ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #5 : MABAE 05

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 60



    guardian star



    หนังสือนิยายภาษาอังกฤษถูกวางลงที่ชั้นเหมือนเดิมหลังจากอ่านเรื่องย่อด้านปกหลังของเล่มจบ ยังไม่ค่อยมีหนังสือเล่มไหนน่าสนใจสำหรับอีแดฮวี ร่างบางยังคงเดินวนอยู่ในร้านเพราะยังไม่อยากกลับบ้านเลยหาอะไรทำฆ่าเวลาสักหน่อย

     

    “อ๊ะ”

     

    “ขอโทษครับ...”

     

    “….”

     

    “ไอ้เด็ก...” แดฮวีถึงกับถอยหลังแนบกับชั้นวางหนังสือพยายามทำตัวหดจนเหลือนิดนึง คำขอโทษที่ดูจริงใจเมื่อกี้กลายเปลี่ยนเป็นรังสีทำลายล้างจนขนหัวลุกแผ่ซ่านไปหมด “ทำไมซุ่มซ่ามจัง”

     

    “พะ พี่ดงโฮถอยหลังมาชนผมตั้งหาก”

     

    “ยังจะเถียงอีก” ดงโฮทำท่าเหมือนจะพุ่งตัวเข้าใส่จนอีกคนหลับตาแน่นพลางหดหัวด้วยความตกใจ

     

    “….”

     

    “แล้วมาทำอะไรทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง จะทุ่มนึงอยู่แล้ว” ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมามองพอเห็นว่าหมีบ้าพลังตรงหน้าไม่มีท่าทางจู่โจมก็เลยผ่อนคลายลง

     

    “ผมเพิ่งเลิกเรียนพิเศษแล้วยังไม่อยากกลับบ้าน”

     

    “เป็นเด็กใจแตกเหรอเราอ่ะ”

     

    “ผมเปล่า...” แดฮวีรู้สึกหมั่นไส้กับทุกอย่างที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าทึ่มๆนั่นกับวาจาที่คอยจิกกัดเขาตลอดเวลาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำได้มากสุดก็คือการด่าในใจนี่แหละ

     

    “จะกลับเลยไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”

     

    “ผมกลับเองได้ครับ” คนถูกถามถึงกับรีบปฏิเสธ แดฮวีไม่ได้รังเกียจอะไรดงโฮหรอกแต่มันดูสวนทางกับวัฏจักรสิ่งมีชีวิตอย่างเขากับดงโฮสูงมาก ดูทำลายห่วงโซ่อาหารอะไรทำนองนั้นหรือเรียกอีกแบบก็คง กลัว...

     

    “‘งั้นก็ตามใจ เวลานี้ไม่ค่อยมีคนรอรถบัสด้วย มืดๆน่ากลัว”

     

    “ละ แล้วพี่จะกลับเลยเหรอ” แดฮวีเห็นว่าดงโฮกำลังจะเดินไปก็รีบรั้งอีกคนไว้ด้วยคำถามพอนึกถึงเวลาไปยืนรอป้ายรถบัสแล้วก็ระแวงขึ้นมาเฉย

     

    “เออ จ่ายเงินแล้วก็กลับเลย ทำไม” ดงโฮชูหนังสือที่อยู่ในมือให้อีกคนดู แดฮวีมองผ่านๆก่อนจะเห็นว่าเป็นหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาอะไรสักอย่าง... นั่นเด็กข้างบ้านผมเลิกอ่านไปตั้งแต่สิบขวบแล้วมั้งหนะ

     

    “ผม... กลับด้วยก็ได้”

     

    “พูดว่าไรนะ”

     

    “ผมบอกว่าผมกลับด้วยก็ได้”

     

    “อ้อนวอนดิ”

     

    “….”

