เที่ยงคืน 15 ห้านาที channsoo (เรื่องสั้นตอนเดียวจบ) - นิยาย เที่ยงคืน 15 ห้านาที channsoo (เรื่องสั้นตอนเดียวจบ) : Dek-D.com - Writer
×

    เที่ยงคืน 15 ห้านาที channsoo (เรื่องสั้นตอนเดียวจบ)

    "เด็กดีเที่ยงคืน15นาทีแล้วหลับฝันดีไปด้วยกันนะครับ ดาวินของพี่จะไม่ทรมานอีกต่อไปแล้วนะ"

    ผู้เข้าชมรวม

    97

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    97

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  2 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.ย. 63 / 00:36 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    เที่ยงคืนสิบห้านาที


    ในวันที่โชคชะตาไม่เข้าข้างคนทั้งโลกพร้อมใจกันหันหลังให้วันที่มีเพียงตัวคนเดียวบนโลกกว้างใหญ่ใบนี้ เท้าเล็กๆ ของใครคนนึงกำลังก้าวเดินช้าๆ บนถนนเล็กๆ สายหนึ่งโดยไม่ได้คิดถึงจุดหมายเลยว่ากำลังจะไปที่ไหน เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืน15นาทีแล้ว ใบหน้าขาวผ่องแต่เต็มไปด้วยแววตาโศกเศร้าที่ปิดบังไม่มิดถูกสาดส่องด้วยแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืน ริมฝีปากเรียวบางกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ครานึงราวกับว่าต้องการจะเย้ยหยันให้กับโชคชะตาที่อับเฉาของตัวเอง ความเงียบท่ามกลางอากาศหนาวของต้นเดือนธันวาคม ส่งผลให้ร่างบางสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะหยุดนั่งที่ศาลาข้างถนนอย่างเหม่อลอยสายตาทอดมองออกไปบนท้องฟ้าพร้อมกับหลับตาลงเบาๆ ให้สายลมหนาวกระทบใบหน้าของตัวเองราวกับว่ากำลังคิดอะไรมากมาย

    ดาวินคือเด็กหนุ่มวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น

    แต่ชีวิตกลับพลิกผันจนน่าสงสารถึงเพียงนี้เดิมทีครอบครัวของดาวินคือครอบครัวที่แสนอบอุ่นมีพ่อ แม่ ลูก ที่รักและเข้าใจกันอย่างดีเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาเลยก็ว่าได้แต่แล้ววันนึงเมื่อผู้เป็นแม่จากไปไม่มีวันกลับทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อผู้เป็นพ่อนำใครอีกคนเข้ามาในบ้านและบอกว่าเธอคือแม่คนใหม่ ผู้หญิงคนใหม่ของพ่อคือคนที่ทำดีกับดาวินทุกอย่างเป็นแม่ที่ดีเอาอกเอาใจ เป็นคนที่คอยให้กำลังใจเด็กน้อยเสมอแต่มันก็เกิดขึ้นแค่ตอนอยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อเท่านั้น ลับหลังเธอกลับคือผู้ที่ทำร้ายดาวินจนมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด นอกจากจะด้านร่างกายแล้วจิตใจนั้นยิ่งโดนทำร้ายหนักกว่าร้อยเท่าพันเท่าแต่ไม่สามารถบอกเล่าต่อผู้เป็นพ่อได้เลย

    ร่างบางนั่งถอนหายใจสักพักเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่พลิกผันของชีวิตตัวเองก่อนจะปรากฏเงาร่างของใครบางคนขึ้นตรงหน้า

    "ดึกป่านนี้มานั่งทำอะไรคนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะรู้รึเปล่า"

    ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นภายใต้เงาจากแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบกับร่างสูงโปร่งของเขาจนน่ามองใบหน้าที่รับกับแสงจันทร์อ่อนๆ นั้นบ่งบอกได้ว่าเป็นคนนึงที่หน้าตาดีมากทีเดียว ผิวนั้นขาวจนมองเห็นใบหน้าได้รางๆ แม้จะมืดไปบ้างก็ตาม

