ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #9 : MABAE 09

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      7
      4 ก.ค. 60

     

    \revenge



    กล้องโพลารอยด์ถูกวางลงบนกระเป๋าเป้ของเจ้าของที่กำลังนั่งปรับสายกีตาร์ เซอุนเหลือบมองเพื่อนหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยทัก

     

    “ไปส่งงานมาแล้วเหรอ”

     

    “เออ” คนโดนถามพูดพลางโยนกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะที่เซอุนนั่งอยู่ สายตาเหยี่ยวอย่างเซอุนเหลือบไปเห็นสิ่งของที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าของยงกุกก่อนจะยกยิ้ม

     

    “กูให้มึงยืมกล้องไปถ่ายงาน มึงเอาไปถ่ายอะไร”

     

    “ก็ถ่ายงานไง สิ่งที่น่าสนใจ” ยงกุกพูดเหมือนไม่มีอะไรแปลก เขาลากเก้าอี้มาตั้งตรงหน้าเซอุนก่อนจะนั่งคร่อมหันหน้าเข้าพนักพิงเก้าอี้

     

    “มีแต่รูปน้องจินยองเนี่ยนะ”

     

    “อ่าว ก็กูสนใจของกู” คนโดนแซวไม่ได้มียางอายใดๆทั้งสิ้นแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบรูปโพลารอยด์สองสามอันที่โผล่ออกมายัดเข้าใส่ในกระเป๋าเหมือนเดิม เป็นรูปที่เขาแอบถ่ายตอนจินยองเผลอ ไม่ว่าจะเป็นตอนกินไอติมหรือตอนยืนทำหน้ามุ่ยตอนเขาสั่งให้ปั่นจักรยานไปซื้อน้ำ 

     

    “จ้ะ สนใจกูด้วย งานเดือนหน้าห้ามเบี้ยวนะสัด” แจฮวานที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงประตูพูดแทรกบทสนทนาของยงกุกกับเซอุน

     

    “นี่ไอ้ซอนโฮมันหย่ากับวงแล้วใช่ไหม”

     

    “ก็กูบอกมึงแล้วแม่มันให้มุ่งแต่เรียน” ยงกุกถอนหายใจกับความเซ้าซี้ของเพื่อนตัวเอง “งานใหญ่นะเว้ย ตัวแทนโรงเรียน”

     

    “เออ กูก็มาซ้อมอยู่ทุกวันเนี่ย แล้วไอ้แดนไปไหนวะ” 

     

    “เห็นบอกแม่สั่งให้ไปซื้อของเล่นแมวห่าไรไม่รู้ เดี๋ยวตามมา”

     

    “ตัวก็ใหญ่เสือกเลี้ยงแมว”

     

    “ทำพูดไปมึง”

     

    “กูทำไม”

     

    “แล้วแมวมึงละ”

     

    “กูไม่มีแมว” คิมยงกุกขมวดคิ้วเข้าหากันพอเห็นแจฮวานพูดประโยคไร้สาระ

     

    “แล้วน้องจินยองมึงอ่ะ”

     

    “นั่นคนไหมละสัด”

     

    “คนเชี่ยไร กูเห็นครั้งแรกคิดว่าแมว น้องแม่งต้องขี้อ้อนมากแน่เลย” ยงกุกเงียบขณะที่ฟังเซอุนพูดเสริม เขานึกตามสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูดก่อนจะถอนหายใจ ไม่เห็นน้องมันจะเคยอ้อนอะไรผมเลย

     

    “มึงเคยจูบกับน้องมันยัง” คำถามของแจฮวานเรียกสายตาของยงกุกให้หันไปมอง 

     

    “ทำไมเหรอ มึงจะเอาข้อมูลไปทำรายงานส่งจารย์เหรอ”

     

    “มึงนี่มันกวนส้นตีนตั้งแต่เส้นผมยันหัวแม่ตีนจริงๆ” ยงกุกยิ้มชอบใจพอเห็นสีหน้าขัดใจของแจฮวาน แต่รอยยิ้มของเขาต้องหายไปพอเซอุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

     

    “ไอ้ยงกุก มึงยังติดต่อกับน้องฮักนยอนอยู่ปะ”

     

    “ถามทำไม”

     

    “เออ มึงถามเชี่ยอะไรเนี่ยไอ้เซอุน” แจฮวานรีบพูดเสริมขึ้นมาพอเห็นสีหน้าของยงกุก ต้องเป็นเขาทุกทีเลยสินะที่ต้องคอยห้ามไอ้สองตัวนี้ไม่ให้พูดเรื่องฮักนยอน ไอ้ห่าแดนอีกตัว

     

    “กูแม่งไม่อยากเล่าเลยแต่คาใจ”

     

    “…”

     

    “เมื่อวันนู้นนน สองสามวันได้แล้วมั้ง กูไปดูหนังมาแล้วเสือกเจอแฟนเก่ามึง”

     

    “มึงทักน้องเหรอ” แจฮวานรีบเดินมายืนตรงหน้าเซอุนทั้งๆที่ตอนแรกเขาทำตัวเหมือนไม่อยากรู้เรื่องนี้เท่าไหร่

