คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : MABAE 05
\ guardian star
หนังสือนิยายภาษาอังกฤษถูกวางลงที่ชั้นเหมือนเดิมหลังจากอ่านเรื่องย่อด้านปกหลังของเล่มจบ ยังไม่ค่อยมีหนังสือเล่มไหนน่าสนใจสำหรับอีแดฮวี ร่างบางยังคงเดินวนอยู่ในร้านเพราะยังไม่อยากกลับบ้านเลยหาอะไรทำฆ่าเวลาสักหน่อย
“อ๊ะ”
“ขอโทษครับ...”
“….”
“ไอ้เด็ก...” แดฮวีถึงกับถอยหลังแนบกับชั้นวางหนังสือพยายามทำตัวหดจนเหลือนิดนึง คำขอโทษที่ดูจริงใจเมื่อกี้กลายเปลี่ยนเป็นรังสีทำลายล้างจนขนหัวลุกแผ่ซ่านไปหมด “ทำไมซุ่มซ่ามจัง”
“พะ พี่ดงโฮถอยหลังมาชนผมตั้งหาก”
“ยังจะเถียงอีก” ดงโฮทำท่าเหมือนจะพุ่งตัวเข้าใส่จนอีกคนหลับตาแน่นพลางหดหัวด้วยความตกใจ
“….”
“แล้วมาทำอะไรทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง จะทุ่มนึงอยู่แล้ว” ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมามองพอเห็นว่าหมีบ้าพลังตรงหน้าไม่มีท่าทางจู่โจมก็เลยผ่อนคลายลง
“ผมเพิ่งเลิกเรียนพิเศษแล้วยังไม่อยากกลับบ้าน”
“เป็นเด็กใจแตกเหรอเราอ่ะ”
“ผมเปล่า...” แดฮวีรู้สึกหมั่นไส้กับทุกอย่างที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าทึ่มๆนั่นกับวาจาที่คอยจิกกัดเขาตลอดเวลาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำได้มากสุดก็คือการด่าในใจนี่แหละ
“จะกลับเลยไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ผมกลับเองได้ครับ” คนถูกถามถึงกับรีบปฏิเสธ แดฮวีไม่ได้รังเกียจอะไรดงโฮหรอกแต่มันดูสวนทางกับวัฏจักรสิ่งมีชีวิตอย่างเขากับดงโฮสูงมาก ดูทำลายห่วงโซ่อาหารอะไรทำนองนั้นหรือเรียกอีกแบบก็คง กลัว...
“‘งั้นก็ตามใจ เวลานี้ไม่ค่อยมีคนรอรถบัสด้วย มืดๆน่ากลัว”
“ละ แล้วพี่จะกลับเลยเหรอ” แดฮวีเห็นว่าดงโฮกำลังจะเดินไปก็รีบรั้งอีกคนไว้ด้วยคำถามพอนึกถึงเวลาไปยืนรอป้ายรถบัสแล้วก็ระแวงขึ้นมาเฉย
“เออ จ่ายเงินแล้วก็กลับเลย ทำไม” ดงโฮชูหนังสือที่อยู่ในมือให้อีกคนดู แดฮวีมองผ่านๆก่อนจะเห็นว่าเป็นหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาอะไรสักอย่าง... นั่นเด็กข้างบ้านผมเลิกอ่านไปตั้งแต่สิบขวบแล้วมั้งหนะ
“ผม... กลับด้วยก็ได้”
“พูดว่าไรนะ”
“ผมบอกว่าผมกลับด้วยก็ได้”
“อ้อนวอนดิ”
“….”
