น่ารู้เรื่อง "สิว"
เกี่ยวกับเรื่องสิวๆคร้าบบบ
ผู้เข้าชมรวม
19,927
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"สิว" เป็นปัญหาทางด้านผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น
เพราะมีอิทธิพลของฮอร์โมนเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง มักพบตามบริเวณผิวหนังของร่างกายที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่และมีจำนวนมาก เช่น บริเวณใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง โดยเกิดจากที่ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากจนไปอุดตันท่อของต่อมไขมัน เกิดเป็น "สิวอุดตัน" (คอมีโดน) ขึ้นมา
เมื่อเกิดสิวอุดตันขึ้นมาแล้ว อาจมีเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า พีแอคเน่ (P.acne)
ซึ่งพบได้ตามผิวหนังของคนทั่วไป มากินไขมันที่อุดตัน มันจะย่อยสลายไขมันในท่อของต่อมไขมัน ให้กลายเป็นกรดไขมัน ที่มีฤทธิ์ทำให้สิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบกลายเป็นสิวอักเสบ
สิวแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ
1. สิวไม่อักเสบ ( สิวอุดตัน, คอมีโดน ) มี 2 ชนิดคือ
สิวหัวปิด ( สิวหัวขาว ) จะไม่มีรูเปิดของท่อต่อมไขมันที่ผิวหนังให้เห็นชัดเจน ร้อยละ 75 ของสิวชนิดนี้จะกลายเป็นเม็ดสิวอักเสบ
2.สิวอักเสบ มักพบหลายลักษณะ เช่น
ตุ่มนูนแดงแข็ง
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิว
สิวเกิดจากสาเหตุหลายประการร่วมกัน ได้แก่ ระดับของฮอร์โมนเพศที่เพิ่มสูง , แบคทีเรีย ( พีแอคเน่ ) เป็นต้น
ซึ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักในการเกิดสิว แต่สิวยังสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่นๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องได้อีก
ปัจจัยอื่นๆที่กระตุ้นให้เกิดสิว
· พันธุกรรม
· ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ , ไอโอไดด์ , โบรไมด์ , วิตามินบี 12
· เครื่องสำอาง สบู่ น้ำมันใส่ผม
· ประจำเดือน พบว่า ร้อยละ 60-70 ของผู้หญิงที่เป็นสิว จะเป็นสิวมากขึ้นใน 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน
· ภาวะเครียด
· อาชีพและสิ่งแวดล้อม การทำงานในที่มีอากาศร้อน เหงื่อออกมาก ทำให้เกิดการบวมของท่อไขมันและเกิดสิวตามมาได้
· อาหาร โดยทั่วไปแพทย์ผิวหนังไม่ค่อยเชื่อว่าอาหารมีอิทธิพลต่อการเกิดสิว อย่างไรก็ตามมีคนกุ่ลหนึ่งที่มีความเชื่อว่าอาหารบางอย่างทำให้สิวมีอาการมากขึ้นได้ ซึ่งหากมีความเชื่อเช่นนั้นให้ลองสังเกตดูว่า เมื่อลดอาหารชนิดนั้นที่สงสัยว่าทำให้เกิดสิวสัก 3- 4 สัปดาห์ แล้วจึงรับประทานอาหารนั้นใหม่ ถ้าสิวกำเริบขึ้นมาจริงก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารนั้น
· การเช็ดถูหน้าแรงๆหรือบ่อยครั้ง , การขัดหรือนวดหน้า ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดสิวได้เช่นกัน
การรักษา
· ยาที่ใช้รักษาสิว
1. ยาทา จะใช้ในกรณีที่เป็นสิวไม่รุนแรงหรือใช้ร่วมกับยารับประทานเพื่อรักษาสิวชนิดรุนแรง
ข้อเสียของยาเบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ คือ ทำให้หน้าแดง แสบ แห้งเป็นขุย
ยาตัวนี้ทำให้เกิดการระคายเคือง หน้าแดง แสบ แห้ง ลอก การทายาในช่วงแรกๆอาจกระตุ้นให้สิวอักเสบกำเริบ ทำให้ดูว่าอาการของสิวเป็นมากขึ้นและยาทากรดวิตามินเอยังทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด จึงควรใช้ยาทากันแดดทุกครั้งที่ต้องถูกแสงแดด
2.ยารับประทาน
ยารับประทานจะใช้ในสิวชนิดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อกันประมาณ 6-8 เดือน ยารับประทานที่ใช้บ่อยแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ยารับประทานจะใช้ในสิวชนิดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันประมาณ 6-8 เดือน