     

    “ว่าไง”

     

    “กลับเองก็ได้ครั...” ใจหล่นวูบเหมือนตกจากที่สูงจนเผลอหลับตาแน่นก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างกายโดนกระชากจากทางด้านหลัง อีแดฮวีสะดุดกับขอบชั้นวางหนังสือขณะที่หันตัวหนีจนร่างถลาไปด้านหน้าได้แต่ภาวนาว่าให้ลงจูบพื้นโดยไม่มีหัวร้างข้างแตกจนเลือดนองเต็มร้าน แต่หลับตาอยู่นานก็ไม่รู้สึกหน้ากระแทกของแข็งสักทีเลยค่อยๆลืมตาขึ้น 

     

    “นายนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลยวะ” คราวนี้เหมือนโดนของมีคมตัดขั้วหัวใจไปแล้ว มือหนาของคนด้านหลังกำลังกอดรอบตัวเขาอยู่ส่วนมืออีกข้างก็นาบอยู่ที่หน้าผากเหมือนกลัวว่าเขาจะเผลอเอาหัวไปโขกกับอะไรสักอย่าง รู้สึกได้ถึงแผ่นหลังของตัวเองกำลังแนบติดอยู่กับร่างกายของใครสักคนซึ่งคงเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ดงโฮ “กินข้าวบ้างปะเนี่ย”

     

    “ผะ ผมกินทุกวัน” คนโดนทักรีบผลักตัวเองออกจากการรัดกุมของอีกฝ่าย ยิ่งตอนเผลอสบตายิ่งทำตัวไม่ถูกอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้แต่มันก็จะผิดสังเกตเกินไป ให้ตายเถอะ หัวใจจะเต้นเร็วเกินไปแล้วนะอีแดฮวี!

     

    “ตัวเล็กนิดเดียวถ้าฉันไม่ดึงนายไว้เมื่อกี้ล้มลงพื้นไปก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เบาอย่างกับมด”

     

    “รู้ได้ไงว่ามดมันจะไม่เจ็บ”

     

    “ไม่รู้ ไม่ใช่มด” ดงโฮพูดจบก็เดินเอาหนังสือไปคิดเงินหน้าตาเฉย ในหัวของแดฮวีมีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด เหตุการณ์เมื่อกี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอะไรเลยเหรอหรือเขาคนเดียวที่เป็นแบบนี้... 

     

    แล้วผมจะดึงหน้ายังไงตอนนั่งรถกลับบ้านกับพี่ดงโฮเนี่ยยยย!

     

     

     

    :

     

     

     

    ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วดูเหมือนคนที่สถานะเป็นพี่ชายคนโตของบ้านยังคงนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่หน้าทีวี ไม่เห็นจะมีสมาธิกับบอลตรงหน้าเลยสักนิดแต่ก็เสือกกำรีโมทแน่นไม่ว่าน้องชายจะเดินไปดึงอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมปล่อยแต่ก็ไม่ได้หันมาด่าอย่างที่ชอบทำ

     

    นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว...

     

    "พี่ดงโฮ"

     

    "อื้อ" คนพี่ส่งเสียงตอบรับในลำคอถือว่ายังมีการตอบสนองอยู่ คิดว่าวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว

     

    "ผมขอยืมโน้ตบุ๊คหน่อยได้เปล่า"

     

    "อือ"

     

    คุณพระ! เกิดอะไรขึ้นกับหมีหวงน้ำผึ้งอย่างดงโฮ ปกติจะขอยืมอะไรนี่ต้องบ่นจนหูบอดหูดับกันไปข้าง วันนี้ตอบรับไวและใจดีอีกด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ชายลูกด้วยเถิด ฮือออ อย่าเอาชีวิตพี่ผมไปเลยนะ

     

     

    ครืดดด ~

     

     

    สายเรียกเข้าทำให้จินยองสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังคิดหาทางช่วยพี่ชายตัวเองอยู่แต่พอเห็นว่าคนปลายสายเป็นใครก็ปล่อยวางเรื่องพี่แล้วรีบวิ่งขึ้นห้องทันที ปล่อยแม่งแล้ว ยิ้มเป็นหมีเมากัญชาไปเถอะ ไม่สนใจหรอก

     

    (ทำไมรับช้าจัง)

