SF [HSJ-OkaJima] Love minamoto หนุ่มหน้าใสคว้าหัวใจนายแบดบอย (Yaoi) - SF [HSJ-OkaJima] Love minamoto หนุ่มหน้าใสคว้าหัวใจนายแบดบอย (Yaoi) นิยาย SF [HSJ-OkaJima] Love minamoto หนุ่มหน้าใสคว้าหัวใจนายแบดบอย (Yaoi) : Dek-D.com - Writer

    SF [HSJ-OkaJima] Love minamoto หนุ่มหน้าใสคว้าหัวใจนายแบดบอย (Yaoi)

    โดย POP_okamo

    นับจากนี้นายเป็นของฉันพ่อหนุ่มแบดบอยสุดที่รัก

    ผู้เข้าชมรวม

    547

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    547

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 มิ.ย. 55 / 19:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    แนะนำตัวละคร

     
    Keito  Okamoto


     
    Yuto  Nakajima



    ไรเตอร์จ้า >> http://www.facebook.com/POPThichakorn
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

      Love minamoto หนุ่มหน้าใสคว้าหัวใจนายแบดบอย

      Keito’s  part

      เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องเดินไปโรงเรียนด้วยความโดดเดี่ยวเช่นเดิม  ความจริงแล้วถนนมันก็ไม่ได้เงียบเหงาหรอกนะ  นักเรียนหลายร้อยคนที่วิ่งผ่านตัวผมไป  ผมได้แต่เฝ้ามองตามเขาไปข้างหลังอย่างเงียบๆ  ผมเป็นเพียงแค่ตัวสังคมรังเกียจที่ไม่มีใครสนใจ  เขาหาว่าผมเป็นพวกป่าเถื่อน  ชอบใช้ความรุนแรง  และไม่ทำอะไรตามกฎระเบียบจนต้องถูกพักการเรียนอยู่หลายครั้ง  แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังอุตส่าห์ผ่านขึ้นมาจนถึงมัธยมปลายปีสุดท้ายได้ด้วยคะแนนที่ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง

      ผมเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยไปตามถนนจนถึงหน้าประตูโรงเรียน  แน่นอนว่าผมต้องมาสายอยู่แล้ว  เจ้าประธานนักเรียนตัวแสบยืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนเพื่อรอทำโทษผม  เขาจะวุ่นวายอะไรกับผมนักหนานะ  แต่เพราะเขาน่ารักผมให้อภัยได้  อ้อ!  ที่จริงผมแอบชอบประธานนักเรียนล่ะ  แต่คนอย่างผมเจ้าประธานคงจะไม่สนใจหรอก

      “โอคาโมโตะ  เคโตะ  นายมาสายอีกแล้ว”  ประธานนักเรียน  นากาจิม่า  ยูโตะ  พูดกับผมด้วยคำพูดเดิมๆ  ผมทำเป็นไม่สนใจนั่นทำให้เขายิ่งโกรธผมใหญ่  “นี่!  ฉันพูดน่ะได้ยินมั้ย!  นายมาสายโทษของนายคือไปทำความสะอาดโรงยิมให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง  ไม่งั้นนายก็จะถูกพักการเรียนไปอีกหนึ่งอาทิตย์”

      ท่าทีเมินเฉยของผมยังคงอยู่เหมือนเดิม  รองประธาน  ยามาดะ  เรียวสุเกะ  พาผมไปยังโรงยิมพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดครบครันที่วางพร้อมอยู่  “โรงยิมใหญ่ออกขนาดนี้  นายคนเดียวจะทำไหวเหรอโอคาโมโตะคุง  ให้ฉันช่วยมั้ย”  เรียวสุเกะอาสาด้วยความหวังดี  รองประธานคนนี้เป็นคนเดียวที่พูดดีกับผมในบรรดาคณะกรรมการนักเรียนทั้งหมด

