ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian Soul.หัวขโมยผู้พิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้นภารกิจ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 56




    เริ่มต้นภารกิจ ....

              

             
    "หาให้ทั่ว มันต้องในอยู่ภายในพระราชวังนี่แหละ!!!" เสียงตะโกนที่ดังเป็นรอบที่หนึ่งร้อยแปดของค่ำคืนที่ยังพร่ำเพ้อแต่ถ้อยคำเดิมๆนั้นน่าซ้ำซาก ภายในเขตพระราชฐานที่สมควรจะเงียบสงบ กลับกลายเป็นว่ามีเสียงอึกทึกครึกโครมปานจัดงานเทศกาล เหล่าทหารนับร้อยนายเฝ้าประจำการตามจุดต่างๆ และอีกเกือบครึ่งร้อยต้องวิ่งตามหา "หัวขโมย" เสียงตะโกนของทหารแต่ละหน่วยดังก้องจนเหล่านางกำนัลทั้งหลายอดนอนกันเป็นแถวๆ การค้นหาขโมยที่แอบเข้ามาในพระราชวังครั้งนี้เป็นไปได้ยาก เพราะนอกจากเจ้าหัวขโมยนั้นจะรู้ช่องทางการหลบหนีในเขตพระรางวังทั่วทุกจุดแล้ว การเคลื่อนไหวของมันยังไวปานวิญญาณลิงลงสิง เหล่าทหารคนใหญ่คนโตที่ทราบเรื่องยังแอบทึ่งในความสามารถของขโมยรายนี้ และแน่นอนท่านแม่ทัพทั้งหลายต่างคิดว่าจะต้องมีหนอนบ่อนไส้เป็นแน่แท้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเวลามาจับผิดคนใน หากจับตัวหัวขโมยคนนั้นมาได้แล้วเค้นให้มันบอกชื่อก็คงยังไม่สาย เพราะคิดแบบนี้เลยสั่งทหารใต้บัญชาให้วิ่งกันทั่ววังอย่างที่เห็น โดยหารู้ไม่ว่าในส่วนที่สูงที่สุดของพระราชวังกลับมีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง และคนที่ตามหาก็กำลังมองพวกตนอย่างอนาถใจจากหน้าต่างห้องนั้น!

                "วิ่งอย่างกับไฟลนก้น" เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นโดยสายตายังไม่ละไปจากภาพของเหล่าทหารเบื้อล่างที่ยังคงวิ่งตามหาตัวหัวขโมยคนนั้นอยู่

                "ก็ของที่หายไปเป็นถึงเข็มทิศศักดิ์สิทธิ์ประจำราชวงศ์คาเวลดาโน่นี่นา" อีกเสียงดังขึ้นมา เจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบเศษๆ ผมสีดำแรมมีเส้นสีขาวๆแซมมาบ้างเล็กน้อย ถึงจะยังอยู่ในชุดนอนก็จริง แต่เพียงปรายตาดูก็รู้ว่าชายผู้นี้คือ องค์ราชา

                "ไอ้ของแบบนี้น่ะหรือที่ช่วยพิทักษ์ราชวงศ์และประเทศนี้มา ข้าว่าเป็นเพียงแค่ตำนานหลอกเด็กเสียล่ะมั้ง" เสียงทุ้มหวานบ่งบอกถึงการไม่เชื่อในตำนานที่เล่าลือกันมา เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวผมดำยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาของเธอเป็นสีเดียวกับท้องฟ้ายามรัตติกาล จมูกโด่งสันเป็นคมและริมฝีปากเรียวบางสีชมพูอ่อน รับกับใบหน้ารูปไข่สีขาวนวลได้เป็นอย่างดี เธออยู่ในชุดคลุมสีดำทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า และในมือเรียวบางนั้นยังมีสิ่งที่เหล่าทหารต้องการถือไว้ด้วย

                ห้องลับแห่งนี้เป็นเพียงห้องแคบๆ ที่มีเก้าอี้ไม้เก่าๆเพียงสองตัว กับเชิงเทียนติดผนังหนึ่งอันพอให้แสงสว่างได้เท่านั้น พื้นและผนังรอบห้องเป็นอิฐบล็อกสีเทาหม่นมีเพียงช่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างนักที่พอจะเป็นช่องให้อากาศถ่ายเทและหญิงสาวผมดำก็เรียกมันว่าเป็นหน้าต่าง หญิงสาวผมดำยืนพิงกำแพงข้างๆกับหน้าต่างแล้วหันมามองบุคคลที่นั่งเก้าอี้ไม้ผุๆ ช่างไม่สมกับฐานันดรศักดิ์เอาเสียจริง หญิงสาวคิดในใจแต่ก็ไม่พูดอะไร