“ว่าไง”
“กลับเองก็ได้ครั...” ใจหล่นวูบเหมือนตกจากที่สูงจนเผลอหลับตาแน่นก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างกายโดนกระชากจากทางด้านหลัง อีแดฮวีสะดุดกับขอบชั้นวางหนังสือขณะที่หันตัวหนีจนร่างถลาไปด้านหน้าได้แต่ภาวนาว่าให้ลงจูบพื้นโดยไม่มีหัวร้างข้างแตกจนเลือดนองเต็มร้าน แต่หลับตาอยู่นานก็ไม่รู้สึกหน้ากระแทกของแข็งสักทีเลยค่อยๆลืมตาขึ้น
“นายนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลยวะ” คราวนี้เหมือนโดนของมีคมตัดขั้วหัวใจไปแล้ว มือหนาของคนด้านหลังกำลังกอดรอบตัวเขาอยู่ส่วนมืออีกข้างก็นาบอยู่ที่หน้าผากเหมือนกลัวว่าเขาจะเผลอเอาหัวไปโขกกับอะไรสักอย่าง รู้สึกได้ถึงแผ่นหลังของตัวเองกำลังแนบติดอยู่กับร่างกายของใครสักคนซึ่งคงเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ดงโฮ “กินข้าวบ้างปะเนี่ย”
“ผะ ผมกินทุกวัน” คนโดนทักรีบผลักตัวเองออกจากการรัดกุมของอีกฝ่าย ยิ่งตอนเผลอสบตายิ่งทำตัวไม่ถูกอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้แต่มันก็จะผิดสังเกตเกินไป ให้ตายเถอะ หัวใจจะเต้นเร็วเกินไปแล้วนะอีแดฮวี!
“ตัวเล็กนิดเดียวถ้าฉันไม่ดึงนายไว้เมื่อกี้ล้มลงพื้นไปก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เบาอย่างกับมด”
“รู้ได้ไงว่ามดมันจะไม่เจ็บ”
“ไม่รู้ ไม่ใช่มด” ดงโฮพูดจบก็เดินเอาหนังสือไปคิดเงินหน้าตาเฉย ในหัวของแดฮวีมีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด เหตุการณ์เมื่อกี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอะไรเลยเหรอหรือเขาคนเดียวที่เป็นแบบนี้...
แล้วผมจะดึงหน้ายังไงตอนนั่งรถกลับบ้านกับพี่ดงโฮเนี่ยยยย!
:
ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วดูเหมือนคนที่สถานะเป็นพี่ชายคนโตของบ้านยังคงนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่หน้าทีวี ไม่เห็นจะมีสมาธิกับบอลตรงหน้าเลยสักนิดแต่ก็เสือกกำรีโมทแน่นไม่ว่าน้องชายจะเดินไปดึงอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมปล่อยแต่ก็ไม่ได้หันมาด่าอย่างที่ชอบทำ
นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว...
"พี่ดงโฮ"
"อื้อ" คนพี่ส่งเสียงตอบรับในลำคอถือว่ายังมีการตอบสนองอยู่ คิดว่าวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว
"ผมขอยืมโน้ตบุ๊คหน่อยได้เปล่า"
"อือ"
คุณพระ! เกิดอะไรขึ้นกับหมีหวงน้ำผึ้งอย่างดงโฮ ปกติจะขอยืมอะไรนี่ต้องบ่นจนหูบอดหูดับกันไปข้าง วันนี้ตอบรับไวและใจดีอีกด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ชายลูกด้วยเถิด ฮือออ อย่าเอาชีวิตพี่ผมไปเลยนะ
ครืดดด ~
สายเรียกเข้าทำให้จินยองสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังคิดหาทางช่วยพี่ชายตัวเองอยู่แต่พอเห็นว่าคนปลายสายเป็นใครก็ปล่อยวางเรื่องพี่แล้วรีบวิ่งขึ้นห้องทันที ปล่อยแม่งแล้ว ยิ้มเป็นหมีเมากัญชาไปเถอะ ไม่สนใจหรอก
(ทำไมรับช้าจัง)
พอถึงห้องจินยองก็รีบกดรับทันทีแต่มันก็ยังช้าไปสำหรับคนปลายสายละมั้ง
"รับไวแล้วเดี๋ยวพี่เคยตัว"
(ถ้าวันหลังรับช้าอีกจะไปหาถึงบ้านเลย)
"ตลกแล้ว..." เกือบจะข่มขวัญเขาได้อยู่แล้วเชียว ทำไมจะต้องมาแพ้กับอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย
(เหมือนจะคิดถึง)
"ทำไมต้องเหมือนจะ"
(ไม่รู้วะ ไม่ได้เจอแค่วันเดียวเลยไม่แน่ใจว่าคิดถึงแล้วหรือแค่ไม่ชิน)
จินยองเบ้ปากหมั่นไส้ วันนี้วันเสาร์ยงกุกเลยไม่ได้ไปรับจินยองหน้าโรงเรียนเหมือนทุกวันแถมเขายังติดธุระกับที่บ้านเลยไม่ได้นัดกันไปไหน นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วยังไม่เคยได้ยินพี่ยงกุกพูดว่าคิดถึงใส่ผมเลยสักครั้งนึง...
