ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu storage }

    ลำดับตอนที่ #12 : MOUTH TWO MOUTH

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 58


    MOUTH TWO MOUTH

    Super Junior / Siwon x Kyuhyun / G / Fluffy / 4649 WORDS

     

     

     

                กว่าจะเคลียร์งานจนหมดทั้งกองเวลาก็ล่วงไปจนเกือบสองทุ่มเสียแล้ว ออฟฟิศมืดสนิทไปมากกว่าครึ่งแถบเหลือเพียงแต่ฝ่ายสถานที่ที่ยังคงต้องประชุมงานสำหรับคอนเสิร์ตเพลงลูกทุ่งในวันพรุ่งนี้ที่กองสุม หมกตัวกันอยู่ในห้องประชุมเท่านั้น

     

                เขาหยัดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ทรงบัลลังก์ตัวเขื่อง ยืดเส้นยืดสายจนสุดแขนหลังจากนั่งจมไม่ได้ลุกไปไหนตั้งแต่สี่โมงครึ่ง มือเอื้อมไปคว้าเสื้อสูทสีเทาที่พาดเอาไว้กับพนักสูง หยิบเอาแฟ้มเอกสารกับโทรศัพท์มือถือที่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะขึ้นมา หันไปตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งตอนที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสวิชต์ไฟ

     

                “อ้าว... ยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”

     

                “เพิ่งเคลียร์เอกสารเสร็จน่ะ พวกคุณล่ะ ยังอยู่กันอีกหรือไง...” เอ่ยถามขณะชะเง้อหน้าไปมองทีมงานกลุ่มใหญ่ที่ยังคงสุมหัวรวมกันอยู่ที่โต๊ะประชุม

     

                “ตำแหน่งสปอร์ตไลท์มันมีปัญหาเลยต้องวางโครงใหม่ทั้งหมด แต่ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะครับ งานมันจี้ตูด แหะๆ"

     

                “ขยันแบบนี้ผมน่าเก็บค่าไฟล่วงเวลาพวกคุณเพิ่ม" ร่างสูงสมส่วนว่าติดตลก เปล่งเสียงหัวเราะตบท้ายมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูจริงจังมากเกินไป "ยังไงก็อย่าลืมเช็คไหเช็คน้ำก่อนกลับกันด้วยล่ะ"

     

                “รับทราบครับท่านประธาน"

     

                ซีวอนยิ้มกว้างกับท่าทางขยันขันแข็งของพนักงานที่ยังกระตือรือร้นได้แม้จะผ่านศึกหนักมาทั้งวันขนาดนี้ เขาตบบ่าหนาของคู่สนทนาเป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินออกไปยังทางเชื่อมสู่บันได ตรงไปยังลานจอดรถกว้างด้านหน้าตึกขนาดย่อมสี่ชั้นของบริษัทรับจัดอีเว้นท์ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังในการทำงานคอนเสิร์ต แม้จะไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่โตมโหฬารแต่ก็มีงานชุกชุมมาตลอดห้าปีที่ก่อตั้งขึ้นมา

     

                ทันทีที่เข้ามานั่งประจำที่คนขับ ชายหนุ่มก็ไม่ลืมจะดึงเข็มขัดนิรภัยลงมาคาดให้เรียบร้อย มือข้างหนึ่งกดโทรศัพท์โทรออกไปหาเบอร์คุ้นเคยส่วนอีกข้างง่วนอยู่กับการบิดกุญแจเพื่อเดินเครื่องยนต์

     

                ร่างสูงเอนกายลงพิงกับพนักของเบาะนั่งระหว่างรอสาย พลางนึกโทษตัวเองว่าทำงานจนลืมดูนาฬิกาตลอดถึงได้เป็นแบบนี้

     

                (ว่าไงครับ)

     

                “อยู่ไหนน่ะ?”

     

                (ยังอยู่ที่สตูอยู่เลย ถึงห้องแล้วเหรอ?)

     

                “เปล่า เพิ่งออกจากออฟฟิศ... ไปรับมั้ย?”

     

               (อืม...) เสียงหลายสายเงียบหายไปสักพัก ได้ยินเหมือนกำลังหันไปคุยกับใครสักคน (ยังไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่เลย กลับไปก่อนก็ได้)

     

                “เอางั้นเหรอ แล้วใครจะมาส่ง ไม่ได้ขับรถไปไม่ใช่เหรอ?”

     

                (พี่ทงเฮมั้ง ไม่ก็พี่เยซอง... เดี๋ยวคงหาทางกลับได้แหละ เพราะนี่ก็ยังอยู่กันครบทีมเลย)

     

                “โอเคๆ งั้นเจอกัน"

     

                (อื้อๆ เจอกัน)

     

                เขาเป็นฝ่ายวางหูไปก่อนเหมือนทุกครั้ง ตามประสาคนที่ทำอะไรก็รวดเร็วว่องไวไปหมด ไม่ว่าจะทำงาน ทำอาหาร หรือใช้ชีวิตส่วนตัว อาจจะรวมไปถึงวาจาเฉียบคนแบบคนปากไวด้วยล่ะมั้ง

     

                คิดแล้วก็ตลกดี...