ยารับประทานที่ใช้บ่อยแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เตตราซัยคลิน ( tetracycline ), อีรีโธรมัยซิน ( erythromycin ) เป็นต้น
โดยที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ เตตราซัยคลิน การรับประทานตัวนี้ควรรับประทานในขณะที่ท้องว่าง คือ รับ ประทานก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรืออีกวิธีหนึ่งคือรับประทานยาหลังรับประทานอาหารเสร็จนาน 2 ชั่วโมงไปแล้ว ไม่ควรรับประทานยาพร้อมอาหารที่ทำจากนม , พวกแร่ธาตุ เกลือแร่ต่างๆ เพราะลดการดูดซึมของตัวยาได้
ยาเตตราซัยคลินมีผลต่อกระดูกและฟันของทารกในครรภ์ จึงห้ามหญิงมีครรภ์รับประทานยานี้
ส่วนยาอิรีโธรมัยซินใช้ได้ผลดีพอๆกับยาเตตราซัยคลินสามารถใช้ได้ในหญิงมีครรภ์ด้วย
ไอโซเทรติโนอิน ( isotretinoin ) ใช้ในคนที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วไม่ได้ผล ยาตัวนี้จะทำให้ต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง การหลั่งไขมันลดลง ลดการอักเสบของสิวและลดปริมาณแบคทีเรียพีแอคเน่ การใช้ยาต้องใช้ติดต่อกันนาน 16-20 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลเมื่อเวลาผ่านไป 3-4 สัปดาห์ ในบางคนจะมีสิวเห่อมากขึ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก แต่ไม่จำเป็นต้องหยุดรับประทานยา ไม่ควรใช้ยาร่วมกับยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตราซัยคลินเพราะอาจเกิดอันตรายได้ ยาตัวนี้จะมีผลในการเปลี่ยนแปลงระดับโคเลสเตอรอลในเลือดและมีผลต่อการทำงานในตับ เมื่อมีการใช้ยานี้เป็นระยะเวลานานจึงควรตรวจระดับโคเลลสเตอรอลและตรวจการทำงานของตับร่วมด้วย นอกจากนี้ยากรดวิตามินเอมีผลทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ดังนั้นจะต้องไม่ตั้งครรภ์ในระหว่างการรับประทานยาตัวนี้เด็ดขาดและควรหยุดยานี้อย่างน้อย 2 เดือนก่อนตั้งครรภ์
· ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมน จะไปลดการทำงานของต่อมไขมันทำให้หลั่งไขมันออกมาน้อย ประสิทธิภาพในการรักษาสิวให้ผลมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับในแต่ละคนจะใช้ในผู้หญิงที่มีสิวเมื่อใกล้มีประจำเดือนหรือในผู้หญิงที่รักษาสิวด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล การรับประทานยาคุมกำเนิดอาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม จะไม่ใช้ยานี้ในผู้ชาย, เด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 16 ปีหรือหญิงอายุมากมีประวัติสูบบุหรี่จัด
ข้อควรปฏิบัติในการดูแลตนเอง
1. การล้างหน้า ควรล้างด้วยสบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็ก
2. ไม่ควรล้างหน้าหรือเช็ดหน้าบ่อยๆ
3. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่มีผลต่อการทำงานของผิวหนังและต่อมไขมัน เช่น เครื่องสำอางที่มี สเตียรอยด์ผสมอยู่
4. อย่าบีบหรือแกะสิว เพราะสิวจะยิ่งอักเสบลุกลามและมีรอยแผลเป็นมากขึ้น
5. เลือกใช้ยาทาตามชนิดของสิว ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาหรือแนะนำให้
6. ถ้ามีสิวอักเสบมากต้องกินยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมควบคู่ เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ จึง ควรปรึกษาแพทย์ในการรักษา
7. กินยาให้สม่ำเสมอ
8. หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยในเรื่องของสิวและแนวทางการรักษา ควรสอบถามจากแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน
·
· สิวเป็นเรื่องของวัยรุ่นเท่านั้น?
