คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [OS] The Racing Care : For Sehun's B.Day
{ The Racing Care }
Just hold me and tell me that
you'll be here to love me today
มติการประชุมทำให้ผมผิดหวัง...
เก้าอี้พลาสติกสีเทารองรับน้ำหนักร่างกายอันแสนเปลี้ยของผมเอาไว้ขณะที่คนในห้องเครื่องกำลังวุ่นวายกับการตระเตรียมอุปกรณ์และตรวจสอบสภาพของเครื่องยนต์ทรงพลังที่กำลังจะต้องขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เสียงตะโกนของพวกเขาวุ่นวายไม่ต่างจากความรู้สึกว้าวุ่นของผมที่มันเอ่อท่วมไปหมดทั้งอก
เสียงฟ้าคำรามดังเข้ามาจากด้านนอก กระนั้นก็ยังไม่ดังเท่าเสียงร้องโห่เชียร์จากผู้คนรอบสนามแข่งระยะทางเกือบหกกิโลเมตร นั่นทำให้หัวใจของผมเต้นรัว สำหรับผมในเวลานี้ทุกอย่างดูแย่ไปหมด มืดแปดด้าน ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จากมุมอับตรงนี้ เขา เองก็ดูวุ่นวายกับตัวเองไม่น้อย ขายาวที่อยู่ใต้เนื้อผ้าหนาของชุดหมีสีเทาเงินตัวโคร่งอันเป็นสัญลักษณ์ของทีมเดินวนไปเวียนมาที่หน้ามอนิเตอร์รายงานสมรรถนะของยานยนต์ ใบหน้าคมเข้มเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะละสายตาออกมาผมเห็นเขาสบถใส่ไดเรคเตอร์ชาวเยอรมันด้วยสองสามประโยคก่อนจะหันหลังเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“สงสัยต้องเปลี่ยนยาง"
“บอกชานยอลให้รีสต็อกด้วย"
“อากาศก็ดันมาเป็นซะแบบนี้"
“ดีโอ ดูวิทยุสื่อสารให้ด้วย"
ผมพยายามตัดตัวเองจากการรับรู้บทสนทนาเหล่านั้นจึงออกมายืนหลบมุมอยู่ด้านใน เบื้องหลังจอโทรภาพแปดจอซึ่งมีหน้าที่ถ่ายทอดสดทุกมุมสนามให้เราได้ติดตามนักขับ พยายามอย่างยิ่งในการทำจิตใจให้สงบแล้วเรียกคืนความศรัทธาของตัวเองอีกครั้ง
“อ่ะ...”
“กำลังใจอยู่ที่ไหนนะคนดี" ผมสะดุ้งอยู่ในอ้อมแขนของเขาที่สอดเข้ามารัดจนร่างทั้งร่างซบลงไปกลางแผ่นอกกว้าง กลิ่นเหงื่อไม่ได้ทำให้เขาหอมน้อยลงแต่มันกลับเพิ่มสเน่ห์บางอย่างและดึงดูดให้ผมรีบยกแขนขึ้นตวัดไปรอบเอวหนาเพราะเนื้อผ้าของชุดนักแข่งที่ยังกองปลิ้นตรงบั้นเอวอย่างไม่เรียบร้อยนัก
“จงอินอ่า...”
“เชื่อผมเซฮุน เชื่อผม...”
“ผมเชื่อจงอินอยู่แล้ว ผมเชื่อแค่จงอิน"
“น่ารักที่สุด" เขากดจมูกลงมาที่ข้างขมับก่อนจะผละออกมาแล้วกดมันลงกลางหน้าผากของผมที่ยังคงจมอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง "แต่งตัวให้หน่อยสิ" เขาว่ากลั้วหัวเราะตอนเราผละออกมาจากกัน แผ่นหลังกว้างหันกลับมาหา เผยให้เห็นเนื้อผ้าหนาที่กองเป็นปั้น
มือเรียวจับกองผ้าเหล่านั้นคลี่ออกอย่างใจเย็นก่อนจะรั้งมันขึ้นไปให้กับเจ้าของเรือนกายหนา ส่วนสูงของเราไม่ห่างกันมากจึงทำให้การจัดชุดเป็นไปลำบากเล็กน้อยแต่เพราะทำเป็นประจำมันจึงใช้เวลาไม่นาน
เมื่อแขนทั้งสองข้างสอดเข้าไปตามแบบของชุด คิมจงอิน นักขับจากเอเชียเพียงคนเดียวในสนามฟอมูล่าวันก็หันมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างกวาดเต็มใบหน้าคมซึ่งเชิดขึ้นรอการปิดซิปสุดท้ายที่อก
“คิดเอาไว้นะว่าเย็นนี้อยากกินอะไร...”
เขาทำให้ผมมีรอยยิ้มขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยคำถามไม่เข้าท่าซึ่งไม่ควรปรากฎในสถานการณ์แบบนี้ จงอินดึงโม่งคลุมสีขาวขึ้นมายืดสองสามครั้งแล้วสวมมันเข้ากับหัวของเขา สิ่งที่ปรากฎออกมานอกเนื้อผ้าขาวมีเพียงดวงตาสีกาแฟเท่านั้น ผมเขย่งตัวขึ้น กดจูบลงบนริมฝีปากซึ่งมันถูกเนื้อผ้าอีลาสติกคลุมเอาไว้แล้วก่อนจะพยักหน้าสองสามครั้งและส่งหมวกกันน็อคบนชั้นวางให้กับเขา
“ได้เลยครับ... ผมจะบอกหลังจงอินลงจากโพเดี้ยมแล้วนะ"
มันฟังดูไม่เข้าท่า แต่ก็เป็นสัญญาว่าเขาจะปลอดภัยกลับมา
- - -
'ฝนเริ่มปรอยแล้วนะครับเวลานี้ แต่ก็ไม่มีผลต่อนักขับเลยสักคน ที่หนึ่งนำโด่งยังคงเป็นเฟอร์ต้าจากแมคคาเรลที่กวดคู่อยู่กับริชาร์ดจากเฟอร์รารี่....'