      ผมยิ้มให้เชิงปฏิเสธซึ่งเรียวสุเกะรู้ความหมายดี  เขาพยักหน้าน้อยๆ แล้วออกเดินออกไป  ตอนนี้ทั้งโรงยิมก็เลยเหลือผมแค่คนเดียว  ผมมองอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อยู่บนพื้นอีกครั้ง  ก่อนจะพันแขนเสื้อนักเรียนขึ้นเพื่อเตรียมทำความสะอาดตามบทลงโทษที่ผมได้รับ

       

      Yuto’s  part

      ผมยืนรอเรียวสุเกะอยู่หน้าโรงยิมหลังจากให้เขาพาเจ้าเคโตะตัวแสบไปรับบทลงโทษ  เรียวสุเกะมองผมด้วยแววตาที่แสดงความไม่พอใจ  ทำไมถึงได้เข้าข้างเจ้าเด็กเกเรคนนี้นักนะ

      “ยูโตะคุงลงโทษโอคาโมโตะคุงแรงไปนะ  แค่ชั่วโมงเดียวเขาจะทำเสร็จได้ยังไง  ถ้าได้พักการเรียนอีกโอคาโมโตะคุงจะเรียนไม่จบนะ  แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”  เรียวสุเกะพูดอย่างไม่พอใจ

      ผมทำเป็นเมินเฉย  “โอคาโมโตะอยากจะมาสายเองมันก็ช่วยไม่ได้  อีกอย่างฉันก็เป็นประธานนักเรียน  ฉันก็แค่ทำหน้าที่ตามที่ประธานนักเรียนคนหนึ่งสมควรทำเท่านั้น  ยามาดะเลิกพูดได้แล้ว”

      เรียวสุเกะน้ำตาคลอ  “ยูโตะคุงใจร้ายที่สุดเลย”  เขาเชิดใส่ผมแล้วหันไปจับมือแฟนของตัวเอง  “ไปเถอะยูริ  อยู่ที่นี่แล้วมีแต่อารมณ์เสีย”  เขาหันมาถลึงตาใส่ผมก่อนจะพาแฟนตัวเล็กของเขาไปยังห้องเรียน

      ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากที่เจ้าพวกนั้นลับตาไป  ที่จริงผมก็รู้ว่านี่มันจะรุนแรงไปหน่อย  โรงยิมที่โรงเรียนผมน่ะใหญ่โตอย่างกับอะไรดีไม่เคยมีใครสามารถทำความสะอาดคนเดียวให้เสร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมงหรอก  แต่ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีหรอกนะ  ผมอยากให้เขาประพฤติตัวอยู่กับร่องกับรอยสักทีไม่ใช่ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้  แม้การเรียนของเขาจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีก็เถอะแต่ความประพฤติแบบนี้ก็ต้องมีอบรมกันบ้าง  และที่สำคัญ  มันน่าโมโหที่เจ้านั่นยิ้มให้ยามาดะตลอดเลย

      เพล้ง~!

      เสียงเหมือนของบางอย่างแตกอยู่ภายในโรงยิม  ผมใจเต้นรัวทันทีหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านั่น  “โอคาโมโตะ!  ผมร้องเรียกเขาแล้ววิ่งเข้าไปข้างในโดยที่ไม่ดูอะไร  ผมเห็นที่แขนเจ้านั่นมีเลือดไหลอยู่พร้อมเศษกระจกกระจายอยู่รอบตัว  ผมวิ่งไปหาเขาทันที  เจ้านั่นตะโกนอะไรบางอย่างแต่ผมไม่ฟังจนกระทั่งน้ำสบู่ที่นองอยู่บนพื้นทำให้ผมลื่นไถลจนทรงตัวไม่อยู่  “เฮ้ย!!  ผมล้มลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังก้องแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย

      ผมลุกขึ้นยืนสำรวจร่างกายตัวเองแล้วมองไปยังที่ๆ ผมล้มไปเมื่อกี้นี้  ไม่นะ!  เคโตะวิ่งเข้ามารับตัวผมที่กำลังจะล้มลง  เลือดที่ไหลออกจากศีรษะของเจ้านั่นเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ!

