นับแกะ
คืนนี้ไม่รู้เธออยู่ไหน
ในคืนรักที่เรา กลายเป็นคนไม่รักกัน
นอนไม่หลับ..
อาคาชิ
เซย์จูโร่ลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วถอนหายใจออกมารอบที่ร้อยของคืนนี้
มือหนาเอื้อมไปกดเปิดโคมไฟ นัยน์ตาสีแดงสดและเหลืองสว่างคู่สวยเหลือบไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ให้ตาย เที่ยงคืนแล้วอย่างนั้นหรือ”
ร่างสูงจ้องนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจปิดไฟล้มตัวลงนอนพยายามข่มตาฝืนหลับอีกครั้ง
ทั้งที่ร่างกายจะอยากพักผ่อนสักเท่าไร แต่เขานอนไม่หลับมาเกือบทั้งอาทิตย์แล้ว มีบางอย่างมันกำลังรบกวนใจ
ถึงอยากหลับเพียงใด มันก็หลับไม่ลงสักที
ห่มผ้าเท่าไรก็ยังหนาว
ในห้องนอนของเรา ที่วันนี้มันว่างเปล่า
‘เซย์~ กอดหน่อยสิ’
เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะสะกิดคนข้างตัวไม่ยอมหยุด
‘พรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า อย่ารบกวนได้ไหมโคคิ’ อาคาชิที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกหันไปส่งเสียงดุอีกฝ่ายแล้วรีบมุดตัวเข้าผ้าห่มอย่างอ่อนล้า
‘ต..แต่เซย์ ฉันหนาว’
ฟุริฮาตะพองแก้มเล็กน้อยอย่างน่ารัก แต่อีกคนก็ไม่สามารถรับรู้ได้
เพราะตอนนี้สำหรับอาคาชิการนอนมีค่ายิ่งกว่าสิ่งไหน ถึงอย่างนั้นฟุริฮาตะยังคงไม่ลดละความพยายาม
มือบางยังคงเขย่าร่างข้างกายที่ตั้งใจหลับอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมส่งเสียงหวานอ้อนต่อไป
‘ไม่สนใจฉันจริงเหรอเซย์’ ฟุริฮาตะบ่นเสียงอ่อนเมื่อคิดว่าคนข้างตัวคงหลับไปแล้วจริงๆ
ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับอาคาชิแล้วซุกหลังอีกคนไปมา ‘คนใจร้ายๆๆๆ’
‘อ่า ครับๆ ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา’ คนที่ฟุริฮาตะคิดว่าหลับไปแล้วพลิกตัวหันเข้าหาแล้วโอบร่างคนแสนงอแงไว้ในวงแขน
แล้วจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
‘ที่นี้ก็หลับกันได้สักทีนะโคคิ’ พูดจบก็กระชับร่างที่เล็กกว่าเพียงเล็กน้อยของอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
เล่นเอาแก้มน้อยๆ ของคนถูกกอดร้อนผ่าวไปหมด
‘ฝันดีนะเซย์’
“พอไม่มีนาย เตียงกับห้องดูใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะโคคิ” อาคาชิบ่นพึมพำออกมาหลังจากพยายามข่มตานอนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่
มือหนาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวก่อนจะนอนขดอยู่อย่างนั้น แม้ผ้าห่มจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
แต่ก็ไม่ช่วยให้ความหนาวในใจลดลงแต่อย่างใด
อยากร้องไห้ จนหลับไป
แต่ว่าเสียน้ำตาเท่าไร
ก็ไม่ช่วยให้ฉันอ่อนล้า
อยากผ่านค่ำคืนนี้ ต้องใช้วิธีใด
เป็นอย่างเช่นทุกวันที่ฟุริฮาตะจะกลับบ้านมานอนร้องไห้อยู่เพียงลำพังในห้องนอน
หลังจากเลิกกับอาคาชิ เขาก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น หวังว่าจะช่วยทุเลาความเจ็บปวดในใจ
และลืมเรื่องของอีกคนได้บ้าง แต่เปล่าเลย ยิ่งพยายามจะลืมเท่าไหร่
ทุกอย่างมันยิ่งชัดเจนว่าเขาน่ะรักอาคาชิมากแค่ไหน
น้ำตามากมายไหลอาบแก้มไม่ยอมหยุด
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ ฟุริฮาตะกอดร่างอันสั่นเทาของตัวเองแน่น อยากจะข่มตานอนหนีความปวดร้าวเหลือเกิน
แต่มันก็ทำไม่ได้สักที
นับแกะตัวที่ร้อย
ฉันทำได้แค่เพียงลืมตา
นับแกะตัวที่พัน ก็ยังคิดถึงคนที่บอกลา
ลืมเธอมันไม่ง่าย เลยหลับไม่ค่อยได้
ดึกแล้วต้องทำยังไง
‘ผมไม่ชอบเห็นนายทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น
ต้องให้พูดกี่ครั้งนายถึงจะเข้าใจโคคิ’ อาคาชิผลักร่างของฟุริฮาตะลงกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมอย่างโกรธเคือง
‘จ..เจ็บนะเซย์!’
