ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REST IN KAIHUN {OS/SF}

    ลำดับตอนที่ #5 : Maps -chapter2- (120%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.92K
      19
      23 มิ.ย. 58

           


    #mapstouKH















           ดวงดาวมักประกายในยามค่ำคืน ยิ่งท้องฟ้ามืดคล้ำ แสงสว่างก็ยิ่งสกาวไกล แต่เหนือกว่านั้นคือความผิดที่ติดอยู่ในใจ มันส่องแสงแม้อยู่ท่ามกลางแสงแฟลชที่สว่างจ้า เหมือนกับความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจของเซฮุนอยู่ตลอดเวลา และมันก็ยังคงส่องแสงสว่างชัดเจนอยู่ในหัว ตอกย้ำว่าเขาเคยตัดสินใจทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวที่สุด





    3 ปีที่แล้ว 


           แสงสว่างจ้าพร้อมกับเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องสวยบนพื้นทำให้เซฮุนตื่นขึ้น มือเรียวจับท่อนแขนแกร่งที่โอบรอบเอวบางอยู่ออกก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น มือเรียวคว้าโทรศัพท์ที่พื้นก่อนจะก้าวเท้าเปลือยเปล่าออกไปจากห้อง 

    เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกรายชื่อไว้ทำให้เซฮุนขมวดคิ้ววุ่น ไม่ใช่คนรู้จักแล้วยังโทรมาดึกป่านนี้อีกเนี่ยนะ

           "ฮัลโหลครับ" 



           "นี่คุณเซฮุนรึเปล่าครับ?" 



           "ครับ" 



           "ผมเป็นผู้จัดการของประธานคิมนะครับ ผมมีเรื่องอยากเสนอให้คุณพิจารณา ทางเราทราบมาว่าคุณแม่ของคุณป่วยอยู่ใช่มั้ยครับ?"



           "ครับ.." เซฮุนตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นๆ เขารู้สึกเหมือนเสียงนิ่งเรียบจากปลายสายกับประโยคเนื้อความแปลกๆ นั่นกำลังผลักตัวเขาให้ถอยหลังออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มันยังไม่มีอะไรสักหน่อย แต่ทำไมถึงได้ใจสั่นขนาดนี้...



           "เรื่องค่าใช้จ่ายคงจะลำบากแย่ คุณเซฮุนเองก็อยู่กับคุณแม่แค่สองคนนี่ครับ ท่านประธานฝากความห่วงใยมา"



           "..."



           "ท่านอยากจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายครั้งนี้"



           "ครับ?"



           "แลกกับการออกห่างจากคุณจงอิน ท่านอยากให้คุณหนูไปเรียนที่ต่างประเทศน่ะครับ ถ้าไม่รังเกียจช่วยเก็บข้อเสนอนี้ไปพิจารณาด้วยนะครับ" 



           มือเรียววางโทรศัพท์ในมือลงกับเคาน์เตอร์ที่เท้ามืออยู่อย่างคนไร้เรี่ยวแรง ราวกับถูกฟาดด้วยค้อนปอนด์หนักๆ จนมึนหัวไปหมด 

           ในตอนท้ายของหนังเรื่องโปรดที่เซฮุนชอบเคยบอกว่าเพียงหลับตาลง รอจนแสงสว่างขึ้นจากขอบฟ้าชีวิตของเราก็จะดีขึ้น น่าตลกที่เขาหลงเชื่อมันมาจนถึงวินาทีที่แล้ว ความจริงกับในหนังมันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร... 

