คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์
ธงสีน้ำเงินโบกสะบัดลู่ตามแรงลมบ่งบอกได้ดีถึงสภาพอากาศที่แสนยอดเยี่ยม มันถูกปกลงบนลานกว้างโดยมีเด็กชายและหญิงประมาณ 2-3 คนเป็นผู้อารักขา พวกเขาสวมเสื้อสีน้ำเงินและสวมเกราะหนาทับอีกชั้นกำลังหันมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง ในมือมีอาวุธที่พร้อมจะจัดการใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาชิงธงของพวกเขา
ใครก็ตามที่ว่าคงจะหนีไม่พ้นทีมของเธอ ทีมสีแดง
เด็กสาววัย 11 ปีกวาดสายตาสำรวจไปทั่วๆ ว่าพอจะมีอะไรบ้างที่สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กคนอื่น พลันสายตาของเธอก็สบเข้ารังผึ้งที่กำลังอยู่บนต้นไม้ไม่ไกลจากที่เด็กที่เหลือกำลังยืนอยู่ เธอค่อยๆ ขยับตัวอย่างเงียบเฉียบพร้อมกับง้างคันธนูของตัวเองหวังจะยิงรังผึ้งนั้นให้หล่นลงมาและโชคชะตาก็ค่อนข้างน่ารักกับเธอ หรือไม่ก็เป็นคราวซวยของเด็กคนนั้นเพราะเขากำลังเดินไปอยู่แถวๆ ต้นไม้พอดี
ฟึ่บ!
รังผึ้งตกใส่หัวของเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายราวกับจับวาง เขาส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อผึ้งมากมายพร้อมใจกันออกมาปกป้องบ้านของพวกมัน เนื่องจากที่เหลือคิดว่าเด็กคนนั้นไปทำอันตรายรังของมัน เพื่อนๆ ที่เหลือต่างก็พากันเข้าช่วยเหลือเด็กคนนั้นจนตอนนี้ธงของพวกเขาขาดคนเฝ้า
เด็กสาวหันมองซ้ายขวาด้วยความรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังธง แต่คราวนี้หัวหน้าของอีกฝ่ายดูจะฉลาดกว่าที่คิดเมื่อเด็กชายผมสีส้มอายุเท่ากันกับเธอวิ่งเข้ามาขวางพร้อมกับจ่อปลายดาบมาที่เธอ เด็กสาวไม่รอช้าเธอหยิบดาบของตัวเองออกมาและเริ่มต่อสู้ในทันที เขาอาจจะชำนาญในการต่อสู้แต่อย่าลืมว่าเธอก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขา ดาบของอีกฝ่ายถูกปัดปลิวตกลงที่พื้นและเพื่อไม่ให้เขาวิ่งเข้าไปคว้ามันเพื่อนำมาทำร้ายเธอได้อีก เด็กสาวได้เตะดาบของเขาออกไปจนไกลพอที่ถ้าเกิดเขาวิ่งไปเก็บยังไงเธอก็จะชิงธงของเขาได้สำเร็จก่อน
“ฉันไม่มีดาบแล้วนะ” เขาพูดอย่างกวนประสาทเมื่อเธอหันปลายดาบเข้าใกล้คอของเขา
“ไครอนบอกเสมออย่าประมาทศัตรู นายควรจะเอาเวลาที่คิดแต่จะกำจัดฉันท่องจำสิ่งที่เขาสอน”
“อย่างฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาสอนหรอก เฮอร์ไมโอนี่” เจ้าของชื่อยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เส้นผมสีน้ำตาลถูกรวบไว้เป็นหางม้าปลิวลู่ไปตามสายลม ดวงตาสีฟ้าอ่อนหรี่มองอย่างจับผิดก่อนจะกลับไปเป็นสีน้ำตาลดังเดิม เธอเอียงคอเป็นสัญญาณบอกให้เขาหลบไปซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมทำตามแต่โดยดีแม้จะมีสีหน้าที่บูดบึ้งก็ตาม ทันทีที่ธงสีน้ำเงินถูกดึงออกจากพื้นเสียงพลุสัญญาณก็ประกาศผู้ชนะ เธอได้ยินเสียงของเพื่อนในทีมร้องตะโกนด้วยความดีใจมาพร้อมๆ กับเสียงฝีเท้าของคนนับสิบที่กำลังเดินมาหาเธอกับ เอเวียส บุตรของแอรีส (Ares) เทพเจ้าแห่งสงคราม อาวุธและชุดเกราะอยู่
“กะไว้แล้วเชียวว่าเพื่อนฉันต้องทำสำเร็จ” เด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีกว่าพูดด้วยความสนุกสนาน ชื่อของเขาคือเฮิร์ป บุตรของเฮอร์มีส (Hermes) เทพแห่งการค้า เทพแห่งการโจรกรรมและผู้ส่งสารของเหล่าทวยเทพ
“ได้ข่าวมาว่าห้องน้ำคราวนี้สกปรกกว่าทุกครั้ง หวังว่านายกับพวกจะมีความสุขกับการขัดส้วมนะพวก” เฮิร์ปหัวเราะอย่างสะใจรวมถึงคนอื่นในทีมสีแดงด้วยเช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะซ้ำเติมเอเวียสแม้ในใจจะหัวเราะแทบตายกับภาพที่เอเวียสต้องไปขัดห้องน้ำ รอบที่แล้วเขาทำกับเธอไว้แสบมากเลยทีเดียว คราวนี้คงถึงตาเอาคืน
“รอบหน้าฉันไม่แพ้”
“รอบหน้ามันก็ไม่ใช่ฉันอีกเหมือนกันที่จะต้องไปขัดห้องน้ำเจ้าขี้โมโห”
เอเวียสจ้องมาที่เธอด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะทิ้งท้าย “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ” และเดินปึงปังออกไปพร้อมกับลูกสมุนของเขา
“เอเวียสมันกากจริงๆ ทำเป็นปากดีอยู่ได้” เสียงกวนประสาทของชายผมดำแซมน้ำตาลเข้มเล็กน้อยสีผมคล้ายกับเฮิร์ปแต่หน้าตากวนประสาทกว่าเขาคือ ปาสคาล บุตรของโพไซดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล และมหาสมุทร พูดกับเธอ