    ดาวินมองใบหน้านั้นอยู่นานอย่างเผลอไผล

    ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ลอดออกมาจากหมวกเสื้อฮูดสีดำที่เจ้าตัวนั้นสวมใส่อยู่นั้นรับกับใบหน้าขาวๆ ส่งผลให้ใบหน้านั้นเปล่งประกายโดดเด่นช่างเป็นภาพที่หน้าหลงไหลเหลือเกิน

    "ว่าไงพี่ถาม"

    "....เอ่อออคือ"

    "? "

    ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ เด็กน้อยพร้อมมองออกไปยังดวงจันทร์อีกครั้ง

    "มีเรื่องไม่สบายใจรึไง? ดึกป่านนี้ถึงมานั่งให้ยุงหามเล่นแบบนี้"

    "มีเรื่องไม่สบายใจครับ"

    ดาวินเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ไม่รู้ทำไมถึงเลือกพูดออกมาทั้งที่ไม่บอกคนแปลกหน้าข้างๆ นั้นก็ได้

    "ระบายได้นะพี่จะไม่ถามชื่อเราส่วนพี่ชื่อชาล"

    "..."

    "ว่าไง"

    "ผมดาวินครับ"

    "รู้มั้ยเค้าห้ามบอกชื่อคนแปลกหน้าตอนเที่ยงคืนวันพระจันทร์เต็มดวง โดยเฉพาะเที่ยงคืน15นาที"

    "ทำไมละครับ?? "

    ดาวินเอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมกับหันไปสบตาแป๋วให้กับคนข้างๆ

    "เพราะคนฟังอาจจะจำไม่ได้ไงมันดึกแล้วง่วงๆ เบลอๆ 555"

    "แปลว่าพรุ่งนี้พี่จะลืมชื่อผมงั้นหรอ? "

    "ไม่หรอกพี่จะจำเราได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม"

    "งั้นก็ดีเลยเรื่องราวของผมมันน่าเศร้าและตลกในเวลาเดียวกันวันนี้ก็คงเป็นวันที่ผมแตกหักกับพ่ออย่างแท้จริง ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว"

    -หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้-

    "แกมันเด็กเลี้ยงไม่เชื่องแกกล้าใส่ร้ายแม่แกแบบนี้ได้ยังไง"

    เสียงจากดนุพงษ์ผู้เป็นพ่อด่าทอมายังดาวินไม่หยุดหลังจากที่ผู้เป็นพ่อได้เห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายของลูกชายตัวน้อยและคิดว่าดาวินนั้นไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนตามคำบอกเล่าของ ชนากาญ ภรรยาแสนรักของตน

    เมื่อดาวินบอกความจริงว่าตัวเองโดนทำร้ายจากผู้เป็นแม่เลี้ยงหรือชนากาญ กลับถูกดนุพงษ์ด่าทอและลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายถึงขั้นตบหน้าดาวินอย่างแรง

    "ผมพูดความจริงผู้หญิงคนนี้ทำร้ายผมพ่อไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง"

    "นี่แกกล้าขึ้นเสียงใส่ฉันหรอไสหัวไปแกจะออกไปไหนก็ไป"

    ด้วยควมโมโหที่ลูกชายนั้นขึ้นเสียงใส่ดนุพงษ์จึงหลุดปากไล่ดาวินออกจากบ้าน บ้านซึ่งเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก่อนสำหรับดาวินตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว

    "แม่ไม่เคยตบผม แม่ไม่เคยสักครั้งจะฟังคนอื่นมากกว่าผม ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้วพ่อกลับไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้เลยสัญญาที่ว่าพ่อว่าจะเข้าใจผมให้มากที่สุด"

    "ดาวิน!!! ......"