           เซฮุนสูดหายใจเข้าลึกๆ มือเรียวหยิบกระปุกยาแก้ปวดหัวพร้อมกับน้ำเปล่าออกมาหวังจะช่วยบรรเทาได้ อย่างน้อยแค่ให้นอนหลับก็พอ 

           "ทำไมลงมาตอนนี้หืม?" ท่อนแขนแกร่งโอบรอบเอวบางจากด้านหลังพร้อมกับซุกใบหน้าคมลงกับไหล่เล็ก 



           "ฉันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ" เซฮุนกินยาแก้ปวดในมือแล้วกระดกน้ำตามก่อนจะหันมามองคนตัวสูงตามแรงที่อีกคนจับ 


           หน้ากากรอยยิ้มสีใสถูกสวมลงบนใบหน้าของเซฮุน เขาไม่รู้ว่าน้ำตาของตัวเองใกล้หยดลงมาบนแก้มมากน้อยแค่ไหน แต่วินาทีเขาต้องกลืนก้อนความเสียใจพวกนั้นลงไปให้หมด 


           "ไปหาหมอมั้ย?" จงอินทาบมือลงกับหน้าผากเนียนเพื่อวัดไข้ ซึ่งอุณหภูมิทุกอย่างก็ดูปกติดีแปลว่าเซฮุนไม่ได้เป็นไข้ แต่สีหน้าของเจ้าตัวดูไม่ดีเอาเสียเลย นี่คือสิ่งที่ทำให้จงอินกังวล



           "ไม่เป็นไรหรอก" เซฮุนคลี่ยิ้มบางแล้วเอนตัวลงกอดร่างสูงตอบ 



           "แน่ใจนะ?" จงอินจับไหล่เล็กให้ผละออกมาเพื่อถามความชัดเจน 



           "อื้ม เป่าตรงนี้เดี๋ยวก็หายแล้ว" นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าผากตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาจงอินหลุดขำไปด้วย
    มือแกร่งเปิดผมที่ปรกหน้าผากเนียนอยู่ขึ้น ก้มลงทาบริมฝีปากมอบสัมผัสอุ่นร้อนเหมือนกับคุณพ่อที่เป่าแผลให้ลูกชายที่หกล้ม 



           "ไปนอนพักได้แล้ว" เซฮุนซุกหน้าลงกับอกกว้างยามถูกท่อนแขนแกร่งช้อนตัวขึ้นอุ้ม คนตัวเล็กแอบปล่อยน้ำไร้สีลงมาพร้อมกับฟันคมที่ขบริมฝีปากบางแน่นจนช้ำเพื่อกลั้นเสียง















    ทุกอย่างจะดีขึ้น...



           นี่เป็นสิ่งที่เซฮุนคิดในทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา เขามีคนที่รักตัวเขา มีบ้าน มีรอยยิ้มของแม่ มีทุกอย่างแต่กลับเหมือนขาดทุกอย่าง บางทีถ้าเขาได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้ง ได้พูดขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นอย่างที่เขาหวังมาตลอด 3 ปี แต่โอกาสพวกนั้นมันไม่มีสำหรับเขาอีกแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจงอินจะลืมเขาไปรึยัง นี่อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ในความจริงแล้ว เขาไม่ได้ต้องการร้องขอให้อะไรกลับมาเป็นอย่างเดิม เพียงแค่ได้เจออีกคนและพูดขอโทษนั่นก็มากพอแล้ว 

           "ตื่นได้แล้วครับ" เสียงทุ้มนุ่มหูเรียกชื่อคนบนเตียงที่นอนคลุมโปงอยู่ ชานยอลพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวสอบหมิ่นเหม่ เปลือยท่อนบนพราวน้ำออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงยืนส่องกระจกอยู่สักพักก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นั่งผมยุ่งอยู่บนเตียง 



           "ยังหลับอยู่อีก" ชานยอลคลี่ยิ้มบางอย่างเอ็นดูก่อนจะสบัดหยดน้ำบนปลายผมใส่คนสะลึมสะลือตรงหน้า



           "ชานยอล..." มือบางยกขึ้นปิดหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอย่างเดิม 



           "นี่จะไม่ยอมตื่นใช่มั้ยตัวดื้อ" ร่างสูงแกล้งขึ้นเสียงแข็งแต่เซฮุนกลับขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ



           "งั้นไม่ต้องลุกออกจากเตียงเลยนะ" มือหนาเสยผมหมาดน้ำพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาคมกริบจ้องมองบั้นท้ายเนื้อแน่นที่โผล่พ้นกางเกงชั้นในใต้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าออกมาอย่างชอบใจ ก้าวขาขึ้นคร่อมคนบนเตียงจนร่างบางสะดุ้ง 



