ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #4 : MABAE 04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.65K
      10
      11 มิ.ย. 60


    \ first test


    เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาง่วงตลอดเวลากำลังกลั้นใจหลับตาสนิทจนกลายเป็นฝืนเมื่อเขาพยายามจะไม่สนใจสายเรียกเข้าที่โทรเข้ามารัวๆของอดีตแฟนเก่า มันไม่ง่ายเลยที่จะทำเป็นไม่สนใจขนาดคนใจด้านชาอย่างคิมยงกุกยังสะเทือน

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารับรู้เรื่องราวของฮักนยอนกับจินอูเพียงแต่ว่าวันนี้เขากลับเห็นกับตามันเลยทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ จะเรียกว่าหมดรักมาสักพักนึงไหมมันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ยงกุกกับฮักนยอนแทบจะไม่ค่อยได้เจอกันเลยช่วง 4 เดือนให้หลัง ไม่รู้ว่าด้วยเวลาไม่ตรงกันอยู่บ่อยๆหรือฮักนยอนเริ่มให้ความสำคัญกับเขาน้อยลง น้อยใจแต่ขอไม่วนอยู่จุดเดิมแล้วกัน ไหนๆผมก็สนใจเด็กที่ชื่อจินยองแล้วผมจะไม่ยอมปล่อยให้เด็กนั่นลอยนวลหรอก จะด่าว่าผมอยากลืมฮักนยอนก็ได้นะ แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ชอบจินยองหนิ

     

     

    ผมชอบแพจินยองครับ อย่าเข้าใจผมผิดเสียหมด

     

     

    คิมยงกุกเหลือบมองโทรศัพท์ที่เงียบไปได้สักพักแต่ก็กลับมาดังอีกครั้งแต่ดูเหมือนคราวนี้จะไม่ใช่เบอร์ของฮักนยอน

     

     

    "จินยอง..." เขาดันตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับ "คิดถึงฉันเหรอ"

     

    (โทรมาทวงของตั้งหาก) แค่สิ้นเสียงคนปลายสายรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่มมนุษย์ที่หน้าดันไปเหมือนหมาจิ้งจอกจนมันดูเจ้าเล่ห์ไปเลย

     

    "ของอะไร"

     

    (ไหนพี่บอกจะเอากำไลไปซ่อมให้ผมไง)

     

    "ยังไม่ได้เอาไปซ่อมเลย นี่นายคิดว่าฉันจะโดดเรียนเพื่อเอากำไลนายไปซ่อมเหรอ" เสียงจิ้ปากของคนตัวเล็กดังผ่านสายมาจนยงกุกยิ้มไม่หยุด หงุดหงิดกับเขาเป็นด้วยเหรอไง

     

    (ใครจะรู้ก็พี่บอกจะจีบผมหนิ คิดว่าทำได้ทุกอย่าง)

     

     

    เออ.. ทำไปแล้วครับ

     

     

    "ทำตัวน่ารักพอให้ฉันทำให้ทุกอย่างไหมละ"

     

    (ถ้าผมไม่น่ารักพี่ก็คงไม่จีบผมหรอก) ยงกุกเงียบไปแปบนึงไม่ใช่ว่าหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดแต่เขากลับรู้สึกชาตั้งแต่มือไล่ไปจนถึงหน้า ถ้าไปส่องกระจกตอนนี้หูมันจะต้องแดงมากแน่ๆ 

     

    "จะนอนยัง" เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้สึกไปต่อไม่ได้ 

     

    (ยังทำการบ้านไม่เสร็จเลยครับ)

     

    "เปิดกล้องดิ"

     

    (ทำไมต้องเปิด...) จินยองตกใจที่ได้ยินอีกคนขอให้เขาเปิดกล้อง นี่คุยกับแดฮวียังไม่เคยเปิดกล้องคุยกันเลยนะ

     

    "อยากรู้ว่าทำการบ้านจริงหรือเปล่า"

     

    (ผมจะโกหกพี่ทำไม)

     

    "ก็เปิดกล้องสิ" ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย ยงกุกเอาโทรศัพท์ออกจากหูพลางจ้องที่หน้าจอแอบลุ้นว่าอีกฝ่ายจะเปิดไหม เขาเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือหลังจากเห็นหน้าจอปรากฎใบหน้าเล็กๆของเด็กผู้ชายคนนึงกำลังใช้มือสะบัดผมของตัวเองอยู่ 

     

     

    ทำไมน่ารักจังวะ...

