ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #15 : MABAE 14

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 60


            

    \I am you, you are me



            สมุดโน้ตเล่มบางสถานภาพอ่อนตัวปวกเปียกจัดว่าเปื่อยยุ่ยจากการเปิดปิดมันอยู่หลายรอบบวกกับเจ้าของมันเอาไปรองแก้วน้ำหน้าตาเฉย ไร้ซึ่งจรรยาบรรณคำนึงถึงความพยายามที่เพื่อนสนิทคิมแจฮวานเป็นคนทำเล่มให้เพื่อนๆในวงได้ซุ่มซ้อมกัน คงไม่มีใครกล้าทำแบบนี้ถ้าไม่ใช่คิมยงกุก เขาค่อยๆเปิดมันออกแต่พอสำนึกได้ว่ามันไม่สามารถใช้การได้แล้วเลยจับมันโยนใส่ถังขยะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียงส่งข้อความไปขอเล่มใหม่จากแจฮวาน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่ายังไง

     

            วิชวลวง

            ไอ้สัด!! มึงคิดว่าบ้านกูเปิดโรงพิมพ์เหรอไง 19.21 PM

    ยงกุก

    19.22 PM  รำคาญ อย่ามาบ่น

            วิชวลวง

            นั่นคำพูดกู มึงนี่มันน่าโดนน้องจินยองบอกเลิกชิบหาย  19.28 PM

    ยงกุก

    19.28 PM มึงอยู่บ้านไหม

            วิชวลวง

            ถามไม 19.31 PM

    ยงกุก

    19.33 PM  กูจะไปทุบมึงถึงบ้านเลยไอ้สัด 

     

     

            ยงกุกทำปากมุบมิบสบถคำด่าใส่หน้าจอโทรศัพท์แต่สีหน้าก็ต้องเปลี่ยนจากพร้อมบวกเป็นอ่อนโยนในแบบมนุษย์ทื่อหลังจอโทรศัพท์ปรากฎเบอร์ของเจ้าชีวิต แพจินยองวีดีโอคอลมาหาถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่ที่ผิดปกติก็คงจะเป็นช่วงเวลาของการคอลมา นี่ยังไม่สามทุ่มเลย...

     

            ‘ทำอะไรอยู่’ แค่กดปุ่มสีเขียวเสียงเจื้อยแจ้วจากปลายสายก็ดังลอดออกมา

            “คุยกับไอ้แจฮวาน”

            ‘แน่ใจ?’

            “ใช่ดิ”

            ‘ไม่ได้คุยกับคนอื่นอยู่หรอกนะ’ ใบหน้าน่ารักกำลังส่งสายตาจับผิดผ่านจอโทรศัพท์ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าจินยองหมายถึงฮักนยอน

            “ก็ไอ้แจฮวานไง” 

            ‘นั่นไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย นั่นเพื่อนพี่ตั้งหาก’ จินยองมีสีหน้าขัดใจที่ยงกุกตอบคำถามไม่ถูกใจซึ่งจริงๆแล้วเจ้าตัวก็รู้อยู่แล้วว่าจินยองต้องการคำตอบแบบไหนแต่ก็อยากแกล้งไปงั้น

            “ที่คอลมาไวนี่เพราะคิดถึงเหรอ”

            ‘จะเช็คว่าอยู่บ้านหรือเปล่าตั้งหาก’

            “จะสองทุ่มอยู่แล้วจะให้ออกไปไหน”

            ‘ก็ใครจะไปรู้ ทีวันนั้นยังไปหาพี่แดเนียลเลย’ ยงกุกแกล้งทำเป็นจ้องหน้าจินยอง ไม่พูดอะไรสักคำจนคนในจอโทรศัพท์ต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง เด็กตัวเล็กเอื้อมมือหยิบตุ๊กตาตัวสีเหลืองที่วางอยู่ข้างๆมากอดเอาไว้แก้เขินแต่พอยงกุกเห็นเขาถึงกับถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง

             “นี่จินยอง” ก้อนกลมๆเงยหน้ามองหน้าจอหลังจากได้ยินชื่อของตัวเอง “ฉันยังใช้สิทธิ์นั้นไม่ได้เหรอ”

            ‘ไม่ได้แล้ว ก็พี่คีบไม่ได้หนิ’ 

            “ฉันคีบไม่ได้ก็เพราะนายนะ”

            ‘พี่อย่ามาโทษผมนะ!’ จินยองหลับหูหลับตาแผดเสียงใส่ ยงกุกได้แต่จ้องมองตุ๊กตาสปองบ๊อบที่ส่งยิ้มให้เขาผ่านจอโทรศัพท์อย่างหมั่นไส้ อุตส่าห์รีบไปซื้อมาทนแทนตัวในตู้หนีบแม่งก็ไม่สามารถทวงคำขอที่เขาขอไว้กับแพจินยองได้ 