           "ไม่เอานะครับ..." ฝ่ามือเรียวดันแผงอกชุ่มน้ำออกจากตัวเอง เบี่ยงหน้าหนีแต่อีกฝ่ายกลับก้มลงมาหัวเราะข้างหูอย่างมีความสุข



           "งั้นก็หันหน้ามาแล้วลุกขึ้นได้แล้ว" ชานยอลผละหน้าออกมาก่อนจะมองแก้มสีฝาดอย่างเอ็นดู 



           "รู้แล้ว...อื้อ!" ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวก็ถูกริมฝีปากหนาฉกชิงกลีบปากนุ่มไป ปลายจมูกโด่งฝังลงบนแก้มนุ่มสูดกลิ่นสะอาดของอีกฝ่าย ริมฝีปากก็ดูดดึงกันเรียกความร้อนของคนใต้อาณัติตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงแก้มขาว 


           มือเรียวถูกจับวางลงบนบ่าหนาทั้งสองข้าง เอวบางถูกมือแกร่งรั้งขึ้นจนชิดสะโพกสอบแน่นกล้ามเนื้อ เรียกเสียงครางหวานหูให้ดังอื้ออึงทั่วห้อง


           "ช..ชานยอล" ปลายนิ้วจิกกล้ามเนื้อแน่นยามมือหนาสอดเข้าสัมผัสบั้นท้ายเนียนพร้อมกับไล้ปลายจมูกลงมาตามเส้นชีพจร



           "ยังไหวมั้ยหืม?"



           "อะไร..อื้มห์"










           เซฮุนนั่งตรวจเอกสารการเงินของบริษัทตามหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด ร่างบางได้ตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินซึ่งนั่นก็มาจากความสามารถของโอเซฮุนล้วนๆ เพราะฝีมือของคนตัวเล็กก็แสดงให้พนักงานคนอื่นได้เห็นจึงไม่มีใครกล้าใช้เรื่องชานยอลมาโต้แย้งในที่มาของเก้าอี้ที่เซฮุนนั่งอยู่ได้ 

           "หัวหน้าคะ อันนี้เอกสารช่วงที่หัวหน้าหยุดไปนะคะ" แฟ้มเล่มบางสีดำทึบถูกวางลงบนพื้นที่ว่างของโต๊ะ เซฮุนเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มบางรับพร้อมกับพูดขอบคุณด้วยความนอบน้อมที่ติดตัวอยู่แล้ว 



           "ขอกาแฟแก้วนึงด้วยนะกายอง" หญิงสาวโค้งตัวรับคำก่อนจะปิดประตูเสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนหัวหน้าที่ทำงานอยู่



           มือเรียวเปิดหน้าเอกสารดูก่อนจะเห็นแผนงานงบประมาณโปรเจคที่เคยเข้าประชุมเมื่อคราวก่อน แต่ครั้งที่แล้วในที่ประชุมยังตกลงหากลุ่มผู้ร่วมทุนไม่ได้ เพราะการลงทุนครั้งนี้ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร การหาคู่ค้าที่มีความมั่นคงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด 

           "คิม..." เสียงหวานขาดช่วงไปพร้อมกับมือบางที่ชาจนเหมือนเลือดในตัวหยุดไหล เซฮุนรู้สึกเหมือนมีลมเย็นจัดพัดเข้ามาปะทะที่หน้า ราวกับจะมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่คอ สายตาของเขารับรู้และมองเห็นทุกๆ ตัวอักษรแต่กลับออกเสียงอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิด







           'KIM GROUP'







           โลกเหวี่ยงให้เขาหายไปจากชีวิตคนๆ หนึ่ง แต่คราวนี้โลกกลับเหวี่ยงคนๆ นั้นให้กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เซฮุนพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาอยากหนีหายไปอยู่ในโลกที่ไม่มีคิมจงอิน เพราะแม้ว่าเขาจะโทษตัวเองอยู่ทุกวันแต่เขาก็คิดถึงอีกคนอยู่ทุกวันเหมือนกัน 

