Shortfic [HSJ-NakaOka] ปาร์ตี้รักอลเวง (Yaoi)
อลเวงรักหน้าอาคาร 2
ผู้เข้าชมรวม
509
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปาร์ตี้รักอลเวง
ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนที่คลาคล่ำไปด้วยนักเรียน ปี 3 ห้อง A อะฮ้า!! ห้องนี้เรียนเก่งสุดล่ะจะบอกให้ ผมตรงเข้าไปนั่งในที่ประจำของผม ที่นั่งหลังสุดติดกับหน้าต่าง ผมชอบบริเวณที่อากาศโล่งๆจึงเลือกนั่งที่ตรงนี้ และที่สำคัญมันทำให้ผมแอบมองใครบางคนได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกด้วย
ผมมองไปอีกด้านหนึ่งของห้องเรียน ที่นั่งหลังสุดเหมือนกันกับผมแต่เขานั่งติดประตู เจ้านั่นกำลังหลับอยู่ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มบทเรียนเลยด้วยซ้ำ ระหว่างเราสองคนไม่มีนักเรียนคนอื่นมาคั่นกลางทำให้ผมสามารถมองหน้าเจ้านี่ได้ทั้งวัน เอ่อ... ทั้งวันจริงๆนะครับ เผลอเมื่อไรเป็นต้องมองทุกที ยกเว้นเวลาที่เขาตื่นแล้วเท่านั้นแหละ
ผมชื่อ นากาจิม่า ยูโตะ ส่วนคนที่ผมแอบมองอยู่คือ โอคาโมโตะ เคโตะ นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว เอิ่ม... จะยังเรียกว่านักเรียนใหม่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ช่างเถอะมันไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าผมแอบหลงรักเจ้านี่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย ทั้งดวงตาคมที่ฉายมองไปทั่วห้อง จมูกโด่งสวยได้รูปและริมฝีปากเป็นกระจับนั่นทำให้ผมแทบคลั่งทุกครั้งที่มอง โดยเฉพาะเวลาที่เขายิ้มนะ โอ๊ย! คนอะไรจะน่ารักขนาดนี้! แต่ว่า จนป่านนี้ผมก็ยังไม่กล้าที่จะจีบเขาเลย ก็เขาน่ะ นอกจากจะมีเสน่ห์กับผู้ชายด้วยกันอย่างผมแล้ว พวกผู้หญิงเองก็หลงเสน่ห์เขาไม่เบา บางครั้งผมก็เลยไม่รู้ว่า ในฐานะผู้ชายอย่างผมแล้ว ผมควรตามจีบเขาหรือควรอิจฉาที่เขามีสาวๆมาห้อมล้อมดีนะ?
เสียงกริ่งพักเที่ยงดังขึ้น จากห้องเรียนที่เงียบสนิทเพราะนักเรียนตั้งใจเรียน(เว่อร์)ก็พากันส่งเสียงเจี้ยวจ้าวอย่างกับนกกระจอกแตกรัง ผมละเอือมจริงๆ ผมหันไปมองเจ้านั่นอีกครั้ง เขาเก็บหนังสือที่แทบไม่ได้เปิดเลยใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป ผมก็เดินตามน่ะสิ ผมยังมีสิ่งที่ยังค้างคาต้องพูดกับเขาอยู่ ทั้งๆที่รู้ว่าจะโดนปฏิเสธก็เถอะ ครั้งก่อนๆเพราะมัวแต่ไปกันท่านังชะนีทั้งหลายบวกกับความไม่กล้าด้วยทำให้ผมไม่ได้บอก แต่วันนี้ผมต้องบอกเขาให้ได้
“เคโตะคุง! วันนี้ไปกินข้าวกับนามิจังนะ” อิคุระ นามิ นักเรียนปี 2 ห้อง B ดีกรีเป็นถึงดาวโรงเรียน 2 ปีซ้อน จู่ๆเธอก็กระโดดเข้ามาเกาะแขนเคโตะของผม(?)เฉยเลย ผมหน้ามุ่ยอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่วันนี้ตั้งใจจะขอเคโตะเป็นคนแรกแท้ๆ แต่กลับโดนนังชะนีชิงตัดหน้าไปก่อนซะได้
“เอ่อคือ....” เคโตะตอบตะกุกตะกัก นามิใช้นิ้วชี้เรียวสวยของเธอแตะริมฝีปากของเคโตะไว้ บังอาจนัก!