'ยังต้องติดตามกันต่อไปอีกเพราะจากผลควอลิไฟล์เมื่อวานประสิทธิภาพของทั้งคู่สูสีตีตื้นกันมาก'
'อีกคู่ที่น่าจับตามองคือจงอินจากฮุนไดเรซซิ่งผู้ซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนหมวกกันน็อคตั้งแต่สนามแรกของเขาจนถึงสนามนี้ที่กำลังสูสีมากับอีสเบิร์กจากโลตัส... ตอนนี้จงอินนำอยู่ด้วย HR88 ของเขาที่ล่าสุดได้ยินคำบ่นเรื่องเสียงดังของเครื่งยนต์ว่าหนวกหู'
เซฮุนฟังเสียงพากย์ภาษาต่างชาตินั่นไม่ออกเท่าไหร่ เขาเพียงจับใจความได้เรื่องหมวกกันน็อคกับเรื่องเสียงเครื่องเท่านั้น ความจริง เซฮุนไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อยทั้งที่มีพ่อเป็นช่างใหญ่ที่ดูแลรถในสนามแข่งเลอม็องต์ อาชีพของเขาคือสไตลิสท์และแน่นอนว่าการเลือกเสื้อผ้ากับเครื่องยนต์นั้นเป็นอะไรที่เข้ากันไม่ได้เลยสักนิด
คงเหมือนกับการที่มนุษย์สองคนผู้มีรสนิยมต่างกันเหมือนมาจากคนละดาวอย่างเขากับจงอินโคจรมาพบกันได้
มันเป็นวันที่โกลาหลที่สุดในชีวิตของโอเซฮุน นักศึกษาเอกแฟชั่นดีไซน์ที่จับพลัดจับผลูต้องมาออกแบบชุดนักแข่งรถตามโจทย์ที่จับฉลากได้ในห้องเรียน มีอาชีพเป็นร้อยแต่เขาดันดวงดีจับได้โจทย์ที่ยากที่สุดของคลาสนั้น ที่มันยากก็เพราะมันไม่ง่ายเลยที่นักศึกษาแฟชั่นจะสนใจเรื่องยานยนต์ ทุกวันนี้เซฮุนยังขับรถมามหาวิทยาลัยไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ มากสุดของเขาก็แค่จักรยาน นั่นทำให้การเดินงมอยู่ในสนามแข่งรถเนื้อที่หลายสิบไร่นี่เป็นเรื่องบ้าบอที่สุด
เขากดต่อสายหาคนที่ชื่อว่า พี่คริส ซึ่งเป็นหลานชายของแม่ พี่คริส เป็นนักออกแบบยานยนต์ที่สังกัดอยู่กับค่ายฮุนไดเรซซิ่งอันเป็นมอร์เตอร์สปอร์ตรายใหญ่ของเกาหลี และตอนนี้โอเซฮุนผู้มีความรู้ด้านยนตกรรมเป็นศูนย์ก็กำลังเดินอยู่ในสนามแข่งรถอันเลื่องชื่อที่คอนักขับความเร็วสูงทั้งหลายต่างใฝ่ฝันจะเข้ามานั่งเกาะขอบสนามสักครั้ง
(สวัสดีครับ)
“อ่าพี่คริส...นี่เซฮุนนะ"
(อ๋อ ว่าไง มาถึงแล้วเหรอ?)
“ครับ ต้องไปที่ไหนเหรอ?”
(เรามายังไงเนี่ย?)
“รถไฟฟ้าอ่ะ"
(งั้นเดี๋ยวพี่ให้คนไปรับดีกว่า อู่มันอยู่ลึก... ตอนนี้เราอยู่ตรงไหนหน่ะ?)
“เอ่อ...ตรง....” เซฮุนเริ่มมองซ้ายมองขวาหาอะไรสักอย่างที่พอจะเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้พี่ชายของเขาเข้าใจได้ แต่ความเวิ้งว้างของพื้นที่ตรงนี้มันก็ทำให้เคว้งไปหมด เพราะรอบตัวของเขาคือแนวทิวแสตนด์ยาวเป็นเมตร ส่วนพื้นสนามก็เป็นยางมะตอยราดยาว ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเลยสักนิด "เซฮุนไม่รู้เลยครับว่ามันตรงไหน...”
(งั้นเราดูเลขที่พื้นสนามหน่อยว่ามันเป็นเลขอะไร ที่ใกล้ที่สุด เลขตัวใหญ่สีขาว)
“เอ่อ....อ้อ....สามจุดเจ็ดครับ"
(โอเค เข้าไปหลบในร่มก่อน เดี๋ยวพี่ให้คนไปรับ...เฮ้ย วอบอกไอ้จงอินให้แวะระ...)
สายตัดขาดไปด้วยฝีมือของคริสซึ่งดูเหมือนกำลังยุ่งไม่ใช่น้อยกับการเคาะเหล็กหรือทำอะไรสักอย่างเสียงดังป็อกๆ เซฮุนทำตามคำแนะนำของญาติผู้พี่ด้วยการเดินเข้าไปหลบมุมที่ด้านในร่มริมสนาม ขยับตัวเองให้เข้าไปใกล้เคียงกับพื้นที่บริเวณเลขสามจุดเจ็ดมากยิ่งขึ้น
แต่ยังไม่ทันจะหายร้อน รถกอล์ฟสีขาวก็หยุดลงตรงหน้าเขา คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันมาฉีกยิ้มให้ทั้งดวงตาหยีๆเพราะต้องสู้แดดของช่วงสาย
“โอเซฮุนป้ะ?”
“ครับ?”
“พี่คริสให้มารับ ขึ้นมาๆ" ผู้ชายหลังพวงมาลัยรถกอล์ฟอยู่ในชุดหมีที่ติดสัญลักษณ์แบรนด์นับสิบเอาไว้โบกมือเรียกผมให้ขึ้นมาโดยไว แน่นอนว่าผมก็ทำตามคำบอกนั้นโดยไม่คิดโต้แย้งโต้เถียงแม้จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเจอนักขับของค่ายที่ไม่แน่ว่าอาจจะมีชื่อเสียงก็ได้
“ขอบคุณนะครับ รบกวนด้วยจริงๆ" ผมเอ่ยบอกอย่างเกรงใจแล้วค้อมหัวให้กับเขาเท่าที่ตัวเองจะทำได้ สารถีจำเป็นคนนั้นหันมายิ้มกว้างให้กับผมแล้วโบกมือยุกยิกเป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไรหรอก สบายมากหน่า" เขามีเสียงทุ้มแหบที่ติดจะเหน่ออยู่นิดหน่อย เวลาพูดฟังดูเหมือนจะขึ้นจมูกแต่ผมคิดว่ามันไม่น่าเกลียดเหมือนกับหลายๆคน มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วสบายหูดีจนทำให้รู้สึกอยากจะสนทนาด้วยต่อ
“อ่า... คุณ...เป็นนักแข่งเหรอครับ?”