           มันเป็นเพราะสิ่งที่ควรจะเป็นที่บอกว่าเขาไม่ควรมาเจอกับจงอินอีก เขาสร้างรอยแผลใหญ่ไว้ให้คนแล้วเดินหนีออกมา...ออกมาพร้อมๆ กับรอยแผลเป็นบนฝ่ามือของตัวเอง





           ในเมื่อเราใช้มีดแทงใครสักคน มือที่กำมีดเอาไว้แน่นก็ย่อมมีรอยแผลไปด้วยไม่ต่างกัน 



           "กาแฟได้แล้วนะคะ" 



           "อ..อ๋อ ไว้ตรงนั้นแหละ" เซฮุนหลุดออกจากห้วงความคิดที่ดึงตัวเขาลงไปในหลุมดำก่อนจะคลี่ยิ้มขอบคุณลูกน้องคนสนิท 

           สติของเขากลับมา...แต่ความรู้สึกผิดเหล่านั้นก็ยังคงเป็นแผลลึกที่ไม่เคยจางหายไปตามช่วงเวลา รอยแผลของเขาไม่ต้องการการเยียวยา แต่มันต้องการรักษาเจ้าของรอยแผลอีกคน...คนที่เซฮุนทำให้เจ็บ ผู้ชายคนนั้น คิมจงอิน...










           "วันนี้มีประชุมก่อนเลิกงาน มีใครบอกรึยัง?" ชานยอลหั่นเนื้อแซลมอนที่เซฮุนชอบก่อนจะวางลงบนจานของอีกคน มื้อเที่ยงของคู่รักในวันนี้คือร้านสเต็กชื่อดังที่ชานยอลได้โต๊ะพิเศษเนื่องจากเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ 



           "ครับ รู้แล้ว" เซฮุนตักแซลมอนเข้าปากแล้วเคี้ยวงั่มๆ เรียกรอยยิ้มบางจากคนตัวสูงได้ราวกับดีดนิ้วสั่งได้



           "เรื่องลงทุนที่เคยคุยคราวก่อนน่ะ วันนี้บริษัทนู้นจะส่งตัวแทนมาด้วย" 



           "คิมกรุ๊ปหรอครับ.."



           "ใช่สิ" โชคดีที่ชานยอลก้มลงหั่นเนื้อในจานพอดีทำให้เซฮุนซ่อนสีหน้าใจหายไว้ได้ทัน เขารู้ว่าเป็นคิมจงอิน เขารู้ว่าเราเคยรักกัน เขารู้ว่าใจของเขาก็ยังคงหวั่นไหวแม้ว่าจะไม่ได้ข่าวคราวจากอีกฝ่าย แต่เขาไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขี้น



           "เซฮุน" 



           "ค..ครับ" 



           "เป็นอะไรไป?" ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นถามร่างบางตรงหน้าที่เงียบไปอย่างผิดสังเกต 



           "ผมมึนๆ น่ะ สงสัยดื่มกาแฟเยอะไปหน่อย" ริมฝีปากสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มแห้งๆ แก้ตัวทำให้มือใหญ่เอื้อมมาขยี้ผมนุ่มเล่นอย่างเอ็นดู



           "ยิ่งป่วยง่ายๆ อยู่ อย่าให้เป็นห่วงสิครับ" 



           "นี่ผมยุ่งหมดแล้ว" เอียงตัวหลบมือกร้านยิ่งทำให้ชานยอลหมั่นเขี้ยวเข้าไปใหญ่จนต้องบีบปลายจมูกรั้นไปทีหนึ่ง 



           "อย่ามาทำตัวน่ารัก เดี๋ยวจะงดข้าว" 



           "ดีแล้ว ผมอยากลดพุง" เซฮุนหัวเราะร่าเมื่อตัวเองหาข้อแก้ต่างเอาคืนคนตัวสูงได้



           "งั้นจะให้ออกกำลังกายทั้งคืนเลยเป็นไง" สุดท้ายเซฮุนก็จนมุมถนนอีกตามเคย เขากำลังเขินกับประโยคพวกนั้นทั้งๆ ที่ในหัวกำลังคิดเรื่องจงอินซ้ำไปซ้ำมา ความผูกพันธ์มันตัดกันไม่ได้ง่ายๆ แต่ต่อติดกันได้ภายในเสี้ยววินาที เขากำลังกลัว...เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงอยากจะหนีไปอยู่อีกโลกหนึ่งเข้าจริงๆ โลกที่กักขังไว้เพียงคนไม่ดีอย่างเขา ทิ้งโอเซฮุนเอาไว้เพียงคนเดียว