"มันพูดยากมากเหรอ"
(ไม่พูดมั่วซั่วตั้งหาก ถ้าไม่ได้รู้สึกจริงจะพูดไม)
"...."
(เงียยทำไม)
"พี่ไม่คิดถึงผมเหรอ" อยู่ๆจินยองก็รู้สึกเฟลขึ้นมาเฉยๆพอคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงเขา จีบบ้าจีบบออะไรกัน สาดแต่โมเมนต์ทื่อๆใส่
(ไม่คิดถึงจะโทรหาทำไมวะ)
"พูดจาดีๆให้ฟังสักวันนึงไม่ได้เหรอไง" หงุดหงิดแล้วพลาน บอกเลย
(เออนี่ๆ ที่ห้องมีหน้าต่างไหม)
"มีสิครับ..." ดูมันดิ ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่ผมพูดแล้วอีกอย่างห้องนอนใครไม่มีหน้าต่างบ้าง หะ ไอ้บ้า
(ดีๆ งั้นลุกไปมองท้องฟ้าเร็ว)
"ทำไมอ่ะ"
(ทำตามฉันเถอะหน่า) น้ำเสียงอีกคนออกแนวข่มขู่เล็กน้อย จินยองทำสีหน้าฟึดฟัดไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่รู้จักนุ่มนวลกับเขาเลยแต่ก็ยอมลุกไปยืนมองท้องฟ้าอย่างที่อีกคนบอก
"มองแล้ว"
(เห็นดาวปะ)
"มีอยู่นิดนึง" คนตัวเล็กชะโงกหน้ามองก็เห็นว่ามีอยู่สามสองสามดวงเท่านั้น
(นายชอบดวงไหน)
"มันก็เหมือนกันทุกดวงหนิ"
(ขัดอีกแล้วนะๆ)
"...."
(อุตส่าห์จะเล่นมุขดาวองครักษ์สักหน่อย) น้ำเสียงยงกุกดูผิดหวังมากที่อีกฝ่ายทำให้เขาไปต่อไม่ได้
"มันคืออะไรอะครับ"
(ไม่เล่นแล้ว)
"เอ้า.. จริงๆผมชอบดาวดวงที่สว่างที่สุดอ่ะ" จินยองแหงนมองท้องฟ้าอีกทีก่อนจะเห็นดวงนึงที่มีแสงสว่างมากที่สุดในกลุ่ม ยงกุกเงียบไปแปบนึงเลยทำให้คนรอหวั่นๆว่าอีกคนจะงอนไปแล้ว
(อือ ชอบมันเยอะๆ ตั้งชื่อให้มันด้วยก็ดี)
"ทำไมอะครับ"
(ตัวแทนฉันไง)
"...."
(วันไหนไม่เจอกันก็มองท้องฟ้าแล้วหาดวงที่สว่างที่สุด จะได้รู้ว่าฉันอยู่ใกล้ๆ)
ไม่รู้ว่ามุขของอีกคนมันกริบหรือตัวเขาเองที่กำลังตกใจกับความคิดของอีกฝ่าย คนอย่างคิมยงกุก... มีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ มันรู้สึกดีมากแต่ก็เขินมากกว่า โอ้ย ผีบ้าที่สิงพี่ดงโฮย้ายมาสิงผมแล้วแน่ๆเลย!
(มันคุ้มครองนายด้วยนะ)
"ทำไมถึงคุ้มครองผมได้ด้วย" เขาก็ถามไปงั้นแหละ นี่เป็นช่วงที่ยงกุกพูดจาน่าฟังที่สุดแล้วตั้งแต่รู้จักกันมา
(เพราะฉันเก่งไง)
ดีได้แปบเดียวจริงๆ...
(ไหนตั้งชื่อมันว่าไร) ยงกุกย้ำถามด้วยความอยากรู้ จินยองเลยหลุดขำออกมากับความทื่อของอีกคน นี่เล่นมุขหวานๆด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างแบบนี้ได้ไง
"ชื่อ... ยงกุกละกัน"
(ไม่เอา หวงชื่อไว้ให้นายเรียกตัวฉันคนเดียวพอ คิดใหม่) เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าคำพูดที่พูดออกมาอย่างสบายๆเหมือนคนไม่คิดอะไรแล้วยิ่งออกมาจากปากของคิมยงกุกมันกำลังทำให้แพจินยองคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากจะเอาคำนี้มาเปรียบเทียบกับผู้ชายอย่างยงกุกเลยแต่มันน่ารักจริงๆนะ
"งั้นชื่อ..."