‘หึ! เจ็บสิดี จะได้จำ’
อาคาชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันแล้วบีบไหล่บางของอีกคนจนปวดไปหมด
‘ท..ทำไมเซย์ไม่ฟังฉันบ้างเลย!! บอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า!!!’ เมื่อความอดทนถึงขีดสุด ฟุริฮาตะก็เปล่งเสียงตะโกนใส่อีกคนออกไป
‘เป็นแค่โคคิแท้ๆ กล้าเถียงผมอย่างนั้นหรือ’
อาคาชิกดเสียงต่ำ นัยน์ตาต่างสีจับจ้องนัยน์ตาสีเฮเซลที่สั่นคลอนไปมาด้วยความดุดัน
‘ซ..เซย์น่ะ
เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ ทำไมถึงทำท่าเหมือนหวงฉันขนาดนั้น ปกติเซย์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรฉันเลยสักหน่อย’
ฟุริฮาตะเอ่ยตัดพ้อด้วยความน้อยใจ นัยน์ตาสีเฮเซลเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา
‘เราอย่าเพิ่งคุยกันสักพักคงจะดีกว่า’ พูดจบอาคาชิก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ
หลังจากวันนั้น
ฟุริฮาตะก็ไม่ได้รับการติดต่อจากอาคาชิอีกเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไป
ด้วยความคิดถึงปนน้อยใจ ท้ายที่สุดฟุริฮาตะเลือกที่จะส่งข้อความไปหาอีกฝ่าย
‘เซย์ ติดต่อมาหน่อยเถอะนะ
ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะแปลว่าเราเลิกกันแล้วนะ’
ฟุริฮาตะหวังว่าหลังจากที่ได้อ่านข้อความ
อีกคนจะต้องตอบกลับมาอย่างแน่นอน ไม่สิ อย่างเซย์น่ะ ต้องโทรมาดุแล้วถามแน่ๆ
ว่าพูดบ้าอะไรน่ะโคคิ
แต่ไม่ว่าจะรออย่างไร
ก็ไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมาเลย
..ไม่มี
“จะตีสามแล้วเหรอ”
ฟุริฮาตะกดหน้าจอสมาร์ทโฟนเพื่อดูเวลาก่อนจะตัดสินใจเดินลงไปห้องครัว
เขาคิดว่าถ้าได้ดื่มอะไรอุ่นๆ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้จิตใจสงบได้บ้าง
“อ้าว นี่พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ”
ทันทีที่เห็น ฟุริฮาตะ โคเฮย์
หรือพี่ชายของตนกำลังวุ่นกับการหาอะไรสักอย่างอยู่ภายในห้องครัวก็ส่งเสียงถามไปอย่างสงสัย
“นอนไม่หลับน่ะ
ว่าจะดื่มนมร้อนหน่อย นายจะเอาด้วยไหมโคคิ” ฟุริฮาตะคนน้องได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
แล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร
“นี่ของนาย” ไม่กี่นาทีต่อมาโคเฮย์ก็เดินออกจากห้องครัวพร้อมนมร้อนสองแก้ว
เขายื่นแก้วนึงให้น้องชายก่อนจะไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ
“ทะเลาะกับเซย์จูโร่คุงเหรอ
ตาบวมเชียวโคคิ” ผู้เป็นพี่เอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่เปลือกตาก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“อันที่จริง
เราเลิกกันเกือบครบอาทิตย์แล้วหละ” ฟุริฮาตะตอบเสียงอ่อน
“ฮ..เฮ้ยๆ
จริงดิ!!”
