The Tear of the Upper one - นิยาย The Tear of the Upper one : Dek-D.com - Writer
×

    The Tear of the Upper one

    [Based from My Little Pony:Friendship is Magic] สงครามดำเนินมานับพันปีบนทวีป Equesia มาอย่างยาวนาน เพื่อสิ่งๆเดียว น้ำตาเทวะ แต่จะมีอาชาหนึ่งหยุดสงครามนี้ แต่เรื่องมันจะเป็นอย่างไรละ

    ผู้เข้าชมรวม

    292

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    292

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 มิ.ย. 58 / 13:30 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่า

    เดิมที จักรวาลไม่มีผืนพิภพ สายธาร หรือแม้แต่ ท้องนภา

    ไม่มีสุริยันหรือจันทรา แม้ยามเดียว

    ไม่มีดาวพราวแสงบนท้องฟ้า

    มีแต่ความมืดและว่างเปล่า

    ไม่มีชีวิตใดๆทั้งสิ้นนอกจาก….”พระผู้เบื้องบน

     

    พระผู้เบื้องบนทรงสรรสร้างท้องนภาอากาศเป็นอย่างแรก แล้วจึงสร้างยามทิวากาล และ รัตติกาล สร้างพระอาทิตย์ พระจันทร์ และ ดวงดาวทั้งหลาย

     

    แต่ทว่าท้องนภาอย่างเดียวก็เงียบเหงายิ่งนัก พระผู้เบื้องบนจึงสรรสร้างผืนดินขึ้นมาจากก้อนศิลา วางไว้ ณ ส่วนที่ท้องนภามิอาจหยั่งถึง แล้วจึงบดก้อนศิลานั้นให้แหลก นำมาปั้นขุนคีรีและหน้าผา จากหินเป็นกรวด จากกรวดเป็นทราย จากทรายเป็นดิน จากดินเป็นฝุ่น แผ่นดินเริ่มดูมีความหลากหลายขึ้น แต่ก็ยังไม่สวยงามอย่างที่พระผู้เบื้องบนต้องการ

     

    ท่านจึงรังสรรค์ประดิษฐ์ก้อนเมฆขึ้นสู่ท้องนภา แล้วท่านก็จากไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เมฆทั้งหลายก็กลายเป็นวารีในยามค่ำด้วยอากาศเย็น และกลับเป็นเมฆในยามร้อน แต่น้ำบางส่วนก็ถูกหลงเหลือเอาไว้ เป็นทะเลบ้าง เป็นแม่น้ำบ้าง เป็นทะเลสาบบ้าง เป็นห้วยหนองคลองบึงบ้าง จนโลกดูเหมือนงานแกะสลักชิ้นเอก

     

    ใต้ผืนสมุทร ฝุ่นดินได้ละลายกลายเป็นสสารชนิดใหม่ ละลายไปกับสมุทร เกิดเป็นอนุพันธ์อันหลากหลายด้วยการถักทอของวารี อนุพันธ์เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาหากหลายชนิด ร่ายรำท่ามกลางกลางมหาสมุทร เกิดเป็นชีวิตง่ายๆขึ้นมา

     

    ชีวิตนั้น ไม่มีตา ปาก หรือ รยางค์ใดๆ มีขนาดไม่มากไปกว่าตัวจุดบนหนังสือ เป็นเพียงวัตถุไร้รูปทรงที่ลอยละล่องท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่

     

    นับมากวันเข้า ชีวิตเหล่านั้นก็พัฒนาตามแผ่นดินที่แปรหน้าตาตามสายน้ำและสายฝน เริ่มด้วยกำเนิดมาเป็นพฤกษชาติทั้งหลาย ทั้งสาหร่ายใบหญ้าและต้นไม้ จนแผ่นดินถูกแต้มเติมด้วยสีเขียว

     

    ในสมุทรก็ใช่ว่าจะมีชีวิตใด ท้องสมุทรให้กำเนิดเหล่ากุ้งหอยปูปลาทั้งหลาย ให้แหวกว่ายในท้องงสมุทรอันไม่จบสิ้น โลกเริ่มมีสีสันของมัน

     

    เมื่อพระผู้เบื้องบนได้เสด็จลงมาจากเทวโลก ท่านก็พบว่า โลกของพระองค์นั้น ถูกทำให้ผิดเพื้ยนโดยสิ้นเชิง ด้วยโกรธาและโศกาที่ท่านมี ทำให้โลกนั้นเกิดหายนะขึ้น เพลิงพิโรธให้กำเนิดเหล่าอสุรกายออกมา ทั้ง มังกร ไฮดร้า และเหล่าสรรพอสูรทั้งหลาย โทสะของท่านบันดาลคลื่นยักษ์และแผ่นดินไหว ทำลายชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

     

    เมื่อโทสะของท่านจบสิ้นลง ท่านก็ได้เล็งเห็นว่าโทสะของท่าน ทำลายผลงานที่สร้างมาโดยไม่จำเป็น ท่านจึงเกิดโศฏเศร้าใจ หลั่งน้ำตาออกมาหยดหนึ่ง

     

    น้ำตาหยดนั้นตกลงยังเกาะแห่งหนึ่ง ให้กำเนิดชีวิตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เป็นชีวิตที่มีปัญญากว่าสัตว์เดรัจฉานมากนัก แต่ก็มีกิเลสตัณหาเช่นกัน แต่ว่าก็ยังมีน้ำตาบางส่วนที่ยังคงเป็นน้ำตาอยู่ ประดิษฐ์ฐานบนภูเขาอันสูงเสียดฟ้า ในถ้ำลึกเกินพรรณนาได้