     

    พอถึงห้องจินยองก็รีบกดรับทันทีแต่มันก็ยังช้าไปสำหรับคนปลายสายละมั้ง

     

    "รับไวแล้วเดี๋ยวพี่เคยตัว" 

     

    (ถ้าวันหลังรับช้าอีกจะไปหาถึงบ้านเลย)

     

    "ตลกแล้ว..." เกือบจะข่มขวัญเขาได้อยู่แล้วเชียว ทำไมจะต้องมาแพ้กับอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย

     

    (เหมือนจะคิดถึง)

     

    "ทำไมต้องเหมือนจะ"

     

    (ไม่รู้วะ ไม่ได้เจอแค่วันเดียวเลยไม่แน่ใจว่าคิดถึงแล้วหรือแค่ไม่ชิน) 

     

    จินยองเบ้ปากหมั่นไส้ วันนี้วันเสาร์ยงกุกเลยไม่ได้ไปรับจินยองหน้าโรงเรียนเหมือนทุกวันแถมเขายังติดธุระกับที่บ้านเลยไม่ได้นัดกันไปไหน นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วยังไม่เคยได้ยินพี่ยงกุกพูดว่าคิดถึงใส่ผมเลยสักครั้งนึง...

     

    "มันพูดยากมากเหรอ"

     

    (ไม่พูดมั่วซั่วตั้งหาก ถ้าไม่ได้รู้สึกจริงจะพูดไม)

     

    "...."

     

    (เงียยทำไม)

     

    "พี่ไม่คิดถึงผมเหรอ" อยู่ๆจินยองก็รู้สึกเฟลขึ้นมาเฉยๆพอคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงเขา จีบบ้าจีบบออะไรกัน สาดแต่โมเมนต์ทื่อๆใส่ 

     

    (ไม่คิดถึงจะโทรหาทำไมวะ) 

     

    "พูดจาดีๆให้ฟังสักวันนึงไม่ได้เหรอไง" หงุดหงิดแล้วพลาน บอกเลย

     

    (เออนี่ๆ ที่ห้องมีหน้าต่างไหม)

     

    "มีสิครับ..." ดูมันดิ ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่ผมพูดแล้วอีกอย่างห้องนอนใครไม่มีหน้าต่างบ้าง หะ ไอ้บ้า

     

    (ดีๆ งั้นลุกไปมองท้องฟ้าเร็ว)

     

    "ทำไมอ่ะ"

     

    (ทำตามฉันเถอะหน่า) น้ำเสียงอีกคนออกแนวข่มขู่เล็กน้อย จินยองทำสีหน้าฟึดฟัดไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่รู้จักนุ่มนวลกับเขาเลยแต่ก็ยอมลุกไปยืนมองท้องฟ้าอย่างที่อีกคนบอก

     

    "มองแล้ว"

     

    (เห็นดาวปะ)

     

    "มีอยู่นิดนึง" คนตัวเล็กชะโงกหน้ามองก็เห็นว่ามีอยู่สามสองสามดวงเท่านั้น

     

    (นายชอบดวงไหน)

     

    "มันก็เหมือนกันทุกดวงหนิ"

     

    (ขัดอีกแล้วนะๆ)

     

    "...."

     

    (อุตส่าห์จะเล่นมุขดาวองครักษ์สักหน่อย) น้ำเสียงยงกุกดูผิดหวังมากที่อีกฝ่ายทำให้เขาไปต่อไม่ได้

     

    "มันคืออะไรอะครับ"

     

    (ไม่เล่นแล้ว)

     

    "เอ้า.. จริงๆผมชอบดาวดวงที่สว่างที่สุดอ่ะ" จินยองแหงนมองท้องฟ้าอีกทีก่อนจะเห็นดวงนึงที่มีแสงสว่างมากที่สุดในกลุ่ม ยงกุกเงียบไปแปบนึงเลยทำให้คนรอหวั่นๆว่าอีกคนจะงอนไปแล้ว

     

    (อือ ชอบมันเยอะๆ ตั้งชื่อให้มันด้วยก็ดี)

     

    "ทำไมอะครับ"

     

    (ตัวแทนฉันไง)

     

    "...."

