ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Man in love ตามล่าหาหัวใจ พระเอกนิยายในฝัน

    ลำดับตอนที่ #10 : [ตอนที่ 9] บาดแผลที่ร่างกาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 168
      5
      25 ส.ค. 59



    By.Changfan














     

    Happiness is what I feel now

    ความรู้สึกของฉันตอนนี้ก็มีความสุข

    Now I’m gonna kiss you now

    ตอนนี้ฉันจะจูบเธอล่ะนะ

    Baby let me do wanna

    ให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำนะคนดี















                                                                                                               รอเย็นร์

             





     บทที่ 9

    บาดแผลที่ร่างกาย

     
     

     

     ตึก!

     

    (^_^) ยิ้มมึนๆ

     

    (O_O) (O_O) (O_O)! อึ้งอิมกิ

     

    ในขณะที่ผัดกำลังจะพูดอยู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ มานั่งเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างๆฉันอย่างกะทันหันและยิ้มให้พวกเราแบบซื่อๆ ต่างจากพวกฉันสามคนที่มองหน้าเขาและตกใจพูดอะไรไม่ออก ก็อยู่ดีๆมันก็โผล่มาอ่ะ!!

     

    “ฉันชื่อรอเย็นร์นะ เธอคือข้าว...” นายนั่นมองหน้าฉันและลากเสียงยาว จากนั่นก็มองไปที่ผัดกับหอม เพราะเธอสองคนก็ชื่อข้าวเหมือนกัน “...โอ๊ตใช่มั๊ย?”

     

    “...”

     

    งึกๆ

     

    ฉันมองเขาตาไม่กระพริบและพยักเป็นคำตอบ

     

    ใบหน้าเนียนๆ ดวงตาโฉบเป็นวงรีเหมือนผู้ชายอ่อนโยนและเซ็กซี่ในบางที เรือนผมยาวลงมาปรกคิ้วสีดำสนิท...

     

    จำได้แล้ว!

     

    นายคนนั่นน่ะเอง คนที่วิ่งมาเก็บฟุตบอลวันนั้น!!

     

    “ขอเบอร์เธอหน่อยสิ!

     

    พูดอะไรของเขาน่ะ!

     

    ฉันมองนัยน์ตาสีดำของคนตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนอ่อนโยนแต่ในบางครั้งก็กลับดูเซ็กซี่ อย่างอยากหาคำตอบว่ามันใช่จริงๆเหรอที่เขากำลังจะขอเบอร์ฉัน เขาเองก็สบตาฉันแบบตรงๆจนฉันซะอีกที่เป็นฝ่ายเขิน

     

    “ไม่ให้!” ท่ามกลางความเงียบอยู่ๆหอมก็พูดโผล่ขึ้น

     

                ขวับ!

     

    ดวงตาสีดำโฉบเป็นวงรีหันขวับมองไปทางหอมอย่างหาเรื่อง ประมาณพูดในใจว่า

     

    เธอจะยุ่งไรด้วย

     

    “ทำไม เพื่อนฉันไม่ให้นายจะทำไม!

     

    “ฉันจะฟังแค่เสียงของเธอ ^^” นายนั่นหันมาพูดกับฉันและทำเป็นหูทวนลม ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่หอมพูด

     

    “เอ๊ะ! นายนี่มันยังไง!! บอกว่าเพื่อนฉันไม่ให้ไง ยังจะทนหน้าด้านยืนค้ำหัวอยู่ได้ ไปซิ! ไปได้แล้ว!!” หอมพูดในระดับเสียงเหมือนไล่หมาจรจัดที่มารอกินขาไก่ที่ตกอยู่ตามพื้น

     

    “...ขอโทษนะ! ว่าจะไม่พูดแล้ว... ตอนนี้เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ตอนนี้ฉันไม่ได้มายืนรอขอเบอร์เธอนะ ฉันกำลังพูดกับเธอเพื่อน เพราะฉะนั้นหุบปาก เก็ทนะ!

     

    “...เฮ้อ สงสัยขาดแคลนผู้ชายที่จะมาขอเบอร์มานานเลยของขึ้นอย่างนี้...” นายนั่นพูดเสียงเบาๆในลำคอ

     

    พรวด!

     

    หอมลุกขึ้นพรวดประจันหน้ากับนายตาโฉบอย่างฉุนเฉียว “ไอ้บ้า! พูดอะไร! อย่าคิดว่าฉันไม่ได้ยินนะ”

     

    “เออๆ ฉันขอโทษแล้วกัน นึกว่าเธอจะไม่ได้ยิน เธอคงจะเสียใจมากสินะที่ได้ยินอย่างนี้ มันคงจะไปแทงใจดำเธอเข้าล่ะสิท่า”

     

    “อย่าบังอาจมาคิดแทนฉันหน่อยเลย นายกลับไปซะเถอะ เพื่อนของฉันน่ะ ไม่ชอบผู้ชายธรรมดาๆ แต่งตัวงั้นๆ ทำตัวบ้านๆ หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนคนอย่างนายหรอกย่ะ!