           โต๊ะประชุมตัวยาวถูกจับจองที่นั่งด้วยบุคลากรของบริษัทชานยอลและคิมกรุ๊ป ทุกคนในที่ประชุมต่างพากันลุกขึ้นเพื่อจับมือและกล่าวทักทายกันอย่างผูกมิตร 

           เซฮุนคลี่ยิ้มบางพร้อมกับก้มหัวลงอย่างนอบน้อมเมื่อถูกชมเรื่องการงานจากคนต่างหน้า เขารู้สึกยินดีแต่ในใจกำลังเต้นระรัว มันไม่ใช่ดีใจจนมีความสุขแต่เพราะกลัวความผิดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เหมือนกับเขาเป็นเชือกเส้นหนึ่งที่ถูกจุดไฟไว้ตรงปลายเชือก จนถึงตอนนี้เปลวไฟมันกำลังแล่นเข้ามาเรื่อยๆ 



    แกร๊ก... 


           ท่อนขายาวภายใต้กางเกงแบรนด์หรูก้าวเข้ามาภายในห้องประชุมพร้อมกับบุคคลที่เซฮุนนับเวลาถอยหลังรออย่างขลาดกลัวเหมือนวัวสันหลังหวะ 





           ชานยอลเดินเข้ามาพร้อมกับจงอิน 



           "สวัสดีครับ ผมคิมจงอิน ประธานคนใหม่ของคิมกรุ๊ปฝากตัวด้วยนะครับ" เซฮุนไม่มีสติพอที่จะฟังประโยคแนะนำตัวเหล่านั้นเพราะสิ่งที่เขารับรู้มีเพียงดวงตาคมที่มองตรงมาหาเขา เรียกร้องหาและไม่เคยลืมเลือน นั่นคือสิ่งเดียวที่เซฮุนรู้สึกได้ตลอดระยะเวลาการประชุม 



           "คุณจงอินเพิ่งได้รับตำแหน่งแต่เป็นมือโปรมากเลยนะครับ" ชานยอลยิ้มกว้างให้กับผู้ร่วมทุนรายใหญ่อย่างชื่นชมในความสามารถและขอบคุณที่อุตส่าห์มาร่วมประชุมทั้งๆ ที่ยังไม่มีความจำเป็นมากขนาดนั้น 



           "ยังไม่เก่งเท่าคุณชานยอลหรอกครับ" มุมปากแกร่งยกยิ้มบางในมาดของคนสุขุม ในแง่ของธุรกิจ ชานยอลเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เรื่องของเซฮุน สำหรับเขา ชานยอลเป็นแค่คู่แข่งที่ถือไผ่ใบรอง 



           "เซฮุน นี่คุณจงอินนะ" มือแกร่งยกขึ้นจับมือเรียวให้เดินมาหา บ่งบอกสถานะความสัมพันธ์ที่ทำให้จงอินอยากจะเค่นหัวเราะออกมา ดูก็รู้ว่าชานยอลตั้งใจจะบอกเป็นนัยๆ ว่าตัวเองเป็นเจ้าของ ถ้าเขาเป็นเหมือนคนอื่นๆ เขาคงไม่กล้ายุ่ง แต่จงอินไม่ใช่...