“อย่าปฏิเสธนามิจังเลยนะคะ คืนพรุ่งนี้ทางโรงเรียนจะมีการจัดปาร์ตี้กีฬาสานสัมพันธ์ มีการใส่หน้ากากด้วยนะคะ น่าตื่นเต้นจัง” นังนามิทำท่าบิดตัวเขินอาย เชอะ! เสแสร้งล่ะสิ “ถ้าเคโตะคุงไม่รังเกียจสาวน้อยผู้น่าสงสารอย่างนามิจัง เคโตะคุงไปงานปาร์ตี้กับนามิจังนะ นะนะเคโตะคุง ไปนะคะ” เจ้าหล่อนทำตาบ้องแบ๊วใส่เคโตะของผมใหญ่เลย
“เอ่อ...” เคโตะก็เอาแต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นแหละ ปฏิเสธไปเลยเซ่!
และก่อนที่เคโตะจะตัดสินใจอะไรไป ผมเดินตรงเข้าไปหาพวกนั้นแล้วคว้าแขนของเคโตะข้างที่นามิจังเกาะอยู่ เคโตะมองผมอย่างแปลกใจแต่ผมไม่ได้ตอบข้อสงสัยของเขา ผมหันไปถลึงตาใส่นามิ “เป็นผู้หญิงรู้จักยางอายซะบ้าง มาขอผู้ชายก่อนแบบนี้คิดว่ายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไง เคโตะเขาสุภาพเกินกว่าจะว่าเธอแต่ฉันไม่ใช่ เธอไปหาคนอื่นดีกว่า เธอไม่เหมาะกับคนอย่างเคโตะหรอก” ผมไม่รู้หรอกว่าที่ผมพูดไปน่ะมันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า รู้แต่ว่าพอผมพูดจบนังชะนีนามิก็กรีดร้องแล้ววิ่งหนีผมไปเลย เอ่อดี ไปซะได้ก็ดี ผมหันไปยิ้มให้เคโตะ แต่ทว่า....!
เคโตะขมวดคิ้วใส่ผม น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังของเขาถามผมด้วยความไม่พอใจ “ทำอะไรของนาย?” เขาดึงแขนของเขาออก “ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่” ผมไม่ตอบได้แต่ยืนนิ่ง เขาเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วถอนหายใจคล้ายกำลังระงับอารมณ์ “พรุ่งนี้ก็ปาร์ตี้แล้วแต่ฉันยังไม่มีคู่เลย นายทำแบบนี้เสียหายหมดเลยรู้มั้ย” เขาว่าแล้วเดินหนีไป ผมก็ตามไปง้อสิครับ
ผมเดินตามเคโตะไปเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องพยาบาลที่เป็นทางผ่านไปสู่โรงอาหาร นักเรียนคงไปกันหมดแล้วที่ตรงนี้เลยไม่เหลือใครสักคนเดียว “เดี๋ยวสิเคโตะ” ผมเรียก
เคโตะหยุดเดินแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่ผมอีก นี่เขายังไม่หายโกรธอีกเหรอ? “อะไรอีกล่ะ กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องพลาดคู่ไปงานเพราะนาย สนุกนักหรือไงที่กวนประสาทคนอื่นเขาแบบนี้”
“ฉันไม่ได้จะกวนประสาทนายสักหน่อย ฉันก็แค่....” ฉันก็แค่ไม่อยากให้นายไปงานกับคนอื่นเท่านั้นเอง
เคโตะหน้ามุ่ย “ถ้าฉันเป็นผู้หญิงฉันคงคิดว่านายอยากจะขอฉันไปงานด้วยแล้วนะ แต่นี่ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย ถ้านายไม่มีคู่ไปนายก็อย่าทำให้คนอื่นเขาติดร่างแหไปด้วยสิ”
“แล้วนายอยากจะไปงานกับฉันมั้ยล่ะ?”
“ห้ะ?”
ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วถามเขาอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น ผมรู้อยู่หรอกว่าเคโตะต้องปฏิเสธ ผู้ชายจะไปกับผู้ชายได้ยังไงกัน “ฉันถามว่า นายอยากจะไปงานปาร์ตี้กับฉันมั้ย”
เคโตะทำหน้าเหวอแบบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองก่อนที่ใบหน้าเขาจะแดงก่ำด้วยความโกรธ “ไอ่เกย์โรคจิต!” เขาเดินปึงปังหนีไปก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นการวิ่งหนีจนลับสายตา
ผมถอนหายใจด้วยความผิดหวัง โธ่เอ๊ย! พลาดจนได้
ผมเดินไปนั่งในโรงอาหารตามลำพัง เกือบจะได้เวลาเข้าเรียนแล้วทำให้ตอนนี้ทั้งโรงอาหารจึงเหลือแค่ผมคนเดียว ผมรู้สึกไม่อยากเข้าไปเรียนเลย ไม่อยากไปเผชิญหน้ากับเคโตะตอนนี้ ก็เขาโกรธผมมากขนาดนั้นนี่นา
“ยูโตะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังอันคุ้นหูของผมดังขึ้น ผมหันหลังกลับไปมองทันที เคโตะนั่งลงข้างๆผมด้วยใบหน้าที่สงบขึ้นกว่าเดิม ยิ่งได้มองใกล้ๆแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ผมเผลอมองใบหน้าขาวเนียนนั่นอีกแล้ว ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มกันแน่นอย่างเคร่งเครียด “ข้อเสนอของนายฉันลองคิดดูแล้วนะ นายยังจะอยากไปงานกับฉันอยู่หรือเปล่า” เขาถามผมโดยไม่มองหน้า
“อยากไปสิ!” ผมร้องกลับไปอย่างตื่นเต้น
เคโตะเงยหน้าขึ้นมายิ้มน้อยๆ “ถ้างั้นตกลง ถึงยังไงซะฉันก็หาคู่ไปงานไม่ได้แล้วล่ะ ไปกับนายก็คงไม่เป็นไร งานนี้ใส่หน้ากากคนคงดูไม่ออกหรอกว่าฉันเป็นใคร”
ผมแทบอยากจะร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจแต่ผมก็ระงับอาการไว้ “จริงเหรอเคโตะ!” เคโตะพยักหน้าน้อยๆ นั่นทำให้ผมยิ้มแก้มแทบปริ “แล้วนายจะใส่ชุดแบบไหนล่ะ”
เคโตะหัวเราะอย่างอายๆ แก้มใสขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด “ก็ต้องใส่ชุดผู้หญิงสิ หรือว่านายจะใส่แทนฉันล่ะ แต่แบบนั้นคงไม่เหมาะแน่ ฉันตัวเล็กกว่านายเพราะฉะนั้น” เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ฉันก็คงหนีไม่พ้นต้องใส่อยู่ดี ถ้าไม่ใส่คนก็รู้หมดว่าฉันเป็นใคร แบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก” เขายิ้มยิงฟันให้ผม นั่นทำให้ผมแทบละลายไปกองแทบเท้าของเขาในตอนนั้นเลย เขาลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มเขินๆ “ฉันไปนะ เจอกันที่ห้อง” เขาโบกมือด้วยท่าทางน่ารักก่อนจะเดินจากไป
ผมมองตามร่างนั้นจนลับสายตา สำเร็จเหรอ? ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย “เย้!!!!!!” ผมลุกขึ้นร้องตะโกนลั่นโรงอาหารจนแม่ค้าทุกคนหันมามอง ผมได้แต่ยิ้มพลางก้มหัวขอโทษแล้ววิ่งหนีจากที่นั่นทันที แต่หลังจากตอนนั้น วันนั้นทั้งวันผมก็ไม่ได้เจอเคโตะอีก ก็แน่ล่ะสิก็ช่วงบ่ายเป็นเวลาเตรียมงานสำหรับคืนพรุ่งนี้นี่นา โรงเรียนหยุดช่วงบ่ายผมลืมไป ฮ่าๆๆ ตื่นเต้นจนลืมวันเวลาเลยนะ แต่พอคิดดูอีกทีเคโตะก็คงลืมเหมือนกัน เขาก็ตื่นเต้นเหมือนผมใช่มั้ยเนี่ย ^^