“ผมเหรอ...อ่า...ตอนนี้แค่พยายามจะให้ได้เป็นอยู่หน่ะ"
“เห?”
“ผมเป็นแค่เด็กฝึกหัดเองครับ ขับทดลองในสนามค่ายแต่ยังไม่ได้ลงแข่งตัวจริงหน่ะ"
“อ๋อ....” เซฮุนไม่รู้จะถามอะไรต่อจากนั้นเพราะจินตนาการของเขาเพิ่งจะสลาย จริงสิ... พี่คริสก็คงไม่ให้นักแข่งของค่ายมาขับรถกอล์ฟเพื่อรับเขาแน่หล่ะ
เขาพาผมเข้ามาด้านในอู่รถ ผมสังเกตุว่าเขาเป็นคนมารยาทดีมากเพราะไม่ว่าจะเจอใครผู้ชายผิวเข้มคนนี้มักจะส่งยิ้มไปให้เสมอและเอ่ยสวัสดีกับทุกคนโดยไม่สนใจว่าจะได้รับการทักทายกลับหรือเปล่า นั่นตอกย้ำให้ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองของเขามากขึ้น
ผมถูกพาเข้ามาในห้องแอร์ขนาดเล็กเท่าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านในสุด ผนังสามด้านรายล้อมไปด้วยจอมอนิเตอร์ขนาดสามสิบนิ้วกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบโดยเฉพาะอีกสองสามตัว พี่คริสนั่งอยู่ที่กลางห้องข้างๆโต๊ะประชุมตัวยาวซึ่งบนนั้นมีแปลนแบบขนาดใหญ่กางกว้างกินพื้นที่จนเกือบสุดขอบ พี่ชายตัวสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปขีดเขียนบนแผ่นกระดาษต่อ
“เอ่อ...สวัสดีครับพี่คริส"
“นั่งก่อนเซฮุน ขอพี่แป้บนึง เหลือแค่ตรงนี้เอง...” เซฮุนไม่ได้สนิทกับคริสสักเท่าไหร่ เคยเจอกันผ่านๆในงานรวมญาติบ้างและทักทายสวัสดีไปตามประสาเท่านั้น คริสอายุมากกว่าเซฮุนเกือบสิบปีและไม่ได้เป็นคนเกาหลีแต่กำเนินทำให้เราเพิ่งเริ่มคุยกันได้แค่สองถึงสามปีที่ผ่านมาเมื่อพี่ชายคนนี้ย้ายที่ทำงานจากแคนาดามาที่โซล
เซฮุนนั่งลงตามคำบอกของคริสอีกครั้ง และในขณะที่กำลังลอบมองไปทั่วห้องทำงานแอร์เย็นฉ่ำ น้ำแดงสีสดก็เลื่อนมาอยู๋ตรงหน้าเขาโดยฝีมือของผู้ชายผิวเข้มที่เพิ่งจะเป็นสารถีให้กับเขาเมื่อสักครู่
“ขอบคุณครับ"
“...” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่ยิ้มตาหยีกลับมาแทนแล้วขยับไปยืนอยู่ข้างพี่คริส
“จงอินเช็คความกว้าง Rear Wing ให้พี่หน่อย...”
“ได้ครับ"
“เสร็จแล้วนั่งต่อด้วยกันก่อนแล้วกัน...” พี่คริสหันไปบอกผู้ชายคนนั้นแล้วปลีกตัวขึ้นมาหาผม "ไงนะ... เราว่าจะทำอะไร?”
“อ๋อ... คือ....ผมต้องออกแบบชุดสำหรับนักแข่งรถแต่ผมไม่มีความรู้อะไรเลย ตอนนี้ได้แต่ร่างเอาไว้แต่ผมเลือกผ้าเลือกอะไรไม่ถูกเลย...”
“อาฮะ"
“อันนี้เป็นแบบที่ลองร่างเอาไว้หน่ะครับ อยากให้พี่คริสช่วยดูหน่อย" เซฮุนหยิบสมุดสเก็ตช์ในกระเป๋าของเขาขึ้นมา รีบรัวมือเปิดหาภาพเค้าโครงร่างของชุดที่ใช้เวลาสามวันเต็มในการเก็บข้อมูลและรายละเอียดจากอินเตอร์เน็ตแล้วนำมาสร้างเป็นดีไซน์ของตัวเอง "นี่ครับ...”
“อ๋อ...” มือใหญ่ของนักออกแบบจับสมุดเล่มหนาขึ้นมา คริสขยับแว่นให้เข้าที่แล้วเริ่มพิจารณาอย่างละเอียดโดยอ่านทุกตัวอักษรที่เซฮุนโน้ตเอาไว้ด้านข้างแม้มันจะขยุกขยุยมากก็ตามที
“มันพอจะใช้ได้ไหมครับ?”
“ที่จริง ชุดของนักแข่งมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้เยอะหรอก เราต้องการชุดที่กระชับพอดีตัวเพื่อความปลอดภัยแต่ก็ต้องยืดหยุ่นเพื่อให้คล่องแคล่วหน่ะ" คริสกล่าวให้เซฮุนได้เก็บรายละเอียด "ถ้าเราจะเล่นก็อาจจะปรับเรื่องดีไซน์ สี ลวดลาย หรือไม่ก็พวกเทคโนโลยีด้านเนื้อผ้าอ่ะนะ...อ่า พี่ก็เรียกไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราใช้เป็นผ้ายืดนาโนเทคเพื่อกำจัดเรื่องกลิ่นเหงื่อ"
“อ๋อ...”
“อ่า จริงสิ ถ้าเป็นชุดแบบที่เซฮุนวาดมาจะเป็นพวกแข่งรถสูตรนะ...รู้จักไหม ฟอมูล่าวัน ทู ทรี อะไรพวกนั้น"
“ครับ พอรู้จักอยู่" เซฮุนพยักหน้ารับ ตาเรียวโตขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาไม่คิดว่าภายในเวลาไม่กี่นาทีจะได้รู้อะไรมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนพี่คริสจะช่วยเขาได้มาจริงๆในงานนี้
“ชุดของนักแข่งรถสูตร จุดเด่นอยู่ที่หมวกกันน็อค บางทีนายอาจจะเน้นด้านดีไซน์ลงไปตรงนั้น" พี่คริสพูดไม่หยุด เช่นเดียวกับเซฮุนที่จดบันทึกไม่หยุดเช่นกันจนไม่ได้สังเกตุว่าอีกคนในห้องได้ลากเก้าอี้เลื่อนมานั่งอยู่ข้างๆตนเองเสียแล้ว
“ว่าแต่...เซฮุนอยากจะได้แบบไหมหล่ะ?”