     

    “น้องมันทักกูตั้งหาก แต่มันถามหามึงอะ” เซอุนพูดพลางพยักเพยิดหน้าไปทางยงกุก คนโดนกล่าวหาไม่ได้มีท่าทางดีใจหรือเสียใจใดๆได้แต่มองหน้าเพื่อนเฉยๆ “มันถามว่ามีงสบายดีไหม ได้ข่าวว่ามีคนคุยใหม่แล้ว”

     

    “เสือกอะไรด้วยวะ”

     

    “นี่มึงด่ากูไม…” เซอุนยกมือทาบอกพลางทำหน้าเสียใจที่อยู่ๆยงกุกก็พูดขึ้นมาเสียดื้อๆหลังจากเขาพูดจบ แจฮวานเห็นแบบนั้นก็ดึงหัวของเซอุนมากอดแล้วลูบเบาๆด้วยสีหน้าที่คนเห็นก็รู้ทันทีว่ากำลังกวนประสาทอีกคนอยู่

     

    “แล้วมึงตอบไปว่าไรเซอุน กูฟังอยู่” เจ้าของชื่อรีบดึงหัวตัวเองกลับก่อนจะยกขาถีบคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้เรียกเสียงหัวเราะให้แจฮวานพอสมควร

     

    “กูแค่ยิ้มๆไปแต่ก็บอกว่ามึงสบายดี” เขาเหล่มองเพื่อนตัวเองขณะที่พูดเกรงว่ายงกุกจะปี๊ดแตกแล้วลุกมาชกหน้า มันก็คงจะไม่คุ้ม…

     

    “แล้วมึงไปหาน้องจินยองมึงไม่เจอฮักนยอนบ้างเหรอ”

     

    “ไม่” แจฮวานทำหน้าคิดแปบนึงก่อนจะพูดต่อ

     

    “พูดถึงฮักนยอนแฟนมันเป็นกัปตันทีมบาสใช่ปะ อยู่ๆกูก็นึกถึงไอ้จีฮุนเฉย… มันเป็นไงบ้างวะหลังจากเลี้ยงวันเกิดไอ้ซอนโฮเมื่อต้นปีกูก็ไม่เจอมันเลย” 

     

    “โหไอ้สัด ข้อสอบเชื่อมโยงนี่ยกให้มึง” แจฮวานยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวคนทักจนเซอุนต้องเบี่ยงตัวหนี แต่ดูเหมือนคนโดนตั้งคำถามจะกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองอยู่ ใบหน้าสดใสของเพื่อนข้างบ้านตัวเองลอยเข้ามาในหัว คำพูดและรอยยิ้มตอนเขาถามว่า ‘อะไรห้อยอยู่ที่กระเป๋า’ กำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของคิมยงกุก

     

    ‘ถ้ามึงชอบใครสักคนแต่มึงต้องอดทนไม่ชอบเขา… มึงทำได้ไหมวะ’

     


     

    .

    .

    .


     

     

     

    เสื้อนักเรียนถอดวางกองอยู่ข้างเตียงมีกระเป๋าเป้สีดำวางทับอยู่อย่างลวกๆหลังจากเจ้าของมันเข้ามาถึงห้องนอนก็โยนทุกอย่างออกจากร่างกายยกเว้นกางเกงของเขาแล้วรีบโดดขึ้นเตียงด้วยความอ่อนเพลีย คิมยงกุกมุดหน้าลงกับหมอนหวังว่าจะของีบสักสิบยี่สิบนาทีแต่ดูเหมือนความตั้งใจของเขาจะหายไปพอเสียงโทรศัพท์ดัง

     

    “ฮัลโหล” เสียงอู้อี้ตอบกลับไปทั้งๆที่ตาก็ไม่ได้ลืมมาดูว่าใครเป็นคนโทรมา

     

    ‘ถึงบ้านยังครับ’ พอสำเหนียกได้ว่าคนนั้นคือใครเขาก็ยกหัวออกจากหมอนก่อนจะเช็คที่หน้าจอโทรศัพท์ว่าใช่คนที่เขาคิดจริงๆหรือเปล่า พอมั่นใจแล้วเขาถึงเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง

     

    “ถึงแล้ว”

     

    ‘ไม่เห็นทักมาบอกผมเลยว่าถึงแล้ว’ จินยองมีน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อยเพราะทุกครั้งถ้ายงกุกถึงบ้านเจ้าตัวก็จะทักไปบอกหรือไม่ก็โทรหาแต่อันที่จริงจินยองก็ไม่เคยทักมาถาม ท่าทางอีกฝ่ายจะรู้สึกกังวลกับท่าทางนิ่งผิดปกติของยงกุกเลยรู้สึกไม่ดีหากว่าไม่ทำอะไรสักอย่าง

     

    “เมื่อกี้ง่วง เพิ่งเอาหัวถึงหมอนเอง”

     

    ‘จิตใจกะจะนอนแล้วให้ผมรอพี่ทักมาตอนตื่นเลยเหรอ’ ยงกุกยกมือขึ้นนวดระหว่างดวงตาของเขาเมื่อรู้สึกล้า เขาไม่ได้มีอารมณ์หงุดหงิดหรือโมโหที่อีกฝ่ายกำลังงอแงใส่ จริงๆมันก็ผิดที่เขาเองแหละที่ไม่ยอมทักไปบอกก่อน

