คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Brace up
โลกของผมกว้างพอแค่บรรจุคุณ
จงอินมีความฝันอย่างหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการทำให้มันสำเร็จ เขาอยากมีแกลอรี่ของตัวเอง ไว้เก็บผลงาน ทำงาน และไว้ติดต่อลูกค้าซึ่งมักจะถามถึงผลงานชิ้นก่อนๆจนลำบากให้ต้องไปรื้อหาในห้องเก็บของ (ที่ตอนนี้รกน้อยลงเพราะฝีมือของโอเซฮุน) ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างมากในการครอบครองที่ดินติดถนนซึ่งประกาศขายมานานแรมปีแห่งนี้ แต่เจ้าของกลับไม่ยอมขายเสียทีเพราะเกรงว่าคนที่มาซื้อจะเอามันไปพัฒนาเป็นโรงงาน
เขาได้ไปดูมาแล้วสองครั้ง มันเป็นที่ดินสองแปลงติด แยกขาย เขาอยากได้แปลงแรกซึ่งเป็นที่ติดถนน ตรงนั้นมีบ้านไม้หลังเล็กชนิดเคลื่อนย้ายได้ตั้งอยู่ ถ้าหากซื้อได้เขาตั้งใจจะเปลี่ยนมันให้เป็นหอสูงทรงแคบคล้ายประภาคาร ทำบันไดวนไต่ขึ้นไปเรื่อยๆแล้วแขวนงานของตัวเองไว้ตามผนัง เพื่อให้ลูกค้าเดินดูอย่างสะดวก กระนั้นมันก็ยังเป็นแค่ความฝันเพราะตอนนี้ปาเข้าไปสามเดือนแล้ว ยังไม่มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาเลย
กระทั่งวันนี้... พระเจ้าคงเห็นใจเขา
“จริงเหรอครับ?! ครับ...โอ่ ขอบคุณมากเลยครับ ได้เลยครับไม่มีปัญหา พรุ่งนี้สิบโมงนะครับ...ครับ...ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ"
“ดีใจอะไรเหรอครับคุณจงอิน?”
“มีคนขายที่ให้หน่ะ"
“ขายที่เหรอครับ?”
“ใช่ ฉันติดต่อเอาไว้นานแล้ว เขาเพิ่งโทรกลับมา ราคาไม่ได้สูงมากด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแวะเข้าไปดูหล่ะ" จงอินวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วละตัวเองออกมาจากภาพวาดสีน้ำมัน เขาหมุนเก้าอี้หันไปหาเซฮุนที่เดินเข้ามาพร้อมของว่างบ่ายกลิ่นหอมทางด้านหลัง "อะไรนั่น...หอมจัง"
“คุ้กกี้ธัญพืชของคุณน้าอินนาครับ ฝากมาให้กับชาเขียวร้อน" จานของว่างกับน้ำชาร้อนวางลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กแล้วลองหยิบขนมอบกลิ่นหอมที่เพิ่งออกมาจากเตาได้หมาดๆ คุณอินนาคะยั้นคะยอให้เขาเอาขึ้นมาให้ได้ บอกว่าจงอินชอบกินคุกกี้ที่ยังร้อนอยู่ เห็นทีจะจริงอย่างนั้นเพราะตอนนี้ร่างสูงกำลังใช้กระดาษไขหยิบมันขึ้นมากัดชิม
“พรุ่งนี้ไปด้วยกันไหมเซฮุน"
“ครับ?”
