีให้กับค่ายเพลงแห่งหนึ่งแน่นอนล่ะว่าเงินดีพอสมควรเลย เคโตะจับมือผมไว้ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบผมเบา ๆ “ผมอาบน้ำก่อนนะ นอนเถอะนะครับคนดี คุณดูเหนื่อยกว่าผมอีก” เขาพูดจบแล้วผละจากไป ตอนนี้บนโซฟาจึงมีเพียงแค่ผมที่นั่งอยู่คนเดียว
ผมยืนมองเคโตะอยู่ที่ปลายเตียง ลมหายใจของเขาส่งเสียงเพียงแผ่วเบาอย่างสม่ำเสมอ เขากำลังหลับสนิท ผมชอบมองใบหน้ายามหลับใหลของเขาเพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมมองเขาได้โดยที่หน้าผมไม่แดง ผมค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะตามด้วยเสื้อ กางเกง ชั้นใน จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ร่างที่เปลือยเปล่า อากาศภายในห้องอบอุ่นแม้ข้างนอกจะหนาวเหน็บแค่ไหนก็ตาม ผมค่อย ๆ คลานขึ้นไปบนตัวเขาแล้วกอดเขาไว้ ผมหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นจากตัวเขา อยากกอดเขาไว้แบบนี้ตลอดไปจัง
เพียงไม่นานเคโตะก็ตื่น เขาไม่ได้ตกใจอะไรเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของผมที่กำลังนอนทับเขาอยู่ เขายิ้มบางๆ ผมไม่เห็นหรอกแต่ความรู้สึกของผมบอกว่าเคโตะกำลังยิ้ม เขากอดผม ไออุ่นจากตัวเขาทำให้ผมรู้สึกว่าอากาศภายในห้องมันหนาวขึ้นมาทันที
“มีอะไรหรือเปล่ายูโตะ” เขาถาม
“เปล่า ฉันแค่อยากกอดนายเท่านั้นเอง” ผมตอบไป เคโตะไม่ถามอะไรต่อ เขาเป็นคนใจดีและตามใจผมแทบจะทุกอย่าง ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผมเคยเห็นเคโตะโกรธแค่ไม่กี่ครั้งซึ่งต่างจากผมที่มักจะโวยวายใส่เขาอยู่บ่อย ๆ คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกันเพราะแต่ละเรื่องที่ผมโมโหใส่เขามันช่างเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี อ้อมกอดของผมยังคงอยู่สักพักก่อนที่ผมจะผละออกมา
ผมลุกขึ้นอยู่ในท่านั่ง มองหน้าเขาอีกสักพักก่อนจะวางมือทั้งสองข้างทาบลงไปบนอกของเขา ผมลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา พอได้ทำแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกดีเหลือเกิน กล้ามเนื้อที่สัมผัสได้ผ่านชุดนอนตัวบางนั้นยิ่งทำให้ความทุรนทุรายภายในเหมือนจะปะทุออกมาตลอดเวลา ความโหยหาของผมมันเพิ่มขึ้นทีละนิดดั่งสายลมที่พัดมาเยือนอย่างเชื่องช้าก่อนจะโหมแรงขึ้นตามความแรงของพายุ
ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงของเคโตะ เขาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ผมปรนเปรอให้นั่นยิ่งทำให้ผมลูบไล้รุกล้ำเขามากขึ้นไปอีก ผมรู้ว่าเคโตะชอบสัมผัสแบบไหน ทั้งจังหวะที่มือของผมพาดผ่านไปและแรงที่กดทับแต่ละจุดบนร่างกายของเขา ผมรู้ว่าต้องทำมันตรงไหนถึงจะกระตุ้นอารมณ์ของเคโตะได้ดีที่สุด กล้ามเนื้อภายใต้สัมผัสของผมเริ่มบิดเกร็ง ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นทำให้เคโตะครางออกมาเล็กน้อย เขาเรียกชื่อผมในบางครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่กลับแฝงไว้ด้วยแรงปรารถนาที่ล้ำลึกในน้ำเสียง
เวลาผ่านไปอีกสักพักก่อนที่เคโตะจะจับมือทั้งสองข้างของผมไว้เป็นการบอกให้หยุด คงพอแล้วสำหรับการปลุกเร้าอารมณ์ให้อิ่มตัว เคโตะไล้มือไปตามเรียวขาของผม ผ่านสะโพก เอว และแผ่นหลัง ผมโน้มตัวเข้าไปหาเคโตะตามแรงที่เขาดึงเข้าไป รอยยิ้มบาง ๆ ของเขาปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะเลือนหายไปพร้อมกับการเข้ามาแทนที่ของจุมพิตอันเร่าร้อนที่เคโตะมอบให้แทนคำขอบคุณ
