ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REST IN KAIHUN {OS/SF}

    ลำดับตอนที่ #32 : os lost boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.59K
      8
      20 มี.ค. 59

    lost boy










    1997
    As the smile fell from your face, I felt with it
    Our faces blue




              "ทำไมพี่เซฮุนต้องเป่าเค้กกับผมด้วย นี่มันวันเกิดผมนะ" 



              เด็กหนุ่มวัยย่างเข้าสิบเก้าวางถังนมในมือสองข้างลงก่อนจะทิ้งตัวลงบนท่อนซุงใหญ่ด้านหลัง ฝ่ามือสีแดงซีดเอื้อมไปหยิบวิทยุเครื่องเก่าที่เปิดได้แค่คลื่นเดียวมาวางบนตัก 



              "ทำไมพี่เซฮุนต้องแย่งของผมทุกอย่าง พี่เขาไม่มีบ้านตัวเองหรอ" 



              นิ้วเล็กที่มีรอยเล็บบิ่นจากการขนฟืนในป่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนหมุนแกนบนเครื่องวิทยุก่อนจะดึงขาเข้ามานั่งกอดเข่า ฟุบหน้าลงไปแนบกับเสียงข่าวช่วงเย็นที่ดังลอดออกมาเบาๆ จากลำโพง 



              "ไทล์ พี่เขาน่าสงสารนะ เรามีเราก็แบ่งเขาบ้างสิ" 



              เซฮุนไม่ชอบฟังข่าว เขาไม่เข้าใจเรื่องที่คนในวิทยุพูดกันหรอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือพยากรณ์อากาศอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้มันน่าฟังกว่าบทสนทนาด้านนอกนั่น



              "ผมเริ่มไม่ชอบพี่เซฮุนแล้ว" 




              เขาก็ไม่ชอบตัวเองเหมือนกัน 


              เสียงวิทยุถูกหรี่ลงพร้อมกับเสียงเด็กชายที่งอแงกับแม่ข้างนอกนั่นค่อยๆ ไกลออกไปด้วย เซฮุนวางวิทยุไว้ที่เดิมก่อนจะยกถังนมไปเทใส่ถังรวมนมใหญ่ตรงมุมห้องแล้วฮัมเพลงออกมาเบาๆ 


              เนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่เขาจำได้ลางๆ เพราะเคยฟังในวิทยุอยู่บ้างถูกฮัมออกมาเป็นจังหวะช้าๆ พร้อมกับน้ำนมที่ถูกเทและกำลังจะหมดถัง 


              "ฮึก...แม่" ริมฝีปากบางสั่นจนคนตัวเล็กต้องเม้มไว้แน่น เปลือกตาสีน้ำนมปิดลงก่อนน้ำตาที่ไหลลงมาจะกลายป็นสีขุ่นเพราะเถ้าถ่านที่เปื้อนอยู่บนแก้มเนียน มือเล็กจิกขอบถังแน่นจนเลือดสีสดซึมออกมาจากรอยฉีกบนเล็บ 


              ร่างบางสูดอากาศเข้าเต็มปอดก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างน่าใจหาย มือเรียววางถังใบเล็กไว้บนพื้นอย่างเก่าเมื่อเทนมเสร็จแล้ว ป้ายเลือดที่เล็บบนขากางเกงยีนส์ซ้ำๆ ก่อนจะเปิดตู้เก็บที่นอนแล้วหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ออกมา 


              เสียงสลัดผ้าผืนหนาดังเหมือนทุกครั้งในช่วงหัวค่ำ แสงอาทิตย์สีส้มลอดผ่านซี่ไม้ที่เขาตั้งใจแกะออกมาจนเป็นช่วงโหว่ขนาดเท่าฝ่ามือ เซฮุนตั้งใจให้ฝันดีลอดเข้ามาทางช่องนี้ เพราะถ้าดักฝันร้ายเขาคงทำไม่ทันแล้ว 


              ผู้ใหญ่หลายคนพูดปลอบใจเขาตอนที่พ่อแม่เสียว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ไม่ต้องห่วง ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นหน้าตาไม่ได้หนุ่มสาวเหมือนที่เขาเคยเจอตอนเด็กๆ ทั้งๆ ที่ตอนพูดก็ปลอบโลมลูบหลังอย่างดีแต่พอจบงานก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ความจริงแต่ทุกคนก็ยังเลือกที่จะพูดออกมา 


              การสูญเสียไม่ใช่เรื่องน่าตกใจแต่เรื่องโกหกที่ทุกคนยังคงพูดออกมาอย่างไม่คิดย้อนกลับพวกนั้นต่างหากที่น่าตกใจ เขามองเห็นโลกสีฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเทาเรื่อยๆ ขณะที่คนอื่นก็ยังบอกว่ามันเป็นสีฟ้าอย่างเดิม ถ้าหากสีฟ้าที่ว่านั่นไม่ทำให้เราตกงานซะก่อนเราก็ยังคงเรียกมันว่าสีฟ้าแม้ว่าตาเราจะมองเป็นสีอะไรก็ตาม 