(ชื่อโทลบิ)
"...."
(มันชื่อโทลบิ)
"ทำไมต้องโทลบิ" งงนิดหน่อยแต่ไม่เช้าใจมาก บอกให้ผมคิดชื่อแต่ตัวเองก็อยากให้ใช้ชื่อที่ตัวเองคิด ขี้ยัดเยียด...
(ชอบ)
"ชื่อแฟนเก่าเหรอไง"
(ไม่คบกับตัวละครในเกมส์ overwatch ครับ)
"สรุปมันคือชื่อในเกมส์"
(อือ ทำไม ไม่เคยเล่นเหรอ)
"ไม่เคยแล้วก็ไม่อยากเล่นด้วย"
(ดีแล้ว ติดฉันสนุกกว่าติดเกมส์เยอะ) นอกจากความกวนตีนในโทนเสียงแล้วยังหมั่นไส้กับความมั่นหน้ามั่นใจสุดๆ
"มันเกือบจะโรแมนติกอยู่แล้วอ่ะ ถ้าที่มาของชื่อมันดีกว่านี้"
(มันไม่โรแมนติกเพราะนายนั่นแหละ)
"มาว่าผมทำไม"
(เพราะฉันเป็นคนโรแมนติก รู้จักเปล่าโรแมนติกบอย) จินยองถึงกับเก็บเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ (ขำไรวะ)
"งั้นโทลบิจะเฝ้าผมนอนด้วยเปล่า"
(ตอนนายอาบน้ำมันก็เฝ้า)
"พี่ยงกุก..."
(เออออ ก็องครักษ์ไง ไปนอนได้แล้วไปจะตีหนึ่งแล้ว) จินยองหันมองนาฬิกาแปะผนังตรงหัวเตียงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยืนมองเจ้าโทลบินานไปแล้ว
"งั้นผมเปิดหน้าต่างเอาไว้นะ"
(เปิดทำไม)
"เดี๋ยวโทลบิไม่เห็นผมอ่ะ"
(ไม่ต้อง ลุกไปปิดเดี๋ยวนี้เลย โทลบิมันเก่งมันเห็นหมดแหละ ลุกไป) ยงกุกทำเสียงแข็งใส่อีกคน จินยองที่กำลังเคลิ้มถึงกับเปลี่ยนสีหน้า นี่ต้องกลับมาด่าพี่เขาผ่านทางสีหน้าอีกแล้วใช่ไหม...
"รู้แล้วครับ" ในขณะที่จินยองลุกไปปิดหน้าต่างคนในสายก็สั่งไม่หยุด
(ปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วนอนก็ห่มผ้าด้วย ฉันจะรอนายหลับแล้วค่อยวาง)
"พรุ่งนี้พี่ไม่ไปไหนเหรอ"
(ไม่ต้องตื่นเช้า เฝ้านายได้ทั้งคืน) จินยองอมยิ้มชอบใจก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วรีบขึ้นเตียง เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองก่อนจะคว้าเอาตุ๊กตาหมีสีขาวมานอนกอดประหนึ่งว่าเป็นคนปลายสาย(?)
"ผมพร้อมนอนแล้วครับ"
(งั้นนอนไป)
"พี่ยงกุก"
(ว่า) เด็กตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงเงียบไปแปบนึงหลังจากที่เรียกชื่อคนพี่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง (เรียกไม)
"บอกฝันดีผมหน่อยสิ"
(....)
"พี่ไม่เคยพูดเลยมีแต่ไล่ไปนอน" คราวนี้คนปลายสายเงียบ จินยองเลยคิดว่าเขาคงขอมากไป อีกคนคงไม่อยากพูดมั่วซั่วถ้าไม่ได้รู้สึกอยากจะพูด
(ฝันดีนะครับ)
"...."