“ไปทำสัญญา แล้วก็ดูที่ด้วยกันไง"
“ก็ได้นะครับ" เซฮุนพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะสาวเท้าเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงที่เนื้อตัวเปรอะไปด้วยสีน้ำมัน รอยยิ้มบางโผล่ขึ้นมาตรงมุมปากเมื่อเห็นว่ามีเศษคุกกี้ชิ้นเล็กติดอยู่ที่คางของคุณศิลปินวัยสามสิบสอง อันเป็นวัยที่ไม่ควรจะกินอะไรหกเลอะเทอะอีกแล้ว นิ้วเรียวค่อยๆวางลงไปบนผิวเนื้อสีแทนแล้วเกลี่ยมันออกอย่างเบามือ "เด็กชายคิมจงอินดีใจมากจกินขนมเลอะเทอะเลยเหรอครับ ฮะๆ"
“ฮ่าๆ" มือหนาทาบลงไปบนหลังมือซึ่งเคลื่อนมาประคองใต้สันกรามของเขา เซฮุนก้มหน้าลงยิ้มตาหยี ขณะเอาข้างนิ้วโป้งเกลี่ยตรงมุมปากของเขา แสงแดดสีส้มจากบานหน้าต่างที่ลอดเข้ามาสะท้อนเข้ากับเส้นผมสีบลอนด์ทอง จงอินคิดว่าเซฮุนอาจจะมีมนตราอะไรสักอย่างที่ทำให้เมื่อใครก็ตามจับจ้องรอยยิ้มนั้นเป็นอันต้องมนต์
ฝ่ามือที่ไล้เคลียอยู่กับข้างแก้มทำให้เขาไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อจากนั้น
ไม่รู้แม้กระทั่งยามที่สะโพกกลมหย่อนลงบนหน้าตัก เขาถูกฉุดขึ้นจากเวทย์มนต์ด้วยสัมผัสนุ่มข้างริมฝีปากและเมื่อเหลือบตาขึ้นมอง ก็เป็นใบหน้าแสนหวานของโอเซฮุนผู้งดงามประดุจมวลเทพของพระเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม สันจมูกนั้นยังคงคลอเคลียไปมาไม่ห่างเหมือนกับที่ลูกแมวมักทำเมื่อมันเรียกร้องก้อนไหมพรมอันใหม่จากเจ้าของ...
บางทีจงอินอาจไม่ได้ตื่นจากมนต์ใด...
เขาแค่กำลังโดนผลักให้ดำดิ่งลงไปในมนตราที่รุนแรงยิ่งกว่าเท่านั้นเอง
- - -
“ผมเพิ่งเคยเห็นคนกำลังจะเสียเงินก้อนใหญ่มีความสุขขนาดนี้...”
“ฮ่าๆ... นั่นสิ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะมีความสุขขนาดนี้" จงอินหยุดมือที่ปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังเปล่าไว้กับเอวสอบ เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำหนักบนหน้าตักกว้างที่กดก้มใบหน้าลงมาจ้องตากันทั้งลมหายใจหอบ ปรางแก้มนวลขึ้นเป็นริ้วสีแดงบ่งบอกให้รู้ว่าเลือดสูบฉีดไปถึงตรงนั้น ซึ่งนั่นหน่ะน่ารักเหลือเกิน
น่ารักจนคิมจงอินอยากจะทำให้มันเป็นแบบนั้นตลอดเวลา
เรียวขาเปลือยที่พาดอยู่กับเอวของเขาขยับขึ้นตั้งชันเพื่อยกสะโพกออกจากหน้าตัก เบื้องล่างของเราซึ่งเชื่อมประสานกันเอาไว้หลุดออกอย่างเชื่องช้าตามความต้องการ เซฮุนเอนตัวเองลงกับผืนเตียงเหมือนกับที่เขาทิ้งแผ่นหลังลงไป... ใบหน้าของเราตะแคงเข้ามาหากันอีกครั้งและหยุดจ้องมองกัน
“คุณยิ้มแล้วหล่อนะ"
“ฮะๆ...”
“...ดูสิ...แก้มแดง"
“อ่า...นั่นเพราะนายทั้งนั้น" มือแกร่งสอดเข้าไปใต้ลำคอขาวแล้วโน้มเข้ามากระทั่งหน้าผากแนบชิดกัน เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเซฮุนชัดเจน น้ำเสียงนั้นสุกใสเหมือนกับเสียงของเด็กตัวเล็กๆที่ได้วิ่งเล่นสนุกสนานจนหนำใจ ซึ่งจงอินอดคิดไม่ได้จริงๆว่าเซฮุนกำลังมีความสุขอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ฝ่ามืออุ่นไล้ลงไปลูบที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนอีกคน แนบริมฝีปากจูบเปลือกตาบางให้ปิดลงเพื่อต้อนรับนิทราในคืนนี้ซึ่งจงอินคิดว่ามันคงหอมหวานมากทีเดียว
กระนั้นฝ่ามือหนากลับหยุดชะงัก เขาสัมผัสได้ถึงรอยย่นบนแผ่นหลังบางที่แสนขรุขรุ และทันทีที่ปลายนิ้วลากเกลี่ยไปเหนือผิวเนื้อบริเวณนั้น โอเซฮุนก็กระตุกตัวเบิกตาโพล่งขึ้นมาทันที
“...” จงอินไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรออกไปในเวลานั้น ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยแววตระหนกแต่มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเพราะหลังจากนั้นเซฮุนก็ค่อยๆหลับตาลงแล้วเบียดตัวซุกเข้ามากับอ้อมอกของเขาคล้ายต้องการให้เรื่องราวเมื่อครู่กลายเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
“แผลเป็นหน่ะครับ...”