              เซฮุนไม่เคยคิดว่าสีฟ้าจะทำให้เราท้อได้มากขนาดนี้เมื่อสีที่เราเห็นเป็นคนละสิ่งกับที่คนอื่นพูดกัน เขาย้ายมาอยู่กับคุณป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของแม่หลังจากอุบัติเหตุใหญ่ครั้งนั้น คุณป้าเอ็นดูเขาเหมือนลูกในไส้เพราะเธอมีปัญหาตั้งครรภ์ยากและไม่เคยมีเด็กเล็กๆ ในบ้านมาก่อน เขาเคยเรียกอีกคนว่าแม่จนกระทั่งวันนี้ คนที่เคยเป็นแม่ของเขากลายเป็นญาติคนหนึ่งที่แบ่งโรงเก็บของให้อยู่ 


              เซฮุนไม่เคยนึกโกรธที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ คงเพราะสีฟ้าที่คุณป้าเคยเห็นด้วยกับเขาเริ่มทำให้ท่านลำบาก คุณป้ามีลูกชายที่น่ารักของตัวเอง ไม่มีทางที่ท่านจะให้ความสำคัญเขาได้เท่าเดิม ในเมื่อสีฟ้าของเขาไม่ได้ทำให้ท่านมีความสุขอย่างเก่า ท่านเองก็ต้องปล่อยมือออกไปแล้วมองสีฟ้าอันอื่นแทน...อย่างลูกชายที่ท่านให้กำเนิดด้วยตัวเอง ไม่ใช่เด็กที่สมมติว่าเป็นลูกแบบแต่ก่อนอย่างเขาอีกแล้ว 


              เราสร้าง 'สีฟ้า' ขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ผลประโยชน์และความสุขอย่างหนึ่ง ทุกคนต่างบอกว่าตัวเองยึดมั่นในสีฟ้า ยึดมั่นในการใช้ชีวิตบนโลกที่เป็นสีฟ้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง, ช่วงเวลานี้เราพอใจที่จะเก็บสิ่งนี้เอาไว้ เราก็บอกคนอื่นว่านี่คือ 'สีฟ้า' แต่อีกช่วงเวลาหนึ่งเราเจอสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่าและต้องการจะทิ้งสิ่งเก่าไป เราก็เรียกสิ่งๆ นั้นว่า 'สีฟ้า' ที่เรายึดมั่นมาตลอดชีวิต เราต่างรู้กันดีว่าสีฟ้าที่ว่ามันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำไมเราถึงยังเรียกมันว่า 'สีฟ้า' กันอยู่?


              คนเรามีเรื่องจำเป็นและหน้าที่ของตัวเอง เซฮุนรู้ดี เขาแค่ไม่ชอบที่คำพูดบางคำผูกเราไว้กับช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนสีฟ้าของเขาที่คุณป้าเคยชอบนักหนา สัญญาว่าจะรักเขาเหมือนลูกชายแท้ๆ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง เหมือนประโยคที่เขาได้ยินในงานศพของพ่อกับแม่นั่นแหละ เราพูดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งๆ ที่ก็ต่างแก่ลงกันไปเรื่อยๆ 



              สรุปแล้วอะไรกันแน่ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สีฟ้าที่ทุกคนยึดมั่น หรือ คำโกหกที่ทุกคนยังคงพูดออกมาอยู่กันแน่








              ผงฝุ่นลอยเคว้งอยู่บนหัวเซฮุนผ่านแสงแดดที่ลอดเข้ามาทางช่องไม้ หูข้างซ้ายได้เสียงรถโรงเรียนแล่นใกล้เข้ามาผ่านแผ่นไม้ที่กั้นเขาไว้อีกโลกหนึ่งให้ได้ยินแต่เสียงแม่โคแก่ เซฮุนเห็นเด็กประถมต้นใส่ยูนิฟอร์มสีฟ้ากำลังเดินขึ้นรถบัสคันสีเหลืองก่อนที่รถจะแล่นออกไปพร้อมกับทำกองใบไม้ที่เขากวาดไว้เมื่อวานปลิวว่อนไปทั่ว 


              เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์เก่าๆ ตัวโคร่งถูกสวมทับเหมือนทุกวันในช่วงหลายอาทิตย์มานี้ เพราะอากาศเริ่มเย็นขึ้นอย่างที่พยากรณ์อากาศในวิทยุบอก เขาไม่มีเสื้อตัวอื่นถึงต้องใส่เสื้อตัวนี้ซ้ำๆ ทั้งที่ไม่ได้ซัก ไม่อย่างนั้นคงแห้งไม่ทันตื่นไปเก็บฟืนตอนเช้าหรอก


              "เซฮุนลูก มากินข้าวเช้ากับป้าเร็ว" 




              "ครับ!" เสียงเรียกของหญิงวัยกลางคนทำให้เซฮุนเร่งกิจกรรมที่ทำอยู่ มือเรียวโยนแปรงสีฟันด้ามสีเขียวไว้บนเตียงก่อนจะรีบบ้วนปากแล้วเปิดประตูออกจากโรงเก็บของ 




              "ผมช่วยครับป้า" ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปรับถุงมันฝรั่งใบใหญ่จากคนเป็นป้า 




              "เมื่อวานไปไหนมาลูก ไม่เข้ามาเป่าเค้กกับน้อง" 




              "อากาศหนาวเลยหลับเร็วน่ะครับ" เซฮุนหันมาคลี่ยิ้มบางให้คนแก่กว่าคลายกังวลก่อนจะเบี่ยงตัวให้คนเป็นป้าเปิดประตูบ้านให้แล้ววางถุงมันฝรั่งไว้ในครัว 




