ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REST IN KAIHUN {OS/SF}

    ลำดับตอนที่ #10 : sf my romantic (end)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.6K
      15
      25 ก.ค. 58

    #รมตKH











    Honey, life is just a classroom

    ที่รัก ชีวิตก็เหมือนห้องเรียนนั่นแหละ




           ลมเบาๆ ในวันหนึ่งของฤดูร้อนพัดผ่านคนตัวสูงให้ผมยุ่งจนต้องยกมือขึ้นสางลวกๆ จงอินถือถุงขนมขบเคี้ยวจากร้านสะดวกที่เพิ่งแวะซื้อติดมือมาด้วยเพราะตั้งใจจะให้ใครบางคน 


           ขายาวก้าวตรงไปในตึกสูงตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรเมื่อพยาบาลประจำแผนกจ่ายยาเดินผ่านมาแล้วเอ่ยทักด้วยความเคยชิน 


           "มาหาน้องสาวเหรอจ๊ะ?" 




           "แวะเอาขนมมาให้น่ะครับ เมื่อวันก่อนเห็นแกบ่นอยากกิน" 




           "อ๋อ ช่วงนี้น้องเรากินเก่งขึ้นนะ เริ่มพูดกับเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้วด้วย" พยาบาลวัยสี่สิบต้นๆ บอกเล่าอาการของคนไข้ก่อนจะรีบรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา




           "ป้าไปก่อนนะจ๊ะ" 




           "ขอบคุณมากนะครับ" จงอินโค้งตัวเคารพเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาโบนา 



           บยอน โบนาเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแบคฮยอนที่เข้ามาอยู่ในสถานบำบัดเมื่อหลายเดือนก่อน เด็กสาวกำลังจะสอบเข้ามหา'ลัยจำต้องพักการเรียนเพราะเหตุการณ์น่าเศร้าที่เกิดขึ้น...โศกนาฏกรรมความรัก


           โบนาถูกพ่อเลี้ยงของตัวเองข่มขืนในคืนวันคริสต์มาส เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ทั้งคืน ในหัวเอาแต่ร้องหาแม่ที่ออกไปทำงานต่างจังหวัด ตอนเช้าคือช่วงเวลาที่โบนาจะหนีออกมาได้แต่กลับถูกตบและกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ต่ำๆ ของคนไม่มีจิตสำนึกอีกครั้ง 


           ร่างกายของเธอเจ็บปวด แต่จิตยิ่งกว่า โบนาเคยคิดจะกระโดดตึกแต่แบคฮยอนก็มาห้ามเอาไว้ แม่ของแบคฮยอนเลิกกับผู้ชายเลวคนนั้นทันทีที่รู้เรื่อง แต่มันลบรูปภาพในอดีตของเธอไม่ได้ 


           โบนาเคยคิดว่าซานตาคลอสไม่มีจริงเพราะสิ่งที่เธอได้รับในคืนนั้นมันถูกเฉลิมฉลองด้วยหยาดน้ำตาและความบริสุทธิ์ จนกระทั่งจงอินนำถุงเท้าสีแดงมาแขวนไว้ที่หัวเตียงในห้องของเธอ ทุกๆ วันอาทิตย์เธอจะได้ช็อกโกแลตจากถุงเท้าและรอยยิ้มของพี่ชายและจงอิน 


           แน่นอนว่าโลกนี้มันโหดร้ายสำหรับเธอ แต่ยังโชคดีที่ซานตาส่งพี่แบคฮยอนกับพี่จงอินมาคอยอยู่ข้างๆ เธอ หัวที่เคยถูกกดไว้ใต้น้ำโผล่พ้นความอึดอัดพวกนั้นมาอีกครั้ง...ได้มองเห็นก้อนเมฆรูปช้างอีกครั้ง 



           "พี่ซื้อขนมมาฝาก~" เสียงทุ้มพูดขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามา หญิงสาวบนเตียงนอนคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อโค้งหัวทักทายคนโตกว่า 




           "พี่แบคฮยอนล่ะคะ?" หญิงสาวถามหาพี่ชายตัวเองที่ปกติจะมาพร้อมกัน แต่คราวนี้พี่จงอินกลับเดินถือถุงขนมเข้ามาคนเดียว




           "วันนี้พี่แบคมีสอบ โบนานั่งคุยกับพี่ไม่เบื่อใช่มั้ย?" 




           "โบนาไม่เบื่อหรอกค่ะ พี่จงอินตลกจะตาย" หญิงสาวยิ้มแล้วหัวเราะร่าเมื่อนึกถึงเรื่องตลกที่ได้ฟังจากคนตัวสูงเมื่ออาทิตย์ก่อน 




           "คราวนี้พี่มีเรื่องตลกกว่าคราวที่แล้วอีกนะ" จงอินพูดขณะที่รินนมจืดใส่แก้วให้คนที่เป็นเหมือนน้องสาวก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียง 


           ร่างสูงกระแอมเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กสาวอย่างขบขับ ดวงตาคมมองคนตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ โบนามีชีวิตชีวาขึ้นจากเดือนแรกในสถานบำบัด รอยยิ้มที่เคยมีคราบน้ำตาถูกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสของเด็กสาววัยแรกแย้ม จงอินกำลังคิดว่าถ้าแบคฮยอนเห็นจะต้องดีใจมากแน่ๆ 


           "ทำไมเพื่อนพี่จงอินตลกแบบนี้เนี่ย ฮ่าๆ" ดวงตาเรียวหยีลงจนแทบมองไม่เห็นพร้อมกับหัวเราะอย่างนึกตลก โดนแฟนไล่ให้ไปนอนในห้องน้ำเพราะติดเกมเนี่ยนะ พิลึกชะมัด 




           "ถ้าเราไปเรียนเราก็จะมีเพื่อนแล้วเจอเรื่องตลกแบบนี้แหละโบนา อยากกลับไปเรียนรึเปล่า?" เสียงทุ้มเอ่ยถามเพิ่มดีกรีความจริงจังขึ้นมาเพราะเปลี่ยนประเด็นมาที่อนาคตของเด็กสาวตรงหน้า เขารู้ว่าสิ่งที่น้องเจอมันเลวร้ายมากขนาดไหน แต่เราเลือกได้แค่จะจมปลักอยู่กับมันหรือเดินออกมา 