“ยังเจ็บอยู่เหรอ?” ปลายนิ้วเปลี่ยนไปเกลี่ยบริเวณรอบข้างอย่างระมัดระวังแทน นึกกร่นด่าตัวเองในใจที่ไม่เคยได้สังเกตเรือนร่างขาวบางให้ถี่ถ้วนเสียก่อน... เขาไม่เคยรู้เลยว่าเซฮุนมีแผลเป็นอยู่ที่สีข้างด้านซ้าย
“ผมแค่ตกใจ"
“...”
“ตอนนั้นโดนแทงหน่ะครับ เวลาโดนบนแผลก็เลยรู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนแทงอีกรอบ" จงอินเคลื่อนใบหน้าออกมาจับจ้องไปยังดวงตาคู่สวย เขาไล้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยทั่วใบหน้าหวานพลางตั้งคำถามว่ายังมีสิ่งโหดร้ายอะไรบนโลกนี้อีกไหมที่โอเซฮุนต้องเจอ ยังมีอีกมากมายแค่ไหนที่โอเซฮุนต้องแบกรับมันเอาไว้
แล้วคนธรรมดาอย่างเขา หากต้องการเป็นอัศวินจะมีสิทธิ์หรือเปล่า
คิมจงอินจะปกป้องโอเซฮุนได้ยังไงบ้าง จะปกป้องเทวดาองค์น้อยองค์นี้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง
“คุณจงอินอย่าเบ้หน้าสิครับ มันไม่เป็นไรแล้ว"
“...นายเจ็บมาก...ใช่ไหม?” ร่างสูงเคลื่อนตัวต่ำลงมา ปลายจมูกมู่ทู่ของจงอินกดลงกับผิวเนื้อขาวแล้วค่อยๆแตะแนบริมฝีปากทาบทับลงไปบนรอยแผลที่เขาเพิ่งได้สังเกตว่ามันเป็นเส้นยาวประมาณสองข้อนิ้วได้ แขนทั้งสองข้างโอบตระกองไว้กับเรือนกายอรชรแทนการปลอบโยนทั้งหมดที่ไม่อาจกลั่นเป็นคำพูดคำจาอะไรได้
“ผมเคยเจ็บมากครับ... แต่พอเจอคุณผมก็ไม่เจ็บแล้วหล่ะ"
“...”
“พ่อเคยบอกผมว่าเด็กดีจะมีเทวดาประจำตัว" เซฮุนก้มหน้าลงมองคนที่ยังคงแนบริมฝีปากอยู่เหนือรอยแผลของเขา มือเรียวสอดเข้าไปใต้แนวกรามที่ขึ้นนูนเป็นรอยเด่นชัด เน้นย้ำว่าโครงหน้าของคิมจงอินนั้นคมสันมากขนาดไหน เขาประคองใบหน้าได้รูปนั้นขึ้นมาด้วยอุ้งมือเล็กๆของตัวเองก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้บนโหนกแก้มนูนสวย
“อืม"
“บอกผมหน่อยสิครับ...จงอิน" ใบหน้าเรียวโน้มต่ำลงมา ไม่ได้แนบชิดเพราะโอเซฮุนต้องการเห็นดวงตาของคิมจงอินที่อบอุ่นได้เหมือนกองไฟในฤดูหนาวให้ชัดเจนที่สุด "ผมเป็นเด็กดีพอจะมีคุณเป็นเทวดาของผมไหมครับ...”