              "ป้าเก็บเค้กไว้ให้เราด้วย รอแป๊บหนึ่งนะลูก" คนเป็นป้าจัดการจับหลานชายมานั่งบนเก้าอี้เสร็จสรรพก่อนจะตะโกนบอกสามีตัวเองให้หยิบเค้กออกมาจากตู้เย็น 




              "คุณ หยิบเค้กของเซฮุนมาให้ฉันหน่อย" 




              "happy birthday to you" คนเป็นลุงที่เดินถือเค้กจานเล็กออกมาตัดเพลงจนเหลือแค่ท่อนสุดท้ายก่อนจะร้องด้วยเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับสีหน้าขี้เล่นประจำตัว 



              เซฮุนเห็นก้อนเค้กสามเหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกแบ่งออกมาจากเค้กก้อนใหญ่ เทียนแท่งสีฟ้าสั้นแค่ข้อนิ้วเดียวเพราะคงถูกใช้ไปเมื่อคืนแล้ว เขาเห็นรอยยิ้มกว้างของคุณป้ากับร่องรอยบนใบหน้าที่บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ทำงานหนักแค่ไหน เขาเห็นหน้าของตัวเองผ่านหน้าต่างที่สะท้อนเข้ามา เซฮุนต้องโตแล้ว เขาเห็นข้อความนี้ในใจของเขาเอง 


              ร่างบางก้มลงเป่าเทียนตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วโป้งปาดครีมขึ้นมาชิมแล้วคลี่ยิ้มบาง



              "รสวนิลาแบบที่ไทล์ชอบเลยนะครับ" 




              ภายใต้หลังคาสีแดงมีครอบครัวที่แสนสุข ภายในโรงเก็บของเก่าๆ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง






              "จะไปกันแล้วหรอครับ?" เซฮุนหมุนปิดก๊อกน้ำหลังจากคว่ำจานที่ล้างเสร็จแล้วเรียบร้อย เขาเห็นคุณป้าใส่ชุดกระโปรงสีพีชอ่อนแปลกตาไปจากเสื้อกันเปื้อนสีเทาที่เห็นเธอใส่อยู่ตลอดทั้งวัน เธอถือกระเป๋าใบเล็กสีขาวมุกที่เซฮุนจำได้ว่าแม่ของเขาเองซื้อให้คุณป้าเป็นของขวัญเมื่อหลายปีก่อน คุณลุงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนผูกไทสีน้ำเงินเข้มต่างจากชุดเอี๊ยมสีน้ำตาลซีดที่ใส่ทั่วไปในฟาร์ม 




              "ประชุมผู้ปกครองเริ่มสิบโมง ป้ากับลุงว่าจะไปล่วงหน้าเผื่อรถติดน่ะ" 




              "จะรอรับไทล์กลับมาด้วยเลยรึเปล่าครับ" 




              "ใช่จ่ะ" หญิงวัยกลางคนหยิบลิปสติกในกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาทาก่อนจะคลี่ยิ้มพอใจกับรูปหน้าของตัวเอง 




              "เดินทางปลอดภัยนะครับ" 




              "ป้าทำแซนวิชไว้เผื่อเรากินตอนเที่ยงอยู่ในกล่องนะลูก" 




              "ครับ"




              "เซฮุนเดี๋ยวขับรถไปส่งมันฝรั่งกับนมช่วงบ่ายๆ ที่ตลาดให้ลุงด้วยนะ" คนเป็นลุงที่วุ่นวายกับการใส่เข็มขัดนึกขึ้นมาได้จึงรีบเตือนหลานชาย 




              "ครับ" 




              "ดูบ้านดีๆ นะลูก" หญิงวัยกลางคนพูดส่งท้ายก่อนจะรีบสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินตามสามีออกไป 



              เซฮุนออกมายืนส่งญาติผู้ใหญ่ที่หน้าบ้าน เขาเห็นคุณลุงคุณป้าดูเกร็งๆ กับชุดหรูหราเป็นทางการที่นานๆ ครั้งจะใส่สักที เท่าที่จำความได้ก็ตอนไปเซ็นรับเขาเป็นลูกบุญธรรมที่อำเภอ ตอนนั้นเขาก็ใส่สูทไม่ใช่ชุดเอี๊ยมตัวโคร่งนี่หรอก แต่ตอนนี้เขาโตเกินไปและมันก็ตกเป็นของไทล์แล้ว 


              รถยนต์คันสีดำแล่นผ่านคอกวัวและฝูงลูกเจี๊ยบที่พากันวิ่งดิ๊กๆ ให้พ้นทาง เครื่องยนต์สี่ล้อแล่นออกจากบริเวณฟาร์มพร้อมกับทำกองใบไม้ที่เขาเพิ่งเก็บปลิวว่อนอีกครั้ง


              กุญแจบ้านถูกเก็บใส่กระเป๋าเสื้อยีนส์ตัวใหญ่ มือเรียวคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารก่อนจะให้ใช้เท้าดันเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย เซฮุนเดินไล่ปิดไฟทุกจุดในบ้านก่อนจะเดินออกมาด้านนอกพร้อมกับกล่องแซนวิชในมือ 


              "เฮ้อ..." ร่างบางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งเล่นด้านหน้าบ้านพร้อมกับถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่ปกปิด เซฮุนรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่อยู่ในบ้านหลังนั้น เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบเก้าที่ยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองมากนัก เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีโอกาส ไม่มีครอบครัว มีแค่งานที่ได้ค่าตอบแทนเป็นที่อยู่กับอาหารในแต่ละมื้อ มันเหมือนกับเด็กผู้ชายที่ถือรถบังคับเข้าไปในวงน้ำชาของเด็กผู้หญิง โอเซฮุนไม่มีที่ยืน เขาถูกปิดปากด้วยความรู้สึกบางอย่างในตัว...ความรู้สึกที่รับมาจากคนในบ้านหลังนี้ 