ผมไม่รู้ว่าพวกเราใช้เวลานานเท่าไรในค่ำคืนนั้นแต่มันก็คงนานพอที่จะเติมเต็มความต้องการของกันและกันได้ ลีลารักของเขาเต็มไปด้วยความเชื่องช้าเนิบนาบที่ทำให้ผมแทบขาดใจ แต่ภายใต้ความเชื่องช้านั้น ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าอย่างรุนแรงจากตัวเขา ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษจริง ๆ ผมปล่อยตัวไปตามความต้องการของตัวเองและหลังจากนั้นเราก็ได้ปลดปล่อยความทรมานร่วมกัน
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน อะไรบางอย่างบอกผมว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิม ผมมองไปยังอีกด้านหนึ่งของเตียงที่ว่างเปล่า มือลูบไปบนผ้าปูที่นอนที่ราบเรียบราวกับไม่เคยมีใครนอน ยิ่งทำแบบนี้มันทำให้ผมยิ่งคิดถึงยูโตะมากขึ้น เขาอยู่ที่ไหนกันนะในเช้าวันนี้ ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองเสื้อผ้าที่วางอยู่ข้างๆนั่น ยูโตะคงจะเตรียมเอาไว้ให้ผม ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร สิ่งที่ผมจำได้ก็มีเพียงร่างของยูโตะในอ้อมแขนของผมเท่านั้น
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วตามปกติวิสัยแล้วจึงเดินสำรวจไปทั่วอพาร์ตเม้นต์ ผมรู้สึกว่ามันโล่งเกินไปหน่อย ยูโตะอยู่ที่ไหนนะ โทรศัพท์ของเขาไม่อยู่ที่นี่ เสื้อผ้าของเขาไม่อยู่ที่นี่ กระเป๋าของเขาไม่อยู่ที่นี่ และตัวเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ ผมอยากจะทรุดตัวลงร้องไห้เมื่อตระหนักรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ผมกลับไม่มีน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียว ผมรู้สึกว่าตัวเองโกรธที่ยูโตะทำแบบนี้ ผมคิดถึงเมื่อวานเกี่ยวกับคำพูดแปลกๆของยูโตะ วันสุดท้าย? นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามจะบอกผมใช่หรือเปล่า
ประตูห้องอพาร์ตเม้นต์ถูกเปิดออกด้วยกุญแจสำรองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมที่เป็นเจ้าของห้องก่อน ผมรู้ว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้นอกจากเจ้าของอพาร์ตเม้นต์แล้วก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดกับผม
“อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับลูกอีกต่อไปแล้วเคโตะ พ่อมารับลูกกลับบ้าน แก๊งคุมากิรู้เรื่องของลูกแล้ว”
ผมเข้าใจทันทีว่าพ่อหมายถึงอะไรและสิ่งนั้นแหละคือเหตุผลที่ทำให้ยูโตะไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ พอเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ผมก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ผมจึงทำได้แค่เพียงเดินตามพ่อไปขึ้นรถคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านล่างเพื่อกลับไปกับพ่อ ผมนึกสงสัยว่าตอนนี้ยูโตะอยู่ที่ไหน วันนี้หิมะตกเขาจะหนาวหรือเปล่า? ผมสัญญากับเขาไว้ว่าหน้าหนาวปีนี้จะซื้อเสื้อขนสัตว์ให้ตัวหนึ่งแต่ผมก็ยังไม่ได้ซื้อให้เขาเลย เช้านี้ผมยังไม่ได้กินอะไรทำให้ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย ยูโตะกินอะไรหรือยังนะ? ผมบอกเขาว่าผมจะร้องเพลงเป็นของขวัญคริสต์มาสให้เขา แต่ยังไม่ถึงคริสต์มาสเลยและตอนนี้เขาก็ไม่อยู่ แล้วผมจะร้องเพลงให้ใครฟังล่ะ?