“ครับ?”
“ก็ ถ้าจะออกแบบจริงๆน่าจะมีต้นแบบใช่ไหมหล่ะ?”
“อ๋อ...ครับ"
“พี่พอหาให้เราได้นะ"
“ห๊า! จริงเหรอครับ?!” ผมอุทานออกมาเสียงดังเพราะมันเป็นเรื่องไม่คาดคิดที่สุด งานออกแบบควรมีต้นแบบหรือว่าง่ายๆก็คือเราต้องมีสัดส่วนของใครสักคนมาเป็นต้นแบบสำหรับการตัดเพื่อให้เกิดความสมจริง ยิ่งเป็นงานเฉพาะอย่างชุดนักแข่งรถแบบนี้เซฮุนยิ่งอยากได้นายแบบสักคนมาเป็นแก่นเป็นฐานให้กับเขา
“อื้ม...อีกสองเดือนจะมีแข่งไทป์ทูที่บราซิล ค่ายเราจะส่งนักขับลงด้วยหนึ่งคน"
“อ่า...”
“คิมจงอินคงจะอยากได้ชุดใหม่สำหรับการลงแข่งครั้งแรก...จริงไหม?”
หลังมองตามสายตาของคริสไปยังด้านข้าง โอเซฮุนก็พบคิมจงอินในสภาพที่ตลกอย่างสุดเหวี่ยง ริมฝีปากหนาแยกออกกว้างจนน้ำแดงที่อมกลั้วอยู่ในปากไหลย้อยลงมาอย่างห้ามไม่ได้เพราะความตื่นเต้น ตกใจ และดีใจ
สำหรับนักแข่งฝึกหัด การได้ลงสนามจริงเป็นเรื่องที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝันเหมือนที่โอเซฮุนเคยคิดว่าจะต้องพาเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปเป็นชุดหนึ่งในปารีสแฟชั่นวีคให้ได้
และงานนี้เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของเขา... ที่บราซิลในอีกสองเดือนให้หลัง คิมจงอินสวมชุดที่ออกแบบโดยโอเซฮุน คว้าอันดับหนึ่ง ได้ขึ้นโพเดี้ยมอย่างภาคภูมิใจท่ามกลางเสียงโห่เชียร์ก้องกังวาลของผู้คนจากหลากหลายสารทิศ ตอนนั้นเซฮุนไม่ได้สนใจเรื่องรถอีกต่อไป เขาวุ่นวายอยู่กับโจทย์ใหม่ของอาจารย์และลืมเรื่องชุดนั่นไปแล้วอย่างสนิท
ผิดกับคิมจงอินที่ยังคงนึกถึงและโทรมาบอกให้เขาทราบหลังนักข่าวกลับบ้านไปเขียนบรรยายบรรยากาศของงานแข่ง... เสียงของจงอินเต็มไปด้วยความสุขตอนบอกเขาว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เสียงนั้นทำให้เซฮุนที่กำลังเครียดกกับการลงสีเผลอยิ้มออกมาได้
“นี่ตื่นเต้นนะเนี่ย เห็นนายดีใจขนาดนี้แล้วอดมีความสุขตามไม่ได้เลย"
(ฮ่าๆ วันนี้มีนักข่าวมาสัมภาษณ์เยอะมากเลย คนก็ถ่ายรูปเราไปเยอะด้วย ชุดของเซฮุนจะต้องดังไปทั่วโลกแน่ๆ)
“เว่อร์แล้วๆ"
(ไม่เว่อร์หรอก... คอยดูนะ ฉันจะสวมหมวกของเซฮุนลงทุกสนามเลย)
“ตลกหน่าจงอิน"
ตอนนั้นมันเป็นเรื่องตลกของผมจริงๆ แต่เขากลับรักษาคำพูด ไม่ว่าจะลงแข่งสนามไหน คิมจงอินก็จะสวมหมวกใบนี้เสมอและรักมันสุดหัวใจ แม้ว่าเขาพาตัวเองก้าวมาได้ถึงการเป็นนักแข่งรถสูตรหนึ่ง จงอินก็ยังคงสวมหมวกใบเดิมโดยไม่เปลี่ยนมันเลยสักครั้ง หมอนั่นบอกว่ามันคือหมวกนำโชค สวมแล้วเหมือนมีเทวดาโอเซฮุนตามไปให้กำลังใจทุกที่
วันนี้ก็เช่นกัน หมวกสีเทาขาวอันนั้นยังคงครอบอยู่บนศีรษะของคิมจงอิน
'แลปที่สามสิบ ดำเนินมาได้ครึ่งทาง ตอนนี้ที่หนึ่งกลายเป็นของอีสเบิร์กที่ตีตื้นขึ้นมาได้ ต้องบอกว่าปีนี้โลตัสเขาแน่นจริงนะครับ'
'ดูเหมือนจงอินจากฮุนไดเรซซิ่งกำลังพยายามตีตื้นขึ้นมาหลังจากเข้าบ็อกส์ไปแล้วหนึ่งครั้ง โอ๊ะ... ตอนนี้มีสัญญาณถึงเฟอร์ต้า จากแมคเคอเรลนะครับ....'
'ทุกท่านครับ! เห็นเหมือนผมไหม! จงอินกำลังตีริชาร์ดขึ้นมา โอ้! โอ้! จงอินชิดเข้าโค้งด้านในแล้วครับ โออออออ้!!! จงอินขึ้นมาเป็นที่สามแล้วครับตอนนี้... โอ....เป็นการขึ้นนำที่เสี่ยงมากจริงๆ เมื่อครู่จถ้าเรารีเพลย์กลับไปจะเห็นว่าล้อซ้ายของจงอินลอยเหนือพื้นยางมะตอยขึ้นมาแล้วนะครับ'
“จงอิน...ระวังหน่อย พื้นลื่น"
“...”
“รักษาระยะไว้ นายทำดีแล้ว ระวังตัวจงอิน ระวัง...”