     

    “ฉันขอโทษ”

     

    ‘…’

     

    “หายโกรธยัง” 

     

    ‘แค่รู้ว่าพี่อยู่บ้านก็โอเคแล้ว พี่ไปพักผ่อนเถอะครับ’ ยงกุกยกยิ้มกับน้ำเสียงตัดพ้อของคนปลายสาย เขาทิ้งตัวลงนอนก่อนจะเสยผมลวกๆแล้วกดเปิดวีดีโอแทน ไม่นานหน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฎใบหน้าเล็กๆของคนที่เขาเพิ่งไปส่งที่บ้านมา จินยองกำลังทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์ก่อนจะมีสีหน้าตื่นตกใจพลางแสร้งมองไปทางอื่นหลังจากสังเกตได้ว่าอีกคนไม่ได้ใส่เสื้อ ‘เปิดวีดีโอทำไมครับ’ สายตาลอกแลกของจินยองกำลังทำให้ยงกุกนึกขันกับภาพตรงหน้า

     

    “ก็อยากเห็นหน้า”

     

    ‘ไปใส่เสื้อดีๆไม่ได้เหรอครับ’ 

     

    “ไม่”

     

    ‘ผมไม่ได้อยากเห็นสักหน่อ... พี่สักด้วยเหรอ’ ยงกุกก้มมองตำแหน่งที่จินยองกำลังมองอยู่ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด

     

    “ไหนบอกไม่อยากมอง มาสำรวจร่างกายฉันทำไม” คำพูดกับใบหน้ายียวนของอีกคนทำให้จินยองต้องละสายตามามองหน้าคนตั้งคำถามแทน ใบหูเริ่มแดงจนยงกุกสังเกตเห็น

     

    ‘ก็ผมเห็นพอดี ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่สัก’

     

    “ก็ฉันไม่เคยบอกนาย”

     

    ‘แล้วทำไมไม่บอก’

     

    “ก็ว่าจะเก็บไว้ให้ดูตอนมีไรกันครั้งแรก”

     

    ‘กวน...’ ยงกุกแอบเห็นใบหน้าของอีกคนกำลังขึ้นสีแต่จินยองก้มหน้าลงเหมือนกำลังควบคุมสีหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอีกรอบ

     

    “ไม่เซอร์ไพรส์เลย”

     

    ‘เลิกพูดได้แล้วววว’ จินยองหลับหูหลับตาโวยวายใส่ยงกุกด้วยสีหน้างอแงแต่ดูก็รู้ว่ากำลังเขินมากเพราะหูที่แดงชัดเจน เป็นอีกครั้งที่เขาก้มหน้าลงกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กำลังนั่งกอดอยู่ ดูเหมือนจะเอามาเป็นที่วางแขนไม่ให้เมื่อยจากการถือโทรศัพท์เสียมากกว่าแต่ตอนนี้กลายเป็นที่หลบซ่อนความเขินอายของเขาไปแล้ว

     

    “จินยอง”

     

    ‘อื้อ!’ เจ้าของชื่อไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองแต่ก็ขานรับ

     

    “ฉันมีอะไรจะถาม” น้ำเสียงจริงจังของยงกุกทำให้จินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

     

    ‘อะไรเหรอครับ’

     

    “วันนั้นนายเต็มใจจูบกับฉันหรือเปล่า” จินยองรอบถอนหายใจไม่ใช่ว่ารำคาญหรือหงุดหงิดแต่เขารู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องมาควบคุมสีหน้านั่งไล่เลือดลมในร่างกายที่กำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่งกับทุกคำถามของยงกุก “หรือว่าฉันบังคับนาย นายเลยต้องจูบ”

     

    ‘ไม่ใช่สักหน่อย’

     

    “…”

     

    ‘ผมรู้สึกดีกับจูบวันนั้นนะ’ เขาพูดทั้งๆที่ไม่สบตากับยงกุก ‘แต่นั่นมันก็เหมือนจุ้บๆเอง’

     

    “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” จริงๆยงกุกได้ยินที่จินยองพูดถึงแม้ว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะพูดให้เบาที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้ยงกุกหลุดขำออกมาก็คงจะเป็นเสียงโวยวายของคนตรงหน้านี่แหละ ดูเหมือนจะเขินจนทนไม่ไหวต้องปล่อยออกมาเป็นเสียง

     

    ‘อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำนะ’

     

    “จะให้ไปหาที่บ้านไหมละ ได้มากกว่าจูบแน่”

     

    ‘พี่...’ ถ้าเขาเขวี้ยงโทรศัพท์ได้คงทำไปแล้ว ตอนนี้ทั้งร่างกายของจินยองมันโหวงเหวงไปหมด จะว่าเขาเป็นฝ่ายเดียวก็ไม่ได้อันที่จริงร่างกายยงกุกก็ใช่ว่าจะไม่มีปฏิกิริยากับความน่ารักของคนตรงหน้าเพียงแค่เขาแสดงมันออกมาไม่ค่อยเป็นเท่านั้นเอง มันก็จะทื่อหน่อยๆไม่ก็ความกวนตีนมันครอบงำภาพลักษณ์มากเกินไป ‘แล้วถามทำไมครับ’

     

    “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่อยากจูบนาย”

     

    ‘…’

     

    “ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียว...”


