ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WONKYU ft. KIHAE] DAMNCUPID . พรหมลิขิตพิสดาร

    ลำดับตอนที่ #20 : . ทูตสวรรค์จากพระเจ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 377
      4
      19 มี.ค. 56


    เรามีความจริงที่ไม่กล้าเปิดเผย
    ก็เลยต้องให้คนอื่นมาพูดแทน

     

                “ฮยองเป็นไรป่าวเนี่ย ?”

     

                “เออใช่ ทำไมดูลอยๆ...” คนโดนทักเบนหน้าไปมองเด็กแฝดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัวเอง คยูฮยอนเลิกคิ้วดำเข้มของตัวเองขึ้นเหมือนจะขอฟังคำถามใหม่อีกครั้งเพราะมัวแต่เหม่อคิดไปไกลซึ่งมันถือเป็นการเปิดช่องทางให้คู่แฝดแสนกะล่อนทั้งคู่ได้หยอกได้ล้อเขาไปอีกมุก

     

                “แหนะ... ยาดีหล่ะสิท่า”

     

                “ยาดีห่าอะไร -____” แม้ว่าจะทำใจไม่โกรธไอ้แฝดนรกหมกไหม้ทั้งสองตัวแล้วแต่เมื่อโดนพูดซ้ำย้ำทวนถึงเรื่องคืนนั้น (?) อีกครั้ง คยูฮยอนก็ไม่ได้เป็นพรหมถึงขั้นสร้างจิตเมตตาแล้วคิดว่าการโดนแทงตูดโดยดาราชื่อดังมันเป็นธรรมชาติของโลกได้หรอกนะ ทุกครั้งที่ถูกย้ำเรื่องนี้ โจวคยูฮยอนก็พร้อมจะกระตุกคิ้ว ปั้นหน้าขรึมขึ้นมาเตรียมโวยวายได้ทุกเมื่อนั่นแหละ

     

                “โหพี่อย่าหยาบคายสิครับ”

     

                “ผมเป็นห่วงนะเออ ถึงได้ถามเนี่ย ~

     

                “ห่วงตัวเองเถอะจะสอบผ่านไม่ผ่าน” ติวเตอร์ตัวขาวแยกเขี้ยวใส่เด็กที่ไม่เคยจะกลัวเขาเลยสักนิดก่อนจะก้มหน้าลงอ่านชีทในมือตัวเองอีกครั้ง เดี๋ยวนี้เด็กแฝดต้องมาเรียนที่บ้านของเขาแทนเพราะการสอนในร้านกาแฟตามห้างสรรพสินค้าเหมือนจะไม่ปลอดภัยสำหรับโจวคยูฮยอนอีกต่อไปแล้ว มันก็ดีอย่างเสียอย่างคือคยูฮยอนไม่ต้องลำบากเดินทางออกนอกบ้าน แต่ต้องทนฟังอีแฝดบ้าโวยวายได้อย่างอิสรเสรีเพราะมันเป็นบ้านของเขาเอง... ไม่ต้องเกรงใจใคร

     

                ทีนี้อีแฝดเลยแซะเขาได้สารพัดแบบไม่ต้องคิดให้หนักใจ

                อีห่า... ชีวิตคยูฮยอนนี่จะโดนแม่เลี้ยงและลูกกดขี่ตลอดไปใช่ไหม -___-

     

                “โห่พี่ อย่ามาทำแชเชือนบิดเบือนประเด็น” ไอ้โซรยองแฝดน้องหยอกเขาด้วยน้ำเสียงที่กวนนิ้วเท้าที่สุดในโลก แล้วมันยังมีหน้ามาหรี่ลูกตาใส่เขาทำเหมือนว่าตัวเองมีอำนาจมากมายนักแหละ เหอะ ! คยูฮยอนหล่ะอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ให้กับความแก่แดดของไอ้คู่แฝดนี่จริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาคือคยูฮยอนผู้มีเมตตานะ... ไม่อย่างนั้นหล่ะก็..........

