Shortfic [HSJ-OkaJima] Stand by me (Yaoi) - Shortfic [HSJ-OkaJima] Stand by me (Yaoi) นิยาย Shortfic [HSJ-OkaJima] Stand by me (Yaoi) : Dek-D.com - Writer

    Shortfic [HSJ-OkaJima] Stand by me (Yaoi)

    ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอจนกว่าความตายจะมาพรากจาก

    ผู้เข้าชมรวม

    554

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    554

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 56 / 14:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    Keito  Okamoto





    Yuto  Nakajima


    ไรเตอร์ >> http://www.facebook.com/POPThichakorn


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หมายเหตุ : อัพเดตครั้งแรก 8 มกราคม 2556
                     แก้ไข 19 มีนาคม 2556
                            - แก้ไขเนื้อเพลงจาก Why only reason เป็น My only reason

       



      Stand by me

       

                อากาศหนาวเย็นที่เล็ดรอดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยทำให้ผมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล  ผมลุกขึ้นจากโซฟาที่นอนอยู่แล้วเดินไปปิดมันก่อนที่ลมหนาวจะทำให้ผมแข็งตายไปซะก่อน  ผมเปิดเครื่องทำความร้อนแล้วมองไปที่นาฬิกาบนผนัง  4 ทุ่มแล้ว  ผมนึกสงสัยว่าเมื่อไรเคโตะจะกลับมาสักที  ผมเดินไปเดินมาในห้องอย่างกระวนกระวายใจพลางมองนาฬิกาบนผนังไปด้วย  เมื่อไรจะมาสักทีนะ  ถ้าผมไม่ได้เจอเขาวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก  ใจผมเจ็บแปล๊บเมื่อคิดถึงเรื่องนี้  ต้องไม่ใช่สิ!  ทุกอย่างจะต้องไม่ผิดพลาด  ผมหยุดความคิดไว้แค่นั้นแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาอีกครั้ง


       

                ประตูห้องเปิดออกก่อนที่ผมจะม่อยหลับไปอีกรอบ  เคโตะเดินเข้ามาพร้อมสะพายกีต้าร์ตัวโปรดของเขามาด้วยซึ่งเป็นภาพที่ผมชินตาไปเสียแล้ว  ผมมองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง  มันบอกเวลา 5 ทุ่ม  เคโตะวางกีต้าร์ลงแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผม  “ยังไม่นอนอีกเหรอครับยูโตะ  ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรออีกแล้ว”  เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา

                ผมยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน  ทั้ง ๆ ที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากแต่ผมกลับเหนื่อยมากกว่าปกติ  ผมมองหน้าเคโตะแบบเต็มๆตา   2 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเราย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเม้นต์แห่งนี้  ผมรู้สึกว่าเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน  3 ปีก่อนในวันที่เราเจอกันครั้งแรกเป็นเหมือนความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันวาน  ในวันที่ผมเจอเขานั่งเล่นในสวนสาธารณะพร้อมลูกแมวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง  รอยยิ้มคือสิ่งที่ผมประทับใจในวันแรกที่เราเจอกัน  ผมไม่คิดเลยว่าจุดเริ่มต้นที่ดีในวันนั้นจะต้องมาลงเอยแบบนี้

                “ยูโตะ  เป็นอะไรหรือเปล่า  ยิ้มอะไรงั้นเหรอ”  คำถามของเคโตะทำให้ผมหลุดจากภวังค์

               “เปล่าหรอก  ฉันก็แค่ดีใจที่เจอนายน่ะ”

                เคโตะขมวดคิ้วเล็กน้อย  “พูดอะไรแปลก ๆ  เราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

                ผมยิ้มแล้วพึมพำเบาๆ  “ก็วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้วนี่นา”

                “อะไรนะ?”  เคโตะถาม  “วันสุดท้ายอะไร?”