     

    “เธอโกหกฉันเล่นใช่มั๊ย ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เพราะใครๆต่างก็บอกว่าฉันหล่อกันทั้งนั้น”

     

    “ยี้... หน้าด้านตอบมาได้นะยะ ไม่อายฟ้า อายดิน”

     

    “ข้าวโอ๊ต งั้นเดี๋ยวฉันมาหาเธอใหม่ตอนยัยนี่ไม่อยู่แล้วกันนะ ฉันไปล่ะ” เขาเอามือมาตบที่ไหล่ฉันเบาๆจากนั่นก็หันหลังเดินจากไป และไม่คิดที่จะสนใจเหลียวหางตามาเสวนากับหอมต่อ

     

    “เออๆ ไปเลย ชิวๆ! ไม่ต้องกลับมาอีกหรอกนะ! ก็บอกแล้วไง!! ว่ายังไงเพื่อนฉันก็ไม่ให้เบอร์นายหรอก!!

     

    “หอม... เธอเป็นอะไรไปน่ะ ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับใครง่ายๆไม่ใช่เหรอ... มันไม่ใช่เธอเลยนะ” ผัดพูดขึ้นมาเงียบๆหลังจากนายคนเมื่อกี้เดินไปลับตาแล้ว

     

    นั่นน่ะสิ... มันไม่ใช่หอมเลยนะเมื่อกี้ อ้อ เหมือนกับตอนที่ฉันโดนลูกฟุตบอลวันนั้นเลย!

     

    “...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยู่ดีๆก็รู้สึกไม่ชอบหน้านายนั่นขึ้นมาซะเฉยๆ”

     

    “อย่างนี้ก็มีเนอะ” ผัด

     

    “นั่นน่ะสิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวลาฉันเห็นหน้านายนั่นนะ รู้สึกเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตั้งแต่สิบชาติได้!” ดวงตาสีดำของหอมเปล่งประกายพลังของจิตวิญญาณออกมา

     

    “สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่สิบชาติปางก่อนมั้ง อิ อิ >.<” ฉันพูดแซวหอมขึ้นอย่างขำๆ พลอยเรียก

    เสียงหัวเราะได้จากผัดไปด้วย

     

    “บ้าน่า ถ้าเป็นเนื้อคู่กันมันก็ต้องรู้สึกดีเวลาเห็นหน้าเขาสิ แต่นี่มันไม่ใช่... L เธออย่าให้เบอร์หมอนี่ไปเลยนะโอ๊ต ถ้ามันติดต่อมาอีกเธอก็ปฏิเสธเขาไปนะ และก็อย่าคิดแม้แต่จะเป็นเพื่อนกับหมอนี่ ฉันไม่ชอบจริงๆ ถือว่าฉันขอล่ะนะ นะ... แค่ครั้งเดียว” ฉันอยากให้หอมมาเห็นใบหน้าของตัวเองตอนนี้จริงๆ เชื่อเลยว่าเธอคงไม่เคยเห็นแววตาของตัวเองที่เป็นอย่างนี้มาก่อน ภาพลักษณ์ปกติของเธอที่ฉันกับผัดคุ้นๆกันดี จะมีแต่ภาพลักษณ์ของนางฟ้ามาตลอด

     

    “จ้าๆ ฉันจะไม่!ยุ่งกับหมอนั้น โอเคนะ?”

     

    “เดี๋ยวนะหอม! ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า... หมอนั่น...” อยู่ดีๆผัดก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกๆ และมองหน้าหอมทำสายตาลอกแลกไปมาเหมือนไม่กล้าที่จะพูดต่อ

     

    “หมอนั่นทำไมเหรอผัด? O_O” ฉันถามอย่างอยากรู้

     

    “หมอนั่น... หน้าเหมือนแฟนเก่าเธอใช่มั๊ย...”

     

    กึก!

     

    “...!!!”

     

    “...ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ไงกัน ขอโทษนะ...” ดวงตาของผัดดูเศร้าลงบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดที่จำไม่ได้ ...ส่วนหอมเมื่อได้ยินสิ่งที่ผัดพูด ดวงตาคู่สวยกับสีหน้าของเธอก็ดูเปลี่ยนไปเหมือนกัน

     

    “...”

     

    ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่แสนร่มรื่นท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจ้า สายลมเย็นๆพัดเบาๆผ่านละอองแดดมายังโต๊ะม้าหินอ่อนของพวกเรา

     

    “...”