ยี่สิบสี่ชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า..... มากกกกก..... จนผมคิดอยากจะทุบนาฬิกาทิ้งเสียเลย ผมมองดูเวลาอีกครั้ง จะหกโมงเย็นแล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ ตื่นเต้นจัง ผมอยากเห็นเคโตะในชุดหญิงสาวเร็วๆ
ผมส่องดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม ผูกหูกระต่ายซะสวยเลยเชียว ดูไปดูมาผมก็หล่อเหมือนกันนะ เหมือนเจ้าบ่าวที่กำลังจะแต่งงานเลย ผมยิ้มให้กระจกอีกครั้งก่อนจะหยิบหน้ากากขึ้นมาถือไว้ หน้ากากธรรมดาๆนี่แหละ ดัดแปลงจากหน้าเหยี่ยวปิดแค่ครึ่งหน้า ผมก็ไม่เข้าใจอีกล่ะว่าทำไมต้องใช้หน้ากากที่เป็นนกด้วย แต่มันก็สวยดีนะ
คนขับรถรอผมอยู่แล้วเมื่อผมลงมาถึงชั้นล่าง ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างหลังก่อนที่คนขับรถจะขับไปบ้านของเคโตะ จริงๆ เคโตะบอกว่าจะมาเองแต่ผมก็ดึงดันจะไปรับให้ได้ รถจอดลงที่หน้าบ้านของเขา ผมลงไปกดกริ่งหน้าบ้านสักพักหนึ่งคุณเคนอิจิคุณพ่อของเคโตะก็ลงมาเปิดประตูให้ผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“อ้าว! ยูโตะคุง เคโตะเขาไปแล้วล่ะ พ่อเพิ่งจะไปส่งเขามาเมื่อกี้เอง”
“เอ๋!! ไหนเขาบอกว่าจะรอผมไงครับ”
คุณพ่อยิ้มน้อยๆ “คงจะตื่นเต้นล่ะมั้ง เห็นแต่งตัวซะสวยเชียว” พูดแค่นั้นคุณพ่อก็หัวเราะใหญ่เลย “เอ่อๆ ยูโตะคุงก็หล่อนะวันนี้ ดูแลลูกชาย เอ๊ย! วันนี้ลูกชายพ่อกลายเป็นลูกสาวแล้วนี่” พูดแค่นั้นคุณพ่อก็หัวเราะอีกแล้ว จะมีความสุขอะไรนักหนานะ “ดูแลลูกสาวของพ่อดีๆล่ะ เจ้านั่นมันกลัวผีจะตาย เคโตะบอกว่าจะรอที่หน้าประตูที่จัดงาน”
ผมลาคุณพ่อแล้วกลับไปขึ้นรถ ก่อนที่รถจะขับออกไปผมยังเห็นรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้าของคุณพ่ออยู่ อยากรู้จังนะว่าเคโตะใส่ชุดอะไรไปวันนี้ ตื่นเต้นจัง
รถของผมแล่นเข้าไปจอดบริเวณที่จัดงาน ผมลงจากรถ พวกนักเรียนมากันเยอะแล้วแต่ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเคโตะเลย ผมเดินเข้าไปที่หน้าประตู นักเรียนปี 1 เป็นผู้ให้การต้อนรับและทำการเช็คชื่อนักเรียนที่มาเข้าร่วม ผมเดินเข้าไปถามหนึ่งในนั้น “โอคาโมโตะ เคโตะมาหรือยัง”
เด็กปีหนึ่งคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองผม “รุ่นพี่เคโตะไม่ได้มาครับ เขาบอกว่าจะส่งตัวแทนมา เพิ่งจะเช็คชื่อไปเมื่อกี้นี้เอง เป็นผู้หญิงครับชื่อ โอคาโมโตะ เคธี่ เธอสวยมากเลยครับ หน้าเหมือนรุ่นพี่เคโตะเปี้ยบเลย” รุ่นน้องคนนั้นยิ้มให้ผม
ผมรู้สึกตัวชา หูอื้อไปชั่วขณะ รุ่นพี่เคโตะไม่ได้มาครับ เสียงของรุ่นน้องดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในหัวผมไม่ยอมหยุด นี่เคโตะโกหกผมเหรอเนี่ย?? ว่าแต่ว่า โอคาโมโตะ เคธี่นี่ใครหว่า?? ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเคโตะมีพี่สาวหรือน้องสาวด้วย
“รุ่นพี่ครับ” เจ้าเด็กนั่นเรียกผมอีก “ถ้ารุ่นพี่จะหาคุณเคธี่ เมื่อกี้รุ่นพี่นามิเพิ่งจะพาเธอไปครับ เห็นพาไปที่อาคาร 2 สงสัยจะไปท้าพิสูจน์อะไรบางอย่างล่ะมั้ง” เด็กนั่นหัวเราะอย่างกับมันเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา นี่ซีเรียสนะเว้ย!