                “อ๋อ!  เปล่าหรอก  ฉันแค่จะบอกว่าวันนี้เขาลดราคาของเป็นวันสุดท้ายน่ะ”  ผมเฉไฉตอบไป  “เคโตะกินอะไรมาหรือยังให้ฉันหาอะไรให้กินเอามั้ย?  หนาวหรือเปล่า?  วันนี้ทำงานเป็นไงบ้าง?  เหนื่อยมั้ย?”  ผมถามออกไปชุดใหญ่

                เคโตะยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย  “ฉันไม่เป็นอะไรทั้งนั้น  ทำงานวันนี้ก็สนุกดี”  เขาตอบ  เขาเป็นนักดนตรีให้กับค่ายเพลงแห่งหนึ่งแน่นอนล่ะว่าเงินดีพอสมควรเลย  เคโตะจับมือผมไว้ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบผมเบา ๆ  “ผมอาบน้ำก่อนนะ  นอนเถอะนะครับคนดี  คุณดูเหนื่อยกว่าผมอีก”  เขาพูดจบแล้วผละจากไป  ตอนนี้บนโซฟาจึงมีเพียงแค่ผมที่นั่งอยู่คนเดียว

       

       

       

                ผมยืนมองเคโตะอยู่ที่ปลายเตียง  ลมหายใจของเขาส่งเสียงเพียงแผ่วเบาอย่างสม่ำเสมอ  เขากำลังหลับสนิท  ผมชอบมองใบหน้ายามหลับใหลของเขาเพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมมองเขาได้โดยที่หน้าผมไม่แดง  ผมค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะตามด้วยเสื้อ  กางเกง  ชั้นใน  จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ร่างที่เปลือยเปล่า  อากาศภายในห้องอบอุ่นแม้ข้างนอกจะหนาวเหน็บแค่ไหนก็ตาม  ผมค่อย ๆ คลานขึ้นไปบนตัวเขาแล้วกอดเขาไว้  ผมหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นจากตัวเขา  อยากกอดเขาไว้แบบนี้ตลอดไปจัง

                เพียงไม่นานเคโตะก็ตื่น  เขาไม่ได้ตกใจอะไรเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของผมที่กำลังนอนทับเขาอยู่  เขายิ้มบางๆ  ผมไม่เห็นหรอกแต่ความรู้สึกของผมบอกว่าเคโตะกำลังยิ้ม  เขากอดผม  ไออุ่นจากตัวเขาทำให้ผมรู้สึกว่าอากาศภายในห้องมันหนาวขึ้นมาทันที

                “มีอะไรหรือเปล่ายูโตะ”  เขาถาม

                “เปล่า  ฉันแค่อยากกอดนายเท่านั้นเอง”  ผมตอบไป  เคโตะไม่ถามอะไรต่อ  เขาเป็นคนใจดีและตามใจผมแทบจะทุกอย่าง  ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผมเคยเห็นเคโตะโกรธแค่ไม่กี่ครั้งซึ่งต่างจากผมที่มักจะโวยวายใส่เขาอยู่บ่อย ๆ  คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกันเพราะแต่ละเรื่องที่ผมโมโหใส่เขามันช่างเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี  อ้อมกอดของผมยังคงอยู่สักพักก่อนที่ผมจะผละออกมา

                ผมลุกขึ้นอยู่ในท่านั่ง  มองหน้าเขาอีกสักพักก่อนจะวางมือทั้งสองข้างทาบลงไปบนอกของเขา  ผมลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา  พอได้ทำแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกดีเหลือเกิน  กล้ามเนื้อที่สัมผัสได้ผ่านชุดนอนตัวบางนั้นยิ่งทำให้ความทุรนทุรายภายในเหมือนจะปะทุออกมาตลอดเวลา  ความโหยหาของผมมันเพิ่มขึ้นทีละนิดดั่งสายลมที่พัดมาเยือนอย่างเชื่องช้าก่อนจะโหมแรงขึ้นตามความแรงของพายุ

                ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงของเคโตะ  เขาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ผมปรนเปรอให้นั่นยิ่งทำให้ผมลูบไล้รุกล้ำเขามากขึ้นไปอีก  ผมรู้ว่าเคโตะชอบสัมผัสแบบไหน  ทั้งจังหวะที่มือของผมพาดผ่านไปและแรงที่กดทับแต่ละจุดบนร่างกายของเขา  ผมรู้ว่าต้องทำมันตรงไหนถึงจะกระตุ้นอารมณ์ของเคโตะได้ดีที่สุด  กล้ามเนื้อภายใต้สัมผัสของผมเริ่มบิดเกร็ง  ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นทำให้เคโตะครางออกมาเล็กน้อย  เขาเรียกชื่อผมในบางครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่กลับแฝงไว้ด้วยแรงปรารถนาที่ล้ำลึกในน้ำเสียง