              เขาทำได้แค่ยอมทิ้งรถบังคับคันโปรดของตัวเองแล้วเข้ามานั่งตรงพื้นหญ้าเพื่อร่วมวงน้ำชากับพวกเด็กผู้หญิง เซฮุนได้แก้วและจานรองเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่แก้วของเขาไม่มีอะไรอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคุยกันเรื่องชุดกระโปรงตัวใหม่ แต่เซฮุนใส่กางเกงยีนส์ เขาแปลกแยก...แปลกแยกในวงน้ำชานี้ 


              เซฮุนทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งความเป็นตัวเอง เขาทิ้งรถบังคับคันโปรดเพื่อไม่ให้ถูกทอดทิ้ง เพื่อพื้นที่บนสนามหญ้าที่มีเส้นสีแดงกั้นบอกเขตเอาไว้ เซฮุนเป็นส่วนเกินและเขาไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากบ้านหลังนี้ 



              "ไม่ออกไปเที่ยวกับลุงกับป้าหรอ?" 




              "ใคร?" คิ้วสวยขมวดยุ่งเมื่อมีเสียงปริศนาดังขึ้น ร่างบางลุกขึ้นยืนหันมองรอบตัวเพื่อหาเจ้าของเสียงก่อนจะพบว่ามีผู้ชายผิวสีแทนนั่งห้อยขาเล่นอยู่ที่ท้ายกระบะของรถ




              คิม จง อิน 




              "แป๊บเดียวลืมกันแล้วหรือไง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่นก่อนจะโยนลูกมันฝรั่งในมือเล่นอย่างผ่อนคลาย เซฮุนมองอีกคนเป่าปากเป็นเพลงก่อนจะถือกล่องแซนวิชไปยัดใส่มือหนา




              "จะไปไหนก็ไป" เขามองสัญลักษณ์ตัว x ตรงกลางหน้าผากของอีกคนอย่างนึกโมโห lost boy ไว้ใจไม่ได้หรอก ตัวเอ็กซ์นั่นก็เหมือนการไขว้นิ้วเวลาโกหก พวก lost boy พูดเก่งแต่ไม่เคยพูดความจริง จงอินเป็น lost boy กลุ่มคนเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าแต่มักจะไม่รวมพวกกันเอง ไม่มีครอบครัว ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่รักษาคำพูด 


              เราเจอกันครั้งแรกราวๆ สี่ปีที่แล้ว เขาไปเดินป่าเหมือนปกติแล้วดันพลาดตกต้นไม้ตอนที่ขึ้นไปส่องนกจนข้อเท้าแพลง ซึ่งจงอินเป็นคนที่ช่วยพยุงเขาไปที่กระท่อมของเจ้าตัว เซฮุนเห็นผู้ชายคนนั้นถือรถบังคับมาด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนมีเพื่อน จงอินชวนเขาคุยตลอดทางถึงเขาจะตอบบ้างไม่ตอบบ้างผู้ชายคนนั้นก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเสมอ หลังจากนั้นเขาก็เข้าป่าแทบทุกวัน กระเป๋าเป้ที่อัดของกินเต็มใบเป็นสิ่งที่เขาพกไปด้วยเสมอ หลายครั้งที่เขาแอบหยิบเงินจากการส่งนมไปให้อีกคนเพราะบอกว่าต้องใช้ด่วน เซฮุนกำลังมีเพื่อนและมีความรัก แต่นั่นมันเมื่อสี่ปีที่แล้ว จงอินหายไปเกือบสองปีและเพิ่งกลับมาในวันนี้ 



              "ฉันมาเพราะคิดถึงนายนะ" ท่อนแขนแกร่งรั้งเอวบางเข้ามาหาตัวก่อนจะล็อกให้แน่นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายขัดขืน 




              "ฉันต้องไปส่งของ" จงอินสีหน้าซีดลงเมื่ออีกฝ่ายไม่เล่นสนุกด้วย เขาแค่อยากให้เซฮุนยิ้มเท่านั้นเอง




              "ไม่คิดถึงกันเลยรึไง" ใบหน้าคมก้มลงซบไหล่เล็ก ฝ่ามือหนายังคงลูบแผ่นหลังบางเหมือนครั้งแรกที่เซฮุนร้องไห้จนตัวสั่นเพราะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง จงอินยังคงทำเหมือนเดิมทุกอย่าง 




              "นายนั่นแหละ...ฮึก" 




              "คิดถึงสิ" มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่ม กระชับกอดแน่นจนรู้สึกถึงแรงสั่นในตัวอีกคน เสียงสะอึกของเซฮุนทำให้เขาอึดอัดทุกครั้งที่ได้ยิน เซฮุนร้องไห้เหมือนกำลังแอบใครสักคนอยู่ ทำไมเราถึงต้องแอบร้องไห้เงียบๆ ด้วย แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมสักนิด 