นับแกะตัวที่แสน
ยังทรมานเพราะว่ารักเธอ
แค่หลับตาก็เผลอ
คิดเรื่องดีดีที่ไม่มีแล้ว
เธอนอนได้หรือเปล่า นับแกะอยู่หรือเปล่า
หรือลืมฉันได้แล้วคนดี
หลังจากอาคาชินอนพลิกตัวไปมาอยู่หลายชั่วโมงก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นเสียหน่อย
เพราะถึงจะพยายามข่มตานอนต่ออย่างไร ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลับสักนิด
“ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือเซย์จูโร่”
เสียงทุ้มเอ่ยถามทันทีที่เขาเปิดประตูออกจากห้อง
“อ่า นอนไม่หลับน่ะครับท่านพ่อ” ส่งเสียงตอบออกไปก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเล็กหน่อย
“มาคุยกันหน่อยดีไหม” อาคาชิ มาซาโอมิ กวักมือเรียกผู้เป็นลูกก่อนจะเดินนำไปยังห้องทำงานของตน
“โคคิ เท่าที่ฉันฟัง มันไม่ใช่เรื่องที่พวกนายควรเลิกกันเลยนะ”
“แต่เซย์ไม่ตอบข้อความฉันนี้” ฟุริฮาตะคนน้องเอ่ยเสียงอ่อย
“ฉันคิดว่าแค่พวกนายต่างรอให้อีกคนง้อต่างหากหละ เซย์จูโร่คุงคงน้อยใจนายที่ไม่เข้าใจความรู้สึก
แถมยังไปต่อว่าเขากลับอีก ส่วนนายก็รอให้เขาติดต่อมา ที่ฉันพูดนี่ถูกหรือเปล่า หือ?” โคเฮย์เอ่ยแล้วเลิกคิ้วมองหน้าผู้เป็นน้อง
“แต่ฉันส่งข้อความไปแล้วนะ! แต่เซย์น่ะไม่ยอมตอบ ฮืออออ” ฟุริฮาตะบ่นอย่างอัดอั้นจนในที่สุดก็เผลอร้องไห้ออกมาจนได้
ผู้เป็นพี่เห็นดังนั้นก็คว้าร่างอันสั่นเทาของน้องชายสุดที่รักมาโอบกอดอย่างห่วงใย
มือเรียวลูบผมปลอบอีกคนไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ถ้าฉันเป็นเซย์จูโร่คุง
พอเห็นข้อความนั้น ฉันคงน้อยใจและไม่รู้จะตอบอะไรน่ะโคคิ อย่าเพิ่งคิดมากเลยน่า ”
“ฮ..ฮึก ล..แล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
ฉันต้องเป็นฝ่ายง้อก่อนทุกครั้ง ฉันก็เหนื่อยนะ ทำไมเซย์ไม่เห็นใจฉันบ้างเลย
ฮืออออ” ฟุริฮาตะเอื้อมแขนออกไปกอดพี่ชายแน่นและปล่อยโฮออกมา
“โคคิ ถึงมันจะน่าน้อยใจ แต่นายก็รักเซย์จูโร่คุงที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
ลองหันหน้าคุยกันอีกสักครั้งนะ ไม่ต้องคิดว่าใครต้องเริ่มก่อนหรอก
การเป็นฝ่ายยอมเพื่อรักษาความสัมพันธ์ มันก็ดีกว่าปล่อยอีกคนไปนะ เช็ดหน้าเช็ดตาเข้านอนได้แล้วเด็กดื้อ”
พูดจบก็ยีหัวน้องชายตัวน้อยของตนอย่างเอ็นดูแล้วพาคนขี้แงเข้านอนไปในที่สุด
“หึ” เมื่อผู้เป็นพ่อฟังเรื่องราวที่อัดอั้นภายในใจลูกชายก็หลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“อ่า คิดดูแล้ว ผมไม่น่าเล่าให้ท่านพ่อฟังเลย” อาคาชิถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมากับตัวเองเล็กน้อย
“แกทำตัวเองทั้งนั้นเซย์จูโร่” ผู้เป็นพ่อยังคงตอกย้ำความผิดพลาดของลูกชายต่อไป
“คงใช่ ราตรีสวัสดิ์ครับ” อาคาชิตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะลุกออกจากห้องไป
“เซย์จูโร่ ถ้าคิดถึง
ก็ติดต่อไปสิ ทุกวันนี้ชีวิตพวกเรามีเรื่องยุ่งยากเกินพอ อะไรที่ทำให้มันง่ายได้
ทำไปเถอะ” มาซาโอมิเอ่ยขึ้นมาก่อนลูกชายจะเปิดประตูออกไปแล้วส่งยิ้มจางๆ
ให้เล็กน้อย ทำเอาอาคาชิน้อยเผลอยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้
“นานๆ
จะได้ยินท่านพ่อพูดอะไรอย่างนี้ คืนนี้ผมคงหลับฝันดี”
เกือบเช้าฉันยังอยู่ตรงนี้
เปิดดูรูปของเรา ที่เคยไปเที่ยวกัน
ข้อความที่เธอส่งให้ฉัน
ที่บอกว่าฝันดี แต่วันนี้มันว่างเปล่า
ถึงจะบอกน้องไปแบบนั้น... กลับเป็นตัวเราเองที่ทำมันไม่ได้
ฟุริฮาตะ โคเฮย์
เปิดเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนมองรูปคู่ของเขากับใครบางคนอยู่อย่างนั้น อยู่ๆ
หัวใจก็ปวดหนึบขึ้นมา เขากดปิดหน้าจอแล้วพยายามข่มตานอนอีกครั้ง
อะไรที่ทำให้มันง่ายได้ ทำไปเถอะ
อย่างนั้นหรือ?