ไปที่อาคาร 2 งั้นเหรอ? นั่นมันอาคารที่มีเรื่องเล่าของผีนักเรียนที่โดดตึกตายเมื่อ 10 ปีก่อนนี่! ตายล่ะเคธี่จัง!! เจ้าหล่อนจะรู้มั้ยเนี่ย??? เคโตะเองก็เหมือนจะยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเหมือนกัน คิดได้แค่นั้นผมก็รีบแจ้นไปที่อาคาร 2 ทันที
อาคารที่อดีตเคยเป็นสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม ไม่มีแม้แสงไฟสักดวงส่องสว่าง อาคารสูง 3 ชั้นตรงหน้าช่างดูหดหู่และเปล่าเปลี่ยวชวนขนลุกยิ่งนักเมื่ออยู่ในยามสนธยาเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อกลางวันยังมีนักเรียนวิ่งเล่นกันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นสิ่งที่หายใจได้เลยสักอย่างเดียว อยากช่วยเคธี่จังก็อยากช่วยนะครับ แต่ว่าจะกลัวก็กลัว จะทำยังไงดี ถ้าจะให้หาทุกห้องมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
สักพักผมสังเกตเห็นแสงจากไฟฉายสองสามดวงซึ่งคนถือกำลังเดินลงมาจากอาคาร ผมรีบหลบเข้าหลังต้นไม้ทันทีเพื่อไม่ให้พวกนั้นเห็น กลุ่มคน 3 คนเดินมาพร้อมส่งเสียงพูดคุยเจี้ยวจ้าว หนึ่งในนั้นคือยัยนามิผมจำหน้าหล่อนได้ดี ส่วนอีก 2 คนก็คงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับหล่อนน่ะแหละ ผมจำไม่ได้เพราะเห็นหน้าไม่ชัด
“ยัยเคธี่นี่ตลกเนาะ หลอกนิดเดียวก็เป็นลมไปซะแล้ว” นามิเปิดประเด็น
“เธอได้ยินตอนที่ยัยนั่นกรี๊ดตอนที่เราบอกว่าเห็นอะไรวูบวาบตรงหน้าต่างมั้ย ฉันอยากให้อิตายูโตะมาเห็นแฟนมันตอนนั้นจังเลยอ่ะ คงจะได้เห็นภาพสโลว์โมชั่นตอนที่อิตานั่นวิ่งไปรับแฟนมันที่กำลังจะล้มลงแน่เลย อย่างกับพระเอกแน่ะ” หญิงสาวในชุดนางแมวป่าหัวเราะคิกคักล้อเลียนผมในจินตนาการของเธอ สนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งคนอื่นเขาน่ะ!
“แต่เคธี่จังจะเป็นไรแน่เหรอ” เด็กหญิงใส่แว่นคนหนึ่งพูด... แต่ดูจากชุดแล้วนั่นมันผู้ชายนี่หว่า รู้สึกว่าคนนี้จะชื่อ จิเน็น ยูริ หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เป็นรุ่นน้องที่ร่ำลือกันว่ามีพลังพิเศษสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ เขาคงโดนเจ้าพวกนี้บังคับให้มาด้วยแน่
“นี่จิเน็น อย่าปอดแหกได้มั้ย นิดๆหน่อยๆยัยนั่นไม่เป็นไรหรอกน่า” นามิต่อว่า “ก็ใครใช้ให้อิตาเสาไฟฟ้ายูโตะมาขัดจังหวะการขอเดทของฉันกับเคโตะคุงล่ะ ให้แฟนมันโดนซะบ้างก็ดี” เธอแสยะยิ้มอย่างนึกสมเพซผมในใจ นังบ้าเอ๊ย! ผมคิด เจ้าหล่อนหันไปถลึงตาใส่ยูริตัวน้อยผู้น่าสงสารอีกครั้ง “แล้วแกอย่าคิดไปช่วยมันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนหนักแน่”
ยูริทำท่าหงอก่อนจะเดินไปตามพวกนั้นไปเงียบๆ “เอ่อคือ...”