     

    เราต่างก็ตกอยู่ในความเงียบกัน หอมได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่ง...

     

    “ใช่แล้วล่ะ... หมอนั่นเหมือน... เหมือนมาก จนฉันคิดว่าเป็นคนเดียวกันกับเขา...” หอมเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา เธอคงไม่อยากให้ฉันใครเห็นแววตาที่สั่นไหวของเธอ แม้ฉันมองจะไม่เห็นสีหน้าของหอม แต่ก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังเป็นอย่างนั้น...

     

    แปะ แปะ

     

    ผัดจ้องมองไปที่หอมและยกมือซ้ายมาตบที่หลังหอมเบาๆ สีหน้าและแววตาของผัดเองก็ดูเจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกัน

     

    “ฉันขอโทษนะ ที่จำไม่ได้ทั้งๆที่ฉันเป็นเพื่อนคนที่สนิทที่สุดกับเธอแล้วแท้ๆ...”

     

    “...ฉันยังลืมเขาไม่ได้น่ะผัด! ทำไมต้องมาเห็นหน้าหมอนี่ที่เหมือนกันกับเขาราวกับ... ด้วยนะ” หอมยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้น แต่เธอเอือมมือมาบีบมือของผัดและกำมันแน่น เสียงของหอมเริ่มจะสั่นๆและตัวก็เริ่มที่จะสั่นเหมือนกัน...

     

     

     

     

     

    04.04 PM.

     

    “รู้งี้ ฉันน่าจะรีบทำให้มันเสร็จๆ ไม่น่ามัวแต่โอ้เอ้เลย” ผัดบ่นขึ้นในระหว่างที่พวกเราสามคนเดินไปส่งงานอาจารย์ที่ห้องพักครูหลังจากหมดเวลาคาบสุดท้ายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าอาจารย์ให้ทำงานส่งภายในคาบเรียน แต่ผัดมัวแต่โอ้เอ้เล่นนั่นเล่นนี่ไปทั่วเลยทำเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง และพวกฉันเองก็เลยต้องรอให้ผัดทำงานเสร็จแล้วไปส่งพร้อมกัน

     

    ตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันนี้มาหอมเองก็ดูซึมและพูดน้อยกว่าปกติ ผัดเล่าให้ฉันฟังว่าหอมเคยมีแฟน และหอมก็รักผู้ชายคนนั้นมาก แต่อยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็นอกใจหอมไปคบกับคนอื่นและทิ้งหอมไปเรียนอยู่ต่างประเทศพร้อมกันกับผู้หญิงคนใหม่ โดยที่ไม่เป็นห่วงความรู้สึกของหอมเลย ว่าหอมจะรู้สึกยังไง

     

    ผัดบอกว่ากว่าหอมจะผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ ก็หนักสาหัสพอสมควร เรื่องมันก็นานมาแล้ว ผัดคิดว่าหอมน่าจะลืมมันไปได้แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์เหมือนอย่างวันนี้ มันก็ทำให้ผัดรู้ว่ามันไม่ใช่ หอมยังคงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเรื่อยมา...

     

    “ปูดดดด!” อยู่ๆก็มีเสียงของอะไรบ้างอย่างดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นอ่อนๆลอยมาแตะจมูก ฉันกับผัดต่างหันซ้ายหันขวาหาต้นตอของเสียง

     

    “...เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ...ฝากเอานี่ไปส่งให้ด้วย แล้วเจอกันที่เดิมตอนกลับนะ ไม่ไหวแล้ว!!” หอมพูดขึ้นเป็นประโยคยาวๆในครั้งแรกหลังจากตอนเที่ยง มืออีกข้างหนึ่งกุมหน้าท้องมืออีกข้างหนึ่งยื่นสมุดงานให้เรา จากนั่นก็รีบวิ่งไปยังทางห้องน้ำทันที พร้อมกับกลิ่นเหม็นอ่อนๆที่ลอยตามเธอไป

     

    “...”

     

    “...”

     

    ...ฉันกับผัดได้แต่มองหน้ากันนิ่ง และมองสมุดงานของหอมที่อยู่ในมือ...

     

    “โอ๊ต เธอไปส่งงานคนเดียวได้มั๊ย เดี๋ยวฉันจะไปดูหอมมันสักหน่อย...”

     

    “อ้อ ได้ๆ ไปดูหอมมันหน่อยก็ดีเหมือนกัน หึ หึ แล้วเจอกันตอนกลับนะ”

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    ฉันเดินขึ้นมาบนตึกชั้นที่ต้องส่งงาน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ชั้นนี้เลย ทุกอย่างเงียบงันไปหมดมีเพียงเสียงรองเท้านักเรียนของฉันที่กระทบกันกับพื้น และเสียงผู้คนที่ดังขึ้นมาจากข้างล่างเล็กน้อย ในที่สุดฉันก็เดินมาถึงห้องพักครู ฉันเอือมมือไปผลักบานกระจกสีดำออกและเดินเข้าไปในห้อง

     

    “ขออนุญาตนะคะ...”

