คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Querencia | 03 (end)
{
Querencia }
Super Junior / Siwon x Kyuhyun / PG15
NOTE
SONG : GHOST / ELLA HENDERSON
https://www.youtube.com/watch?v=t_k-vs5BxYk
Querencia (n.)
a place from which one's strength
is
drawn, where one feels at home, the place
where you are your most authentic self.
แด่ วิลเลี่ยม วู และความทรงจำของเรา
03
คยูฮยอนเหลือบมองโบว์ชัวร์โครงการดำน้ำที่หมิ่นเหม่จะหล่นร่วงจากโต๊ะพับเป็นรอบที่ร้อยด้วยความรู้สึกลังเลแบบเดิมๆ
ทั้งที่คิดว่าจะลองมาทำอะไรที่มันเปิดหูเปิดตาเพื่อสะสางความเครียดขรึงจากเรื่องในครอบครัวแต่เขากลับรู้สึกว่าตอนนี้กลับเครียดกว่าเดิมขึ้นไปอีกหลายเท่า... เขาไม่เคยดำน้ำแบบจริงจังมาก่อนในชีวิต
อย่างมากก็แค่ลองไปเรียนเป็นคอร์สตอนเมื่อไปเยือนอินโดนีเซีย
แต่มันก็ไม่ได้โหดมากขนาดดำดูปะการังน้ำลึกอะไรจำพวกนั้น
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาชีวิตของเขาวุ่นวายจนแทบหาความสุขไม่เจอ
ตั้งแต่เรื่องต้นฉบับ งานสัมนาด่วนที่เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
ลามไปจนถึงเรื่องภายในครอบครัวกับความจริงสุดสะเทือนใจจนทำเอาเขาต้องลุกออกมาจากโต๊ะอาหารเย็นเมื่อพ่อพูดถึงเรื่องของแม่ที่นำไปสู่ความจริงบางอย่างว่าเขาถูกหลอกมาตลอดชีวิต
ความจริงคือพ่อและแม่ของเขาแต่งงานกันด้วยข้อกำหนดบางอย่างซึ่งเขาไม่ได้ถามต่อว่ามันคืออะไร
เรื่องแย่ก็คือทั้งคู่ไม่เคยมีความรักต่อกันเลยมันจึงเป็นชีวิตคู่ที่เละเทะพอตัว
เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อคนรักจริงของพ่อตั้งท้องอย่างไม่ตั้งใจประจวบเหมาะกับที่ทางบ้านของทั้งพ่อและแม่กดดันเรื่องการมีทายาทสืบตระกูล
พ่อจึงตกลงกับแม่ว่าจะให้ลูกของคนรักตัวจริงมาเป็นลูกของทั้งสองและแม่ก็ยอมเพราะเธอมองไม่เห็นทางอื่นอีกแล้ว
ดังนั้นแม่จึงถูกย้ายออกไปนอกเมืองให้พ้นสายตาญาติเป็นเวลาเกือบแปดเดือน
ทุกอย่างปิดเป็นความลับโดยพ่ออ้างว่าแม่ไม่แข็งแรงและควรใช้ชีวิตในต่างจังหวัดมากกว่าในเมืองหลวง
ทุกคนไม่คัดค้านหรือสงสัยอะไรแม้แต่ตอนที่พ่อยืนยันไม่ให้ใครไปพบแม่ก็ตาม
ก่อนที่เธอจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผมในอีกหนึ่งปีถัดมา
หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มละเลยแม่มากขึ้น
มากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าญาติฝ่ายแม่ไม่พอใจกับเหตุการณ์นั้นซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้พ่อรู้สึกสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
ยิ่งกว่านั้นคือพ่ออาจจะต้องการให้เป็นเช่นนั้นเพื่อตีตัวออกห่างจากแม่
ทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับมาตลอดกระทั่งเมื่อห้าเดือนที่แล้วคยูฮยอนต้องเดินทางไปที่แคนาดาและสถานทูตได้ขอสูจิบัตรเพื่อยืนยันตัวตน
สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวตกใจคือชื่อของเธอคนนั้นที่ปรากฎอยู่ในช่องมารดา
ทว่าด้วยความเร่งของงานทำให้เขาเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนแล้วติดต่อพ่อหลังจากส่งงานเรื่องแวนคูเวอร์ไปแล้ว
คำตอบที่ได้มาก็คือความจริงทั้งหมดที่ทำให้เขาสะอิดสะเอียนตัวเองจนแทบจะอ้วกออกมา
อาการของเขาไม่ดีขึ้นจนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งถามเขาว่าดำน้ำเป็นหรือเปล่า
และมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาเลือกนั่งเครื่องบินทางไกลไปที่บราซิลเพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
คยูฮยอนคิดว่ามันคงจะช่วยทำให้ทุเลาความเครียดทั้งหมดได้
เหมือนกับที่เพื่อนสมัยมัธยมของเขาเคยหนีไปเที่ยวเวียดนามตอนเลิกกับแฟนโดยอ้างว่าการเดินทางจะช่วยผ่อนคลายเวลามีเรื่องทุกข์ใจเพราะเราจะลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อจดจ่อกับสภาพตรงหน้าซึ่งแปลกใหม่และยากเกินกว่าจะเข้าใจ
คยูฮยอนไม่มีความรู้ภาษาบราซิล หรือ โปรตุเกส เขาจึงคิดว่าที่นี่เหมาะสมมากที่สุด
การดำน้ำเป็นไปอย่างสนุกสนาน
เขาได้รู้จักเมลินดา เธอเป็นอดีตนักว่ายน้ำ พวกเราคุยกันหลายเรื่อง
แทบจะทุกเรื่องเลยก็ว่าได้เพราะเธอมีอัธยาศัยดี
แม้ว่าภาษาเกาหลีจะทำให้นึกถึงเรื่องของพ่อและแม่แต่เมลินดาก็สามารถลบมันออกไปอย่างง่ายดายนามเธอชี้ชวนให้เขาดูสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นในการดำน้ำก่อนวันสุดท้าย
พวกเขาล่องเรือออกนอกชายฝั่งไประยะหนึ่งเพื่อสำรวจจุดที่สวยงาม ทว่าเกิดคลื่นลมแรงขณะเราดำดิ่งลงไป
ครั้นเมื่อโผตขึ้นมาฝนก็ตกปรอย กว่าจะรวมพลได้ครบ พายุฝนก็โหมกระหน่ำลงมา
คยูฮยอนกลัวจนตัวสั่นแต่เมลินดาและแฟนหนุ่มของเธอก็พยายามปลอบประโลมเขา
ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาทีคลื่นลูกใหญ่ก็พัดสาดเข้ามาที่ตัวเรือของพวกเขา
เรากลิ้งโคโล่กันไปคนละทิศคนละทางก่อนที่ท้องเรือจะยกหงายขึ้น
ความเย็นชื้นจากปลายเท้าจนถึงยอดศีรษะบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาร่วงลงมาจากเรือเสียแล้ว
คยูฮยอนหวาดกลัวไม่ได้สติ
เขาพยายามตะเกียกตะกายเพื่อเกาะอะไรสักอย่างทว่าคลื่นลมก็ซัดให้ตัวของเขาปลิวห่างออกไป
เสียงทุ้มกังวาลของเมลินดาตะโกนเรียกชื่อเขาฝ่าสายฝนก่อนที่เธอจะเข้ามาโอบอุ้มเขาเอาไว้
แขนทั้งสองข้างเผลอรัดเธอเอาไว้แน่น แรงของเขากำลังจะหมดเหมือนกับสติที่ทำให้มองเห็นท้องฟ้าสีเทาเป็นสีแดงสีเขียว
หลังจากนั้น
น้ำก็ท่วมมิดหัว...
