คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [ตอนที่ 9] บาดแผลที่ร่างกาย
By.Changfan
Happiness is what I feel now
ความรู้สึกของฉันตอนนี้ก็มีความสุข
Now I’m gonna kiss you now
ตอนนี้ฉันจะจูบเธอล่ะนะ
Baby let me do wanna
ให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำนะคนดี
รอเย็นร์
บทที่ 9
บาดแผลที่ร่างกาย
ตึก!
(^_^) ยิ้มมึนๆ
(O_O) (O_O) (O_O)! อึ้งอิมกิ
ในขณะที่ผัดกำลังจะพูดอยู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ มานั่งเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างๆฉันอย่างกะทันหันและยิ้มให้พวกเราแบบซื่อๆ ต่างจากพวกฉันสามคนที่มองหน้าเขาและตกใจพูดอะไรไม่ออก ก็อยู่ดีๆมันก็โผล่มาอ่ะ!!
“ฉันชื่อรอเย็นร์นะ เธอคือข้าว...” นายนั่นมองหน้าฉันและลากเสียงยาว จากนั่นก็มองไปที่ผัดกับหอม เพราะเธอสองคนก็ชื่อข้าวเหมือนกัน “...โอ๊ตใช่มั๊ย?”
“...”
งึกๆ
ฉันมองเขาตาไม่กระพริบและพยักเป็นคำตอบ
ใบหน้าเนียนๆ ดวงตาโฉบเป็นวงรีเหมือนผู้ชายอ่อนโยนและเซ็กซี่ในบางที เรือนผมยาวลงมาปรกคิ้วสีดำสนิท...
จำได้แล้ว!
นายคนนั่นน่ะเอง คนที่วิ่งมาเก็บฟุตบอลวันนั้น!!
“ขอเบอร์เธอหน่อยสิ!”
พูดอะไรของเขาน่ะ!
ฉันมองนัยน์ตาสีดำของคนตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนอ่อนโยนแต่ในบางครั้งก็กลับดูเซ็กซี่ อย่างอยากหาคำตอบว่ามันใช่จริงๆเหรอที่เขากำลังจะขอเบอร์ฉัน เขาเองก็สบตาฉันแบบตรงๆจนฉันซะอีกที่เป็นฝ่ายเขิน
“ไม่ให้!” ท่ามกลางความเงียบอยู่ๆหอมก็พูดโผล่ขึ้น
ขวับ!
ดวงตาสีดำโฉบเป็นวงรีหันขวับมองไปทางหอมอย่างหาเรื่อง ประมาณพูดในใจว่า
‘เธอจะยุ่งไรด้วย’
“ทำไม เพื่อนฉันไม่ให้นายจะทำไม!”
“ฉันจะฟังแค่เสียงของเธอ ^^” นายนั่นหันมาพูดกับฉันและทำเป็นหูทวนลม ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่หอมพูด
“เอ๊ะ! นายนี่มันยังไง!! บอกว่าเพื่อนฉันไม่ให้ไง ยังจะทนหน้าด้านยืนค้ำหัวอยู่ได้ ไปซิ! ไปได้แล้ว!!” หอมพูดในระดับเสียงเหมือนไล่หมาจรจัดที่มารอกินขาไก่ที่ตกอยู่ตามพื้น
“...ขอโทษนะ! ว่าจะไม่พูดแล้ว... ตอนนี้เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ตอนนี้ฉันไม่ได้มายืนรอขอเบอร์เธอนะ ฉันกำลังพูดกับเธอเพื่อน เพราะฉะนั้นหุบปาก เก็ทนะ!”
“...เฮ้อ สงสัยขาดแคลนผู้ชายที่จะมาขอเบอร์มานานเลยของขึ้นอย่างนี้...” นายนั่นพูดเสียงเบาๆในลำคอ
พรวด!
หอมลุกขึ้นพรวดประจันหน้ากับนายตาโฉบอย่างฉุนเฉียว “ไอ้บ้า! พูดอะไร! อย่าคิดว่าฉันไม่ได้ยินนะ”
“เออๆ ฉันขอโทษแล้วกัน นึกว่าเธอจะไม่ได้ยิน เธอคงจะเสียใจมากสินะที่ได้ยินอย่างนี้ มันคงจะไปแทงใจดำเธอเข้าล่ะสิท่า”
“อย่าบังอาจมาคิดแทนฉันหน่อยเลย นายกลับไปซะเถอะ เพื่อนของฉันน่ะ ไม่ชอบผู้ชายธรรมดาๆ แต่งตัวงั้นๆ ทำตัวบ้านๆ หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนคนอย่างนายหรอกย่ะ!”