                เวลาผ่านไปอีกสักพักก่อนที่เคโตะจะจับมือทั้งสองข้างของผมไว้เป็นการบอกให้หยุด  คงพอแล้วสำหรับการปลุกเร้าอารมณ์ให้อิ่มตัว  เคโตะไล้มือไปตามเรียวขาของผม  ผ่านสะโพก  เอว  และแผ่นหลัง  ผมโน้มตัวเข้าไปหาเคโตะตามแรงที่เขาดึงเข้าไป  รอยยิ้มบาง ๆ ของเขาปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะเลือนหายไปพร้อมกับการเข้ามาแทนที่ของจุมพิตอันเร่าร้อนที่เคโตะมอบให้แทนคำขอบคุณ

                ผมไม่รู้ว่าพวกเราใช้เวลานานเท่าไรในค่ำคืนนั้นแต่มันก็คงนานพอที่จะเติมเต็มความต้องการของกันและกันได้  ลีลารักของเขาเต็มไปด้วยความเชื่องช้าเนิบนาบที่ทำให้ผมแทบขาดใจ  แต่ภายใต้ความเชื่องช้านั้น  ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าอย่างรุนแรงจากตัวเขา  ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษจริง ๆ  ผมปล่อยตัวไปตามความต้องการของตัวเองและหลังจากนั้นเราก็ได้ปลดปล่อยความทรมานร่วมกัน

       

       

       

                ----------------------------------------------------------


                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

                ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน  อะไรบางอย่างบอกผมว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิม  ผมมองไปยังอีกด้านหนึ่งของเตียงที่ว่างเปล่า  มือลูบไปบนผ้าปูที่นอนที่ราบเรียบราวกับไม่เคยมีใครนอน  ยิ่งทำแบบนี้มันทำให้ผมยิ่งคิดถึงยูโตะมากขึ้น  เขาอยู่ที่ไหนกันนะในเช้าวันนี้  ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองเสื้อผ้าที่วางอยู่ข้างๆนั่น  ยูโตะคงจะเตรียมเอาไว้ให้ผม  ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร  สิ่งที่ผมจำได้ก็มีเพียงร่างของยูโตะในอ้อมแขนของผมเท่านั้น

                ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วตามปกติวิสัยแล้วจึงเดินสำรวจไปทั่วอพาร์ตเม้นต์  ผมรู้สึกว่ามันโล่งเกินไปหน่อย  ยูโตะอยู่ที่ไหนนะ  โทรศัพท์ของเขาไม่อยู่ที่นี่  เสื้อผ้าของเขาไม่อยู่ที่นี่  กระเป๋าของเขาไม่อยู่ที่นี่  และตัวเขาก็ไม่อยู่ที่นี่  ผมอยากจะทรุดตัวลงร้องไห้เมื่อตระหนักรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ผมกลับไม่มีน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียว  ผมรู้สึกว่าตัวเองโกรธที่ยูโตะทำแบบนี้  ผมคิดถึงเมื่อวานเกี่ยวกับคำพูดแปลกๆของยูโตะ  วันสุดท้าย?  นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามจะบอกผมใช่หรือเปล่า

                ประตูห้องอพาร์ตเม้นต์ถูกเปิดออกด้วยกุญแจสำรองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมที่เป็นเจ้าของห้องก่อน  ผมรู้ว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้นอกจากเจ้าของอพาร์ตเม้นต์แล้วก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น  ชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดกับผม

                “อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับลูกอีกต่อไปแล้วเคโตะ  พ่อมารับลูกกลับบ้าน  แก๊งคุมากิรู้เรื่องของลูกแล้ว”

                ผมเข้าใจทันทีว่าพ่อหมายถึงอะไรและสิ่งนั้นแหละคือเหตุผลที่ทำให้ยูโตะไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้  พอเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ผมก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว  ผมจึงทำได้แค่เพียงเดินตามพ่อไปขึ้นรถคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านล่างเพื่อกลับไปกับพ่อ  ผมนึกสงสัยว่าตอนนี้ยูโตะอยู่ที่ไหน  วันนี้หิมะตกเขาจะหนาวหรือเปล่า?  ผมสัญญากับเขาไว้ว่าหน้าหนาวปีนี้จะซื้อเสื้อขนสัตว์ให้ตัวหนึ่งแต่ผมก็ยังไม่ได้ซื้อให้เขาเลย  เช้านี้ผมยังไม่ได้กินอะไรทำให้ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย  ยูโตะกินอะไรหรือยังนะ?  ผมบอกเขาว่าผมจะร้องเพลงเป็นของขวัญคริสต์มาสให้เขา  แต่ยังไม่ถึงคริสต์มาสเลยและตอนนี้เขาก็ไม่อยู่  แล้วผมจะร้องเพลงให้ใครฟังล่ะ?

