คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : . ความลับไม่มีในโลก
ความลับไม่มีบนโลกหรอก
สักวันจะมีคนได้รู้มันนอกจากคุณ
“นี่ทงเฮ นายกับพี่คิบอมหน่ะเรื่องจริงเหรอ ?”
“นายเป็นแฟนกับคิบอมเหรอวะ ?”
“พี่ทงเฮมัดใจพี่คิบอมได้ยังไงฮะ...”
“นี่ไอ้คิบอมมันเป็นเกย์จริงดิ ?”
“โอ่ย... หยุดถามก่อนเถอะครับ เพื่อนผมจะตายแล้ว” สุดท้ายก็ต้องเป็นโจวคยูฮยอนที่ยกหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มหนาของตัวเองขึ้นมาเป็นเชิงปรามคำถามมากมายที่ถูกยิงใส่เพื่อนเขาซึ่งตอนนี้แบกกีต้าร์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก มันจะไปดีได้ยังไงหล่ะ ก็ตั้งแต่ทงเฮกับเขาเดินเข้ามาก็ถูกผู้หญิง ผู้ชาย ตุ้ดเอย ทอมเอย ล้อมหน้ารุมหลังแล้วยิงคำถามรัวใส่แบบไม่ยั้ง... นี่ถ้าเป็นกระสุนกูสองคนคงพรุนไม่เหลือดีไปนานแล้วหล่ะครับ -_______-
“นี่คิบอมกับนายเป็นแฟนกันจริงเหรอ ?”
“วันนั้นนายเข้าไปในห้องน้ำได้ไงหน่ะ”
“งี้ทงเฮก็ชอบผู้ชายหรอกเหรอเนี่ย”
“คิบอมจะแถลงข่าวเมื่อไหร่อ่ะ”
“โถ่เว้ยยย ! หยุดถามก่อนได้ไหม ! จะรีบไปเรียน เค๊ ?” เสียงหวานที่เริ่มจะถูกดัดให้ทุ้มต่ำและแข็งกร้าวตามความโมโหของคยูฮยอนสามารถหยุดทุกคำถามได้ ทุกสายตาเบนมองมาทางร่างผอมบางที่ถือตำราเศรษฐศาสตร์เล่มหนาขึ้นเหนือศีรษะเหมือนจะฟาดเปรี้ยงลงมาจนพวกเขาต้องพากันหดคอแล้วถอยห่างออกไปคนละก้าว...
แล้วจากนั้น.....
“นี่ทงเฮนายเป็นแฟนคิบอมจริงเหรอ?”
“ตอบหน่อยสิทงเฮ เรื่องจริงหรือเปล่า...”
“พี่ทงเฮ มันเรื่อจริงเหรอที่พี่คิบอมของหนู... TOT”
“นี่ทงเฮเหรอ ? คนสูงหรือคนเตี้ย ?”
อีม้ามชะมด ! มึงเข้าใจคำว่าหยุดถามกันไหมครับ
-_____________-
“เฮ้ย.. ผมกับทงเฮมีเรียน หยุดถามได้แล้ว”
“พอแล้วไม่ต้องถามแล้วครับ... ผมคบกับคุณคิบอมมาสักพักแล้ว ขอทางผมไปเรียนได้ไหมครับ....”
“....” ทันทีที่เจ้าของกีต้าร์โปร่งเปิดปากตอบคำถามออกมา เสียงจอกแจกจอแจทั้งหลายก็เงียบกริบลงไปในพริบตา ลีทงเฮกวาดสายตานิ่งสนิทของตัวเองออกไปรอบกายเพื่อวิงวอนขอเส้นทางในการเดินให้ตัวเองพร้อมกับขมวดเรียวคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันเพิ่มความน่าเกรงขรามยิ่งขึ้น
“O[]O!!” <<< ในขณะที่ลีทงเฮดูสงบได้อย่างหน้าประหลาด ใบหน้าของโจวคยูฮยอนก็เริ่มเข้าใกล้ฮาคูน่ามาทาท่าเข้าไปทุกที (ตัวเหี้ยไรวะ ?)