“เธอโกหกฉันเล่นใช่มั๊ย ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เพราะใครๆต่างก็บอกว่าฉันหล่อกันทั้งนั้น”
“ยี้... หน้าด้านตอบมาได้นะยะ ไม่อายฟ้า อายดิน”
“ข้าวโอ๊ต งั้นเดี๋ยวฉันมาหาเธอใหม่ตอนยัยนี่ไม่อยู่แล้วกันนะ ฉันไปล่ะ” เขาเอามือมาตบที่ไหล่ฉันเบาๆจากนั่นก็หันหลังเดินจากไป และไม่คิดที่จะสนใจเหลียวหางตามาเสวนากับหอมต่อ
“เออๆ ไปเลย ชิวๆ! ไม่ต้องกลับมาอีกหรอกนะ! ก็บอกแล้วไง!! ว่ายังไงเพื่อนฉันก็ไม่ให้เบอร์นายหรอก!!”
“หอม... เธอเป็นอะไรไปน่ะ ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับใครง่ายๆไม่ใช่เหรอ... มันไม่ใช่เธอเลยนะ” ผัดพูดขึ้นมาเงียบๆหลังจากนายคนเมื่อกี้เดินไปลับตาแล้ว
นั่นน่ะสิ... มันไม่ใช่หอมเลยนะเมื่อกี้ อ้อ เหมือนกับตอนที่ฉันโดนลูกฟุตบอลวันนั้นเลย!
“...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยู่ดีๆก็รู้สึกไม่ชอบหน้านายนั่นขึ้นมาซะเฉยๆ”
“อย่างนี้ก็มีเนอะ” ผัด
“นั่นน่ะสิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวลาฉันเห็นหน้านายนั่นนะ รู้สึกเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตั้งแต่สิบชาติได้!” ดวงตาสีดำของหอมเปล่งประกายพลังของจิตวิญญาณออกมา
“สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่สิบชาติปางก่อนมั้ง อิ อิ >.<” ฉันพูดแซวหอมขึ้นอย่างขำๆ พลอยเรียก
เสียงหัวเราะได้จากผัดไปด้วย
“บ้าน่า ถ้าเป็นเนื้อคู่กันมันก็ต้องรู้สึกดีเวลาเห็นหน้าเขาสิ แต่นี่มันไม่ใช่... L เธออย่าให้เบอร์หมอนี่ไปเลยนะโอ๊ต ถ้ามันติดต่อมาอีกเธอก็ปฏิเสธเขาไปนะ และก็อย่าคิดแม้แต่จะเป็นเพื่อนกับหมอนี่ ฉันไม่ชอบจริงๆ ถือว่าฉันขอล่ะนะ นะ... แค่ครั้งเดียว” ฉันอยากให้หอมมาเห็นใบหน้าของตัวเองตอนนี้จริงๆ เชื่อเลยว่าเธอคงไม่เคยเห็นแววตาของตัวเองที่เป็นอย่างนี้มาก่อน ภาพลักษณ์ปกติของเธอที่ฉันกับผัดคุ้นๆกันดี จะมีแต่ภาพลักษณ์ของนางฟ้ามาตลอด
“จ้าๆ ฉันจะไม่!ยุ่งกับหมอนั้น โอเคนะ?”
“เดี๋ยวนะหอม! ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า... หมอนั่น...” อยู่ดีๆผัดก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกๆ และมองหน้าหอมทำสายตาลอกแลกไปมาเหมือนไม่กล้าที่จะพูดต่อ
“หมอนั่นทำไมเหรอผัด? O_O” ฉันถามอย่างอยากรู้
“หมอนั่น... หน้าเหมือนแฟนเก่าเธอใช่มั๊ย...”
กึก!
“...!!!”
“...ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ไงกัน ขอโทษนะ...” ดวงตาของผัดดูเศร้าลงบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดที่จำไม่ได้ ...ส่วนหอมเมื่อได้ยินสิ่งที่ผัดพูด ดวงตาคู่สวยกับสีหน้าของเธอก็ดูเปลี่ยนไปเหมือนกัน
“...”
ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่แสนร่มรื่นท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจ้า สายลมเย็นๆพัดเบาๆผ่านละอองแดดมายังโต๊ะม้าหินอ่อนของพวกเรา
“...”
เราต่างก็ตกอยู่ในความเงียบกัน หอมได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่ง...
