ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #8 : MABAE 08

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 60


     

    \nervous



    ขาเล็กหยุดชะงักเดินทันทีหลังจากก้มหน้าก้มตาควานหาของในกระเป๋าเป้ของตัวเองแต่ก็โดนใครบางคนเรียกความสนใจโดยการทำของตกตรงหน้าเขา

     

    คัง ดงโฮรีบก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นขึ้นมาลวกๆพลางเอาหน้าจอถูกับกางเกงตัวเอง ทั้งสองยืนมองหน้ากันแปบนึงไม่มีใครพูดอะไรจนสุดท้ายคนตัวใหญ่กว่าก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาเพราะดูท่าทางแล้วอี แดฮวีคงยังประสบภัยความตื่นตกใจอยู่พักใหญ่

     

    “เลิกแล้วเหรอ ทำไมวันนี้เลิกโคตรดึก”

     

    “ผมมีสอบวัดระดับ… ครับ” สติสัมปชัญญะยังคงดึงมาไม่หมด ดวงตากลมโตยังคงเพ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “พี่มาทำอะไรตรงนี้”

     

    “พอดีมาซื้อของแล้วรู้ว่านายเรียนวันเสาร์” แดฮวียังคงมองหน้าดงโฮจนคนโดนจ้องรู้สึกอึดอัด “นี่! เลิกจ้องได้แล้วโว้ย แค่มารอรับต้องตกใจขนาดนี่เลยเหรอวะ”

     

    “พี่มารอรับผมเหรอ”

     

    “เออ!” 

     

    แม่ง จ้องอยู่ได้ เสียความมั่นใจหมด…

     

    “อย่ามาตะคอกผมได้ไหมมมม!” แดฮวีวีนเสียงใส่พลางทำสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ 

     

    “เออ โทษๆ หิวปะเนี่ย” 

     

    “สามทุ่มแล้วห้างปิดหมดแล้วมั้งครับ”

     

    “ก็ไปกินข้างนอกดิ” 

     

    “พี่ดงโฮหิวเหรอ”

     

    “เออดิวะ นั่งรอนายตั้งสามชั่วโมง...” อยู่ๆเจ้าตัวก็เงียบไปเฉยๆ ยิ่งเผลอสบสายตากับแดฮวีก็ลืมสิ่งที่จะพูดไปเสียหมด

     

    “สามชั่วโมงเลยเหรอ”

     

    “จะขี้สงสัยอะไรนักหนา รีบไปสักที หิว!” คนตัวเล็กปากยื่นปากยาวแต่ก็เดินตามดงโฮไปติดๆ อยู่ๆมุมปากก็ยกยิ้มเองอัตโนมัติจนต้องรีบยกมือมาปิดเอาไว้กลัวว่าคนตรงหน้าจะหันมาเห็นเข้า ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต้องเกิดการเดดแอร์แน่ๆ

     

     

    ทั้งสองคนนั่งเงียบกันมาได้สักพักจนป้าเจ้าของร้านเอาอูด้งมาวางไว้ตรงหน้าแดฮวีถึงยอมขยับตัว เขาหยิบตะเกียบทันทีก่อนจะคีบเส้นอูด้งร้อนๆเข้าปาก ดูเหมือนจะหิวจัดจนลืมเป่า

     

    “อื้อออ ร้อนๆๆ”

     

    “ค่อยๆกินไม่เป็นเหรอ” ดงโฮพูดพลางหยิบน้ำแก้วของตัวเองไปวางตรงหน้าอีกคน แดฮวีที่นั่งเอามือจับปากตัวเองเพราะรู้สึกปวดร้อนเหลือบมองคนขี้บ่นก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

     

    “ก็ผมหิว แล้วเอาแก้วพี่มาให้ผมพี่จะกินอะไร”

     

    “ว่าจะเอาเบียร์สักกระป๋อง”

     

    “ไม่ได้นะ!”