“อะไรยะ?” นามิหันมาแว้ดใส่
“พวกคุณไปก่อนเถอะครับ มีวิญญาณตามพวกเรามา ผมต้องทำพิธีก่อนเพื่อไม่ให้เขาตามพวกคุณไปถึงบ้าน เพราะพวกคุณได้ไปทำลายความสงบของเขาพวกเขาก็เลยแค้น” ยูริพูดอย่างนิ่งเฉยแต่ผมนี่ขนลุกเกรียวไปแล้ว! แม้จะอยู่ในที่มืดแต่ผมก็รู้ว่าพวกผู้หญิงสองนั้นหน้าซีดเผือดแค่ไหน พวกหล่อนกรี๊ดแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่รอยูริ เจ้าเด็กนั่นถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง “รุ่นพี่ยูโตะครับ ออกมาเถอะ ผมจะพารุ่นพี่ไปหาคุณเคธี่เอง”
ผมสะดุ้งโหยง นี่เขารู้ตลอดเลยเหรอว่าผมอยู่ที่นี่ ผมออกจากที่ซ่อนแล้วเดินตรงไปหายูริ
เจ้าเด็กนั่นยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณเคธี่อยู่ที่ไหน ผมจะพารุ่นพี่ไปหาเธอเอง”
ภายในอาคาร 2 ที่ทั้งมืด วังเวงและเย็นยะเยือก ผมเดินตามยูริไปเงียบๆ จนไปถึงห้องที่อยู่บนชั้นสูงสูด ห้อง 237 “ห้องนี่แหละครับที่คุณเคธี่อยู่” ยูริพูด ผมแทบจะถลันเข้าไปทันทีถ้ายูริไม่ห้ามขึ้นซะก่อน “อย่าเพิ่งครับรุ่นพี่ยูโตะ ตอนนี้คานะจังกำลังดูแลเธออยู่ ผมขอคุยกับคานะจังก่อนก็แล้วกันนะครับเพราะไม่งั้นรุ่นพี่อาจจะโดนเหมือนคุณเคธี่ไปอีกคนก็ได้”
“โดนเหรอ? โดนอะไร? แล้วคานะจังเป็นใครเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัย
ยูริหันมายิ้มน้อยๆ ให้ “เธอโดดตึกตายเมื่อ 10 ปีก่อนไงครับ วิญญาณเธอยังจองจำอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน” ผมหูผึ่งขนลุกขึ้นทั้งแถบ ยูริยิ้มอย่างเข้าใจ เขายืนนิ่งๆแล้วหลับตาลง ช่วงเวลาเพียงแค่ 2-3 นาทีที่ยูริหลับตาเพื่อติดต่อกับวิญญาณที่สิงอยู่ที่นี่มันคือช่วงเวลาที่ผมทรมานเหลือเกิน การตระหนักรู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่มนุษย์ทำให้ผมแทบจะหักห้ามความกลัวไว้ไม่ได้
สักพักยูริก็ลืมตาขึ้น ผมรีบถามเขาด้วยความร้อนรน “เป็นไงบ้าง? เคธี่จังไม่เป็นไรใช่มั้ย”
รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้าของยูริ “มีแต่พี่เท่านั้นแล้วนะครับที่ช่วยเธอได้ รีบเข้าไปสิครับ” ผมใจหล่นวูบเมื่อยูริพูดแบบนี้ เกิดอะไรกับเคธี่? ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่รอช้า
กลิ่นอับอย่างประหลาดเข้ามาปะทะจมูก ทั้งๆ ที่หน้าต่างทุกบานปิดหมดแต่ผมรู้สึกได้ว่ามีลมพัดวูบหนึ่งผ่านตัวผมไป ขนผมลุกวาบไปทั้งตัวแต่ผมพยายามจะไม่สนใจมันหรือนึกถึงว่าอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาเคธี่ พลันนั้นผมก็เห็นเธอที่นอนสลบอยู่กลางห้อง ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของเธอขึ้นมาทันที