           "โบนาไม่แน่ใจ..." ดวงตาเรียวหลุบลงมองมือบนหน้าตักเมื่อถูกถาม เธออยากมีเพื่อนแต่เธอไม่รู้ว่ามันถึงเวลาแล้วรึยัง เธอพร้อมแล้วรึเปล่า




           "ค่อยๆ คิดก็ได้ ไม่ต้องเครียดหรอก" มือหนาวางลงบนมือเรียวแล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ จงอินไม่ได้หวังให้โบนาออกมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอย่างปุบปับ เขาแค่อยากจะให้น้องลองคิดไว้ อย่างน้อยน้องก็คงอยากจะออกมาใช้ชีวิตอย่างคนวัยเดียวกันบ้าง




           "โบนาจะถามคุณหมอนะคะ โบนาก็อยากออกไปอยู่กับพี่แบคเหมือนกัน" คำตอบกับรอยยิ้มบางนั่นทำให้จงอินคลี่ยิ้มตามได้ไม่ยาก 


           โบนาคิดว่าชีวิตเราก็เหมือนการเดินอยู่กลางถนน เมื่อฝนตกเราไม่มีทางหนีมันได้พ้นแต่หากลองคิดดูดีๆ ฝนไม่เคยตกทั่วฟ้า ถ้าเราวิ่งออกมาสักวันก็จะพ้นออกจากท้องฟ้าสีครึ้มนั่น เมื่อมองออกไปก็ยังเห็นสายรุ้งที่ครอบท้องฟ้าไว้อีก มันขึ้นอยู่กับจิตใจของเราเองว่ากล้าพอรึเปล่าที่จะฝ่าสายฝนนั้นออกมา เพราะผลลัพธ์มันคุ้มค่าเสมอกับความพยายาม และเธอก็คิดว่าสายรุ้งที่ตัวเองจะได้เห็นมันต้องสวยมากแน่ๆ สายรุ้งที่ได้กอดคอดูกับพี่แบคฮยอน...สายรุ้งที่ประกบกับรอยยิ้มของเธอเป็นรูปวงกลมพอดี









    หมายเลขที่ท่านเรียก-



           "เฮ้อ" จงอินถอนหายใจเป็นรอบที่สิบของวัน มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย พี่เซฮุนไม่รับโทรศัพท์เขาเลยสักครั้ง แม้แต่ไลน์ก็ยังไม่อ่านด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าโมโหอะไรหรือเพราะอยู่กับไอชานยอลนั่นทั้งวันกันแน่ 




           "แม่งเอ้ย!" ปล่อยหมัดลงพวงมาลัยรถจนเกิดเสียงแตรดังลั่น คราวนี้เป็นเพราะจงอินกำลังโมโหตัวเอง เขานึกขัดใจทุกครั้งที่ควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเองได้สักที แล้วแบบนี้จะคุยกับพี่เซฮุนได้ยังไง 


           เมื่อคืนเขาเหมือนคนบ้าที่นอนลืมตามองไปในความมืดทั้งคืนเพื่อคิดหาข้อสรุปของเรื่องนี้ แต่สมองของเขามันก็ว่างเปล่าไม่ต่างกับภาพตรงหน้าสักเท่าไหร่ 


           พี่เซฮุนพูดถึงเรื่องสถานะไม่บ่อย แต่ทุกครั้งมันกลับทำให้เขาใจกระตุก สีหน้าหม่นๆ ของคนตัวเล็กทำให้เขาอยากจะปล่อยเจ้าตัวออกจากอ้อมแขน เพราะเขาไม่สมควรจะดูแลพี่เซฮุน แต่ทุกๆ ครั้งที่เปลือกตาสีมุกปิดแล้วเอนตัวลงมาซบมันเหมือนกับมีแม่มดเสกให้เวลาหยุดลง และเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะเสียมันไปสักครั้ง 


           จงอินไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ดี เขาคิดว่าตัวเองเลวด้วยซ้ำไป เขาใช้สถานะที่ตัวเองไม่เคยเคารพรั้งแบคฮยอนเอาไว้ เพียงเพราะอยากจะเห็นรอยยิ้มสี่เหลี่ยมนั่น สาเหตุที่แบคฮยอนกลับมาคบกับเขาอีกครั้งคือการต้องการที่ปรึกษา มันเป็นช่วงเดียวกันกับเหตุการณ์ร้ายๆ ของโบนา และเขาเป็นผู้ชายที่เข้าใจเรื่องนี้มากที่สุด แน่นอนว่าจากการต้องการเพียงคนดูแลมันอาจจะพัฒนามาเป็นความรักได้ แต่สำหรับเขา ในขณะที่รักหนึ่งแตกหักและมีมืออุ่นๆ มาแปะพลาสเตอร์ให้ รักที่พังไปแล้วจะยังกลับมาเป็นความรักเหมือนก่อนหน้าได้อีกครั้งรึเปล่า สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจคือมืออุ่นๆ นั่นทำให้เขาอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา...จนมันกลายเป็นความรักไปแล้ว 


           ความรักทำให้เราเจ็บขณะที่มันก็รักษาเราได้ จงอินคิดว่าตัวเองต้องดูแลแบคฮยอน ทำให้คนตัวเล็กยิ้มแล้วหัวเราะออกมา แต่เขาก็เรียกร้องหาความรักจากพี่เซฮุน นั่นมันยิ่งทำให้เขาสับสน แต่วันนี้สีหน้ายิ้มแย้มกับคำตอบของโบนาทำให้เขาหายห่วง แบคฮยอนกำลังจะได้น้องสาวของตัวเองคืนมา เขาไม่รู้ว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่าที่จะเดินออกมา แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเขามันน้อยกว่าเก่าไปแล้ว มันไม่ได้กลับมาเป็นแบบเดิมอย่างที่เคยคิดเอาไว้...มันแตกไปแล้วและจบไปแล้ว






    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



           "แป๊บหนึ่งครับ แค่ก.." เสียงหวานพูดขาดๆ หายๆ เพราะต้องคอยไอไล่เสมหะในคอด้วย ขายาวก้าวไปยังประตูด้วยความอ่อนล้าเพราะวิ่งตากฝนเมื่อวาน ก็แหงสิ, เขาไม่มีคนมากางเสื้อคลุมผมให้แบบแบคฮยอนหรอกนะ 