     

    “…”

     

    “พี่จะมากินเบียร์ตอนนี้ไม่ได้”

     

    “ทำไม กลัวฉันไปส่งนายไม่ถึงบ้านเหรอไง”

     

    “หลังจากไปส่งผมตั้งหาก พี่ต้องขับกลับคนเดียวนะ มันอันตราย” แดฮวีดูมีสีหน้าไม่พอใจจริงจัง 

     

    “เป็นห่วงฉันเหรอ”

     

    “เดี๋ยวไอ้จินยองมันฆ่าผมตั้งหากถ้ามันรู้ว่าพี่มารับผมแถมยังทำตัวเสเพล”

     

    “เสเพล? นี่ฉันโตพอจะดื่มอะไรพวกนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้จินยองมันมาอนุญาตหรอกนะ” 

     

    “นั่นละ ยังไงพี่ก็ห้ามดื่ม”

     

    “…”

     

    “ตอบมาสิว่าเข้าใจ” ดงโฮหึบคำพูดที่จะเถียงเด็กตรงหน้าเอาไว้เพราะรู้สึกว่าถ้ายิ่งพูดไปมันจะต้องสวนกลับมาแน่ๆ เขาได้แต่นั่งสั่นขาเก็บอารมณ์ด้วยความคันปากอยากจะปราบไอ้เด็กตัวเล็กนั่นแต่กลัวว่าคนรอบข้างจะมองเขาไม่ดีหาว่ารังแกเด็ก

     

    “แล้วโค้กนี่ดื่มได้ไหม ต้องโทรไปขออนุณาตไอ้จินยองก่อนเปล่า” แดฮวีเบะปากใส่ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจรุ่นพี่ตัวโตตรงหน้า จะว่าไปความกลัวที่เขามักจะสร้างมากั้นระหว่างเขากับดงโฮมันเริ่มค่อยๆหายไปตั้งแต่อีกฝ่ายบอกว่ามารอรับหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขาทั้งสองคนไม่เคยคุยกันแบบจริงจังสักที เจอหน้ากันแปบๆโดนดงโฮขึ้นเสียงใส่นิดหน่อยก็กลัวหัวหด แต่ยังไงซะเขาก็ยังไม่กล้าขึ้นเสียงใส่ดงโฮได้เต็มร้อยเหมือนกับที่ชอบทำกับคนอื่น ถึงแม้ว่าดงโฮกับแดเนียลจะตัวใหญ่พอๆกันแต่ความอ่อนโยนนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว “กินช้าๆ ครั้งนี้ไม่ยกโค้กให้นะเว้ย” แดฮวีเหลือบตามองดงโฮแปบนึงแต่ก็หันไปสนใจของกินตรงหน้าต่อ

     

    “แล้วพี่รู้ได้ไงว่าโรงเรียนดนตรีผมอยู่ไหน”

     

    “ก็มันมีอยู่ที่เดียวในห้าง” ดงโฮเงยหน้ามาตอบ “มีปัญหานักเหรอแค่ฉันมารอรับ”

     

    “เปล่าสักหน่อย”

     

    “กลับบ้านไวก็น่าเบื่อ ไอ้จินยองมันออกไปเที่ยวกับเพื่อน” พูดถึงเรื่องเที่ยวแดฮวีถึงกับหน้างอ “แล้วไมนายไม่ไปกับเขา” ดงโฮเห็นว่าอีกคนไม่ยอมเงยหน้ามามองเลยตั้งคำถามใส่แม่งเลย

     

    “นี่พี่ถามเพราะจะเยาะเย้ยผมหรืออยากรู้จริงๆ” มุมปากถึงกับยกยิ้มพอเห็นแดฮวีทำสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

     

    “เอ้า ก็อยากรู้ดิทำไมไอ้จินยองถึงไปเที่ยวคนเดียวหรือว่าโดนทิ้ง”

     

    “เพราะผมมีสอบวัดระดับตั้งหากผมจะไปได้ไง” จริงๆแดฮวีอยากจะพูดจาประชดประชันกลับเหมือนที่ชอบทำกับแดเนียลแต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าคงไม่ยอมเขาเหมือนคนนั้นแน่ๆ

     

    “น่าสงสารจัง” อยู่ๆดงโฮก็เอื้อมมือไปบีบปากของอีกคนด้วยสีหน้าหมั่นเขี้ยว แดฮวีนั่งอมเส้นอูด้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะตกใจจนลืมเคี้ยว นี่ถ้าไม่ควบคุมสมาธิเอาไว้เส้นพุ้งแล้วนะตอนพี่ดงโฮบีบปากอ่ะ

