ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจรักกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1..ย้อนอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 59


    บทนำ

    ย้อนอดีต

     

     

     


                 

                                        'วิทยา จิระวัสนา '
    วิทยา คุณพ่อหน้าเด็ก..ที่ไม่มีใครรู้ว่าภรรยาของเขาเป็นใคร ไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหวานของคุณพ่อหน้าอ่อนกว่าวัยผิวขาวเนียนเกลี้ยงเกลา ไม่มีทั้งสิวและหนวด จมูกโด่งเป็นสัน ตาเล็กตี่ ปากชมพูเล็กเข้ากับรูปหน้าชายไทยอย่างเขาหล่อ หล่อแบบพระเอกเคยมีคนกล่าวกับเขาไว้..ทว่าคุณพ่อหน้าเด็ก กลับไม่สนใจ เขาเพียงยิ้มบางๆตอบกลับเจ้าของน้ำเสียงนั้นกลับไปเท่านั้น

    ดวงตาของเขาสีน้ำน้ำตาลของเขายามต้องแสง สวย มีเสน่ห์ ชวนมอง น่าหลงใหล งดงาม ทว่าล้ำลึก แฝงความเศร้าสร้อย ..เขาไม่ค่อยออกมาพบใคร มีก็แต่พ่อลูกหนึ่งที่มีชะตาชีวิตไม่ต่างกัน..รั้วบ้านติดกันที่ คุณพ่อหน้าอ่อนผู้นี้สนทนาเป็นเรื่องเป็นราว

      ชาวบ้านในละแวกนี้รู้จักเขาเพียงผิวเผิน..รู้เพียงชื่อ และรู้ว่ามีลูกชายพิการหนึ่งคน..หลายคนสงสารในชะตากรรม แต่ก็มีบางส่วนที่สมเพชที่.. ชายหนุ่มหน้าอ่อนผู้นี้อยู่ท่ามกลางคฤหาสน์ใหญ่โตกับลูกชายพิการเพียงลำพัง..บ้างก็ว่าถูกภรรยาทิ้ง บ้างก็ว่าเป็นหม้าย

     เขาไม่โกรธและไม่เคยคิดถือสาหาความกับคนพวกนั้น..เขารู้ดีว่าความจริงเป็นเช่นไร

    ความจริงที่เมื่อถูกนึกคราใด..เจ็บปวด ขมขื่นแต่ก็เจือรสหวานแห่งความคิดถึงเสมอ

    เมื่อปีที่แล้ว..

    "คุณเป็นโรคมะเร็งสมอง..แต่เป็นเพียงระยะแรกซึ่งหากรักษาพอจะมีทางเยียวยาได้.."
    "ผมไม่ขอรักษา ผมรู้ถึงเยียวยาไปก็ต้องตายอยู่ดี.."
    ..คำพูดของวิทยาทำให้หมอหนุ่มรู้สึกแปลกใจเพราะคนไข้หลายคนต่างดิ้นรนเพื่อชีวิตตน จะเอาเงินเท่าไรมาแลกก็ยอมหากเพื่อชีวิตตนแต่นี้วิทยากลับเลือกจะยอมรับกับโชคชะตาไม่ดิ้นรนให้ตัวเองต้องเจ็บปวดกับโรคร้ายที่ยิ่งรักษายิ่งยากจะหายขาด...
    ..วิทยาไตร่ตรองดีแล้วกับการตัดสินใจพูดออกไป ทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรแน่นอนทุกอย่างมีเกิดต้องดับ เขาไม่อยากเอาตัวไปดิ้นรนให้เจ็บปวดยื้อเวลากับโรคร้ายที่รักษาไม่ได้สู้ไม่รักษาแล้วมาอยู่กับคนที่รักและมาดูแลดีกว่า...

    ..หากได้ดูแลและปกป้องคนที่เรารักตรงหน้าไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นอนาคตจะเป็นอย่างไรปล่อยมันไป ..ทำวันนี้ให้ดีที่สุด..


    "พ่อครับ .." นราวิชญ์ ลูกชายเพียงคนเดียว เจ้าของดวงตาสีดำสนิท..แววตาเศร้าสร้อย ยื่นมือเล็กขาวซีดเขย่าแขนผู้เป็นพ่อที่ยืนทอดสายตามองอากาศอันว่างเปล่านาน เป็น นาที..นานจนบางทีเด็กชายผู้เป็นลูกนึกสงสัย..วิทยาสะดุ้งตัวแรงก่อนย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาสีน้ำตาลคล้ายยิ้มได้ เด็กชายรู้สึกเช่นนั้น พ่อของเขายิ้มบางๆก่อนกุมมือนุ่มนิ่มของเขาไว้ในอุ้งมือหนาแกร่งของพ่อ..พ่อไม่พูดอะไร ไม่พูดอีกแล้ว..แต่น้ำใสๆในดวงตาพ่อกลับเอ่อล้น แต่แล้วพ่อก็เงยหน้าขึ้นฟ้า แล้วน้ำใสๆก็ไหลย้อนกลับไป..พ่อกำลังร้องไห้ใช่ไหม พ่อร้องไห้ทำไม?