            “ถ้านายไม่คอยกดเวลาฉันขยับที่หนีบอยู่ก็คีบได้แล้ว”

            ‘ก็ผมเห็นว่าองศามันได้แล้วตั้งหาก พี่ก็ไม่ยอมกดสักที’ 

            “เห็นอยู่คนเดียว”

            ‘มันต้องเป็นเพราะตาพี่แน่ๆเลย’

            “แพ-จิน-ยอง...” จินยองที่ทำหน้าคิดไม่ตกเมื่อกี้ถึงกับหลุดหัวเราะชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งยงกุก เจ้าของตาขีดได้แต่มองหน้าก้อนกลมๆในจอ อยากจะดึงมาขยำสักทีก็ทำไม่ได้ 

    ‘ไม่เห็นจำเป็นต้องให้เพราะคีบตุ๊กตาได้หรือไม่ได้เลย’

            “…”

            ‘ถ้าผมจะให้ผมก็ให้เองแหละ’ ริมฝีปากบางค่อยๆยกขึ้นจนคนเห็นถึงกับหมั่นไส้กับรีแอคชั่นกวนประสาทนั่น จินยองหน้าเริ่มแดงถึงแม้ว่าจะเป็นคำพูดของตัวเองก็ตาม แต่พอพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้ายงกุกแล้วมันก็อยู่เฉยไม่ได้

            “พี่ไม่เร่งเราหรอก” ยงกุกพูดพลางใช้นิ้วเกาช่วงคอของเขาแกล้งทำเป็นเกี่ยวตะเข็บเสื้อลงบริเวณรอยสักเรียกสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในจอโทรศัพท์ “ยังไงฉันก็ต้องเป็นของนายไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้”

            ‘คิดว่าผมอยากได้นักเหรอไง’ 

            “ว้า เสียดายแทน ฮักนยอนยังชอบเลย” 

            ‘ให้พูดใหม่เดี๋ยวนี้!!’ จินยองแทบจะปาโทรศัพท์ถ้าไม่ติดว่าคนที่เขาคุยอยู่กำลังทำลอยหน้าลอยตาใส่

            “ให้พูดไร พูดว่าฮักนยอนติดใจฉันอะเหรอ”

            ‘ถ้าพี่พูดอีกทีผมจะโทรไปหาพี่จีฮุน’

            “จะโทรไปหามันทำไม”

            ‘จะไปนอนกับพี่เขา’

            “…”

            ‘แล้วก็ให้สิบที’

            “แพจินยอง.. อย่ามากวนตีน” ยงกุกสูดลมหายใจเข้าพลางนวดระหว่างคิ้วตัวเอง เขาเคยแต่กวนตีนคนอื่นพอโดนจินยองสวนกลับก็ดันรู้สึกหงุดหงิด

            ‘พี่แกล้งผมก่อนนะ’ จินยองทำท่าจะเบะเมื่อเห็นยงกุกทำหน้าไม่พอใจ เขาไม่ชอบเลยเวลาอีกคนพูดถึงฮักนยอนต่อให้เป็นการหยอกเล่นก็เถอะ

            “เห็นเขาบอกหนามยอกให้เอาหนามบ่ง พูดชื่อฮักนยอนบ่อยๆเผื่อนายจะชิน”

            ‘พี่เรียกผมฮักนยอนผมเรียกพี่จีฮุนเลยดีไหมละ’ สิ้นคำพูดแดกดันของจินยอง คนฟังที่ท่าทางเหมือนไม่ได้ฟังได้แต่ทำหูทวนลม คิมยงกุกเลือกที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าตัวเอง จินยองเห็นแบบนั้นก็อดส่งเสียงโวยวายไม่พอใจไม่ได้ ‘โผล่หน้ามาคุยกับผมเดี๋ยวนี้เลยพี่ยงกุก’

            “มาหาที่บ้านหน่อยสิจินยอง”

            ‘อะไร’ 

            “บอกว่ามาหาที่บ้านหน่อย” ยงกุกดึงผ้าห่มลงมาโชว์ใบหน้าเรียบเฉยที่คนเห็นกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังออดอ้อน จินยองนั่งเงียบเอาแต่จ้องบุคคลที่อยู่ในจอด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ นี่ทำให้งอนแล้วจะมาอ้อนใส่งั้นเหรอ..