     

    (วันไหนไม่เจอกันก็มองท้องฟ้าแล้วหาดวงที่สว่างที่สุด จะได้รู้ว่าฉันอยู่ใกล้ๆ) 

     

    ไม่รู้ว่ามุขของอีกคนมันกริบหรือตัวเขาเองที่กำลังตกใจกับความคิดของอีกฝ่าย คนอย่างคิมยงกุก... มีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ มันรู้สึกดีมากแต่ก็เขินมากกว่า โอ้ย ผีบ้าที่สิงพี่ดงโฮย้ายมาสิงผมแล้วแน่ๆเลย!

     

    (มันคุ้มครองนายด้วยนะ)

     

    "ทำไมถึงคุ้มครองผมได้ด้วย" เขาก็ถามไปงั้นแหละ นี่เป็นช่วงที่ยงกุกพูดจาน่าฟังที่สุดแล้วตั้งแต่รู้จักกันมา

     

    (เพราะฉันเก่งไง) 

     

    ดีได้แปบเดียวจริงๆ...

     

    (ไหนตั้งชื่อมันว่าไร) ยงกุกย้ำถามด้วยความอยากรู้ จินยองเลยหลุดขำออกมากับความทื่อของอีกคน นี่เล่นมุขหวานๆด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างแบบนี้ได้ไง

     

    "ชื่อ... ยงกุกละกัน"

     

    (ไม่เอา หวงชื่อไว้ให้นายเรียกตัวฉันคนเดียวพอ คิดใหม่) เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าคำพูดที่พูดออกมาอย่างสบายๆเหมือนคนไม่คิดอะไรแล้วยิ่งออกมาจากปากของคิมยงกุกมันกำลังทำให้แพจินยองคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากจะเอาคำนี้มาเปรียบเทียบกับผู้ชายอย่างยงกุกเลยแต่มันน่ารักจริงๆนะ

     

    "งั้นชื่อ..."

     

    (ชื่อโทลบิ)

     

    "...."

     

    (มันชื่อโทลบิ)

     

    "ทำไมต้องโทลบิ" งงนิดหน่อยแต่ไม่เช้าใจมาก บอกให้ผมคิดชื่อแต่ตัวเองก็อยากให้ใช้ชื่อที่ตัวเองคิด ขี้ยัดเยียด...

     

    (ชอบ)

     

    "ชื่อแฟนเก่าเหรอไง"

     

    (ไม่คบกับตัวละครในเกมส์ overwatch ครับ)

     

    "สรุปมันคือชื่อในเกมส์"

     

    (อือ ทำไม ไม่เคยเล่นเหรอ)

     

    "ไม่เคยแล้วก็ไม่อยากเล่นด้วย"

     

    (ดีแล้ว ติดฉันสนุกกว่าติดเกมส์เยอะ) นอกจากความกวนตีนในโทนเสียงแล้วยังหมั่นไส้กับความมั่นหน้ามั่นใจสุดๆ 

     

    "มันเกือบจะโรแมนติกอยู่แล้วอ่ะ ถ้าที่มาของชื่อมันดีกว่านี้"

     

    (มันไม่โรแมนติกเพราะนายนั่นแหละ)

     

    "มาว่าผมทำไม"

     

    (เพราะฉันเป็นคนโรแมนติก รู้จักเปล่าโรแมนติกบอย) จินยองถึงกับเก็บเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ (ขำไรวะ)

     

    "งั้นโทลบิจะเฝ้าผมนอนด้วยเปล่า" 

     

    (ตอนนายอาบน้ำมันก็เฝ้า)

     

    "พี่ยงกุก..."