              "หายไปไหน ฮึก ไม่มาหากันเลย" มือเล็กยกขึ้นทุบอีกฝ่ายด้วยแรงที่เหมือนใบไม้ปลิวออกจากกอง เซฮุนกำลังเบะปากร้องไห้เหมือนเด็กอนุบาลที่ถูกเพื่อนแกล้ง เขาอยากให้มีครูมาพาไปนอนกลางวันแล้วตื่นมาคืนดีกับเพื่อนอย่างเดิม แต่เซฮุนอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว 




              "ชู่ว...เด็กดีไม่ร้องนะครับ" เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ก่อนจะทาบริมฝีปากบนแก้มเนียน ร่างสูงโยกตัวเบาๆ พร้อมกับประโยคเดิมๆ ที่เซฮุนได้ยิน จงอินพูดว่าไม่เป็นไร


              จงอินเป็นคนแรกที่พาเขาออกจากวงน้ำชานี้ มือหนาจูงเขาเข้าไปในป่ามืดที่มีแต่เสียงประหลาด ในป่าไม่มีเสียงพูดคุยของเด็กผู้หญิงที่เซฮุนฟังไม่รู้เรื่อง ไม่มีเส้นสีแดงกั้นเขตของเขา เซฮุนคิดว่าการตกต้นไม้เป็นเรื่องตลก เขาค้นพบว่าการเล่นซ่อนแอบในป่าสนุกกว่าการเล่นรถบังคับ เซฮุนแอบเก่งแต่เขาหาไม่เก่ง เขาหาจงอินไม่เจอมาเกือบสองปี สุดท้ายเขาก็เดินกลับเข้ามาในวงน้ำชาอีกครั้ง เซฮุนกลัวที่จะข้ามเส้นสีแดงออกไป แต่พอจงอินกลับมาเขาก็เดินไปหาโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเรียก ให้จงอินพาไปเดินป่าอีกครั้ง 


              "จงอิน" เซฮุนปัดมือที่เล่นหัวเขาอยู่ออกก่อนจะยกแขนขึ้นรั้งต้นคออีกคนลงมา ริมฝีปากสีซีดก้มลงจูบปลายคางคม เซฮุนต้องการความอบอุ่นแบบนี้




              "อ...อือ" มือหนาประคองแก้มใสสองข้าง ก้มลงจูบริมฝีปากบางอย่างไม่รีรอ จงอินทำแค่ขบเม้มเบาๆ เมื่อมือเล็กกำปลายเสื้อของเขาแน่นอย่างตื่นกลัวก่อนจะผละออกมา 




              "ไปอยู่ด้วยกันนะเซฮุน ไปอยู่กับฉัน"








    I say I wanna settle down
    Built your hopes up like a tower



              รถกระบะคันสีน้ำเงินแล่นออกมาบนถนนในชนบท แอร์ในรถเสียจึงต้องลดกระจกทั้งหมดลง แต่ถึงแอร์ยังทำงานได้เซฮุนก็เลือกจะเปิดกระจก เพราะเขาชอบอากาศที่ปล่อยออกมาจากต้นไม้โดยตรงแบบนี้มากกว่า แขนเล็กยื่นออกไปด้านนอกเพื่อเล่นจับลมแก้เบื่อ ปกติเซฮุนทำแบบนี้ไม่ได้เพราะเขาเป็นคนขับ แต่ตอนนี้จงอินทำหน้าเป็นคนขับให้ 


              มือเล็กข้างที่เหลือถูกจับมาวางอยู่บนท่อนขาแกร่ง จงอินเอาแต่เขียนมือเขาเล่นด้วยรูปอิสระที่เซฮุนไม่สามารถจับได้ว่าเป็นตัวอะไร ริมฝีปากหนาผิวเป็นเพลงพร้อมกับขยับคอตามจังหวะไปด้วยอย่างที่ชอบทำ 


              "ขับรถช้าๆ เป็นแล้วหรอ?" ยักคิ้วใส่คนข้างๆ พร้อมกับรอยยิ้มเหน็บแนมเล็กๆ ปกติจงอินเป็นพวกเหยียบมิด สนใจผิวถนนซะที่ไหน 




              "อยากจับมือนานๆ ก็ต้องขับช้าๆ สิ" ไม่พูดเปล่ายังจับมืออีกคนมาจูบอีกต่างหาก เล่นเอาคนโดนแกล้งทำหน้าไม่ถูกเลย 




              "ไร้สาระ..." 




              "นายได้กลับไปเรียนรึยัง?" หักพวงมาลัยเลี้ยวไปตามทางก่อนจะหันมาถามคนข้างๆ เซฮุนเคยพูดว่าอยากกลับไปเรียนต่อ เพราะไม่อยากทำงานหนักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนร่างบางคงยังไม่ได้ทำตามฝัน 




              "คงอีกนาน" มือเรียวเปิดฝากล่องหยิบแซนวิชขึ้นมากินแก้เบื่อ ปกติเซฮุนไม่ชอบคุยเรื่องพวกนี้ ขนาดแค่คิดกับตัวเองเขายังต้องหาเรื่องทำเพื่อให้ลืมๆ แต่เขาชอบที่จะเล่าให้จงอินฟัง มันไม่ใช่การระบายความอึดอัดออกมา แต่เพราะเราเหมือนกัน การเล่าให้ฟังจึงเป็นสิ่งที่เขาทำกับจงอินเสมอ 




              "นายไม่อยากออกไปอยู่ข้างนอกหรอ?" 