“ใช่แล้วล่ะ... หมอนั่นเหมือน... เหมือนมาก จนฉันคิดว่าเป็นคนเดียวกันกับเขา...” หอมเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา เธอคงไม่อยากให้ฉันใครเห็นแววตาที่สั่นไหวของเธอ แม้ฉันมองจะไม่เห็นสีหน้าของหอม แต่ก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังเป็นอย่างนั้น...
แปะ แปะ
ผัดจ้องมองไปที่หอมและยกมือซ้ายมาตบที่หลังหอมเบาๆ สีหน้าและแววตาของผัดเองก็ดูเจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกัน
“ฉันขอโทษนะ ที่จำไม่ได้ทั้งๆที่ฉันเป็นเพื่อนคนที่สนิทที่สุดกับเธอแล้วแท้ๆ...”
“...ฉันยังลืมเขาไม่ได้น่ะผัด! ทำไมต้องมาเห็นหน้าหมอนี่ที่เหมือนกันกับเขาราวกับ... ด้วยนะ” หอมยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้น แต่เธอเอือมมือมาบีบมือของผัดและกำมันแน่น เสียงของหอมเริ่มจะสั่นๆและตัวก็เริ่มที่จะสั่นเหมือนกัน...
04.04 PM.
“รู้งี้ ฉันน่าจะรีบทำให้มันเสร็จๆ ไม่น่ามัวแต่โอ้เอ้เลย” ผัดบ่นขึ้นในระหว่างที่พวกเราสามคนเดินไปส่งงานอาจารย์ที่ห้องพักครูหลังจากหมดเวลาคาบสุดท้ายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าอาจารย์ให้ทำงานส่งภายในคาบเรียน แต่ผัดมัวแต่โอ้เอ้เล่นนั่นเล่นนี่ไปทั่วเลยทำเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง และพวกฉันเองก็เลยต้องรอให้ผัดทำงานเสร็จแล้วไปส่งพร้อมกัน
ตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันนี้มาหอมเองก็ดูซึมและพูดน้อยกว่าปกติ ผัดเล่าให้ฉันฟังว่าหอมเคยมีแฟน และหอมก็รักผู้ชายคนนั้นมาก แต่อยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็นอกใจหอมไปคบกับคนอื่นและทิ้งหอมไปเรียนอยู่ต่างประเทศพร้อมกันกับผู้หญิงคนใหม่ โดยที่ไม่เป็นห่วงความรู้สึกของหอมเลย ว่าหอมจะรู้สึกยังไง
ผัดบอกว่ากว่าหอมจะผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ ก็หนักสาหัสพอสมควร เรื่องมันก็นานมาแล้ว ผัดคิดว่าหอมน่าจะลืมมันไปได้แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์เหมือนอย่างวันนี้ มันก็ทำให้ผัดรู้ว่ามันไม่ใช่ หอมยังคงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเรื่อยมา...
“ปูดดดด!” อยู่ๆก็มีเสียงของอะไรบ้างอย่างดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นอ่อนๆลอยมาแตะจมูก ฉันกับผัดต่างหันซ้ายหันขวาหาต้นตอของเสียง
“...เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ...ฝากเอานี่ไปส่งให้ด้วย แล้วเจอกันที่เดิมตอนกลับนะ ไม่ไหวแล้ว!!” หอมพูดขึ้นเป็นประโยคยาวๆในครั้งแรกหลังจากตอนเที่ยง มืออีกข้างหนึ่งกุมหน้าท้องมืออีกข้างหนึ่งยื่นสมุดงานให้เรา จากนั่นก็รีบวิ่งไปยังทางห้องน้ำทันที พร้อมกับกลิ่นเหม็นอ่อนๆที่ลอยตามเธอไป
“...”
“...”
...ฉันกับผัดได้แต่มองหน้ากันนิ่ง และมองสมุดงานของหอมที่อยู่ในมือ...
“โอ๊ต เธอไปส่งงานคนเดียวได้มั๊ย เดี๋ยวฉันจะไปดูหอมมันสักหน่อย...”
“อ้อ ได้ๆ ไปดูหอมมันหน่อยก็ดีเหมือนกัน หึ หึ แล้วเจอกันตอนกลับนะ”
ตึก ตึก ตึก
ฉันเดินขึ้นมาบนตึกชั้นที่ต้องส่งงาน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ชั้นนี้เลย ทุกอย่างเงียบงันไปหมดมีเพียงเสียงรองเท้านักเรียนของฉันที่กระทบกันกับพื้น และเสียงผู้คนที่ดังขึ้นมาจากข้างล่างเล็กน้อย ในที่สุดฉันก็เดินมาถึงห้องพักครู ฉันเอือมมือไปผลักบานกระจกสีดำออกและเดินเข้าไปในห้อง
“ขออนุญาตนะคะ...”