                "เจ้าไม่เชื่อก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ยังไงเจ้าก็เอามันมาแล้วนี่นา" องค์ราชาตรัสขำๆ พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย หากแต่พระเนตรทั้งสองข้างจับจ้องอยู่ที่เข็มทิศที่หญิงผมดำถือไว้

                "คำสั่งใครล่ะ" หญิงสาวพูดแกมประชด พระพักตร์ที่เคยน่าเชื่อถือกับกลายเป็นเจ้าเล่ห์ได้ในพริบตา องค์ราชาทรงประสานพระหัตถ์แล้วตรัสกับหญิงสาวด้วยพระสุรเสียงอันเย็นยะเยือก

                "ขัดคำสั่งองค์ราชามีโทษประหารชีวิตนะ ฟีเลเธียร์น่า" หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อองค์ราชาเรียกชื่อตนออกมา เธอมององค์ราชาผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ตรงหน้าตนอีกครั้ง

    องค์ราชามอร์แกน คาเวลดาโน่ ดี ฟาเร่ บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นองค์ราชาที่มีประชาชนรักและเคารพมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา องค์ราชาที่ข้าราชบริพารทุกคนต่างให้ความยำเกรง ทรงตัดสินปัญหาทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมและด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ทำให้บ้านเมืองนั้นเจริญก้าวหน้าจนเป็นประเทศมหาอำนาจ

    แต่บัดนี้ องค์ราชาทรงสั่งให้หัวขโมยมาขโมยเข็มทิศศักดิ์สิทธิ์ประจำราชวงศ์ไปอย่างหน้าตาเฉย! พระองค์ทรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

    "ว่าแต่ ข้าขโมยเข็มทิศมาให้ท่านแล้วจะบอกข้าได้รึยังว่าทรงต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?" หญิงสาวถามอย่างไม่เกรงกลัว ไม่ได้คิดเลยว่าคนที่เธอกำลังสนทนาอยู่ด้วยคือองค์ราชาผู้น่าเกรงขาม

    "ไม่ได้หรอก" องค์ราชาตรัสสั้นๆ เจ้าหัวขโมยตัวดีถึงกับเบ้หน้าหนี คนอะไรความลับเยอะแยะจริงเชียว!

    "เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำตามแผนขั้นต่อไปของท่าน" เธอของยื่นคำขาด ในใจคิดว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เมื่อเห็นองค์ราชายังแย้มพระโอษฐ์ได้อย่างไม่รู้ร้อน เธอก็รู้สึกแปลกใจ รึองค์ราชาจะมีแผนอะไรเตรียมไว้อีก?

    "เจ้าไม่อยากออกจากวังหรือฟีเลเธียร์น่า พี่หลงคิดว่าเจ้าอยากจะสลัดตำแหน่งองค์รัชทายาทจนแทบดิ้นเสียอีก" หนีจากหัวขโมยไปเป็นหมอดูยังทันไหมนะ หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า "ฟีเลเธียร์น่า" ถึงกับเซ็งจับจิตเมื่อองค์ราชาเล่นตรัสออกมาเช่นนี้ ก็นั้นมันเป็นความใฝ่ฝันของเธอเลยนะ!!

    องค์หญิงฟีเลเธียร์น่า คาเวลดาโน่ ดี ฟาเร่ องค์รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งอเมรัส พระขนิษฐาเพียงคนเดียวขององค์ราชามอร์แกนที่มีอายุห่างกันเกือบยี่สิบปี หลายครั้งพวกข้าราชบริพารยังแอบสงสัยว่าเป็นพี่น้องร่วมไส้กันจริงหรือ ในเวลานี้ต้องสลัดคราบองค์หญิงมาเป็นหัวขโมยเพราะคำสั่งของพระเชษฐาที่แสนจะเคารพรัก(??)