              "จะไปได้ยังไงล่ะ นั่นป้าฉันนะ" 




              "แต่นี่ชีวิตนาย นายเลือกได้" รถถูกจอดพักข้างทางกะทันหัน จงอินหันหน้ามาหาอีกคนก่อนจะจับมือเล็กเอาไว้แน่น




              "จะให้ไปอยู่กับใคร ฉันไปไม่ได้หรอก" เซฮุนดึงมือออกมาก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้าแทน เขาไม่ชอบบทสนทนาที่น่าอึดอัดแบบนี้ เซฮุนชอบที่จะเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เขาเหมือนถูกกดดัน แรงกดดันที่ตรงกับความรู้สึกลึกๆ ของเขาเอง 




              "ไปกับฉันไง ไปด้วยกันนะเซฮุน" 




              "..." 




              "ไปเริ่มต้นใหม่ ไม่มีใครเข้าใจเราจริงๆ หรอก" 




              "..."




              "ฉันไม่มีใครมาทั้งชีวิต ไม่มีใครจริงใจกับเราหรอกนะเซฮุน" จงอินเป็นคนเดียวที่เห็นสีฟ้าแบบเดียวกันกับเขา



     
              "เราจะเริ่มต้นยังไง เราไม่มีอะไรกันสักอย่าง" คิ้วสวยขมวดแน่นยามมองหน้าร่างสูง เขากำลังสับสน เซฮุนไม่เคยได้ทำอะไรที่อยากทำในโรงเก็บของหลังนั้น แต่เขามีคนเข้าใจและพร้อมจะอยู่ด้วยตรงนี้ โรงเก็บของนั่นปลอดภัยแต่กับผู้ชายคนนี้เซฮุนมองไม่เห็นอะไรข้างหน้าสักนิด 




              "เชื่อฉันเถอะ ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะ" 




              "..." จงอินจับมือเขาแน่น 




              "เซฮุน...เชื่อฉัน" 




              "ขอฉันกลับไปบอกที่บ้านก่อนได้มั้ย" เสียงเล็กเอ่ยขึ้นสั่นๆ ดวงตาเรียวรีกำลังสั่นอย่างหยุดไม่ได้ เซฮุนกำลังกลัว เขากลัวการตัดสินใจครั้งนี้




              "ที่นั่นไม่ใช่บ้านเซฮุน เราไม่จำเป็นต้องบอกนายจ้างหรอก" 




              "ฮึก...เราทำได้จริงหรอ จงอิน ฮือ...ได้หรอ" มือหนาคว้าคนตรงหน้ามากอดทันทีที่น้ำตาสีใสหยดลงมาบนแก้มขาว เซฮุนตัวสั่น เอาแต่ส่ายหน้าแล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น เขาแค่อยากให้อีกคนมีสติมากกว่านี้ 




              "ทำได้สิ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ" เสียงทุ้มพูดปลอบโยนพร้อมกับลูบหัวคนในอ้อมกอดเบาๆ จงอินยังคงโยกตัวแล้วพูดว่าไม่เป็นไรเหมือนทุกครั้ง ขณะที่เซฮุนยังคงอ่อนแออยู่ทุกครั้ง 




              ...เหมือนทุกครั้ง






              ถุงผ้าใส่เงินใบเล็กวางนิ่งอยู่บนตักเล็ก ไฟหน้ารถยังคงส่องไปบนถนนในเวลาสี่ทุ่มกว่า มือของเซฮุนยังคงสั่นในมือของจงอิน เซฮุนยังคงปิดปากเงียบหลังจากตัดสินใจขโมยเงินที่ส่งของและรถคันนี้ตามที่อีกคนบอก จงอินบอกว่ามันคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ทุกอย่างถูกต้องแล้ว 


              "เซฮุน ไม่ต้องเครียดนะ ไม่เป็นไรหรอก" มือหนากระชับฝ่ามือเล็กแน่นก่อนยกขึ้นมาจูบเบาๆ เพื่อให้อีกคนมั่นใจ 




              "เราทำถูกแล้วหรอจงอิน..." เซฮุนยังคงวางสายตาไว้บนปลายเท้าของตัวเอง เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสู้อะไรทั้งนั้น ป่านนี้คุณลุงคุณป้าจะวุ่นวายขนาดไหน จะโกรธเขามั้ย แล้วถ้าเกิดตำรวจตามจับขึ้นมาจะเป็นยังไง เซฮุนสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ




              "ไม่มีอะไรผิดหรอก ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ" 




              "กลับกันดีกว่ามั้ย..." 




              "เรากำลังจะเริ่มใหม่แล้วนะเซฮุน ถ้ายังมัวแต่ลังเลแบบนี้ก็ต้องเป็นเด็กในโรงเก็บของนั่นตลอด นายอยากกลับไปอยู่แบบเดิมจริงๆ เหรอ" เสียงจงอินหนักขึ้นจนเขารู้สึกกลัว เซฮุนมีแค่จงอินที่อยู่ข้างกันในตอนนี้ และเขาก็ไม่อยากถูกทิ้งอีก 




              "ขอโทษ ฉันขอโทษ" เสียงหวานเต็มไปด้วยความสั่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาให้กลับเข้าไป เซฮุนจะอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้




              "ฉันไม่ได้โกรธ ฉันแค่อยากเริ่มใหม่กับนาย เราจะมีชีวิตใหม่นะเซฮุน ที่เราทำน่ะถูกแล้ว" ฝ่ามือหนาลูบเบาๆ บนหน้าตักเล็ก เซฮุนทำแค่พยักหน้าเบาๆ แล้วจัดการกับความคิดในหัวของตัวเอง 