     

    (เออออ ก็องครักษ์ไง ไปนอนได้แล้วไปจะตีหนึ่งแล้ว) จินยองหันมองนาฬิกาแปะผนังตรงหัวเตียงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยืนมองเจ้าโทลบินานไปแล้ว

     

    "งั้นผมเปิดหน้าต่างเอาไว้นะ"

     

    (เปิดทำไม)

     

    "เดี๋ยวโทลบิไม่เห็นผมอ่ะ"

     

    (ไม่ต้อง ลุกไปปิดเดี๋ยวนี้เลย โทลบิมันเก่งมันเห็นหมดแหละ ลุกไป) ยงกุกทำเสียงแข็งใส่อีกคน จินยองที่กำลังเคลิ้มถึงกับเปลี่ยนสีหน้า นี่ต้องกลับมาด่าพี่เขาผ่านทางสีหน้าอีกแล้วใช่ไหม...

     

    "รู้แล้วครับ" ในขณะที่จินยองลุกไปปิดหน้าต่างคนในสายก็สั่งไม่หยุด

     

    (ปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วนอนก็ห่มผ้าด้วย ฉันจะรอนายหลับแล้วค่อยวาง)

     

    "พรุ่งนี้พี่ไม่ไปไหนเหรอ"

     

    (ไม่ต้องตื่นเช้า เฝ้านายได้ทั้งคืน) จินยองอมยิ้มชอบใจก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วรีบขึ้นเตียง เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองก่อนจะคว้าเอาตุ๊กตาหมีสีขาวมานอนกอดประหนึ่งว่าเป็นคนปลายสาย(?)

     

    "ผมพร้อมนอนแล้วครับ"

     

    (งั้นนอนไป)

     

    "พี่ยงกุก"

     

    (ว่า) เด็กตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงเงียบไปแปบนึงหลังจากที่เรียกชื่อคนพี่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง (เรียกไม) 

     

    "บอกฝันดีผมหน่อยสิ"

     

    (....)

     

    "พี่ไม่เคยพูดเลยมีแต่ไล่ไปนอน" คราวนี้คนปลายสายเงียบ จินยองเลยคิดว่าเขาคงขอมากไป อีกคนคงไม่อยากพูดมั่วซั่วถ้าไม่ได้รู้สึกอยากจะพูด

     

    (ฝันดีนะครับ)

     

    "...."

     

    (มายจินยอง) 

     

    สิ้นคำพูดอีกคนเจ้าของชื่อถึงกับหลับตาแน่นกัดปลายผ้าห่มด้วยความรู้สึกล้านแปด มากกว่าเขินก็คงจะเป็นความสุขที่เขาเพิ่งได้รับจากยงกุกนี่ละ แพจินยองที่ตอนนี้เต็มใจเปลี่ยนนามสกุลเป็นมายจินยองกำลังพยายามดึงสติรวบรวมสมาธิเพื่อให้ตัวเองหลับ เขาบอกลาคนปลายสายก่อนเวลาจะล่วงเลยไปพักหนึ่งแล้วผลอยหลับไปโดยมีเจ้าโทลบิส่องแสงสว่างอยู่ด้านนอกหน้าต่าง 

     

    นอกจากโทลบิก็คิมยงกุกนี่แหละที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่คนเดียวในห้องแถมยังหัวเราะอับอายกับความพยายามของตัวเองที่อยากให้อีกคนเขินอีกตั้งหาก

     

    ทำไมต้องพูดมายจินยองไปด้วยวะ แม่งไม่คูลเลย ไอ้สัด...

     

     

     

    :

     

     

     

    วันนี้ท่าทางการเรียนการสอนจะต้องหยุดเนื่องจากว่าที่โรงเรียนมีแข่งบาสแมทใหญ่พอสมควรถ้าพูดถึงนักกีฬาที่จะลงแข่งวันนี้ 

     

    “นะจินยอง คาบนี้ไม่ต้องเข้าหรอกไปดูบาสกัน” แดฮวีเขย่าแขนเพื่อนตัวเองพลางเอาหัวซบไหล่

     

    “มันจะไม่มีใครเข้าคาบนี้ทุกคนไม่ได้นะ”

     

    “มันต้องมีแหละแต่ต้องไม่ใช่เรา นะๆ ฉันจะไปดูพี่จีฮุน”

     

    “นึกว่าจะไปดูไอ้อูจินเพื่อนเรา ดันอยากไปดูกัปตันทีมมันเนี่ยนะ” แดฮวียิ้มปากแทบฉีก ยิ้มจนตาปิด มันจะอยากเจอพี่จีฮุนอะไรขนาดนั้นถึงแม้ว่าพี่เขาจะน่ารักมากๆก็เถอะ ผมไม่เถียง...