    ทุกครั้งที่วิทยามองนราวิชญ์ ความเจ็บปวดแล่นปราดจับเข้าที่หัวใจเสมอ ความผิดที่เขาคอยโทษตัวเองเสมอ..ความผิดที่ทำให้ลูกของเขา ซึ่งมีอายุเพียงเจ็ดปี แต่ต้องมานั่งรถเข็นคนพิการ เพราะเด็กน้อยพิการตั้งแต่เกิด ขาทั้งสองทำงานไม่ได้ ทำให้นราวิชญ์ไม่ได้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ ทำให้เขาซึมเศร้าและอ่อนแอไม่อยากอยู่ต่อบนโลกนี้..หากโลกนี้ปราศจากเขา ลูกจะอยู่ต่อได้อย่างไร วิทยากระชับมือเล็กนุ่มนิ่มของลูกชายแน่นก่อนเอามันทาบที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา ลูกชายทำหน้าฉงน คิ้วดำกดลงขมวดมุ่น ก่อนเลิกขึ้น จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา เมื่อเห็นพ่อของเขายิ้มได้อีกครั้ง..พ่อคงไม่ได้ร้องไห้แล้ว

    ..นราวิชญ์ เด็กชายผู้มีส่วนคล้าย คนคนหนึ่งที่เขารักท่วมท้นหัวใจ ดวงตาสีดำสนิทคู่นี้เล็กเรียว จมูกโด่งรั้น แสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเอง แก้มนวลสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากหนาเป็นกระจับสีชมพู

    ... ลูกของเขาคนนี้หน้าเหมือน 'นรางสิรี' จริงๆ หากนรางสิรีภรรยาของเขาได้มาเห็นในตอนนี้คงจะดีใจที่ลูกชายหน้าเหมือนตนราวกับแกะ..

    "สิ ไม่อยากไป สิอยากดูแลลูก.."นรางสิรีจับมือวิทยาแน่นเธอไม่ยอมจะไปไหนทั้งนั้น เธอเพิ่งจะคลอดลูกมา เธออยากดูแลลูกเธออยากเล่นกับลูก เธอไม่อยากไปไหนทั้งนั้น..
    "แต่สิต้องไป สิเป็นโรคที่ผิดปกติ หมอบอกว่ามันอาจลามถึงขั้นมะเร็ง.."วิทยามองใบหน้าขาวซีดที่ไร้เลือดของภรรยาตน เขารู้สึกใจหายไม่คิดเลยว่าเธอต้องมาเป็นโรคร้าย นรางสิรีเพิ่งจะคลอดลูกออกมา แต่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกตัวเองเลย..
    ..ตอนนี้ลูกชายของเขาอยู่ที่โรงพยาบาล หมอและพยาบาลดูแลตลอดเวลาเพราะ ลูกชายของเขาผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด เพราะไม่ยอมร้องไห้ แถมหมอเช็ดดูแล้วภายในร่างกายเกิดโรคแทรกซ้อนผิดปกติ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากพันธุกรรม หรือถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก..
    ..นรางสิรี เธอไม่อยากไปไหนทั้งนั้น เธอรู้ดีว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแถมระบบภายในร่างกายเธอยังหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้เนื้อตัวเธอเป็นผื่นแดงเต็มตัวและมีแผลเหวอะหวะ..
    ..แต่เพียงแค่โอกาสเดียวที่เธออยากเห็นหน้าลูกตน มันจะไม่มีอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธออยู่ที่สนามบิน เธอกำลังต้องไปอเมริกา เพราะที่นั้นมีหมอเก่งๆมากมายจะรักษาเธอให้หายขาดได้แน่นอน..
    ..เธอไม่ต้องการหายขาด เธอไม่ต้องการรักษา เธอรู้ดีว่ายังไงร่างกายมันไม่เที่ยงแท้มันเกิดได้ก็ดับได้ ถึงรักษาไปยิ่งจะทรมานเปล่าๆสู้เธอเอาเวลานี้มาดูแลลูกจนหมดลมหายใจเธอยังจะดีใจกว่าที่จะหายจะโรคนี้เสียอีก..
    ...วิทยามองใบหน้าขาวซีด จมูกโด่ง ตาเล็กตี่เหมือนอาหมวยของภรรยาตนแล้วนึกถึงลูกตัวเองที่เมื่อวานเขาไปดูหน้าลูกชายตนมา หน้าเหมือนนรางสิรีไม่มีผิด..
    ...วันนี้วิทยาเลือกดีแล้วที่จะให้นรางสิรีหายขาดเพื่อให้ได้มาดูแลลูกชายตนต่อจากเขาซึ่งอีกไม่นานเขาก็ต้องไปจากโลกนี้ หากเขาได้รู้ว่าเธอไปรักษาแล้วหายขาดกลับมาดูแลลูกชายตนได้ วันนั้นเขาจะนอนตายตาหลับที่สุด..