ห้องในห้องมีเพียงแค่โต๊ะร้างๆหลายๆตัว พร้อมกับหนังสือและสมุดส่งงานที่กองพะเนินกันอยู่
ไม่มีใครอยู่เลยสินะ...
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังสะท้อนไปทั่วห้อง
...วังเวงจัง
พรืดดดด
ลมระรอกใหญ่พัดเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดอยู่
เคร้งงงง
“โอ้ย!!”
กระจกบานใหญ่อยู่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ถูกตั้งผิงไว้กับขอบผนังของหน้าต่าง ตกลงมาเพราะของแรงของลมเมื่อกี้และหล่นลงมาแตกใส่พื้น สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเศษกระจกที่แตกกระเด็นขึ้นมาปักเข้ากับขาข้างซ้ายของฉัน เลือดที่แดงฉานค่อยๆไหลออกมาจากรอยบาดแผลทีละน้อยๆจนแดงเต็มขาลงไปหมด
ทรุดดดด
เมื่อฉันเห็นขาของตัวเอง อยู่ดีๆฉันก็ไม่มีแรงที่จะยืนหลังจากเห็นเลือดมากมายไหลออกมาติดที่ถุงเท้านักเรียนสีขาวซึ่งตอนนี้มันได้คลายสภาพเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว
เจ็บ... เจ็บเหลือเกิน...
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมายังหัวของฉัน ฉันก้มมองลงไปยังสมุดส่งงาน 3 เล่มที่อยู่ในมือ ฉันจะทำยังไงกับตัวเองตอนนี้ดีนะ ตอนนี้แค่จะลุกไปส่งงานด้วยตัวเองยังลุกไม่ได้ แล้วฉันจะเดินกลับลงไปชั้นล่างยังไงล่ะ...
...รอยยิ้มอุ่นอบ ใบหน้าขาวใส และผมสีดำที่ยาวลงมาปรกตาเล็กน้อย...
ในขณะที่ติดอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ อยู่ๆใบหน้าของพี่ลูเชลล์ก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัวของฉันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งปกติทุกทีตั้งแต่เด็ก เวลาที่ฉันกำลังลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือ ฉันมักจะคิดถึงพระเอกในนิยายที่ฉันจินตนาการไว้ตลอด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่! ฉันไม่ได้นึกถึงบุคคลในจินตนาการนั่นอีกต่อไป แต่เป็นพี่ลูเชลล์ที่เข้ามาแทนที่ งั้นมันก็แสดงว่า...
“นั่นใช่ข้าวโอ๊ตมั๊ยน่ะ?!” ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ข้าวโอ๊ต จริงๆด้วย เธอเป็นอะไรมั๊ย” ฉันหันหน้าไปมองที่หน้าประตูก็เห็นอาเทอร์ กำลังมองมาที่ฉันอยู่
“อาเทอร์...” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ
อาเทอร์มองไปรอบๆและสามารถประมวลสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบวิ่งมาหาฉันและก้มลงมาดูแผลที่ขาฉัน
“เธอเจ็บมากมั๊ย...” เขาเอือมมือมาจับที่ข้อเท้าฉันซึ่งใส่รองเท้านักเรียนอยู่เบาๆ นันย์ตาคมเข้มสีดำฉายชัดขึ้นมาสบตาฉันด้วยความเป็นห่วง
“มากเลยแหละ” ฉันตอบเสียงเบา
“เธอลุกขึ้นเองได้มั๊ย...” นันย์ตาคมเข้มสีดำยังคงจ้องหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา
ฉันไม่ตอบ แต่ส่ายหัวแทนคำตอบ
“โธ่เอ่ยข้าวโอ๊ต... แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่...” อาเทอร์เอือมมืออีกข้างขึ้นมาลูบผมฉันเบาๆ ฉันว่าเขาเองก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเผลอทำอย่างนี้กับฉัน
ฉันไม่ตอบ แต่ก้มหน้าลงไปมองสมุดสามเล่มที่อยู่ในมือ
“มาส่งงานใช่มั๊ย เอามา เดี๋ยวฉันเอาไปวางให้” เขาหยิบเอาสมุดที่อยู่ในมือของฉันไปวางไว้ที่โต๊ะอาจารย์และรีบเดินกลับมาหาฉัน
“เศษกระจกมันปักขาเธอลึกเลยนะข้าวโอ๊ต... เธอคงจะเจ็บมากแน่ๆ ใครกันนะที่วางกระจกไว้ไม่เป็นที่เป็นทางอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปรายงาน ผอ. แน่ๆ คอยดูสิ” อาเทอร์ละสายตาจากแผลฉันและหันไปมองยังกระจกที่แตกกระจายจากนั้นก็ตำหนิ
“ตอนฉันเดินขึ้นมา ชั้นนี้ไม่มีคนเลยนะ ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่”
“พอดีฉันมาส่งงานอาจารย์เสาวนีย์น่ะ”
“แต่ห้องอาจารย์อยู่ชั้นบนสุดเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ชั้นนี่สักหน่อย”
“เอ่อ... คือว่า... *=* ” อาเทอร์อ้ำๆอึ้งๆอยู่พักใหญ่ จากนั่นก็พูดขึ้นอีกที “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ! ห่วงแต่เธอตอนนี้ก่อนดีกว่า”
“...”