     

    “ไปดูมันทำไมไอ้อูจิน แฟนมันก็เฝ้าตลอดเวลาขนาดนั้น”

     

    “หึงเหรอ เคยชอบกันหนิ”

     

    “เดี๋ยวถีบเลย มันชอบฉันฝ่ายเดียวตั้งหาก” จินยองเบ้ปากแหย่อีกคนที่กำลังหูแดง เรื่องนี้แทบจะเป็นบันทึกลึกลับของแดฮวีกับอูจินเลยก็ว่าได้ คนนึงเงียบซึนอีกคนก็ดีดแรงเจอหน้ากันอูจินก็โดนอีกฝ่ายด่าเสียส่วนใหญ่ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรผิด ดีนะที่ยังมีเส้นกั้นคำว่าเพื่อนอยู่ไม่งั้นถ้าคบกันก็มีแต่หายนะ โชคดีของอูจินที่ไปพบรักใหม่อย่างเด็กที่ชื่อฮยองซอบ น้องคนนั้นน่ารักมาก ไม่ว่าจะนิสัยหรือหน้าตา ค่อนข้างตามใจอูจินซึ่งต่างจากแดฮวี คือจะบอกว่าดีแล้วที่อูจินมันไม่สัญญารักกับตัวเองว่าจะชอบไอ้แดฮวีตลอดไป เป็นบุญของมันแท้ๆ คนอย่างแดฮวีมันต้องเจอคนที่ปราบมันได้เท่านั้นแหละ โลกถึงจะสงบ

     

    ผลสุดท้ายจินยองก็ต้องโดนลากมานั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ที่ด้านหน้าเป็นลานแข่งบาสขนาดกว้างพอสมควร โดยมีฮยองซอบเด็กรุ่นน้องห่างกันสองปีนั่งอยู่ข้างๆ

     

    “ไหนบอกพี่จินอูไม่ลงไง ทำไมใส่ชุดแข่งละ” ทั้งสองพอได้ยินฮยองซอบพูดก็หันไปมองอีกมุมนึงของสนาม กัปตันทีมของอีกฝ่ายกำลังยืนคุยกับสมาชิกในทีมด้วยสีหน้าจริงจังต่างจากทีมของจีฮุนที่ไม่ค่อยจะตึงเครียดสักเท่าไหร่อาจจะเพราะภาพลักษณ์ของทั้งสองคนค่อนข้างต่างกันพอสมควร

     

    “นั่นมันแฟนฮักนยอนหนิ” แดฮวีเอียงตัวมากระซิบพูดกับจินยอง เขาไม่เคยเห็นหน้าจินอูชัดๆสักครั้งแต่ชื่อจำได้แล้วก็พอรู้ว่าเป็นกัปตันทีมบาส แทนที่เขาจะมองจินอูแต่สายตากลับกวาดไปทั่วอัฒจันทร์เผื่อจะเจอเด็กที่ชื่อจูฮักนยอน

     

    “แฟนลงแข่งทั้งทีไม่มาดูเหรอไง” จินยองบ่นพึมพำกับตัวเองแต่แดฮวีก็จับความหมายได้เลยทำหน้าที่หน่วยสอดส่องแทนเพื่อนทันที

     

    “นู่นไง นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวด้านหลังพี่จินอูเลย” แดฮวีชี้นิ้วไปที่เป้าหมาย จินยองมองตามก่อนจะทำปากยื่นปากยาวหมั่นไส้ แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ เพิ่งเลิกกับอีกคนแท้ๆ “ดูเหมือนไม่ใช่คนอกหักเลยเนอะ”