(มายจินยอง)
สิ้นคำพูดอีกคนเจ้าของชื่อถึงกับหลับตาแน่นกัดปลายผ้าห่มด้วยความรู้สึกล้านแปด มากกว่าเขินก็คงจะเป็นความสุขที่เขาเพิ่งได้รับจากยงกุกนี่ละ แพจินยองที่ตอนนี้เต็มใจเปลี่ยนนามสกุลเป็นมายจินยองกำลังพยายามดึงสติรวบรวมสมาธิเพื่อให้ตัวเองหลับ เขาบอกลาคนปลายสายก่อนเวลาจะล่วงเลยไปพักหนึ่งแล้วผลอยหลับไปโดยมีเจ้าโทลบิส่องแสงสว่างอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
นอกจากโทลบิก็คิมยงกุกนี่แหละที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่คนเดียวในห้องแถมยังหัวเราะอับอายกับความพยายามของตัวเองที่อยากให้อีกคนเขินอีกตั้งหาก
ทำไมต้องพูดมายจินยองไปด้วยวะ แม่งไม่คูลเลย ไอ้สัด...
:
วันนี้ท่าทางการเรียนการสอนจะต้องหยุดเนื่องจากว่าที่โรงเรียนมีแข่งบาสแมทใหญ่พอสมควรถ้าพูดถึงนักกีฬาที่จะลงแข่งวันนี้
“นะจินยอง คาบนี้ไม่ต้องเข้าหรอกไปดูบาสกัน” แดฮวีเขย่าแขนเพื่อนตัวเองพลางเอาหัวซบไหล่
“มันจะไม่มีใครเข้าคาบนี้ทุกคนไม่ได้นะ”
“มันต้องมีแหละแต่ต้องไม่ใช่เรา นะๆ ฉันจะไปดูพี่จีฮุน”
“นึกว่าจะไปดูไอ้อูจินเพื่อนเรา ดันอยากไปดูกัปตันทีมมันเนี่ยนะ” แดฮวียิ้มปากแทบฉีก ยิ้มจนตาปิด มันจะอยากเจอพี่จีฮุนอะไรขนาดนั้นถึงแม้ว่าพี่เขาจะน่ารักมากๆก็เถอะ ผมไม่เถียง...
“ไปดูมันทำไมไอ้อูจิน แฟนมันก็เฝ้าตลอดเวลาขนาดนั้น”
“หึงเหรอ เคยชอบกันหนิ”
“เดี๋ยวถีบเลย มันชอบฉันฝ่ายเดียวตั้งหาก” จินยองเบ้ปากแหย่อีกคนที่กำลังหูแดง เรื่องนี้แทบจะเป็นบันทึกลึกลับของแดฮวีกับอูจินเลยก็ว่าได้ คนนึงเงียบซึนอีกคนก็ดีดแรงเจอหน้ากันอูจินก็โดนอีกฝ่ายด่าเสียส่วนใหญ่ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรผิด ดีนะที่ยังมีเส้นกั้นคำว่าเพื่อนอยู่ไม่งั้นถ้าคบกันก็มีแต่หายนะ โชคดีของอูจินที่ไปพบรักใหม่อย่างเด็กที่ชื่อฮยองซอบ น้องคนนั้นน่ารักมาก ไม่ว่าจะนิสัยหรือหน้าตา ค่อนข้างตามใจอูจินซึ่งต่างจากแดฮวี คือจะบอกว่าดีแล้วที่อูจินมันไม่สัญญารักกับตัวเองว่าจะชอบไอ้แดฮวีตลอดไป เป็นบุญของมันแท้ๆ คนอย่างแดฮวีมันต้องเจอคนที่ปราบมันได้เท่านั้นแหละ โลกถึงจะสงบ
ผลสุดท้ายจินยองก็ต้องโดนลากมานั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ที่ด้านหน้าเป็นลานแข่งบาสขนาดกว้างพอสมควร โดยมีฮยองซอบเด็กรุ่นน้องห่างกันสองปีนั่งอยู่ข้างๆ
“ไหนบอกพี่จินอูไม่ลงไง ทำไมใส่ชุดแข่งละ” ทั้งสองพอได้ยินฮยองซอบพูดก็หันไปมองอีกมุมนึงของสนาม กัปตันทีมของอีกฝ่ายกำลังยืนคุยกับสมาชิกในทีมด้วยสีหน้าจริงจังต่างจากทีมของจีฮุนที่ไม่ค่อยจะตึงเครียดสักเท่าไหร่อาจจะเพราะภาพลักษณ์ของทั้งสองคนค่อนข้างต่างกันพอสมควร