เขาเห็นหน้าแม่ชัดเจนแต่แย่เหลือเกินที่ไม่สามารถคว้าเธอเอาไว้ได้
- - -
คยูฮยอนไม่ได้คุยอะไรกับสถาปนิกหนุ่มตั้งแต่บทสนทนาวันนั้นจบลง เขาหมกัวอยู่ในบ้านหลังเล็ก ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นลำพังผ่านสายตาจ้องมองไปยังเพดานสีหม่น บางครั้งก็ยอมรับสายทงเฮและบางครั้งก็แสร้งทำเป็นไม่มีเวลาว่าง ใจหนึ่งเขาอยากให้ญาติคนสนิทลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวว่ามันจะมีอะไรสักอย่างที่เปลี่ยนไปอีกซึ่งตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงไม่เคยเป็นเรื่องดีเลยสักนิด
กระทั่งเช้าวันนี้ นักเดินทางผู้กำลังลี้ภัยจากอดีตได้ยินเสียงเขย่าประตูรั้ว ครั้นชะโงกออกไปมองก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลุงจองซูกับไม้เท้าค้ำยันและรอยยิ้มประดับแต่งอยู่บนหน้า
“รบกวนสักอย่างสองอย่างได้ไหม?” ซุ่มเสียงแหบแห้งเอ่ยถาม แน่นอนว่าคยูฮยอนไม่มีทางปฏิเสธ
“ได้สิครับคุณลุง"
“มาช่วยกันย้ายต้นไม้หน่อยสิ" ทั้งวันนี้จึงกลายเป็นกิจกรรมเรียกเหงื่อบริหารร่างกายที่ทำเอาปวดเนื้อปวดตัวไปกันทั้งเด็กหนุ่มและชายแก่ ต้นไม่จากสวนบางส่วนย้ายมาอยู่ที่หน้าบ้าน บางส่วนถูกย้ายจากกระถางลงไปในดินที่น่าจะทำหน้าที่แบกรับรากยาวบของมันได้ดีกว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันเแป็นครั้งแรกที่เขากับลุงจองซูได้คุยกันถึงหลากหลายเรื่องราวซึ่งมันทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีเชียวว่า ทำไมทุกคนถึงรักคุณลุงคนนี้น่าดู
ลุงจองซูเป็นผู้ชายหลายสมัย จะว่าให้ถูกคือมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ผกผันหมุนเวียนไปกับโลกใบนี้ มุมมองพวกนั้นทำให้เขาขบคิดตาม แม้บางเรื่องจะเข้าข่ายคนหัวโบราณแต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่มันช่างเป็นเหตุเป็นผลกันเหลือเกิน เมื่อลองคิดตามคำพูดเหล่านั้น โลกอีกด้านที่ไม่เคยเห็นก็แผ่ปรากฎขึ้นมาเบื้องหน้า แต่เรื่องที่ทำให้หูผึ่งมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องของสถาปนิกที่หายหน้าหายตาไปเช่นกัน
“หมอนั่นตอนมาใหม่ๆก็ไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน" คุณลุงตอบเมื่อเขาถามว่าตอนที่ซีวอนมาที่นี่ช่วงแรกเป็นอย่างไรบ้าง "พูดจาโผงผางไม่รู้เรื่อง ถือขวดเหล้าหอบไปนั่นมานี่อย่างกับอุ้มลูก แต่ทุกคนก็เข้าใจ... คนที่สูญเสียคนที่รักมากไปมันยากจะครองสติเอาไว้ ฉันเห็นแล้วยังนึกถึงสมัยหนุ่มๆที่แอบชอบเสมียนโรงเกลือแต่เขาไม่เล่นด้วย รู้ตัวอีกทีเขาแต่งงานข้าก็หวิดจะโดดลงทะเลหลายครั้ง"
“ไม่อยากเชื่อ... คนใจเย็นแบบคุณลุง...”
"ไม่หรอก... รู้ไหมว่าคนเราพออายุเปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยน ที่จริงแค่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปสักอย่างสองอย่างเราก็เปลี่ยนแล้ว ซีวอนเองก็เหมือนกัน โชคดีที่มันไม่ใช่คนยึดติดมากมายถึงได้รู้เรื่องเร็วหน่อย"
“ยังไงเหรอครับ?” ร่างผอมถามขณะทิ้งตัวลงบนแคร่ทั้งเหงื่อโชกชุ่มไปทั่วกาย
“เห็นอนามัยไหมล่ะ มีไม่กี่เหตุผลที่ชาวบ้านจะไปที่นั่น ส่วนมากเพราะโดนงูกัด... ตอนนั้นซีวอนมันทำงานอยู่ที่โรงเรียน เห็นว่าไปหาอาจารย์หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ ข้าก็จำไม่ค่อยได้ว่ามันเป็นยังไงนะ แต่เย็นนั้นมีเด็กคนนึงโดนงูกัดเข้าให้ โชคร้ายที่กว่าคนจะไปเห็นก็เกือบไม่ทัน พิษมันแผ่ไปทั่วทั้งขา เจ้าซีวอนไปถึงอนามัยได้ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว... มันก็นั่งเฝ้าจนเด็กฟื้น คอยเทียวไปเทียวมาหาข้าวหาปลาไปให้กิน ตอนนั้นนั่นแหละที่มันเริ่มดูเหมือนคนปกติธรรมดาขึ้นมาสักหน่อย ก่อนรู้ข่าวร้ายว่าเด็กคนนั้นต้องตัดขาทิ้งเพราะแผลมันเริ่มเน่า มันก็เสียใจน้ำตาไหลเป็นทาง ตั้งสติอยู่วันสองวันก็หายไปจากเกาะ ไม่มีใครเห็นมันราวอาทิตย์ได้แล้วมันก็กลับมาพร้อมกับขาเทียม...”