     

    “อือ”

     

    “พี่หน้ากวนตีนด้วยอีกคน อย่าว่าแต่ฮักนยอนเลย”

     

    “เขาตัดกันขาดแล้วก็ดีไม่ใช่เหรอไง” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ แดฮวีเลยได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยเชิงให้กำลังใจเพื่อน

     

    “พี่เขาจะเริ่มแข่งแล้วๆๆๆ” ฮยองซอบรัวมือลงที่หน้าขาของจินยองจนคนโดนทำถึงกับต้องหันไปสนใจ “พี่อูจินเท่จังเลยครับ” สีหน้าอวยแฟนยังมีอย่างต่อเนื่องจากเด็กน้อยข้างๆ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไงแต่สำหรับผมฮยองซอบดูน่าเอ็นดูมากกว่าน่าหมั่นไส้อะครับ ขนาดอวยไอ้อูจินอยู่ผมยังเอ็นดูน้องมันเลยแต่ก็แบบ มันก็ไม่ได้เท่อะไรขนาดนั้นเปล่าอ่ะ 

     

    การแข่งขันยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องซึ่งฝ่ายจินอูกำลังนำอยู่โดยทีมจีฮุนก็ไล่ต้อนไปอย่างสบายๆจนถึงช่วงพักครึ่งของการแข่งขัน

     

    “พี่อูจินนน อะ น้ำ” ฮยองซอบรีบวิ่งลงไปหาอูจินพร้อมขวดน้ำโดยมีจินยองกับแดฮวีเดินตามลงไปติดๆ

     

    "ทำไมเล่นห่วยจัง" คำทักทายด้วยความเคยชินของอีแดฮวีเรียกสายตาคนในทีมให้หันมามองขนาดอูจินยังหันซ้ายหันขวามองเพื่อนร่วมทีมของตัวเองว่าตกลงไอ้เพื่อนตัวเล็กนี่มันทักเขาหรือกล่าวหาคนอื่น "ผมหมายถึงอูจินอะครับ..." แดฮวีก้มหัวลงเล็กน้อยเมื่อโดนสายตาหลายคู่จ้องมองแต่พอคนตัวเล็กชี้แจงคนอื่นก็หันไปสนใจหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม

     

    "เพราะมีนายมานั่งดูไง"

     

    "กลับก็ได้นะ"

     

    "โชคดีของพี่จีฮุน" 

     

    "เรียกฉันเหรอ" สิ้นคำพูดของอูจินเจ้าของชื่อก็ชะโงกหน้าเข้ามา ลมแทบจับ มองใกล้ๆหน้าพี่เขาโคตรใสเลย

     

    "มีคนอยากเจอพี่อ่ะ"

     

    "ใคร" แดฮวีได้แต่อ้าปากค้างพยายามทำตัวไม่ให้ผิดสังเกตแต่ขนาดเด็กใสๆอย่างฮยองซอบยังดูออกเลยว่าใคร

     

    "พี่แดฮวีชอบพี่จีฮุนมากเลยเหรอ"

     

    "ไอ้เด็กนี่... โว้ย" แดฮวีแทบจะดึงหัวเด็กตรงหน้ามาขยำแต่เกรงใจสายตาของจีฮุนที่กำลังมองอยู่ 

     

    "สวัสดีครับ เพื่อนไอ้ซึนนี่เหรอ" จีฮุนพยักเพยิดหน้าไปทางอูจิน รอยยิ้มกับใบหน้าหวานๆของพี่เขาขนาดอูจินยังไม่กล้าด่าเลยที่โดนเรียกว่า ไอ้ซึน หรือบางทีมันอาจจะยอมรับไม่ก็เพราะว่าพี่จีฮุนเป็นกัปตันทีม...