“นั่นมันแฟนฮักนยอนหนิ” แดฮวีเอียงตัวมากระซิบพูดกับจินยอง เขาไม่เคยเห็นหน้าจินอูชัดๆสักครั้งแต่ชื่อจำได้แล้วก็พอรู้ว่าเป็นกัปตันทีมบาส แทนที่เขาจะมองจินอูแต่สายตากลับกวาดไปทั่วอัฒจันทร์เผื่อจะเจอเด็กที่ชื่อจูฮักนยอน
“แฟนลงแข่งทั้งทีไม่มาดูเหรอไง” จินยองบ่นพึมพำกับตัวเองแต่แดฮวีก็จับความหมายได้เลยทำหน้าที่หน่วยสอดส่องแทนเพื่อนทันที
“นู่นไง นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวด้านหลังพี่จินอูเลย” แดฮวีชี้นิ้วไปที่เป้าหมาย จินยองมองตามก่อนจะทำปากยื่นปากยาวหมั่นไส้ แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ เพิ่งเลิกกับอีกคนแท้ๆ “ดูเหมือนไม่ใช่คนอกหักเลยเนอะ”
“อือ”
“พี่หน้ากวนตีนด้วยอีกคน อย่าว่าแต่ฮักนยอนเลย”
“เขาตัดกันขาดแล้วก็ดีไม่ใช่เหรอไง” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ แดฮวีเลยได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยเชิงให้กำลังใจเพื่อน
“พี่เขาจะเริ่มแข่งแล้วๆๆๆ” ฮยองซอบรัวมือลงที่หน้าขาของจินยองจนคนโดนทำถึงกับต้องหันไปสนใจ “พี่อูจินเท่จังเลยครับ” สีหน้าอวยแฟนยังมีอย่างต่อเนื่องจากเด็กน้อยข้างๆ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไงแต่สำหรับผมฮยองซอบดูน่าเอ็นดูมากกว่าน่าหมั่นไส้อะครับ ขนาดอวยไอ้อูจินอยู่ผมยังเอ็นดูน้องมันเลยแต่ก็แบบ มันก็ไม่ได้เท่อะไรขนาดนั้นเปล่าอ่ะ
การแข่งขันยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องซึ่งฝ่ายจินอูกำลังนำอยู่โดยทีมจีฮุนก็ไล่ต้อนไปอย่างสบายๆจนถึงช่วงพักครึ่งของการแข่งขัน
“พี่อูจินนน อะ น้ำ” ฮยองซอบรีบวิ่งลงไปหาอูจินพร้อมขวดน้ำโดยมีจินยองกับแดฮวีเดินตามลงไปติดๆ
"ทำไมเล่นห่วยจัง" คำทักทายด้วยความเคยชินของอีแดฮวีเรียกสายตาคนในทีมให้หันมามองขนาดอูจินยังหันซ้ายหันขวามองเพื่อนร่วมทีมของตัวเองว่าตกลงไอ้เพื่อนตัวเล็กนี่มันทักเขาหรือกล่าวหาคนอื่น "ผมหมายถึงอูจินอะครับ..." แดฮวีก้มหัวลงเล็กน้อยเมื่อโดนสายตาหลายคู่จ้องมองแต่พอคนตัวเล็กชี้แจงคนอื่นก็หันไปสนใจหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม
"เพราะมีนายมานั่งดูไง"
"กลับก็ได้นะ"
"โชคดีของพี่จีฮุน"
"เรียกฉันเหรอ" สิ้นคำพูดของอูจินเจ้าของชื่อก็ชะโงกหน้าเข้ามา ลมแทบจับ มองใกล้ๆหน้าพี่เขาโคตรใสเลย
"มีคนอยากเจอพี่อ่ะ"
"ใคร" แดฮวีได้แต่อ้าปากค้างพยายามทำตัวไม่ให้ผิดสังเกตแต่ขนาดเด็กใสๆอย่างฮยองซอบยังดูออกเลยว่าใคร
"พี่แดฮวีชอบพี่จีฮุนมากเลยเหรอ"
"ไอ้เด็กนี่... โว้ย" แดฮวีแทบจะดึงหัวเด็กตรงหน้ามาขยำแต่เกรงใจสายตาของจีฮุนที่กำลังมองอยู่
"สวัสดีครับ เพื่อนไอ้ซึนนี่เหรอ" จีฮุนพยักเพยิดหน้าไปทางอูจิน รอยยิ้มกับใบหน้าหวานๆของพี่เขาขนาดอูจินยังไม่กล้าด่าเลยที่โดนเรียกว่า ไอ้ซึน หรือบางทีมันอาจจะยอมรับไม่ก็เพราะว่าพี่จีฮุนเป็นกัปตันทีม...