“ขอโทษนะข้าวโอ๊ต”
ฉึบ!
พรวดดดด
O_O
อาเทอร์ถือวิสาสะสอดแขนข้างหนึ่งเข้ามาใต้หัวเข่าของฉัน และแขนอีกข้างก็โอบเข้าที่ข้างหลังเอวของฉัน ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองลอยอยู่เหนือพื้นแล้วภายใต้อ้อมแขนแกร่งของอาเทอร์
ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมากเลย ปกติเวลาฉันเจอเขาก็ไม่ได้ที่จะใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ฉันมีโอกาสที่จะได้มองหน้าเขาผ่านมุมข้างล่างของใต้คางเขาเป็นครั้งแรก เหมือนฉันจะเห็นเคราเส้นเล็กๆที่โผล่ออกมาจากใต้คางนิดๆนะ จากนั่นสายตาของฉันก็มองต่ำลงไปจ้องที่ลูกกระเดือกเขา
อ่า... คางและลูกกระเดือกของเขาเซ็กซี่ใช่เล่นเลยล่ะ
“นะ นาย... ทำแบบนี้ทำไม...” ฉันจ้องขึ้นไปมองที่หน้าเขา
“เธอเดินไม่ไหวนิ แค่ลุกยังจะไม่ได้เลย เดี๋ยวฉันพาไปห้องพยาบาลนะ” อาเทอร์ก้มลงมามองหน้าฉันแค่แวบเดียว จากนั่นก็พูดเสียงรัวเร็วและรีบเร่งฝีเท้าพาฉันเดินไปข้างหน้าทันที
...ตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นเพื่อนกับเขามา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างนี้
“อุ้ย! ตาเถร! ตายจริง! เพื่อนเธอไปโดนอะไรมา” ครูที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลถามขึ้น หลังจากเห็นอาเทอร์อุ้มฉันเข้ามาด้วยกับขาที่เต็มไปด้วยเลือด
“เศษกระจกกระเด็นใส่ครับครู”
“ไปทำทีท่าไหนเข้าล่ะถึงเป็นขนาดนี้ เอ้า! มาๆ พาเพื่อนมานั่งที่ตรงนี้” ครูห้องพยาบาลเดินไปที่เตียงและตบมือเบาะเตียงเรียกฉันไปนั่ง อาเทอร์ก็ไม่รอช้ารีบทำตามคำสั่ง
ตลอดระยะทางที่เขาอุ้มฉันมา บรรดากลุ่มนักเรียนที่พวกเราเดินผ่าน สายตาที่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็จ้องความสนใจมาที่เราทั้งสองคนกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไร ส่วนอาเทอร์เองตอนนั้นสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ฉันสัมผัสมันได้จากแววตาเขาตลอดระยะทางที่เขาอุ้มฉันไม่ว่าจะเป็นตอนเดินหรือตอนลงบันได
“แผลลึกใช้ได้เลยนะเนี่ย...” ครูห้องพยาบาลสำรวจแผลฉันและเตรียมอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาทำแผล อาเทอร์เองก็เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆมานั่งข้างๆและจับมือฉันไว้
“เธอต้องไม่เป็นอะไร ทนเจ็บหน่อยนะ...”