เซฮุนใจหายวาบกับภาพบนจอมอนิเตอร์ที่เพิ่งผ่านพ้นสายตาของเขาไปได้เพียงไม่กี่นาทีแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เขาใจกระตุก การแข่งฟอมูล่าวันเต็มไปด้วยความเสี่ยง และแน่นอนว่ามันเสี่ยงที่สุดในบรรดาการแข่งรถสูตรเพราะต้องใช้ความเร็วสูง ใช้ไหวพริบ ในขณะที่มีแรงกดดันจากรอบทิศ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกลมหายใจในสนามแห่งนี้ คิมจงอิน รายล้อมด้วยความตายเสมอ
แม้จะยังคงปลอดภัยและครบสามสิบสองมาได้จนถึงทุกวันนี้แต่ก็ใช่ว่าจงอินจะไม่มีวินาทีเสี่ยงตายเสียเมื่อไหร่ จงอินผ่านมันมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ก่อนที่เราจะรู้จักกัน วันแรกที่เรารู้จักกัน หรือหลังจากนั้น... จงอินอยู่กับความเสี่ยง คลุกคลีเสียจนไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแย่อะไรในชีวิตแต่กับเซฮุนมันไม่ใช่เลย ทุกครั้งที่จงอินตกอยู่ในสภาวการณ์เช่นนั้น โอเซฮุนเหมือนคนหายใจไม่เป็นเสมอ
เขาเรียนรู้ความเสี่ยงภัยนั้นครั้งแรกในสนามการแข่งควอเตอร์ไมล์ที่มอนทรีออล มันเป็นการแข่งผิดกฎหมายของเหล่าผู้มีอิทธิพล จงอินไม่ได้ตั้งใจแต่ก็รับคำท้าเพียงเพราะชายผู้เอ่ยปากชวนผิวปากและพูดจาเหยียดหยามเขา เซฮุนบอกจงอินว่ามันไม่เป็นไรและไม่มีปัญหา เขาไม่ถือสาอะไร แต่คิมจงอินที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสุขุมและใจเย็นกลับไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
ควอเตอร์ไมล์เป็นการแข่งระยะสั้น อาศัยการออกตัวที่เร็วและแรงตั้งแต่เริ่มและรักษาเอาไว้ให้ได้จนจบ รถที่ใช้แข่งมักไม่ถูกดัดแปลงภายนอกแต่ในห้องเครื่องมักมีการสวมใส่อุปกรณ์ผิดกฎหมายเพื่อทำให้ได้ความเร็วไร้ขีดจำกัด เราจะสัมผัสความเร็วนั้นได้ตั้งแต่การแตะคันเร่งเพื่อออกตัวครั้งแรก รถกระชากออกสู่ท้องถนนอย่างว่องไวพร้อมเสียงเครื่องสูงแหลมและคนขับต้องบังคับมันให้ได้ตั้งแต่เริ่ม
หลายคนเปรียบเปรยการแข่งควอเตอร์ไมล์เหมือนการนั่งอยู่บนหลังวัวกระทิง
คุณจะแพ้ทันทีที่ตกจากหลังของมัน แพ้โดยไม่รู้ว่าจะโดนมันขวิดซ้ำหรือเปล่า
จงอินเหยียบจนมิดคันเร่งและสับเกียร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบวินาทีต่อวินาทีก่อนจะใช้ไนตรัส เอาชนะคนปากพล่อยพวกนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ความเร็วของเครื่องไม่ปราณีต่อโค้งหักศอกเบื้องหน้า รถของจงอินถลาออกจากวงโค้งไปกระแทกเข้ากับกำแพงอิฐของสวนสาธารณะ บาดเจ็บเพียงแค่แผลถลอกแต่โอเซฮุนนั่งร้องไห้จนถึงเช้าวันต่อไป
“ผมไม่ตายง่ายขนาดนั้นหรอกหน่าเซฮุน"
“แล้วถ้าตายขึ้นมาเล่า!”
“เฮ้...ไม่เห็นต้องร้องเลย" คนอวดดีรีบยกมือสากขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มของเขา เกลี่ยด้วยปลายนิ้วที่ขรุขระเพราะถูกการใช้งานอย่างหนักมาตลอดชีวิต ในขณะที่อาการขึงเกร็งจนเส้นขึ้นบ่งบอกได้ว่าเจ้าของฝ่ามือนั้นกลัวมากแค่ไหนว่าปลายนิ้วสากของตนจะไม่อ่อนนุ่มพอสำหรับการสัมผัสผิวแก้มของโอเซฮุน
“..ฮึก...ก็นาย...ก็ถ้านายตายขึ้นมานะ!”
“บ้าจริง...เจ้าโง่เอ้ย!” ในเมื่อเช็ดด้วยมือเท่าไหร่น้ำตาก็ไม่หยุดไหลเสียที จงอินจึงเปลี่ยนมาใช้อ้อมแขนของตัวเองแทน แขนแกร่งสอดเข้าไปรวบร่างโปร่งของคนที่มีความสูงใกล้จะแซงล้ำนำหน้าตนเองมาไว้ในอ้อมแขน กดหัวเซฮุนลงกับบ่ากว้างของตัวเองอย่างทุลักทุเลก่อนจะโยกตัวให้เอนไหวไปมาคล้ายกับเปลกล่อมเด็ก
“...”
“คิดว่าผมจะยอมตายเหรอเซฮุน...ผมยังไม่ได้เป็นแฟนเซฮุนเลย"
“...”
“ผมยังอยากจะบอกกับเซฮุนก่อนว่าผมอยากเป็นคนรักของเซฮุนยิ่งกว่าอยากเป็นนักแข่งรถเสียอีกรู้ไหม...” เสียงสะอื้นของเซฮุนหยุดไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดทั้งหมดของจงอินในระยะใกล้จนสัมผัสลมหายใจได้ ทุกอย่างนิ่งเงียบนานหลายนาทีก่อนที่อ้อมแขนของเซฮุนจะยิ่งรัดคนตรงหน้าแน่นขึ้นจนใบหน้าของตัวเองฝังลงไปกับซอกคอ
ทีนี้น้ำตาก็เลยไหลเป็นทาง ไหลยาวลงมากับผิวเนื้อสีเข้มของจงอิน...