       

      Keito’s  part

      ด้วยนิสัยอย่างผมแน่นอนว่าจะต้องมีคนเกลียดผมอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ  ผมกำลังทำความสะอาดอยู่ดีๆ  กระจกของโรงยิมตรงที่ใกล้ผมที่สุดก็แตกกระจายออกพร้อมลูกบาสที่กระแทกมันเด้งอยู่ข้างๆ  ต้องเป็นเจ้าทาคาคิ  ยูยะอีกตามเคย  ผมใช้แขนบังเศษกระจกที่หล่นลงมาใส่จนได้แผลที่แขน  ลูกบาสกระเด็นไปถูกถังน้ำสบู่ที่ผมใช้ทำความสะอาดล้มลง

      “โอคาโมโตะ!  ผมได้ยินเสียงเจ้าประธานนักเรียนพร้อมร่างกายอันบอบบางของเจ้านั่นวิ่งมาทางผม  ผมพยายามร้องห้ามให้เขาหยุดเพราะน้ำสบู่อาจจะทำให้ลื่นล้มก็ได้ซึ่งมันอันตรายมาก  แต่ดูเหมือนเจ้านั่นจะไม่ยอมฟังผมเลยจนในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้น  เจ้านั่นลื่นน้ำสบู่และกำลังจะล้ม  ด้วยสัญชาตญาณผมวิ่งเข้าไปรับตัวเจ้านั่นไว้ทันที  ศีระผมกระแทกพื้นอย่างแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วครู่  ผมเห็นสีหน้าตกใจของประธานก่อนจะสลบไป

       

      Yuto’s  part

      ผมนั่งรอเคโตะอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินมาสามชั่วโมงแล้ว  ทาคาคิ  ยูยะ  คู่อริของเคโตะถูกพักการเรียนหนึ่งอาทิตย์ข้อหาทำให้กระจกโรงเรียนแตกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ  สมควรแล้ว!  ทางโรงเรียนพยายามติดต่อไปทางบ้านของเคโตะแต่นั่นกลับทำให้ผมรู้ว่าเคโตะอยู่ที่ญี่ปุ่นคนเดียว  พ่อกับแม่แยกทางกัน  ติดต่อแม่ไม่ได้ส่วนพ่อก็ไปต่างประเทศ  ผมนั่งปลงตกอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน  มิน่าเจ้านี่ถึงได้นิสัยอย่างนี้เพราะไม่มีใครคอยอบรมนั่นเอง  คิดๆ ดูแล้วเขาก็น่าสงสารเหมือนกันนะ

      การรักษาผ่านพ้นไปด้วยดี  หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแค่หัวแตกแต่ก็ไม่ได้เป็นแผลร้ายแรงอะไรวันนี้ก็กลับบ้านได้แต่เจ้านั่นกลับไม่ยอมฟื้นสักทีแล้วจะไปส่งที่บ้านได้ยังไงล่ะ  เพื่อรับผิดชอบ  ผมบอกให้คนขับรถมารับเราที่โรงพยาบาลแล้วให้เคโตะไปพักที่บ้านผมก่อนที่จะหายดี

      ในรถเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของคนบนรถ  ผมมองไปยังเคโตะที่หลับอยู่ข้างๆ ผม  ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยทำไมถึงหลับยาวขนาดนี้นักนะ  ผมเผลอมองเจ้านี่อยู่นาน  ดูๆ ไปแล้วเขาก็หล่อดีเหมือนกัน  ด้วยความไม่รู้ตัวผมเอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มเขาเบาๆ  ผมรู้สึกว่าประตูที่เคโตะพิงอยู่นั่นอาจจะแข็งเกินไปอาจทำให้เคโตะปวดหัวขึ้นมาก็ได้  ผมใจเต้นเมื่อรู้ว่าตัวเองตัดสินใจจะทำอะไร  ผมประคองเคโตะให้นอนหนุนตักผม  แบบนี้จะได้หลับสบาย  ผมเผลอมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอีกครั้ง  หัวใจผมเต้นดังจนแทบจะหล่นออกมาอยู่ข้างนอก  แต่นั่นมันทำให้รู้สึกดีจริงๆ