“อืม ขอบใจนายมากนะ พี่พาฉันมา ไม่ได้นายฉันคงแย่”
“^^” อาเทอร์ไม่ตอบ แต่เขายิ้มรับในคำพูดของฉัน
“อ่า... ใช่! ตอนนี้ฉันอยู่ห้องพยาบาล... จ้าๆ” ฉันโทรบอกบอกผัดกับหอม ที่ตอนนี้คงรอฉันอยู่ตรงที่เดิมที่เรานัดกันไว้ หลังจากที่ครูประจำห้องพยาบาลทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย
“แล้วเธอจะกลับบ้านยังไง จะเดินกลับเหรอ”
“ไม่หรอก เดี๋ยวเพื่อนฉันเอารถไปส่ง”
“ดีแล้วล่ะ”
“แล้วนายเดินกลับบ้านคนเดียวตลอดเลยเหรอ”
“ก็ไม่นะ บางทีฉันก็เดินกลับกับเพื่อน...”
ﺂ จะรักเธอ จนกว่าเธอจะรับ จะรักเธอ จนกว่าเธอ...ﺂ
“อ่า... นั่นไง โทรมาพอดีเลย” อาเทอร์ชูโทรศัพท์ให้ฉันดู และกดรับสาย
“ฮัลโหล ขอโทษทีนะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาล... งั้นเหรอ ได้ๆ พอดีว่าเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ”
ติ้ด!
“เดี๋ยวเพื่อนฉันจะมาหาที่นี้แล้ว ให้ฉันนั่งรอเธอเป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนเธอจะมาถึงมั๊ย?”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร แค่นี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณนายจะแย่อยู่แล้ว”
‘นะๆ ไม่งั้นฉันจะปีนรั้วเข้าบ้านเธอก็แล้วกัน จนกว่าเธอจะหายโกรธ ^^’ ‘
‘นายจะบ้าเหรอ!! นั่นแหละฉันจะยิ่งโกรธนายไปใหญ่ และอีกอย่างตามที่ฉันพูด ฉันไม่ได้โกรธนายสักหน่อย’
‘งั้นก็แสดงว่าเธอตกลงแล้วใช่มั๊ย สรุปว่าหลังเลิกเรียนนี้เราเจอกันที่ร้าน Mine ice cream นะ เธอชวนเพื่อนเธอไปด้วยกันได้นะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ตกลงนะ! ^^+’
‘อืมๆ ก็ได้’
‘เย้!’
อยู่คำพูดพวกนี้ของเหตุการณ์วันนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน
จริงสิ! วันนั้น...
‘วันนี้ข้าวโอ๊ตว่างมั๊ย ไปกินข้าวกับพี่ซักมื้อนะครับ ถ้าข้าวโอ๊ตตกลงพี่จะไปรับ’
‘ว่างค่ะ พี่จะมาจริงๆเหรอคะ ^^’
‘จริงสิ งั้นพี่รอเราที่หน้าโรงเรียนแล้วกันนะครับ’
‘เอ่อ...เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่พี่จะมาจริงๆนะ >,<’
‘จริง! พี่ไม่โกหกข้าวโอ๊ตหรอกน่า’
‘ค่ะ แล้วเจอกัน ข้าวต้องเรียนแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ’
‘ครับบบ ตั้งใจเรียนนะ เด็กดี <3’
...วันนั้น
...ฉันลืมเรื่องนัดของอาเทอร์
ไปซะสนิท...
ตายแล้วนี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย!!
ฉันมองไปที่ดวงตาสีดำคมเข้มนั่นของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด ในขณะที่เขาส่งยิ้มบางๆให้ฉัน
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาสีดำนั่น...
...เขาจะรู้สึกยังไงนะ
“ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะ เป็นผู้หญิงอย่าเที่ยวเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะ มันไม่ปลอดภัย นี่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นเหมือนอย่างวันนี้ แล้วไม่มีคนอยู่แถวนั้น ใครจะช่วยเธอ”
ฉันทำกับเขาอย่างนี้...
เขาก็ยังจะดีกับฉันอยู่อีก...
อาเทอร์...
“อาเทอร์... ฉัน...ขอบคุณนายมากนะ...”
“หือ”
“...นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”
ฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ...
ขอบคุณนันย์ตาสีดำนั่น ที่ไม่คิดจะขุ่นเคืองฉันเลย...
ทั้งๆที่วันนั้น เขาอุตส่าห์ตั้งใจมาชวนฉันแท้ๆ
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า เราเป็นเพื่อนกันนิ ^_^” ริมฝีปากรูปกระจับระบายรอยยิ้มแห่งมิตรภาพออกมา
“...”