“ก่อนจะด่าเอเวียส นายนั่นแหละ! หายไปไหน ทำไมไม่ทำตามแผนที่เราวางไว้ ถ้าผิดแผนขึ้นมาคนที่จะต้องไปขัดห้องน้ำก็คือพวกเรา” เธอต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจ เวลาที่บ้านของเธอร่วมมือกับเขาทีไร คนที่เป็นฝ่ายออกนอกแผนจะเป็นเขาเสมอราวกับว่าถ้าทำตามที่เธอบอกทุกอย่างและเขาจะตายยังไงอย่างนั้น
“อย่างน้อย เรา-ก็-ชนะ”
“นายควรมาช่วย ฉันจำเป็นต้องงัดแผนที่ 18 ออกมาใช้ซึ่งมีความเสี่ยงเกือบครึ่ง”
“เธอลืมอะไรไปรึเปล่าเธอคือ เฮอร์ไมโอนี่ บุตรีของอะธีน่า เทพีแห่งปัญญา สงครามและงานหัตถกรรม เธอน่ะ มีแผนเกินสำรองอยู่แล้ว”
“จะดีมากถ้าเลิกเรียกฉันแบบนั้น นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” ทั้งสองสบตากันราวกับสิงโตสองตัวที่กำลังยืนประจันหน้า ภาพของพวกเขาทั้งคู่ที่ทะเลาะกันบ่อยๆ ค่อนข้างจะชินสายตาของคนในค่าย อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเทพแห่งท้องทะเลและเทพีแห่งปัญญานั้นไม่ถูกกันเป็นผลมาจากเรื่องวิวาทการตั้งชื่อเมือง นี่ยังไม่รวมอีกหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ยีนความเกลียดชังเหล่านั้นคงจะส่งต่อมายังลูกของพวกเขาที่มิวายกัดกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ถึงอย่างนั้น เวลามีเกมชิงธงพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกกันอยู่ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจสำหรับชาวค่าย
“ลองเปลี่ยนไปทำความสะอาดที่คอกม้าดีมั้ย พวกเธอสองคนจะได้สงบลง” เสียงของไครอน[1]ทำให้เฮอร์ไมโอนี่และปาสคาลหยุดทะเลาะกัน
“พวกเธอสองคนนี่นะ” เขากล่าวพลางถอนหายใจ “ไม่ทะเลาะกันสักวันเห็นทีจะไม่ได้”
“ขอโทษค่ะไครอน” “ขอโทษครับ” ทั้งสองพูดด้วยเสียงอ่อน เธอและเขาต่างก็เคารพไครอนเหมือนกับพ่อคนหนึ่ง ยิ่งกับปาสคาลผู้ที่ไม่ได้เจอพ่อแล้วนั้นยิ่งแล้วใหญ่
“ผมว่าบางทีให้ต้นสตรอว์เบอร์รีออกผลเป็นส้มยังมีแนวโน้มกว่าทั้งสองคนเลิกทะเลาะกันอีกนะครับ” เฮิร์ปพูดอย่างติดตลกและก็มิวายโดนมองค้อนจากทั้งปาสคาลและเฮอร์ไมโอนี่
“คราวนั้นอย่าทะเลาะกันล่ะ สามัคคีปรองดองกันเข้าไว้ พวกเราชาวค่ายก็มีกันอยู่เท่านี้ หากไม่รักและปกป้องกันใครจะช่วยดูแลเราล่ะจริงมั้ย? แต่ช่างเถอะ พวกเธอที่เหลือควรไปเตรียมตัวสำหรับงานฉลองคืนนี้” เขาพูดก่อนที่ชาวค่ายคนอื่นๆ จะส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจและไปเตรียมตัวเพื่อมารอร่วมงานเลี้ยงฉลองในเย็นนี้
“เธอจะไปไหนน่ะ” เฮิร์ปถามเมื่อพวกเขาเดินออกจากป่าและเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินแยกไปอีกทาง
“ลานยิงธนู ฉันมีนัดกับเคย์ลา หล่อนบอกจะฝึกให้เป็นกรณีพิเศษ” เธอตอบ
“ซ้อม?” ทั้งสองพูดพร้อมกันราวกับนัดกันมา เฮิร์ปและปาสคาลต่างแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาเท้าเอว “ก็ใช่น่ะสิ พวกนายก็รู้ว่าฉันเกลียดการไปสาย ฉะนั้นถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็อย่ารั้งฉันไว้ นายคงไม่อยากเผชิญความโกรธเกรี้ยวของธิดาแห่งอะพอลโล[2]หรอกใช่มั้ย?” ทั้งสองโบกมือเป็นคำตอบ ภาพเหตุการณ์ที่มีคนวิ่งหนีศรของเคย์ลายังคงตราตรึงในสมองของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี สมกับเป็นบุตรของอะพอลโลเรื่องธนูเคย์ลาเชี่ยวชาญอย่าบอกใคร เธอยิงแม่นราวกับแค่เดินเอาลูกธนูไปปัก ฉะนั้นการอยู่ให้ห่างจากปลายยอดธนูนับว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาถึงยังลานยิงธนูซึ่งมีเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มกำลังซ้อมยิงธนูอยู่ ปลายผมของหล่อนย้อมด้วยสีเขียวหม่นดูแล้วเท่อย่าบอกใคร เธอง้างธนูก่อนจะปล่อยให้ลูกธนูพุ่งไปยังเป้าด้วยระยะห่างราวๆ 50 เมตร เธอจับสายธนูและง้างออกอีกครั้งคราวนี้เป้าหมายของเธอคือระยะห่าง 100 เมตรซึ่งแน่นอนว่าเธอยังสามารถยิงปักลงที่เป้าได้อย่างแม่นยำอีกเช่นเคย
“ก็นะ” เคย์ลาพูดเมื่อเห็นเด็กสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาใกล้ขณะเดียวกันมือซ้ายของเธอก็เริ่มง้างสายธนูอีกครั้ง “เธอมาสาย 2 นาที”
“คงจะต้องโทษเฮิร์ปกับปาสคาล หมอนั่นรั้งฉันไว้”
“ก็ไม่แปลกใจ” เคย์ลาตอบพลางปล่อยลูกธนูออกจากคันธนูพุ่งไปปักที่เป้าในระยะ 150 เมตร
“พึ่งสังเกตว่าเธอเปลี่ยนมาใช้คันธนูโค้งกลับ”
“โอลิมปิกบังคับใช้แต่อันนี้ พูดตามตรงฉันไม่ชินเลยสักนิด― เชี้ยเอ๊ย” เคย์ลาอุทานด้วยความหงุดหงิดเมื่อเป้าที่ 200 เมตรของเธอพลาดไปที่ 9 คะแนน เด็กสาวรุ่นพี่วางธนูในมือก่อนจะลองเปลี่ยนไปใช้คันธนูไม้แบบโบราณแบบเดิมที่เธอเคยใช้และใช่มันเข้าเป้าพอดีเป๊ะราวกับจับวางจริงๆ