“...ฉันต่างหากที่ต้องถาม... ฉันดีพอจะเป็นเทวดาของนายหรือเปล่า” ร่างหนารู้สึกเหมือนดวงตาของตัวเองพร่ามัวไปชั่วขณะเมื่อเจอคำถามอันแสนน่ารักของเซฮุนที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานเล็กๆบนริมฝีปากสีกระจับ มันเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นหมีเฒ่าโง่งมที่ยืนมองน้ำผึ้งไหลลงมาจากรวง ซึ่งมันทำให้จงอินไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าตัวเองเหมาะกับตำแหน่งที่คนในอ้อมแขนหยิบยื่นให้หรือเปล่า
“อย่าถามเหมือนคนแก่คิดมากสิครับคุณจงอิน...ถ้ายังมีคนที่ดีกว่าคุณเขาก็คงหล่นลงมาจากฟ้าแล้วหล่ะ" เซฮุนยิ้มขำให้กับเจ้าของใบหน้าในอุ้งมือของตนเอง ริมฝีปากบางกดแนบลงไปที่ข้างมุมปากหนาเบาๆแล้วผละออกมากดจมูกไปบนข้างแก้มของเจ้าหมีคิดมาก
“ฉันกลัวจะเป็นคนที่ทำให้นายเสียใจ"
“คุณไม่ทำหรอก... เชื่อสิ" มันเป็นคำตอบที่แสนรั้นแต่จงอินกลับยิ้มออกมาได้
“ทำไมถึงวางใจฉันได้ขนาดนั้น"
“...อืม...อาจจะเป็นเพราะคุณเหมือนหมีงุ่นง่านหล่ะมั้ง...อ๊า! คุณจงอิน!!” เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อถูกกัดขบลงบนผิวเนื้ออย่างไม่ทันตั้งแต่ เขาส่งสายตาค้อนเคืองลงไปมองคนที่ฝากรอยฟันสีแดงเอาไว้บนหน้าท้องของตัวเองแต่ก็ได้รับเพียงแค่รอยยิ้มกับคำอธิบายที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด
“อะไรกัน... หมีงุ่นง่านแค่ตะครุบเหยื่อเองนะ"
“ฮื่อออ... จั๊กจี๋นะครับ...คุณ!...จงอิน!” เซฮุนดิ้นขลุกขลักไปมา พยายามเบี่ยงหลบฟันคมที่จงใจฝังบนผิวเนื้อแต่อ้อมแขนแกร่งก็กักเอาไว้ไม่ให้สามารถขยับไปไหนได้ไกล
ซึ่งเขาก็ชอบแบบนั้นถึงได้หัวเราะร่าออกมาทั้งที่มือทั้งสองเกาะบ่ากว้างเอาไว้แน่น
มันอาจฟังดูงี่เง่าแต่เขาชอบความรู้สึกที่ตัวเองไม่สามรถหนีห่างออกไปจากจงอินได้ไกลนัก ชอบที่ตัวเองกลิ้งขลุกขลักไม่เป็นท่าภายใต้อ้อมแขนแกร่งของหมีงุ่นง่านซึ่งลงโทษได้อย่างมากก็แค่ขบกัดแบบไม่จริงจังแล้วสักพักก็จะเปลี่ยนมากอดมาหอมอย่างอ่อนละมุน หรือจะด้วยอีกกี่เหตุผล เขายอมรับว่าตกหลุมรักการหนีคิมจงอินไม่รอดเสียแล้ว
ผลลัพธ์สุดท้ายจึงเป็นอาการเหนื่อยหอบอย่างสุดเหวี่ยงราวกับไปวิ่งเล่นทั่วหมู่บ้าน เขาตกอยู่ในสภาวะสงบได้อีกครั้งและก็พ่วงมาด้วยท่อนขาหนักๆของคนข้างกาย มันน่าสงสัยเหลือเกินว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบสองคนนี้มอบความรู้สึกแบบเด็กหนุ่มวัยสิบห้าให้กับเขาได้อย่างแนบเนียนภายใต้สายตานุ่มละมุนที่มองจ้องมา รอยยิ้มอบอุ่นและหอมกรุ่นเหมือนคาราเมลมัคคิอาโต้ และอ้อมแขนที่แสนอุ่นซึ่งตระกองกอดเขาเอาไว้จนสามารถหายใจได้เป็นปกติ
“ง่วงจริงๆแล้วสิ"
“งั้นก็นอนกันครับ"