    ...วิทยานั่งมองหน้านราวิชญ์แล้วเรื่องราวเก่าๆมันก็ย้อนเข้ามาทำให้เขาคิดถึงนรางสิรี ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะยังสบายดีไหม จะมีรอยยิ้มเหมือนทุกๆวันที่เขาเเละเธอเคยยิ้มให้กันหรือเปล่า..

                                                      **************
    สนามบินสุวรรณภูมิ
    5 ปีผ่านไป
    ผู้คนมากมายทยอยเดินลงจากเครื่องบินเที่ยวกลับจากอังกฤษเวลายาวนานกว่าสองสามชั่วโมงทำเอาผู้คนพอกันบิดแข้งขาบ้างหาวหวอดๆหลายคนรีบเดินลงไปหาญาติที่รอต้อนรับกันยกใหญ่ พากันชะโงกหน้าหาครอบครับที่พรากจากกันแสนไกลยาวนาน เธอเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของหลายคนรอบกายเธอทำให้รู้สึกอิจฉาอย่างไรไม่รู้ บอกตรงๆเธอรู้สึกได้เลยว่าไม่มีใครรอคอยเธอแบบนี้ทั้งที่ในความเป็นจริงเธอก็มีครอบครัวที่รอคอยเธออยู่แล้ว..ครอบครัว คำนี้ทำให้เธอสะดุดความคิด ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าที่ผ่านมาใช่ครอบครัวหรือไม่?
    หญิงสาววัย35ปี รูปร่างสูงผอมเพรียวหุ่นดีราวดุรณีแรกรุ่น มาในเสื้อยืดแบรนด์เนมปักเลื่อมให้เข้ากับวัยระยิบระยับเข้ากับกางเกงสามส่วนขายาวพอดีเข่า ดวงตาในแว่นกันแดดดำครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต หัวคิ้วขมวดมุ่น เท้าลงส้นเดินทอดช้าๆ 
    "สิ..."เสียงนุ่มทุ้มกับมือหยาบที่จับหัวไหล่เธอเบาๆทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด'ย้อนอดีต'
    "คะ แจ๊ตพอต?"หญิงสาวหันขวับตามเสียงเรียก ก่อนค่อยๆถอดแว่นตาดำ หัวคิ้วขมวดมุ่น
    "ดูคุณเหม่อๆนะ ใจลอยหรอ?"ชายหนุ่มวัยเดียวกันยกมืออีกข้างจับหัวไหล่อีกข้างหญิงสาวตรงหน้าเบาๆ จ้องดวงตาคู่สวยที่บัดนี้เต็มไปด้วยความกังวล เขาได้แต่หวังว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกเป็นห่วงผ่านทางสายตาได้อยากให้เธอได้รับรู้มันบ้าง..รับรู้ด้วยหัวใจ
    "ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ.."หญิงสาวรีบตัดบท ปัดมือสองข้างของชายหนุ่มออก แค่นี้เธอก็เต็มไปด้วยความสับสนทั้งใจแล้ว ยิ่งเห็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกคิดถึงดวงตาคู่นั้น สีน้ำตาลอ่อนที่ เขาคนนั้นเคยใช้ทอดมองเธอด้วยความห่วงใยแบบนี้ 
    ..เธอไม่เคยลืมเขาเลย อดีตอันปวดร้าว..
    ..เธออยากกลับมา ลึกๆหัวใจเพรียกหาเสมอ...
    ..เธอก็แค่อ้างเรื่องงาน จริงๆเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เจอเขา..
    ..ความรู้สึกผิด กังวล สับสน เสียใจ ประดังประเดเต็มหัวใจ...
    ...เหมือนเธอยืนอยู่ระหว่างอดีตและปัจจุบัน มีเขาที่รักเธอ มีเค้าที่เธอรอคอยและมีใครอีกคน..
    "ยังไงก็อย่าคิดมานะสิ เดี่ยวลูกของเราจะดิ้นแรงๆ ท่าทางจะดื้อตั้งแต่ยังไม่กี่เดือน.."



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×