“ทำไมเขาไม่ให้ใช้คันธนูแบบเก่ากันนะ” เธอพูดด้วยความไม่พอใจ “รับรองเลยว่าไม่ว่าจะ 200 เมตรหรือ 500 เมตร ฉันก็ไม่มีวันแพ้”
“ทุกคนเขาก็ฝึกใช้คันธนูแบบโค้งกลับกันทั้งนั้น อีกอย่างคันธนูโบราณไม่ค่อยมีใครเชี่ยวชาญขนาดเธอที่จะยิงแม่นได้ 200 เมตรขึ้นไปสักหน่อย”
“ไหนเธอบอกว่าจะสอนฉันยิงธนู?” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเคย์ลาเก็บอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยิงธนูทุกอย่างไว้เรียบร้อยดังเดิม “พอแล้วกับการยิงธนู จริงๆ ฉันจะชวนเธอไปพายเรือต่างหาก” เธอตอบพลางทำท่าทางบิดขี้เกียจก่อนจะเอาแขนมาพาดที่ไหล่ของเธอ “แต่ไหล่และแขนของฉันนี่สิสาวน้อย เจ็บปวดอย่างกับโดนแซเทอร์กระทืบ”
“นั่นทำให้เธอต้องเป็นคนพาย” “นั่นทำให้เธอต้องเป็นคนพาย!” เธอพูดประโยคเดียวกันกับเคย์ลาทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าที่บึ้งตึง
บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความสงบ เคย์ลานั่งมองผืนน้ำอย่างสบายใจเฉิบ บ้างก็เอามือวักน้ำเล่นบ้างก็ถอดรองเท้าเอาเท้าจุ่มน้ำทำให้การพายเรือของเธอลำบากไปอีกขั้น
“รู้หรอกว่ากำลังด่าฉันในใจ” เคย์ลาพูดพลางส่งรอยยิ้มกวนประสาทมาให้เธอแต่ก็มิวายทิ้งน้ำหนักลงไปยังเท้าที่กำลังแช่น้ำอยู่ “ตอนเธออายุ 6 ขวบฉันก็เคยพายเรือนี่ให้เธอนั่ง ฉะนั้นถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้วกันนะเจ้าหนู” เคย์ลาหัวเราะเสียงดังทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดไม่ได้ที่ยกไม้พายตีน้ำให้กระเด็นถูกใส่เธอ ต้องขอบคุณแรงอันมหาศาลของครึ่งหนึ่งในสายเลือดของเธอทำให้การพายเรือเป็นไปได้ด้วยดี เพราะตามความเป็นจริงเด็กสาวอายุ 12 ไม่มีทางจะพายเรือที่มีน้ำหนักของคนนั่งกับเรือรวมกันแล้วเกิน 50 กิโลกรัมได้หรอก
“มาเดทกันหรอ” ลีน่า หนึ่งในกลุ่มไนแอ็ด[3]ที่กำลังยืนอยู่บนฝั่งร้องทักเมื่อเห็นทั้งสองพายเรือผ่านกลุ่มเธอ
“โปรดอย่าเรียกเดท เรียกใช้แรงงานเด็ก” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนกลับไปเรียกเสียงหัวเราะให้กับเหล่าไนแอ็ดที่กำลังนั่งเล่น เฮอร์ไมโอนี่หยุดเรือกลางคันเพื่อที่จะพูดคุยกับเหล่านางไม้สาวที่เหลือ พวกเธอมักเป็นแหล่งข้อมูลซุบซิบนินทาที่ดีที่สุดในค่ายเลือดผสม รับรองว่าอัปเดตจากพวกเธอไปยังไงก็ไม่มีตกหล่น
“ได้ข่าวว่าการแข่งขันครั้งนี้ทีมเธอเป็นฝ่ายชนะ?” ไอล่า นางไม้สาวที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามพลางเอานิ้วสางผมของเธอ การปล่อยให้นางไม้เล่นหัวของตัวเองก็เหมือนการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แม้พวกเธอจะชอบบ่นว่าเส้นผมของเฮอร์ไมโอนี่มันเหมือนจะมีชีวิตก็เถอะ “ฉันจะไม่ยอมทำความสะอาดในรอบนี้แน่ๆ” เธอกล่าว
“แหงแหละได้ข่าวว่ามีซากโทรลล์อยู่ในนั้น ห้องน้ำนี่เละอย่าบอกใครแถมกลิ่นก็สะพรึงในชนิดที่ว่ากลิ่นมันฟุ้งไปไกลถึงบ้านพักฉันเลยเชียว” เคย์ลาทำหน้าตาพะอืดพะอมเมื่อนึกถึงกลิ่นชวนสยองของโทรลล์ บ้านพักของบุรุษเทพอยู่ฝั่งซ้ายเป็นเลขคี่ (หากยืนจากตรงปากรูปโอเมก้า) และแน่นอนบ้านพักของเธอที่เป็นฝั่งของสตรีเทพอยู่ฝั่งขวาและใกล้ห้องน้ำสุด กลิ่นเหม็นเหล่านั้นทำเอาเธอและสมาชิกในบ้านนอนไม่หลับจนต้องหาหนังสือมาอ่านหรือหาทฤษฎีอะไรมานั่งถกกันจนถึงเช้า
สาวๆ ต่างสนทนาพูดคุยกันจนตะวันเกือบจะลับขอบฟ้า สองสาวโบกมือลาเหล่าไนแอ็ดและพายเรือแคนูกลับที่เดิมก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านพักของตน
ไดอารี่ของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เล่มที่......เท่าไหร่? เธอเองก็จำไม่ค่อยจะได้เพราะด้วยนิสัยที่รักการเขียนอ่านและเขียนมาตั้งแต่ยังเด็ก เดาได้เลยว่าเธอคงมีไดอารี่ไม่ต่ำกว่า 10 เล่มแน่ๆ และใช่เธอทำ
ทุกครั้งที่ขึ้นเล่มใหม่เธอมักจะเขียนแนะนำตัวอยู่เสมอรวมถึงเขียนเล่าชีวประวัติคร่าวๆ ของตัวเองไว้ด้วย
ใครจะรู้บางทีถ้าเกิดเธอได้รับภารกิจออกเดินทางแล้วเกิดสมองกระทบกระเทือนถึงขั้นความจำเสื่อมขึ้นมาการกลับมาอ่านไดอารี่พวกนี้อาจจะทำให้เธอจำได้ก็ได้
เจ้าของไดอารี่มีชื่อว่า เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เกิดวันที่ 19 กันยายน ฉันเป็นเลือดผสม พ่อเป็นมนุษย์ส่วนแม่เป็นเทพี ทุกคนคงจะเดาออกว่าคือใคร ใช่มั้ย?