     

     

    (นี่ไง ผมทำการบ้านอยู่) จินยองเอาโทรศัพท์พิงกับโต๊ะก่อนจะหยิบหนังสือเรียนขึ้นชูให้อีกคนดู ยงกุกไม่ได้ยิ้มหรือมีท่าทางยินดียินร้ายจนจินยองรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองที่ตัดสินใจเปิดกล้องคุยกัน (ถ้าพี่ไม่พูดอะไรผมวางแล้วนะ)

     

    "จะให้พูดอะไรละ"

     

    (ก็พี่เอาแต่มองหน้าผม)

     

    "ก็นายน่ารัก"

     

    (....) 

     

    "เงียบทำไม ทำการบ้านต่อสิ" 

     

    (พี่คิดว่าผมจะมีสมาธิไหม)

     

    "งั้นฉันหลับตาก็ได้" ยงกุกพูดพลางหลับตาแน่นจนตาหยีไปหมดแต่แปบเดียวเท่านั้นเขาก็แอบลืมตามามองนิดนึงพอเห็นว่าจินยองกำลังนั่งมองอยู่ก็ปิดตาสนิทใหม่

     

    (ทำไมเด็กแบบนี้) 

     

    "ฉันแก่กว่านายนะ" พอได้ยินอีกฝ่ายปรามเขาก็หยุดการละเล่นทุกอย่างซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกัน เด็กอ๋อวะยงกุก...

     

    (ถ้าพี่จะจีบผมพี่ต้องตามใจผมสิ) คนโดนยื่นข้อเสนอได้แต่มองหน้าเด็กตัวเล็กก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับเตียง (ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าครับ)

     

    "สัญญาณไม่ค่อยดีเลย"

     

    (งั้นก็วางสิ ผมจะได้ทำการบ้าน)

     

    "ไม่" ยงกุกนอนตะแคงมองจอโทรศัพท์ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้เขามีความสุขถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการอะไรออกไป เขาไม่ค่อยได้เปิดกล้องกับฮักนยอนด้วยซ้ำ

     

     "นายทำการบ้านไป ส่วนฉันจะเฝ้านายเอง"

     

    ถ้าผมใส่ใจคนตรงหน้ามากขึ้น ให้เวลากับเขา ผมก็จะไม่เสียเขาไปใช่ไหม...

     

     

     

    :

     

     

     

    ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน รู้แต่ว่าการบ้านที่ผมโคตรจะขี้เกียจทำเลยมันเสร็จแล้ว... ไม่รู้ว่าเพราะมีคนเฝ้าหรือว่าอะไร ขนาดผมอาบน้ำทำนู่นนี่นั่นเสร็จพี่ยงกุกก็ยังไม่หลับแถมตอนเช้ามาบอกว่าผมนอนน้ำลายไหลอีกตั้งหาก ผมไม่เคยนอนแบบนั้นนะ!

     

    แพจินยองก้มหน้าก้มตาทำงานที่คุณครูเพิ่งสั่งตอนต้นคาบในระหว่างที่เขากำลังหันไปลอกอีแดฮวีเพื่อนรักก็ต้องเหลือบตาไปมองนอกห้องเมื่อรู้สึกว่ามีคนมองเขาอยู่ เด็กนักเรียนหญิงหนึ่งในกลุ่มที่ด้อมๆมองๆจินยองอยู่เผลอสบตากับเขาก่อนจะรีบมุดหน้าหนีไป เขาพยายามไม่สนใจแต่รู้สึกว่าเขาจะโดนมองแบบนี้อยู่เรื่อยๆเกือบทั้งวันไม่ว่าเขาจะพักกินข้าวหรือไปเรียนคาบพละก็ตาม 