“....” มือชื้นเหงื่อของทงเฮจับข้อมือของเพื่อนตัวสูงกว่าซึ่งตอนนี้อ้าปากกว้างเหมือนหม้อก๋วยเตี๋ยวเพราะช็อคกับการตอบคำถามของเขาเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึง ลาก ถู ดัน โจวคยูฮยอนออกมาตามทางที่กลุ่มฝูงชนรอบตัวแหวกให้ เพื่อตรงไปยังตึกเรียนของตัวเองที่อยู่ด้านหน้า
“ช่วยเลิกทำหน้าเหมือนปลากระโห้ที...”
“...ย... เหยด... นี่เมื่อกี้มึงพูดจริง ?”
“บ้าสิ ! แต่กูตกลงกับคิบอมไว้แล้วว่าจะตอบแบบนี้ถ้ามีคนถาม....”
“มึงบ้าเร๊อะ !” คยูฮยอนปรับโวลุ่มเสียงตัวเองให้สูงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะเอื้อมแขนทั้งสองข้างไปจับบ่าของเพื่อนสนิทที่ยืนหน้าเหงาอยู่ตรงหน้า “มึงพูดอย่างนั้นเท่ากับมึงต้องคบแล้วนะ....”
“บ้า... ก็แค่แก้ข่าว....”
“นี่มึงโง่หรือบ้าวะเนี่ย มึงพูดแบบนี้ก็เท่ากับมึงยอมรับนะเว้ย ?!”
“เออหน่า... คิบอมบอกให้พูดงี้อ่ะ” ลีทงเฮที่เริ่มจะคิดตามโจวคยูฮยอนได้ทันชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่คยูฮยอนพูดมันมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก แล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ.... ไม่นะ นี่เขาต้องลองเทิร์มรีเลชั่นชิพกับคิบอมสินะ โอหม่ายก่อดดดดดดดดดดดดดดดดดด T[]T
“เออ... ยังไงก็ระวัง ๆ ไว้แล้วกัน เกิดโดนแฟนคลับพี่คิบอมแอนตี้ขึ้นมามึงอาจจะโดนวางยาแบบยุนโฮดงบังก็ได้นะเว้ย...”
“ปากมึงนี่แช่งกูตลอดเลยนะ” -_____-
“กูแค่เตือน... เออ เย็นนี้กลับเองได้ใช่ป่ะ กูต้องไปสอนพิเศษน้องอ่ะ”
“ได้”
“มีไรโทรหากูเลยนะ” คยูฮยอนสั่งกำชับทงเฮด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจริงจัง แล้วเมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายพยักรับรู้แล้วเขาจึงค่อย ๆ เดินเยื้องออกไปยังอาคารเรียนของตัวเองซึ่งอยู่ถัดไปหลายโยชน์.... ตอนนั้นเองแหละที่คิดได้ว้าเขาไม่น่าเป็นห่วงลีทงเฮมากเกินไปจริง ๆ เลย เรื่องที่มันหลอกเขาไปขายตูดให้ซีวอน นั่นก็ยังไม่ได้ชำระ ! (แล้วก็ชำระไม่ได้ด้วยเพราะมันต้องเป็นความลับ จะได้แก้แค้นอีกทีก็คงตอนที่เสียซิงไปแล้วสินะ*ปาดน้ำตา*)
“ถ้ามันเป็นอย่างที่คยูฮยอนบอกหล่ะวะ....” คล้อยหลังเพื่อนสนิทไปแล้ว ทงเฮก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าตรงเข้าไปยังอาคารอย่างเชื่องช้าโดยไม่ได้สนใจเลยว่าคลาสเรียนกำลังจะเริ่มในอีกสองถึงสามนาทีข้างหน้า ในสมองของเขาเต็มไปด้วยหน้าของคิบอม คำพูดวันนั้น และหน้าของคยูฮยอนกับคำพูดเมื่อกี้นี้....
‘ถ้าเราต้องทำยังไงกันดีอ่ะคิบอม...’
‘อ่า....’
‘…’
‘เราบอกคนอื่นไปก่อนว่าเป็นแฟนกัน... แล้วเดี๋ยวค่อยเลิกกันก็ได้’
‘ห๊า ?!’
‘มันเป็นวิธีเดียวนะทงเฮ...ถือว่าช่วยหน่อยแล้วกันนะ’
‘ก็ถ้ามันช่วยให้เรื่องดีขึ้น ก็โอเคแหละ....’