            ‘ผมจะไปยังไงเล่า’

            “ให้ไปรับไหม”

            ‘แต่พรุ่งนี้ไปเรียนนะ’ ยงกุกทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์กับความต้องการของเขา จินยองเห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ ‘อยากให้ผมไปหาจริงๆเหรอ’

            “หรือจะให้ฉันไปหานาย”

            ‘แต่พี่ไปเรียนนะ’

            “ไม่ไปก็ได้”

            ‘งอแงเหรอ’ ยงกุกไม่ตอบคำถาม เขาเอาแต่นอนมองหน้าจินยองพลางคิดไปต่างๆนาๆ จิตใจเริ่มว้าวุ่นฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านไปหมด นับวันเขายิ่งอดกลั้นไม่คิดเรื่องอย่างว่ากับเด็กที่เป็นเจ้าชีวิตเขาอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลย แค่วันที่จินยองมานอนด้วยก็ทรมานจนเกือบปล้ำไปแล้ว.. 

            “ไม่งั้นนอนไม่หลับ” 

            ‘…’

            “นอนไม่หลับจริงๆนะเว้ย” 

            ‘ขนาดนั้นเลยเหรอ’

            “อยากนอนกอด” ยงกุกพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจสุด จินยองทำตาล่อกแล่กมองนาฬิกาปลายเตียงทีมองหน้ายงกุกที 

            ‘งั้นมาหาผมสิ’

            “ไปได้?” ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่แววตาเป็นประกายจนคนเห็นนึกหวั่นใจกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับเขา..

            ‘ให้เวลาชั่วโมงนึง’

            “นานไป ยี่สิบนาทีก็ถึง” 

            ‘เป็นคนแบบนี้เองเหรอ หะ’

            “ก็มีแฟนน่ารักให้ทำไงวะ” ยงกุกพูดพลางดีดตัวลุกจากเตียง “ขออาบน้ำแปบนึง”

            ‘อื้อ ไม่ต้องรีบก็ได้’

            “หรือไปอาบพร้อมนายดี”

            

            โอ้ย.. บ้ากามจริงๆเลย ไอ้พี่ยงกุก

     

     

     

    ____________

            

       

     

            กระเป๋าเป้ถูกวางลงบนโซฟาด้วยฝีมือของเจ้าของบ้าน จินยองใช้สายตาบอกให้ยงกุกนั่งลงเมื่ออีกคนเอาแต่ยืนมองหน้ากับพี่ชายเขา ตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านยันตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ละสายตาออกจากกัน

            “พี่ยงกุกนั่งสิ”

            “นั่งได้ไงพี่นายยังยืนอยู่เลย” จินยองได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองดงโฮ 

            “พี่มายืนจ้องทำไมเนี่ย”

            “อ่าว แล้วมันมาทำไม” 

            “มาหาจินยองไงครับ” ยงกุกตอบไปตามตรงแต่สีหน้าสงสัยไปสะกิดตีนพี่ชายเจ้าของบ้านนิดหน่อย

            “สองทุ่มกว่าแล้วเนี่ยนะ แล้วมึงใช่ไหมที่มาส่งจินยองวันนั้น” ดงโฮพูดพลางชี้หน้าผู้มาเยือนจินยองเห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปตีมือพี่ชายตัวเองให้เอาลง

            “อย่าเสียมารยาทสิพี่ดงโฮ”

            “ปกป้องๆ ไม่ธรรมดาละ แม่ไม่อยู่บ้านแล้วเอาใหญ่เลยนะจินยอง”

            “เอาใหญ่บ้าอะไรของพี่” 

            “ไปรู้จักกันได้ไง” ดงโฮไม่ฟังเสียงโวยวายของน้องชาย เขาหันไปสนใจยงกุกที่ยืนมองเขาสองคนอยู่แทน 

            “เจอน้องพี่ที่โรงเรียนฮันริม”

            “เพื่อนไอ้แดน?”

            “ใช่พี่” ดงโฮเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา 

            “จีบน้องกูเหรอ”

            “ใช่ครับ” คนยืนฟังเงียบๆอย่างจินยองถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง คำตอบของยงกุกทำเอาเด็กตัวเล็กเผลอสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบขวานผ่าซากได้ขนาดนั้น 

            “ตอบตรงจังนะมึงอ่ะ”

            “ก็พี่ถามผมตรงๆ” 

            “ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะ..” จินยองพูดขึ้นด้วยสีหน้าขึ้นสี ทั้งรู้สึกเขินทั้งรู้สึกอึดอัด พี่ดงโฮก็กวนตีนพี่ยงกุกก็ใช่ย่อย ทำไมวันนี้มันไม่ออกไปข้างนอกนะ

            “มานั่งนี่เลยมึงอะจินยอง” ดงโฮตบเบาะข้างๆเขา จินยองเหลือบมองยงกุกพอเห็นว่าอีกคนพยักเพยิดหน้าให้ไปนั่งข้างพี่ชายถึงยอมเดินไปนั่ง “กูพูดไม่ฟังทีไอ้ยงกุกพูดแล้วทำตามเลยนะ”

            “น้อยใจเหรอไง”