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                วันเวลาเคลื่อนผ่านไปวันแล้ววันเล่าแต่คืนวันเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความคิดถึงของผมจางลง  พ่อเดินเข้ามาพูดกับผมในเช้าวันคริสต์มาสอีฟที่อากาศหนาวเย็น  ถัดจากวันที่ยูโตะจากไปเพียงไม่กี่วัน  พ่อนั่งลงข้างๆผม  เงียบไปนานก่อนที่พ่อจะเริ่มพูด  ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันคงยากลำบากสำหรับพ่อมาก  “พ่อคิดว่าวันนี้น่าจะเหมาะที่สุดที่ลูกจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย  พ่อสัญญาว่าลูกจะไม่เป็นอะไร”

                ผมยิ้มบางๆให้พ่อ  “ผมเชื่อว่าคุณพ่อจะไม่ให้ผมเป็นอะไร”  และผมก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้ผมเป็นด้วย  ผมคิด

                “พ่อรักลูกนะเคโตะ  ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี  ส่งข่าวบอกพ่อด้วย”  พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

                เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่แย่  มาดของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าผู้เด็ดขาดของพ่อตอนนี้ไม่เหลือเค้ารางให้เห็นแม้แต่นิดเดียว  ผมรู้ว่าตัวเองคือจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขา  พ่อต้องสูญเสียอะไรหลายๆอย่างเพราะผม  แต่ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงพ่อกลับไม่เคยหมดรักที่มีต่อผมเลย  ผมยิ้มให้พ่อซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้  “ผมสัญญาครับคุณพ่อ  คุณพ่อเองก็เหมือนกัน  อากาศหนาวแบบนี้คุณพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ  ห้ามนอนดึกและออกไปตากลมตอนกลางคืนอีก”  ผมบอกเขาทั้งๆที่รู้ว่าพ่อทำไม่ได้หรอก  งานของพ่อส่วนใหญ่มันก็ต้องทำตอนกลางคืนทั้งนั้น  แต่พ่อกลับยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผม

                “พ่อรู้เคโตะ  แล้วพ่อจะพยายาม”

                บทสนทนาของผมกับพ่อจบลงแค่นั้น  การสั่งลาเพียงสั้นๆทำให้ผมอดที่จะใจหายไม่ได้  ผมเพิ่งตระหนักรู้ในวันนี้เองว่าพ่อสำคัญสำหรับผมแค่ไหน  ผมใช้เวลาทั้งวันสำหรับคิดทบทวนถึงสิ่งที่พ่อตัดสินใจให้ผมกับเขาทำเพื่อที่ผมจะได้หลุดพ้นจากวงจรชั่วร้ายเหล่านี้ไป  พ่อไม่อยากให้ผมเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยและนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ความหวังของพ่อเป็นจริง  สิ่งนี้มันดีที่สุดสำหรับพ่อแล้วอย่างนั้นเหรอ?  ผมคิดถึงสิ่งที่ผมจะได้รับต่อจากนั้นแล้วก็อดที่จะกลัวไม่ได้  ถ้ามันผิดพลาดล่ะ?  และผมก็คิดถึงยูโตะ  ถ้าเกิดมันผิดพลาดขึ้นมายูโตะจะเป็นยังไงบ้างนะ?  เขาจะเสียใจหรือเปล่า?  ผมได้แต่ภาวนาในใจเงียบๆ  ขอให้มันเป็นไปอย่างราบรื่นทีเถอะ

       

       