นี่เขาคงไม่ตัดสินใจพลาดหรอกนะที่รับปากไปแบบนี้หน่ะ... ไม่สิ ลีทงเฮ ต้องเชื่อใจคิมคิบอมไว้ หมอนั่นคงไม่ขุดหลุมฝังตัวเองแล้วพาเราพลอกซวยไปด้วยหรอกมั้ง อย่างน้อยคิมคิบอมก็เป็นคนประเภทไม่ชอบทำให้ใครเดือดร้อนอยู่แล้วนี่นา
“เอาวะ ลองกับแม่งสักตั้งดู....” ฝ่าเท้าของทงเฮหยุดลงที่หน้าห้องเรียนของตัวเอง พลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเห็นอนาคตของตัวเองรำไร เพื่อนในห้องคงจะพากันสาดคำถามใส่เขาไม่ยั้งนั่นแหละ แต่ในเมื่อดวงมันซวยแล้วลีทงเฮคงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเองไปก่อน (และขอบอกไว้อย่างว่าเขางอนพระเจ้ามากจริงๆ)
~ แอดดดดดดด....
“ขออนุญาตครับอาจารย์...” เค้าค้อมตัวลงเป็นเชิงขอโทษขอโพยเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าคลาสช้ากว่าที่ควรร่วมสิบนาที เพื่อนจำนวนหนึ่งหันมามองหน้าเขากันเป็นตาเดียวด้วยแววตาที่เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นและมันก็ดูน่ากลัวมากสำหรับเขาจนต้องกลืนน้ำลายที่มันตีขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอลงไป ข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้
“นั่นลีทงเฮสินะ...”
“ครับ... อาจารย์”
“คุณมาสาย....”
“คือ....”
“อันที่จริงคุณไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าห้อง” เสียงเข้มของอาจารย์วัยอาจุมม่าทำให้ลีทงเฮต้องก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“ผมขอโทษจริงๆครับ... พอดีมีปัญหานิดหน่อย”
“ครูเข้าใจ.... เพราะฉะนั้น เชิญนั่ง แล้วพรุ่งนี้เอาลายเซ็นคิมคิบอมมาส่งครูเป็นการลงโทษ โอเคนะ”
เอ่อ.... บางทีที่มันเป็นอยู่นี่.... ก็อาจจะดีเหมือนกันนะ
=________________=
“ดิฟคือดึงกำลังลงมาคูณกับเลขข้างหน้าแล้วลดกำลังเดิมลงไป 1.... สองเอ็กซ์กำลังสี่ดิฟแล้วได้ ?”
“แปดเอ็กซ์กำลังสาม”
“เอ้อออ.... เข้าใจแล้วใช่ไหม ?” ดวงตากลมมองเด็กแฝดสองคนในชุดนักเรียนที่นั่งตาตู่อยู่ตรงข้ามตัวเองพร้อมกับดินสอกดในมือที่พยักหน้าหงึกหงักให้กับเขา สภาพทั้งสองแฝดช่างดูไม่จืดเอาเสียเลย เหมือนกับว่าพวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากการรบราฆ่าฟันในสงครามกันมา ผิดแต่ว่ามันคือสงครามตัวเลขหน่ะ
“โอ่ยยยยยย... กระดาษไม่เหลือที่ให้เขียนคำตอบแล้วเนี่ย”
“ก็โยงออกมาเขียนข้าง ๆ ก็ได้ เอาให้พอรู้ว่าอันไหนวิธีทำอันไหนคำตอบ” ความจริงแล้วสภาพของอาจารย์ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกศิษย์เท่าไหร่หรอก เสื้อเชิ้ตสีดำตัวเรียบถูกปลกระดุมคอลงมาสองเม็ดเพื่อให้เจ้าตัวหายใจได้สะดวกคอมากยิ่งขึ้นหลักจากที่ต้องอธิบายเนื้อหาแคลคูลัสให้เด็กสองคนเข้าใจอย่างกระจ่าง... แม่งเหมือนวาแผนรบเลยเถอะ
“โอ่.......”