    ดาวินวิ่งออกมาจากบ้านมาพร้อมรองเท้าแตะเพียงคู่เดียวโดยหวังแค่ว่าอยากออกมาให้พ้นเรื่องแย่ๆ นี้สักที


    ..........................................................


    "ทำไมถึงเศร้านักล่ะแล้วนี่จะกลับบ้านรึเปล่าพี่เดินไปส่ง"

    "ผมไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว"

    "แล้วคืนนี้จะหลับนอนยังไง"

    "ผม..."

    ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อน้ำตาของดาวินก็เริ่มไหลเป็นทางลงมาอาบแก้มใสทั้งสองข้างของเจ้าตัวร่างกายเริ่มสั่นเล็กน้องเพราะพยายามกดเสียง สะอื้นของตัวเองไว้

    "อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยพี่ให้ยืมไหล่"

    "พี่ครับผมไปกับพี่ได้มั้ยผมไม่อยากกลับบ้าน"

    "พี่ยังพาเราไปด้วยไม่ได้หรอกรู้มั้ย"

    "ทำไมละครับ"

    "เอาเป็นว่าเที่ยงคืน15นาทีพี่จะมาหาเราตรงนี้ดีมั้ยถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็ออกมาคุยกันถือเป็นเวลานัดของเราพี่จะคอยรับฟังทุกอย่างเอง"

    "ก็ได้ครับ ผมมาเจอพี่ได้ทุกวันใช่รึเปล่า"

    "ได้สิ"

    "งั้นตกลงตามนี้ครับเกี่ยวก้อยสัญญากัน"

    ดาวินชูนิ้วก้อยข้างขวาของตัวเองขึ้นมารอให้อีกคนทำสัญญากันเพียงไม่นานนิ้วก้อยหนาๆ ของชาลก็เกี่ยวกับนิ้วก้อยของดาวินเป็นการทำสัญญากันว่าเค้าจะมาพบดาวินในเวลาเที่ยงคืน15นาทีของทุกๆ วัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของดาวินเจ้าเด็กน้อยวัย14ปีที่ตอนนี้ดูเหมือนจะลืมความทุกข์ใจไปชั่วขณะรอยยิ้มรูปหัวใจที่ฉีกยิ้มจนดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวนั้นช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากสำหรับชาลคนตัวเล็กไม่เหมาะกับน้ำตาเลยแต่เหมาะกับรอยยิ้มแบบนี้มากกว่า


    ..........................................................


    การพบเจอของดาวินและชาลนั้นบทสนทนามักเต็มไปด้วยความทุกข์ของดาวินเสมอในทุกๆ วันคนตัวเล็กไม่เคยมีความสุขเลยสักนาทีที่อยู่ในบ้าน จนเหมือนว่าการออกมาเจอชาลคือสิ่งเดียวที่เป็นความสุขของดาวินในตอนนี้

    ดาวินจะออกมาจากบ้านตอนเที่ยงคืนของทุกวันเพื่อมาพบกับชาลผู้ชายใจดีคนนั้นที่พบกันในช่วงฤดูหนาวต้นเดือนธันวาคมจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงปลายเดือนธนวาคมแล้วและวันนี้คือวันที่ 31ธันวาคม 2562 วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ดาวินจึงมาพบชาลในเวลา 23.30 น.ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่พร้อมกัน

    "พี่ชาล"

    คนตัวเล็กเอ่ยเรียกชื่อของใครอีกคนที่ตอนนี้ยืนหันหลังมาทางดาวิน ชาลมักจะใส่ชุดสีดำและฮู้ดตัวโปรดก็คงจะเป็นเจ้าฮู้ดสีดำตัวนี้ชาลชอบสวมฮู้ดและมักจะเอาหมวกของฮู้ดนั้นคลุมศรีษะตัวเองไว้เสมอจนเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวไปแล้วและมันก็เป็นภาพที่น่าจดจำอย่างมากสำหรับดาวิน