พูดถึงเรื่องครอบครัวแล้วเดี๋ยวจะยาว ตามหลักแล้วฉันพ่อฉันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาหรอก ท่านไม่ใช่ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมน ไอรอนแมนหรือแม้แต่แบทแมน ไม่ใช่การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อะไรทำนองนั้น แต่เขาคือพ่อมด
ใช่ พ่อมดหรืออีกคำที่ใช้เรียกแบบไม่ระบุเพศ คือ ผู้วิเศษ ตามนิยายหรือนิทานหลอกเด็กอะไรทำนองนั้นแหละ เขาไม่ได้สวมหมวกทรงแหลมหรือมีหน้าตาน่าเกลียดอะไรหรอกนะ ‘ออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ’ ประโยคนี้อย่าให้เขาอ่านเชียวไม่งั้นคงได้ยิ้มแก้มแตกไป 3 อาทิตย์
เฮกเตอร์เป็นพ่อมดที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งนั่นทำให้ฉันมีพี่ชายต่างมารดาหนึ่งคน เขามีชื่อว่า เฮเลียส เขาอายุมากกว่าฉัน 5 ปี เป็นพี่ชายที่แปลกดีแต่ก็พอจะพึ่งพาได้ แม่ของพี่เสียไปตอนที่พี่เกิด พ่อเลยกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เฮกเตอร์เป็นพ่อที่ดีเท่าที่จะเป็นได้ เขาพยายามเติมเต็มความรักให้กับเด็กทั้งสองอย่างดี ทำหน้าที่ในส่วนที่ขาดหายไปของผู้เป็นแม่ เธอเคยเห็นพี่เฮเลียสยืนคุยกับภาพเหมือนคุณนายของคฤหาสน์หรือคุณน้าไอล่า แม่ของพี่ เธอสวยและอ่อนหวานมากแถมยังใจดีสุดๆ บางครั้งเธอก็แอบฟังพวกเขานั่งคุยกันเพราะไม่อยากให้พ่อจับได้ว่าเธอเองก็คิดถึงแม่
พูดถึงแม่ ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยเจอท่าน มีเพียงครั้งเดียวคือเสียงกระซิบที่โผล่มาสมองของเธอตอนเธออายุ 8 ขวบ ไม่แน่แปลกใจ พวกเทพหรือเทพีไม่ค่อยสนใจเหล่าเด็กในค่ายเท่าไหร่นัก บางคนดีหน่อยที่เคยเจอตัวเป็นๆ แต่มากสุดก็เพียงแค่ครั้งเดียว บางครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็อิจฉาเด็กคนอื่นๆ ที่ถ้าหากพวกเขาล้มลงก็จะมีแม่วิ่งมาโอ๋รวมถึงคอยปลอบว่าไม่เป็นไร แต่ก็ได้แค่คิดน่ะนะ ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอก
ช่างเรื่องของครอบครัวเธอไปเรื่องชาวค่ายกันดีกว่า
ค่ายฮาล์ฟบลัด (Half blood camp) เป็นค่ายที่เหล่าคนที่มีเชื้อสายของเทพครึ่งหนึ่งอยู่ในตัวอาศัยอยู่ เด็กที่มายังค่ายนี้จะมีอายุประมาณ 10-13 ปี เพราะเวลาที่พวกเขาโตขึ้นจะมีกลิ่นที่พวกปีศาจและแซเทอร์[4]เท่านั้นที่จะได้กลิ่น แซเทอร์จะเป็นพวกที่นำพาเด็กเหล่านั้นมาที่ค่ายก่อนจะโดนปีศาจพวกนั้นปลิดชีพ
หากคุณกลัวว่าจะติดแหง็กอยู่ที่ค่ายนี่ไปตลอดละก็ไม่ต้องห่วง หากคุณเป็นบุตรแห่งอะโฟรไดต์[5]หรือดีมิเทอร์[6] พลังของคุณก็จะไม่แรงมากนัก ส่งผลให้ปีศาจอาจจะไม่ตามล่า คุณจะแวะมาพักที่นี่แค่ช่วงฤดูร้อนก็ได้ แต่สำหรับบางคนที่มีกลิ่นดึงดูดปีศาจ ฉันไม่แนะนำให้ออกไปหรอกนะ การออกไปก็เหมือนเดินลงไปในบ่อจระเข้
บางคนก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก เช่น เธอที่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด เหตุเกิดจากตอนที่เธออายุได้ราวๆ 6 เดือนเกิดมีปีศาจบุกคฤหาสน์ขึ้นมาทำให้พ่อต้องส่งเธอมาที่นี่ ‘พ่อบอกว่าไครอนไปรับเธอถึงที่เชียวล่ะ’
ค่ายฮาล์ฟบลัด เป็นที่ที่มีเขตแดนกั้นอสุรกายและมนุษย์ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาได้ โดยรายได้เสริมส่วนหนึ่งของค่ายมาจากการขายสตรอว์เบอร์รี ในชื่อแบรนด์ เดลฟี อันเป็นชื่อนักทำนายคนเก่าของค่าย ในมุมมองของมนุษย์ ค่ายนี้เป็นเพียงไร่สตรอว์เบอร์รีเท่านั้น (ซึ่งสตรอว์เบอร์รีที่นี่อร่อยอย่าบอกใครเลยล่ะ) มีการใช้หุ่นมังกรโลหะ (อภินันทนาการจากบ้านเฮเฟตัส[7]และเทพผู้เป็นบิดาของพวกเขา) ในการป้องกันค่ายอีกที แต่ในบางครั้งหุ่นมังกรเหล่านี้ก็อาจจะเกิดการรวนของระบบบ้างทำให้ต้องซ่อมอยู่บ่อยครั้ง แต่เขตแดนของค่ายนั้นไม่สามารถป้องกันจากการอัญเชิญภายในค่ายและการเข้ามาผ่านทางเขาวงกตของเดดาลัสได้
บางคนอาจจะบอกว่า ‘ว้าว เจ๋งมากที่ปีศาจมันไม่สามารถเข้ามากได้’ จริงๆ มันก็มีกรณีที่มันพลัดหลงเข้ามาเหมือนกันนะ ประมาณว่าพลัดหลงเข้ามาในป่าแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ไม่ต้องห่วงเด็กในค่ายของเขาเป็นพวกมีฝีมือ พวกเขาถูกฝึกให้ต้องเตรียมรับมือในการต่อสู้และเตรียมพร้อมในสักวันหนึ่งที่จะได้รับภารกิจออกเดินทาง
ชาวค่ายส่วนใหญ่จะพักในบ้านของเทพที่ตัวเองมีเชื้อสายซึ่งมีทั้งหมด 12 หลัง ก่อนจะเพิ่มเป็น 20 หลังเมื่อได้มีการพบว่าบางส่วนในบ้านเฮอร์มีสนั้นไม่ใช่บุตรธิดาของเทพโอลิมเปียนส์ โดยแต่ละบ้านจะมีลักษณะที่แตกต่างกันตามแต่เทพบิดาหรือเทพมารดา บางบ้านก็สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแด่เทพเจ้าองค์นั้นๆ แม้จะไม่ได้มีบุตรหรือธิดาเลยก็ตาม เช่น บ้านเฮร่า[8] บ้านอาร์เทมีส[9] เป็นต้น
ความเป็นจริงแล้วรายละเอียดของค่ายนั้นมีเยอะมาก เกรงว่าถ้าเขียนจนหมดน่าจะกินพื้นที่ของไดอารี่ไปแล้วเกือบครึ่งเล่ม ฉะนั้นขอเล่าพอเป็นพิธีดีกว่า อีกอย่างเกิดมันตกไปอยู่ในมือคนไม่ดีขึ้นมาพวกนั้นจะได้ไม่รู้เยอะ ‘จริงๆ แล้ว เธอไม่ควรเขียนมันตั้งแต่แรก’
บ้านพักของเธอคือบ้านพักหมายเลข 6 ใกล้กับห้องน้ำสะดวกในการใช้งาน ข้อเสียคือถ้ามีตัวอะไรตายในนั้นกลิ่นกะจะตลบอบอวลไปทั่วในชนิดที่นอนไม่หลับกันเลยทีเดียวเชียว