ถึงจะบอกเซย์จูโร่ไปอย่างนั้น..
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้
‘ฝันดีนะคุณลุง’
อาคาชิ มาซาโอมิ
เปิดข้อความสุดท้ายของบทสนทนาเมื่อสองเดือนก่อนแล้วได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ
ว่าทำไมถึงตัดสินใจอย่างนั้น ไม่สิ การตัดสินใจของเขาไม่เคยผิดพลาด
มีแต่เด็กนั่นเท่านั้นหละที่โง่เกินกว่าจะเข้าใจ
อยากร้องไห้ จนหลับไป
แต่ว่าเสียน้ำตาเท่าไร
ก็ไม่ช่วยให้ฉันอ่อนล้า
อยากผ่านค่ำคืนนี้ ต้องใช้วิธีใด
‘อ..เอ๋!
ค..คุณลุง ไม่สิ มาซาโอมิซัง ม..ไม่ๆ ต้องอาคาชิซังสิ นั่นแหละๆ อาคาชิซังขึ้นตำแหน่งให้ฉันแบบนี้
มันจะดีจริงๆ เหรอ” ฟุริฮาตะ โคเฮย์
เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน
‘เธอจะบอกว่าการตัดสินใจของฉันผิดพลาดอย่างนั้นหรือฟุริฮาตะซัง’ อาคาชิ มาซาโอมิ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตรงข้ามกับแววตาสีแดงสดที่แสดงความโกรธออกมาอย่างปิดไม่มิด
‘ก..ก็
คือช่วงนี้มีข่าวไม่ค่อยดีเรื่องของฉันกับอาคาชิซัง ถ้าเลื่อนตำแหน่งให้ฉัน
มันจะไม่ยิ่งไปกันใหญ่เหรอครับ’ เอ่ยถามเสียงอ่อน
‘เรื่องของฉันกับเธอ
มันไม่ดีตรงไหน’ คิ้วของร่างสูงกระตุกเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนทำให้หัวใจของอีกคนแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
‘ม..ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ
ต..แต่ฉันเป็นห่วงว่าชื่อเสียงของอาคาชิซังจะไม่ดีเพราะคนอย่างฉัน’
โคเฮย์พยายามจะอธิบาย แต่ยิ่งอธิบายเท่าไหร่
บรรยากาศภายในห้องก็ยิ่งอึมครึมขึ้น
ปึง!
‘มันจะมากไปแล้วนะฟุริฮาตะซัง’
มาซาโอมิทุบโต๊ะทำงานเสียงดังจนฟุริฮาตะสะดุ้งโหยง
‘ที่ฉันจะเลื่อนตำแหน่งให้
เพราะเห็นว่าทำงานดี ไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวแต่อย่างใด และฉันผิดหวังนะ
เธอเลือกจะฟังเสียงคนรอบข้างมากกว่าความรู้สึกของฉันอย่างนั้นหรือ’ มาซาโอมิกดเสียงต่ำลงจนขาของร่างเล็กตรงหน้าสั่นไปหมดจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
‘ม..ไม่ใช่แบบนั้นนะ
ต..แต่คนอย่างฉันน่ะ--’
ปึง!!
เป็นครั้งที่สองที่มาซาโอมิทุบโต๊ะทำงานด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
‘ฉันให้เธอเลือก
จะรับตำแหน่งหรือจะไสหัวออกจากบริษัท’
‘ค..คุณลุง’
โคเฮย์สะดุ้งโหยงอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเรียกเจ้านายด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
‘ตอบ!’