“ข้างหลังมีแบบฝึกหัดอีก ลองทำดู ทำหมดหน้าก็กลับบ้านได้แล้ว นี่มันจะสองทุ่มแล้ว...” แขนเรียวเอื้อมไปเก็บหนังสือที่กางอล่างฉ่างอยู่ตรงหน้ากลับมาให้เข้าที่เรียบร้อยก่อนจะเอนหลังของตัวเองลงพิงกับพนักโซฟาตัวนุ่มแล้วพักผ่อนด้วยการหลับตาลง... อันที่จริงมันเป็นไปเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของลูกศิษย์จอมซนของตัวเองด้วยแหละ
บรรยากาศเงียบลงไปได้สักพักและทิ้งไว้แต่เสียงลากดินสอไปมาบนกระดาษของนักเรียนที่กำลังตั้งใจทำแบบฝึกหัดให้เขาฟังพร้อมกับที่นิ้วเรียวกำลังสไลด์ไปบนหน้าจอสัมผัส เพื่อเปิดดูข้อความจากใครบางคนที่ส่งมาอย่างพร่ำเพื่อ... มันไม่มีคำไหนเหมาะที่สุดแล้วเมื่อเห็นข้อความสามสี่ฉบับจากชเวซีวอนหน่ะ
“ส่งอะไรของเขามากมายนะ....” เสียงหวานบนพึมพัมเมื่อได้อ่านตัวอักษรในกล่องข้อความจากคนดังที่สงสัยว่าคงจะว่างงานขนาดหนักถึงได้มีเวลามานั่งพิมพ์ข้อความยาวเหยียดที่แทบจะเอาไปเขียนหนังสือได้มาให้เขา แถมยังเป็นข้อความที่ดูไม่มีแก่นสารอะไรเอาเสียเลย
‘อัดรายการเหนื่อยมากเลยครับคยูฮยอน คิดถึง(คนทำ)คิมบับด้วย อยากกินอีกจัง เสาร์นี้ทำให้ผมกินอีกนะ ^^’
‘ทำห้องรกอีกแล้ว เสาร์นี้รบกวนคยูฮยอนด้วยนะครับ .___.’
‘อย่าลืมกินข้าวนะ อย่าลืมคิดถึงชเวซีวอนด้วยนะครับ’
นี่ถ้าเขาเป็นคนคิดมากอีกสักนิดเขาจะคิดว่าชเวซีวอนกำลังตามจีบเขาอยู่นะเนี่ย ! แต่ก็นั่นแหละ เพราะเขาเป็นแค่โจวคยูฮยอนคนธรรมดาไงหล่ะ เขาถึงไม่กล้าคิดมากกับข้อความพวกนั้นหรอก ชเวซีวอนบริหารสเน่ห์เก่งยิ่งกว่าจัดตารางงานเสียอีก ดีไม่ดีหมอนั่นก็แค่อยากจะซั่มเขาเร็ว ๆ ก็เท่านั้น และนี่ก็คงเป็นแค่ของชำร่วยสำหรับคนที่อุตส่าห์บากหน้ามาประเคนตูดใส่พานให้กับตัวเองสินะ.... เขาฟันธงเลยว่าคนทุกคนที่ผ่านสนามเตียงหน่ะ ต้องเคยได้รับแมสเสจถนอมน้ำใจอย่างนี้จากชเวซีวอนอยู่แล้วแหละหน่า
โอ่ย... คิดแล้วหน่วงอกยังไงไม่รู้ ;_____;
“พี่ คะ ยู ฮา ยอน อา !!”
“ห๊ะ !! จะเรียกเสียงดังทำไมเล่า !” ร่างบางสะดุ้งวืดขึ้นมาจากพนักพิงของเบาะเมื่อเสียงดัง ๆ ของแดรยองและโซรยองช่วยกันประสานก้องเข้ามาในโสตประสาท เรียกชื่อของเขาเสียดังก้องจนพระเจ้ายังต้องอุดหู คนในร้านทุกคนต่างเพ่งสายตามาทางเขาราวกับเขาเป็นโดเรม่อนก็ไม่ปาน
“ผมเรียกพี่จนเสียงจะแหบแล้ว พี่มัวแต่ทำหน้ายิ้มหน้าบึ้งอะไรของพี่ไม่รู้ต่างหาก”
“เหม่อ ๆ แบบนี้มีอะไรในใจใช่ไหมหล่ะ ~” เขาไม่ทันสังเกตหรอกว่าประโยคแรกกับประโยคสองนั้นเป็นคำพูดของแฝดคนไหนกันแน่แต่โลกก็พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าเด็กแฝดสองคนนี้เข้าขากับได้ดียิ่งกว่าผีเน่ากับโลงผุเสียอีก
รุ่นพี่ตัวผอมที่โดนใครบางคนเข้ามาทำให้ห้วงความคิดระแคะระคายปัดความสงสัยของน้องชายแพกเกจคู่ด้วยการคว้าชีทในมือของทั้งสองคนมาตรวจโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ... ดวงตากลมโตทิ้งความสนใจของตัวเองลงไปบนตัวเลขตวัด ๆ จากไส้ดินสอเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลก ๆ ของตนเองซึ่งพร้อมจะแสดงออกไปให้เด็กแฝดจับผิดได้เสมอ
แรงสะกิดเบา ๆ ที่หัวไหล่ทำให้เขาหันใบหน้าของตัวเองกลับหลังไปในทันที มันคงเป็นโชคไม่ดีของคิมจองฮุนกระมังที่ชักมือกลับไม่ทันจึงโดนปลายคางมนกระแทกเข้าที่ข้อมือพอดี...