     

    - - - - -

     

                “หูไม่ดีหรือไงเนี่ย บอกให้กลับไปก่อน"

     

                “...เป็นห่วง"

     

                “มาห่วงอะไรเอาวันนี้เล่า! ยังเหลืออีกเยอะแยะเลย" เจ้าคนปากไวว่า ท้าวเอวสองข้าง คิ้วเข้มขมวดเป็นปมฉับด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่กับการปรากฏตัวของเขา

     

                “ก็ไม่ได้บอกให้รีบนี่ ยังไม่เสร็จก็ทำไปสิ" ผมตอบตามความจริงแล้วพลิกนิตยสารแนวศิลปะไปอีกหน้า พยายามไม่สนใจมองอีกคนหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่ก็ยังมีเสียงจิ๊จ๊ะตามมาหลอกหลอนเป็นระยะ โจวคยูฮยอนก็แบบนี้นั่นแหละ ขอให้ได้ฟึดฟัดไว้ก่อน พอเอาเข้าจริงๆเดี๋ยวก็ยอมเองแหละ

     

                “ถ้าคืนนี้นอนนี่ก็นอนไปด้วยเลยแล้วกัน"

     

                “ก็ได้นี่... ไม่มีปัญหา...”

     

                “นี่! ทำไมชอบทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนจังนะ" หัวรองเท้ามู่ทู่เตะเข้าที่ข้อเท้าของผมอย่างเอาเรื่อง เจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้จนเงาสะท้อนทาบมิดหัว ริมฝีปากแดงสดที่ติดลิปบาล์มเหมือนเด็กติดลูกอมเบะบึนยกขึ้นอย่างเอาแต่ใจ และดูเหมือนกำลังพยายามจะสรรหาถ้อยคำประหลาดๆมาดุด่าให้ผมหลาบจำอีกต่างหาก

     

                แต่เห็นแล้วเปล่ากลัวนะ น่าเอานิ้วไปเขี่ยแล้วจูบหนักๆ

     

                “ไม่ร้อนเท่าไหร่ วันนี้อากาศเย็น"

     

                “ซีวอนนิม! ใช่เวลาล้อเล่นไหม?!” ดูเหมือนจะเริ่มอารมณ์เสียหนักกว่าเก่าเพราะมันเป็นการเตะเท้าเข้าใส่ครั้งที่สอง "กลับบ้านไปก่อนเลย"

     

                “ไม่กลับครับ จะรอเมีย" ผมยอมปิดนิตยสารบนตักแล้วเอื้อมไปคว้าข้อมือขาวของเขา กระตุกแรงเบาสองสามครั้งให้พอย่ามใจก่อนจะใช้แรงทั้งหมดดึงเจ้าลูกหมูให้เซถลาลงมานั่งอยู่บนตัก

     

                “เฮ้ย!! ไอ้บ้า!! ปล่อยยย!! เดี๋ยวคนอื่นเห็นอ้ะ!”

     

                “หืม... ใครคนอื่นเหรอ... เขาไปงานแต่งเราหมดไม่ใช่เหรอทีมคุณอ่ะ คนอื่นที่ไหนกัน"

     

                “แต่นี่มัน....ที่ทำงาน!” ดิ้นไปตอบไป และนั่นก็ทำให้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ โจวคยูฮยอนจะรู้ตัวบ้างไหมนะว่าขยันทำตัวน่ารักเข้าไปทุกวันทุกวัน ต่อให้มีเนื้อจ้ำม่ำจนอุ้มไม่ไหวก็ยังรู้สึกว่าน่ารักน่าฟัดอยู่ดี

     

                “ที่ทำงานเวลาเลิกงาน... ทำอะไรก็ได้"

     

                “ผีสิ!” พอรู้ตัวว่าขัดอะไรไม่ได้เลยยอมนั่งนิ่งตัวเกร็งแล้วปล่อยให้ผมกอด เบือนหน้ากลับมามองกันเพียงแค่เสี้ยวเดียว มือก็พยายามข่วนเกาที่ข้างแนวต้นขาของผมหวังจะให้ปล่อย ซึ่งบอกเลยว่ายากหน่อยนะครับที่รัก ผมรู้หมดแหละว่าคุณจะทำอะไรตรงไหนยังไง

     

                “ผีผ้าห่มต้องที่บ้านนะ"

     

                “อ้อนตีนอ่ะ! ฮื่อออออ... ไม่เอานะ ไม่เอาพี่ซีวอน ฮื่อออออออออออออ!!!!” ผมไม่ปล่อยให้เขาโวยวายนานเกินควรจึงจัดการรวบมือรัดไปรอบเอวแล้วดึงอีกฝ่ายให้เอนทับมาพิงอกของผมเหมือนกับเวลาที่เขาพิงพนักเก้าอี้ วางปลายคางลงไปบนบ่าก่อนจะเริ่มซุกไซ้ขึ้นสูงจนถึงต้นคอด้วยตอหนวดสั้นที่เพิ่งจะเริ่มผุดขึ้นมาหลงการโกนไปเมื่อสองสามวันก่อน