‘จ..จนกว่าฉันจะทำให้คนอื่นยอมรับมากกว่านี้
จะไม่ขอรับการเลื่อนตำแหน่งอะไรทั้งนั้น ข..ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ’
ใบหน้าน่ารักเริ่มเบะแต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกมก่อนจะรีบร้อนวิ่งออกจากห้องทำงานของมาซาโอมิไป
ทิ้งให้ชายวัยกลางคนนั่งนิ่งค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่อย่างนั้น
‘…โคเฮย์ เด็กโง่’
นับแกะตัวที่ร้อย
ฉันทำได้แค่เพียงลืมตา
นับแกะตัวที่พัน ก็ยังคิดถึงคนที่บอกลา
ลืมเธอมันไม่ง่าย เลยหลับไม่ค่อยได้
ดึกแล้วต้องทำยังไง
…แกะตัวที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบเอ็ด
ฟุริฮาตะ โคเฮย์ ลืมตาขึ้นมา เขาหยุดนับแกะเพียงเท่านั้น
เพราะไม่ว่าจะนับไปอีกสักเท่าไหร่
ก็ไม่สามารถกลบเรื่องที่มันตามรบกวนใจเขาในทุกคืนได้สักที
ตอนนี้คุณลุงจะให้อภัยหรือยังนะ จะนอนหลับไหม
จะกระวนกระวายใจและคิดถึงอย่างที่เขาเป็นหรือเปล่า คำถามมากมายดังก้องอยู่ในหัว อยากจะติดต่อไปหาเหลือเกิน
แต่ถ้าติดต่อไปแล้วไม่มีการตอบกลับ หรืออีกคนไม่ต้องการมีเขาในชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ จะอยู่ต่อไปอย่างไรกัน
พอคิดแบบนั้น.. ความกล้าในการติดต่อไปก็ไม่มีแล้วสิ
นับแกะตัวที่แสน
ยังทรมานเพราะว่ารักเธอ
แค่หลับตาก็เผลอ
คิดเรื่องดีดีที่ไม่มีแล้ว
เธอนอนได้หรือเปล่า นับแกะอยู่หรือเปล่า
หรือลืมฉันได้แล้วคนดี
“ฟุริฮาตะ
โคเฮย์ ขอฝากตัวด้วยนะครับ”
หงุดหงิด.. ให้ตายเหอะ หงุดหงิดชะมัด นี่มันเรื่องบ้าอะไร!
“บริษัทนั้นให้เธอมาเจรจากับฉันอย่างนั้นหรือ” อาคาชิ มาซาโอมิ
มองพนักงานดีเด่นที่บริษัทคู่แข่งส่งมาเจรจาด้วยสายตาเย็นชา
โคเฮย์โค้งให้คนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยข้อเสนอที่ทางบริษัทส่งให้มาเจรจาอย่างตั้งใจ
นั่นทำให้มาซาโอมิหงุดหงิดเป็นไหนๆ ทั้งที่แต่ละคืนเขานอนแทบไม่หลับ
แต่อีกฝ่ายกลับใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวสักนิดที่ต้องมาเจอหน้าเขาเลย
“พอ”
สิ้นเสียงของประธานบริษัท
ห้องประชุมก็เข้าสู่ความเงียบและกดดัน
พนักงานของบริษัทแต่ละคนหันไปมองที่เจ้าของเสียงด้วยความสงสัย
ร่วมทั้งฟุริฮาตะเองก็เช่นกัน
“ฉันพอเข้าใจข้อเสนอแล้ว
จะติดต่อกลับไปทีหลัง ขอตัวก่อน” ถึงจะถูกสายตาพนักงานบริษัทมองอย่างไรก็ตามแต่
มาซาโอมิก็เลือกที่จะเดินออกจากห้องประชุมทั้งอย่างนั้น
เหนื่อย..