              ใช่, มีแค่จงอินคนเดียวที่เข้าใจเขา ทำตามที่จงอินบอกนั่นแหละถูกแล้ว








    1998
    There's a heart stain on the carpet
    I left it, I left it with you



              "มีไซส์ใหญ่กว่านี้มั้ยครับ" มือเรียวหยิบเสื้อโค้ทตัวหนาสีดำเข้มขึ้นมาก่อนจะถามพนักงานข้างๆ ใกล้วันคริสต์มาสแล้ว เขาตั้งใจจะซื้อเสื้อตัวนี้เป็นของขวัญให้จงอิน 


              เราอาศัยอยู่ในชานเมืองทางใต้ เขาเป็นพนักงานร้านอาหารเล็กๆ ในหมู่บ้านที่เราอยู่ ส่วนจงอินเป็นพนักงานดูแลความปลอดภัยคนหนึ่งในผับกลางเมืองซึ่งเจ้าตัวบอกกับเขาว่ากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งและปรับเงินเดือนแล้ว 


              หลังจากวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาและจงอินนอกจากการตัดตัวออกมาจากที่นั่น ไม่มีประกาศจับหรือความผิดปกติอะไรทั้งสิ้น เซฮุนรู้เหตุผลว่าทำไมคุณลุงคุณป้าถึงไม่เอาเรื่อง นั่นมันทำให้เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึง แต่เซฮุนก็เป็นอิสระแล้ว เขามีคนรัก มีบ้าน มีงานเป็นของตัวเอง เซฮุนมีความสุขกับชีวิตตอนนี้ และเขาก็หวังให้คนบ้านนู้นมีความสุขเหมือนกัน 


              "79 ปอนด์ค่ะ" ธนบัตรจำนวนหนึ่งถูกส่งให้พนักงานก่อนเซฮุนจะถือถุงกระดาษสีขาวออกมาจากร้าน วันนี้เขาตั้งใจออกมาเดินซื้อของสำหรับคริสต์มาสนี้ ขอให้คนที่บ้านชอบของขวัญที่เขาเตรียมให้แล้วกัน 


              เซฮุนหอบถุงพะรุงพะรังลงจากรถแท็กซี่ก่อนจะวางของทั้งหมดลงบนพรมหน้าบ้านเพื่อไขลูกบิดประตูออก ร่างบางเก็บของที่เตรียมไว้ในกล่องลังโดยไม่ลืมเอาไปซ่อนไว้ในห้องเก็บของใต้บันไดเพื่อเก็บเป็นเซอร์ไพรส์ เซฮุนคลี่ยิ้มกับผลงานของตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์บนห้องเพื่อโทรหาจงอินว่าถึงร้านรึยังเหมือนปกติ 


              "จงอินโทรมานี่" คิ้วสวยขมวดอย่างสงสัย ปกติจงอินจะโทรมาแค่สายเดียวถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็คงไม่ขึ้นถึงยี่สิบสายขนาดนี้ เขารู้สึกไม่ค่อยดีจึงรีบโทรกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นจากปลายสาย 




              "จงอิน อยู่ที่ไหนแล้ว?" 




              "เซฮุนใช่มั้ย นี่ผมเจมส์นะ ตอนนี้ไฟไหม้ร้านกำลังรีบช่วยคนข้างในออกมา"




              "จงอินล่ะ เจอจงอินรึยัง?!" 




              "ยังเลยครับ แค่นี้ก่อนนะผมต้องไปช่วยตรงอื่น" 




              เซฮุนทำได้แค่ภาวนา...ได้แค่นั้นจริงๆ








    Christmas Day, 2001



              "เซฮุนลูก มากินข้าวเช้ากับป้าเร็ว" 




              "ครับ!" มือเรียวใส่แปรงสีฟันลงในแก้วน้ำแล้วบ้วนปากจนเรียบร้อย เซฮุนหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดมาที่โต๊ะอาหารชั้นล่าง 




              "พี่เซฮุน วันนี้ช่วยไทล์ทำสิ่งประดิษฐ์ไปส่งครูด้วยนะครับ" 




              "ได้สิครับ" เซฮุนตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโดยไม่ลืมยกมือขึ้นลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดู มือเรียวลากเก้าอี้ออกมาก่อนจะนั่งลงแล้วสูดกลิ่นหอมของชามข้าวต้มตรงหน้าอย่างน่าอร่อย 




              "มัวแต่สูดแบบนั้น จะอิ่มมั้ยล่ะลูก" หญิงวัยกลางคนเห็นท่าทางหลานชายก็อดแซวไม่ได้ ดูนั่นคราบสบู่ยังติดหน้าผากอยู่เลย 




              "ก็มันหอมนี่ครับ" คนโดนแซวเบะปากงอแงก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากเต็มคำ 




              "เซฮุน เดี๋ยววันนี้ไปส่งนมพร้อมลุงนะ" 




              "ครับ" คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะหยิบขวดพริกไทยให้น้องชายที่มือไม่ถึง 




              "ขอบคุณคับ!" 




              "ระวังหกนะไทล์"






              "คุณลุงครับ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน เซฮุนมีดอกเดซี่สีขาวอยู่บนตักหนึ่งดอกที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดตอนไปส่งนมเมื่อกี้ เขาตั้งใจซื้อมาให้ใครคนหนึ่ง 




              "ว่าไงลูก?" 