    แดฮวีโบกมือลาจินยองก่อนจะเดินไปขึ้นรถปล่อยให้จินยองยืนเปลี่ยวอยู่คนเดียว วันนี้แม่แดฮวีมารับเพราะเห็นบอกต้องไปทำธุระเลยต้องรีบกลับ แพจินยองค่อยๆเดินทอดน่องด้วยความเบื่อหน่ายเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน ขาเล็กชะงักอยู่กับที่เมื่อสังเกตเห็นร่างสูงกำลังยืนคุยอยู่กับเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง จินยองขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านักเรียนกลุ่มนั้นคือกลุ่มที่ชอบมาด้อมๆมองๆเขาอยู่ตลอดทั้งวัน ตอนนี้กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดคุยกับยงกุกอย่างสุขใจแต่ดูอีกฝ่ายจะไม่ค่อยมีรีแอคชั่นร่วมสักเท่าไหร่

     

    "แล้วพี่ไม่อยากรู้เรื่องหนูบ้างเหรอคะ" เด็กสาวรูปร่างหน้าตาค่อนข้างดีที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามคิมยงกุกด้วยสายตาหยาดเยิ้ม คนถูกถามได้แต่แค้นหัวเราะเมื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาไม่ชอบสถานการณ์อึดอัดแบบนี้สักเท่าไหร่ถ้าเป็นคังแดเนียลคงจะไปได้สวยกว่านี้

     

    "เอาเป็นว่าถ้าสำเร็จเดี๋ยวเลี้ยงไอติมแล้วกัน" เขาพยายามเบี่ยงบทสนทนาแต่ดูแล้วไม่ค่อยจะเป็นผล

     

    "แค่พี่มาโรงเรียนนี้ทุกวันก็พอ..."

     

    "เอ้า แพจินยอง!" เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งหลังจากมายืนแอบฟังอยู่สักพัก คิมยงกุกที่กำลังจะเสมองไปทางอื่นระหว่างที่รุ่นน้องกำลังพูดดันไปสบตากับคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาที่นี่พอดี "ฉันรอตั้งนานทำไมออกมาช้าอีกแล้ว"

     

    "ผมเพิ่งเลิกเรียนเองนะ" จินยองรีบแก้ตัวพออีกฝ่ายเดินเข้ามาหา ยงกุกแทบไม่ได้สนใจคำตอบของอีกคนสักเท่าไหร่เขากลับรั้งคอจินยองมากอดไว้แล้วออกแรงเดิน

     

    "รีบ-ไป-จาก-ตรง-นี้ พี่ไปก่อนจะครับน้องๆ" เขาก้มหน้ากัดฟันพูดข้างๆหูจินยองก่อนจะเงยหน้าไปพูดบอกลากลุ่มรุ่นน้องที่มีสีหน้าเสียดายกับการจากไปของพี่เขา จินยองสะดุดขาตัวเองไปหลายรอบแล้ว ตัวสูงกว่าใช่ว่าจะมีสิทธิ์ก้าวขายาวขนาดนี้เด้อ

     

    "พี่รู้จักเด็กพวกนั้นด้วยเหรอ" ยงกุกเงียบไปแปบนึงก่อนจะหันมองคนข้างๆ

     

    "ก็เพิ่งรู้จักเมื่อกี้ น้องมันเดินมาคุยด้วย" จินยองเหมือนไม่ค่อยอย่างจะเชื่อเพราะเด็กพวกนั้นมันมีอะไรน่าสงสัยส่วนไอ้คนข้างๆนี่โคตรมีพิรุธ

     

    "ไม่ได้มีอะไรแน่นะ"

     

    "อือ แล้ววันนี้ทำการบ้านเสร็จหมดยัง" คนตัวสูงกว่ารีบสร้างบทสนทนาขึ้นมาใหม่เพราะถ้าจินยองถามมากกว่านี้เขาต้องไปยืนทำโทษตัวเองโดยการเอาหัวชนกำแพงแน่

     

    "เสร็จหมดแล้วครับ งานที่ครูสั่งวันนี้ก็เสร็จ"

     

    "ลอกเพื่อนอะสิ"

     

    "เห็นเหรอถึงรู้อ่ะ" เป็นอีกครั้งที่ยงกุกเงียบ อันที่จริงมันก็เงียบเป็นปกติแต่ถ้าให้ปกติกว่ามันจะกวนตีนกลับแต่นี่นิ่งมาก "ไม่ได้ให้ใครมาจับตามองผมหรอกนะ"

     

    "ฉันต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ"

     

    "พี่ครับ..."

     

    "...."