เมื่อถึงห้องทำงานของตน
ร่างสูงก็เอนตัวลงกับเก้าอี้แล้วหลับตาลง อาจเป็นเพราะนอนไม่พอมานาน
เลยทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียได้ขนาดนี้ แต่ร่างกายอ่อนเพลียแบบนี้อาจดีก็เป็นได้
เขาจะได้นอนหลับลึกขึ้น อย่างน้อยสักนิด ขอให้เขาได้หลับโดยไม่ต้องนึกถึง
ไม่ฝันถึงเด็กโง่คนนั้น
เธอน่ะ.. ลืมเรื่องตาลุงอย่างฉันไปหมดแล้วสินะ
นับแกะจนฟ้าสว่างแล้ว
นับแกะเท่าไรก็ยิ่งเหงาขึ้นทุกที
เข้าสู่อาทิตย์ที่สามที่อาการนอนไม่หลับของฟุริฮาตะไม่ดีขึ้นเลย
ฟุริฮาตะยังคิดไม่ตกว่าเขาควรจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรดี
ถึงพี่จะแนะนำให้ลองคุยกับเซย์ก็เถอะ แต่ส่งข้อความงี่เง่าๆ แบบนั้นไป
อาจจะถูกเซย์เกลียดเข้าแล้วก็เป็นได้ พอคิดแบบนั้น ก็ไม่กล้าจะติดต่ออีกฝ่ายไปเลย
ฟุริฮาตะยังคงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงอยู่อย่างนั้น
จนฟ้าเริ่มสว่าง แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้าตรู่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง อยู่ๆ
ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้น
เขาจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปในทันที
“โคคิ ตื่นแต่เช้าเชียว
ปิดเทอมอยู่ไม่ใช่หรือไง” เสียงโคเฮย์เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“วันนี้จะไปเกียวโตน่ะ
อวยพรให้ฉันด้วยนะ!”
ฟุริฮาตะตอบเสียงดังก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป
เขาควรทำแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว
ถึงเซย์จะยังไม่หายโกรธ หรือจะไม่คุยกับเขาก็ไม่เป็นไร
อย่างน้อยได้พยายามรั้งไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก็ดีกว่าปล่อยให้คนรักหายไปโดยไม่ทำอะไร
“เซย์จูโร่จะออกไปไหนแต่เช้า” ผู้เป็นพ่อละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือแล้วส่งเสียงถาม
“ไปรักษาอาการนอนไม่หลับน่ะครับ”
มาซาโอมิพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงอ่านข่าวเศรษฐกิจตรงหน้าต่อ
“ท่านพ่อเองถ้าอยากรักษาอาการนี้
ลองทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นดูสิครับ” พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะออกจากบ้านไป
อาคาชิผู้นำตระกูลคนปัจจุบันมองแผ่นหลังลูกชายที่เดินจากไปแล้วส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยพร้อมกับนึกเถียงในใจ
เด็กอย่างแกน่ะจะมาเข้าใจอะไร
นับแกะตัวที่ร้อย
ฉันทำได้แค่เพียงลืมตา
นับแกะตัวที่พัน ก็ยังคิดถึงคนที่บอกลา
ลืมเธอมันไม่ง่าย เลยหลับไม่ค่อยได้
ดึกแล้วต้องทำยังไง
‘โคคิ’
เสียงนั้นเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา มือหนากุมชายเสื้อวอร์มอีกคนแน่น ‘อย่าไป.. อยู่กับผม’
‘ฉันไม่ไปไหน ฉันอยู่ตรงนี้
ถึงเซย์จะไล่กันยังไง ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้’ ฟุริฮาตะย่อตัวลงนั่งข้างๆ
อีกคน นัยน์ตาสีเฮเซลจับจ้องอาคาชิด้วยความห่วงใย
‘ผมแพ้แล้วโคคิ..’ น้ำเสียงนั้นเบาบางราวเสียงกระซิบ
แต่ฟุริฮาตะก็สามารถรับรู้ได้ถึงยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
ร่วมถึงรับรู้ความขื่นขมภายใต้น้ำเสียงนั้น
‘ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ
ยังไงเซย์ก็ชนะใจฉันนะ สำหรับฉันเซย์คือที่สุดเลย’ มือน้อยๆ
ค่อยๆ เอื้อมไปกุมมือหนาแล้วบีบมันเบาๆ หัวใจของฟุริฮาตะเต้นโครมคราม ใบหน้าน่ารักเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
‘ฉันชอบนายนะเซย์ ชอบมาตลอด’
นัยน์ตาสีแดงสดและเหลืองสว่างเบิกขึ้นเล็กน้อย
ก่อนรอยยิ้มจางๆ จะผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ
เป็นครั้งแรกที่หัวใจแสนเย็นชาของจักรพรรดิไร้พ่ายได้สัมผัสถึงความอบอุ่น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้สึกตัวอีกที โคคิก็กลายมาเป็นแสงสว่างในใจเขาไปเสียแล้ว
ทันทีที่ชินคันเซ็นจอดที่สถานีโตเกียว
อาคาชิก็รีบลงมาด้วยใจที่ร้อนรน อยากเจอ อยากกอด อยากจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเขาคิดถึงแค่ไหน
ทั้งที่นายสำคัญกับผมถึงเพียงนี้ ผมก็ยังไม่รักษานายไว้
ขอโทษนะโคคิ แต่ช่วยรออีกหน่อย อย่าเพิ่งลืมคนอย่างผม ช่วยคิดถึงผมอย่างที่ผมคิดถึงนายทุกคืนจนนอนไม่หลับเถอะนะ
นับแกะตัวที่แสน
ยังทรมานเพราะว่ารักเธอ
แค่หลับตาก็เผลอ
คิดเรื่องดีดีที่ไม่มีแล้ว
เธอนอนได้หรือเปล่า นับแกะอยู่หรือเปล่า
หรือลืมฉันได้แล้วคนดี
ไม่นะ!!!!