           "มาทำไม?" เซฮุนมองคนตรงหน้าด้วยสายนิ่งๆ เขารู้ว่าปิดประตูไปยังไงจงอินก็เข้ามาได้ อีกอย่างมันก็แอบดีใจแหละที่จงอินมา แต่พอนึกถึงเมื่อวานมันก็อดน้อยใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีสิทธิรู้สึกสักหน่อย 




           "ไม่สบายทำไมไม่รับสายผม" 




           "พี่ดูแลตัวเองได้" เซฮุนตอบกลับไปแค่นั้นแล้วหันหลังเตรียมจะเดินเข้าไปนอนพัก ถ้าอยากเข้ามาเขาก็อนุญาตแต่เขายังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้ 




           "เมื่อวานตากฝนเหรอ?" จงอินเดินตามหลังอีกคนเข้าไปก่อนจะนั่งลงข้างๆ คนป่วยที่นอนไอแค่กๆ อยู่




           "อือ" 




           "หิวมั้ยเดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน" 




           "จะนอน" 




           "..." จงอินลอบถอนหายใจเมื่ออีกคนหันหลังให้เขาไปแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปล่ะ ทั้งๆ ที่อยากกอดพี่เซฮุนแทบตายแต่พออีกฝ่ายพูดแบบนี้กลับไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง 



           ร่างบางขยับตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกหนาว ผ้าห่มก็ส่งซัก จะให้เอ่ยปากขอให้จงอินเบาแอร์ให้ก็ไม่อยากทำ แล้วเขาจะทำยังไงเนี่ยหนาวจะตายอยู่แล้ว 


           "หนาวเหรอ" เสียงทุ้มพูดอยู่หลังใบหูเล็ก เซฮุนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนนี้จงอินกำลังกอดเขาจากข้างหลังแล้วคลอเคลียอย่างกับลูกแมว อย่าใจอ่อนสิเซฮุน...




           "เดี๋ยวติดหวัด" ร่างบางเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อยเพราะกลัวอีกคนจะป่วยตามไปด้วย แม้ว่าความจริงอยากจะหันไปกอดคนตัวสูงแทบตายก็ตาม




           "ผมอยากกอดพี่มากกว่า" เซฮุนเสียเปรียบที่จงอินรู้จุดอ่อนของเขาทุกอย่าง สุดท้ายก็ได้แต่นอนนิ่งๆ ให้อีกคนเอาแต่ใจอย่างผู้แพ้ เซฮุนแพ้จงอินอีกแล้ว 




           "เมื่อวานขอโทษที่ไม่โทรหา" ทาบริมฝีปากหนาลงกับแก้มนุ่มเบาๆ อย่างออดอ้อน เขารู้ว่าพี่เซฮุนไม่ชอบฝนแต่ก็ยังลืมติดต่ออีกคนจนได้ 




           "ก็อยู่กับแบคฮยอนนี่" เซฮุนพูดตัดพ้ออย่างเสียไม่ได้ ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะแสดงด้านแบบนี้ออกมาให้ใครเห็น แต่คราวนี้มันน่าน้อยใจจริงๆ นี่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ชอบฝนก็ยังไม่โทรมาสักสาย 




           "ขอโทษครับ" จับอีกคนให้หันมาเผชิญหน้ากันก่อนจะลูบแก้มนุ่มอย่างเบามือ จงอินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ เขาไม่อยากแก้ตัว ไม่อยากอ้างเหตุผล เขาแค่อยากขอโทษที่ลืม ขอโทษที่ทำให้อึดอัดขนาดนี้ 




           "หนาว..." เสียงหวานพูดแล้วขยับตัวเบาๆ ก่อนจะถูกแขนหนารั้งเข้ามากอดจนหน้าจมลงไปในแผงอกอุ่น




           "พรุ่งนี้ไปอยู่ที่ห้องด้วยได้มั้ย?" เซฮุนพูดเสียงอู้อี้เพราะไม่กล้าพูดเสียงดัง พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ วันที่แบคฮยอนไม่อยู่ห้องเพราะต้องกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ วันที่เขาจะได้อยู่กับจงอินตลอดทั้งวัน วันที่อยากจะลบออกไปจากปฏิทินแต่เขากลับจำมันได้ขึ้นใจ 




           "ได้ครับ" จงอินตอบพร้อมก้มลงหอมกลุ่มผมนุ่มราวกับถูกร่ายมนตร์ให้หลงใหลในกลิ่นหอมจางๆ บนคนตัวเล็ก หอมจนคิดว่าเขาสามารถสูดมันแทนออกซิเจนได้ 




           "ไปหยิบนมช็อกโกแลตในตู้เย็นให้พี่หน่อยสิ" พอนอนกอดกันจนหายคิดถึงเซฮุนคนเดิมก็กลับมาอีกครั้ง เขาแค่ชาร์จพลังจากอ้อมกอดอุ่นๆ ของจงอินจนเต็มเพื่อจะได้เอาคืนคนตัวสูงที่ทำให้เขาต้องหน้างอเมื่อสิบนาทีที่แล้ว คอยดูเถอะ! จะเอาคืนให้เข็ดเลย 




           ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมกับแก้วนมในมือก่อนจะยื่นให้คนตัวเล็กที่นั่งรออยู่แล้ว "เหลือแค่กล่องเดียวไม่มีอะไรให้ผมกินเลยรึไง" 



           เซฮุนกระดกแก้วนมขึ้นดื่มอย่างไม่สนใจคำพูดของคนตัวสูงที่นั่งกลืนน้ำลายแล้วลูบท้องตัวเองเหมือนหมีถูกยาเบื่ออย่างขบขัน มือเรียววางแก้วนมลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนตักหนาแล้วคล้องคอแกร่งลงมาเพื่อจะง้ออีกคน 


           "ไม่หายโกรธหรอก" จงอินหันหน้าหนีอีกคนก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งตามแรงจับของมือเรียว




           "จะป้อนนี่ไง..." พูดจบก็ก้มลงทาบริมฝีปากเรียวขบเม้มเนื้อปากหยุ่นจนอีกฝ่ายนิ่งงันเพราะยังตั้งตัวไม่ทัน 




           "อ๊ะ!" เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับกดลงกับเตียงนุ่มก่อนจะหอบหายใจดังขึ้นเมื่อริมฝีปากหนาก้มลงมาสานต่อจูบเร่าร้อนในวินาทีต่อมา ขบเม้มดูดดึงเนื้อนุ่มรสหวานละมุนของช็อกโกแลตราวกับได้กินจริงๆ แต่เชื่อเถอะว่าแบบนี้หวานกว่าเยอะ... 