“เฮ้ย...”
“อุ่ยคุณพระ ! จองฮุนฮยองเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?!” คยูฮยอนปล่อยดินสอกับแผ่นกระดาษในมือของตัวเองลงบนโต๊ะทันทีแล้วจึงยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใช้สองมือของตัวเองประคองฝ่ามือของอีกคนพร้อมกับถูเบา ๆ ไปมาเหมือนว่าความเจ็บเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เศษฝุ่นที่พอโดนปัดออกไปก็จะหายโดยหารู้ไม่เลยว่าการกระทำแบบนั้นหน่ะมันทำให้คิมจองฮุนกลายเป็นคนใบ้ภายในสามวิ
“...”
“โอ่.. ผมขอโทษนะครับจองฮุนฮยอง”
“...” ร่างโปร่งได้สติตอนที่คยูฮยอนบังคับฝ่ามือของเขาให้ยกขึ้นมาแล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วเกลี่ยเบา ๆ ตรงบริเวณที่โดนกระแทกซึ่งแน่นอนว่ามันปรากฏรอยแดงจ้ำใหญ่ (อันที่จริงเพราะคยูฮยอนเอาแต่ถูไปมาจนรอยแดงเถือกนั่นขยายใหญ่ขึ้นมาโดยปริยาย) ดวงตากลม ๆ นั้นหลุบลงเหมือนเด็กน้อยที่สำนึกผิดจนคิมจองฮุนอยากจะคว้าคนที่ทำตัวน่ารักได้ทุกอิริยาบถเข้ามากอดเสียหนึ่งที ถ้าไม่ติดว่าภาพพจน์ของเขามันไม่ใช่... เท่านั้นเอง -____-
“นั่งก่อนดีกว่าครับ...”
“อืม ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มต่ำของคนพูดน้อยทำให้คยูฮยอนใจชื้นขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยตัวเองก็ไม่ได้ทำให้คิมจองฮุนโกรธเคืองอะไรมากมาย เขาผายมือไปยังที่นั่งว่างข้างเด็กแฝดทั้งสองเพื่อเชื้อเชิญให้อีกคนนั่งลงก่อนแต่จองฮุนก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนเพื่อปฎิเสธคำเชิญนั่นอยู่ดี
“แหะ ๆ ขอโทษด้วยนะครับ... คุณจองฮุนมาทำอะไรเหรอครับ ?”
“แวะมาซื้อของให้เจ้าซีวอนหน่ะ... นายหล่ะ ?” เขาชูถุงของขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู ซึ่งเมื่อคยูฮยอนมองตามก็พบว่ามันล้วนเป็นวัตถุดิบสำหรับทำคิมบับโดยทั้งสิ้น.... นี่ชเวซีวอนเอาจริงเหรอเนี่ย -///-
“สอนน้องหน่ะครับ น้องจะสอบแล้ว” ร่างบางพยักเพยิดหน้าไปทางโซรยองและแดรยองที่ตอนนี้นั่งนิ่งเหลือตัวลีบเท่าตะเกียบเพราะกลัวแขกของพี่ชายที่หน้านิ่งได้เสียยิ่งกว่ารูปปั้นปูนเปียเสียอีก
“อืม ใกล้เสร็จหรือยังหล่ะ นี่มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง”
“โอ้ว.. ผมไม่รบกวนฮยองดีกว่าครับ บ้านน้องผมอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างนี่เอง เดินข้ามสะพานแล้วเข้าซอยไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว” คำพูดกำกวมของผู้ชายร่างใหญ่ทำให้เขาคิดไม่ออกว่าควรจะปฏิเสธหรือตอบตกลงดี จึงได้เอาน้องของตัวเองมาอ้างไว้เสียก่อน (ด้วยความหวังที่ว่าไอ้เด็กทะเล้นสองคนนั่นจะไม่โพล่งอะไรขึ้นมาแล้วทำให้เรื่องพังหน่ะนะ)
“แต่ห้องพักนายอยู่ไกล...”