ฟุริฮาตะร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่ในใจ
เพราะนอนน้อยมาหลายต่อหลายคืน ทำให้เขาเผลอหลับระหว่างรอขึ้นชินคันเซ็น
“ให้มันได้อย่างนี้สิโคคิ บ้าเอ้ย!”
ฟุริฮาตะสบถกับตัวเองอย่างร้อนรนก่อนจะรีบวิ่งไปดูรอบรถไฟ
แต่เพราะรีบจนเกินไปทำให้วิ่งชนใครสักคนเข้าอย่างแรงจนกระเด็นล้มลงไปกองที่พื้น
“ฮือออ นี่มันวันอะไรวะเนี่ย”
ร่างบางที่ล้มลงไปกองกับพื้นร้องโอดครวญ
“อ่า ขอโทษที ผมจะไถ่โทษด้วยการพานายไปเลี้ยงข้าวสักมื้อดีไหม”
“อะ— ซ..เซย์!!!” เมื่อได้ยินเสียงที่คิดถึงมาตลอดดังขึ้น
ความเจ็บปวดเมื่อครู่ก็หายไปในทันใด ฟุริฮาตะรีบลุกขึ้นและโผเข้ากอดอีกคนทันที
“ฮ..ฮึก
เซย์มาได้ยังไง ฮือ เซย์ขอโทษนะที่ฉันไม่เข้าใจเซย์ ขอโทษที่ส่งข้อความแบบนั้นไป
ขอโทษ ฮ..ฮึก ขอโทษนะ” ร่างบางเริ่มสะอื้น มือเล็กกำเกื้อฮู้ดของร่างสูงกว่าแน่น
“คนดี อย่าร้อง ผมผิดเองที่ใจร้ายกับนายเกินไป
แต่ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมรักโคคิมาก โคคิพอจะให้อภัยแล้วกลับมาคบคนเอาแต่ใจอย่างผมได้ไหม”
เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ฟุริฮาตะพยักหน้าหงึกๆ ไม่ยอมหยุดแล้วซุกตัวในอ้อมกอดอุ่นๆของคนตรงหน้า
อ้อมกอดที่เขาคิดถึงมาตลอด
“รักโคคินะ”
สิ้นเสียง ริมฝีปากของอาคาชิก็ประกบเข้าครอบครองริมฝีปากของฟุริฮาตะอย่างโหยหา
“โคคิรู้ไหม ผมนอนไม่หลับมาสักพักแล้ว
วันนี้ผมคงได้พักผ่อนเสียที” อาคาชิเอนหัวซบที่ไหล่เล็กของอีกคนก่อนจะหลับตาลงแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฉันเองก็คงไม่ต้องนับแกะก่อนนอนแล้วหละ”
ฟุริฮาตะหัวเราะร่าออกมาก่อนจะเอนหัวพิงกับเรือนผมสีแดงสดของอีกฝ่าย
“นอนหลับฝันดีนะเซย์”
เธอนอนได้หรือเปล่า
นับแกะอยู่หรือเปล่า
หรือลืมฉันได้แล้วคนดี
น่าอิจฉาเด็กพวกนี้จังเลย..