“อืม...” จงอินตวัดผ้าห่มที่ร่นต่ำลงไปอยู่ตรงช่วงสะโพกเปลือยโดยไม่ลืมสะบัดให้มันแผ่คลุมร่างของโอเซฮุนจนมิดชิด เขากระชับอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้งแล้วจูบราตรีสวัสดิ์อย่างจริงจังที่กลางหน้าผากมน
แล้วการติดอยู่ในอ้อมกอดของคิมจงอินก็ทำให้โอเซฮุนฝันดีได้ตลอดคืน
- - -
เขาย่างเท้าขึ้นไปบนแต่ละขั้นบันไดด้วยความรู้สึกตื้นตันที่ปรี่ล้นมาจนถึงช่วงอก ทุกก้าวในเวลานี้จึงล้วนเป็นช่วงเวลาอันแสนเลอค่าสำหรับคิมจงอิน ดวงตายทั้งสองข้างเอาแต่กวาดมองไปรอบตัวแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่กำแพงอิฐฉาบปูนสีเทาทึมธรรมดาแต่กระนั้นเจ้าของอาคารคนใหม่ก็อยากจะสำรวจทุกซอกทุกมุนของมันให้หมดจดสมกับที่รอคอยมาเป็นเวลานาน
จงอินไม่อาจระบุความรู้สึกของตัวเองได้เมื่อเขาเดินมาถึงสุดปลายทางบันไดแล้วพบกับชั้นลอยขนาดไม่กว้างไม่แคบที่ถูกต่อเติมเอาไว้อย่างดี พร้อมต้อนรับผู้ครอบครองคนใหม่เสมอ
“อย่าดีใจจนร่วงลงมานะครับคุณจงอิน" เสียงใสจากชั้นล่างสุดทำให้เขาต้องก้มหน้าลงมองไปยังชั้นหนึ่ง ซึ่งโอเซฮุนกำลังยืนเงยหน้าส่งรอยยิ้มเปล่งประกายมาให้ คนที่เกรงว่าจะดีใจจนร่วงตกลงมาจากบันไดหัวเราะขบขันในลำคอเป็นเสียงอื้ออึง เขาลอบมองไปที่ชั้นลอยอีกครั้งเพื่อจดจำรายละเอียดเอาไว้สำหรับการออกแบบห้องทำงานแล้วจึงค่อยๆก้าวลงมา
“อย่างกับฝันอยู่แหน่ะ...”
“คุณฝันดีไม่ได้ขนาดนี้หรอก"
“นั่นสิ...ฮะๆ" จงอินอิงสะโพกเข้ากับก้านสุดท้ายของราวบันได มองเด็กน้อยที่คุยตอบกับเขาทั้งที่ยังเดินวนไปเวียนมาไม่หยุด "นายว่ามันโอเคใช่ไหม?”
“อืม...ผมว่ามันดีมากเลยนะครับ มองจากตรงนี้ก็เห็นทุ่งข้างหลังด้วย...” เซฮุนกวักมือเรียกเจ้าของสถานที่โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองซึ่งจงอินคิดว่านั่นเป็นการยืนยันที่ดีสำหรับคำตอบของเจ้าตัว
เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านหลังของเซฮุน สอดมือเข้าไปล็อคเอวบางคอดไว้ขณะวางปลายคางบนช่วงไหล่กว้าง จงอินกดจูบแนบลงบนปรางแก้มนวลก่อนจะยิมทอดสายตามองตามปลายนิ้วของเซฮุนที่ชี้ออกไปยังทุ่งกว้างเบื้องหน้า อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินอีกคนเอาแต่พึมพัมว่าเพอร์เฟ็คต์ซ้ำไปซ้ำมาเบาๆ
“ดีใจที่นายชอบ...”
“ผมก็ดีใจที่คุณจงอินได้เสียเงินอย่างมีความสุขนะ" เซฮุนตะแคงใบหน้ากลับมามองเจ้าของสัมผัสที่คล้องอยู่กับช่วงเอวของตน ริมฝีปากบางยกยิ้มหวานขึ้นมาจนดวงตาหยีเล็กเมื่อเห็นอีกคนกำลังมองออกไปนอกบานหน้าต่างยังจุดเดียวกันกับที่เขามอง
มือเรียวยกขึ้นทาบไปบนข้างแก้มกร้านแล้วค่อยๆเกลี่ยเบาๆเพื่อสะกิดให้อีกคนหันกลับมาสบมองใบหน้าของเขาแทน
“ทำไมผมรู้สึกเหมือนรู้จักคุณสักสิบปีได้นะ"
“...”
“พอคุณดีใจผมก็ดีใจอย่างกับว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของที่นี่เสียเอง"
“...”
“ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองวิ่งหนีกระสุนลงมาเป็นภาระคุณหน่ะ...” ไม่ว่าคำพูดนั้นจะจบประโยคหรือไม่ แต่ผู้ฟังกลับไม่อยากให้เซฮุนได้กล่าวมันต่อไปอีก จงอินแนบริมฝีปากลงปิดทับไปบนเรียวปากบางแผ่วเบาหากแต่ก็มั่นใจได้ว่าไม่มีเม็ดอากาศใดได้ลอดผ่านอีก
ฝ่ามือที่ประสานกันอยู่เหนือแผ่นหน้าท้องแบนราบขยับขึ้นมารั้งลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบดป้อนรสจูบที่ลึกขึ้นด้วยการแทรกเรียวลิ้นผ่านกลีบปากกระจับเข้าไปด้านใน แตะสัมผัสกับส่วนเดียวกันที่ซุกซ่อนอยู่ เรือนกายหนาเบียดบดเข้ากับเรือนร่างบอบบางทั้งตระกอง กอดรัด และกักขังเอาไว้ไม่ยอมให้หลุดไปไหนแม้แต่น้อย
มันเป็นเพราะเขาพูดไม่เก่งเอาเสียเลย... การจะโพล่งขึ้นมาว่าโอเซฮุนสำคัญมากขนาดไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่จงอินคิดว่าทำได้ดี ดังนั้นจูบนี้จึงเป็นตัวแทนของทุกความรู้สึกของเขาภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆระหว่างเราซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันจะดำเนินได้ยาวนานและลึกซึ้งมากถึงเพียงนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้วภายใต้การบงการของความรู้สึกเบื้องลึกที่มีต่อโอเซฮุน
จงอินกล้าพูด...
เวลาที่เหลือในชีวิต เขาอยากยกให้โอเซฮุนเป็นคนดูแล
- - -
หลังจากวันเซ็นสัญญาซื้อขายผ่านไปด้วยดี จงอินก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาตกแต่งสถานที่ทำงานแห่งใหม่ของตนเองอย่างตั้งใจ เขาเริ่มขนย้ายข้าวของในช่วงเช้าของวัน ใช้เวลาในตอนบ่ายจัดวางอุปกรณ์และชิ้นงานให้เข้าที่เข้าทางโดยมีเซฮุนคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างซึ่งมันทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้รวดเร็วกว่าที่คิด
“ตรงนี้ทำความสะอาดสักหน่อยก็ใช้ได้แล้วมั้งครับ"
“อาฮะ"
“งั้นเดี๋ยวผมกวาดข้างล่างให้ คุณจงอินไปดูข้างบนเถอะครับ"
“เสร็จแล้วตามขึ้นมานะ...” จงอินรับไม้กวาดมาจากเซฮุนแล้วเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ตรงขึ้นไปยังชั้นลอยของบ้านซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้เรียบร้อยเหมือนกับที่เขาร่างแบบเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
บนนั้นมีเตียงนอนหลังใหญ่พอที่จะบรรจุคนได้สองคนให้เกลือกกลิ้งผ่อนคลายได้สบายหากเมื่อยล้า ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นชั้นวางหนังสือซึ่งยังไม่ทันไรก็ถูกบรรจุจนเต็มพิกัดเสียแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะจงอินคิดว่าในอีกวันสองวันข้างหน้าเขาจะต้องไปซื้อชั้นวางอันใหม่มาเพิ่มแน่ๆ
ถัดไปจากชั้นวางก็เป็นโต๊ะทำงานส่วนตัวที่ถูกเช็ดถูจนดูดีขึ้นแม้จะยังมีรอยสีน้ำมันที่ขัดไม่ออกอยู่ประปรายบ้างก็ตาม (นี่ก็สุดความสามารถแล้วหล่ะ) ผนังห้องที่เคยเป็นปูนสีเทาหมองบัดนี้ถูกทาให้เป็นสีขาวทั้งหมดเตรียมสำหรับการวาดเพนท์ที่ยังไม่มีแบบแผนแน่ชัด แต่มุมที่ถูกใจเขาที่สุดเห็นจะเป็นโซนระเบียงที่ยื่นออกไปจากบานหน้าต่าง ตรงนั้นมีกระถางต้นไม้เล็กๆวางเรียงกันเป็นทิวแถวให้ได้รับแสงอรุณกันอย่างถ้วนทั่ว ขนาบข้างไปกับเก้าอี้ไม้ทำมือซึ่งแน่นอนว่ายาวพอที่จะให้โอเซฮุนได้ยืดกายอย่างขี้เกียจยามเมื่อยล้า