           "แฮ่ก...เดี๋ยวก่อน" มือเรียววางปรามบนอกหนาเพราะหายใจไม่ทัน แถมใจยังเต้นรัวเร็วจนควบคุมลมหายใจไม่ได้อีกต่างหาก 




           "ผมยังไม่อิ่ม" พูดจบก็จับมือเรียวมาวางที่ท้ายทอยก่อนจะบดคลึงสัมผัสหวาบหวามอีกครั้ง มือเรียวจิกท้ายหนาแน่นยามมือกร้านเลิกเสื้อยืดขึ้นแล้วบีบเค้นเอวบางจนต้องขยับตาม




           "ห..หมดแล้ว" เสียงหวานพูดแผ่วเบาเมื่อเห็นท่าว่าคนตัวสูงจะเอาแต่ใจไม่หยุด ให้ตายเถอะ! แล้วทำไมต้องมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นด้วย




           "ผมจะกินพี่ต่างหาก"




           "อ..อื้อห์" 




    ถ้าติดหวัดอย่ามาโทษกันเลยนะ!











           เสียงกุกกักในห้องครัวทำให้คนขี้เซาบนเตียงลุกขึ้นมาขยี้ตาด้วยความสงสัย นี่แบคฮยอนยังไม่ออกเดินทางอีกเหรอ เดี๋ยวก็ถึงช้ากันพอดี 


           "ยังไม่เก็บกระเป๋าอีกเหรอ?" ร่างสูงเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาก่อนจะดื่มแก้อาการแสบคอตอนเพิ่งตื่น 




           "แม่เพิ่งโทรมาบอกว่ามีงานด่วน ไม่ได้อยู่บ้านน่ะ" แบคฮยอนพูดขณะที่มือเรียวก็จับตะหลิวทำอาหารเช้าให้คนตัวสูงไปด้วย ถ้าเขาไม่อยู่ห้องจงอินก็คงต้องลงไปซื้ออาหารแช่แข็งด้านล่างมาอุ่นกิน ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้วทำอาหารเช้าให้เจ้าของห้องกินบ้างน่าจะดี




           "แล้วนี่ทำอะไรอ่ะ?" เดินไปยืนข้างๆ คนตัวเล็กแล้วยื่นจมูกไปสูดกลิ่นหอมฉุยจากกระทะ ท่าทางเหมือนเด็กตัวเล็กที่ตื่นเต้นกับการเห็นเตาแก๊สเป็นครั้งแรกทำให้แบคฮยอนต้องคลี่ยิ้มบางออกมา




           "ออมเร็ต นายไปนั่งรอเถอะ" จงอินเดินหายไปพร้อมกับโยเกิร์ตในมืออย่างที่คนตัวเล็กบอก พูดตรงๆ จงอินก็ยังไม่รู้ว่าจะบอกแบคฮยอนยังไงให้เห็นน้ำตาของคนตัวเล็กน้อยที่สุด เขาคิดว่าต้องทำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างน้อยเช้านี้เขาก็ไม่ได้กอดเอวบางหรือหอมแก้มนุ่มอย่างเคย และตอนนี้เขาก็กำลังคิดว่าแบคฮยอนดูกังวลแปลกๆ ด้วย




           "วันนี้พี่เซฮุนอยู่ห้องรึเปล่า?" มือเรียววางจานอาหารกลิ่นหอมฉุยลงบนโต๊ะก่อนจะถามขึ้น 




           "น่าจะมั้ง..." 




           "ชวนมาที่ห้องสิ ฉันมีหนังน่าดูอยู่" แบคฮยอนพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์ดี แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าดวงตาของอีกคนดูเศร้าไปล่ะ 




           "พี่เขาอาจจะไม่อยู่ก็ได้นะ" 




           "ดูหนังสองคนมันไม่สนุกอ่ะ ชวนเองก็ได้" แบคฮยอนยู่ปากประชดคนฝั่งตรงข้ามก่อนจะเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยทำให้จงอินคลี่ยิ้มออกมาจางๆ เขาคิดว่าแบคฮยอนจะเป็นอะไรไปซะอีก 




           ราวๆ หนึ่งชั่วโมงกว่าจงอินจะอาบน้ำจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยถึงจะมานั่งที่โซฟาได้ แบคฮยอนเดินไปเปิดเครื่องเล่น DVD ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของคนบนโซฟามากดโทรหารุ่นพี่ที่ตั้งใจจะชวนมาดูหนังด้วย


           "พี่เซฮุนครับ"




           "แบคฮยอนหรอ? " เซฮุนขมวดคิ้วแล้วตอบคำถามอย่างไม่เข้าใจ แบคฮยอนใช้เบอร์จงอินโทรมาหมายความว่าอยู่ด้วยกันงั้นเหรอ แต่นี่มันวันศุกร์นี่ ทำไมถึงได้...