“อ่า... ถ้าอย่างนั้น...”
“ใกล้เสร็จแล้วหล่ะครับคุณอา พี่คยูตรวจอีกสองสามข้อก็จะเสร็จแล้วครับ” แดรยองเปล่งเสียงออกมาด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่มันกลับทำให้เขาเผลอขยับริมฝีปากสบถออกมาแบบไม่เปล่งเสียงแล้วหันกลับไปถลึงตาใส่น้องชายที่เริ่มจะหวังดีไม่เข้าท่า.... อีห่าแดรยองงงงงงงง ! มึงไม่ถงไม่ถามความเห็นกูสักคำเลยนะครับ !
“อืม ถ้าอย่างนั้นฉันรอนายดีกว่า...”
“เอ่อ...... กะ..ก็ได้ครับ” คำปฎิเสธของโจวคยูฮยอนถูกกลืนลงคอไปโดยอัตโนมัติเมื่อจองฮุนหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา เรียบร้อยแล้ว ร่างบางกลอกตาไปมาสองสามครั้งแล้วรีบหยิบแผ่นกระดาษที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบมันในขณะที่คิมจองฮุนก็เอนตัวลงกับพนักพิงแล้วปิดตาลงด้วยท่าทีอันแสนผ่อนคลาย
“มึงว่ามันมีอะไรแปลก ๆ ป่าววะแด....”
“มึงคิดเหมือนกูใช่ไหมหล่ะ” เสียงกระซิบของเด็กแฝดแผ่วเบาจนไม่มีใครได้ยิน ดวงตาสี่ข้างสองคู่ต่างจับจ้องภาพบรรยากาศอึดอัดเบื้องหน้าด้วยความฉงนสนเท่ห์ อันที่จริงทั้งคู่สะดุ้งตั้งแต่ตอนที่คิมจองฮุนเผลอเอ่ยชื่อซีวอนออกมาแล้วหล่ะ แล้วถ้ามันจะใช่ชเวซีวอนที่เป็นดาราดังคนนั้นหล่ะก็.....
.
พี่ชายของเขาต้องไม่ธรรมดาเสียแล้ว !
หลังจากวนรถไปส่งสองแฝดที่หน้าปากซอยเรียบร้อยแล้วบรรยากาศอึมครึมในห้องโดยสารก็เหมือนจะหนักแน่นกว่าเดิมเพราะคยูฮยอนเองก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งมองถนนโดยไม่คิดจะเปิดบทสนทนากับคนข้าง ๆ เขาเลยสักคำ ให้ตายสิ... การที่คิมจองฮุนเป็นคนพูดน้อยแบบนี้หน่ะมันทำให้เขาอึดอัดชะมัด
ความจริงแล้วเขาคิดว่าตัวเองจะไม่เกร็งขนาดนี้ถ้าวันนั้นคิมจองฮุนไม่ทำตัวประหลาดด้วยการมายืนซ้อนหลังเขาเสียใกล้แบบนั้น ต่อให้พยายามไม่คิดมากแต่แววตาที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในนั้น (ที่ถ้าเขารู้สักนิดว่ามันคืออะไรก็จะไม่ทำให้ต้องมานั่งเครียดอยู่แบบนี้) แต่เมื่อนึกถึงสายตาประหลาดคู่นั้นมันก็ทำให้เขาขนลุกขนพองไม่หาย มันเหมือนสายตาเวลาที่ชเวซีวอนต้องการจะลวนลามเขามากทีเดียว
แต่โจวคยูฮยอนไม่คิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นหรอกนะ ใครจะไปกล้าคิดกันว่าตัวเองมีสเน่ห์ร้ายแรงขนาดนั้นกันหล่ะ ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาหน้าตาดีสักคน.... อ่อ ก็ยกเว้นชเวซีวอนที่บอกว่าไม่จืดชืด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าตาดีสักหน่อย
“วันเสาร์นี้อย่าลืมมาทำงาน”
“ค ครับ...” มันดูเหมือนคำสั่งมากกว่าการเปิดบทสนทนา ก็คิมจองฮุนทำได้ดีสุดแค่นี้นั่นแหละในการชวนใครสักคนคุยหน่ะ ! เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าจะสงวนปากสงวนคอเอาไว้ทำอะไร แต่ถ้าต้องเริ่มพูดก่อนด้วยการเริ่มต้นอย่างสบาย ๆ มันก็เหมือนไม่ใช่คิมจองฮุนอยู่ดี
บรรยากาศถูกทำให้เงียบไปตลอดทางจนกระทั่งถึงหน้าหอพักของคยูฮยอน ร่างบางปลดเข็มขัดที่คาดรั้งตัวเองอยู่ก่อนจะเอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋าและของติดไม้ติดมืออีกเล็กน้อยมาถือไว้ก่อนจะหันไปขอบคุณสารถีที่อุตส่าห์ถ่อมาส่งเขาถึงหน้าหอ
“ขอบคุณมากนะครับฮยอง...”