     

    “ไม่เห็นจริงใจเลย” แกล้งพูดกลบเกลื่อนความผิดปกติของสีหน้าท่าทางไปงั้นแหละ “ผมขออีกถ้วยได้ไหม” ดงโฮเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งหลังจากได้ยินแดฮวีพูดก่อนจะพยักหน้า

     

    “แล้วแต่นายสิ”

     

    “พี่จะเลี้ยงผมใช่เปล่า” 

     

    “เออ มารับแล้วยังต้องพามากินข้าว นี่แฟนหรือเพื่อนน้องวะ” เกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะ มือหนาที่คีบเส้นอูด้งเตรียมจะเอาเข้าปากค้างเติงกลางอากาศเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกไป

     

    “ปะ - ป้าครับ ผมขอเพิ่มสองถ้วยเลย...”

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    มือเล็กนั่งจับแขนที่พันรอบเอวของเขาแน่นเมื่อรู้สึกประหม่า ใบหน้าน่ารักก้มหน้าก้มตาทำหน้างอจนคนที่ให้นั่งตักอยู่ต้องยกมือขึ้นลูบหัว อัน ฮยองซอบเด็กหนุ่มที่มีนิสัยสดใสบัดนี้รู้สึกหดหู่จนอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นโรงเรียน

     

    “มึงเลิกดุน้องสักทีเถอะไอ้แดฮวี” อูจินที่นั่งกอดคนบนตักแน่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากนั่งฟังแดฮวีบ่นแฟนของตัวเองมาเกือบยี่สิบนาที

     

    “กูไม่ได้ดุสักหน่อย กูแค่ไม่พอใจที่น้องมันจับคู่ให้ไอ้จินยอง” เจ้าของชื่อหันมองก่อนจะถอนหายใจ จริงๆเขาก็ไม่ได้อยากให้แดฮวีมาว่าอะไรฮยองซอบ เพียงแค่เขาเล่าเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ให้ฟังไอ้เพื่อนแสนดีก็แจ้นมาตักเตือนแม่งานพาเที่ยวทันที เห็นแล้วก็สงสารน้อง

     

    “ช่างมันเหอะแดฮวี”

     

    “ช่างได้ไง ถ้านายทะเลาะกับพี่เขาทำยังไง”

     

    “ก็ไม่ได้ทะเลาะหนิ แล้วอีกอย่างฮยองซอบก็ไม่รู้ว่ามันมีแฟนแล้ว ขนาดกูยังไม่รู้ถ้าพวกมึงไม่พูด” อูจินพูดจาตัดพ้อเล็กน้อยพลางเหลือบมองจินยองที่นั่งอยู่ด้านหน้า เป็นเพื่อนในกลุ่มทั้งทีมีไรก็ไม่ยอมบอกกัน นึกแล้วมันก็น่าน้อยใจ

     

    “วันๆมึงเอาแต่ซ้อม ไม่ซ้อมก็ติดอยู่กับฮยองซอบพวกกูจะเอาเวลาไหนไปบอก” เจ้าของชื่อที่โดนอ้างอิงเหลือบตามองแดฮวีพอโดนอีกฝ่ายทำหน้าดุกลับมาก็รีบหันไปทำหน้าออดอ้อนใส่อูจิน

     

    “ผมผิดเองแหละครับ อย่าทะเลาะกันสิ”

     

    “เออไอ้เด็ก รู้ตัวก็ดีแล้ว” ฮยองซอบเบะปากลงเหมือนจะร้องไห้พอโดนแดฮวีซ้ำเติม

     

    “ก็ผมชอบพี่จีฮุนหนิแล้วผมก็ชอบพี่จินยองด้วย ผมเลยอยากให้พี่เขาสองคนรู้จักกันมากกว่านี้เพราะถ้าคบกันจะต้องเป็นคู่ที่น่ารักมากแน่ๆเลย” จินยองส่งยิ้มให้ฮยองซอบที่หันมามองหน้าเขา “ใครจะไปรู้ว่าพี่จินยองมีแฟนแล้ว”

     

    “อันที่จริงฉันก็เพิ่งคบกับพี่เขาก่อนจะไปเที่ยวกับนายวันเดียวเอง”

     