           "ครับ วันนี้พี่อยู่ที่ห้องรึเปล่า มาดูหนังด้วยกันสิครับ" แบคฮยอนเอ่ยชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส




           "ที่ห้องนายน่ะเหรอ? "




           "เดี๋ยวผมหยุดหนังรอนะครับ" ปลายสายตัดจบบทสนทนาทำให้เซฮุนต้องขมวดคิ้วแน่น มือเรียวหย่อนโทรศัพท์เครื่องสวยลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปที่ห้องอีกคนตามคำชวน เซฮุนไม่ได้อยากมาหรอกแต่แบคฮยอนพูดแบบนั้นเขาคงปฎิเสธไม่ได้ ยิ่งความรู้สึกผิดที่มีต่อแบคฮยอนมันตามติดตัวเขาอยู่ตลอด...ไม่ต่างจากเงาสีดำเลยสักนิด




           "มาแล้วเหรอครับ นั่งนี่สิพี่" มือเรียวตบที่ว่างข้างขวาของตัวเองให้ผู้มาเยือนใหม่ได้นั่ง ส่วนด้านซ้ายของแบคฮยอนก็ถูกจงอินจับจองไปเรียบร้อยแล้ว 



           คนมีศักดิ์เป็นน้องชายหันมายิ้มกว้างทำให้เซฮุนต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป เขาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่จงอินก้มหน้าก้มตาไม่มองเขาแบบนั้น รู้สึกแย่ที่สุดเลย


           "กินป็อปคอร์นมั้ยครับ? " ความเงียบกลืนกินบรรยากาศรอบตัวสุดท้ายแบคฮยอนจึงเป็นคนเริ่มบทสทนาขึ้น มือเรียวยื่นชามป็อปคอร์นให้คนเป็นพี่ก่อนอีกฝ่ายจะหยิบขึ้นเล็กน้อยเป็นมารยาท 


           เซฮุนพยายามจะจดจ่อสมาธิอยู่กับภาพในจอสี่เหลี่ยมแต่เขากับบังคับตัวเองไม่ได้เลยสักนิด เสียงหัวเราะสดใสของแบคฮยอนทำให้เขาต้องแอบเหลือบมองคู่รักอยู่บ่อยครั้ง แบคฮยอนตัวเล็กและยิ้มเก่งไม่แปลกที่จงอินจะหัวเราะตามอีกฝ่ายไปด้วย เซฮุนต่างหากที่แปลกแยกจากคนอื่น เขามาอยู่ตรงนี้ทำไม เขายังหาเหตุผลไม่ได้ด้วยซ้ำ น่าตลกที่เขาต้องมานั่งทนอึดอัดกับสิ่งที่ตัวเองพยายามหลีกหนี แต่มันก็สมควรกับคนที่ทำร้ายแบคฮยอนอย่างเขาอยู่แล้ว 




           หนังในจอดำเนินมาถึงตอนท้ายของเรื่อง บทพระเอกกับนางเอกต้องลาจากกันทำให้แบคฮยอนร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ได้ ไม่ต่างจากตัวเขาเลย... 


           แบคฮยอนเกลียดที่ทุกอย่างมันบังเอิญไปหมด บังเอิญเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น บังเอิญเห็นจงอินเข้าไปในห้องพี่เซฮุนแล้วกลับออกมาอีกทีเกือบเช้า แบคฮยอนกลัวจะเสียอีกคนไปเกินกว่าจะหาเรื่องทะเลาะ จงอินเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเขา คืนนั้นเขาไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้แล้วขอเลิก เขารอจนถึงตอนเช้าโทรไปบอกแม่ว่าวันนี้ติดงานของสำคัญเลยหลับไปเยี่ยมไม่ได้ เขารอให้จงอินตื่นขึ้นแล้วเดินมากอดเขาอย่างทุกวัน แต่จงอินไม่ได้ทำแบบนั้น มันทำให้เขารู้ว่าเขาควรจะทำอะไร ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากอยู่ด้วยเขาก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมารั้งเอาไว้ เขาเป็นคนบอกเลิกจงอินแล้วกลับมาหาอีกคนเพราะต้องการที่พึ่ง เขาต่างหากที่เห็นแก่ตัวมาตั้งแต่ต้นแล้ว 


           "ฮึก...อึก" ริมฝีปากบางคว่ำลงเพราะต้านความรู้สึกที่อัดกลั้นภายในเอาไว้ไม่ไหว เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพี่เซฮุนกำลังคิดอะไรกันอยู่ จงอินอยากจะให้เขาหายไปจากตรงนี้รึเปล่า ประโยคคำถามนับร้อยพันวิ่งไปทั่วหัวเขาจนแทบระเบิดแต่เขากลับหาคำตอบให้มันไม่ได้สักคำ 




           "ไหวมั้ย?" ฝ่ามือหนาเช็ดน้ำตาให้อีกคนเบาๆ ก่อนที่แบคฮยอนจะปาดน้ำตาออกลวกๆ แล้วก้มลงซุกหน้ากับไหลหนา เขาไม่มีแรงจะทรงตัวด้วยซ้ำในวินาทีนี้ มันกะทันหันและเจ็บที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้สึกมา ไม่ต่างอะไรกับการถูกรถชนกลางถนนเลยสักนิด



           เซฮุนมองฝ่ามือกร้านที่คอยลูบหัวปลอบแบคฮยอนอย่างต่อเนื่องก่อนจะหันหนีไปเช็ดน้ำตาที่หมดลงมาบนแก้มอย่างไม่บอกไม่กล่าว เขารู้สึกอึดอัดเหมือนถูกขังเอาไว้ในห้องที่ไม่มีแม้กระทั่งช่องระบายอากาศ แล้วกำแพงรอบตัวก็บีบเข้ามาหาเขามากขึ้น อึดอัดแทบตายอยู่แล้ว 


           "พี่กลับห้องก่อนนะ" เซฮุนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องในทันที มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองทันทีที่ปิดประตูห้องของจงอินลง ปล่อยหยาดน้ำตากับเสียงสะอื้นออกมาโดยไม่สนใจว่าจะมีใครเดินผ่านมาหรือเปล่า เขาเหนื่อยมากแล้ว ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว 




           "ฮึก...ฮืออ" น่าสมเพชที่สุด...โอเซฮุนมันน่าสมเพชที่สุด เขาไม่รู้ว่าใจจริงแล้วจงอินคิดอะไรกันแน่ มันไม่เคยมั่นคงต่อเขาเลยสักนิดขณะที่แบคฮยอนโทรครั้งเดียวจงอินก็จะไปอยู่ที่นั่น เขาควรเดินออกมาได้แล้ว...