บ้านพักหมายเลข 6 ตัวบ้านพักจะเป็นสีฟ้าตัดกับสีทอง มีสัญลักษณ์เป็น นกฮูก, ต้นมะกอก, งู, อีจิส, เสื้อเกราะ, หมวกเกราะ, หอก, กอร์กะเนียน ตกแต่งตามผนัง และที่ขาดไม่ได้คือ หนังสือหลายร้อยเล่มที่อ่านยังไงก็ไม่เบื่อ (มีมาเติมเรื่อยๆ น่ะสิ)
“ได้ข่าวว่าไปเดทกับเคย์ลา” มัลคอล์ม หัวหน้าที่ปรึกษาบ้านพักหมายเลข 6 เอ่ยทักทันทีที่ก้นของเธอแตะลงบนเก้าอี้ของลานรับประทานอาหาร เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ตอบ เธอเลือกเครื่องดื่มในหัวก่อนที่จะสนใจการหยอกล้อของเขา ‘สมูทตี้มันม่วงและน้ำเปล่า’ เธอนึก ฉับพลันเครื่องดื่มที่เธอปรารถนาก็ปรากฏอยู่บนโต๊ะโดยไม่ต้องรีรอ
“น้ำเปล่า?” ชายวัย 15 ปีเลิกคิ้ว “ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“นายไม่เบื่อบ้างหรอโคล่าน่ะ กินทุกมื้อพุงออกนะจะบอกให้”
ลานรับประทานอาหาร เป็นลานกลางแจ้งที่มีเสาหินอ่อนแบบกรีกแจ้งรายล้อมมันตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองไปก็จะเห็นทะเลเป็นภาพที่สวยเกินบรรยายเสริมสร้างอารมณ์สุนทรีย์ในการรับประทานอาหารได้ค่อนข้างมาก ข้อเสียคือไม่มีกำแพงและหลังคา วันไหนฝนตกการรับประทานอาหารวันนั้นก็จะไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ ‘ก็―เปียกก็ต้องกินน่ะนะ’ บนเสาหินอ่อนมีคบเพลิงแขวนเอาไว้รอบๆ มีกองไฟตรงกลางลุกโชกโชนอยู่ในเตาไฟสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ประมาณอ่างอาบน้ำ บ้านพักแต่ละหลังจะมีโต๊ะของตัวเอง ทุกโต๊ะผูกด้วยผ้าสีขาวขลิบด้วยด้ายสีม่วง
“ฉันวิ่งรอบค่ายทุกวันจะเอาอะไรมามีพุง” เขาบ่นพลางยกมือขออาหารจากนางไม้ไดรแอ็ด “โมเรีย ผมขอสเต๊กปลาแซลมอนและพุดดิ้งคาราเมลสักที่หน่อยครับ” มัลคอล์มร้องบอกไดรแอ็ดที่กำลังเดินเสิร์ฟอาหารให้กับเด็กคนอื่นอยู่
“ส่วนฉันขอ―”
“ผักโขมอบชีสและซี่โครงแกะย่างในซอสสะระแหน่” ยังไม่ทันที่เธอจะได้บอกเมนูของตนให้กับนางไม้สาวฟัง เธอก็ยกสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องการมาให้พร้อมกับของมัลคอล์ม
“เธอสั่งเมนูนี้ทุกวันพุธ ฉันจำได้” โมเรียพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเสิร์ฟอาหารต่อ ทิ้งความงงงวยไว้กับเธอและรุ่นพี่ที่สนิทที่กำลังนั่งกลั้นขำอยู่ตรงข้าม
“เฮ้! อายุแค่นี้เสน่ห์แรงแล้วรึไง ฮะ?” เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือจานของตนพลางพูดเสียดสีอีกฝ่าย “ถ้าไม่ติดว่านายเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาฉันละก็ ฉันจะเอาสมูทตี้มันม่วงสาดใส่นาย”
“และเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของเทพีดีมิเทอร์? น้องรักคิดดีแล้วหรอ?” เขากอดคอเธออย่างสนิทสนมและโดนสะบัดออกในทันทีที่ชาวค่ายเดินมาหยุดอยู่ที่หน้ากองไฟ
ตามประเพณีของค่ายก่อนรับประทานอาหารจะต้องแบ่งส่วนที่ดีที่สุดโยนลงไปในกองไฟเพื่อเป็นการบวงสรวง เธอหั่นซี่โครงแกะบริเวณที่ฉ่ำซอสที่สุดและผักโขมครึ่งหนึ่งโยนเข้ากองไฟ
“แด่เทพีเฮสเทียและเทพีอะธีน่า”
“แล้วนี่จะกินอีกนานมั้ย? ฉันเบื่อเสียงร้องของหมอนั่น” เฮิร์ปที่เดินมาจากโต๊ะของตัวเองยืนบ่นเมื่อเห็นว่าเธอยังทานอาหารไม่เสร็จ
“แล้วจะรอทำไมเล่า ทำไมไม่ไปที่นั่นก่อน” ที่นั่นที่เธอพูดถึงคือลานมหรสพ พื้นที่นั่งของอัฒจันทร์หันหน้าเข้าหากองไฟที่ก่อด้วยเนินหิน กองไฟจะเปลี่ยนสีตามอารมณ์ของบุคลากรในค่าย ข้างๆ กันนั้นเหล่าสมาชิกจากบ้านอะพอลโลกำลังนำร้องเพลงสร้างความบันเทิงให้กับชาวค่าย
“นายปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าออสติน เขาร้องเพลงเพราะจริงๆ” เธอยักไหล่ตอบขณะที่ตัดผักโขมอบชีสคำสุดท้ายเข้าปาก เฮิร์ปและปาสคาลมองมาที่เธอราวกับเห็นเธอมีปีกบินได้
“อย่า...บอกนะ” เฮิร์ปพูดติดขัด “เธอหลงเสน่ห์มันแล้วงั้นหรอ!! โอ๊ย―” เขาลูบหน้าผากของตัวเองด้วยเจ็บปวดเพียงน้อยนิดเมื่อถูกเธอดีดหน้าผาก “อย่ามาทำตัวไร้สาระ” เธอตอบเขา “อีกอย่างวันนี้ร่างฉันเหมือนจะแหลกเพราะโดนใช้ให้พายเรือ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน เจอกันตอนเช้า”
เฮอร์ไมโอนี่ยกนาฬิกาข้อมือที่ได้มาจากร้านขายของชำประจำค่ายและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาราวๆ ตี 1 ร่างเล็กค่อยๆ เดินผ่านความมืดอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ใครหรืออะไรก็ตามรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ตรงนี้ เด็กสาวเห็นหลังคาบ้านพักอยู่รำไรใจของเธอก็ชื้นขึ้นมาทันที การเดินผ่านความมืดคนเดียวเป็นอะไรที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตรายแต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำไม่บ่อย
เธอเดินมาถึงยังประตูบ้านพักหมายเลข 6 ด้วยจิตใจที่เบิกบาน ขาของเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่ที่พักแต่ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาเสียก่อน
“วันนี้กลับช้ากว่าครั้งก่อนนะ”
แม้จะไม่ได้หันกลับไปมองในทันทีแต่เจ้าของเสียงก็สัมผัสได้ว่าเธอกำลังตกใจ เฮอร์ไมโอนี่ขอพรในใจให้อย่างน้อยใครก็ตามที่พบเธอคือเด็กชาวค่าย หรือในกรณีที่แย่ที่สุดคือ ไครอน