                และแล้วกลางคืนก็เคลื่อนผ่านเข้ามา  อีกไม่นานก็จะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว  ผมยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับยูโตะหรอกนะ  ผมจะร้องเพลงเป็นของขวัญคริสต์มาสให้กับเขา  คืนนั้นผมออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆพร้อมกีต้าร์คู่ใจ  ผมเดินไปตามถนนท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็นและหิมะที่เริ่มตกลงมาจนไปถึงสถานที่ที่ผมตั้งใจเอาไว้  ผมนั่งลงตรงม้านั่งที่หนึ่ง  ผมอยากจะร้องเพลงให้ยูโตะฟังที่นี่  ในที่ที่ผมเจอกับยูโตะครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน  แต่ในวันนี้  สวนสาธารณะแห่งนี้กลับไม่ปรากฏชีวิตอื่นใดนอกจากเสียงหวีดหวิวของสายลมรวมกับภาพของหิมะที่โปรยปรายอย่างเชื่องช้า  ต้นไม้ใหญ่ที่ไหวตามแรงลม  และผมที่กำลังจะร้องเพลง

                ผมเอากีต้าร์ออกมาจากกระเป๋าแล้วจัดท่านั่งให้เหมาะแก่การที่จะเล่นดนตรี  ผมถอดถุงมือออก  ความหนาวเหน็บของอากาศทำให้มือผมเริ่มชา  นิ้วที่กดลงไปบนสายกีต้าร์แต่ละสายราวกับโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตตรงปลายนิ้ว  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมละความตั้งใจ  ผมยังคงเล่นกีต้าร์ต่อไปพร้อมร้องเพลงเบาๆให้สายลมรอบตัวฟัง  สักพักนิ้วของผมก็หายเจ็บเพราะมันชักจะชินชากับอากาศเสียแล้ว

                เสียงรองเท้าบดกับพื้นถนนที่ดังขึ้นทำให้เสียงกีต้าร์ของผมหยุดลง  ผมมองไปยังบุคคลนั้นแล้วก็ได้แต่จ้องหน้าโดยไม่พูดอะไรในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเราก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว  ยูโตะนั่งลงข้างๆผมแล้วยิ้มให้  “ร้องเพลงอีกสิเคโตะ  ฉันอยากฟังนายร้องเพลง”

                ผมยิ้ม  ถ้ามันเกิดผิดพลาดขึ้นมาผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนี้อีกแล้ว  เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังมีโอกาสอยู่ผมจึงอยากจะมอบบทเพลงนี้ให้แก่เขา  บทเพลงที่แทนความรู้สึกทั้งหมดของผม

       

                เสียงดนตรีเนิบนาบเชื่องช้าล่องลอยไปกับสายลมและความเงียบสงัดรอบตัว  แล้วผมก็ร้องเพลง .....

       
       

       

      Nothing’s impossible [การที่ไม่มีอะไรเลยเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้]

      Nothing’s unreachable [การที่ไม่มีอะไรเลยคือสิ่งที่ฉันไม่เคยรับรู้ถึงมัน]

      When I am weary  You make me stronger [ในวันที่ฉันอ่อนแอ  เธอทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้น]

      This love is beautiful so unforgettable [ความรักคือสิ่งที่สวยงาม  ฉันจะไม่ลืมมันเลย]

      I feel no winter cold [ฉันไม่รู้สึกถึงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บอีกแล้ว]

      When were together  When were together [ในวันที่พวกเราอยู่ด้วยกัน  ในวันที่พวกเราอยู่ด้วยกัน]

       

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      Hold on and never let me go [กอดฉันไว้  อย่าปล่อยฉันไป]

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      With you I know I belong [อยู่กับเธอแล้วก็เหมือนฉันได้เจอที่ที่เหมาะสำหรับฉัน  ฉันรู้]

      When the story gets told [เพราะเรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]

       

      When day turns into night [เมื่อคืนวันเคลื่อนเข้าสู่ราตรีกาล]

      I look into your eyes [ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ]

      I see my future now [ฉันมองเห็นอนาคตของฉันในนั้น]

      All the world and its wonder [รวมทั้งโลกทั้งใบ  ช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เหลือเกิน]

      This love won’t fade away [ความรักนี้จะไม่มีวันจางหาย]

      And through the hardest days [แม้จะต้องผ่านคืนวันที่ยากลำบากที่สุดก็ตาม]

      I’ll never question us [ฉันจะไม่ถามคำถามกับเรา]

      You are the reason [เธอคือเหตุผลนั้นอยู่แล้ว]

      My only reason [เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวของฉัน]

       

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      Hold on and never let me go [กอดฉันไว้  อย่าปล่อยฉันไป]

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      With you I know I belong [อยู่กับเธอแล้วก็เหมือนฉันได้เจอที่ที่เหมาะสำหรับฉัน  ฉันรู้]