     

    "เด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นใช่ไหม" คิมยงกุกได้แต่เกาท้ายทอยตัวเองเมื่อรู้สึกดึงหน้าไม่ถูก "ใช่ไหม"

     

    "เออออ ก็แค่อยากรู้ว่านายชอบไรไม่ชอบไร วันๆทำไรบ้าง มีใครมาคุยด้วยไหมหรือนายไปคุยกับใครไหมแค่นั้น"

     

    "ถามผมก็ได้หนิ"

     

    "แล้วถ้านายโกหกเรื่องไม่มีคนคุยละ"

     

    "ผมไม่ใช่คนโกหก..." จินยองมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่จนคนเห็นรู้สึกผิด เขาถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของจินยองเบาๆ

     

    "เออๆ ไม่ทำแล้ว" ไม่ใช่แค่คำพูดของยงกุกที่กำลังทำให้จินยองเขินแต่หลังนิ้วชี้ที่กำลังเขี่ยแก้มเขาอยู่นี่แทบจะทำให้ระเบิดตัวเองด้วยซ้ำ "หิวไหม"

     

    "พี่หิวยังอ่ะ"

     

    "ถ้านายหิวฉันก็หิว ถ้ายังไม่หิวเดี๋ยวไปส่งที่บ้านเลย"

     

    "งั้นหิว" จินยองรีบตอบพอได้ยินอีกคนจะไปส่งเขาที่บ้าน

     

    "งั้นไปหาไรกินกัน"

     

    "ครับ" สิ้นคำพูดคนตัวเล็กก็เอื้อมือไปคว้ามือของอีกคนมาจับไว้หลวมๆ "จูงมือได้ไหม" ยงกุกก้มมองมืออีกฝ่ายที่จับมือเขาอยู่ก่อนจะสอดนิ้วประสานกระชับกลับแน่นขึ้น

     

    "อย่าปล่อยมือก็แล้วกัน"

     

     

     

    :

     

     

     

     

    "พี่เอากำไลไปซ่อมให้ผมยัง" จินยองถามขึ้นระหว่างที่ตักไอติมรสวนิลลาเข้ามาก ยงกุกที่นอนราบกับพื้นหญ้าข้างๆอีกคนถึงกับลืมตาขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบมาด้วย

     

    "ซ่อมแล้ว"

     

    "จริงเปล่า! ไหนผมขอดูหน่อย" จินยองคาบช้อนไว้แล้วหันไปแบมือขอของจากอีกคนด้วยสีหน้าตื่นเต้นแต่ยงกุกก็พลิกตัวหันหลังให้เขาแทน 

     

    "ค่อยดูได้เปล่า ฉันง่วง"

     

    "พี่จะมาหลับตรงนี้ไม่ได้นะ" 

     

    "ทำไม"

     

    "แล้วผมละ"

     

    "นายก็อยู่ข้างๆฉันไง" ยงกุกไม่พูดอย่างเดียวเขาหันมาคว้ามือของอีกคนให้มาพาดที่ตัวเขาเพื่อที่จะจับไว้ คนโดนทำถึงกับตัวเอนเกือบทับคนที่นอนมันเลยทำให้จินยองต้องขยับตัวไปใกล้ยงกุกมากขึ้น ใบหน้าเริ่มร้อนผิดปกติ มือก็ไม่มีตักไอติม ปากก็ยังคาบช้อนไว้จะดึงมือกลับก็ไม่กล้าจะบอกว่าชอบก็ไม่เชิง... มือพี่ยงกุกอุ่นขนาดนี้เลยเหรอ

     

    “พี่ยังไม่ได้เอากำไลไปซ่อมให้ผมใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” จินยองไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองหลงกลกับการตีเนียนเปลี่ยนเรื่องของอีกคนหรือบางทีเขาก็แค่พยายามจะทำตัวให้ปกติทั้งๆที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่ ยงกุกแอบถอนหายใจก่อนจะค่อยๆพลิกตัวหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ 

     

    “เอาไปทำให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ลืมเอามา”

     

    “ไม่ได้โกหกผมแน่นะ”

     

    “โกหกแล้วได้อะไร ได้นายเป็นแฟนเลยปะละ”

     

    “….”

     

    “จะบ่นอะไรก็บ่นไป ฉันของีบแปบนึง”

     

    “พี่ยงกุก...”