“ให้เด็กคนนั้น...”
“อืม... ก็เหมือนแฟนมันที่เคยพยายามช่วยคน มันคงได้รู้แล้วว่าตอนเห็นเด็กคนนั้นกลับมาเดินได้มันมีความสุขมากแค่ไหน" จองซูเอื้อมมาตบบ่าของเด็กหนุ่มที่นั่งอ้าปากค้างอยู่ข้างกัน "ตอนที่แฟนมันได้ช่วยชีวิตคนๆนึงเอาไว้ เธอก็คงจะรู้สึกดี"
- - -
เขายืนมองแผ่นหลังกว้างอยู่นานกว่าจะกล้าเดินเข้าไปยืนขนาบข้างอยู่ตรงนั้นแล้วเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย ความรู้สึกเบาหวิวเหมือนลอยไปตามลงปะทะทั้งร่างตอนที่อีกฝ่ายหันมาแล้วคลี่ยิ้มกว้าง
“ไง"
คำพูดที่ตระเตรียมมาระหว่างทางก็คงจะหล่นหายไประหว่างทางเช่นกัน คยูฮยอนนึกอะไรไม่ออกในหัว มันมีแต่เสียงคลื่นลมโบกไหวไปมา สุดท้ายร่างบางได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วมองออกไปที่ผืนน้ำสีมืดตามสายตาของอีกคน
“โกหกก็โกหกให้มันเนียนสิ" ซีวอนว่าติดตลก เอื้อมมือมาโอบไหล่แคบเอาไว้ "นั่นคือฝั่ง นายเห็นใช่ไหม?” ปลายนิ้วชี้ชวนให้ดูฝั่งที่มีแสงไฟระยิบระยับเหมือนหิวห้อยในป่า เจ้าของไหล่พยักหน้าตาม เพ่งสายตามองตามด้วยความสงสัย
“อาฮะ"
“นายมาจากที่นั่น ฉันเองก็เหมือนกัน" ซีวอนพูดเสียงเบาจนคล้ายกับกระซิบ "บางทีฉันก็สงสัยว่าตัวเองทำไมถึงยังไม่กลับไปทั้งที่ทุกอย่างก็เสร็จแล้ว...ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมาเพื่ออยู่นานแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราเปลี่ยนไปตลอดเวลา"
คยูฮยอนไม่เข้าใจนัยที่อยู่ในนั้น แต่เขาเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่บราซิลและเรื่องทั้งหมดระหว่างเราที่มันเป็นความสัมพันธ์แบบขรุขระ กระอักกระอ่วนชวนอ้วกอย่างแน่นอน
"ฉันเคยเกลียดนาย ถ้าเราเจอกันเมื่อปีสองปีที่แล้วฉันอาจจะขับรถชนนายตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ ลึกๆในใจฉันอยากผลักนายให้หายไปกับทะเลเหมือนกับที่เมลินดาหายไปในนั้น... แต่มันคงตลกน่าดู เธอช่วยนายขึ้นมาจากทะเลแล้วคนที่สัญญาจะทำเพื่อเธอทุกอย่างกลับเลือกผลักนายกลับไปในนั้น" ซีวอนหันมามองหน้าเขา บนใบหน้าคมคร้ามมีรอยยิ้มจางอ่อนประดับอยู่ มันไม่ได้ดูปั้นแต่งหรือปลอมแปล
“คุณคงรักเธอมาก"
“ฉันคงแต่งงานกับคนที่ไม่รักหรอก ตลกสิ" คิ้วเข้มของสถาปนิกหนุ่มเลิกสูงขึ้น ถลึงตาโตใส่เขายกใหญ่ "ฉันรักเธอแต่มันเปลี่ยนไปทุกวัน ช่วงแรกก็เป็นความรักแบบที่หนังสือหรือเพลงนิยามไว้ แต่หลังจากนั้นก็เหมือนผูกพัน เหมือนคนที่คอยประคับประคองกันไปเรื่อย บอกแล้วไง ว่ามนุษย์มันก็เปลี่ยนไปทุกวันนั่นแหละ"
“ผมไม่เห็นเข้าใจ"
“ไม่ลองรักใครสักคนดูล่ะ?”