           "จงอิน.." แบคฮยอนเช็ดครบน้ำตาที่เปรอะแก้มอยู่ออก ตั้งแต่พี่เซฮุนเดินออกไปเขาก็ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่าทั้งๆ ที่พระเอกกับนางไปมีชีวิตที่ดีกันแล้ว แต่แบคฮยอนน่ะหรอ...กำลังจะวิ่งหนีความกลัว เขาไม่รู้ว่าถ้าอยู่ต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จงอินยังจะดีกับเขาอยู่รึเปล่า หรือสักวันหนึ่งจงอินจะเป็นคนบอกเลิกเขาเอง มันสับสนไปหมดแต่สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ตอนนี้คือการได้ทำให้อีกฝ่ายสบายใจบ้าง เหมือนที่จงอินทำให้เขายิ้มมาตลอด 




           "หะ?" จงอินหันมามองคนตัวเล็กที่สูดน้ำมูกจนจมูกแดงก่อนจะขมวดคิ้วถาม 




           "จงอินชอบพี่เซฮุนหรอ?" 




           "แบค.." เสียงทุ้มสั่นคลอนจนแบคฮยอนจับได้ มือเรียวปิดปากตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาก่อนจะสูดหายใจเข้าเพื่อตั้งสติใหม่ 




           "ฮึก...ฉันไม่โกรธ ยังยิ้มอยู่เลยเห็นมั้ย" ใบหน้าขึ้นสีแดงซ่านคลี่ยิ้มกว้างทั้งหยาดน้ำตาที่เปรอะไปทั่ว 




           "ขอโทษ.." แขนยาวรั้งอีกคนเข้ามากอดก่อนแบคฮยอนจะปล่อยโฮออกมาเหมือนกระสอบทรายที่กั้นน้ำไม่อยู่แล้ว เขาอึดอัดแต่ตอนนี้มันโล่งลงไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว จงอินเลือกพี่เซฮุนจริงๆ ด้วย ขอบคุณพระเจ้าที่โชคยังเข้าข้างเขา แบคฮยอนนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะอย่างไรถ้าถูกจงอินบอกเลิก 




           "จงอิน ฮึก...เลิกกันนะ" เสียงหวานพูดอู้อี้อยู่กับแผ่นอกกว้างก่อนจะร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่ามือฝ่ามือหนาที่เขาชอบจับลูบปลอบเขา 




           "ขอโทษนะแบค ขอโทษ" 




           "อึก..ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ" เสียงหวานแสร้งสดใสก่อนจะห้มลงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แบคฮยอนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจาก มันโล่งจนรู้สึกโหวงไปหมด อยากจะรั้งจงอินเอาไว้ แต่เขารู้ว่ามันไม่ดีต่อใครสักคน เขาเห็นแก่ตัวมามากพอแล้ว สิ่งเดียวที่เชาควรตอนนี้คือทำให้จงอินได้ยิ้มบ้าง ยิ้มเหมือนที่เขาเป็นฝ่ายได้รับมาตลอด ให้เขาได้เป็นฝ่ายให้บ้าง 




           จุดจบของความรักไม่ใช่จุดที่หมึกปากกาหมด สำหรับเขามันคือหมึกปากกาที่แตกกระจายออก ให้น้ำหมึกพวกนั้นได้ออกไปเจออะไรใหม่ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นๆ ใหม่ ให้เราได้เรียนรู้ความรักครั้งใหม่อย่างที่ควรจะเป็น...











    1 อาทิตย์ต่อมา 



           มือเรียวแตะคีย์การ์ดที่ร่างสูงเป็นคนให้ไว้ตั้งแต่ต้นปีเพื่อที่เขาจะเข้าออกห้องได้สะดวก ก่อนที่มันจะลำบากขึ้นเพราะแบคฮยอนย้ายเข้ามาอยู่ และกำลังจะแย่ยิ่งกว่าเก่าเมื่อสถานะแบบนั้นจะจบลงแล้ว...หายไปพร้อมๆ กับจงอิน


           เขาเลือกเข้ามาช่วงเช้าเพราะรู้ว่าจงอินมีสอบย่อยสำคัญที่ขาดไม่ได้ เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเจอหน้าอีกคน ไม่แข็งแรงพอที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้รั้งจงอินเอาไว้อีกครั้ง เพราะงั้นเขาไม่ควรเจอกับผู้ชายคนนั้น...ไม่ควรแม้แต่วินาทีเดียว 


           ภายในห้องไม่ได้รกมากมีเพียงมุมหนังสือที่เจ้าของห้องใช้บ่อยแต่ไม่มีเวลาเก็บเหมือนทุกๆ ครั้งที่เขาเข้ามาในห้องนี้ ขายาวเดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือก่อนจะเริ่มหยิบภาพวาดที่ระเกะระกะอยู่บนพื้นขึ้นมาวางซ้อนกันให้เป็นระเบียบ 


           คิมจงอินเป็นผู้ชายที่ไร้ระเบียบที่สุดในโลกที่เซฮุนเคยเจอมา เท้าเหยียบห้องหัวก็ตกลงหมอน ไม่รู้ว่าไปทำงานหนักอะไรมาถึงได้บ้านอนมากขนาดนั้น ชอบวางหนังสือไว้ทั่วห้อง ปกติคนชอบอ่านหนังสือต้องถนอมแต่กับจงอินน่ะไม่ใช่ ขนาดหนังสือที่ยืมอาจารย์สุดโหดมายังเคยถูกวางทิ้งไว้ในห้องน้ำด้วยซ้ำ 


           มือเรียวก้มลงเก็บหนังสือการ์ตูนอันปังแมนขึ้นมาเรียงบนชั้นหนังสือพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง จงอินเคยพูดว่านี่เป็นการ์ตูนเรื่องเดียวที่เจ้าตัวอ่าน เขาไม่เข้าใจว่าการ์ตูนหัวกลมๆ นี่มันสนุกตรงไหนกระทั่งเจ้าของเล่มนอนอ่านให้เขาฟังเป็นของขวัญวันเกิดนั่นแหละ เขาถึงรู้ว่ามันสนุกมากขนาดไหน สนุกจนอยากจะนอนฟังเสียงทุ้มๆ อ่านข้อความอย่างเข้าถึงบทบาทราวกับพากย์หนังกลางแปลงนั่นอีกครั้ง 