เธอหันไปเผชิญหน้ากับชายที่เธอไม่อยากพบเจอที่สุดในสถานการณ์นี้ เขายังคงสวมเสื้อฮาวายลายเสื้อราวกับทั้งตู้มีแค่เสื้อตัวนี้ตัวเดียว เส้นผมของเขาเป็นสีดำส่วนดวงตาสีม่วงสีเหมือนกับองุ่นที่ดูเผินๆ ก็แค่ดวงตาสีม่วงที่เห็นไม่บ่อยนักตามชาวบ้านธรรมดาแต่อย่าให้เขาอารมณ์ไม่ดีเชียว อารมณ์ของเขาก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับพวกเหล่าเทพบนเทือกเขาโอลิมปัสที่มีอารมณ์เหมือนคนแก่
“คุณดี.” ชื่อของเขาหลุดออกจากริมฝีปากของเธอ ในสถานการณ์นี้ทำไมต้องเป็นเขากันที่ได้เจอเธอ “ยังไม่นอนหรอคะ”
“นอนไม่หลับ” เขาตอบขณะที่เปิดกระป๋องโคล่าที่อยู่ข้างตัวของตน “มารับไปสิ สักกระป๋อง”
“หนูไม่ดื่มน้ำอัดลมค่ะ” เธอปฏิเสธ
“ฉันบอก มารับไปสิ” เดาได้ไม่อยากว่านี่ไม่ใช่ขอคำแต่เป็นคำสั่ง เธอเดินไปใกล้ๆ เขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกองชุดที่เหล่าบุตรธิดาอะพอลโลใช้ตีในลานมหรสพ เด็กสาวเปิดกระป๋องน้ำอัดลมด้วยความอึดอัดที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้กับเขา “เดาว่าคุณคงมีเรื่องจะคุยกับหนู”
“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเธอไปไหน” เขากระดกโคล่าในกระป๋องพลางปาดหยดน้ำที่เหลือออกจากริมฝีปาก “การออกไปข้างนอกท่ามกลางความมืดและเหล่าอสุรกายนับสิบที่พร้อมจะกะซวกไส้เธอภายในครั้งเดียว นับว่าไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังจากความคิดของบุตรีแห่งอะธีน่า”
“งั้นคุณจะไล่หนูออกจากค่ายงั้นหรอคะ?” เธอถามเขา เธอผูกพันกับที่นี่เกินกว่าจะออกไป อย่างที่เขาพูดแม้เธอจะฝึกฝนมามากแต่เธอก็ยังเด็กเกินกว่าจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนั่น การออกไปก็เหมือนออกไปตาย
“นี่ไม่ใช่ข้างแรกที่เธอออกไปไม่ใช่หรอ? เผื่อเธอลืมว่าฉันเป็นใครเจ้าหนู” เขาพูด “แม้จะอยากไล่เธอไปให้พ้นๆ เพราะการเก็บตัวอันตรายไว้ใกล้ตัวทำให้ฉันปวดหัวก็เถอะ แต่ฉันไม่ได้อยากรองรับอารมณ์ของพ่อสักหน่อย” คุณดี. พึมพำจนฟังแทบไม่เป็นประโยคแต่นั่นก็พอให้เธอเบาใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้จะไล่เธอออกไป
คุณดี. โบกมือหนึ่งครั้งพลันกระป๋องโคล่าเปล่าที่เขากินหมดก็หายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความว่าเปล่า “เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” เขาพูดแต่เฮอร์ไมโอนี่จับสังเกตได้ว่าแววตาขอเขาเปลี่ยนไป คุณดี. ไม่ได้พูดอะไรต่อเขาลุกขึ้นยืนและเดินนำหน้าเธอไปเป็นนัยให้เธอเดินตามเขา
ทั้งสองเดินผ่านลานมหรสพและสถานที่สำหรับฝึกงานศิลปหัตถกรรมตรงไปที่เนินฮาล์ฟบลัด จิตใจของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง เนินเขาฮาล์ฟบลัดเป็นที่อยู่ของผู้หยั่งรู้ หรือเทพพยากรณ์ นั่นหมายความว่าภารกิจออกเดินทางของเธอมาถึงแล้ว ‘แต่เธอพึ่งจะ 12 เองนะให้ตายสิ!’
ทางเข้าถ้ำติดคบเพลิงทั้งสองด้านมีผ้าม่านสีม่วงปักด้วยงูหลายตัว มองจากข้างนอกเข้าไปแล้วเธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกนอกจากความมืด คบไฟที่ติดอยู่ทั้งสองทางเข้ามีความสว่างอยู่ที่ประมาณ 5 ก้าวของเธอ เพียงแค่เฮอร์ไมโอนี่เดาเข้าไปข้างใน มั่นใจได้เลยหากมีปีศาจในนั้นชีวิตเธอจบเห่แน่นอน
“ฉันจะรออยู่ด้านนอก หวังว่าเธอจะกลับออกมาแบบมีสติครบถ้วน ฉันไม่อยากตอบคำถามพ่อมนุษย์งี่เง่าของเธอในวันคริสต์มาสว่าทำไมลูกสาวของเขาถึงเป็นบ้า” เมื่อพูดจบเขาก็เดินหายไปในความมืด สงสัยไอ้ประโยคที่ว่าเขาจะรออยู่ข้างนอกคงเป็นตอนที่เธอเดินเข้าโรงเชือดก่อนล่ะสิไม่ว่า
เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองภายในถ้ำเบื้องหน้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดด้วยความหวาดหวั่น เธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกลั้นใจก้าวเท้าเดินเข้าไปยังในถ้ำ ระหว่างทางมีคบไฟประดับอยู่เพราะมันติดทุกครั้งที่เธอเดินผ่านและดับเมื่อเธอผ่านพ้นไปแล้ว เธอเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนมาพบกับม่านสีม่วงที่ปักด้วยลายงูอีกเช่นเคย ด้วยแสงจากคบเพลิงที่ริบหรี่ทำให้เด็กสาวสามารถลองเห็นเงาของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงกำลังนั่งรอเธออยู่
“กำลังรออยู่เลย เฮอร์ไมโอนี่” ทันทีที่เธอแหวกม่านออกหญิงสาวในวัย 17 ปีก็ได้กล่าวทักทายเธอ อีกฝ่ายมีผมสีแดงและดวงตาสีเขียวที่กำลังจับจ้องมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม “อยากดื่มชามั้ย ฉันมีชามะลิ ชาคาโมมายล์และอีกมากมายให้เธอเลือก” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าเป็นคำตอบและเอ่ยขอเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น ราเชลพยักหน้าอย่างให้ก่อนจะหันไปและกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำหนึ่งแก้ว
“แล้วเลือกการเดินทา―” ยังไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ตัดบทขึ้นมา “เธอกลัวฉันหรอ?”
ถ้าบอกว่าไม่กลัวเดี๋ยวจะหาว่าโกหก ปกติผู้ทำนายเขารู้ทุกอย่างแม้กระทั่งอ่านใจได้มั้ยนะ?
“ก็....ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบตามความจริงทำให้ราเชลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย แถมอยู่ที่นี่ก็เหงามาก”
“ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้หรอคะ?”