    “โถ กัปตันทีมกู ผิดที่เจอกันช้าไป ช้าไปวันเดียวจริงๆ” อูจินเอาหัวโขกกับแผ่นหลังของฮยองซอบพลางทำสีหน้าเสียดายแทนกัปตันทีมตัวเอง เจ้าแฟนเด็กเห็นแบบนั้นก็เอื้อมมือไปแตะๆหัวแฟนตัวเองด้วยสีหน้าเห็นด้วย แดฮวีได้แต่เบะปากกับความเข้าขาของมันสองคน

     

    “แล้วพี่จีฮุนรู้ไหมว่ามึงมีแฟนแล้ว”

     

    “อื้อ”

     

    “มึงบอกต่อหน้าพี่เขาเลยเหรอ” อูจินดูตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นพวกทำร้ายจิตใจคน

     

    “อื้อ ทำไมอ่ะ”

     

    “เออ ทำไมอ่ะ มึงจะสนับสนุนให้ไอ้จินยองมีกิ๊กเหรอ ถ้าฮยองซอบมีกิ๊กมึงชอบไหมละ” 

     

    “อ๊ะ ผมเปล่านะ พี่อูจินผมไม่ได้มีกิ๊กนะ” ฮยองซอบรีบหัวตัวไปปฎิเสธอูจิน เขาเห็นแบบนั้นก็เลยรวบมือของอีกคนเอาไว้ด้วยมือเดียวก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงหัวของอีกคนมาจุ้บ

     

    “พี่เชื่อๆ อย่าไปฟังไอ้แดฮวีมัน” การกระทำของสองคนนี้ดูน่าหมั่นไส้ไปเสียหมดสำหรับคนเห็นโดยเฉพาะแดฮวี ไอ้อูจินมันเคยทำตัวอ่อนโยนแบบนี้กับใครที่ไหน รำคาญ!! “กูแค่ถามเฉยๆเว้ย แล้วแฟนมึงนี่ใครวะ กูรู้จักเปล่า”

     

    “อยู่คนละโรงเรียน”

     

    “มึงไปได้กันตอนไหน!”

     

    “ยังไม่ได้กันสักหน่อย!!” จินยองถึงกับเสียงหลง ตาโตเบิกกว้างหลังจากได้ยินคำพูดของเพื่อน มันก็ฟังดูเป็นประโยคธรรมดาแต่สำหรับเขาแล้วมันร้อนผ่าวๆยังไงก็ไม่รู้

     

    “อยู่โรงเรียนไรวะ”

     

    “ฮันริม”

     

    “อ๋อ ไอ้พวกชุดดำ โรงเรียนแม่งมีแต่ดาวเดือน พวกที่กูรู้จักก็ดาวเดือนโชว์พาวกันเหลือเกิน”

     

    “มึงรู้จักคนโรงเรียนนั้นด้วยเหรอ คนอย่างมึงเนี่ยนะ”

     

    “ก็คนอย่างกูนี่ละ ทำไมวะ” อูจินหันไปมองหน้าแดฮวีที่เบ้ปากอยู่ เห็นแล้วอยากเอาเท้าเขี่ย

     

    “พี่จีฮุนมีเพื่อนอยู่โรงเรียนนั้นเต็มเลย” ฮยองซอบพูดยิ้มๆ ดูเหมือนจะกลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะปาร์ค จีฮุนก็ดาวเดือนของโรงเรียนนี้ คงเป็นเรื่องปกติที่พวกคนโดดเด่นจะอยู่แวดวงเดียวกันแถมเป็นกัปตันทีมบาสยิ่งไม่น่าแปลกเข้าไปใหญ่เพราะโรงเรียนนี้ก็เคยไปแข่งกับโรงเรียนฮันริมเหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่คิม ยงกุกเอาจักรยานมาด้วยแต่ที่พิเศษคือเขาให้จินยองปั่นตั้งแต่หน้าโรงเรียนเจ้าตัวเป็นต้นไปโดยมีเขาซ้อนอยู่ด้านหลัง ยงกุกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นกล้องโพลารอยด์ที่ยืมเซอุนมาเพราะจะเอามาใช้ถ่ายงานชมรมของเขา การที่เขาอาสาสะพายกระเป๋าเป้ให้อีกคนไม่ได้ช่วยให้จินยองรู้สึกสบายตัวขึ้นมาเลยกลับกันต้องมาถีบจักรยานรับน้ำหนักคนด้านหลังไว้อีก โว้ยยย

     

    “ทำไมปั่นไม่นิ่งเลย นี่ยังไม่ถึงไหนเลยนะ” คนนั่งด้านหลังละสายตาจากของที่ถืออยู่ในมือมาพูดกับอีกคนที่ปั่นจักรยานเป๋ซ้ายทีขวาทีอย่างทุกลักทุเล

     

    “ก็ผมเหนื่อยอะ!” 