           "สวัสดีครับ คุณเซฮุน" จงอินไม่ได้ยื่นมือออกมาทักทายเพราะรู้ว่าต้องถูกเลี่ยงอยู่แล้วจึงเลือกการโค้งตัวให้แทน 



           "ส..สวัสดีครับ" เซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เพราะเราเจอกันอีกครั้งในสถานะคนไม่รู้จัก ขณะที่ความรู้สึกเก่าๆ ยิ่งปะทุเมื่อยืนอยู่ใกล้อีกคน เหมือนหนังเศร้าเรื่องเดิมฉายขึ้นมาในหัวเซฮุนอีกครั้ง 



           "ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบกลับไปเคลียร์งานต่อ" จงอินพูดก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์กับการจ้องตาคนที่คอยหลบหน้า เขาไม่รู้ในสิ่งที่ควรทำ เพราะเขามาที่นี่เพื่อทำตามความรู้สึกแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ควรก็ตาม 







           มือเรียววักน้ำขึ้นลูบแก้มเนียนที่ขึ้นสีแดงฝาดจากการเสียน้ำตาเมื่อครู่ เขารู้สึกเหมือนอยู่ดีๆ ความรู้สึกที่แบกรับก็ร่วงลงมาบนตัวทั้งหมด มันหนัก...หนักจนแบกต่อไปไม่ไหว 

           แขนเสื้อเชิ้ตถูกยกขึ้นเช็ดใบหน้าเบาๆ ปลายจมูกแดงหายใจฟึดฟัดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเรียกความมั่นใจกลับมา ขาเรียวเตรียมจะก้าวออกจากห้องน้ำทว่ามีมือกร้านเข้ามาคว้ารอบข้อมือเล็กไหวก่อนจะออกแรงดึงให้เซเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ดันแผ่นหลังบางจนชิดกับบานประตูแล้วกดล็อกในทันที 

           "จ..จงอิน" นัยน์ตาเรียวสั่นระริก ทั้งความกลัว ความคิดถึงและความถูกต้องมันตีกันวุ่นไปหมดในหัว เพราะแววตาคมที่มองตัดพ้อเขาอยู่มันแทบจะทำให้ตัวอ่อนยวบลงไปในคราเดียว 



           "ขอจูบหน่อยได้มั้ย.." เสียงทุ้มเอ่ยแหบพร่าราวกับคนใกล้จะร้องไห้ มองดวงตาเรียวรีที่สั่นระริกเหมือนแก้วที่กำลังร้าว เขาเพียงอยากจะโอบกอดมันเอาไว้



           "อ..อือห์" ไร้ซึ่งคำปฏิเสธหรือท่าทีขัดขืนจากคนตัวเล็ก เหมือนมีแรงดึงดูดที่คอยเชื่อมช่องว่างระหว่างเขากับจงอิน ริมฝีปากหนาทาบสัมผัสแนบแน่นแทนความห่างไกลตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยโกรธเซฮุน ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดด้วยซ้ำ เขาแค่อยากจะดูแล ดูแลอย่างที่เขาคิดมาตลอด 



           "คิดถึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้บ้างมั้ย..." จูบแก้มสีฝาดแผ่วเบาไม่ต่างจาก 3 ปีที่แล้ว เพราะจงอินยังคงรักเซฮุนเหมือนเดิม เซฮุนก็เช่นกัน 



           "ขอโทษ ฮึก..ขอโทษ" มือเรียวกำเสื้อบนไหล่หนาแน่น ปากพร่ำพูดคำว่าขอโทษเหมือนคนไร้สติ เซฮุนรู้สึกแย่มากที่สุด เขาทำให้จงอินเจ็บปวดขนาดนั้น แต่จงอินกลับไม่แสดงท่าทางโกรธออกมา แถมยังทำตัวอ่อนแอแบบนี้ให้ร่างสูงต้องมาคอยปกป้องอีก ทำไมถึงแย่แบบนี้นะเซฮุน...