ใบหน้าขาวเนียนอมชมพู ดวงตาที่กรีดอายลายเนอร์ทำให้ดูคมมีเสน่ห์ขึ้น จมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับที่เผยอออกเล็กน้อยนั้น ครั้งแรกที่ผมเห็นใบหน้าของเธอผมก็จำได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นคนๆนั้นไม่ผิดแน่ เคโตะอยู่ในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มปกปิดทุกส่วนของร่างกายยกเว้นบริเวณลำคอที่เปิดกว้างทำให้เธอ เอ๊ย! เขาดูเซ็กซี่ขึ้น “เคโตะ” ผมเรียกเขาเสียงแผ่วเบา แต่เคโตะยังคงนิ่งเฉย ดวงตาคมสวยนั้นยังคงปิดอยู่ “เคโตะ” ผมเรียกเขาอีกครั้ง แต่ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาก็ยังคงเป็นความเงียบ ผมจับมือของเคโตะไว้แต่กลับสัมผัสได้ถึงไอแห่งความเย็นแทนที่จะเป็นไออุ่นแห่งชีวิต ไม่นะ! เกิดอะไรขึ้นกับเคโตะ?
‘ จูบเธอสิ ’
ผมหันหลังกลับทันที รู้สึกว่าขนลุกเกรียวขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาอยู่ในที่ไกลแสนไกลแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าเธอคนนั้นพูดกับผมที่ข้างหูนี่เอง จูบงั้นเหรอ? ความกลัวจับขั้วหัวใจทำให้ผมอยากจะร้องไห้ ยูริหายไปไหนซะแล้ว ลมเย็นวูบหนึ่งผ่านตัวผมไปอีกครั้งพร้อมเสียงกระซิบของหญิงสาวคนเดิม
‘ คนในอ้อมกอดของเธอ ไม่ช้าไม่นานลมหายใจเขาก็จะหมดลง มีเพียงความรักของเธอเท่านั้นที่จะดึงเขากลับมาได้ ’
ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาผมกำลังไหล “ผมจะช่วยเขาได้ยังไงครับ”
‘ เด็กคนนี้ตกใจจนทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง ใช้ความรักของเธอดึงเขากลับมาสิ จูบเขาสิเจ้าเด็กน้อย ’
ผมนิ่งตรึกตรองกับคำพูดนั้น มือของเคโตะเย็นชืดและสีเลือดบนใบหน้าเริ่มจางหาย ลมหายใจเพียงแผ่วเบาดังให้ได้ยิน ผมมองใบหน้าสวยนั้นอีกครั้ง น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงไปบนแก้มใสของเขา ผมก้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบข้างหูเคโตะราวกับเขาจะได้ยิน “นายต้องกลับมานะ ฉันรักนายนะเคโตะ” ผมเลื่อนริมฝีปากมาสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของเคโตะเพียงแผ่วเบา สัมผัสนั้นราวกับดูดพลังชีวิตผมไปหมด สิ่งสุดท้ายที่รับรู้ได้คือจูบอ่อนโยนที่เคโตะตอบสนองกลับเท่านั้นก่อนที่แสงสว่างทั้งหมดจะหายไป
ความรู้สึกอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา หมอกสีขาวแผ่ปกคลุมม่านตาของผมราวกับอยู่ในความฝัน ผมหลับตาอีกครั้งเพื่อให้สายตาได้ปรับสภาพ
“ยูโตะ ไม่เป็นไรแล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนหวานที่แสนคุ้นเคยกระซิบที่ข้างหูผม ราวกับมันเป็นเสียงสวรรค์ที่ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดมันหายไป “ฉันอยู่นี่แล้วนะ นายต้องไม่เป็นไร”
“เคโตะ” ผมเรียกเขาเสียงแหบแห้ง มือของเคโตะจับมือผมไว้อย่างอ่อนโยน
“ว่าไง” เขาถาม
“นายไม่เป็นไรนะ”
เสียงหัวเราะสดใสของเคโตะดังกังวาน “ลืมตาสิยูโตะแล้วนายจะรู้ว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า”
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มละมุนละไมของเคโตะที่ส่งให้ผม ใบหน้าสวยนั้นพร้อมชุดที่เขาสวมเป็นภาพเดียวกับเคโตะที่ผมเห็นก่อนจะสลบไป “ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”
“ที่เดิม แต่ฉันพานายลงมาแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่หน้าอาคาร 2 นายโอเคแล้วใช่มั้ย?”