     

    “ยังไม่ครึ่งทางจากโรงเรียนนายเลย”

     

    “ก็พี่นั่งเฉยๆหนิ... มาจับขาผมทำไม!” ยงกุกรีบเอาเท้าลงยันกับพื้นทันทีพอจินยองทรงตัวไม่อยู่หลังจากที่เขาเอื้อมมือไปบีบที่หน้าขาของอีกคน ทั้งสองคนเกือบลงไปนอนกับพื้นถ้ายงกุกไม่ได้ทรงตัวเอาไว้จะมีก็แต่กระเป๋าที่คนด้านหลังสะพายเอาไว้หล่นจนของในกระเป๋ากระจัดกระจายออกมาเต็มไปหมด

     

    “เบลคทำไมเนี่ย”

     

    “ก็พี่มาบีบขาผมทำไม...” จินยองพยายามหลบสายตาของอีกคนพอยงกุกพยายามจะมองหน้า

     

    “ขานายนิ่มเกินไปแล้วนะ เคยออกกำลังกายบ้างไหมเนี่ย” ยงกุกพูดขณะที่ลงจากจักรยานไปเก็บของที่กระจัดกระจายใส่กระเป๋าแต่อยู่ๆมือหนาก็ชะงักเมื่อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างนอนอยู่ใต้หนังสือเรียน


     

    ตุ๊กตาหมี...


     

    “เคยสิ ผมเคยว่ายน้ำนะ”

     

    “…”

     

    “พี่ยงกุก”

     

    “หะ”

     

    “เป็นไรอ่ะ” ยงกุกเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าจินยองกำลังนั่งลงตรงหน้าเขาพลางหยิบของที่เหลือใส่กระเป๋าของตัวเองที่ยงกุกถืออยู่

     

    “เปล่า”

     

    “ลุกเร็วเดี๋ยวต้องรีบไปถ่ายรูปงานพี่นะ” 

     

    “อายุเท่าไหร่แล้วนายอ่ะ” อยู่ๆยงกุกก็ถามคำถามแรนด้อมขึ้นมาคนโดนถามเลยได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “เห็นมีตุ๊กตาอยู่ในกระเป๋า”

     

    “อ๋อ ก็เมื่อวันเสาร์ไปพิพิธภัณฑ์หมีเทดดี้มาไง ที่ผมบอกพี่ว่าจะไปกับเพื่อน ทำไมอ่ะที่ห้องนอนผมก็มีตัวนึงนะ” จินยองพยายามตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด ในใจแอบตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่อีกฝ่ายถามเรื่องตุ๊กตาแต่ถ้าทำตัวปกติก็คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไร คนเราจะมีของแบบนี้อยู่ในกระเป๋ามันก็ไม่แปลกเปล่าละ

     

    “อื้อ”

     

    “…”

     

    “เดี๋ยวรอบนี้ฉันปั่นเองแล้วกัน” ยงกุกยื่นกระเป๋าคืนให้จินยองเป็นฝ่ายถือก่อนจะเดินไปที่จักรยาน จินยองถอนหายใจโล่งอกแล้วเดินตามอีกคนไปติดๆ

     

     

    ทั้งสองเงียบกันจนมาถึงสวนสาธารณะ ไม่ใช่ว่าจินยองไม่มีเรื่องจะคุยแต่ดูเหมือนบรรยากาศมันชวนให้ต้องเงียบยังไงก็ไม่รู้ 

     

    “พี่ยงกุก ผมอยากกินไอติมอ่ะ” จินยองรวบรวมความกล้าพูดขึ้นหลังจากที่ยงกุกจอดจักรยาน คนโดนถามไม่ได้หันไปมองแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ

     

    “เอาไร เดี๋ยวฉันเดินไปซื้อให้”

     

    “เอาไอติมเมล่อน” 

     

    “งั้นรออยู่นี่แล้วกันเดี๋ยวมา” จินยองพยักหน้ารับ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะกินอะไรมากมายหรอกแค่อยากทดสอบว่าอีกคนเป็นอะไรก็เท่านั้น ดูท่าทางแล้วเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติแต่ก็ไม่เชิง จะว่าเคืองเรื่องตุ๊กตาหมีมันก็ไม่น่าจะใช่ ก็พี่ยงกุกไม่รู้จักพี่จีฮุนนี่หน่าแถมไม่รู้ด้วยว่าได้มายังไง

     

    จินยองยืนรออยู่แปบเดียวยงกุกก็เดินมาหาพร้อมกับไอติมที่เขาสั่งไป คนตัวสูงกว่ายื่นไอติมให้ก่อนจะเดินถือกล้องโพลารอยด์นำหน้าไปที่สวนตรงที่มีคู่รักนั่งคุยกันเป็นหย่อมๆ นี่จะไม่หันมาจูงมือเขาหรือเรียกชื่อให้เดินตามเลยเหรอไงกัน

     

    มือเล็กยังคงถือไอติมเมล่อน ปากก็จัดการส่วนที่จะละลายเต็มทีขณะที่สายตาก็มองไปที่แฟนรุ่นพี่ที่กำลังถ่ายรูปทิวทัศน์รอบๆ อยากจะเดินเข้าไปหาแต่ก็กลัวจะไปรบกวนเลยได้แต่ยืนกินไอติมเงียบๆ เดินตามต้อยๆเวลาอีกคนเดินหามุมถ่ายรูปใหม่

     

    “พี่ยงกุกกินไหม” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวรีบเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหายงกุกก่อนจะสะกิดหลังแล้วยื่นไอติมจ่อปากอีกคน

     

    “ทำไมไม่กินให้หมดละลายใส่มือหมดแล้ว”

     

    “ไม่อยากกินแล้วพี่กินให้หน่อย” ยงกุกยืนมองเด็กที่กำลังทำตาใสใส่เขาก่อนจะจัดการกัดไอติมคำสุดท้ายในมือของจินยอง มือหนาหยิบไม้ไอติมมาถือไว้พลางดึงมือของอีกคนมาเช็ดกับกางเกงของตัวเอง “เอาไปเช็ดแบบนั้นกางเกงพี่ไม่เปื้อนหมดเหรอ”

     

    “เดี๋ยวก็กลับไปซัก” ยงกุกพูดเสร็จก็เดินเอาไม้ไอติมไปทิ้งก่อนจะเดินกลับมาหาจินยอง “เบื่อยัง”

     

    “ไม่เบื่อ ดูพี่ถ่ายรูปสนุกดี” จินยองพูดยิ้มๆก่อนจะรีบหุบยิ้มลงทันทีพออีกคนยกกล้องขึ้นมาถ่ายเขา “พี่มาถ่ายผมทำไม”

     

    “ก็เมื่อกี้นายยิ้มน่ารักดี”

     

    “…”

     

    “ฉันจะเก็บรูปนี้ไว้ในกระเป๋า” ยงกุกจับแผ่นฟิล์มที่ค่อยๆเลื่อนออกมาจากตัวกล้องรอให้รูปปรากฎรอยยิ้มสดใสของคนตรงหน้าก่อนจะชูให้จินยองดู “เห็นปะ น่ารักดีออก”

     

    “ไม่เห็นน่ารักเลย”

     

    “น่ารักดิ” จมูกเล็กถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วชี้ของอีกคนอย่างเอ็นดู รอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นนักจากยงกุกมันกำลังทำให้หัวใจของแพจินยองทำงานหนักเป็นสองเท่า “อย่าทำตัวน่ารักกับคนอื่นแล้วกัน”

     

    “…”

     

    “ฉันหวง เข้าใจไหมแพจินยอง”


     

    __________________



    เรามาบ่อยไปปะ 5555
    ก็มันอินนน เราก็หวงน้องเหมือนกัน TT

    #มบฟช
    @viewpmt

    (c) Chess theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×