     

     

    .

    .

    .

     


     

    ระหว่างที่คิมยงกุกนั่งเล่นเกมส์ในคอมพ์รออะไรบางอย่าง เขาก็ชะโงกหน้ามองหน้าต่างเป็นครั้งคราวจนนี่ปาเข้าไปสามชั่วโมงหลังจากที่เขาวางสายจากจินยอง ลงไปกินข้าวมาก็แล้วไอ้คนข้างบ้านก็ยังไม่กลับมาถึงสักที นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะ...

     

    กึก!

     

    เสียงหัวเข่ากระแทกกับขอบโต๊ะจนคอมพ์สั่น เจ้าของความเจ็บปวดลงไปนั่งกองกับพื้นพลางกอดเข่าตัวเองด้วยความทรมาน ดูเหมือนว่าเขาจะรีบมากเกินไปหลังจากเห็นเพื่อนข้างบ้านโผล่เข้ามาในสายตา จีฮุนกำลังจะไขประตูเข้าบ้านคนที่นั่งเฝ้าอยู่นานหลายชั่วโมงเห็นแบบนั้นก็รีบถูหัวเข่าก่อนจะวิ่งทุลักทุเลลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปหาเป้าหมาย

     

    คิมยงกุกหยุดวิ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดเมื่อรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจากการวิ่งออกมาจากบ้านเมื่อกี้ จีฮุนที่เกือบจะเดินเข้าบ้านเห็นความผิดปกติด้านหลังเลยหันมามองก่อนจะยิ้มทักทาย

     

    “อ้าว เพิ่งกลับบ้านเหรอ”

     

    “เปล่า กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” จีฮุนยืนนิ่งไปแปบนึงแต่ก็กวักมือเรียกให้เพื่อนเข้ามาในบ้านก่อนซึ่งยงกุกก็เดินเข้าไปด้วยความเคยชินเพราะเมื่อก่อนเขาสองคนเข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่นถึงแม้ว่าพอโตมาแล้วจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรแบบนั้นกันสักเท่าไหร่

     

    “ถึงขนาดรอกูกลับบ้านเลยเหรอ” เจ้าของบ้านพูดยิ้มๆพลางวางกระเป๋าเป้ลงที่โต๊ะหนังสือ จีฮุนพายงกุกขึ้นมาบนห้องเพราะด้านล่างพ่อของเขากำลังนั่งดูข่าวอยู่รวมทั้งแม่ของจีฮุนที่จะนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ในครัวเหมือนอย่างเคยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยที่ยงกุกเห็นเมื่อตอนเด็กๆเวลามาหาจีฮุน

     

    “กูไม่คิดว่ามึงจะกลับดึกขนาดนี้”

     

    “กูมีซ้อม เดี๋ยวเดือนหน้ากูมีแข่งกับไอ้จินอูอีก...” อยู่ๆจีฮุนก็หยุดพูดไปพอสังเกตเห็นสีหน้าของยงกุก เขาก็พอจะรู้มาบ้างว่าจินอูไม่ค่อยจะถูกกับอีกคนแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรเพราะทั้งสองก็ไม่ได้มานั่งคุยกันเรื่องหัวใจสักเท่าไหร่

     

    “ช่วงนี้คงเหนื่อยสินะ”

     

    “ก็นิดหน่อย” ยงกุกกวาดสายตาไปรอบๆห้องในขณะที่อีกฝ่ายกำลังตอบคำถามเขาพลันสายตาก็ไปจบลงที่กระเป๋าเป้สีดำที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ตุ๊กตาหมีตัวเล็กห้อยพ้นขอบโต๊ะลงดูน่ารักแต่สำหรับเขามันดูสะเทือนใจยังไงชอบกล

     

    “เมื่อวันนั้นมึงไปเที่ยวไหนมานะ” 

     

    “วันไหน”

     

    “ที่กูทักมึงเรื่องตุ๊กตา” ยงกุกยังคงจ้องมองตุ๊กตาจีฮุนเห็นแบบนั้นเลยหันไปมองก่อนจะยิ้มออกมาเป็นคำตอบ

     

    “เดี๋ยวมึงด่ากูปัญญาอ่อนอีก”

     

    “ต่อให้มึงไปสถานที่แมนๆอย่างยิงปืนกูก็มองว่ามึงปัญญาอ่อนอยู่ดี” ยงกุกพูดตามที่รู้สึกจริงๆเพราะนับตั้งแต่เขาเกิดมารู้จักกับเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อปาร์คจีฮุนเขาก็รู้สึกว่าชีวิตเขามันดูแข็งกระด้างไปหมดเมื่ออยู่ใกล้ๆเพื่อนคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวการใช้เสียงสองพูดกับทุกอย่างบนโลกหรือรอยยิ้มที่มักจะปรากฎขึ้นบนหน้าหล่อๆนั่นของมัน