ครืนนนน
ผู้หญิงผมสีดำเข้มเป็นธรรมชาติ รูปร่างสูงสง่าและผอมเพรียวราวกับเป็นนางแบบ ดวงตาสีดำเข้มของเธอเรียวสวยเป็นประกายเข้ากับรูปคิ้วเรียวยาวบนหน้าของเธอเป็นอย่างดี เธอเปิดประตูห้องพยาบาลและมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นอาเทอร์ที่นั่งอยู่กับฉัน ริมฝีปากบางก็ยิ้มออกมา
หรือว่าเธอจะเป็น...
“อยู่นี่เอง ^_^ นี่น่ะเหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นนิดหน่อย...” เธอมองมาที่ฉันและลดสายตาลงไปที่ขาฉัน “...เป็นคนดีอีกแล้วนะ อาเทอร์ ^^”
“ซิธก็พูดไป ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก เป็นใครเห็น ใครก็ต้องช่วยด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก”
“แหม ทำเป็นพูด ใครที่ฉันเคยรู้จักมา นายนั่นแหละที่ดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว”
“อ้อ ข้าวโอ๊ต นี่ซิธเธอร์นะ เธอเป็นเพื่อนของฉัน ส่วนซิธนี่ข้าวโอ๊ตนะ เธอเป็นเพื่อนใหม่ของฉัน ^^ ทั้งสองคนรู้จักกันไว้ซะสิ”
“หวัดดี ข้าวโอ๊ต ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ ขอให้แผลหายเร็วๆนะ ^_^” ยิ้ม
...ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยสง่าจริงๆ รอยยิ้มที่จริงใจของเธอนั้นสะกดให้ฉันลืมหายใจไปชั่วขณะ
“อ่อ จ๊ะ เช่นกัน ซิธเธอร์...” ฉันตอบ
“แน่ใจนะ ว่าอยู่คนเดียวได้” อาเทอร์ถามย้ำอีกครั้ง ...เขาช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“แน่ใจ อีกเดี๋ยวพวกนั่นก็มาแล้วแหละ นายไปเถอะ”
“อืม งั้นฉันไปก่อนนะ J”
“พวกเรากลับก่อนนะ ข้าวโอ๊ต J” ซิธเธอร์
“^_^” ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ้มให้เป็นคำตอบ และมองดูแผ่นหลังทั้งสองของพวกเขาเดินออกไปพร้อมกัน อาเทอร์ช่วยเปิดประตูให้ซิธเธอร์เดินออกไปก่อน แล้วเขาก็ตามออกไป
เป็นคู่ที่ดีจังนะ...
“ข้าวโอ๊ต... เธอเป็นไงบ้าง!!” ผัดเดินเข้าในห้องพยาบาลและถามขึ้นเสียงดัง ไม่เกรงใจครูห้องพยาบาลที่ส่งสายตามาดุใส่แม้แต่นิด
“ฉันเจ็บมากเลยผัด T^T” ฉันเริ่มง้อแงใส่ผัดตามประสาคนขี้ฟ้อง
“รถของเธอยังไม่มาอีกเหรอ ปกติคุณลุงสมชายจะไม่ให้เธอรอนานนิ ถ้าโทรเรียกแล้ว”
“เดี๋ยวก็มาๆ ฉันบอกให้เขาขับเข้ามาในโรงเรียนอยู่หน้าห้องพยาบาลเนี่ยแหละ”
“เธอไปทำทีท่าไหนเข้าล่ะข้าวโอ๊ต ถึงเป็นถึงขนาดนี้” สีหน้าของหอมเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่
“ลมมันพัดแรงน่ะ อยู่ๆกระจกก็หล่นลงมา เศษมันเลยกระเด็นมาปักที่ขาฉัน”
“ตายจริง!” ผัด
“แล้วโอ๊ตเดินมาที่ห้องพยาบาลเองเหรอ?” หอมมองดูเศษถุงเท้าสีแดงที่ถูกถอดออกมาแล้วก็ทิ้งไว้ในถึงขยะประเภทติดเชื้อใกล้ๆ
“เปล่าหรอก มีคนมาช่วยฉันน่ะ”
“ใครเหรอ?! ครู?”