     

    ห้องในห้องมีเพียงแค่โต๊ะร้างๆหลายๆตัว พร้อมกับหนังสือและสมุดส่งงานที่กองพะเนินกันอยู่

     

    ไม่มีใครอยู่เลยสินะ...

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังสะท้อนไปทั่วห้อง

     

    ...วังเวงจัง

     

    พรืดดดด

     

    ลมระรอกใหญ่พัดเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดอยู่

     

    เคร้งงงง

     

    โอ้ย!!”

     

    กระจกบานใหญ่อยู่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ถูกตั้งผิงไว้กับขอบผนังของหน้าต่าง ตกลงมาเพราะของแรงของลมเมื่อกี้และหล่นลงมาแตกใส่พื้น สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเศษกระจกที่แตกกระเด็นขึ้นมาปักเข้ากับขาข้างซ้ายของฉัน เลือดที่แดงฉานค่อยๆไหลออกมาจากรอยบาดแผลทีละน้อยๆจนแดงเต็มขาลงไปหมด

     

    ทรุดดดด

     

    เมื่อฉันเห็นขาของตัวเอง อยู่ดีๆฉันก็ไม่มีแรงที่จะยืนหลังจากเห็นเลือดมากมายไหลออกมาติดที่ถุงเท้านักเรียนสีขาวซึ่งตอนนี้มันได้คลายสภาพเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว

     

    เจ็บ... เจ็บเหลือเกิน...

     

    ความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมายังหัวของฉัน  ฉันก้มมองลงไปยังสมุดส่งงาน 3 เล่มที่อยู่ในมือ ฉันจะทำยังไงกับตัวเองตอนนี้ดีนะ ตอนนี้แค่จะลุกไปส่งงานด้วยตัวเองยังลุกไม่ได้ แล้วฉันจะเดินกลับลงไปชั้นล่างยังไงล่ะ...

     

     

    ...รอยยิ้มอุ่นอบ ใบหน้าขาวใส และผมสีดำที่ยาวลงมาปรกตาเล็กน้อย...

     

     

    ในขณะที่ติดอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ อยู่ๆใบหน้าของพี่ลูเชลล์ก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัวของฉันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งปกติทุกทีตั้งแต่เด็ก เวลาที่ฉันกำลังลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือ ฉันมักจะคิดถึงพระเอกในนิยายที่ฉันจินตนาการไว้ตลอด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่! ฉันไม่ได้นึกถึงบุคคลในจินตนาการนั่นอีกต่อไป แต่เป็นพี่ลูเชลล์ที่เข้ามาแทนที่ งั้นมันก็แสดงว่า...

     

    “นั่นใช่ข้าวโอ๊ตมั๊ยน่ะ?!” ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

     

    “ข้าวโอ๊ต จริงๆด้วย เธอเป็นอะไรมั๊ย” ฉันหันหน้าไปมองที่หน้าประตูก็เห็นอาเทอร์ กำลังมองมาที่ฉันอยู่

     

    “อาเทอร์...” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ

     

    อาเทอร์มองไปรอบๆและสามารถประมวลสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบวิ่งมาหาฉันและก้มลงมาดูแผลที่ขาฉัน

     

    “เธอเจ็บมากมั๊ย...” เขาเอือมมือมาจับที่ข้อเท้าฉันซึ่งใส่รองเท้านักเรียนอยู่เบาๆ นันย์ตาคมเข้มสีดำฉายชัดขึ้นมาสบตาฉันด้วยความเป็นห่วง

     

    “มากเลยแหละ” ฉันตอบเสียงเบา

     

    “เธอลุกขึ้นเองได้มั๊ย...” นันย์ตาคมเข้มสีดำยังคงจ้องหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา

     

    ฉันไม่ตอบ แต่ส่ายหัวแทนคำตอบ

     

    “โธ่เอ่ยข้าวโอ๊ต... แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่...” อาเทอร์เอือมมืออีกข้างขึ้นมาลูบผมฉันเบาๆ ฉันว่าเขาเองก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเผลอทำอย่างนี้กับฉัน

     

    ฉันไม่ตอบ แต่ก้มหน้าลงไปมองสมุดสามเล่มที่อยู่ในมือ

     

    “มาส่งงานใช่มั๊ย เอามา เดี๋ยวฉันเอาไปวางให้” เขาหยิบเอาสมุดที่อยู่ในมือของฉันไปวางไว้ที่โต๊ะอาจารย์และรีบเดินกลับมาหาฉัน