--------------------------------------------------------------------------
วันเวลาเคลื่อนผ่านไปวันแล้ววันเล่าแต่คืนวันเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความคิดถึงของผมจางลง พ่อเดินเข้ามาพูดกับผมในเช้าวันคริสต์มาสอีฟที่อากาศหนาวเย็น ถัดจากวันที่ยูโตะจากไปเพียงไม่กี่วัน พ่อนั่งลงข้างๆผม เงียบไปนานก่อนที่พ่อจะเริ่มพูด ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันคงยากลำบากสำหรับพ่อมาก “พ่อคิดว่าวันนี้น่าจะเหมาะที่สุดที่ลูกจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย พ่อสัญญาว่าลูกจะไม่เป็นอะไร”
ผมยิ้มบางๆให้พ่อ “ผมเชื่อว่าคุณพ่อจะไม่ให้ผมเป็นอะไร” และผมก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้ผมเป็นด้วย ผมคิด
“พ่อรักลูกนะเคโตะ ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี ส่งข่าวบอกพ่อด้วย” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า
เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่แย่ มาดของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าผู้เด็ดขาดของพ่อตอนนี้ไม่เหลือเค้ารางให้เห็นแม้แต่นิดเดียว ผมรู้ว่าตัวเองคือจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขา พ่อต้องสูญเสียอะไรหลายๆอย่างเพราะผม แต่ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงพ่อกลับไม่เคยหมดรักที่มีต่อผมเลย ผมยิ้มให้พ่อซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้ “ผมสัญญาครับคุณพ่อ คุณพ่อเองก็เหมือนกัน อากาศหนาวแบบนี้คุณพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ห้ามนอนดึกและออกไปตากลมตอนกลางคืนอีก” ผมบอกเขาทั้งๆที่รู้ว่าพ่อทำไม่ได้หรอก งานของพ่อส่วนใหญ่มันก็ต้องทำตอนกลางคืนทั้งนั้น แต่พ่อกลับยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผม
“พ่อรู้เคโตะ แล้วพ่อจะพยายาม”
บทสนทนาของผมกับพ่อจบลงแค่นั้น การสั่งลาเพียงสั้นๆทำให้ผมอดที่จะใจหายไม่ได้ ผมเพิ่งตระหนักรู้ในวันนี้เองว่าพ่อสำคัญสำหรับผมแค่ไหน ผมใช้เวลาทั้งวันสำหรับคิดทบทวนถึงสิ่งที่พ่อตัดสินใจให้ผมกับเขาทำเพื่อที่ผมจะได้หลุดพ้นจากวงจรชั่วร้ายเหล่านี้ไป พ่อไม่อยากให้ผมเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยและนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ความหวังของพ่อเป็นจริง สิ่งนี้มันดีที่สุดสำหรับพ่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? ผมคิดถึงสิ่งที่ผมจะได้รับต่อจากนั้นแล้วก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ถ้ามันผิดพลาดล่ะ? และผมก็คิดถึงยูโตะ ถ้าเกิดมันผิดพลาดขึ้นมายูโตะจะเป็นยังไงบ้างนะ? เขาจะเสียใจหรือเปล่า? ผมได้แต่ภาวนาในใจเงียบๆ ขอให้มันเป็นไปอย่างราบรื่นทีเถอะ
และแล้วกลางคืนก็เคลื่อนผ่านเข้ามา อีกไม่นานก็จะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว ผมยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับยูโตะหรอกนะ ผมจะร้องเพลงเป็นของขวัญคริสต์มาสให้กับเขา คืนนั้นผมออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆพร้อมกีต้าร์คู่ใจ ผมเดินไปตามถนนท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็นและหิมะที่เริ่มตกลงมาจนไปถึงสถานที่ที่ผมตั้งใจเอาไว้ ผมนั่งลงตรงม้านั่งที่หนึ่ง ผมอยากจะร้องเพลงให้ยูโตะฟังที่นี่ ในที่ที่ผมเจอกับยูโตะครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ในวันนี้ สวนสาธารณะแห่งนี้กลับไม่ปรากฏชีวิตอื่นใดนอกจากเสียงหวีดหวิวของสายลมรวมกับภาพของหิมะที่โปรยปรายอย่างเชื่องช้า ต้นไม้ใหญ่ที่ไหวตามแรงลม และผมที่กำลังจะร้องเพลง