     

    เหล่าสัตว์อันเกิดจากน้ำตาเดิมทีมีหน้าตาเหมือนกันมาก่อน มีเขาสามเขาบนหน้าผาก มีศีรษะแบบวานร มีปีกใหญ่แบบค้างคาว มีขาหน้ายาวกว่าขาหลัง ขาหน้าดูคล้ายกีบผสมกรงเล็บ ชีวิตเหล่านั้นศรัทธาและนับถือในพระผู้เบื้องบนเป็นอย่างมาก จึงแกะสลักภูเขาด้วยฤทธิ์อันมากของพวกตน สร้างเป็นวิหารเพื่อบรรจุน้ำตานั้นเสีย

     

    เหล่าสัตว์ประเสริฐเหล่านั้นอยู่กันอย่างสมถะ นอนกลางดินกินกลางทราย ไม่เบียดเบียนชีวิตใดๆทั้งสิ้น รักทั้งพวกพ้องและสรรพชีวิต ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลงใดๆในจิตใจแม้แต่น้อย จึงได้ชื่อเผ่าว่า มหาชีวิต

     

    แต่ทว่าดุจดังฟ้าลิขิต มหาชีวิตกลุ่มหนึ่งได้ลองลิ้มรสในรสชาติของเนื้อสัตว์หรือเมรัยที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ทำให้ฤทธิ์เดชเสื่อมลง จิตใจหยาบกร้านขึ้น และจู่โจมกลุ่มมหาชีวิตดั้งเดิม

    สงครามนั้นสูสีกันมาก เนื่องด้วยฝ่ายที่มีกิเลสนั้นมีจำนวนมาก แต่ฝ่ายที่รักษากฎนั้นมีฤทธิ์มาก แต่ทว่าสุดท้ายฝ่ายรักษาฏก็ชนะ เหล่าผู้มีกิเลสจึงถูกเนรเทศออกไปจากเกาะเสีย

     

    เนื่องด้วยการแก้อุปสรรคด้วยวิธีต่างกัน อาหารการกิน การรังสรรค์วัฒนธรรมเมื่อถึงแผ่นดินที่พบ ทำให้ความแตกต่างของแต่ละพงค์ชัดเจนมากขึ้น จนเกิดเป็นเผ่า10เผ่า อันประกอบด้วย ม้าดิน หรือ ธรณีอาชา เปกาซัส หรือ เวหาอาชา ยูนิคอร์น หรือ เวทย์อาชา ม้าลาย หรือ กาฬอาชา กริฟฟอน หรือ สิงห์วิหค มิโนทอร์ หรือ พฤษภมนุษย์  กิเลน หรือ นาคอาชา  กวาง แพะ และ สุนัขป่า

     

    เผ่าทั้งสิบสร้างอาณาจักรแห่งตนขึ้นมาเป็นของตนเอง เป็นพันธมิตรกับบ้าง เป็นศัตรูกันบ้าง วนเวียนเป็นวัฎจักร แต่ละเผ่าล้วนมีชื่อในฝีไม้ลายมือของตน

     

    ม้าดินขึ้นในชื่อเรื่องการเป็นเกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่ สามารถปลูกพืชให้งอกงามได้ยิ่งกว่าชาวส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าอื่น

     

    เปกาซัสได้ชื่อว่าเป็นผู้ควบคุมอากาศ ลมฝนทั้งหลายนั้น เปกาซัสมักเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้น

     

    ยูนิคอร์นเป็นบิดาแห่งเวทย์มนต์หลายบท  เวทย์มนต์พื้นฐานของเผ่าที่ใช้เวทย์ มักมาจากพวกเขาเหล่านั้น

     

    ม้าลาย เจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ประดิษฐ์วัสดุใหม่ได้จนหลายเผ่าต้องขอนำมาใช้

     

    กริฟฟอน พ่อค้าและนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ยากจาอาณาจักรใดที่เทียบเท่าอาณาจักรของกริฟฟอน

     

    มิโนทอร์ ช่างตีเหล็กของพระเจ้า ยุทธภัณฑ์อันเลืองชื่อ มิโนทอร์มักเป็นผู้สร้าง

     

     กิเลน จ้าวสมุทรและจอมปราชญ์เจ้ากวี ปรัชญาและทัพเรือนั้น ยิ่งใหญ่ไพศาลไปทั่วแว่นแคว้นต่างๆมากมาย

     

    กวาง หมอสวรรค์ ว่ากันว่า ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใด ที่กวางปัดเป่าไม่ได้ รวมไปถึงผู้อยู่ร่วมกันธรรมชาติอย่างเป็นเอกภาพ

     

    แพะ เจ้าศาสตร์มืด ผู้ประดิษฐ์มนต์ดำและคำสาป หรือแม้แต่การครอบงำ

     

    หมาป่า ผู้เจ้าเล่ห์และนักลอบโจมตี เป็นนักล่าที่ได้ชื่อว่าร้ายกาจที่สุดบนผืนดิน

     

    แต่ทว่าไม่ว่าแต่ละเผ่าจะมีอะไร ก็ไม่เคยมีอาณาจักรไหนล่มสลายมาก่อน จนกระทั่ง…..เรื่องได้เริ่มขึ้น

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น