“ห๊ะ?” เป็นคยูฮยอนที่ถลึงตาโตเหลือกบ้าง เขามองเจ้าของแขนที่พาดอยู่บนไหล่ด้วยสายตาประหลาด "คนเราจะไปรักกันง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ก็รักใครก็ได้... บางทีอาจจะเริ่มจากพ่อนายนะ"
“...” คราวนี้คยูฮยอนเงียบสนิทโดยไม่คิดโต้เถียงยืนนิ่งให้อีกฝ่ายโอบไหล่เอาไว้ทั้งที่ไม่ได้คิดว่าเราสนิทกันถึงขั้นนี้แต่ก็ไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธอะไรในเมื่อมันไม่ได้เป็นเรื่องราวหนักหนาใหญ่โตเท่ากับสิ่งที่เราผ่านมาด้วยซ้ำ
“ถึงตอนนั้นนายจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงมายืนอยู่ข้างนายตอนนี้"
“...”
“ถ้ามีเมียก็จะรู้ว่าเรารักเธอเท่าๆกับที่รักแม่นั่นแหละ"
- - -
หนึ่งปีถัดมา
ซีวอนไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งดูแผนที่บ้านเกิดของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาก็คือคนที่กำลังกางแผ่นกระดาษในมือกลับซ้ายทีขวาทีประกอบคู่ไปกับแอพพลิเคชั่นนำทางในโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ ชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายมาก เพียงแต่เขาไม่แน่ใจเลยว่าต้องเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาเพราะมันคล้ายว่าจะเป็นทางตันทั้งคู่
“คุณครับ... คุณครับ?!” เสียงเรียกจากด้านหลังเหมือนจะเป็นแสงสว่างให้กับผู้หลงทาง เขาดันแว่นกันแดดลงมาที่ปลายจมูกแล้วเดินย้อนไปยังยานพาหนะคันเล็กซึ่งใบหน้าของใครบางคนโผล่พ้นออกมานอกกระจก
"ไปไหนครับ ผมช่วยดูไหม?” ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ผมกำลังหาร้านนี้น่ะครับ... ไม่ได้มานานแล้วจำทิศจำทางไม่ค่อยได้"
“อ้อ... ขึ้นมาก่อนครับ" เจ้าของรถว่าแล้วเอื้อมมือมาปลดล็อคประตู "ผมจะไปตรงนั้นพอดี"
“โอ้ โชคดีจัง... รบกวนด้วยนะครับ" ขายาวก้าวขึ้นมานั่งบนเบาะยังไม่ทันจัดการกับเข็มขัดนิรภัยได้เรียบร้อยยานพาหนะก็จอดสนิทลง คนหลังพวงมาลัยหันมายิ้มปนหัวเราะที่เห็นสีหน้าเหรอหราของเขา
“ถึงแล้วล่ะครับ” ซีวอนหัวเราะแห้งกลับไปแล้วปล่อยสายเข็มขัดออกจากมือ รอให้เจ้าของรถก้าวลงไปก่อนจะเดินตามออกมาทีหลัง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อร้านที่ปรากฎอยู่ในข้อความ รูปร่างคล้ายคลึงทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้ทำอะไรพลาดไปอีกหลังจากที่เช้าก็พลาดลงผิดสถานีมาแล้ว เสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งดังขึ้นตอนรับเขาก่อนจะตามด้วยคำเอ่ยทักทายของพนักงาน พื้นที่กว้างขวางกับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายทว่าดูหรูหราและร่มรื่นย์ทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจเพราะมันแตกต่างจากประตูทางเข้ารกรุงรังเหลือเกิน กระนั้นมันก็ไม่สำคัญเพราะเขาคงไม่ได้มาชื่นชมบรรยากาศอะไรทำนองนั้น
“ผมมาหา เอ่อ... คยูฮยอน” พอไปหยุดยืนที่หน้าเคาท์เตอร์ ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อผู้ชายสูงวัยที่กำลังง่วนอยู่กับการขีดฆ่ารายการอาหารในบิลเงยขึ้นมองเขา ใบหน้าขรึมคมใสต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมดูเรียบนิ่งเหมือนวันที่ได้เจอกันในโรงพยาบาล วันที่ผู้ชายคนนั้นเข้ามาขอร้องไม่ให้เล่าเรื่องอะไรก็ตามให้ลูกชายของตนเองฟัง ชายมีอายุทำท่าคล้ายจะกล่าวอะไรสักอย่างออกมา แต่ก็กลืนมันลงไปในลำคอ
“ไปบอกคยูฮยอนหน่อยว่ามีแขก” เสียงพร่าหันไปกระซิบกับลูกน้องคนหนึ่งแล้วสายตาคู่นั้นจึงจรดมองกลับมาอีกครั้ง
“เอ่อ...”