“ไอ้บ้า! ไอ้บ้าจงอิน! ฮึก...ไอ้หมีบ้า ฮืออ...” เซฮุนกร่นด่าไอ้หมีบ้าด้วยน้ำเสียงอู้อี้ขึ้นจมูก เขาทั้งเตะทั้งดิ้นทั้งสั่นสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของอีกคน "ที่นายควรรักคือตัวนายเอง ฮึก...รักตัวเอง แล้วค่อยมารักผม...ฮือ อย่า อึก...ฮือ...อย่าทำอะไรโง่ๆอีกรู้ไหม"
จงอินไม่ได้สัญญาเป็นคำพูด แต่จูบเบาๆลงบนขมับของเซฮุนแล้วค่อยๆลูบแผ่นหลังของอีกคน ที่จงอินเลือกไม่สัญญาเพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังมีอีกหลายสนามและวันข้างหน้าเขาคงต้องเจออะไรที่อันตรายกว่าโค้งหักศอกที่สิ้นสุดระยะทางหนึ่งส่วนสี่ไมล์นี้เป็นแน่
หลังจากวันนั้นจงอินตระหนักถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น เขาทำทุกอย่างให้รัดกุมเพื่อคนที่มักจะยืนเขาดูอยู่จากข้างสนามเสมอ โอเซฮุนไม่ได้ตอบตกลงว่าจะยอมเป็นแฟนเขาหรือเปล่าแต่ทุกครั้งที่เขาลงแข่ง โอเซฮุนผู้ไม่มีความสนใจในยานยนต์เพื่อความเร็วก็มักจะปรากฎตัวให้เห็นเสมอ
กระนั้นในการลงสนามฟอมูล่าวันเมื่อสามปีก่อน เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้บกับเขาในแล็ปรองสุดท้าย ขณะที่เขาพยายามจะแซงหน้านักแข่งจากฮอนด้าเรซซิ่งเบรคของเขาไม่ทำงาน ส่งผลให้รถปลิวออกนอกสนามด้วยการกลิ้งสองตลบ การกระแทกอย่างแรงทำให้ขาของเขาชนเข้ากับโครงเหล็กสักท่อนที่เบื้องล่างและกระดูกหัก ซ้ำร้าย เรียร์วิงด้านหลังยังหักลงมาโดนหัวของเขาจนได้เลือดอีก
จงอินเกือบจะหมดสติ เรียร์วิงน้ำหนักไม่ใช่เบา... ดวงตาเข้มมองเห็นหน้าหน่วยปฐมพยาบาลเป็นภาพสุดท้าย แต่เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงของโอเซฮุนที่ตะโกนด่าหน่วยปฐมพยาบาลคนหนึ่งให้ระวังหัวของเขา เสียงนั้นสั่นสะอื้นจนคิมจงอินเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ดวงตามองเห็นทุกอย่างเป็นสีดำสนิท
เพราะโอเซฮุนพูดว่า 'ระวังหัวแฟนผมหน่อยสิ! ถ้าเขาคอหักหล่ะก็อย่าหวังว่าคอคุณจะรอด!!!'
“เซฮุน...”
“...”
“ไม่เอาหน่า... นายก็รู้นี่จงอินดวงแข็งพอๆกับกะโหลกหนาทึบของมันนั่นแหละ" เสียงของคริสทำให้เขาหลุดออกมาจากความคิดที่เต็มไปด้วยม่านน้ำตาของตัวเอง
ทุกอย่างตอนนี้ดูเหมือนจะแย่ลง ยังเหลืออีกสิบกว่าแล็ปและสนามลื่นขึ้น นักแข่งคนหนึ่งจากเรดบลูเรซซิ่งเพิ่งจะปลิวออกนอกสนามเพราะความลื่นของพื้นยางมะตอยชุ่มน้ำและภาพการถลาปลิวนั้นยังตราตรึงอยู่ในม่านตาของเซฮุน
“แต่มันแย่มาก...พี่คริสก็เห็น"
“พี่รู้... จงอินกำลังจะเข้าบ็อกส์เปลี่ยนยาง...” คริสว่าพร้อมกระตุกแขนเสื้อให้เซฮุนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้นั่ง "ไปยืนให้มันเห็นหน้าหน่อยสิ"
“...” เซฮุนไม่ได้ตอบอะไร เขายอมลุกขึ้นตามคำบอกของคริสแต่โดยดีเพื่อไปยืนอยู่ที่ปากทางของห้องเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ของรถแข่งหลายคนดังกระหึ่มไปทั่ว ไม่นานเกินอึดใจรถของจงอินก็เทียบเข้ามาในช่องด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องกระหึ่มที่เซฮุนคุ้นเคยดังกระหึ่มไปทั่วทั้งหูสองข้าง
เซฮุนจ้องมองที่แถบใส่ของหมวกซึ่งพร่าด้วยหยาดน้ำฝน จงอินใจจะสลายตอนที่ช่างยืนยันว่าเขาต้องเจาะรูให้กับหมวกกันน็อคเพื่อระบายไอน้ำออกไป และส่งผลให้เซฮุนต้องไปหาชิ้นช่องมองอันใหม่มาให้จงอินได้ใช้เปลี่ยนสลับกันไป คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจแบบนั้น
“ฉันคิดออกแล้วว่าอยากกินอะไร...” เซฮุนขยับปากให้อีกคนดูตอนที่จงอินหันมา แม้ว่าจะมองไม่เห็นดวงตาสีกาแฟคู่นั้นแต่เซฮุนก็รู้ว่าจงอินเห็นเขา หมวกสีเทาขาวคลอนเบาๆตามการพยักหน้าของนักแข่งติดอันดับท็อปทรี
ทันทีที่ชานยอลถอยแม่แรงออกมาจากหน้ารถ จงอินก็พุ่งตัวออกสู่สนามด้วยความเร็วสุดกำลัง นับว่าเป็นโชคดีที่ทีมอื่นก็ต้องเข้ามาเปลี่ยนยางในบ็อกส์เช่นกัน อันดับของจงอินจึงยังคงเดิม และก็คงโชคดีด้วยที่เขาสามารถเร่งเครื่องชิงอันดับสองของสนามมาได้ตั้งแต่โค้งแรง
เซฮุนถอยกลับเข้าไปนั่งที่หน้าจอเหมือนเดิมเพื่อติดตามการแข่งขันต่อไปในขณะที่คริสและทีมงานคนอื่นต่างเร่งประชุมกัน และบทสนทนาเริ่มเคร่งเครียดเมื่อนักแข่งอีกสองคนขอถอนตัวออกจากสนาม เขาพยายามทำใจให้เย็นลงกว่าเดิมและบอกตัวเองว่าคิมจงอินจะไม่เป็นอะไร...