     

    “กูไปพิพิธภัณฑ์หมีมา”

     

    “…”

     

    “คนอย่างมึงคงไม่รู้จักหรอกมั้ง” จีฮุนพูดขำๆเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเพื่อนตัวเอง ยงกุกที่นั่งอยู่บนเตียงรู้สึกอึดอัดจนหายในไม่ทั่วท้อง รู้สึกปวดหน้าอกจนต้องเผลอยกมือขึ้นลูบ ภายในท้องเขาโหวงเหวงไปหมดไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อ

     

    “ไปกับใครวะ”

     

    “ไปกับน้องในทีม ไอ้อูจินอ่ะ ฮยองซอบด้วยแล้วก็เพื่อนไอ้อูจิน” พอจีฮุนพูดถึงเพื่อนของอูจินใบหน้าหล่อก็ยกยิ้มชวนเพ้อฝันจนคนเห็นรู้สึกจุกๆ “มึงจำมันได้ใช่ปะไอ้อูจิน”

     

    “อือ แล้วเพื่อนมันนี่ใคร” เขาพอจะรู้จักอูจินเพราะเคยไปเที่ยวด้วยกันบ้างเวลานัดเจอกันกับจีฮุนแต่เขาก็ไม่สนใจเท่ากับเพื่อนของอูจินหรอกว่าเด็กคนนั้นมันเป็นใครทำไมถึงทำให้ไอ้จีฮุนยิ้มได้ขนาดนี้

     

    “พูดไปมึงจะรู้จักไหมเนี่ย”

     

    “พูดมาเหอะ”

     

    “น้องจินยอง”

     

    “…”

     

    “ไอ้เหี้ยน้องแม่งโคตรน่ารักอะมึง” ยงกุกสูดลมหายใจเข้าก่อนจะก้มหน้าลงเสยผมตัวเองพลางดึงทึ้งปล่อยอารมณ์อยู่แปบนึงแล้วเงยหน้ามามองจีฮุน

     

    “อย่าบอกนะมึงซื้อตุ๊กตาให้น้องมัน”

     

    “มึงนี่รู้ใจเพื่อนจริงๆ”

     

    “แล้วน้องเขามีแฟนยัง” เป็นคำถามที่เขากลัวคำตอบมาก หากว่าอีกฝ่ายตอบมาว่ายังเขาจะต้องเหมือนตายทั้งเป็นแน่ๆ แต่ดูจากสีหน้าของจีฮุนแล้วก็ดูอุ่นใจขึ้นมานิดนึง

     

    “ไม่รู้แต่น้องบอกมีแล้ว”

     

    “มีแล้วมึงไปยุ่งกับน้องมันไมวะ” จีฮุนดูแปลกใจที่อยู่ๆอีกคนก็ขึ้นเสียงใส่เขา

     

    “ก็กูชอบ”

     

    “แต่น้องมันมีแฟนแล๊ว!”

     

    “มึงจะขึ้นเสียงทำไมเนี่ยไอ้เชี่ย” จีฮุนเงยหน้ามองยงกุกที่ลุกขึ้นยืนพลางเดินวนไปวนมาทั่วห้องทำท่าทำทางร้อนอกร้อนใจจนผิดปกติ

     

    “มึงชอบน้องมันมากเลยเหรอวะ” ยงกุกไม่ได้ฟังที่จีฮุนท้วงด้วยซ้ำเขามีสมาธิอยู่แต่กับความรู้สึกของตัวเอง เขาต้องการถามทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้

     

    “เออ แต่ก็พยายามจะไม่ชอบอยู่”

     

    “มึงต้องพยายามมากกว่านี้”

     

    “มึงเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย” จีฮุนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเพื่อนตัวเองที่กำลังขัดขาทำลายฝันเขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ยงกุกมีท่าทางไม่เห็นด้วยจนออกนอกหน้าแถมยังพูดจาไม่ให้กำลังใจจนน่าถีบ

     

    “กูจะถามมึงอีกทีว่ามึงจะไม่เลิกยุ่งกับคนมีแฟนแล้วจริงๆเหรอวะ” 

     

    “เออ ไม่เลิก”

     

    “มึงแน่ใจนะ”

     

    “เออกูมั่นใจ” จริงๆจีฮุนก็ไม่ได้อยากจะฮึกเหิมอะไรขนาดนี้แต่การกระทำของยงกุกมันกำลังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะเอาชนะแม่ง “แล้วมึงเป็นห่าอะไร ฮักนยอนไม่ให้เอาเหรอไง”

     

    “มึงจะพูดถึงน้องมันทำไม”

     

    “ก็มึงกำลังทำให้กูหงุดหงิดอยู่เนี่ย” ยงกุกพยายามข่มอารมณ์พอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มแสดงความฉุนเฉียวมากเกินไปอย่างไม่มีเหตุผลในสายตาของจีฮุน แต่พอนึกถึงหน้าจินยองแล้วแม่งปี๊ดแตกตลอด

     

    “กูเลิกกับฮักนยอนแล้ว”