     

                “เงียบไปเถอะหน่า”

     

                “โถ่พี่อย่าคิดว่าเราไม่รู้นะ เครียดเรื่องพี่ซีวอนก็พูดมา”

     

                “นี่ ๆ! เงียบปากไปเลย... เห็นมั๊ยว่าข้อนี้มันต้องแก้สมการข้างซ้ายก่อน” เอาปลายดินสอแจกมะเหงกให้กับเด็ก ๆ เสียคนละทีแล้วรีบหันเหประเด็นเข้าหาหนังสือทันที ก่อนที่ไอ้สองแฝดจะพาเขาเดินลงคูคลองไปมากกว่านี้ คยูฮยอนจิ้มตัวเลขแล้วเอ่ยคำอธิบายเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนเสียงอ้อล้อของไอ้คู่แฝดตรงหน้าแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่ เพราะยิ่งพยายามกลบเกลื่อนมากเท่าไหร่ สองแฝดก็มีแต่จะยิ่งได้เรื่องจับผิดพี่ชายคนสวยของตัวเองมากเท่านั้น

     

                “พี่ซีวอนอ่ะดิ ๆ”

     

                “พี่ซีวอนสุดหล่อ...”

     

                “หาค่า x ได้แล้ว !!!!!!

     

     

     

     

     


     

     

     

     

                “กลับดี ๆ หล่ะ... ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย !” คยูฮยอนสั่งกำชับเด็กทั้งสองที่ยืนสะพายกระเป๋า หอบหนังสือเล่มหนาอยู่หน้าบ้าน ถึงแม้ว่าไอ้แฝดนรกจะทำให้เขาเหนื่อยจนหัวบาน ทำอะไรต่อไม่ได้แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ถ่อสังขารออกมาส่งมันที่หน้าปากซอยด้วยความเป็นห่วงตามประสาพี่ชายผู้แสนดี เห็นไหมหล่ะว่าโจวคยูฮยอนหน่ะเป็นคนดีมากขนาดไหน...

     

                “โอเค ๆ ครับคุณแม่... แม่แท้ๆไม่เห็นจะห่วงเราอย่างนี้เลย”

     

                “ก็ฉันไม่ใช่คนแบบแม่แก.... ไป ๆ กลับไปได้แล้ว”

     

                “คร้าบบบบบบบ ~ อย่าลืมโทรหาพี่ซีวอนนะ มิสคอลเต็มโทรศัพท์แล้วหน่ะ”

     

                “ยุ่ง ! ไปเลยชิ้ว ๆ ~” เบิกลูกตาออกมากว้างเมื่อโดนแดรยองล้อเลียน คยูฮยอนกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นแล้วตะเบงเสียงดังแข่งอีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเอง โชคดีที่ฟ้ามันมืดแล้วแฝดโซแดเลยไม่ได้เห็นว่าแก้มของเขากำลังแดงปลั่งเพราะคำพูดจาอ้อล้อของมัน ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเลยหล่ะ

     

                “เข้าบ้านดี ๆ นะครับ”

     

                “พี่ซีวอนเป็นห่วง~

     

                “ฮึ่ยยยย ! ไปเลยไป ชิ้ววววววววว! ~” สุดท้ายเส้นความอดทนของพี่ชายคนดีก็ขาดผึ่ง เจ้าของร่างผอมกระหร่องในชุดลำลอง(ที่ใส่นอนได้เลย)กับแตะคีบเดินจ้ำเท้าส่งเสียงปึงปังไปทั้งซอยกลับบ้านของตัวเองไป ทิ้งให้ไอ้สองแฝดช่างแกล้งได้แต่อมยิ้มขำคิกคักกันสองคนในขณะเดินตรงออกไปยังป้ายรถเมล์เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองหายลับตาไปแล้ว

     

                “เออโซ... กูว่าเราควรไปเคลียร์กับพี่ซีวอนป่าววะ”

     

                “หือ...”

     

                “ก็เรื่องพี่คยูไง... เขาอาจจะกำลังผิดใจกันอยู่ก็ได้” แดรยองทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในร่มหลังคาบริเวณป้ายรถเมล์ร้างผู้คน แฝดน้องที่ทิ้งตัวลงด้านข้างตามลงมาพยักหน้าหงึกหงักพลางคิดตามคำพูดนั้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เขาสังเกตอยู่ว่าคยูฮยอนมีสายเข้าหลายสิบสายระหว่างที่กำลังสอน แต่พี่ชายตัวดีก็เลี่ยงที่จะรับมันแล้วจัดการเปิดโหมดเงียบแล้วโยนโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปบนโซฟาเพื่อไม่ให้มีเสียงดังรบกวนการเรียนการสอน

     

                แน่นอนว่าความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาชะโงกหน้าไปดูก็เลยรู้ว่ามันเป็นเบอร์ของพี่ซีวอน -..-

     

                “เออ นั่นดิ... แต่ซีวอนอะไรนั่นจะจริงจังเหรอวะ...”