      When the story gets told [เพราะเรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]

       

      I am blessed to find what I need [ฉันขอพรให้พบเจอในสิ่งที่ฉันปรารถนา]

      In a world losing hope [บนโลกที่ไร้ซึ่งความหวัง]

      You’re my only believe [เธอเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันเชื่อ]

      You make things right [เธอทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ]

      Every time after time [ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้งก็ตาม]

       

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      Hold on and never let me go [กอดฉันไว้  อย่าได้ปล่อยไป]

      Will you stand by me [เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไหม]

      With love is a part of your life [ด้วยความรักนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ]

      When the story gets told [เรื่องราวทั้งหมดนั่นได้บอกฉันแล้ว]

       
       

      --------------------------------------------

       
       

                และแล้วเสียงเพลงของผมก็หยุดลง  ผมได้ยินเสียงระฆังในโบสถ์ที่ไหนสักแห่งดังแว่วมาตามสายลมพร้อมเสียงสวดมนต์และเพลงคริสต์มาส  เที่ยงคืนแล้วและวันคริสต์มาสก็มาถึง  ผมวางกีต้าร์ลงแล้วหันไปมองยูโตะที่ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิม  ทั้งผมและเขาไม่มีใครพูดอะไร  สำหรับผม  ทุกสิ่งที่อยากจะพูดก็หวังว่าเขาจะเข้าใจผ่านบทเพลงที่ผมมอบให้

                อาจจะเพราะความหนาวหรือความคิดถึงก็ไม่รู้ที่ทำให้เราสองคนขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น  ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขา  ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมีชีวิตชีวาและประกายสดใส  ยูโตะยิ้ม  ผมก็ยิ้ม  แล้วเราก็มอบจูบที่อ่อนหวานให้กันและกัน

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

                ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลมยามดึก  ผมรับรู้ถึงความอบอุ่นภายในโพรงปากของคนตรงหน้าและเสียงเพลงคริสต์มาสจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไป

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

                ภายในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเราสองคน  ผมรู้สึกถึงความเย็นเยียบของผิวโลหะที่สัมผัสกับหน้าท้องพร้อมกลิ่นดินปืนจางๆ  ผมหลับตาลงเพื่อเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  คงถึงเวลาแล้วสินะ

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

                และแล้วเวลานั้นก็มาถึง

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

                ปัง!

       
       

       

                เสียงปืนดังแทรกผ่านบรรยากาศที่เงียบสงัดพร้อมความแสบร้อนที่แทรกผ่านผิวหน้าท้องของผมเข้าไป  ผมผละจากอ้อมกอดของยูโตะพลางมองเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลและปืนที่อยู่ในมือของเขา

                ประกายสดใสในดวงตาของยูโตะหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด  บาดแผลที่เกิดขึ้นมันเจ็บปวดจนทำให้กล้ามเนื้อผมเกร็งไปทั้งตัว  ผมใช้มือข้างหนึ่งปิดมันไว้ราวกับมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้  เลือดสีแดงไหลทะลักล้นอุ้งมือ

                ยูโตะวางปืนลงแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้  “รู้ใช่มั้ยเคโตะว่าทำไมวันนั้นฉันถึงต้องจากนายมา  หัวหน้ามีคำสั่งมาถึงฉันว่าให้จัดการให้เสร็จสิ้นซะ  และฉันคิดว่าวันนี้เหมาะที่สุดที่จะทำอย่างนั้น”

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                ผมซบหน้าลงกับไหล่ของยูโตะอย่างหมดแรง  แสงเรืองรองของโคมไฟข้างถนน  ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันเริ่มจะริบหรี่ลงแล้ว

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                “ฉันคิดว่าคุณเคนอิจิคงบอกเรื่องนี้กับนายแล้วเคโตะ  ฉันเป็นสมาชิกแก๊งคุมากิ  ได้รับคำสั่งมาให้ฆ่านาย  เวลา 2 ปีที่ฉันเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนายมาตลอด  ฉันรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับตัวนาย  ที่นายมาที่นี่ทั้งๆที่รู้ว่าฉันเป็นใคร  ขอบคุณมากนะเคโตะ  ขอบคุณที่ให้อภัยฉัน”