"เออ เพื่อนผมเองพี่ นี่แดฮวี นี่จินยอง" จีฮุนสบตากับจินยองก่อนจะอมยิ้มมันเลยทำให้คนเห็นต้องยิ้มตอบกลับไปด้วยมารยาท
"พี่ไม่เห็นแนะนำเค้าเลย"
"ก็พี่จีฮุนเขารู้จักหนูแล้วอ่ะ" ฮยองซอบทำปากคว่ำใส่อูจินแต่คนที่ยีหัวฮยองซอบกับเป็นจีฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆ
"จะไม่รู้จักได้ไง มาเฝ้าไอ้อูจินทุกวันขนาดนี้"
"มันควรจะเฝ้านายมากกว่าฮยองซอบ นายยังเหมาะกับพี่จีฮุนมากกว่าไอ้เขี้ยวนี่อีก" แดฮวีแขวะใส่แต่ก็เหมือนเดิม อูจินได้แต่ยืนทำหน้าตาไร้ความคิดความอ่านมีแต่ฮยองซอบที่รีบขว้าแขนอูจินไปกอดแน่นแล้วเอาหัวซบไหล่เหมือนจะบอกว่า พี่อูจินของหนูดีที่สุดแล้ว
"พี่หิวน้ำจังเลย" อยู่ๆจีฮุนก็พูดขึ้นมาลอยๆพลางเหล่มองไปที่จินยองที่ยืนถือขวดน้ำอยู่
"พี่กินของผมก็ได้นะ" อูจินยื่นขวดน้ำของตัวเองก่อนจะโดนสายตาตำหนิส่งมาให้เขาเลยรีบชักขวดน้ำกลับก่อนจะรู้สึกงุนงงว่ากูทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
"พี่อยากกินของน้องจินยอง"
"อ๋อ แต่ผมกินไปแล้วนิดนึงนะ" จินยองตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆอีกคนก็พูดชื่อเขาขึ้นมา
"พี่ไม่ถือ"
คำพูดของจีฮุนเล่นเอาจินยองถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ทำไมผมต้องนึกถึงพี่ยงกุกด้วยเนี่ย... หวังว่าอีกคนคงไม่เล่นมุขจูบทางอ้อมหรอกนะ
"นี่ครับ" จินยองตัดสินใจยื่นขวดน้ำให้อีกคน จีฮุนรับมาถือไว้ก่อนจะยิ้มส่งไปให้คนตรงหน้า
"ขอบใจนะ ไป ไอ้อูจิน หมดเวลาพักแล้ว"
"อ่า... งั้นฉันไปรวมทีมก่อนนะ"
"สู้ๆนะพี่อูจิน" ฮยองซอบพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากของอีกคน อูจินพยักหน้ารับแล้วเดินตามจีฮุนไปติดๆ
"ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ"
"อะไร"
"พี่จีฮุนเขาชอบนายเปล่าวะ"
"เงียบไปเลยแดฮวี..." จินยองตั้งท่าจะเอาหลังมือตีหน้าอีกคนจนแดฮวีต้องหดหัวหนีด้วยความตกใจ
"เรื่องนี้ถึงหูพี่ยงกุกแน่"
"ไอ้แดฮวี!!"
_________________
ดาวองครักษ์บ้าบออะไรกันคะฝ่าบาท -/-
มาอย่างต่อเนื่อง พาทนี้อาจจะเป็นการพบปะของพี่ดงโฮกับน้องหวี
แล้วก็มีการเปิดตัว อูซอบ นิดนึง 55555555
อันนี้ความชอบส่วนตัวล้วนๆ ส่วนพี่จีฮุนนี่เราขอเถอะ
... เขาคือคนเหนือเมนของเรา ...
อ่านคอนเมนต์แล้วก็สนุกอ่ะ บางอันก็ตลก 5555
ขอบคุณน้าาา ที่ชอบกัน รวักซ์!!
ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยน้าา อยากให้คนอ่านกุกนยองเยอะๆ 'w'
#มบฟช
ความคิดเห็น