      รถแล่นเข้าไปภายในบริเวณบ้าน  เคโตะยังไม่ตื่น  ผมกับคนขับรถช่วยกันพยุงเคโตะไปไว้ที่ห้องของผมเพราะห้องอื่นยังไม่ทำความสะอาดและห้องของผมก็กว้างพอที่จะอยู่สองคนได้  พอพาเคโตะมานอนแล้วผมบอกให้คนขับรถออกไป  เคโตะยังหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม  ขณะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเคโตะดังขึ้น  ผมค้นเจอมันในกระเป๋า  เบอร์ที่โทรเข้ามาเมมไว้ว่า  พ่อ  ผมกดรับแต่ยังไม่ได้พูดอะไรเสียงของพ่อเคโตะก็รัวใส่ผมแบบไม่ยั้ง

      [ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปมีเรื่องกับใคร  แล้วนี่เป็นอะไรอีกล่ะ  ฉันเบื่อกับนิสัยของแกเต็มทนแล้วนะเจ้าเด็กบ้า!  เมื่อไรแกจะทำตัวดีๆ ให้พ่ออย่างฉันได้ชื่นใจบ้าง  เดือนหน้าฉันถึงจะกลับญี่ปุ่นแกดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน]

      ปลายสายตัดไปเสียดื้อๆ  ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่  นี่หรือคือสิ่งที่พ่อพูดกับลูก  ผมมองเคโตะแล้วน้ำตาคลอ  คงจะโดดเดี่ยวมากสินะ  ผมจับมือเขาขึ้นมากุมไว้  “ไม่เป็นไรนะเคโตะ  ฉันจะอยู่ข้างๆ นายเอง”

       

      Keito’s  part

      ผมตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคย  หัวผมปวดตุบๆ ขึ้นมา  ผมตกใจที่เห็นยูโตะฟุบหลับอยู่ข้างๆ ผม  มือของเขาที่กุมมือผมอยู่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด  ผมยิ้มให้กับความรู้สึกนั้น  อยากให้มือคู่นี้กุมมือผมไว้ตลอดไปเหลือเกิน

      ยูโตะงัวเงียตื่นขึ้นผมรีบแกล้งหลับไปทันที  ผมได้ยินเสียงเจ้านั่นถอนหายใจ  “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ  นี่มันจะสามทุ่มแล้วนะ”  เขาปล่อยมือผมจากนั้นก็ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง  เขาคงออกไปแล้ว  ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วมองสำรวจไปทั่วห้อง  นี่ห้องของประธานนักเรียนเหรอเนี่ย  เรียบง่ายแล้วก็น่าอยู่ดีจัง

      ผมลุกขึ้นยืนแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดดูประวัติการโทรล่าสุด  พ่อโทรมาเมื่อสามชั่วโมงก่อนแต่ใครรับให้ผมล่ะ  อย่าบอกนะว่าเป็นยูโตะ  หวังว่าพ่อจะไม่บอกอะไรให้ยูโตะรู้หรอกนะ

      ประตูเปิดออกพร้อมอาหารในมือของยูโตะ  เขาวางถาดอาหารลงแล้วยิ้มอย่างดีใจ  “ตื่นแล้วเหรอเคโตะ  นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก  มากินข้าวก่อนเถอะวันนี้นายต้องพักผ่อนอีกมาก”

      ผมยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยแบบวางฟอร์ม  “นายช่วยฉันไว้  ขอบคุณมากนะ”

      “นายต่างหากที่ช่วยฉันจนตัวเองต้องมานอนเจ็บแบบนี้  ไม่ต้องขอบใจหรอกกินข้าวก่อนเถอะแล้วค่อยอาบน้ำจะได้พักผ่อน”

      “แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้า”

      ยูโตะปัดมือ  “ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวฉันจัดการให้  นายรีบกินข้าวเถอะนะ”  เมื่อขัดไม่ได้ผมจึงต้องนั่งลงกินข้าวอย่างว่าง่าย  จากนั้นผมก็อาบน้ำและกินยาแก้ปวดที่หมอให้มาตามคำสั่งของยูโตะทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด

      เมื่อเวลานอนมาถึง  ผมนอนไม่หลับไปถึงค่อนคืนเพราะยูโตะเอาแต่นอนเบียดผม  บางทีก็กอดผมบ้างล่ะผมก็ตื่นเต้นเป็นเหมือนกันนะ  จู่ๆ ก็ได้มานอนข้างๆ คนที่แอบชอบแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกเลย  จนเมื่อยูโตะกอดผมอีกครั้งผมก็เลยกอดเขาตอบ  ใบหน้าหวานนั้นหลับตาพริ้ม  ความรู้สึกบางอย่างก่อกำเนิดขึ้น  หัวใจผมเต้นแรงผิดปกติทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้มองเขา  ผมไม่รู้สึกว้าเหว่อีกต่อไปเมื่อมีอ้อมกอดของเขากอดผมอยู่  ผมดึงเขาเข้ามากอดแน่นขึ้น  อยากจะให้อ้อมกอดนี้อยู่กับผมตลอดไปจังเลย

       

      Yuto’s  part

      ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ  บางครั้งผมก็แอบกอดเคโตะบ้าง  ก็เวลากอดเจ้านี่ทีไรก็รู้สึกอบอุ่นทุกทีเลย  แม้ผมจะเคยนอนกับเพื่อนคนอื่นๆ มาหลายครั้งแต่สำหรับเคโตะแล้วมันไม่ใช่  มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปมากจนผมไม่อยากจะคิดเลยว่ามันเป็นอะไร  ผมไม่อยากผิดหวัง

      ผมแกล้งพลิกตัวแล้วกอดเคโตะอีกครั้งหนึ่ง  แต่แล้วสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมใจเต้นรัวมากว่าเดิม  เคโตะดึงผมเข้าไปกอดด้วย  >///< คิดแล้วก็อยากจะกรี๊ดดังๆ  ผมพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเพราะกลัวเคโตะจะยังไม่หลับแล้วจับพิรุธเขาได้  ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดที่กอดแน่นขึ้น  รู้สึกดีจัง  ผ่านไปอีกสักพักที่เคโตะกอดผมยิ่งทำให้ผมนอนไม่หลับ  แต่นั่นกลับทำให้ผมได้รู้ความลับอะไรบางอย่างที่เคโตะปิดบังผมมาตลอด  ความจริงที่ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

       

      Keito’s  part

      ความอบอุ่นจากร่างกายของยูโตะแผ่นซ่านไปทั่วตัวผม  ผมรู้สึกว่าความอัดอั้นตันใจในชีวิตผมหลายๆ เรื่องคลายลงเพียงเพราะอ้อมกอดอันนี้  จะเป็นอะไรมั้ยนะถ้าผมอยากจะพูดอะไรสักหน่อย

      “ยูโตะนายหลับอยู่หรือเปล่า”  ผมถามแต่ไร้เสียงตอบรับจากร่างที่นอนอยู่  ผมยิ้มกับตัวเองเงียบๆ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น  “ทำไมฉันต้องรู้สึกแบบนี้กับนายด้วยยูโตะ  ทำไมฉันต้องรักนายทั้งๆ ที่รู้ว่านายเกลียดฉัน  ขอร้องล่ะ  ช่วยอยู่แบบนี้อีกสักพักได้มั้ย  นายอย่าเพิ่งตื่นนะ”

      น้ำตาผมไหลออกมาหลังจากสารภาพความในใจไปแล้ว ความรู้สึกที่ผมทนเก็บมาโดยตลอดในที่สุดก็ได้สารภาพออกไปแม้คนฟังจะไม่รู้ตัวก็ตาม  แต่แค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นแล้ว

      “จริงเหรอเคโตะ”  เสียงยูโตะพูดกับผมเบาๆ  แต่ผมกลับตกใจจนพูดอะไรไม่ออก  เขายังไม่หลับหรอกเหรอเนี่ย!  “นายรักฉันจริงๆ เหรอเคโตะ”  เขาถามผมอีกครั้งแต่ผมก็ยังไม่ตอบอะไร  เขาผละอ้อมกอดออกมาแล้วจ้องหน้าผม  แววตานั่นมันคงจะผมไม่สามารถละมันไปได้เลย  แววตาที่มองมาอย่างกับสามารถหยั่งไปถึงความรู้สึกที่เก็บอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจได้  “ถ้ารักฉันจริงก็จูบฉันสิ”  ผมชะงักหลังจากที่ได้ยินคำนั้นจากปากของยูโตะ  ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดเล่นแน่แต่ผมก็ยังไม่กล้าทำ  จะให้จูบแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ผมจะทำได้ยังไง