     

                “เออหว่ะ เขาเป็นดารา ส่วนพี่เราเป็นแค่ผู้ชายติงต๊องที่เชื่อคนง่าย....”

     

                “เนอะ... เฮ้อ ~” พรูลมหายใจออกมาราวกับว่าหัวข้อสนทนาที่กำลังว่ากันอยู่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แฝดทั้งสองหันมาจ้องหน้ากันท่ามกลางความเงียบ ใช้แววตาสี่ข้างสองคู่ประสานถ่ายทอดความคิดกันไปมา สร้างพลังงานให้กับบรรยากาศเงียบสงบดูอึมครึมหนักขึ้นไปอีก

     

                ...

     

     

                ...

     

     

     

                ....

     

     

     

     

     

                ...

     

     

     

     

                “ไอ้เหี้ย แต่เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้หว่ะ !” แดรยองตบตักของตัวเองโพล่งขึ้นมาพร้อมขยับตัวขึ้นนั่งหลังตรง เข้าจ้องมองสายตาของแฝดน้องซึ่งเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ก็พี่คยูดูเหมือนจะตกหลุมรักคุณซีวอน...”

     

                “มันไม่ได้ดูเหมือน แต่กูว่าพี่เขาตกหลุมรักเลยแหละหว่ะ...”

     

                “เราก็ควรจะช่วยพี่เราป่าววะ ?”

     

                “...”

     

                “...”

     

                “...”

     

                “...”

     

                “ถึงเมื่อกี้เขาจะด่าแม่เราก็เถอะ...”

     

                “พูดเหมือนมึงไม่เคยด่าหน่ะ”

     

                “เออไง...”

     

                “...”

     

                “...”

     

     

                “...”

     

                “กูว่างานนี้เราต้องออกโรงแล้วหล่ะ”

     

                “เออ ! กูก็ว่างั้น... เราวางยาเขา เราก็ต้องเคลียร์เว้ย !!” แดรยองส่งสายตามุ่งมั่นไปทางน้องชายของตัวเองที่ก็สะท้อนแววตาแบบเดียวกันออกมา ทั้งสองคนประสานมือกันกลางอากาศเป็นสัญญาณของการร่วมมือกันอีกครั้งหลังจากที่ทำมันพังไม่เป็นท่าไปเมื่อครั้งก่อนด้วยความสะเพร่าเล็ก ๆ น้อย ๆ สองพี่น้องหรี่ดวงตามองกันและกันเพื่อย้ำคำสัญญาอีกครั้ง

     

                “โซ-แดสู้เว้ย !!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     















     

     

     

    “มึงพร้อมไหมแด...”

     

                “กูพร้อมเสมอ...”

     

                “มึงมั่นใจนะ”

     

                “กูยิ่งกว่ามั่น.... มึงหล่ะ”

     

                “ก็...ก็มั่น..... มั้ง” ส่งเสียงกระซิบกระซาบกันอยู่หน้าบานประตูห้องในคอนโดหรูใจกลางเมื่อ ทั้งสองคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปในคอเพื่อรวบรวมความกล้าในการเอื้อมมือไปกดกริ่ง แต่ยิ่งเข้าใกล้ปุ่มสีน้ำเงินเท่าไหร่ ปลายนิ้วก็พาลจะสั่นหงึก ๆ เข้าไปทุกทีจนต้องรั้งแขนตัวเองกลับมา

     

                “ฮึ่ยยยยยยยย... กูกลัวหว่ะ”

               

                “ไอ้เหี้ยแดอย่าป๊อดดิวะ...” คนที่ไม่ป๊อดแต่ชักมือกลับมาก่อนคนแรก (?) หันไปสบถใส่พี่ชายฝาแฝดของตัวเอง เด็กหนุ่มในชุดมัธยมปลายทั้งสองเหลือบมองหน้ากันอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดจนเกิดเสียงดังฟืดฟาด (ติดขี้มูในโพรงจมูก) ก่อนจะเอื้อมมือไปที่กริ่งอีกครั้ง

     

                “ฮึ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ~ กลับบ้านกันดีไหมวะ T__T

     