    "มาแล้วหรอ"

    "ครับวันนี้วินเอาพลุมาด้วยนะจะได้มาฉลองปีใหม่กับพี่ชาลไง"

    "งั้นเราไปฉลองที่บ้านพี่ดีมั้ย? "

    "ผมไปบ้านพี่ได้แล้วหรอครับ? "

    "ได้สิทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ"

    "ก็พี่บอกตอนเราเจอกันครั้งแรกว่าผมไปไม่ได้นี่หน่า"

    "แต่วันนี้ไปได้แล้วไง"

    "เย้!!!! ..เย้!!! วันนี้วินจะได้ไปบ้านพี่ชาลจะไปบ้านพี่ชาลกันนนน"

    ดาวินกระโดดโลดเต้นกอดแขนชาลดุ๊กดิ๊กไปมาไม่หยุดพร้อมกับส่งยิ้มหวานอวดร้อยยิ้มรูปหัวใจมาให้ชาลจนเจ้าตัวอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้บีบจมูกแรงๆ ไปทีนึง

    "โอ้ยย!! พี่ชาลวินเจ็บ"

    "ก็เรามันซนไงไปกันได้แล้ว"

    "ก็ด๊ะ"☹


    ..........................................................


    บ้านของชาลเป็นบ้านทรงยุโรปทันสมัยด้านในตกแต่งอย่างหรูหาด้วยเฟอนิเจอร์ราคาแพง

    ทันทีที่ดาวินเดินเข้ามาก็พบกับความตื่นตาที่ตัวเองไม่คิดมาก่อนว่าบ้านชาลจะหรูขนาดนี้

    "พี่ชาลอยู่กับใครหรอครับ"

    "พี่อยู่คนเดียว"

    "โหบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คงเหงาแย่เลย"

    "ก็นิดหน่อยแต่พี่ชินแล้ว ไปดาดฟ้ากันเถอะพี่มีอะไรให้ดู"

    หลังจากเดินขึ้นมาถึงบนดาดฟ้าของตัวบ้านดาวินก็พบกับงานปาตี้ขนาดเล็กประดับตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสขนาดย่อม แสงไฟหลากสีถูกตกแต่งโดยรอบ ด้านข้างของต้นคริสต์มาสมีตัวหนังสือเขียนตกแต่งไว้อย่างสวยงาม HAPPY NEW YEAR คือตัวอักษรที่ถูกตกแต่งไว้ โต๊ะอาหารสำหรับสองคนถูกวางไว้ริมดาดฟ้าเพื่อให้มองเห็นวิวด้านล่างได้ชัดเจนเทียนหอมที่ถูกวางไว้รอบๆ อย่างสวยงามนั้นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบชวนให้หลงไหล อาหารและเครื่องดื่มที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยราวกับว่าทุกอย่างรอแค่ผู้ที่มาใหม่เข้าไปนั่งก็เป็นอันครบองค์ประกอบของงานค่ำคืนนี้แล้ว

    "นั่งสิจะปีใหม่แล้วนะอีก5นาทีเองมานับถอยหลังกัน"

    "พี่ชาลวินจะร้องไห้แล้วขอบคุณนะครับวินมีความสุขมากๆ มากที่สุดเลย"

    คนตัวเล็กพูดทั้งน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างต้นคริสต์มาสการสวมกอดด้วยอาการร้องไห้ของคนตัวเล็กทำให้ชาลอดไม่ได้ที่จะกอดตอบพร้อมกับลูบลังเบาๆ ให้กับคนตัวเล็กเพื่อเป็นการปลอบโยน

    5

    4

    3

    2

    1

    "HAPPY NEW YEAR "

    "HAPPY NEW YEAR "

    "สุขสันต์วันปีใหม่นะครับพี่ชาลพี่ชาลคือความสุขเดียวของวินนะรู้มั้ย"

    หลังจากนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ดาวินและชาลก็นั่งทานอาหารที่เตรียมไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะเอ่ยประโยคนี้ออกมาที่พูดไปแบบนั้นดาวินก็หมายความแบบนั้นจริงๆ ชาลคือความสุขเดียวของเค้าตอนนี้จริงๆ

    "วินก็คือความสุขของพี่นะถ้าวันหนึ่งพี่จะต้องไปในที่ที่แสนไกลพี่ก็อยากพาวินไปด้วย"

    "วินจะไปกับพี่ชาลจะไปทุกที่ที่มีพี่ชาลอยู่"

    "มานี่สิคนดี"

    ชาลยืนขึ้นพร้อมกับยื่นมือหนาไปหาคนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นการชวนให้อีกคนลุกขึ้นมากับตน ดาวินยื่นมือไปจับมือประสานกันกับชาลก่อนจะลุกขึ้นตามคำชวนและเดินมาที่ขอบดาดฟ้าของตัวบ้านด้วยกันทั้งคู่ยืนอยู่ข้างต้นคริสต์มาสและรอบๆ ตกแต่งด้วยเทียนหอมกลิ่นกุหลาบที่หอมฟุ้งอยู่รายรอบ

    ชาลนั่งลงบนพรมอินเดียผืนสวยพร้อมกับดึงให้ดาวินลงมานอนหนุนตักของตน

    "อีก 3 นาทีจะเที่ยงคืน15นาทีแล้วเรามานับถอยหลังถึงความสุขของเรากันเถอะ"

    "ยังไงหรอครับ"

    "วินหลับตาสิ"

    "ครับ"

    "วินเชื่อพี่นะพี่รักวินรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพี่ไม่อยากเห็นวินต้องทรมานอีกแล้วไปกับพี่นะ"

    "ครับวินจะไปกับพี่วินจะไปทุกๆ ที่ที่มีพี่ชาล"

    "เด็กดีเที่ยงคืน15นาทีแล้วหลับฝันดีไปด้วยกันนะครับ ดาวินของพี่จะไม่ทรมานอีกต่อไปแล้ว"

    ............................................................

    ข่าวด่วน

    08.00 น.ของวันที่ 1 มกราคม 2563 พบร่างหนุ่มน้อยวัย 14 ปี เสียชีวิตจากการกระโดดลงมาจากดาดฟ้าของบ้านเลขที่ 612 ซึ่งเป็นบ้านของนายปาร์ค ชาล อดีตนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุรถชนเมื่อสองปีก่อน

    ทราบภายหลังว่าผู้เสียชีวิตคือน้องดาวิน ลูกชายคนเดียวของคุณดนุพงษ์ เจ้าของธุรกิจอาหารรายใหญ่ของประเทศ คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมงซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะราวๆ เที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยร่างของผู้เสียชีวิตนั้นไม่มีรอยบาดแผลใดๆ ที่บ่งบอกถึงการกระโดดลงมาจากดาดฟ้าและไม่มีใครทราบอีกเช่นกันว่าผู้เสียชีวิตนั้นเข้ามาภายในบ้านได้อย่างไรเนื่องจากบ้านนั้นถูกล็อกอย่างแน่นหนาและไม่มีใครเข้ามาที่นี่อีกเลยหลังจากเจ้าของบ้านเสียชีวิตมีเพียงพ่อบ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเดือนละสองครั้งเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงต้องสืบสวนหาสาเหตุกันต่อไป...

       

               ......THE END.....


    เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเพลงเที่ยงคืนสิบห้านาทีของ 25 hours จากความรู้สึกที่ฟังท่อน

    "เที่ยงคืนสิบห้านาทีกับวันที่ฉันนั่งเหม่อ"

    เลยรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ถ้าเหม่อๆ เศร้าอยู่แล้วมีใครสักคนที่แสนดีโผล่มาเป็นความสุขสักช่วงเวลาหนึ่งก็คงดี ขอแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็พอ....

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น