     

    “เศษกระจกมันปักขาเธอลึกเลยนะข้าวโอ๊ต... เธอคงจะเจ็บมากแน่ๆ ใครกันนะที่วางกระจกไว้ไม่เป็นที่เป็นทางอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปรายงาน ผอ. แน่ๆ คอยดูสิ” อาเทอร์ละสายตาจากแผลฉันและหันไปมองยังกระจกที่แตกกระจายจากนั้นก็ตำหนิ

     

    “ตอนฉันเดินขึ้นมา ชั้นนี้ไม่มีคนเลยนะ ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่”

     

    “พอดีฉันมาส่งงานอาจารย์เสาวนีย์น่ะ”

     

    “แต่ห้องอาจารย์อยู่ชั้นบนสุดเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ชั้นนี่สักหน่อย”

     

    “เอ่อ... คือว่า... *=* ” อาเทอร์อ้ำๆอึ้งๆอยู่พักใหญ่ จากนั่นก็พูดขึ้นอีกที “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ! ห่วงแต่เธอตอนนี้ก่อนดีกว่า”

     

    “...”

     

    “ขอโทษนะข้าวโอ๊ต”

     

    ฉึบ!

     

    พรวดดดด

     

    O_O

     

    อาเทอร์ถือวิสาสะสอดแขนข้างหนึ่งเข้ามาใต้หัวเข่าของฉัน และแขนอีกข้างก็โอบเข้าที่ข้างหลังเอวของฉัน ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองลอยอยู่เหนือพื้นแล้วภายใต้อ้อมแขนแกร่งของอาเทอร์

     

    ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมากเลย ปกติเวลาฉันเจอเขาก็ไม่ได้ที่จะใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ฉันมีโอกาสที่จะได้มองหน้าเขาผ่านมุมข้างล่างของใต้คางเขาเป็นครั้งแรก เหมือนฉันจะเห็นเคราเส้นเล็กๆที่โผล่ออกมาจากใต้คางนิดๆนะ จากนั่นสายตาของฉันก็มองต่ำลงไปจ้องที่ลูกกระเดือกเขา

     

    อ่า... คางและลูกกระเดือกของเขาเซ็กซี่ใช่เล่นเลยล่ะ

     

    “นะ นาย... ทำแบบนี้ทำไม...” ฉันจ้องขึ้นไปมองที่หน้าเขา

     

    “เธอเดินไม่ไหวนิ แค่ลุกยังจะไม่ได้เลย เดี๋ยวฉันพาไปห้องพยาบาลนะ” อาเทอร์ก้มลงมามองหน้าฉันแค่แวบเดียว จากนั่นก็พูดเสียงรัวเร็วและรีบเร่งฝีเท้าพาฉันเดินไปข้างหน้าทันที

     

    ...ตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นเพื่อนกับเขามา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างนี้

     

     

     

     

    “อุ้ย! ตาเถร! ตายจริง! เพื่อนเธอไปโดนอะไรมา” ครูที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลถามขึ้น หลังจากเห็นอาเทอร์อุ้มฉันเข้ามาด้วยกับขาที่เต็มไปด้วยเลือด

     

    “เศษกระจกกระเด็นใส่ครับครู”

     

    “ไปทำทีท่าไหนเข้าล่ะถึงเป็นขนาดนี้ เอ้า! มาๆ พาเพื่อนมานั่งที่ตรงนี้” ครูห้องพยาบาลเดินไปที่เตียงและตบมือเบาะเตียงเรียกฉันไปนั่ง อาเทอร์ก็ไม่รอช้ารีบทำตามคำสั่ง

     

    ตลอดระยะทางที่เขาอุ้มฉันมา บรรดากลุ่มนักเรียนที่พวกเราเดินผ่าน สายตาที่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็จ้องความสนใจมาที่เราทั้งสองคนกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไร ส่วนอาเทอร์เองตอนนั้นสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ฉันสัมผัสมันได้จากแววตาเขาตลอดระยะทางที่เขาอุ้มฉันไม่ว่าจะเป็นตอนเดินหรือตอนลงบันได

     

    “แผลลึกใช้ได้เลยนะเนี่ย...” ครูห้องพยาบาลสำรวจแผลฉันและเตรียมอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาทำแผล อาเทอร์เองก็เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆมานั่งข้างๆและจับมือฉันไว้

     

    “เธอต้องไม่เป็นอะไร ทนเจ็บหน่อยนะ...”