“อืม” แม้ว่าการขานรับจะค่อนข้างสั้น แต่มันก็ยังพอโอเคที่มีรอยยิ้มของจองฮุนคลี่ออกมาให้คยูฮยอนได้ใจชื้นบาง ร่างบางก้าวขาลงจากรถอย่างระมัดระวังแต่ก่อนที่เขาจะได้ยืนเต็มความสูง แขนของสารถีก็เอื้อมมาคว้าที่ข้อมือของเขาไว้เสียก่อนจนต้องหยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมา
“ม มี มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“...” คนที่คว้าแขนเล็ก ๆ เอาไว้ได้เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวของคยูฮยอนแล้วจ้องค้างอยู่อย่างนั้นจนร่างบางก็เผลอทอดสายตาจ้องกลับมา แต่มันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น แม้แต่ลมหายใจจองฮุนยังสกัดมันเอาไว้ไม่ให้พรูออกมาจากปลาสยจมูกของเขาด้วยซ้ำ... สมองกลม ๆ ของเขาทำงานอย่างหนักเมื่อตัวเองพยายามจะกลั่นกรองคำพูดบางอย่างออกมาแต่สุดท้ายมันก็ถูกผลักลงคอไปเมื่อเขาพบว่าในลูกตาคู่กลมนั้นมันค่อนข้างตระหนกไม่ใช่น้อย
“...”
“เดินดี ๆ หล่ะ...” จองฮุนปล่อยฝ่ามือร้อนของตัวเองออก ให้อิสระกับเจ้าของท่อนแขนที่เหมือนจะขาดสติไปชั่วขณะหนึ่ง คยูฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าเรียวแขนของเขาเป็นอิสระก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักด้วยความไม่เข้าใจ
“ครับ...เอ่อ ฮยองก็...ขับรถดีดีนะครับ” ดวงตาเรียวทอดมองแผ่นหลังของใครอีกคนที่เดินห่างออกไป ครั้นเมื่อร่างนั้นลับสายตาแล้วจองฮุนก็ยกมือขึ้นบีบขมับตัวเองเพื่อคลายความคิดที่วิ่งริ้วอยู่ในสมองของเขาพลางสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเหมือนกลัวตัวเองจะได้ยินมัน
“บ้าไปแล้วจองฮุน... แกจะบอกรักเด็กนั่นได้ยังไงวะ.....”
DAMN CUPID
ตอนนี้ค่อนข้างว่างเปล่า แต่ก็เป็นจุดเชื่อมหนึ่งที่สำคัญ -..-
ซุปตาร์ของเราออกมาแค่ว๊าบเดียวในแมสเสจ =____=
ส่วนลีทงเฮก็เหมือนจะโดนหลอก ถือเป็นผลกรรมที่ทำไว้กับคยูหรือเปล่า ฮ่า ๆ
เฮ้อ... เมื่อไหร่พี่วอนจะได้ขี่น้องคยูนะ (?)
อ้าว.... มึงคนแต่งนะขนมจีน !! 55555555555555555
ความคิดเห็น