                “เฮ้ย อย่าบ้าดิวะ... มาถึงนี่ จะกลับไปหาเตี่ยหาม๊าอะไร”

     

                “ม๊ามึงก็ม๊ากูป่ะวะเชี่ยโซ...” แดรยองสบถออกมาพลางทำสีหน้าระอาเอือมใส่คนที่ด่ากราดแบบไม่คิดแล้วตบลงกลางกบาลของไอ้แฝดน้อง คนโดนตบลูบหัวตัวเองแบบเคือง ๆ ก่อนยื่นมือไปเอาคืนแฝดพี่ของตัวเองบ้าง

     

                “เชี่ยโซ... กูพี่มึงนะ”

     

                “นาทีสองนาทีมึงอย่ามาถือ”

     

                “นาทีนึงก็ออกมาดูโลกก่อนมึงป่าววะ”

     

                “อย่ามาทำกร่าง เรามันต่างกันไม่เท่าไหร่”

     

                ~ ผลั่ก !...........        กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!

     

                เพราะแรงผลักของแฝดน้องทำให้แฝดพี่กระเด็นไปโดนกริ่งพอดี แผ่นหลังกว้างขนานราบนาบลงไปกับปุ่มสีฟ้าที่หน้าห้อง เกิดเป็นเสียงสัญญาณคำรามดังยาวเหยียดให้ได้ยินออกมาถึงด้านนอก แดรยองที่รู้สึกตัวได้ว่าเสียงนั้นดังยาวไปแล้วรีบดีดตัวออกมายืนอยู่ข้างเจ้าของแรงผลักแล้วกลืนก้อนน้ำหลายหนืดที่มันดีดขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอลงไป ฝ่ามือทั้งสองข้างประสานกันโดยอัตโนมัติเมื่อนึกว่าอีกสักพักเจ้าของห้องคงจะเดินมาเปิดประตูเป็นแน่

     

                เสียงกุกกัก ๆ ทำให้ทั้งคู่พากันยืนตัวเกร็งอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างปลอบประโลมหัวใจที่กำลังเต้นแร็พแรง ๆ จนคล้ายจะกระเด็นหลุดออกมาจากอก ต่างคนต่างกลืนน้ำลายที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเยอะแยะลงคออย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น....

     

                “เชี่ยแล้วไงโซ...”

     

                “เอาเว้ย เราก่อเรื่องเราก็ต้องจบเรื่อง นี่แหละถูกแล้ว.... อย่าป๊อดเว้ยยยยย !

     

                “เออ.... ห้ามป๊อดเว้ย !” กระซิบงึมงำกันอยู่สองคนจนกระทั่งประตูเปิดออกเผยให้เห็นเสี่ยวใบหน้าของผู้ชายที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ชเวซีวอนเหมือนจะเพิ่งตื่นนอน สังเกตได้จากผมชี้ฟูกับดวงตาที่ยังลืมไม่เต็มดวง เด็กแฝดทั้งสองคนคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ อ้าปากทำท่าจะอธิบายการมาของตนแต่ก็โดนสายตานิ่งงันของซีวอนปรายมองเข้าเสียก่อน

     

                “เอ่อ....”

     

                “คือ....”

     

                “...มาหาใคร ?” น้ำเสียงพร่าของคนเพิ่งตื่นเอ่ยถามคนหน้าคล้ายกันสองคนที่ยืนตัวเกร็งอยู่หน้าห้อง ซีวอนมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังตัวก่อนจะเพ่งสายตาของตัวเองกลับมาที่เด็กทั้งสองอีกครั้งเพื่อรีดเอาคำตอบของคำถามเมื่อครู่

     

                “มา...มาหาคุณซีวอนครับ”

     

                “อาฮะ... มีธุระอะไร ?”

     

                “คือ...”

     

                “...คือ พวกเรา...”