“ไม่หรอก ส่วนใหญ่ก็กลัวกันหมด ฉันว่าฉันก็ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวเลยสักนิดทำไมกันนะ” ราวกับประโยคข้างต้นเธอไม่ได้พูดกับเฮอร์ไมโอนี่แต่เธอพูดกับตัวเองเสียมากกว่า “เอาล่ะ เข้าสู่ประเด็นที่ฉันเรียกเธอมาตอนนี้ดีกว่า”
“ภารกิจการเดินทางของฉันมาไวกว่าที่คิด” ราเชลขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูด “ภารกิจการเดินทาง? ที่เรียกมาไม่ได้เกี่ยวกับภารกิจการเดินทางสักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ถ้าไม่ใช่ภารกิจการเดินทางงั้นจะเป็นอะไรได้อีก ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรดวงตาสีเขียวก็ส่องสว่างวาบขึ้นประมาณ 5 วินาทีก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิม
“ท่านเทพพยากรณ์?”
“เรียกราเชลเถอะ มาฟังดวงของเธอกัน”
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว “ดวงของฉัน?” ราเชลพยักหน้ารับ “ใช่! ก็เธอเห็นลูกแก้วนี่ใช่มั้ย ตอนที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่จู่ๆ มันก็สว่างขึ้นมาฉันเลยเรียกเธอมาที่นี่”
“ค่ะ....” แม้จะมีคำถามมากมายแต่เธอก็พยายามไม่ถามออกไปก่อนและรอให้อีกฝ่ายเป็นคนบอก
“ลูกแก้วพยากรณ์บอกว่า เธอมีเกณฑ์จะได้ออกเดินทาง― แต่เฮ้! ฟังก่อนลูกแก้วไม่ได้หมายถึงภารกิจเดินทาง มันหมายความว่า ชายที่คุ้นเคยจะมาพร้อมกับจดหมาย เธอจะต้องจากที่นี่ไปแต่ไม่ใช่ว่ากลับมาไม่ได้ มีสิ่งมากมายรอให้เธอไปพบ การตัดสินใจทุกอย่างเป็นสิ่งที่เธอต้องระมัดระวัง หากตัดสินใจพลาดแม้แต่นิดเดียว นั่นหมายถึงเธอกำลังก้าวเข้าใกล้ประตูนรก เปิดใจให้กว้างๆ ใช้จิตใจนำทางและเธอจะได้คำตอบ” เฮอร์ไมโอนี่พอจะจับใจความกับสิ่งที่ราเชลพูดได้อยู่บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด บางทีเธออาจจะต้องรอและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น เธอนั่งคุยกับอีกฝ่ายอยู่สักพักและให้สัญญาว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ก่อนจะขอตัวกลับเพื่อไปนอน คุณดี. รอเธออยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าบึ้งตึงเมื่อเธอให้เขารอ เด็กสาวแทบจะจำใจความในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้เพราะตอนนี้เธอกำลังง่วงและสมองของเธอก็ต้องการการพักผ่อนอย่างหนัก บางทีถ้าพรุ่งนี้เธอตื่นสายสักนิดก็หวังว่ามัลคอล์มจะไม่ต่อว่าเธอ
ระหว่างที่หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงกำลังทำความสะอาดถ้วยชาของตนอยู่นั้นก็มีบางสิ่งแล่นเข้าจู่โจมร่างกายของเธอ โต๊ะและผนังถ้ำสั่นเรากับมีอสุรกายยักษ์กำลังเคลื่อนไหว ถ้วยกระเบื้องเคลือบลายหลายสิบใบหล่นแตกกระจายลงบนพื้นรวมถึงลูกแก้วพยากรณ์ที่ก็ตกแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเช่นกัน ร่างของหญิงสาววัย 17 ปี รอยขึ้นเหนือพื้นจนเกือบจะชนกับผนังถ้ำ ร่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอันน่าสะพรึงกลัว เส้นผมของเธอลอยและขยับไปมาคล้ายกับมีชีวิต ดวงตาที่ปกติเคยเป็นสีเขียวกลับกลายเป็นดำสนิทจนดูน่ากลัว ปากของเธอขยับเป็นคำพูดและประโยคแต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นกับไม่ใช่เสียงของเจ้าของร่าง
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ราเชลขมวดคิ้วมองสภาพสถานที่ของตัวเองที่เละเทะด้วยความสงสัยก่อนจะเริ่มเก็บกวาด โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองพึ่งได้เอ่ยคำพยากรณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่แม้แต่เหล่าทวยเทพเองต่างก็หวาดหวั่นและเก็บมันไว้เป็นความลับ
ระหว่างที่เธอกำลังรับประทานอาหารเช้าด้วยท่าทีที่เซื่องซึมราวกับแมวป่าเพราะมัลคอล์มขู่จะทุบประตูของเธอหากเธอยังไม่ตื่น เธอวางแผนว่าตอนฝึกที่หน้าผาจำลองเธอจะแกล้งเหยียบหน้าเขาโทษฐานที่มาปลุกเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ ไครอนเรียกพบ” เด็กจากบ้านอาร์เทมีสคนหนึ่งวิ่งมาเรียกเธอที่กำลังจะตักอาหารคำแรกเข้าปาก แม้จะสงสัยแต่เธอก็ยอมลุกแต่โดยดีโดยมีสายตาของปาสคาลที่ส่งมาบอกกับเธอว่างอาหารของเธอเสร็จเขาแน่’
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาถึงบ้านใหญ่ด้วยสมองที่เต็มไปด้วยคำถาม หรือว่าคุณดี. จะบอกเรื่องที่เธอแอบออกไปข้างนอกตอนกลางคืน แต่คุณดี. ก็ไม่ใช่พวกปากพล่อยขี้ซุบซิบขนาดที่จะบอกนี่นา
“กล้าด่าฉันอีกประโยคนังหนู ฉันจะสาปเธอให้กลายเป็นม้า” คุณดี. ที่กำลังง่วนอยู่กับการเล่นไพ่พิน็อคเคิลกับชายปริศนาพูดด้วยที่ไม่ละสายตามายังเธอ ไครอนที่นั่งข้างๆ เขากวักมือเรียกเธอให้เดินมานั่งลงข้างคุณดี. และชายอีกคนที่พอเดินมาถึงตรงบันไดเธอถึงจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
“พ่อ?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย “พ่อมาทำอะไรที่นี่” พ่อที่กำลังจะอ้าปากตอบเธอก็โดนคุณดี. พูดดักเสียก่อน “ขาเราครบสี่แล้ว งั้นมาเริ่มเล่นกันเลยมั้ย” เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองไครอนที่ยักไหล่เป็นเชิงให้เธอเล่นๆ ไปกับพ่อที่กำลังเหงื่อตกอย่างบอกไม่ถูกทำให้คำถามของเธอจำต้องพับเก็บไปไว้ก่อน ‘ดูท่าแล้วคงเป็นประโยคที่ไม่ให้ปฏิเสธแน่ๆ’
“แล้ว....พ่อมาทำอะไรที่นี่” ทันทีที่เกมจบ คุณดี. ก็ขอตัวไปทำธุระของตัวเองทำให้พ่อของเธอสามารถหายใจได้สะดวกคอมยิ่งขึ้น ‘การเล่นเกมไพ่พิน็อคเคิลกับหนึ่งในเทพบนเทือกเขาโอลิมปัสจะทำให้พ่อเธอรู้สึกเกร็งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก’
“พ่อคิดถึงลูกแล้วพ่อจะแวะมาหาไม่ได้เลยหรอ” เขากล่าวด้วยท่าทีตัดพ้อทำให้เธอถึงกับส่ายหน้า “เข้าเรื่องเถอะค่ะ หนูต้องรีบไปฝึกนะรู้มั้ย”
“ฉันว่าเธอไม่จำเป็นต้องตรงไปยังลานฝึกแล้วแหละ” คุณไครอนพูดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อยื่นจดหมายที่ทำจากกระดาษแข็งสีออกเหลืองมาให้เธอ “ลูกควรไปเก็บของที่ที่พักของลูก!” พ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างปิดไม่มิดทันทีที่เธอกำลังไล่สายตาสำรวจจดหมาย
‘ทำจากกระดาษแข็งสีออกเหลืองหน่อย จ่าหน้าซองด้วยหมึกสีเขียวมรกตดูหรูหรา’ เธอพลิกซองจดหมายไปมาก่อนจะพบว่าไม่มีแสตมป์ติด แต่มันถูกประทับด้วยตราขี้ผึ้งสีม่วงแทน ‘ไม่มีแสตมป์ ด้านหลังมีตราประทับขี้ผึ้งสีม่วง เป็นตราอาร์มมีรูปสิงโต นกอินทรี ตัวแบดเจอร์และงู เรียงรอบตัว H ขนาดใหญ่ คล้ายกับเคยเห็นที่ไหน’ เธอแกะซองจดหมายพร้อมกับหยิบกระดาษข้างในออกมาอ่านใจความของเนื้อหาอย่างเชื่องช้า
โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์
ช่างเป็นชื่อที่ดูประหลาด
อาจารย์ใหญ่ : อัลบัส ดัมเบิลดอร์
(เหรียญตราแห่งเมอร์ลินชั้นที่หนึ่ง พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ หัวหน้าผู้วิเศษ อิสรชนสูงสุด พันธรัฐพ่อมดนานาชาติ)
ทำไมคนเราต้องอธิบายสรรพคุณของตัวเองในจดหมายที่ส่งถึงผู้อื่นด้วยล่ะ?