ผมเอากีต้าร์ออกมาจากกระเป๋าแล้วจัดท่านั่งให้เหมาะแก่การที่จะเล่นดนตรี ผมถอดถุงมือออก ความหนาวเหน็บของอากาศทำให้มือผมเริ่มชา นิ้วที่กดลงไปบนสายกีต้าร์แต่ละสายราวกับโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตตรงปลายนิ้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมละความตั้งใจ ผมยังคงเล่นกีต้าร์ต่อไปพร้อมร้องเพลงเบาๆให้สายลมรอบตัวฟัง สักพักนิ้วของผมก็หายเจ็บเพราะมันชักจะชินชากับอากาศเสียแล้ว
เสียงรองเท้าบดกับพื้นถนนที่ดังขึ้นทำให้เสียงกีต้าร์ของผมหยุดลง ผมมองไปยังบุคคลนั้นแล้วก็ได้แต่จ้องหน้าโดยไม่พูดอะไรในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเราก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว ยูโตะนั่งลงข้างๆผมแล้วยิ้มให้ “ร้องเพลงอีกสิเคโตะ ฉันอยากฟังนายร้องเพลง”
ผมยิ้ม ถ้ามันเกิดผิดพลาดขึ้นมาผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังมีโอกาสอยู่ผมจึงอยากจะมอบบทเพลงนี้ให้แก่เขา บทเพลงที่แทนความรู้สึกทั้งหมดของผม
เสียงดนตรีเนิบนาบเชื่องช้าล่องลอยไปกับสายลมและความเงียบสงัดรอบตัว แล้วผมก็ร้องเพลง .....
Nothing’s impossible [การที่ไม่มีอะไรเลยเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้]
Nothing’s unreachable [การที่ไม่มีอะไรเลยคือสิ่งที่ฉันไม่เคยรับรู้ถึงมัน]
When I am weary You make me stronger [ในวันที่ฉันอ่อนแอ เธอทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้น]
This love is beautiful so unforgettable [ความรักคือสิ่งที่สวยงาม ฉันจะไม่ลืมมันเลย]
I feel no winter cold [ฉันไม่รู้สึกถึงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บอีกแล้ว]
When were together When were together [ในวันที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ในวันที่พวกเราอยู่ด้วยกัน]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
Hold on and never let me go [กอดฉันไว้ อย่าปล่อยฉันไป]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
With you I know I belong [อยู่กับเธอแล้วก็เหมือนฉันได้เจอที่ที่เหมาะสำหรับฉัน ฉันรู้]
When the story gets told [เพราะเรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]
When day turns into night [เมื่อคืนวันเคลื่อนเข้าสู่ราตรีกาล]
I look into your eyes [ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ]
I see my future now [ฉันมองเห็นอนาคตของฉันในนั้น]
All the world and its wonder [รวมทั้งโลกทั้งใบ ช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เหลือเกิน]
This love won’t fade away [ความรักนี้จะไม่มีวันจางหาย]
And through the hardest days [แม้จะต้องผ่านคืนวันที่ยากลำบากที่สุดก็ตาม]
I’ll never question us [ฉันจะไม่ถามคำถามกับเรา]
You are the reason [เธอคือเหตุผลนั้นอยู่แล้ว]
My only reason [เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวของฉัน]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
Hold on and never let me go [กอดฉันไว้ อย่าปล่อยฉันไป]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
With you I know I belong [อยู่กับเธอแล้วก็เหมือนฉันได้เจอที่ที่เหมาะสำหรับฉัน ฉันรู้]
When the story gets told [เพราะเรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]
I am blessed to find what I need [ฉันขอพรให้พบเจอในสิ่งที่ฉันปรารถนา]
In a world losing hope [บนโลกที่ไร้ซึ่งความหวัง]
You’re my only believe [เธอเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันเชื่อ]
You make things right [เธอทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ]