     

                “พวกเราเป็นน้องของพี่คยูฮยอนครับ” เสียงที่ประสานพูดขึ้นมาพร้อมกันทำให้ชเวซีวอนหรี่ตาลงมองเด็กแฝดตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาเพ่งสายตาไปบังชื่อที่ปักอยู่ตรงสูทนักเรียนตัวนอกของเด็กทั้งสองและนามสกุลโจวก็ทำให้ใบหน้าเรียวได้รูปขยับขึ้นลงเป็นอันรับรู้แม้จะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ก็ตามที ดวงตาคมเข้มหรี่มองใบหน้าซื่อ ๆ ซีด ๆตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจเปิดบานประตูออกกว้างแล้วเชิญทั้งสองคนเข้ามานั่งข้างใน อย่างน้อยถ้าไอ้เด็กสองคนนี้เล่นตุกติกอะไรเขาก็น่าจะพอรับมือได้แหละนะ

     

                “ถ้าตุกติก...ฉันเอาพวกนายถึงตายนะ” คำขู่นั้นทำให้แฝดโซแดหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มซีอิ้ว ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบเดินตามแผ่นหลังกว้างขวางเข้าไปด้านในห้องโดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย

     

                การได้เข้ามาในห้องพักของดาราใหญ่ทำให้ทั้งสองพี่น้องฝาแฝดเริ่มเกร็งขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะวางตัวอย่างไรต่อหน้าคนที่สอยพรมจารีของพี่ชายตัวเองไป แถมชเวซีวอนยังเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์ที่พวกเขาเห็นเป็นประจำในจอแก้วและบิลบอร์ด พอมาเจอตัวจริงแล้วแม่งหล่อหนักเข้าไปอีก.... ไม่ประหลาดใจเลยถ้าพี่คยูฮยอนจะตกหลุมรักหน่ะ

     

                “นั่งก่อนสิ” เดินมาจนถึงโซฟาก็ได้รับคำเชิญกับการผายมืออย่างผู้ดี (วิถีที่พวกเขาไม่ค่อยคุ้นชิน) ให้นั่งลงไปบนโซฟา ทั้งสองแฝดซึ่งอยู่ในท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเชื่องชา สายตาก็จับจ้องไปทางชเวซีวอนไม่ยอมวาง

     

                “...”

     

                “... มีอะไรว่ามา” เมื่อถูกเสียงเข้มซักถาม ความกล้าหาญที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หดสั้นลงไปยิ่งกว่านิ้วของอาจารย์เยซอง เด็กนักเรียนทั้งสองกลืนน้ำลายลงคอ หันหน้ามาส่งสายตาถกเถียงกันว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดออกไปก่อนกัน

     

                มึงสิ...

     

     

                มึงก่อนเลย..

     

     

                มึงดิวะ มึงเริ่ม !

     

     

                มึงต่างหาก มึง มึง !!

     

     

                มึงก่อนเลย...

     

     

                ไอ้ห่า... มึงเลย

     

     

                “ถ้าจะมาจ้องหน้ากัน เชิญที่อื่นก็ได้นะ” ชเวซีวอนมองสงครามสายตากลางอากาศของเด็กตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจทำตัวเป็นผู้ยุติสงครามนั้นเสีย ยิ่งต้องมานั่งดูไอ้เด็กแฝดที่อ้างตัวเป็นน้องชายของโจวคยูฮยอนนานเท่าไหร่ เวลาที่เขาจะเอาไปสวีทกับพี่ชายของมันทั้งสองก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น ! ดังนั้นเขาไม่ควรเสียเวลาอันมีคุณค่าอย่างหาที่เสมอเหมือนมิได้นี้ไปโดยเปล่าประโยชน์

     

                “ครับ ! คือพวกเรา... พวกเราอยากสารภาพบาปครับ !

     

                “ไปโบสถ์สิอย่างนั้น... ฉันไม่ใช่บาทหลวง” ชเวซีวอนขยับเปลี่ยนท่านั่งของตัวเองให้มาเป็นการนั่งไขว่ห้าง ปลายคางแหลมวางลงบนฝ่ามือที่ท้าวอยู่กับที่วางแขนของโซฟา ใช้ดวงตาคมคู่ดุทอดมองเด็กทั้งสองที่นั่งปากสั่นมือไหวอยู่ตรงหน้าเพื่อบีบคั้นให้รีบเข้าประเด็นเสียที

     

                “ไม่ใช่ครับ... คือว่าเรา...เราสองคน เป็นคนใส่ยานั่นลงไปในข้าวกล่องเองครับ” แฝดคนที่ผมสีน้ำตาลรีบพูดต่อขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นตระหนกซึ่งคล้ายกับคยูฮยอนเวลาตกใจไม่มีผิด แต่นั่นก็ไม่น่าสนใจฟังเท่าเนื้อความทีเด็กนั่นพูดออกมาหรอก คำว่า เป็นคนใส่ยาลงไปในข้าวกล่อง ทำให้ซีวอนต้องหรี่ดวงตาของตัวเองเล็กลงเพื่อมองเด็กตรงหน้า

     

                “หมายความว่า ?...”