เรียน คุณเกรนเจอร์
เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าโรงเรียนโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ รับคุณเข้าเรียนในปีนี้ ที่แนบมาพร้อมกันนี้คือ รายการหนังสือและของใช้จำเป็น
โรงเรียนเปิดวันที่ 1 กันยายน เราจะคอยนกฮูกของคุณจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม
ขอแสดงความนับถือ
มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล
(มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล)
รองอาจารย์ใหญ่
เมื่อเธออ่านจดหมายจบ เธอก็กลับไปอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่ตนพึ่งได้อ่านไป
“หมายความว่า―”
“ใช่ลูกรัก ลูกจะได้ไปฮอกวอตส์” พ่อพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจะตรงเข้ามากอดเธอ เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความสับสน ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ “แต่พ่อคะ บางทีมันอาจจะส่งถึงพี่เฮเลียสก็ได้ หนูเนี่ยหรอแม่มด”
“มันถูกจ่าหน้าถึงลูกจริงๆ เฮเลียสอยู่ที่เดิร์มแสตงก์ ไม่มีอะไรที่ฮอกวอตส์ต้องเขียนจดหมายถึงเขา”
“เราปฏิเสธไม่ได้หรอคะพ่อ” ทันทีที่เธอพูดจบพ่อก็แสดงสีหน้าเหมือนเธอตีลังกาเดินโชว์เขา “ลูกหมายความว่ายังไง?”
“หนูไม่อยากไปเรียนที่ฮอกวอตส์ค่ะ”
รีไรท์ค่ะ เราตัดเนื้อหาเวิ่นเว้อบางส่วนออก เราพึ่งมา reserch แบบจริงจัง พบว่าค่ายเลือดผสมมีอะไรให้เล่าเยอะมาก ดีเทลแบบเหมือนเป็นเมืองหนึ่งได้เลย แต่ถ้าจะให้เล่าหมดเกร็งว่ามันจะแอบน่าเบื่อไปจริงๆ เราเลยกะจะเล่าแทรกๆไป ผ่านสายตาตัวละครเอาแต่กว่าจะวกกลับมาเล่าใหม่อีกคนอ่านก็อาจจะสับสน เดี๋ยวเราจะแปะข้อมูลของค่ายให้ทุกคนลองไปอ่านกันนะคะ เผื่อใครสนใจอยากจะแต่งแนวเพอร์ซี่ด้วยถือว่ามาแชร์ข้อมูล เพราะเราก็พึ่งมาค้นเจอหลังจากค้นหาแบบจริงจัง มีเทรดที่เขาเขียนไว้เมื่อปี 2017 กับที่พึ่งเขียนปี 2020 เราจะเอาแบบล่าสุดมาให้ เขาเขียนได้เข้าใจมากๆ ชนิดที่ว่าไม่อ่านหนังสือมาก่อนก็คือเก็ท ขอบคุณคุณ @PerilousRiptide ที่มาสรุปรวบยอดให้แบบดีมากๆ ตามไปอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างเลยนะคะ
https://twitter.com/PerilousRiptide/status/1261639991949590528? s=20
เชิงอรรถ
- ^ ไครอน - ที่ฉลาดและปราดเปรื่อง มีหน้าที่คอยดูแลทุกคนในค่ายและเป็นหัวหน้าในการจัดกิจกรรมชิงธง
- ^ อะพอลโล (Apollo) - เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งศิลปวิทยาการ และการธนู
- ^ เนดส์,ไนแอ็ด (Naiads)ตัวละครหนึ่งในตำนานกรีก เป็นนางไม้ประเภทหนึ่งเช่นกัน มีหน้าที่ดูแลน้ำพุ บ่อน้ำ ลำธาร และห้วยหนอง คลองบึง
- ^ เซเทอร์ หรือ แซเทอร์ satyr - อมนุษย์ครึ่งคนครึ่งแพะตามวิพิกิเดีย แซเทอร์จะมีหูเป็นหูม้า มีเขาเล็กเหมือนแพะ มีขาเป็นแพะ มักท่องเที่ยวในป่าและภูเขา บางตำราบอกว่าเป็นเทพารักษ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามของเทพแพน (Pan) และเทพไดโอไนซัสอีกด้วย ในเทพปกรณัม เซเทอร์ เกี่ยวข้องกับพลังทางเพศของเพศชายและผลงานศิลปกรรมกรีก-โรมันมักสร้างภาพของเซเทอร์ให้มีอวัยวะเพศที่ตั้งชูชัน
- ^ อะโฟรไดต์/ วีนัส (Aphrodite or Venus) เทพีแห่งความงามและความรัก
- ^ ดีมิเตอร์ (Demeter) เทพีแห่งการเพาะปลูก
- ^ เฮเฟตัส (Hephaestus) เทพเจ้าแห่งไฟและการช่าง
- ^ เฮร่า (Hera) ราชินีแห่งสรวงสวรรค์ เทพีแห่งหญิงสาวและชีวิตสมรส
- ^ อาร์เทมีส (Artemis) เทพีแห่งดวงจันทร์ การล่าสัตว์และผู้ดูแลปกป้องหญิงสาว
ความคิดเห็น