     

    “เอ้า... เมื่อไหร่”

     

    “นานพอที่จะทำให้กูมีแฟนใหม่ก็แล้วกัน”

     

    “เดี๋ยวไอ้ยงกุก มึง.. ไอ้ยงกุก!” เจ้าของชื่อไม่ได้หันไปมองคนด้านหลังที่พยายามจะรั้งเขาไว้ เขากลับรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อจะหนีให้พ้นความรู้สึกอึดอัดตรงนั้นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้มืออาจจะพลาดพลังไปชกหน้าเพื่อนของตัวเองแน่ๆ 

     

    ทำไมวะ... ทำไมต้องเป็นไอ้จีฮุน แม่งโว้ย! เป็นกัปตันทีมบาสแถมอยู่โรงเรียนเดียวกันกับจินยอง ความรู้สึกโคตรเดจาวู แล้วที่สำคัญเป็นเพื่อนที่แทบจะเจ็บตัวแทนกันได้เลยด้วยซ้ำ ส้นตีนมาก ผิดที่เกิดเป็นกูสวรรค์เลยแกล้งหรือผิดที่กูไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันกับจินยองหรือว่ากูไม่ได้เป็นกัปตันทีมบาส ไม่อยากจะบอกกีฬากูง่อยพอๆกับทำอาหารถ้าไม่ใช่บอลอย่างอื่นก็หมา หรือแม่งผิดที่กูไปรู้จักไอจีฮุนวะ โหย ไอ้เหี้ยหมดคำจะพูดปลอบใจตัวเอง กูต้องรู้สึกยังไงเนี่ย ไอ้คิมยงกุก!!

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    วันนี้แดฮวีค่อนข้างมีท่าทางแปลกๆ ไม่ว่าจินยองจะเดินไปไหนก็จะต้องเดินประกบตลอดขนาดจะเดินไปเข้าห้องน้ำยังไม่คิดจะพักผ่อนหยุดตามเขาเลย ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรแต่แค่มันไม่ใช่นิสัยอีแดฮวี ถึงเพื่อนคนนี้จะชอบวอแวแต่ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเงาคนอื่นขนาดนี้เสียเมื่อไหร่

     

    “นี่นายยังเก็บตุ๊กตาหมีไว้ในกระเป๋าอีกเหรอหะ” แดฮวีที่ถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของเพื่อนตัวเองเพื่อที่จะหาปากกามาใช้เพราะของตัวเองหมึกหมดพูดเสียงสูงพลางทำสีหน้าเหลือเชื่อจนคนเห็นทำตัวไม่ถูก

     

    “แล้วนายจะให้ฉันเอาไปทิ้งเหรอไง”

     

    “เอาไว้ไกลมือไกลตีนพี่ยงกุกเขาหน่อยไม่ได้เหรอ ถ้าเห็นขึ้นมาจะทำไง”

     

    “เห็นไปแล้ว...”

     

    “ว่าไงนะ”

     

    “พี่เขาเห็นไปแล้ว” จินยองใช้ปากกาเกาหัวตัวเองพลางทำสีหน้ารู้สึกผิด แดฮวีถึงกับค่อยๆวางกระเป๋าของเพื่อนลงแต่สายตาไม่สามารถลอกแลกไปทางอื่นได้เลยนอกจากหน้าของจินยอง ในหัวเขากำลังประมวลข่าวสารทุกอย่างว่าเพราะอะไรเมื่อคืนคิมยงกุกถึงโทรศัพท์มาหาเขาตอนกลางคืนเพื่อที่จะขอให้เฝ้าแพจินยองทุกฝีก้าวอย่าให้ลับสายตาแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งมันแปลกตั้งแต่อีกฝ่ายยอมโทรมาหาเขาแล้ว มันจะต้องเป็นเรื่องสาหัสสำหรับคิมยงกุกพอสมควรไม่งั้นคนอย่างคิมยงกุกคงไม่โทรมารบกวนเขาแน่ หรือพี่เขาจะรู้แล้วว่าตุ๊กตานั้นได้มาจากไหน...

     

    “แล้วพี่เขาถามอะไรเปล่า”

     

    “ก็ไม่นะ พี่เขาไม่รู้จักพี่จีฮุนด้วยซ้ำ” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆยังไงก็ไม่รู้

     

    “จะว่าไปก็สงสารพี่ยงกุกเหมือนกันนะ”

     

    “เรื่องอะไร”

     

    “แฟนเก่าก็โดนกัปตันทีมบาสสอยไป แฟนใหม่ก็กำลังจะโดนกัปตันทีมบาสอีกทีมสอย”

     

    “ฉันไม่ได้ยอมให้สอยสักหน่อย” จินยองยกมือทุบที่ไหล่ของอีกคนด้วยความโมโหจนแดฮวีคว่ำปากเหมือนจะร้องไห้พลางยกมือถูไหล่ตัวเองด้วยความเจ็บ

     

    “ฉันเจ็บนะไอ้จินยอง!”