“หน้าอาคาร 2 เหรอ” เสียงผมดูโหวงๆอย่างเหนื่อยล้า ผมพยายามยันตันเองให้ลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับอ่อนล้าไปหมด
เคโตะดันบ่าผมไว้ “อย่าเพิ่งลุกนะ นายเพิ่งจะฟื้นต้องพักผ่อนมากๆ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“นายเป็นคนช่วยฉันไว้ไง จำสิ่งที่ตัวเองทำได้หรือเปล่า” เขาถามผมด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย ผมคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำก่อนที่จะสลบไป เคโตะยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบผมอย่างอ่อนโยน ชั่วขณะผมรู้สึกว่าไออุ่นชีวิตกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“นั่นไง! ผมว่าแล้วว่ามันต้องได้ผล หน้าเขามีสีเลือดแล้วเห็นมั้ย” เสียงของยูริดังขึ้นข้างๆ “จูบเขาอีกสิครับรุ่นพี่เคโตะ”
เคโตะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ผมว่าเขาพยายามซ่อนความอายของตัวเองมากกว่า “เจ้าเด็กบ้า! พูดมากไปแล้วนะ” เขาผละจากผมแล้ววิ่งไล่เตะเจ้ารุ่นน้องพูดมากนั่น ภาพของหญิงสาวกระโปรงยาวไล่เตะเด็กน้อยเป็นภาพที่แปลกตาดีแต่ผมว่ามันน่ารักมากกว่า เคโตะหยุดพักเพราะตามเจ้าเด็กยูริไม่ทัน “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เขาตะโกนไล่หลังเจ้าเด็กน้อย
สักพักความเหนื่อยล้าทั้งหมดของผมก็หายไป ผมลุกขึ้นยืนและชั่วขณะนั้นผมเข้าไปยืนประชิดตัวเคโตะ เขาหันหลังกลับทันทีและจ้องมองผมด้วยดวงตาคมที่เบิกกว้างกว่าปกติเล็กน้อย น่ารักจังนะ ผมสัมผัสแก้มเนียนของเขาอย่างแผ่วเบา “วันนี้นายสวยมากเคโตะ”
ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอยิ้มออกเล็กน้อย แก้มใสขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน “วันนี้นายก็หล่อมากยูโตะ”
ผมช้อนคางมนนั้นขึ้นมาก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากสวยนั้นอีกครั้ง เคโตะตอบสนองกลับด้วยจูบที่อ่อนโยนมากเช่นกัน ความอบอุ่นยังคงอยู่เนิ่นนานจนกระทั่ง....
แชะ!
เสียงของกล้องถ่ายรูปดังขึ้นพร้อมแสงแฟลชที่สว่างวาบทำให้พวกเราผละออกจากกันทันที ผมหันไปทางต้นเสียง ยูริยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกล้องถ่ายรูปในมือ “เป็นจูบที่น่ารักดีจัง” เขาพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“เจ้าเด็กบ้า!! ก็บอกว่าอย่าถ่ายรูปไง!!” และแล้วเจ้าหญิงแสนสวยของผมก็หอบกระโปรงยาววิ่งไล่เตะเด็กน้อยคนเดิมอีกครั้ง เป็นภาพที่ประทับใจผมเสียเหลือเกิน ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ เปล่งออกมา แต่ผมก็รับรู้ว่าจูบของเคโตะนั้นต้องการจะบอกอะไร ผมสมหวังแล้วใช่มั้ยนะ? ในที่สุดเคโตะก็อนุญาตให้ผมได้เป็นเจ้าชายคนนั้นของเขาสักที
-------------------------------------------------- THE END --------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ POP_okamo ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ POP_okamo
ความคิดเห็น