แม้ว่าภาพในจอตอนนี้คือคิมจงอินที่กำลังขนาบข้างตีคู่ไปกับอันดับหนึ่งของสนาม ปาดไปปาดมาท่ามกลางม่านฝน ผู้พากย์ส่งเสียงลุ้นระทึก คลื่นสัญญาณจากทีมของทั้งสองบอกให้ทั้งคู่ระวังตัว เสียงของคริสเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
“จงอินอย่าบ้าหน่า!” คริสสบถเป็นภาษาเกาหลีใส่คลื่นสัญญาณแต่เขาไม่ได้รับการตอบรับใดๆจากคนที่กำลังบังคับพวกมาลัยท่ามกลางสถานการณ์เสี่ยงตาย
ทุกอย่างยังคงตรึงเครียด เหลืออีกสิบแล็ปสุดท้าย ผู้กระหายชัยชนะสองอันดับแรกยังคงขับรถได้น่าหวาดเสียวเช่นเดิม จงอินพยายามปาดเพื่อพาตัวเองขึ้นแซงในขณะที่ผู้นำอันดับหนึ่งของสนามก็คอยปากซ้ายปาดขวาเพื่อป้องกันตำแหน่งของตนเองเอาไว้
ฝนตกหนัก... ถนนลื่นมาก...
จงอินอยู่ในความเร็วสองร้อยกิโลเมตร
เซฮุนรู้ว่ามันเร็วแค่ไหน เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเพิ่งจะไปร่วมงานเปิดตัวของค่ายรถในฟิลิปปินส์ด้วยกัน นั่งอยู่ด้วยกันในห้องโดยสารที่ความเร็วสองร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงจากปลายเท้าของคิมจงอิน
การคบกันของเราเปิดกว้างมากขึ้นหลังจงอินสามารถขึ้นที่หนึ่งได้สามสนามติด เมื่อปีที่แล้ว และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าเขาเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต ทั้งที่ไม่คิดว่าจะต้องเปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่จงอินก็ยืนยันว่าเขาจริงจังในการพิสูจน์ให้คนทั้งโลกรู้ว่าโอเซฮุนเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา
เราพูดถึงความเร็วนั่นอีกครั้งหลังบทรักริมชายหาดจบลง แสงเทียนสะท้อนกับผิวเปลือยสีแทนของเขาซึ่งเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์คและคราบคาวความรักของผม เขายิ้มกว้างจนตาหยีตอนกดจูบลงบนกลีบปากของผม เอ่ยคำถามอันแสนทะลึ่งตึงตังว่าเมื่อสักครู่รู้สึกว่าเขาซอยถี่ได้เร็วเท่าความเร็วของรถวันนี้หรือเปล่า
“ทะลึ่งหน่าจงอิน...”
“อยากรู้จริงๆนะ" จงอินยังคงกระเซ้าจะเอาคำตอบจากปากของผมให้ได้ ปลายจมูกมู่ทู่อันเป็นเอกลักษณ์นั้นซุกลงกับซอกคอขาวขณะดันร่างผอมระหงลงไปแนบกับผืนเตียงโอเพ่นแอร์แล้วพรมจูบวนไปบนหัวไหล่กลมกลึง
“มันเทียบกันได้ที่ไหนเล่า...ฮื่อ...” เขาเผลอปล่อยเสียงครางยาวออกมาตอนที่จงอินขบเข้ากับซอกคอขณะสะกิดที่ยอดอก ดวงตาสีกาแฟคู่นั้นขยับขึ้นมามองจ้องกับผมก่อนจะเคลื่อนลงไปชิมผิวเนื้อขาวที่อยู่ต่ำลงไป...ต่ำลงไปเรื่อยๆ
“...อือ...กี่ทีก็หวาน"
“อ๋า..จงอินนา...พอก่อน...”
“หืม...”
“อ่ะ อื้อ...จงอิน...”
“ตอบก่อนสิว่าตอนไหนเร็วกว่ากัน" ขาเรียวถูกจับให้แยกออกอีกครั้ง เกี่ยวพาดอยู่กับข้างเอวหนาสอบของร่างสูง จงอินจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่เรียวที่กำลังเปิดปรือริบหรี่เพราะแรงอารมณ์ ใบหน้าคมคร้ามก้มลงไปจนปลายจมูกของทั้งสองชิดกันแล้วค่อยๆสอดกายแทรกเข้าไปด้านใน "เร็วสิเซฮุน...บอกผมหน่อย...”
“ผมไม่...อ๊า...ไม่รู้...” จงอินเริ่มขยับ สะโพกที่กำลังเคลื่อนเข้าออกส่งผลให้เกิดเสียงเนื้อกระทบกันอย่างห้ามไม่ได้เหมือนกับอารมณ์ของเซฮุนที่พุ่งสูงอย่างห้ามไม่ได้เช่นกัน
“เซฮุนนา...อ่า...” แต่จงอินก็ยังคงดื้อ เจ้าของผผิวเปลือยสีเข้มยังคงอยากได้คำตอบอยู่ดี "ตอบหน่อยสิ...”
“จะรู้อึก...รู้ได้ไง...ฮื่อ....” ท่อนแขนเรียวยกขึ้นคล้องพาดกับลำคอแกร่งของร่างสูง เซฮุนหลับตาพร้ิมลงไปจนเห็นแพรขนตาสีดำสนิทที่ตัดกับผิวขาวเจือริ้วแดง ริมฝีปากบางเฉียบที่แดงฉ่ำเพราะรสจูบสั่นขยับไปมา "ก็จะมะ..อ่า..เมื่อเช้า...หรือตอนนี้...อื้อ...มันเสียว...ฮื่ออออ...มันเสียวเหมือนกัน"
คำตอบของเซฮุนคงจะทำให้จงอินพอใจ... สิ่งที่ตามมาจึงเป็นผัสสะอันแสนหนักหน่วง กดลึกไปจนถึงความต้องการที่มากล้น
จงอินยิ้มให้เขาตอนที่ถอนตัวออกมา บดจูบลงมาอีกครั้งอย่างคนที่พยายามจะเลิกราจากอะไรสักอย่าง ดวงตาสีกาแฟคู่นั้นมองตรงมาที่เซฮุนซึ่งนอนหอบซุกอยู่กับแผ่นอกของเขา
“ผมรักเซฮุนมากกว่าความเร็วในสนาม มากกว่าอะไรทั้งนั้น" จงอินกระซิบบอกด้วยเสียงแหบพร่า "ต่อให้ไม่ได้ที่หนึ่งในสนาม แค่โดดลงจากรถแล้วเห็นเซฮุน แค่นั้นก็เหมือนเป็นเวิร์ลแชมป์แล้ว...”