สิวพบได้มากในวัยรุ่น แต่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุก็เป็นได้เช่นกัน ในผู้ใหญ่บางรายมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีสิ่งมากระตุ้น เช่น เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดสิวได้ ความเครียด และอีกหลายปัจจัย ทำให้สิวเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ได้ จึงสรุปได้ว่า สิวไม่ได้เป็นเรื่องของวัยรุ่นโดยเฉพาะเท่านั้น
ความสกปรกและฝุ่นละอองเป็นสาเหตุของสิว?
สิวหัวดำอาจทำให้เข้าใจว่าสิวเกิดจากความสกปรกหรือฝุ่นละออง สิวหัวดำที่เห็นเป็นจุดดำๆนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่ง สกปรกไปอุดตันแต่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อต่อมไขมัน มีเม็ดสีมาสะสม ความเชื่อนี้ทำให้ผู้เป็นสิวหลายคนล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปและใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา ทำให้หน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวยิ่งกำเริบมากขึ้น
การบีบสิวเอาหนองออกช่วยให้สิวหายเร็ว?
สิวที่สามารถกดออกได้ คือ สิวหัวดำ ซึ่งยังไม่มีการอักเสบเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือกดสิวและกดโดยผู้ชำนาญเท่านั้น การกดหรือบีบสิวระยะอื่นๆทำให้อาการเลวลง และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น
สิวเกิดจากเลือดเสีย?
บางครั้งอาจพบเลือดออกในสิวที่เป็นตุ่มหนองขนาดใหญ่ได้ ซึ่งอาจเห็นเป็นเลือดดำอยู่ภายใน ทำให้บางคนเชื่อว่าสิวเกิดจากเลือดเสียซึ่งไม่เป็นความจริง
สิวเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง?
มีผู้เชื่อว่ารับประทานอาหารไขมันสูง เช่น มันทอด ถั่วทอด ไอศกรีม ขนมหวาน ทำให้เป็นสิวได้ เพราะไขมันจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและซึมออกมาเป็นไขมันตามใบหน้าได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ไขมันที่รับประทานเข้าไปไม่มีส่วนทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น แต่การใช้น้ำมันหรือเครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและก่อให้เกิดสิวได้
การรับประทานช็อคโกแลตจะทำให้เป็นสิว?
มีผู้เชื่อกันมากว่าการรับประทานช็อคโกแลตจะกระตุ้นให้สิวมากขึ้น แต่เมื่อทำการทดลองตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งยังไม่มีข้อมูลใดๆที่แสดงว่าช็อคโกแลตทำให้เป็นสิวได้
เพศสัมพันธ์ทำให้สิวกำเริบหรือดีขึ้นได้?
บางคนเชื่อว่าเพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้นได้ ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาแต่ครั้งยุโรปโบราณที่ว่าการแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ อันที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไปเพราะวัยที่แต่งงานพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้ว ซึ่งเป็นวัยที่พบสิวน้อยลงตามธรรมชาติ ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่าสิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ซึ่ไม่เป็นความจริง การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นฮอร์โมนที่เป็นต้นเหตุของสิวออกมา โดยสรุปการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ทำให้สิวกำเริบหรือดีขึ้น
...................................................
เอกสารอ้างอิง
สิว ปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด
โดย นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร
The disease of sebaceous glands : acne
โดย รัศนี อัครพันธุ์
รูปภาพจาก
http://www.siamhealth.net/Health/Photo_teaching/acne.htm
ผลงานอื่นๆ ของ Pharjung ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Pharjung
ความคิดเห็น