     

    “ช่วงนี้พี่ยงกุกยิ่งมีท่าทางแปลกๆอยู่ด้วย”

     

    “เป็นฉันก็คงแปลกเหมือนกันนั่นแหละ อยู่ๆแฟนตัวเองก็มีตุ๊กตาหมีมาอยู่ในกระเป๋า” แดฮวีทำปากยื่นปากยาวใส่ จินยองเหล่มองเพื่อนของตัวเองก่อนจะก้มมองสมุดตรงหน้า ตอนนี้ในหัวเขาไม่พร้อมทำงานที่อาจารย์สั่งเลยด้วยซ้ำ หรือว่าเขาควรบอกความจริงพี่ยงกุกดี...


     

     

    นอกจากวันนี้สิ่งที่ผิดปกติจะเป็นแดฮวีที่คอยตามเขาต้อยๆมาจนถึงคิมยงกุกที่มารับเขาช้าอีกตั้งหาก จินยองยืนรอยงกุกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีข้อความอะไรทักมาสักอัน ดีนะที่แดฮวียืนเป็นเพื่อนไม่งั้นเขาคงรู้สึกกังวลไปมากว่านี้

     

    “ทำไมวันนี้มาช้าละครับ” เป็นอย่างที่ร่างสูงคิดเอาไว้เลยว่าจะได้ยินประโยคนี้จากอีกคน

     

    “วันนี้ฉันมีซ้อม ไอ้แดนแม่งไม่ยอมให้เลิกก่อน” ขณะพูดชื่อแดเนียลก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเด็กตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆจินยอง

     

    “มามองหน้าผมทำไม”

     

    “เผื่อมีคนคิดถึงแฟนเก่า” คนโดนแหย่แยกเขี้ยวใส่พลางเขย่งตัวทำท่าจะทำร้ายอีกคนแต่พอเห็นสายตายงกุกก็อดไม่ได้ที่จะหุบมือเก็บเหมือนเดิม เบื่อพวกขี้ข่มจริงๆเลย อย่าได้สนิทกับพี่ดงโฮเชียวนะสองคนนี้ “วันนี้ทำหน้าที่ดีมากไอ้ตัวเล็ก” จินยองรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกลางหน้าเมื่ออยู่ๆยงกุกก็เอื้อมมือไปลูบหัวของแดฮวีถึงสีหน้าจะดูเหมือนตั้งใจจะกวนประสาทอีกคนก็เถอะแต่คนเห็นก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่แถมยังเรียกแดฮวีว่าตัวเล็กอีก พี่ยงกุกไม่เคยเรียกผมว่า ‘ตัวเล็ก’ เลยนะ!

     

    “เพราะเห็นว่าจินยองเป็นเพื่อนผมหรอกนะ”

     

    “พูดเรื่องอะไรกัน” คนโดนพาดพิงอดไม่ได้ที่จะถามแต่กลับได้รับแค่รอยยิ้มจากแดฮวีกลับมาแทน

     

    “ไปดีฝ่า เหม็นความรัก” พูดจบเด็กตัวเล็กก็โค้งให้รุ่นพี่ทีนึงก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป ปล่อยให้จินยองรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกอยู่คนเดียวยิ่งเห็นรอยยิ้มยงกุกที่กำลังมองแดฮวีเดินหายไปยิ่งรู้สึกหน่วงบอกไม่ถูก

     

    “หิวยัง เดี๋ยวพาไปกินข้าว” ในที่สุดยงกุกก็หันมาสนใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    “ไม่หิวแล้ว” ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ๆก็ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แทนที่จะรอให้อีกคนพูดต่อจินยองกลับออกตัวเดินนำหน้าไปก่อน

     

    “กินมาแล้วเหรอ” จินยองไม่ได้พูดอะไรเขาแค่ส่ายหัวเป็นคำตอบ ดูเหมือนการกระทำของยงกุกกับแดฮวีเมื่อกี้จะทำให้อีกคนรู้สึกไม่พอใจ “เป็นอะไร”

     

    “พี่กับแดฮวีมีอะไรไม่บอกผมหรือเปล่า”

     

    “ไม่มีหนิ” จินยองใช้สายตามองคนข้างๆ ยงกุกเห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจกับคำตอบของเขา “ฉันก็แค่ให้แดฮวีมันคอยดูแลนายก็แค่นั้นเอง”

     

    “แค่นั้นจริงๆเหรอครับ”

     

    “ก็จริงดิ คิดว่าฉันจะจีบมันเหรอไง” ยงกุกพูดพลางทำสีหน้าเหมือนเหม็นอะไรสักอย่างซึ่งมันทำให้จินยองเผลอหลุดยิ้มออกมา “ฉันแค่อยากให้มีคนดูแลนายระหว่างที่ฉันไม่ได้อยู่กับนายแค่นั้นเอง ถึงแม้ว่าไอ้เด็กนั่นมันจะตัวเล็กกว่านายก็เถอะ อย่างน้อยก็เป็นหูเป็นตาให้ฉันได้”

     

    “แต่ผมไม่ชอบที่พี่เรียกแดฮวีว่าตัวเล็กเลย” 

     

    “แล้วจะให้เรียกว่าไร”

     