     

    “เมื่อคืนมัวแต่เฝ้าเด็กไม่ยอมวางสายสักที” ยงกุกยกหัวตัวเองมาหนุนบนตักนิ่มๆของอีกคนแทนพื้นหญ้าหน้าตาเฉย เขาไม่ได้ลืมตามองจินยองด้วยซ้ำระหว่างพูดเลยไม่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดของเจ้าของตักนุ่มนิ่มนั่น

     

    ก็พี่ไม่ยอมกดวางก่อนหนิ ผมก็เลยไม่อยากวาง...

     

     

     

    :

     

     

     

    มือเล็กใช้หลังมือลูบแก้มตัวเองไปมาอย่างลืมตัวขณะที่นอนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่แต่ในหัวกลับคิดแต่เรื่องเมื่อตอนเย็น

     

    "แล้วถ้านายโกหกเรื่องไม่มีคนคุยละ"

    "ผมไม่ใช่คนโกหก..."

    "เออๆ ไม่ทำแล้ว หิวข้าวยัง”

     

    ประโยคคำพูดและการกระทำพวกนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดจนเผลอยิ้มออกมาอยู่หลายครั้ง จินยองแทบไม่มีโฟกัสกับบทสนทนาของแดฮวีเลยสักนิดเดียว

     

    (ฟังอยู่ปะเนี่ย)

     

    “หะ”

     

    (ฉันถามว่าพี่ยงกุกจีบนายเหรอ) แค่ได้ยินชื่อของอีกคนก็ทำให้จินยองแทบอยากจะมุดหัวลงใต้หมอน เขาไม่สมควรรู้สึกแบบนี้สิ!

     

    “ใครบอก”

     

    (ฉันพอจะเดาออก อีแดฮวีก็เก่งแบบนี้ละ ยังไม่รู้อีกเหรอ) เสียงปลายสายฟังดูชื่นชมตัวเองค่อนข้างสูงจนคนฟังได้แต่ยู่หน้าใส่

     

    “แล้วทำไมไม่รู้สักทีว่าพี่ชายฉันชอบนาย”

     

    (พูดเรื่องขนลุกขึ้นมาทำไม ประสาทเหรอ!) แดฮวีตะคอกผ่านสายโทรศัพท์ทันทีที่ฟังเรื่องไร้สาระจากอีกคนจบ

     

    “ไม่ชอบพี่ชายฉันเหรอ”

     

    (พี่นายตั้งหากไม่ชอบฉัน)

     

    “รู้ได้ไง”

     

    (วันนั้นที่ชวนนายไปเที่ยวถ้าพี่ดงโฮถือไม้กวาดอยู่ก็คงไล่ฟาดฉันแล้ว)

     

    “พี่ฉันไม่ใช่นักเลงนะ...” 

     

    (ก็คล้ายๆอ่ะ)

     

    “….”

     

    (ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องได้ปะ บอกมาว่าพี่ยงกุกจีบนายเหรอ)

     

    “อือ”

     

    (แล้วยอมให้จีบไหม) น้ำเสียงของแดฮวีดูอยากรู้มากจนคุมโทนเสียงไม่อยู่ 

     

    “ก็... ถ้าจีบติดอะนะ”

     

    (หมายความว่ายอมสินะ! นายนี่มันใจง่ายจริงๆ ก็รู้อยู่ว่าเขามีแฟนแล้ว)

     

    “เลิกกันแล้วเว้ย” จินยองรีบเถียงถึงแม้ว่าในใจเขาก็แอบหวั่นๆเพราะจะว่าไปยงกุกก็เพิ่งเลิกกับฮักนยอนได้ยังไม่ถึงอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ

     

    (ไปเลิกกันตอนไหนวะ)

     

    “ฉันก็ไม่รู้...” จิตใจดวงน้อยเริ่มห่อเหี่ยวลงทันทีหรือเราจะใจง่ายมากเกินไป ทำไงได้ ดันรู้สึกดีตั้งแต่เห็นครั้งแรกพอเจอรุกแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผลอปล่อยตัวปล่อยใจ ไอ้บ้าแพจินยอง!

     

    (งั้นฉันขอถามนายก่อน นายชอบพี่เขาจริงๆหรือเปล่า)

     

    “….” 