    "อย่างน้อยขอข้ารู้เหตุผลหน่อยก็ยังดี ข้อเดียวก็ได้" ฟีเลเธียร์น่าพยายามทำเสียงอ้อน ถึงแม้ในใจอยากจะกระโดดงับหัวคนตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตามที

    "พี่รู้มาว่ามีคนต้องการเข็มทิศศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปลดผนึกมังกรพิทักษ์" องค์ราชาตรัสเสียงเย็น พระพักตร์ที่เคยดูเจ้าเล่ห์กลับกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันตา แต่ความเป็นจริงแล้ว...ทรงแสดงละครไปอย่างนั้นเอง

    "อย่างนั้นเองหรอกหรือ แปลว่าท่านต้องการให้ข้านำเข็มทิศนี่ออกนอกประเทศไปสินะ" ฟีเลเธียร์น่าเริ่มเข้าใจเหตุผลมากขึ้น โดยไม่สงสัยในท่าทีขององค์ราชาแต่อย่างใด

    "ใช่ เพราะหากเจ้ายังอยู่ที่นี้ ตัวเจ้าเอ้ย! ตัวเข็มทิศเองก็อาจจะไม่ปลอดภัยก็เป็นได้ ยังไงซะพี่ก็ไม่ไว้ในคนในอยู่ดี" องค์ราชาตรัสตอบอ้อมแอ้มๆ ถึงอย่างนั้นพระขนิษฐาก็ไม่ได้เอะใจกับประโยคเมื่อครู่เท่าใดนัก

    "แล้วถ้าข้าหายตัวไป ท่านจะบอกกับพวกขุนนางยังไง?" นางหันไปถาม องค์ราชาไม่ตรัสสิ่งใด หากแต่ยื่นพระหัตถ์ขวาออกมาด้านหน้าก่อนจะปรากฏเป็นกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง และเมื่อควันสีขาวนั้นหายไปดูปรากฏร่างของหญิงสาวผู้งดงามนางหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า ที่ฟีเลเธียร์น่าเห็นแล้วต้องตาค้าง สร้างแฝดจำลองให้ข้าทำไม!

    "ไม่ต้องตกใจหรอกนาฟีเลเธียร์น่า นี้มันเป็นแค่ตุ๊กตาไร้วิญญาณที่พี่สร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง"

    "ท่านคิดจะทำอะไรกับตุ๊กตานี่กัน" เธอถาม องค์ราชาแย้มพระโอษฐ์อย่างชั่วร้าย ฟีเลเธียร์น่ายังต้องผงะ ผีตัวไหนลงสิงพี่ชายข้าเนี่ย!

    "เอาเป็นว่าเรื่องภายในวังพี่จะจัดการเอง ส่วนเจ้าก็ต้อง...."

    "จรลีหนีหายจากบ้านเกิด ไปอยู่ต่างแดนแสนไกลที่ไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นใคร แบละหากเป็นไปได้อย่ากลับมาเหยียบที่นี้อีกเป็นครั้งที่สอง ใช่ไหม?" ฟีเลเธียร์น่าขัดขึ้นมาอย่างรู้ทัน "ประโยคนี้ท่านย้ำข้าเป็นรอบที่หนึ่งร้อยห้าสิบแปดแล้วตั้งแต่ที่ข้าตกลงจะร่วมแผนการนี้"

    "พี่ก็แค่กลัวเจ้าลืมเท่านั้นแหละ" องค์ราชาเบนพระพักตร์ไปทางอื่น โชคดีที่แสงไฟในห้องมีไม่มากเลยทำให้ฟีเลเธียร์น่าไม่เห็นว่าคนเป็นพี่ชายกำลังหน้าแดง

    "นับตั้งแต่วินาทีที่ข้าก้าวออกจากพระราชวัง ข้าจะเป็นเออร์นาลี ฟีล" ฟีเลเธียร์น่าพูดอย่างมั่นใจ นางหันไปมองทิวทัศน์ด้านนอก ผืนฟ้ากว้างใหญ่ ภูเขาสีเขียวขจีที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาพันธุ์ ชีวิตอิสระที่เธอใฝ่หามมาตลอดสิบห้าปีกำลังจะเป็นจริงแล้วสินะ

    "แต่พี่กำชับข้อหนึ่ง" นางหันกลับมามององค์ราชา "ห้ามให้เข็มทิศตกไปอยู่ในมือของใครเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพี่จะฆ่าเจ้าข้อหาช่วงชิงเข็มทิศศักดิ์สิทธ์ เข้าใจนะ" เมื่อองค์ราชาตรัสจบแล้ว ฟีเลเธียร์น่าก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงพร้อมค้อมตัวแล้วขานรับด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่

    "รับทราบเพคะ องค์ราชา"




    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×