     

    "เออ เพื่อนผมเองพี่ นี่แดฮวี นี่จินยอง" จีฮุนสบตากับจินยองก่อนจะอมยิ้มมันเลยทำให้คนเห็นต้องยิ้มตอบกลับไปด้วยมารยาท

     

    "พี่ไม่เห็นแนะนำเค้าเลย"

     

    "ก็พี่จีฮุนเขารู้จักหนูแล้วอ่ะ" ฮยองซอบทำปากคว่ำใส่อูจินแต่คนที่ยีหัวฮยองซอบกับเป็นจีฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    "จะไม่รู้จักได้ไง มาเฝ้าไอ้อูจินทุกวันขนาดนี้"

     

    "มันควรจะเฝ้านายมากกว่าฮยองซอบ นายยังเหมาะกับพี่จีฮุนมากกว่าไอ้เขี้ยวนี่อีก" แดฮวีแขวะใส่แต่ก็เหมือนเดิม อูจินได้แต่ยืนทำหน้าตาไร้ความคิดความอ่านมีแต่ฮยองซอบที่รีบขว้าแขนอูจินไปกอดแน่นแล้วเอาหัวซบไหล่เหมือนจะบอกว่า พี่อูจินของหนูดีที่สุดแล้ว

     

    "พี่หิวน้ำจังเลย" อยู่ๆจีฮุนก็พูดขึ้นมาลอยๆพลางเหล่มองไปที่จินยองที่ยืนถือขวดน้ำอยู่ 

     

    "พี่กินของผมก็ได้นะ" อูจินยื่นขวดน้ำของตัวเองก่อนจะโดนสายตาตำหนิส่งมาให้เขาเลยรีบชักขวดน้ำกลับก่อนจะรู้สึกงุนงงว่ากูทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

     

    "พี่อยากกินของน้องจินยอง"

     

    "อ๋อ แต่ผมกินไปแล้วนิดนึงนะ" จินยองตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆอีกคนก็พูดชื่อเขาขึ้นมา

     

    "พี่ไม่ถือ"

     

    คำพูดของจีฮุนเล่นเอาจินยองถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ทำไมผมต้องนึกถึงพี่ยงกุกด้วยเนี่ย... หวังว่าอีกคนคงไม่เล่นมุขจูบทางอ้อมหรอกนะ

     

    "นี่ครับ" จินยองตัดสินใจยื่นขวดน้ำให้อีกคน จีฮุนรับมาถือไว้ก่อนจะยิ้มส่งไปให้คนตรงหน้า

     

    "ขอบใจนะ ไป ไอ้อูจิน หมดเวลาพักแล้ว" 

     

    "อ่า... งั้นฉันไปรวมทีมก่อนนะ"

     

    "สู้ๆนะพี่อูจิน" ฮยองซอบพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากของอีกคน อูจินพยักหน้ารับแล้วเดินตามจีฮุนไปติดๆ

     

    "ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ"

     

    "อะไร"

     

    "พี่จีฮุนเขาชอบนายเปล่าวะ"

     

    "เงียบไปเลยแดฮวี..." จินยองตั้งท่าจะเอาหลังมือตีหน้าอีกคนจนแดฮวีต้องหดหัวหนีด้วยความตกใจ

     

    "เรื่องนี้ถึงหูพี่ยงกุกแน่"

     

    "ไอ้แดฮวี!!"

     

    _________________



    ดาวองครักษ์บ้าบออะไรกันคะฝ่าบาท -/-
    มาอย่างต่อเนื่อง พาทนี้อาจจะเป็นการพบปะของพี่ดงโฮกับน้องหวี
    แล้วก็มีการเปิดตัว อูซอบ นิดนึง 55555555
    อันนี้ความชอบส่วนตัวล้วนๆ  ส่วนพี่จีฮุนนี่เราขอเถอะ
    ... เขาคือคนเหนือเมนของเรา ...

    อ่านคอนเมนต์แล้วก็สนุกอ่ะ บางอันก็ตลก 5555
    ขอบคุณน้าาา ที่ชอบกัน รวักซ์!!
    ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยน้าา อยากให้คนอ่านกุกนยองเยอะๆ 'w'
    #มบฟช



     

     

    (c)  Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×