Every time after time [ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้งก็ตาม]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
Hold on and never let me go [กอดฉันไว้ อย่าได้ปล่อยไป]
Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]
With love is a part of your life [ด้วยความรักนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ]
When the story gets told [เรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]
--------------------------------------------
และแล้วเสียงเพลงของผมก็หยุดลง ผมได้ยินเสียงระฆังในโบสถ์ที่ไหนสักแห่งดังแว่วมาตามสายลมพร้อมเสียงสวดมนต์และเพลงคริสต์มาส เที่ยงคืนแล้วและวันคริสต์มาสก็มาถึง ผมวางกีต้าร์ลงแล้วหันไปมองยูโตะที่ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิม ทั้งผมและเขาไม่มีใครพูดอะไร สำหรับผม ทุกสิ่งที่อยากจะพูดก็หวังว่าเขาจะเข้าใจผ่านบทเพลงที่ผมมอบให้
อาจจะเพราะความหนาวหรือความคิดถึงก็ไม่รู้ที่ทำให้เราสองคนขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขา ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมีชีวิตชีวาและประกายสดใส ยูโตะยิ้ม ผมก็ยิ้ม แล้วเราก็มอบจูบที่อ่อนหวานให้กันและกัน
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลมยามดึก ผมรับรู้ถึงความอบอุ่นภายในโพรงปากของคนตรงหน้าและเสียงเพลงคริสต์มาสจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไป
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเราสองคน ผมรู้สึกถึงความเย็นเยียบของผิวโลหะที่สัมผัสกับหน้าท้องพร้อมกลิ่นดินปืนจางๆ ผมหลับตาลงเพื่อเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น คงถึงเวลาแล้วสินะ
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วเวลานั้นก็มาถึง…
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ปัง!
เสียงปืนดังแทรกผ่านบรรยากาศที่เงียบสงัดพร้อมความแสบร้อนที่แทรกผ่านผิวหน้าท้องของผมเข้าไป ผมผละจากอ้อมกอดของยูโตะพลางมองเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลและปืนที่อยู่ในมือของเขา
ประกายสดใสในดวงตาของยูโตะหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด บาดแผลที่เกิดขึ้นมันเจ็บปวดจนทำให้กล้ามเนื้อผมเกร็งไปทั้งตัว ผมใช้มือข้างหนึ่งปิดมันไว้ราวกับมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ เลือดสีแดงไหลทะลักล้นอุ้งมือ
ยูโตะวางปืนลงแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้ “รู้ใช่มั้ยเคโตะว่าทำไมวันนั้นฉันถึงต้องจากนายมา หัวหน้ามีคำสั่งมาถึงฉันว่าให้จัดการให้เสร็จสิ้นซะ และฉันคิดว่าวันนี้เหมาะที่สุดที่จะทำอย่างนั้น”
--------------------------------------------------------------------------
ผมซบหน้าลงกับไหล่ของยูโตะอย่างหมดแรง แสงเรืองรองของโคมไฟข้างถนน ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันเริ่มจะริบหรี่ลงแล้ว
--------------------------------------------------------------------------
“ฉันคิดว่าคุณเคนอิจิคงบอกเรื่องนี้กับนายแล้วเคโตะ ฉันเป็นสมาชิกแก๊งคุมากิ ได้รับคำสั่งมาให้ฆ่านาย เวลา 2 ปีที่ฉันเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนายมาตลอด ฉันรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับตัวนาย ที่นายมาที่นี่ทั้งๆที่รู้ว่าฉันเป็นใคร ขอบคุณมากนะเคโตะ ขอบคุณที่ให้อภัยฉัน”
--------------------------------------------------------------------------
ผมไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงเรียกชื่อของยูโตะ ก่อนจะมาที่นี่ผมหวังไว้ว่ายูโตะจะไม่พูดถึงความจริงที่น่าเจ็บปวดนั่น แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแล้วผมก็คงบอกได้คำเดียวว่า ผมไม่เคยโกรธเขาเลย ผมรักเขา
เสียงเพลงคริสต์มาสดังแว่วมาอีกแล้ว มันช่วยให้จิตใจผมสงบลง วันนี้เหมาะที่สุดที่เขาจะลงมือจริงๆ พ่อเองก็บอกอย่างนั้น
--------------------------------------------------------------------------
“ขอโทษนะเคโตะที่ทำให้นายต้องเจ็บแต่ฉันไม่มีทางเลือก สัญญาสิว่านายจะไม่เป็นอะไร รอฉันนะ ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน ฉันจะตามไปหานาย ฉันรักนายนะเคโตะ อย่าเป็นอะไรนะ”
--------------------------------------------------------------------------
เสียงของยูโตะฟังดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดหม่นไปด้วยเมฆ เกล็ดหิมะบางเบาตกลงบนใบหน้าและละลายไปพร้อมกับหยาดน้ำตาของผม ทุกสิ่งราวกับหยุดนิ่งอยู่ชั่วกาลนาน ขณะนั้นผมคิดถึงพ่อ ทุกอย่างที่พ่อหวังมันจะเป็นจริงหรือเปล่านะ? ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือเปล่า? น้ำตาทำให้ตาผมพร่าเลือน และแล้วแสงสว่างก็ดับไปในที่สุด
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
งานศพของเคโตะถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายพร้อมผู้คนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ไม่มีน้ำตาสักหยดจากผู้เป็นพ่อ ไม่มีใครสักคนที่มาร้องไห้หน้าศพ ไม่มีแม้แต่เพื่อนของผู้ตายเพราะไม่มีใครกล้ามาสักคน และไม่นานศพก็ถูกจัดการตามประเพณี
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่นานหลังจากนั้น นาคาจิม่า ยูโตะ ก็ถูกสั่งเก็บโดย โอคาโมโตะ เคนอิจิ ศพของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่รับรู้ แต่ในความจริงแล้วศพของเขาไม่ได้หายไปไหนหรอก
พวกเขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง บนโลกใบนี้นี่แหละ
----------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
กาลเวลาผ่านไปนับได้อีกสามฤดูหนาว ณ ที่ที่ห่างจากญี่ปุ่นไกลออกไปอีกครึ่งค่อนโลก
อากาศหนาวเย็นที่เล็ดรอดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล เขาลุกขึ้นจากโซฟาที่นอนอยู่แล้วเดินไปปิดมันก่อนที่ลมหนาวจะทำให้เขาแข็งตายไปซะก่อน เขาเปิดเครื่องทำความร้อนแล้วมองไปที่นาฬิกาบนผนัง 3 ทุ่มแล้ว เขานึกสงสัยว่าเมื่อไรคนรักจะกลับมาสักที เขาเดินไปเดินมาในห้องอย่างกระวนกระวายใจพลางมองนาฬิกาบนผนังไปด้วย เมื่อไรจะมาสักทีนะ เขาหยุดเดินแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาอีกครั้ง
ประตูห้องเปิดออกก่อนที่เขาจะม่อยหลับไปอีกรอบ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมสะพายกีต้าร์ตัวโปรดมาด้วยซึ่งเป็นภาพที่เขาชินตาไปเสียแล้ว เขามองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง มันบอกเวลา 4 ทุ่ม ชายหนุ่มวางกีต้าร์ลงแล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา “ยังไม่นอนอีกเหรอครับยูโตะ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรออีกแล้ว วันนี้ผมซื้อเสื้อมาฝากคุณด้วยนะ” เคโตะพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว แผนการวันนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด
---------------------------------------------------------- THE END----------------------------------------------------------
เพลงที่พระเอกของเราร้องในเรื่องนี้
Stand By Me – Shayne Ward
ที่เลือกเพลงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรค่ะ แค่รู้สึกว่ามันเพราะดี ^^
ผลงานอื่นๆ ของ POP_okamo ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ POP_okamo
ความคิดเห็น