     

    “อืม ขอบใจนายมากนะ พี่พาฉันมา ไม่ได้นายฉันคงแย่”

     

    “^^” อาเทอร์ไม่ตอบ แต่เขายิ้มรับในคำพูดของฉัน

     

     

     

     

    “อ่า... ใช่! ตอนนี้ฉันอยู่ห้องพยาบาล... จ้าๆ” ฉันโทรบอกบอกผัดกับหอม ที่ตอนนี้คงรอฉันอยู่ตรงที่เดิมที่เรานัดกันไว้ หลังจากที่ครูประจำห้องพยาบาลทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย

     

    “แล้วเธอจะกลับบ้านยังไง จะเดินกลับเหรอ”

     

    “ไม่หรอก เดี๋ยวเพื่อนฉันเอารถไปส่ง”

     

    “ดีแล้วล่ะ”

     

    “แล้วนายเดินกลับบ้านคนเดียวตลอดเลยเหรอ”

     

    “ก็ไม่นะ บางทีฉันก็เดินกลับกับเพื่อน...”

     

     

    จะรักเธอ จนกว่าเธอจะรับ จะรักเธอ จนกว่าเธอ...

     

     

    “อ่า... นั่นไง โทรมาพอดีเลย” อาเทอร์ชูโทรศัพท์ให้ฉันดู และกดรับสาย

     

    “ฮัลโหล ขอโทษทีนะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาล... งั้นเหรอ ได้ๆ พอดีว่าเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ”

     

    ติ้ด!

     

    “เดี๋ยวเพื่อนฉันจะมาหาที่นี้แล้ว ให้ฉันนั่งรอเธอเป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนเธอจะมาถึงมั๊ย?”

     

    “ไม่หรอก ไม่เป็นไร แค่นี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณนายจะแย่อยู่แล้ว”

     

     

     

    นะๆ ไม่งั้นฉันจะปีนรั้วเข้าบ้านเธอก็แล้วกัน จนกว่าเธอจะหายโกรธ ^^’ ‘

     

    นายจะบ้าเหรอ!! นั่นแหละฉันจะยิ่งโกรธนายไปใหญ่ และอีกอย่างตามที่ฉันพูด ฉันไม่ได้โกรธนายสักหน่อย

     

    งั้นก็แสดงว่าเธอตกลงแล้วใช่มั๊ย สรุปว่าหลังเลิกเรียนนี้เราเจอกันที่ร้าน Mine ice cream นะ เธอชวนเพื่อนเธอไปด้วยกันได้นะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ตกลงนะ! ^^+’

     

    อืมๆ ก็ได้

     

    เย้!’

     

     

     

    อยู่คำพูดพวกนี้ของเหตุการณ์วันนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน

     

    จริงสิ! วันนั้น...

     

     

     

              ‘วันนี้ข้าวโอ๊ตว่างมั๊ย ไปกินข้าวกับพี่ซักมื้อนะครับ ถ้าข้าวโอ๊ตตกลงพี่จะไปรับ

     

    ว่างค่ะ พี่จะมาจริงๆเหรอคะ ^^’

     

    จริงสิ งั้นพี่รอเราที่หน้าโรงเรียนแล้วกันนะครับ

     

    เอ่อ...เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่พี่จะมาจริงๆนะ >,<’

     

    จริง! พี่ไม่โกหกข้าวโอ๊ตหรอกน่า

     

    ค่ะ แล้วเจอกัน ข้าวต้องเรียนแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ

     

    ครับบบ ตั้งใจเรียนนะ เด็กดี <3’

     

     

     

    ...วันนั้น

     

    ...ฉันลืมเรื่องนัดของอาเทอร์

     

    ไปซะสนิท...

     

     

     

    ตายแล้วนี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย!!

     

    ฉันมองไปที่ดวงตาสีดำคมเข้มนั่นของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด ในขณะที่เขาส่งยิ้มบางๆให้ฉัน

     

    สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาสีดำนั่น...

     

    ...เขาจะรู้สึกยังไงนะ

     

     

     

    “ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะ เป็นผู้หญิงอย่าเที่ยวเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะ มันไม่ปลอดภัย นี่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นเหมือนอย่างวันนี้ แล้วไม่มีคนอยู่แถวนั้น ใครจะช่วยเธอ”

     

     

     

    ฉันทำกับเขาอย่างนี้...

     

    เขาก็ยังจะดีกับฉันอยู่อีก...

     

    อาเทอร์...

     

     

     

    “อาเทอร์... ฉัน...ขอบคุณนายมากนะ...”

     

    “หือ”

     

     “...นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”

     

     

    ฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ...

     

    ขอบคุณนันย์ตาสีดำนั่น ที่ไม่คิดจะขุ่นเคืองฉันเลย...

     

    ทั้งๆที่วันนั้น เขาอุตส่าห์ตั้งใจมาชวนฉันแท้ๆ

     

     
     

    “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า เราเป็นเพื่อนกันนิ ^_^” ริมฝีปากรูปกระจับระบายรอยยิ้มแห่งมิตรภาพออกมา

     

    “...”