           "ฉันไม่ได้โกรธจะขอโทษทำไม หยุดร้องไห้ด้วย" นิ้วยาวปาดน้ำตาบนแก้มเนียน ทาบริมฝีปากจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบาราวกับกลัวอีกคนจะสลายไปกับอากาศ



           "ฮึก..ขอโทษ" มือเรียวโอบกระชับรอบลำคอแกร่งแน่น เอนหัวลงซบบ่ากว้างแล้วปลดปล่อยหยดน้ำตาทั้งหมดลงมา สุดท้ายเซฮุนก็ยังเรียกหาความอบอุ่นจากจงอินเสมอ เขาปล่อยให้ความรู้สึกได้ทำงานหลังจากเส้นขนานหักมุมเข้ามาพาดผ่านกันอีกครั้ง ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำแต่อย่างน้อย...มันก็เป็นสิ่งที่เขาอยากทำในตอนนี้ 










           ไหล่บางชิดกับไหล่หนาของคนข้างๆ จงอินกับเซฮุนต่างนั่งเงียบอยู่ในห้องนั่งเล่นของคอนโดร่างสูง 

           จงอินเคยสงสัยว่าช่วงเวลาที่เงียบที่สุดหรือเสียงดังที่สุดกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด และตอนนี้เขาก็ได้คำตอบมา มันไม่ใช่ทั้งสอง เพราะความกลัวต่างหากที่ทำให้เราอึดอัด คำพูดมากมายในหัวที่เราไม่กล้าจะเปิดปากพูดออกมามีอำนาจมากกว่าที่เราคิด มันสร้างกำแพงกั้นขึ้นมาได้แม้ว่าเราจะกำลังนั่งมองตากันอยู่ เหมือนกับตอนนี้ที่แม้ว่าเขากับเซฮุนจะนั่งติดกันแต่เราก็ยังกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป

           "ขอวันหนึ่งได้มั้ย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกลางความเงียบ เซฮุนไม่ได้หันไปมองเจ้าของเสียงแต่มือเล็กกำลังกำแน่นรอฟังประโยคต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ



           "ทำเหมือนเมื่อก่อน ขอได้มั้ยเซฮุน" มือกร้านวางลงบนมือเล็กแล้วออกแรงบีบราวกับกำลังอ้อนวอนอย่างไม่เคยมาก่อน



           "อืม" เสียงเล็กพูดออกมาอย่างขาดช่วงเพราะจังหวะการหายใจที่ลำบากมากขึ้น มือของจงอินอุ่นจนเขาอยากให้อีกคนกอดตลอดเวลา เขาคิดถึงเพียงเท่านั้นจริงๆ



           "ไม่ต้องบอกฉันว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น" มือแกร่งช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแนบอก ก้าวเท้าด้วยจังหวะมั่นคงพร้อมกับเสียงหัวใจที่ดังอยู่ข้างหูของเซฮุนที่ฟังดูน่าใจหาย 



           "ตอบฉันมาแค่คำเดียว" วางคนตัวบางให้นั่งลงบนปลายเตียง มือกร้านจับไหล่เล็กก่อนจะเอ่ยประโยคคำถามที่แช่แข็งเซฮุนไปได้อึดใจหนึ่ง



           "ยังรักฉันอยู่มั้ย?"


           สมองของเขาบอกว่า 'ไม่ควร' แต่เสียงหัวใจของเขามันกำลังแสดงออกอย่างขัดแย้ง ยิ่งมือเรียวที่โน้มลำคอหนาลงมาเบาๆ นี่อีก 


           "รัก" 



           "..."



           "รักมากๆ ด้วย..." ทาบเรียวปากบางสีอ่อนลงกับแก้มกร้านเบาๆ ราวกับปลอบประโยนและสร้างความมั่นใจให้อีกคน 



           "อ..อื้อ" วินาทีต่อมาก็ไม่พ้นถูกบดขยี้ริมฝีปากจนต้องครางฮืออย่างห้ามไม่ได้ เซฮุนกำลังลบความถูกต้องภายในหัวพร้อมกับทำตามความรู้สึกที่เด่นชัดออกมา เขายังรักคิมจงอิน...









    CUT SCENE
    on bio @pupjas














    talk: พาร์ทคนรักเขาเพิ่งกลับมาเจอกันนะคะ เราอยากเสนอด้านที่จงอินกับเซฮุนต่างก็เรียกร้องหากัน เพราะต่างฝ่ายก็ไม่เคยลืมกันลย ฝากเม้นฝากติดแท็ก #mapstouKH เป็นกลจ.ให้เราด้วยน้า ยังมีต่ออีก 80 เปอร์หลังเราจะมาต่อให้น้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×