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                ผมไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงเรียกชื่อของยูโตะ  ก่อนจะมาที่นี่ผมหวังไว้ว่ายูโตะจะไม่พูดถึงความจริงที่น่าเจ็บปวดนั่น  แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแล้วผมก็คงบอกได้คำเดียวว่า  ผมไม่เคยโกรธเขาเลย  ผมรักเขา

                เสียงเพลงคริสต์มาสดังแว่วมาอีกแล้ว  มันช่วยให้จิตใจผมสงบลง  วันนี้เหมาะที่สุดที่เขาจะลงมือจริงๆ  พ่อเองก็บอกอย่างนั้น

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                “ขอโทษนะเคโตะที่ทำให้นายต้องเจ็บแต่ฉันไม่มีทางเลือก  สัญญาสิว่านายจะไม่เป็นอะไร  รอฉันนะ  ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน  ฉันจะตามไปหานาย  ฉันรักนายนะเคโตะ  อย่าเป็นอะไรนะ”

       

       

                --------------------------------------------------------------------------

       

       

                เสียงของยูโตะฟังดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ  ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดหม่นไปด้วยเมฆ  เกล็ดหิมะบางเบาตกลงบนใบหน้าและละลายไปพร้อมกับหยาดน้ำตาของผม  ทุกสิ่งราวกับหยุดนิ่งอยู่ชั่วกาลนาน  ขณะนั้นผมคิดถึงพ่อ  ทุกอย่างที่พ่อหวังมันจะเป็นจริงหรือเปล่านะ?  ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือเปล่า?  น้ำตาทำให้ตาผมพร่าเลือน  และแล้วแสงสว่างก็ดับไปในที่สุด

       

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

       

                งานศพของเคโตะถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายพร้อมผู้คนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง  ไม่มีน้ำตาสักหยดจากผู้เป็นพ่อ  ไม่มีใครสักคนที่มาร้องไห้หน้าศพ  ไม่มีแม้แต่เพื่อนของผู้ตายเพราะไม่มีใครกล้ามาสักคน  และไม่นานศพก็ถูกจัดการตามประเพณี

       

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

       

                ไม่นานหลังจากนั้น  นาคาจิม่า  ยูโตะ  ก็ถูกสั่งเก็บโดย  โอคาโมโตะ  เคนอิจิ  ศพของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย  นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่รับรู้  แต่ในความจริงแล้วศพของเขาไม่ได้หายไปไหนหรอก

                พวกเขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง  บนโลกใบนี้นี่แหละ

       

       

       

                ----------------------------------------------------------

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

       

                กาลเวลาผ่านไปนับได้อีกสามฤดูหนาว  ณ ที่ที่ห่างจากญี่ปุ่นไกลออกไปอีกครึ่งค่อนโลก

       
       

                อากาศหนาวเย็นที่เล็ดรอดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล  เขาลุกขึ้นจากโซฟาที่นอนอยู่แล้วเดินไปปิดมันก่อนที่ลมหนาวจะทำให้เขาแข็งตายไปซะก่อน  เขาเปิดเครื่องทำความร้อนแล้วมองไปที่นาฬิกาบนผนัง  3 ทุ่มแล้ว  เขานึกสงสัยว่าเมื่อไรคนรักจะกลับมาสักที  เขาเดินไปเดินมาในห้องอย่างกระวนกระวายใจพลางมองนาฬิกาบนผนังไปด้วย  เมื่อไรจะมาสักทีนะ  เขาหยุดเดินแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาอีกครั้ง

                ประตูห้องเปิดออกก่อนที่เขาจะม่อยหลับไปอีกรอบ  ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมสะพายกีต้าร์ตัวโปรดมาด้วยซึ่งเป็นภาพที่เขาชินตาไปเสียแล้ว  เขามองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง  มันบอกเวลา 4 ทุ่ม  ชายหนุ่มวางกีต้าร์ลงแล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา  “ยังไม่นอนอีกเหรอครับยูโตะ  ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรออีกแล้ว  วันนี้ผมซื้อเสื้อมาฝากคุณด้วยนะ”  เคโตะพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา

       
       

                ท้ายที่สุดแล้ว  แผนการวันนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด


       

      ---------------------------------------------------------- THE END----------------------------------------------------------

       

       


       

                เพลงที่พระเอกของเราร้องในเรื่องนี้

                Stand By Me – Shayne Ward

                ที่เลือกเพลงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรค่ะ แค่รู้สึกว่ามันเพราะดี ^^





       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×