     

    ครืนนนน

     

    ผู้หญิงผมสีดำเข้มเป็นธรรมชาติ รูปร่างสูงสง่าและผอมเพรียวราวกับเป็นนางแบบ ดวงตาสีดำเข้มของเธอเรียวสวยเป็นประกายเข้ากับรูปคิ้วเรียวยาวบนหน้าของเธอเป็นอย่างดี เธอเปิดประตูห้องพยาบาลและมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นอาเทอร์ที่นั่งอยู่กับฉัน ริมฝีปากบางก็ยิ้มออกมา

     

    หรือว่าเธอจะเป็น...

     

    “อยู่นี่เอง ^_^ นี่น่ะเหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นนิดหน่อย...” เธอมองมาที่ฉันและลดสายตาลงไปที่ขาฉัน “...เป็นคนดีอีกแล้วนะ อาเทอร์ ^^

     

     “ซิธก็พูดไป ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก เป็นใครเห็น ใครก็ต้องช่วยด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก”

     

    “แหม ทำเป็นพูด ใครที่ฉันเคยรู้จักมา นายนั่นแหละที่ดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว”

     

    “อ้อ ข้าวโอ๊ต นี่ซิธเธอร์นะ เธอเป็นเพื่อนของฉัน ส่วนซิธนี่ข้าวโอ๊ตนะ เธอเป็นเพื่อนใหม่ของฉัน ^^ ทั้งสองคนรู้จักกันไว้ซะสิ”

     

    “หวัดดี ข้าวโอ๊ต ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ ขอให้แผลหายเร็วๆนะ ^_^” ยิ้ม

     

    ...ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยสง่าจริงๆ รอยยิ้มที่จริงใจของเธอนั้นสะกดให้ฉันลืมหายใจไปชั่วขณะ

     

    “อ่อ จ๊ะ เช่นกัน ซิธเธอร์...” ฉันตอบ

     

    “แน่ใจนะ ว่าอยู่คนเดียวได้” อาเทอร์ถามย้ำอีกครั้ง ...เขาช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ

     

    “แน่ใจ อีกเดี๋ยวพวกนั่นก็มาแล้วแหละ นายไปเถอะ”

     

    “อืม งั้นฉันไปก่อนนะ J

     

    “พวกเรากลับก่อนนะ ข้าวโอ๊ต J” ซิธเธอร์

     

    “^_^” ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ้มให้เป็นคำตอบ และมองดูแผ่นหลังทั้งสองของพวกเขาเดินออกไปพร้อมกัน อาเทอร์ช่วยเปิดประตูให้ซิธเธอร์เดินออกไปก่อน แล้วเขาก็ตามออกไป

     

    เป็นคู่ที่ดีจังนะ...

     

     

     

     

    “ข้าวโอ๊ต... เธอเป็นไงบ้าง!!” ผัดเดินเข้าในห้องพยาบาลและถามขึ้นเสียงดัง ไม่เกรงใจครูห้องพยาบาลที่ส่งสายตามาดุใส่แม้แต่นิด

     

    “ฉันเจ็บมากเลยผัด T^T” ฉันเริ่มง้อแงใส่ผัดตามประสาคนขี้ฟ้อง

     

    “รถของเธอยังไม่มาอีกเหรอ ปกติคุณลุงสมชายจะไม่ให้เธอรอนานนิ ถ้าโทรเรียกแล้ว”

     

    “เดี๋ยวก็มาๆ ฉันบอกให้เขาขับเข้ามาในโรงเรียนอยู่หน้าห้องพยาบาลเนี่ยแหละ”

     

    “เธอไปทำทีท่าไหนเข้าล่ะข้าวโอ๊ต ถึงเป็นถึงขนาดนี้” สีหน้าของหอมเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่

     

    “ลมมันพัดแรงน่ะ อยู่ๆกระจกก็หล่นลงมา เศษมันเลยกระเด็นมาปักที่ขาฉัน”

     

    “ตายจริง!” ผัด

     

    “แล้วโอ๊ตเดินมาที่ห้องพยาบาลเองเหรอ?” หอมมองดูเศษถุงเท้าสีแดงที่ถูกถอดออกมาแล้วก็ทิ้งไว้ในถึงขยะประเภทติดเชื้อใกล้ๆ

     

    “เปล่าหรอก มีคนมาช่วยฉันน่ะ”

     

    “ใครเหรอ?! ครู?”