      ยูโตะลุกขึ้นนั่งแล้วหันหลังให้ผม  “นายโกหกฉันใช่มั้ย  ที่บอกว่ารักฉันเป็นเพียงแค่คำโกหกของนายใช่มั้ยเคโตะ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้เบาๆ  ผมทำให้เขาร้องไห้เหรอเนี่ย

      ผมลุกขึ้นนั่งตามแล้วมองคนตรงหน้าโดยไม่รู้จะทำยังไง  “ยูโตะ”  ผมเรียกเขาแต่ปราศจากเสียงตอบกลับมา  “ประธาน”

      “อย่ามาเรียกฉันว่าประธานนะ!  เขาหันมาตะคอกใส่ผม  “คนโกหกอย่างนายไม่สมควรมาเรียกชื่อฉัน”

      ผมเริ่มรู้สึกร้อนรน  “ฉันไม่ได้โกหกนะ  แต่ว่าฉัน....”  ผมเงียบไป  ทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้พูดอะไรไม่ออกเลย  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  “นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอยูโตะ”  ผมพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริง  พอรู้ว่าผมรักเขาแล้วทำให้ยูโตะต้องเสียใจขนาดนี้  ผมไม่พูดซะยังจะดีกว่า  “ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้น  คนอย่างฉันนายคงไม่ต้องการหรอกใช่มั้ยล่ะ  ฉันมันคนไม่มีค่า  ไม่มีใครต้องการฉันหรอก”

      “ไม่นะ”  ยูโตะพูดด้วยอาการตะลึงงัน  เขาจับมือผมไว้  “อย่าพูดแบบนี้สิ  คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้นแหละ”  ผมนิ่งเงียบ  รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน  แม้มือของยูโตะจะยังกุมมือผมไว้แต่หัวใจของยูโตะก็ไม่ได้อยู่ที่นี่  ยูโตะดูกระวนกระวายหลังจากที่เห็นผมไม่ตอบอะไร  เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ  “ยังมีอีกหลายคนที่รักนายนะ  อย่าคิดกับตัวเองแบบนี้สิ”

      “แล้วนายล่ะ  รักฉันหรือเปล่า”  ผมถามออกไปด้วยความรู้สึกประชดประชัน  เขาจะมารู้อะไรกับผมล่ะ

      “ถ้าไม่รักแล้วจะยอมให้จูบเหรอ”  ผมชะงักเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้  จะเอาจริงเหรอ?  ยูโตะยิ้มอย่างเข้าใจ  “ถ้ารักฉันจริงก็จูบฉันสิ”

      ผมจ้องหน้าเขาอยู่นานพยายามเรียบเรียงคำพูดของยูโตะซ้ำแล้วซ้ำอีก  เขาไม่ได้โกหกผมใช่มั้ย?  ใบหน้ายิ้มแย้มของยูโตะช่วยให้ผมยิ้มออก  ผมดึงเขาเข้ามากอดก่อนจะประทับจูบลงไปอย่างอ่อนโยน  นับจากนี้ไม่ว่าจะเจอคนที่เกลียดผมอีกสักกี่คนขอเพียงแค่อ้อมกอดนี้เท่านั้น  ผมไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้ว  รักนะครับประธานของผม

       

      Yuto’s  part

      จูบของเคโตะอ่อนโยนกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก  นับจากนี้นายเป็นของฉันพ่อหนุ่มแบดบอยสุดที่รัก

       

      ----------------------------------------------------------------- END -----------------------------------------------------------------

       

      ไร้สาระมาก  ฮ่าๆๆๆๆ

      แต่งด้วยความมึนๆ งงๆ  ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจประการใดต้องของอภัยด้วยนะคะ  ตอนแต่งไรเตอร์ง่วงมาก  - -zzZ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×