     

                เจ้าหมูดิ้นขลุกขลักอย่างกับจะถูกพาไปโรงเชือด ระยะประชิดทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนจางน่ากดจมูกลงไปเบียดบนแก้มขาวนุ่มปุกปุยนั่นเหลือเกิน คยูฮยอนส่งเสียงประท้วงดังขึ้น สะบัดขาดิ้นไปดิ้นมาอย่างเอาแต่ใจ ซึ่งบอกเลยว่ามันใช้ไม่ได้หรอก

     

                “ซีว๊อนนนนนนนนนนนน!!”

     

                “เหนื่อยไง ขอกำลังใจ"

     

                “กำลังใจที่หน้าพ่องงงงงง!!”

     

                “หูย... ใครสอนให้พูดอะไรแบบนี้" ผมชะงักแรงทั้งหมด ยอมปล่อยให้เขานั่งในท่าทางปกติบนตักแต่มือก็ยังรัดอยู่รอบเอว ชะโงกหน้าข้ามบ่าไปมองเจ้าของริมฝีปากร้ายกาจที่ยู่ยับไม่พอใจ แถมทำท่าเหมือนจะเอ่ยเถียงอะไรออกมาสักอย่าง

     

                “ก็ซี-- อื้ออออ!!”

     

                จังหวะที่คยูฮยอนก้มลงมาจะตอบคำถาม ผมก็ชะโงกขึ้นชิงกดริมฝีปากแนบลงไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว (รับรองว่าเรื่องแบบนี้ผมถนัดมาก) มือข้างหนึ่งรีบละขึ้นมากดท้ายทอยของเขาเอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหน ริมฝีปากก็เม้มดึงกลีบปากชมพูนุ่มของอีกคนเอาไว้อย่างเอาแต่ใจก่อนจะดูดดุนแล้วสอดลิ้นผ่านเข้าไปด้านใน แรงกวัดวกไปวนมาในนั้นถือเป็นการลงโทษสำหรับเด็กนิสัยไม่ดีที่เอาแต่กร่นด่าเขาแล้วกันนะ

     

                ตอนแรกคยูฮยอนก็ดูเหมือนจะไม่อยากร่วมด้วยสักเท่าไหร่ แต่ทำไปทำมาก็ยอมหยุดดิ้นแล้วเป็นฝ่ายเบียดเข้าหาแทน แขนเรียวยกขึ้นมาโอบคล้องรอบลำคอผม ถึงจะมีบางจังหวะที่ผละออกจากกันแต่สุดท้ายก็จบด้วยการโน้มเข้ามาฉกชิมกันใหม่อีกรอบและอีกรอบ

               

                “ชื่นใจ...”

     

                “พอเลย...ไอ้คนทะลึ่ง หื่นกาม ตัณหากลับ"

     

                “ถ้าโดนด่าขนาดนี้คงต้องเอาให้คุ้มเลยนะ" ผมแกล้งวางมือไปที่ขอบสะโพกของเขาเล่นเอาดวงตากลมเบิกโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจแล้วถดหนีทันที

     

                “บ้า!!”

     

                “ถ้าที่บ้านไม่ถือว่าบ้านะ...” ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงพร่า ซึ่งก็โดนมือที่โอบอยู่รอบคอเคาะเข้ามาให้กลางกะโหลกอีกที เห็นดังนั้นเลยเงยหน้าขึ้นจูบไปที่ปลายคางมนแล้วไต่สูงขึ้นไปจนถึงริมฝีปาก คยูฮยอนไม่ได้ห้ามแค่เบี่ยงหน้าหนีแบบที่รู้ว่าตัวเองไม่มีทางรอด

     

                ริมฝีปากผมเข้าใกล้เขามากขึ้นจนรู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสกับเนื้อนุ่ม ทว่าเสียงผลักประตูจากเบื้องหลังทำให้พวกเราต้องรีบผละออกจากกัน

     

                “ว็อทเดอะ!!!!”

     

                โคตรเกลียดไอ้เด็กเฮนรี่เลยให้ตาย...

     

    - - - - - -

     

    ขอพี่ลั่นสั้นๆได้ไหม

    5555555555555

    ตอนแรกจะลั่นยาวกว่านี้แต่แบบไม่ไหว

    คือมีสอบ หนังสือไม่อ่าน เจอรูปปุ้บ อุเหม่ เด้งดึ๋งมาก 55555555555555

    เอาแค่นี้ไปก่อน ถ้าหลังสอบมีไรให้ฟินอีกพี่มาแน่ มาพร้อมปืนพี่ซีวอนบอกเลย

    mx-xine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×