     

                “ครับ พวกเราเป็นคนทำเอง ไม่ใช่พี่คยูฮยอน...” เด็กที่หัวออกไปทางโทนสีส้มกล่าวสมทบขึ้นมาเพื่อยืนยันในสิ่งที่แฝดของมันพูด... อ่าว ถ้าอย่างนี้ซีวอนก็กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้มีพระคุณที่ทำให้เขาได้แต๊บตูดโจวคยูฮยอนคนงามสินะ -,,-

     

                “อาฮะ...” อย่างไรก็ตาม แม้จะอยากเข้าไปเชคแฮนด์และแสดงความขอบคุณมากแค่ไหน แต่ซีวอนเห็นว่าการนั่งปั้นหน้าโหดแล้วฟังเรื่องจากปากของเด็กแฝดตรงหน้าน่าจะเวิร์คกว่า

     

                เพราะเขาอาจได้รู้อะไรเพิ่มก็ได้ -..-

     

                “พวกเราไม่อยากให้คุณซีวอนเข้าใจพี่คยูฮยอนผิดไปนะครับ”

     

                “อื้ม...”

     

                “ที่พี่คยูฮยอนทำไม พี่เขามีเหตุผลนะครับ” บอกแล้วว่าการฟังไอ้เด็กสองคนนี้ไปสักพักมันจะต้องมีอะไรดี ๆ ให้เขาตงิดหูบ้างแหละ ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มยังคงตีสีหน้านิ่งโดยใช้วิชาการละครที่เล่าเรียนมาทั้งหมดกดอารมณ์ของตัวเองลงไป ทำเหมือนกับว่าเขากำลังเข้าใจผิดคยูฮยอนอยู่ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมระหว่างชเวซีวอนกับโจวคยูฮยอนทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบรื่นดี มีแต่คนข้างนอกเท่านั้นแหละที่วิ่งเต้นไปมา ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปเรื่อย

     

                “ทำไมหล่ะ ?”

     

                “เพราะคุณมุนจองฮยอกครับ !” ไอ้เด็กหัวน้ำตาลโพล่งชื่อที่เขาไม่อยากจะได้ยินมากที่สุดออกมา ซึ่งมันก็ทำให้คิ้วของเขากระตุกได้อย่างไม่ยาก ไอ้หมีมุนจองฮยอกนี่เที่ยวหลอกเที่ยวหลอนชาวบ้านเขาไปทั่วเลยสินะให้ตาย...

     

                “มุนจองฮอยอกงั้นเหรอ ? ทำไม ?”

     

                “คุณจองฮยอกบอกว่าถ้าพี่คยูจบสัญญาได้ภายในหนึ่งอาทิตย์เขาจะให้เงินเพิ่มเป็นสองเท่าครับ !

     

                “แล้วพอพี่คยูเล่าให้เราสองคนฟัง เราก็เลยยุพี่คยูให้ใช้ยาสมุนไพรครับ !

     

                “...” เขาเงียบและไม่แสดงท่าทีอะไรออกไปเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กแฝดสองคนนั้นบอกเล่ามา หากภายในอกกว้างเสียงหัวใจกลับเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะเพราะความโกรธ... มุนจองฮยอกแม่งเป็นเปรียบได้ดั่งหมีที่ชอบเอาไม้ไปแหย่รังผึ้งของคนอื่นชัด ๆ ! แม่งเสือกเรื่องของเขาไม่เลิกแถมยังมีหน้ามาพยายามกีดกันความรักของเขากับน้องคยูฮยอนอีก... หนอยยยยยยยยยยยยยยย ~ แล้วมาด่าเขาปาว ๆ ว่าเลี้ยงไม่เชื่อง

     

                เหอะ ! ใครเลี้ยงใครอย่าให้พูด

                ถ้าไม่มีชเวซีวอน บริษัทมันจะดังได้ขนาดนี้หรือไงวะ !!

     

                “ที่จริงเรื่องมันมีแค่นี้เองครับ มันเป็นความผิดของพวกเรากับคุณจองฮยอก พี่คยูไม่ผิดอะไรเลย...”