“ไม่ใช่ครูหรอก แถวนั้นไม่มีคนอยู่เลย”
“แล้วใครล่ะ ที่มาช่วยโอ๊ต”
“อาเทอร์น่ะ เพื่อนที่อยู่ละแวกบ้านใกล้ๆกับฉัน”
“อาเทอร์... น่ะเหรอ?” หอม
“แล้วเขาไปไหนซะล่ะ” ผัดมองซ้ายมองขวาหาอาเทอร์
“เขากลับไปกับเพื่อนแล้วล่ะ” ฉันตอบพลางนึกถึงเพื่อนคนสวยรูปร่างดีของเขา จะใช่เพื่อนกันจริงๆมั๊ยนะ...
บรืนนนน
ที่ถนนข้างหน้าห้องพยาบาลมีรถคันสีดำมาจอดเทียบท่ารออยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถของผัดที่หอมถามถึง
“นั่นไง รถมาแล้ว ^_^” ผัดยิ้มร่าเริง
“โอ๊ตเดินไปได้มั๊ย หรือจะให้พวกเราสองคนช่วยพยุง” หอม
“โอ๊ยยยย ไม่ต้องคิดมาก! นู้นๆ” ผัดพยักหน้าไปทางประตูทางเข้าห้องพยาบาล ไม่นานประตูก็เปิดออก ผู้ชายรูปร่างสูงผิวขาวกระจ่างกับเสื้อยืดที่ดำ ผมสีน้ำตาลออกทองๆหยิกหน่อยๆ ตาตี๋ๆ สีน้ำตาลอ่อนโฟกัสมาทางเรา
O_O!!
นั่นมันนายไส้เดือน!!
“...เดี๋ยวพี่ชายฉันจะอุ้มโอ๊ตไปเอง ^_^” ผัดควักมือเรียกนายนั่น ต่างจากฉันที่นั่งอ้าปากหวอมองหน้าขาวๆของไอ้นั่นที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
กึก!
กว่าจะรู้ตัวอีกที มันก็ยืนอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว
“ไม่นะ ฉันไม่เอาเด็ดขาด!” ฉันรีบหุบปากหวอเรียกสติกลับมาและท้วงเสียงแข็ง ครั้งก่อนเสนอหน้าไปหาแม่ฉันยังไม่พออีกเหรอ ครั้งนี้ถึงจะมายุ่งกับฉันอีก
ตึก ตึก
“O_O”
แต่เหมือนนายนั่น จะไม่ได้ยินที่ฉันพูด เขายังมีหน้าเขยิบเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันอีก แล้วนั่น! นั่น! แขนนั่น...ยื่นออกมาใกล้ๆฉันทำไมง่ะ แถมยังก้มตัวลงทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันขึ้นจากเตียงอีก!
ไม่นะ!!!
บอกว่าไม่ไง! ไม่ได้ยินหรือไง!!
ทำไมยังจะเข้ามาอุ้มอยู่อีกกกกก
“T[]T” จะวิ่งหนีก็ไม่ได้ ขายังเจ็บอยู่ โฮฮฮฮฮ กรีดร้องในใจอย่างแค้นเคือง
โปรดติดตามตอนต่อไป
“เธอโกหกฉันเล่นใช่มั๊ย ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เพราะใครๆต่างก็บอกว่าฉันหล่อกันทั้งนั้น” : รอเย็นร์
สวัสดีค่ะ โอ๊ย...รีดเตอร์!! ครั้งนี้ฤดูฝนหายไปนานเลยทีเดียว!! TOT ขอโทษด้วยนะคะ!
ยอมรับจริงๆว่าหายไปนานกว่าครั้งไหนๆ หายไปเป็นเดือนๆ เนื่องจากติดภาระหลายอย่าง จัดการกับเรื่องหลายๆเรื่อง และหนึ่งในนั่นคือเรื่องเรียนด้วย ครั้งนี้ฤดูฝนเรียนหนักกว่าเดิมมากจริงๆค่ะ บวกกับกิจกรรมสุดโหดเข้าไปอีก แต่ยังไงเรื่องนี้ก็จะเขียนจนจบนะคะ เวลาในการอัพคือ 4 วันต่อ 1 ตอน แต่ถ้างานเยอะ ต้องเลทจริงๆก็จะเป็น 5 วันต่อหนึ่งตอนนะคะ ^^’
ขอบคุณรีดเดอร์ทั้งหลายที่ยังคงสนับสนุนฤดูฝนนะคะ หวังว่าจะยังคงไม่ลืมพล็อตเรื่องกันนะ จุ๊บๆ ^___^
ขอบคุณภาพพื้นหลังสวยๆจาก B ♔ W
ความคิดเห็น