คำพูดประโยคนั้นก้องอยู่ในหัวของจงอินซึ่งเป็นคนกล่าวมันเอง สายฝนทำให้เขารู้สึกเหนอะหนะและไม่สบายตัว ผู้คนรอบสนามทำให้ความเครียดของเขาพุ่งทวีขึ้นเป็นเท่าตัวในแต่ละนาที การสกอร์บอร์ดสีแดงที่ตระหง่าน บอกตำแหน่งล่าสุดในสนามนั่นกดดันเขาจนอยากจะยุติทุกอย่างลงเสีย
เสียงบอกการมาถึงของแลปสุดท้ายทำให้เขาขมวดคิ้ว
ใบหน้าคมเหลือบมองกระดานไฟตรงหน้า เขาเห็นว่าตัวเองเป็นที่สองอยู่ในตอนนี้ เยื้องจากหน้ารถของเขาไปอีกไม่กี่ช่วงแขนคืออันดับหนึ่งในสนามที่กำลังปาดป่ายกันไปมาอย่างหิวกระหาย สายฝนคงเหมือนกับเหล็กหนามมากมายที่เขาค้องฝ่าฟันในตอนนี้
และเป้าหมายสุดท้ายของเขาคือการเป็นที่หนึ่งของสนาม...
ที่หนึ่งอย่างนั้นเหรอ...นั่นคือเป้าหมายที่คิมจงอินต้องการหรือไง
อยู่ๆจงอินก็ยอมลดความเร็วของตัวเองลงมา เขายอมทิ้งห่างจากอันดับหนึ่งสนามอีกหนึ่งช่วงแขน ไม่ได้ทำอะไรที่มากไปกว่าการรักษาระดับของตัวเองเอาไว้ และขับตามคันหน้าไปอย่างใจเย็น
คนทั้งสนามแปลกใจกับการกระทำของจงอิน หลายคนสบถด่าออกมาเสียงดังเมื่อรู้สึกว่านักขับวัยหนุ่มช่างแสนโง่เขลาที่ทิ้งระยะออกมาเช่นนั้นและแสดงชัดเจนว่ากำลังขับตามคู่แข่ง ทีมงานของฮุนไดเรซซิ่งขมวดคิ้วเป็นปมแน่น บ้างสงสัยกับการกระทำของคิมจงอิน บ้างก็ลุ้นให้จงอินทำอะไรสักอย่างมากกว่าการขับตามคู่แข่ง ผู้พากย์เอ่ยจิกกัดเขาเมื่อถึงโค้งกว้างซึ่งง่ายต่อการแซง หาว่าคิมจงอินคนกล้าหายไปแล้วเหลือเพียงจงอินคนซื่อที่ขับตามตูดคันหน้าไปต้อยๆ
กระทั่งเส้นชัยอยู่ตรงหน้า จงอินก็ยังคงไม่ได้เร่งความเร็ว เขายังคงตามต่อไปเรื่อยๆและได้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่สอง... เสียงโห่ร้องกังวาลไปทั่วขณะที่เขายกแขนขึ้นโบกมือให้กับคนในแสตนด์เชียร์และเหล่าทีมช่างที่วิ่งกรูกันออกมาจากห้องซ่อม
กระนั้นสายตาของเขาก็ยังมองเห็นเพียงแค่โอเซฮุนที่ยืนอยู่กับคริส โอเซฮุนที่ยิ้มจนตาหยีและปล่อยให้น้ำฝนเปรอะไปทั่วทั้งหน้า
รถความเร็วสูงจอดลงตามที่ที่ระบุเอาไว้ จงอินลุกขึ้นมาจับมือกับอันดับหนึ่งและกอดกันเพื่อแสดงความยินดีก่อนจะวิ่งไปเล่นเวฟกับคนที่มาเชียร์ในวันนี้หลังจากถอดหมวกและโม่งคลุมออกสำเร็จ
กรรมการเข้ามาเรียกให้เขาเข้าไปด้านในทั้งทีจงอินยังวิ่งไปไม่ถึงปลายสุดที่เซฮุนยืนอยู่ เขาหันกลับไปมองเบื้องหลัง อันดับหนึ่งวิ่งเข้าไปด้านในแล้วและอันดับสามกำลังจะตามไป...
แต่จงอินกลับเลือกที่จะวิ่งต่อ วิ่งไปที่ปลายแถว ตรงที่โอเซฮุนยืนอยู่และพยายายามโบกมือให้เขากลับเข้าไปด้านในเสีย กระนั้นจงอินก็ไม่สนใจอะไรบนโลกนี้ทั้งสิ้น เขาวิ่งไปตรงนั้น คว้าเอาร่างบอบบางของโอเซฮุนที่โชกน้ำฝนมากอดไว้ในอ้อมแขน เสียงโห่แซวดังมากจนเซฮุนเขินหน้าแดงแต่จงอินก็ไม่สนใจ เขากลับรัดเซฮุนเอาไว้แน่นมากกว่าเดิม
“รีบไปได้แล้วหน่าจงอิน...” เซฮุนกระซิบบอกทั้งรอยยิ้มหลังจากผละออกมา มือหนาของจงอินประคองไปที่แนวกรามสวยแล้วก้มลงบดจูบกับริมฝีปากที่ถูกกัดจนแดงช้ำเพราะการลุ้นระทึกตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง
จูบนั้นอาจทำให้เสียเวลาแต่จงอินก็ไม่สนใจ กรรมการผู้ใหญ่ตะโกนเรียกซ้ำอีกครั้งแต่เขาก็ยังไม่สนใจ...
เพราะคิมจงอินรู้แล้วว่าจุดมุ่งหมายสุดท้ายของเขาไม่ใช่โพเดี้ยม ไม่ใช่ถ้วยรางวัลใบใหญ่ ไม่ใช่ขวดแชมเปญที่พอเปิดแล้วพวยพุ่งยาวเป็นสาย
แต่มันคือการรักษาชีวิตของตัวเองไว้เพื่อไปกอดโอเซฮุน
FIN*
แฮปปี้เบิร์ดเดย์แฟนพี่จงอิน
น่ารักให้พี่จงอินเขาคลั่งไคล้ต่อไปเรื่อยๆเลยนะ
ไม่รู้จะทำยังไงกับคัทสั้นๆอันนั้น....
คือแบบ กราบเถอะ อย่าแบนเลยนะ
ถือว่าวันเกิดเซฮุนนะ
ปล. ถึงจะชอบดูเอฟวันเป็นพิเศษแต่เราไม่คิดว่าตัวเองให้ข้อมูลถูกทุกประการ
อ่านเอาหนุกละกัน 55555555555555555555555555
แล้วก็ เราขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยน้าาาาา
ถึงทุกคนจะไม่ได้บอกแต่ก็รู้ว่าเป็นกำลังใจให้อยู่ใช่ม้า (งานมะโนต้องมา)
ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ รักเลอออ <3
ความคิดเห็น