    “ก็เรียกชื่อสิครับ มันก็มีชื่อนะ” จินยองคงจะลืมตัวไปว่าเขากำลังใส่อารมณ์เพราะยงกุกกำลังยิ้มพอใจกับอาการหึงหวงของคนข้างๆ

     

    “ครับ ตัวเล็ก

     

    “…”

     

    “พี่เข้าใจแล้ว” ใบหน้าเล็กรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาก่อนจะรีบหันไปมองทางอื่นหลังจากที่สบตากับยงกุกขณะที่โดนอีกฝ่ายเรียกเขาว่าตัวเล็ก ผมหวังว่าไอ้แดฮวีจะไม่ได้รู้สึกใจเต้นแบบที่ผมเป็นหรอกนะ ถ้าเป็น... ผมจะงอนมันจริงๆด้วย “จินยอง”

     

    “อะไรครับ”

     

    “วันนี้เอาตุ๊กตาหมีมาเปล่า” จินยองเงยหน้ามองคนถามก่อนจะพยักหน้า “ทำไมต้องพกไว้ตลอด”

     

    “ผมลืมเอาออกจากกระเป๋าอ่ะ”

     

    “แล้วจะเอาไปห้อยอะไรไหม” จินยองทำหน้าคิดก่อนจะสายหัว “งั้นฉันขอ”

     

    “พี่เนี่ยนะจะเอาตุ๊กตาหมี”

     

    “ทำไม ไม่อยากให้เหรอ หวงหรืออะไร”

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย ก็คนอย่างพี่ไม่เห็นเหมือนคนที่สนใจตุ๊กตาเลย”

     

    “ก็ถ้ามันเป็นของนายฉันก็อยากจะใช้บ้าง มีอะไรเปล่า” ยงกุกจะรู้ตัวไหมว่าเขามีนิสัยที่ชอบพูดจาเหมือนกำลังจะหาเรื่องคนอยู่ตลอดเวลา

     

    “อยากใช้ก็เอาไปสิแต่พี่ซื้ออีกตัวให้ผมได้ไหม”

     

    “…”

     

    “ผมอยากเอามาห้อยกับพี่”

     

     

    .

    .

    .


     

     

    เกือบครึ่งชั่วโมงที่คิมยงกุกไม่ยอมเดินเข้าบ้านสักที เขาเอาแต่เดินวนรอบซอยบ้านตัวเองเหมือนคนบ้า ถ้าเป็นปกติเขาก็คงจะด่าตัวเองแล้วว่าทำอะไรโง่ๆมาเดินให้ปวดขาเล่นทำไมแล้วก็ยอมแพ้เดินเข้าบ้านไปแต่สำหรับวันนี้เขากลับรู้สึกเหมือนเป็นการรอคอยอะไรสักอย่างแต่เป็นการรอคอยที่จะทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกหวยหลายล้าน 

     

    นี่เหมือนจะเป็นรอบที่สี่สิบเห็นจะได้ที่เขาเดินไปจุดเริ่มต้นหน้าปากซอยแล้วเตรียมจะเดินเข้ามาในซอยอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อสังเกตเห็นใครคนนึงกำลังเดินมา พอเห็นว่าเป็นคนที่เขารู้จักก็รีบวิ่งไปยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองทำท่าทางเหมือนกำลังจะไขกุญแจบ้าน เหมือนกับว่าเขาเพิ่งมาถึงบ้านเมื่อกี้

     

    “เพิ่งกลับบ้านเหรอมึง” คิมยงกุกหันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินตรงมาที่เขาพลางไล่สายตาไปที่กระเป๋าเป้สีเหลืองที่ติดอยู่ด้านหลังก่อนจะเห็นตุ๊กตาหมีห้อยอยู่ข้างๆ รอยยิ้มยกขึ้นอัตโนมัติขณะที่กำลังเงยหน้ามองเจ้าของ

     

    “เออ แล้วมึงทำไมวันนี้กลับไว”

     

    “โค้ชมีธุระเลยให้พวกกูหยุด” ใบหน้าหล่อหุบยิ้มลงเมื่อสายตาสะดุดกับตุ๊กตาหมีที่ห้อยอยู่ที่กระเป๋าของคนตรงหน้า “อะไรห้อยอยู่ที่กระเป๋ามึงวะ... ไอ้ยงกุก”

     

    “อ๋อ อันนี้อะเหรอ” เขาพูดพลางหันไปคว้าตุ๊กตาหมีที่ห้อยอยู่ที่กระเป๋าของตัวเองชูให้จีฮุนดู “แฟนกูให้มา”

     

    “…”

     

    “น่ารักไหม เหมือนของมึงเลย


     

    ___________________


    ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นของใคร! 
    เป็นการแก้แค้นแบบไม่มีใครเจ็บตัวในถานะเพื่อนรัก 555
    ยาวไปมั้ยคะ จะเบื่อกันบ่หนิ ...

    คือบับ.. ดีใจมากกับโมเม้น #กุกนยอง รอบ FINAL
    มันดูยิ่งใหญ่สำหรับเรามาก แค่แตะหลังก็เถอะ ว้ากกกกก ฉลองด้วยตอน 09
    #มบฟช
    @viewpmt

     

    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×