     

                “อย่าโกรธพี่คยูเลยนะครับ... พี่คยูฮยอนเป็นห่วงคุณซีวอนมากจริง ๆ” เด็กทั้งสองนั่งตัวเกร็งมองหน้าพี่ชายที่อยู่ดี ๆ ก็เงียบไป แววตาของซีวอนกำลังวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงแค้นร้อนระอุที่ขนาดพวกเขานั่งห่างออกมายังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว...

     

                โอ้ยตาย นี่จะโดนฆ่าหมกห้องดาราดังไหมวะเนี่ย !

                T______________T

     

                “อื้ม... ฉันไม่โกรธพี่ชายพวกนายหรอก”

     

                “...”

     

                “...เราสองคนโอเคมาก มีแต่ไอ้ห่าจองฮยอกนั่นแหละที่ไม่โอเค” ซีวอนพรูลมหายใจร้อนระอุของตัวเองออกมาแล้เอนแผ่นหลังลงไปอิงกับพนักพิง เขาเบือนใบหน้านิ่งเฉยของตัวเองไปมองเด็กแฝดที่ยังคงนั่งตัวเกร็งอยู่อย่างเดิมก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อยเพราะท่าทางตื่นตระหนกนั่นแสดงออกมาชัดเจนมากกว่าเมื่อตอนที่ก้าวมาในห้องเสียอีก

     

                “ O__O

     

                “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก... ฮยองไม่ได้จะฆ่าจะแกงพวกนายเสียหน่อย”

     

                “...”

     

                “ดีเหมือนกันที่พวกนายบอกเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฮยองก็คงสงสัยอยู่นาน...”

     

                “พวกเราเชียร์ฮยองนะครับ !

     

                “ใช่ครับ ผมอยากให้ฮยองได้กับพี่ชายผม *___*

     

                “อืม... ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกน่าคบหน่อย ~ หึหึ” ซีวอนยิ้มกว้างออกมาและไม่คิดจะปิดความความรู้สึกอะไรของตัวเองอีก ผิดกับเด็กสองคนที่มองเขาด้วยแววตางงงวยเป็นไก่ตาแตก มีเครื่องหมายเควชั่นมาร์คลอยเคว้งอยู่เหนือหัวมากมายเหมือนรอให้เขาอธิบาความให้กระจ่าง

     

                “งั้น...”

     

                “ฮยองก็เล็งพี่เราอยู่นั่นแหละ... คนอะไรไม่รู้ น่ารักเป็นบ้า” นี่พูดแล้วยังเขินเลย.... บ่องตง -/////-

     

                “โป๊ะเช๊ะครับ !!” ไอ้เด็กแฝดดีดนิ้วดังเป๊าะพร้อมกันแล้วฉีกยิ้มกว้างราวกับประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิต

     

                “หืม...”

     

                “พวกเราได้ยินมาว่า คุณจองฮุนจะจัดงานแถลงข่าว...”

     

                “และเราก็อยากให้พี่ชายของเราสมหวังครับ”

     

                “อาฮะ ?” ผมมองเด็กตรงหน้าที่ทำการต่อบทได้อย่างลื่นไหลราวกับเป็นนักพูดมืออาชีพ เด็กสองคนนั่นขยับตัวเข้ามาใกล้กัน ทอดสายตามุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังมาทางผม

     

                “พวกเราเลยคิดว่า...จะให้คุณซีวอนขอพี่คยูเป็นแฟนในงานแถลง...”

     

                “...ห้ะ ?”

     

                “คุณซีวอนว่าดีไหมครับ ?!

     

                “...”

     

                “...”

     

                “...”

     

                “แม่งเยี่ยมที่สุดเลยต่างหาก !!” ร่างสูงปรี่เข้าไปนั่งแทรกกลางระหว่างแฝดทั้งสองที่เขาคิดว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีไอเดียดีชิพหาย แขนทั้งสองข้างโอบผู้มีพระคุณของตัวเองเอาไว้ทั้งข้างซ้ายข้างขวาแล้วทั้งสามคนก็หันมามองหน้าส่งยิ้มที่มีความหมายให้กันอย่างมีเลศนัย...

     

                อย่างน้อยพระเจ้าก็ส่งทูตสวรรค์มาช่วยชเวซีวอนหล่ะว้า ~

     

    DAMN CUPID

    ฉันรักอีแฝดสองคนนี้จังเลย 555555555555555

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×