“อ้อ จุนมยอน... บอกคยูฮยอนด้วยว่าสำคัญ” ชายคนนั้นส่งยิ้มให้กับเขาที่ยืนเกาปลายจมูกด้วยไม่รู้ว่าตัวเองควรวางท่าทีอย่างไร
“กินอะไรดีล่ะ?”
“…มีอะไรแนะนำมั้ยล่ะครับ?”
“ก็...”
“สำคัญมากแค่ไหนกันเชียวห๊ะ! นี่ ขอร้องล่ะ อย่างให้มันละลายก่อนนะ” ไม่ทันจะเลือกได้เสียงหวานที่ดังมาจากทางประตูหลังร้านก็ดึงเอาความสนใจทางหมดของเขาไป โจวคยูฮยอนสวมผ้ากันเปื้อนลายทางเรียบร้อย ลำตัวสูงโปร่งดูมีเนื้อขึ้นมา ไม่ผอมแห้งเหมือนตอนเจอกันบนเกาะอีกแล้ว แต่ที่ทำให้ซีวอนยิ้มออกมาได้ก็เห็นจะเป็นท่าทางทะมัดทะแมงไม่เคยเปลี่ยนตอนเจ้าตัวคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดมือนั่นแหละ “ซีวอน!”
“เอ้าๆ มารับเองแล้วกันออร์เดอร์เนี่ย” ชายแก่ว่าแล้วหันมามองหน้าเขา
“ขอบคุณอีกทีสำหรับเรื่องบนเกาะนะ” เสียงพร่าแหบกล่าวกับเขาก่อนจะหายเข้าไปในความวุ่นวายข้างหลัง ตรงเครื่องแคชเชียร์โดนแทนทีด้วยคนตัวขาวคุ้นตาผู้ที่ทำให้เขายอมสละเกาะออกมาเปิดหูเปิดตาในเมืองอีกครั้ง
“รับอะไรดีครับ”
“อืม... เอาเป็น”
“อเมริกาโน่นกับแซนด์วิชทูน่าสลัดแล้วกันเนอะ” เสียงนั้นกล่าวขัดขึ้นมาทั้งๆที่เขายังกวาดสายตาไปบนเมนูอยู่
“แล้วเดี๋ยวผมแถมคุกกี้ช็อคโกแลตชิพให้เป็นค่าเรือเข้าฝั่งอีกโหลนึง” ยิ้มกว้างออกมาขณะจิ้มนิ้วลงไปบนหน้าจอระบบสัมผัส ซีวอนได้แต่หัวเราะ เขาเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกของอีกคนก่อนจะชี้ไปยังโซฟาริมกระจกที่ว่างอยู่
“รบกวนขอมานั่งคุยด้วยคนนึงแล้วกัน”
“….” “อันที่จริงของเป็นพนักงานที่ชื่อโจวคยูฮยอนจะดีมากครับ” ซีวอนเว้นช่วงจังหวะ จ้องเข้าไปในดวงตาคู่เรียวที่ดูมีประกายสดชื่นกว่าเคย
“บังเอิญผมคิดถึงเขาเป็นพิเศษน่ะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” พนักงานชื่อโจวคยูฮยอนตอบรับทั้งรอยยิ้มก่อนจะกดส่งออร์เดอร์ไป
x The End x
Merry X'Mas and Happy New Year
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ ปีหน้าจะเป็นปีที่ดีขึ้นแน่นอน <3
ความคิดเห็น