              "ผมขอลงตรงทางลัดไปป่าได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมตามเข้าบ้านทีหลัง" 




              "ไปทำอะไรล่ะ?" 




              "เก็บใบไม้สีสวยๆ ไปช่วยไทล์ทำงานประดิษฐ์น่ะครับ" 




              "ตรงนี้ใช่มั้ย?" รถกระบะคันใหญ่ชะลอลงก่อนจะหยุดตรงหน้าป้ายไม้อันใหญ่ 




              "เดี๋ยวผมกลับนะครับ" 




              "ระวังตัวนะเซฮุน" 




              "ครับ" ร่างบางโค้งตัวให้คนแก่กว่าก่อนจะรอให้รถออกตัวไปถึงหันหลังเดินไปตามทางอย่างคุ้นเคย เซฮุนก้มลงหยิบกิ่งไม้ยาวๆ ขึ้นมาเพื่อใช้กวาดเปิดทางให้เดินสะดวกขึ้น 


              ทุกครั้งที่เขาอยู่ตัวคนเดียวเขามักจะนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนนี้เซฮุนกำลังนึกถึงอดีต เขาเคยหนีออกจากบ้าน ขโมยรถและเงินของคุณป้าแต่ตอนนี้เขากลับได้ห้องส่วนตัวและได้เข้าเรียนอยากที่ตัวเองอยากทำ เซฮุนตัดสินใจผิดในครั้งนั้น แต่เขาไม่โทษอะไรหรอก เพราะช่วงเวลานั้นก็เป็นความสุขในชีวิตเขาเหมือนกัน 


              จงอินเสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้วันนั้น เขากลายเป็นคนบ้าที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่มีแรงจะทำอะไรสักอย่าง ถูกไล่ออกจากงานและไม่มีที่ไป กว่าจะตั้งสติได้ก็เกือบเดือน เขาตัดสินใจกลับมาที่บ้านหลังที่เขาเคยหนีไป เซฮุนกลัวแทบตายตอนที่เห็นหน้าคุณป้าครั้งแรกแต่สุดท้ายท่านกลับกอดเขาแล้วร้องไห้ออกมาพร้อมกับพูดคำว่าขอโทษ กลับมาอยู่บ้านเราเถอะ 


              เซฮุนไม่คิดว่าครั้งหนึ่งเขาจะมองผู้หญิงคนนี้ในแง่ร้ายขนาดนั้น เขาเลือกโยนรถบังคับทิ้งเพราะคิดว่าในวงน้ำชาของเด็กผู้หญิงคงไม่ชอบของพวกนี้ ปิดปากเงียบเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเธอพูดกัน ทั้งๆ ที่เด็กผู้หญิงพวกนั้นอาจจะอยากรู้เรื่องราวที่เขาจะเล่า อยากลองเล่นรถบังคับ อยากลองคุยเรื่องเกมกด เขาอาจจะไม่ใช่ตัวประหลาดอย่างที่คิดไปเองก็ได้ 


              บ้านหลังนี้ไม่เคยปิดกั้นเขา มีแต่เขาที่พกเทปสีแดงไปทุกที่เพื่อจะแปะแบ่งเขตของตัวเอง มีแต่เขาที่คิดแบบนั้นอยู่คนเดียว เซฮุนไม่เคยคิดว่าคุณลุงคุณป้ายังจะอยากเจอหน้าเขาอีก แต่สุดท้ายก็เป็นท่านที่มีหลุมหลบภัยให้เขาเสมอ ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ไม่คิดว่าการออกไปวิ่งเล่นในป่ากับผู้ชายที่ชื่อจงอินเป็นเรื่องแย่ เขายังคงพร้อมจะเล่นซ่อนหาเสมอถ้าอีกคนกลับมาได้ เซฮุนยังนึกถึงจงอินอยู่เสมอ 


              ต้นไม้ต้นใหญ่เป็นสิ่งที่หยุดการเดินของร่างบาง เซฮุนคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับภาพความคิดในหัวก่อนจะก้มลงวางดอกเดซี่ที่ถือมาตรงโคนต้น เขาจำไม่ได้หรอกว่าเจอกับจงอินที่ต้นไม้ต้นไหน แต่เขาจำได้ว่าเขารู้สึกกับจงอินยังไง และยังคงรู้สึกอย่างเดิม 


              มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ เซฮุนกระชับเสื้อกันหนาวที่ใส่อยู่ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปโดยไม่ทันได้หันกลับมา




              ...ดอกเดซี่สีขาวอยู่ในมือของผู้ชายที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นถัดไป






    lost boy ไม่มีอายุขัย

    .






    What are you waiting for?

    Cause someone could love you more 

    I'm just a lost boy

    NOT READY TO BE FOUND









    talk: เราห่างหายกันไปนาน ฮือT.T กลับมาแล้วนะคะ จะพยายามไม่หายไปแบบนี้แล้ว อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ พูดถึงเรื่องนี้บ้าง ความจริงมันมองได้หลายแบบเราอย่างให้ลองฟัง lost boy ของ troye sivan กันดู ลองอ่านเนื้อเพลงแล้วน่าจะเข้าใจเนื้อหาของฟิคเรามากขึ้นค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงฝากเม้น ฝากสกรีมในแท็กกันด้วยน้า ต่อจากนี้เราขอรวมฟิคทุกเรื่องไว้ใน #skypagekh นะคะ เข้าไปสกรีมกันในนี้ได้เยยย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×