ฟุริฮาตะ โคเฮย์ มองเด็กสองคนที่นั่งพิงกันหลับอย่างสุขใจในห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนไป
วันนี้เขาจะต้องนอนหลับให้ได้ ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนและเริ่มนับแกะเหมือนดังเช่นในทุกๆ
วัน
…แกะตัวที่สองร้อยสาม
แกะตัวที่สองร้อยสี่ แกะตัวที่ส้องร้อยห้า
ยังคงนับต่อไปอยู่อย่างนั้น
~~Well, your left hand’s free. And your right
in grip~~
เสียงริงโทนดังขึ้นทำให้โคเฮย์สะดุ้งโหยง
เขาขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอย่างหงุดหงิดก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงใส่สมาร์ทโฟนลงไป
“ฮาโหลลล”
“ไม่สุภาพเลยนะฟุริฮาตะซัง
บริษัทนั้นเขาไม่สอนเรื่องมารยาทหรือไง”
“อะ— เอ๋!! ค..คุณลุง!!!” โคเฮย์เบิกตาขึ้นอย่างตกใจก่อนจะดูหน้าจอสมาร์ทโฟนเพื่อเช็คว่าใช้หมายเลขปลายทางใช้คนที่เขานึกถึงอยู่หรือไม่
“ก็ฉันน่ะสิ”
“!!!”
นิพพาน! แค่ได้ยินเสียงคุณลุงอีกสักครั้ง
ฉันก็พร้อมจะตายอย่างสงบแล้ว ฮือออ ความรู้สึกตื้นตันนี้มันคืออะไรกันน่ะ!!
“โคเฮย์ ยังฟังอยู่ไหม”
“อ..เอ่อ
ฟังอยู่ ม..มีอะไรงั้นเหรอครับ” รีบเอ่ยตอบไปด้วยความร้อนรน
“กลับมาทำงานให้ฉันได้ไหม ไม่สิ..”
“ห..หือ?”
โคเฮย์ขมวดคิ้วกับตัวเองด้วยความงุนงง
“เธอน่ะ.. ช่วยกลับมาอยู่ข้างฉันจะได้หรือเปล่า”
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจากตอนแรก หัวใจของลูกชายคนโตบ้านฟุริฮาตะกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง
“ฉันน่ะ
รอคุณลุงเรียกกลับไปทำงานตลอดเลยรู้ไหม ฮือออ”
มือเรียวกำสมาร์ทโฟนแน่นแล้วเอียงหูเอียงซบสมาร์ทโฟนทั้งน้ำตา
อาคาชิผู้นำตระกูลคนปัจจุบันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคำตอบจากเด็กโง่ของเขาเป็นไปในทิศทางที่น่าพอใจ
หัวใจที่ไม่ได้สัมผัสรสชาติของความรักมาเนิ่นนานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ฉันอยู่หน้าบ้านเธอตอนนี้ ออกไปขับรถเล่นกันหน่อยดีไหม”
จนถึงตอนนี้มาซาโอมิก็ยังไม่เข้าใจนักว่าเด็กโง่คนนี้ทำไมถึงมีอิทธิพลกับหัวใจเขาได้มากมาย
ทำไมคนอย่างเขาถึงต้องขับรถไกลจากเกียวโตเพื่อมาหาเด็กโง่นี่ แต่พอโคเฮย์เปิดประตูบ้านออกมาโบกมือยิ้มแฉ่งให้เขา
คำถามมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้มลายหายไป
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
ท่าทางอันสดใสของโคเฮย์ ทำให้หัวใจของมาซาโอมิเต้นระรัว
เด็กโง่ที่มองเห็นความอ้างว้างภายในใจของตาลุงคนนี้
เด็กโง่ที่สามารถทลายกำแพงน้ำแข็งในหัวใจของเขาลง
..ณ วินาทีนี้ อาคาชิ มาซาโอมิ รู้สึกเหมือนตัวเองได้ตกหลุมรัก ฟุริฮาตะ
โคเฮย์ ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าใด
Talk :
ไม่ได้แต่งฟิคนานเลย ช่วงนี้ติดเพลงนับแกะของพี่คชาเลยเป็นที่มาของฟิคนี้ค่ะ
ยังไงก็ลองไปฟังกันน้าาาา แล้วก็ฟิคเรื่องอื่นที่ค้างๆไว้
จะพยายามมาอัพให้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ <3
ช่วงแรกๆอาจจะดูติดขัดไปบ้างแต่พออาคาชิทั้งสองคนมาง้อนี่คือแบบ ฟินนนนนน
อ่านแล้วแอบอิจฉาเล็กๆค่ะ ฮือออออ
จะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ !
แฟนคุงสู้!!!
😊😊😊😊😊
รออ่านอยู่