           เขาเคยคิดว่าหน้าหนาวน่ะน่าเบื่อที่สุด มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแต่ควันสีขาวกับต้นไม้ที่มีเพียงกิ่งแห้งๆ แต่กลายเป็นเขากลับนับวันรอให้มันเวียนมาถึงเร็วๆ เพื่อที่จะได้นั่งหลับตาโง่ๆ อยู่ในอ้อมแขนหนาอีกครั้งและอีกครั้ง ได้ยินเสียงฮึมเพลงตลกๆ ข้างหู มือแมงมุมที่ชอบฉวยโอกาสและใบหน้าคมที่อมยิ้มกลั้นขำแล้วหัวเราะออกมาเหมือนเด็ก จงอินทำให้เขาเสพติดหน้าหนาวจนอย่างจะเร่งเวลาไปข้างหน้าแต่ตอนนี้เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปในหน้าหนาวของปีที่แล้วอีกครั้ง หน้าหนาวที่เขายังนอนพิงไหล่กว้างพร้อมกับรอยยิ้มได้อยู่


           "ฮึก..อึก" มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่หยดแหมะลงบนแก้ม ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสีขาวก่อนจะปล่อยน้ำตาลงมาเพราะต้านความอึดอัดเอาไว้ไม่ไหว ภาพในอดีตวิ่งเข้ามาในหัวเขาขณะที่เขาเองกำลังจะกลายเป็นคนในอดีต 




           "ฮือ..ฮึก" ฟันคบกัดริมฝีปากล่างห้ามเสียงจนบวมเป่ง ขยี้ปลายจมูกรั้นจนขึ้นสีแดงเห่อราวกับคนป่วย 

    แอบเข้ามาในห้องเขาแล้วยังจะมาร้องไห้ให้เปื้อนหมอนเขาอีก แย่จริงๆ นะโอเซฮุน 




           "กลับมาหาพี่ได้มั้ยจงอิน...ตอนนี้ได้มั้ย ฮึก.."






           ร่างบางขยับตัวเพราะความปวดจี๊ดที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้ข่มตาหลับต่อไม่ได้ เซฮุนลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าห้องทั้งห้องมืดสนิทสีเพียงแสงไฟจากโต๊ะอ่านหนังสือที่ส่องแยงตาเข้ามา นี่เขาเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเลยรึไง แล้วเจ้าของห้องจะไม่เข้ามาเห็นคนบุกรุกอย่างเขาแล้วเหรอ 


           "อือ.." เซฮุนเบิกตากว้างยิ่งกว่าเก่าเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังอยู่ชิดใบหู ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดรินอยู่หลังใบหูกับแขนหนาที่กระชับเอวบางเข้าหาตัวทำให้คนตื่นแล้วเกือบร้องอุทานออกมา นี่มันบ้ากันไปแล้ว...


           คิ้วสวยขมวดยุ่งอย่างคิดไม่ตก พยายามเรียบเรียงเรื่องในหัวแต่กลับไม่ได้ผลอะไรเลยสักนิด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจงอินถึงไม่ไล่เขาออกไปแทนที่จะมานอนแบบนี้ อีกอย่างคือเขามั่นใจว่าตัวเองต้องทนกับอ้อมกอดอุ่นนี่ได้ไม่นานแน่ๆ แค่นี่ใจเขาก็เต้นจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว 


           มือเรียวจับฝ่ามือหนาขึ้นก่อนจะขยับตัวให้เบาที่สุดเพื่อที่จะหลุดออกมาจากอ้อมแขนหนา ชะงักนิ่งไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับก่อนจะรอจังหวะแล้วพลิกตัวออกมาได้ 


           เซฮุนคิดว่านี่คือโชคดีที่สุดของวันเพราะไฟในห้องไม่ได้เปิดเอาไว้ เพราะถ้าเขาเห็นหน้าอีกคนเขาต้องร้องไห้อีกครั้งแน่ๆ เขาไม่เข้าใจทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันโรมรันเข้ามาราวกับเขาเป็นกำแพงอิฐ ทั้งๆ ที่เขาก็แค่เซฮุนเท่านั้น พระเจ้าเล่นตลกกับเขาจนเสียน้ำตาไปไม่รู้กี่ครั้ง รวมถึงคราวนี้...เขาร้องไห้ออกมาอีกแล้ว 



           "อึก.." มือเรียวยกขึ้นปิดปากตัวเองก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังมากกว่านี้ หมุนตัวหันหลังให้อีกคนเตรียมก้าวเท้าออกจากที่ๆ ไม่ควรอยู่ เซฮุนไม่ควรเข้ามาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ 




           "อย่าหนีผม" ท่อนแขนยาวรั้งเอวบางไว้ในจังหวะที่อีกคนจะก้าวเท้า ก้มลงทาบหน้าผากกับหัวของอีกคนอย่างอ้อยอิ่งและหมดเรี่ยวแรง 


           จงอินแทบบ้าตอนที่คลาดสายตาจากอีกคนไม่ถึงอึดใจแต่ร่างของพี่เซฮุนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกครั้งที่จงอินกดแตรรถเสียงดังเมื่อต้องออกมาสอบเมื่อช่วงเช้า เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์และเขายังแอบหวังเล็กๆ ว่าร่างบางจะมาที่นี่ โชคดีที่ความหวังของเขาเป็นจริง ตอนที่เห็นปลายจมูกรั้นขึ้นสีแดงราวกับเป็นหวัดหนักกับเปลือกตาบวมช้ำนั่นเขาอยากจะต่อยหน้าตัวเองให้สาสมกับสิ่งที่คนตัวเล็กต้องเจอ เขามันแย่...นั่นเป็นประโยคที่เขากร่นด่าตัวเองอย่างหัวเสีย 



           "ฮึก..พี่จะกลับห้อง" เสียงหวานพูดสั่นเครือไม่ต่างจากร่างกายที่อ่อนแออย่างไม่น่าให้อภัย ทำไมต้องมาอ่อนแอตอนนี้ด้วยล่ะ




           "นี่มันวันศุกร์นะครับ" จงอินพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแต่มันกลับปลุกให้เซฮุนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ทำไมจงอินถึงไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่เคยพยายามจะเข้าใจด้วยซ้ำ 




           "จะวันไหนพี่ก็ไม่อยู่ทั้งนั้นแหละ! นายมีแบคฮยอนแล้ว เลิกทำแบบนี้สักที! เลิกเถอะ..ฮึก..ล..เลิกสักที" กำปั้นเล็กทุบไหล่หนาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เมื่อน้ำตาไหลลงมาจนควบคุมไม่อยู่ เซฮุนร้องไห้จนผ่อนลมหายใจลำบากแต่ก็ยังหาวิธีหนีให้พ้นจากพันธนาการของคนใจร้ายให้ได้




           "ผมรักพี่" 




           "ฮึก.."