     

    “ไม่ใช่ครูหรอก แถวนั้นไม่มีคนอยู่เลย”

     

    “แล้วใครล่ะ ที่มาช่วยโอ๊ต”

     

    “อาเทอร์น่ะ เพื่อนที่อยู่ละแวกบ้านใกล้ๆกับฉัน”

     

    “อาเทอร์... น่ะเหรอ?” หอม

     

    “แล้วเขาไปไหนซะล่ะ” ผัดมองซ้ายมองขวาหาอาเทอร์

     

    “เขากลับไปกับเพื่อนแล้วล่ะ” ฉันตอบพลางนึกถึงเพื่อนคนสวยรูปร่างดีของเขา จะใช่เพื่อนกันจริงๆมั๊ยนะ...

     

    บรืนนนน

     

    ที่ถนนข้างหน้าห้องพยาบาลมีรถคันสีดำมาจอดเทียบท่ารออยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถของผัดที่หอมถามถึง

     

    “นั่นไง รถมาแล้ว ^_^” ผัดยิ้มร่าเริง

     

    “โอ๊ตเดินไปได้มั๊ย หรือจะให้พวกเราสองคนช่วยพยุง” หอม

     

    “โอ๊ยยยย ไม่ต้องคิดมาก! นู้นๆ” ผัดพยักหน้าไปทางประตูทางเข้าห้องพยาบาล ไม่นานประตูก็เปิดออก ผู้ชายรูปร่างสูงผิวขาวกระจ่างกับเสื้อยืดที่ดำ ผมสีน้ำตาลออกทองๆหยิกหน่อยๆ  ตาตี๋ๆ สีน้ำตาลอ่อนโฟกัสมาทางเรา

     

    O_O!!

     

    นั่นมันนายไส้เดือน!!

     

    “...เดี๋ยวพี่ชายฉันจะอุ้มโอ๊ตไปเอง ^_^” ผัดควักมือเรียกนายนั่น ต่างจากฉันที่นั่งอ้าปากหวอมองหน้าขาวๆของไอ้นั่นที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

    กึก!

     

    กว่าจะรู้ตัวอีกที มันก็ยืนอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว

     

    “ไม่นะ ฉันไม่เอาเด็ดขาด!” ฉันรีบหุบปากหวอเรียกสติกลับมาและท้วงเสียงแข็ง ครั้งก่อนเสนอหน้าไปหาแม่ฉันยังไม่พออีกเหรอ ครั้งนี้ถึงจะมายุ่งกับฉันอีก

     

    ตึก ตึก

     

    “O_O”

     

    แต่เหมือนนายนั่น จะไม่ได้ยินที่ฉันพูด เขายังมีหน้าเขยิบเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันอีก แล้วนั่น! นั่น! แขนนั่น...ยื่นออกมาใกล้ๆฉันทำไมง่ะ  แถมยังก้มตัวลงทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันขึ้นจากเตียงอีก!

     

    ไม่นะ!!!

     

    บอกว่าไม่ไง! ไม่ได้ยินหรือไง!!

     

    ทำไมยังจะเข้ามาอุ้มอยู่อีกกกกก

     

    “T[]T” จะวิ่งหนีก็ไม่ได้ ขายังเจ็บอยู่ โฮฮฮฮฮ กรีดร้องในใจอย่างแค้นเคือง

     

     

     




     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป 







     

    “เธอโกหกฉันเล่นใช่มั๊ย ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เพราะใครๆต่างก็บอกว่าฉันหล่อกันทั้งนั้น” : รอเย็นร์



                                                                                                                 
                                                                               








     








    Add fan จิ้มๆ










     

     

    สวัสดีค่ะ โอ๊ย...รีดเตอร์!! ครั้งนี้ฤดูฝนหายไปนานเลยทีเดียว!! TOT ขอโทษด้วยนะคะ!

    ยอมรับจริงๆว่าหายไปนานกว่าครั้งไหนๆ หายไปเป็นเดือนๆ เนื่องจากติดภาระหลายอย่าง จัดการกับเรื่องหลายๆเรื่อง และหนึ่งในนั่นคือเรื่องเรียนด้วย ครั้งนี้ฤดูฝนเรียนหนักกว่าเดิมมากจริงๆค่ะ บวกกับกิจกรรมสุดโหดเข้าไปอีก แต่ยังไงเรื่องนี้ก็จะเขียนจนจบนะคะ เวลาในการอัพคือ 4 วันต่อ 1 ตอน แต่ถ้างานเยอะ ต้องเลทจริงๆก็จะเป็น 5 วันต่อหนึ่งตอนนะคะ ^^’

    ขอบคุณรีดเดอร์ทั้งหลายที่ยังคงสนับสนุนฤดูฝนนะคะ หวังว่าจะยังคงไม่ลืมพล็อตเรื่องกันนะ จุ๊บๆ  ^___^

     

     






    ขอบคุณภาพพื้นหลังสวยๆจาก B ♔ W

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×