     

    จินยองเงียบไปแปบนึงเมื่อรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ เขาต้องศึกษาตัวเองก่อนเป็นอย่างแรงสิ

     

    “ขอตอบว่ารู้สึกดีก็แล้วกัน”

     

    (มันก็กึ่งๆชอบ งั้นเดี๋ยวฉันจัดการสืบให้)

     

    “สืบอะไร”

     

    (ว่าไอ้พี่หน้ากวนตีนนั่นมันเลิกกับแฟนขาดสะบัดแล้วจริงๆหรือเปล่าไง)

     

    “เขาไม่ได้ชื่อหน้ากวนตีนสักหน่อย”

     

    (ยังไม่ทันคบก็ปกป้องกันแล้วเหรอ) แค่คิดถึงหน้าของอีกคนจินยองก็หลุดยิ้มออกมาเสียงั้น นี่มันเข้าข่ายคนบ้าแล้วนะ (ช่วงนี้ก็คุมสติหน่อยแล้วกัน อย่าเพิ่งปล่อยตัว)

     

    “ปล่อยตัวบ้าอะไรของนายวะ” อยู่ๆก็รู้สึกเขินขึ้นมาเฉย...

     

    (เขาชวนไปบ้านก็อย่าไปละ)

     

    “ฉันโตแล้วนะ”

     

    (ก็ไอ้บอกว่าโตนี่แหละเสียตัวมากี่คนแล้ว)

     

    “แดฮวี...” ถ้าไม่รีบพูดห้ามปรามอีกคนคงระเบิดตัวเองตายไปแล้ว มันจำเป็นต้องมีเลือดไหลเวียนบนหน้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ หะ จินยอง 

     

    (ไม่พูดก็ได้ ไปคิดดีๆแล้วกัน ถ้ามั่นใจว่าชอบ ฉันจะคอยสนับสนุน แต่! ฉันขอไปสืบก่อนว่าพี่ยงกุกเหมาะจะดูแลนายได้หรือเปล่า เข้าใจไหม)

     

    “เป็นพ่อฉันเหรอ”

     

    (เป็นเพื่อนโว้ย รักมากด้วยถึงหวงไง) จินยองยิ้มปากแทบฉีกพอได้ยินแดฮวีสารภาพรักกับตัวเอง แต่พอมาคิดดูแล้วเหมือนเขาก็แค่รู้สึกดีกับการกระทำของอีกฝ่ายจะบอกว่าชอบเลยมันก็คงยังไม่เต็มร้อย นิสัยจริงๆของพี่ยงกุกเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ ตอนนี้สัมผัสได้แต่ความทื้อและกวนตีนแค่นั้น

     

    “ขอบใจนะ”

     

    (จำไว้นะ! รู้สึกดีกับชอบมันยังไม่เหมือนกัน ไปคิดมา)

     

    “รู้แล้ววววว”

     

    (งั้นแค่นี้แหละ ง่วงนอน)

     

    “ง่วงหรือจะไปสืบ”

     

    (ไม่รู้ทันสิ...) 

     

    “แค่นี้แหละ ฉันก็ว่าจะนอนแล้ว บัยบาย” พอสิ้นเสียงตอบกลับของแดฮวีเขาก็กดวางก่อนจะปล่อยโทรศัพท์ไว้ข้างๆ พยายามทำสมองให้โล่งเผื่อว่าจะหลับได้ไวขึ้นแต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ได้ยินเสียงข้อความดัง

     

     

    พี่ย๊ง

    23.54 PM  นอนยัง ถ้ายังจะคอลไปหา

     

     

    แล้วใครมันจะไปนอนหลับเล่า!!

     

     

    _____________________


    เรือเราจะไม่ล่มค่ะ!!! TOT
    ถึงแม้พี่จ๋าจะไม่ได้ไปต่อ เราก็จะยังแจวอยู่

    อ่านเรื่องนี้ปล่อยตัวปล่อยใจตามสบายได้เลย ไม่มีดราม่าจริงๆน้าา 5555
    ดูสิ น้องแพออกจะใจง่ายจะตัยย ก็คนมันรู้สึกดีตั้งแต่เห็นครั้งแรกหนิ!
    อย่าลืมพูดคุยกันตามประสาเรือ #กุกนยอง ใน #มบฟช 
    ไปสาดมม กันในนั้นค่ะ

     

    (c)  Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×