           "จงอินรักพี่เซฮุน" 




           "อึก..นายมันเอาแต่ใจ! แล้วแบคฮยอนล่ะ นายเอาไปไหวที่ไหน?! แล้วพี่นายเอาไปเก็บไว้ที่ไหน?!" เซฮุนตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมกับปล่อยหยาดน้ำตาลงมาเมื่อความอดทนสิ้นสุดลงแล้ว เขาทนต่อไปไม่ได้แล้ว




           "ผมเลิกกับแบคฮยอนแล้ว.." ประโยคถัดมาแช่แข็งเซฮุนเอาไว้ทั้งตัว ดวงตาเรียวที่คลอไปด้วยน้ำตาหยุดมองคนตรงหน้าราวกับถูกเสกมนตร์ใส่ มือเรียวที่คอยรัวทุบตีอีกคนก็หยุดลงจนรอบตัวมีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น 




           "ผมเลือกพี่...เลือกตั้งแต่ต้นแล้ว" 




           "ฮึก.."




           "ผมรัก-"




           "ไอบ้า!" เสียงหวานตะโกนว่าอีกคนจนเสียงแหบแห้ง มือเรียวคล้องรอบลำคอหนาก่อนจะเบียดกายเข้าหาอีกคนในเวลาไม่ถึงนาที เซฮุนซุกหน้าลงกับไหล่หนาปล่อยหยาดน้ำตาลงมาพร้อมกับบ่นเสียงอู้อี้ที่จงอินฟังไม่ออกแต่รู้ว่ามันต้องเป็นคำด่าเขาแน่ๆ




           "ตาบวมหมดแล้ว" เสียงทุ้มพูดพร้อมกับเกลี่ยนนิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนอย่างเอ็นดูขณะที่อีกคนก็ยังคงเบะปากร้องไห้อย่างเดิมไม่หยุด 




           "ไม่หยุดร้องแล้วผมจะทำยังไงดีเนี่ย?" จงอินขมวดคิ้วใส่คนตัวเล็กอย่างหาคำตอบก่อนจะจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาพร้อมกับประโยคที่ทำให้เซฮุนไปต่อไม่เป็น




           "ต้องจูบปลอบใจ.." 








    CUT

    on bio @pupjas








    2 อาทิตย์ต่อมา


           ช่วงเที่ยงทำให้นักศึกษาบนตึกบางตาลงกว่าปกติเพราะเป็นช่วงทานอาหาร แต่จงอินกับเซฮุนไม่ได้ลงไปที่โรงอาหารหรอก...


           "อ..อื้อ" เสียงหวานครางในลำคอเมื่อถูกต้อนจนจนมุม จิกเล็บลงกับลำคอแกร่งยามถูกสัมผัสเร่าร้อนจู่โจมจนหายใจลำบาก 




           "ชู่ว.." เซฮุนปิดปากอีกคนเอาไว้เมื่อได้ยินใครสักคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ดูเหมือนจะมีหลายคนด้วยสิ




           "มึงรู้เปล่าที่เขาบอกว่าพี่เซฮุนคบกับไอจงอินอ่ะ" เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างถึงอารมณ์ทำให้เซฮุนเกือบหลุดขำออกมา 




           "เป็นกูกูก็เอาวะ หุ่นแม่งอย่างx" 




           "แบคฮยอนก็กลับไปคบกับไอคริสแล้วนี่หว่า กูยังไม่ทันจีบเลย" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียดายสุดๆ ทำให้เซฮุนต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้เพื่อกลั้นขำ ให้ตายเถอะ ถ้าพวกผู้ชายข้างนั่นรู้ว่าเขากับจงอินอยู่ในนี้คงหน้าซีดเป็นไก่ต้มแน่ 




           "แดกข้าวเหอะมึงกูหิว" 




           "เออไปๆ" จนกระทั่งเสียงเท้าไกลออกไปทำให้เซฮุนกับจงอินเปิดปากแล้วขำออกมาอย่างเสียไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงได้รู้สึกตลกชะมัด 




           "นี่..." ใบหน้าคมมองคนตรงหน้าก่อนอีกฝ่ายจะพูดต่อ 




           "นายตลกมั้ย?" คิ้วสวยเลิกขึ้นถามพร้อมกับมือเรียวที่รั้งลำคอของอีกคนเข้ามาใกล้ๆ 




           "ตลกครับ"




           "อื้ออ" จงอินไม่รอให้เวลาถูกฆ่าไปอย่างเปล่าประโยชน์ ก้มลงชิมความหวานจากริมฝีปากนุ่มตรงหน้าในทันที ให้ตายเถอะ...เวลาแบบนี้พี่เซฮุนยังจะขำอีก จูบไม่ถนัดสักนิด!




    The rumors are terrible and cruel 

    But honey, most of them are true

    ข่าวลือน่ะทั้งแย่และโหดร้าย

    แต่ที่รัก, ส่วนมากมันก็เป็นเรื่องจริงนะ







    Talk: จบแล้วค่าาาาา ตอนนี้ 8000 คำ เรายังตกใจเลยค่ะ5555 ยังไงก็ฝากหลุมฟิคนี้ไว้ด้วยนะคะ ฝากคอมเม้นกับติดแท็ก #รมตkh กันด้วยน้า ถ้าใครอ่านฟิคเราแล้วชอบอยากได้ #ไคฮุนหลังเลนส์ เมนชั่นมาที่ @pupjas ได้เลยนะค้า เราแต่งตอบแทนให้เพราะหลุมนี่เป็นฟิคไคฮุนเรื่องแรกของเราค่ะ รายละเอียด #ไคฮุนหลังเลนส์ ดูได้ที่ตอน through the lens เลยนะค้า ขอบคุณที่อ่านฟิคเรานะค้า ขอบคุณมากๆๆๆจริงๆค่า <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×