จงอินจับไม้กวาดปาดไปบนพื้นทั้งรอยยิ้ม เรื่องที่วนเวียนอยู่ในสมองของเขาหนีไม่พ้นจินตนาการถึงวันหยุดสบายๆที่ไม่มีงานหนักหนา เขาคิดว่าจะใช้เวลาในช่วงเช้ากลิ้งขลุกขลักอยู่บนเตียง ฟัดแก้มขาวของเซฮุนให้แดงเถือก เสียงหัวเราะนั้นคงเริงร่าเหมือนดอกบานไม่รู้โรยในยามเช้า จากนั้นเราสองคนจะจูงมือกันไปทำครัว หาอาหารรองท้องง่ายๆสักอย่างสองอย่างมานั่งกินที่ริมระเบียง ร้องเพลงเก่าๆที่เคยได้แต่เปิดฟังจากแผ่นซีดี เมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงในยามบ่าย เราสองคนก็จะถอดรองเท้า ก้าวลงไปในทุ่งกว้าง ถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มโบราณที่เขายกให้เซฮุนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วพอไปล้างรูปออกมาก็จะเอามาแปะไว้ตามข้างฝา ขีดเขียนมันราวกับว่าเป็นไดอารี่สักเล่ม
จงอินเห็นว่าตัวเองยิ้มกว้างขนาดไหนตอนที่ตัวเองหยุดยืนตรงหน้าบานกระจกใกล้กับตู้เสื้อผ้า มือหนายกขึ้นตบเบาๆที่ข้างแก้มของตนเองแต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังมีเพียงยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาเท่านั้น
“ยิ้มคนเดียวคืออะไรน้า~”
“...ข้างล่างเสร็จแล้วเหรอ?”
“เรียบร้อยครับ" เซฮุนพยักหน้าตอบแล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบห้องบ้าง "น่าอยู่มากเลยแฮะ..”
“อืม... อากาศก็ดีด้วย" ดวงตาคมกวาดมองตามแผ่นหลังของอีกคนที่เลื่อนไปหยุดอยู่หน้าปฏิธินขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ตรงมุมห้อง ซึ่งดูเหมือนเซฮุนจะชะงัดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวเลขกับเดือนที่ปรากฎอยู่บนนั้น "มีอะไรหรือเปล่า?”
“คือ...”
“...”
“พรุ่งนี้จะเป็นวันที่พ่อกับแม่เสียหน่ะครับ" เซฮุนปล่อยมือออกจากแผ่นกระดาษสาแล้วถอยห่างออกมา "ปีนี้ผมคงไม่ได้ไปหาท่าน...”
“...ไปสิ"
“ครับ?”
“ที่ไหนหล่ะ...เดี๋ยวพาไป"
“แต่มันไกลจากที่นี่นะครับ... ลำบากคุณจงอิน...”
“ลำบากอะไร วันสำคัญขนาดนั้นนายไม่ควรพลาด" จงอินกวาดเศษฝุ่นโกยเข้าไปในที่จักขยะแล้วเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนที่ยืนขมวดคิ้วมุ่นไปมา "ไม่ต้องบอกว่าเกรงใจด้วย...ถือว่าเอาคนแก่ไปเปิดหูเปิดตาไง"
“...แต่...” เซฮุนพยายามจะปฏิเสธแต่มันก็ไม่เป็นผลเมื่อจงอินจัดการคว่ำเทเศษฝุ่นลงไปในถุงขยะที่มุมห้อง ร่างสูงย่อลงมัดปากปิดมันอย่างทะมัดทะแมง หิ้วขึ้นมาถือเอาไว้ขณะใช้มือข้างที่ว่างคว้ามาที่ข้อมือของเขา
“ป่ะ... ไปสั่งดอกไม้เตรียมไว้กันดีกว่า"
- - -
โอเค... คัมแบค
ยอมรับว่าเราลากและแถมากจริงๆสำหรับตอนนี้
เรื่องก่อนหน้านี่อย่าเพิ่งทวงนะ (ก้มกราบ)
ขอเวลารื้อสมองใหม่ก่อน ลืมพล็อต 555555555
แล้วก็...เพิ่งคิดแท็กได้ #ฮายโฮป
ไปเล่นหน่อยเร็ว เดี๋ยวมันร้าง
เห็นกลัวว่าจะจบเศร้า อย่าคิดมาก
เพราะมันจะ......... (ระเบิดหัวเราะร้าย)
ความคิดเห็น