            “เดี๋ยวกูฟ้องแม่แน่” จินยองอดไม่ไหวก้มลงกัดแขนของดงโฮด้วยความหมั่นไส้ คนโดนกัดผลักหัวน้องชายตัวเองออกพลางทำหน้าเคียดแค้นก่อนจะหันไปบอกให้ยงกุกนั่งลง “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนกันเหรอ”

            “มีครับ”

            “แล้วไมไม่นอนบ้าน” จินยองถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยกว่าแต่เหมือนสองคนนี้จะมวยถูกคู่

            “เป็นพี่พี่อยากนอนบ้านแดฮวีปะละ”

            “มึง..” ดงโฮนั่งตูดไม่ติดเบาะ คำตอบของยงกุกเล่นเอาเลือดในตัวของเขาพลุ่งพล่าน สายตาล่อกแล่กหันมองจินยองสลับกับยงกุกพอเห็นรอยยิ้มบนหน้าของร่างสูงก็อดหมั่นหน้าไม่ได้

            “อะไรกันอ่ะ.. พี่กับแดฮวีมีอะไรกันเหรอ” จินยองผู้ตามไม่ทันเริ่มสับสน ใจนึงก็นึกโกรธที่แดฮวีมีอะไรทำไมไม่เล่าให้เขาฟังแต่พี่ยงกุกกับรู้เรื่องพวกนี้เฉย

            “มึงอย่าไปฟังมัน แล้วมีงรู้จักแดฮวีด้วยเหรอ”

            “อ่าว ผมเพื่อนคังแดเนียลครับ พี่รู้ใช่ไหมว่าแดเนียลเป็นแฟนเก่าแดฮวี” ดงโฮไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เลิกคิ้วเป็นคำตอบ “นั่นละครับ”

            “นั่นละครับอะไรของมีง”

            “ก็เปล่า แต่พี่มีไรปรึกษาผมได้นะ” คนโดนยื่นข้อเสนอง้างมือทำท่าจะหวดใส่คนตรงหน้าแต่ก็โดนจินยองฟาดลงที่หลังของคนพี่ก่อน 

            “มึงตีกูอีกแล้วนะจินยอง”

            “ก็พี่จะบ้าพลังมากไปแล้ว พี่ยงกุกไม่ใช่แดฮวีนะที่จะมากลัวพี่อ่ะ” จินยองค่อนข้างหัวเสียไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาตามสองคนนี้ไม่ทันหรือเรื่องที่คังดงโฮเอาแต่จะหาเรื่องยงกุก

            “แต่ที่รู้ว่าแดฮวีก็ไม่ค่อยกลัวพี่สักเท่าไหร่แล้วนะครับ”

            “มึงรีบพามันขึ้นห้องไปเลยปะ” ดงโฮผลักไหล่จินยองพลางชี้นิ้วไปที่ยงกุก ดูเหมือนการมาของอีกฝ่ายจะเตรียมการมาดี จินยองหันมองหน้ายงกุกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามร้อยแปด 

            “ไว้ว่างๆเรามาคุยกันนะครับ” ยงกุกลุกขึ้นยืนก่อนจะโค้งหัวให้ดงโฮ จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาร่างหนาแอบเห็นมุมปากของคนตรงหน้ายกยิ้ม มือนี่กำแน่นเลย.. กวนตีนแล้วไอ้ยงกุก มึงนี่ใช่ย่อยนะ

            “เห้ย ไอ้ยงกุก”

            “ครับ?”

            “ถ้าน้องกูร้องไห้เพราะมึงนะ.. ยิ้มเชี้ยไร”

            “เปล่าครับ”

            “จะไปไหนก็ไป” ดงโฮพูดจบก็กวักมือไล่ทั้งสองคนให้ออกไปพ้นๆหน้า คงจะมีแค่จินยองสินะที่เป็นอากาศอยู่ตอนนี้ ทำไมผมไม่ค่อยเข้าใจที่พวกเขาคุยกันเลย..

     

     

            ยงกุกวางกระเป๋าลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง ด้วยสัญชาตญาณของคนถ้ามาสถานที่แปลกใหม่ก็มักจะต้องสำรวจเหมือนที่จินยองไปห้องยงกุกครั้งแรกแต่ไม่ใช่กับคิมยงกุก.. เขานอนหลับตาทำตัวสบายๆไม่เห็นจะสนใจรายละเอียดในห้องจินยองเลยสักนิด จะหันไปมองสติ๊กเกอร์ดาวที่แปะบนหัวเตียงสักหน่อยก็ไม่มี นั่นดาวโทลบิเลยนะ อุตส่าห์ไปอ้อนให้พี่ดงโฮหาซื้อมาให้ คนใจบาป..

            “พี่ยงกุก”

            “หื้อ?” เขาส่งเสียงตอบแต่ก็ไม่ได้ลืมตามามอง

            “เอาชุดนักเรียนมาเปล่า” ยงกุกลืมตามองจินยองก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง 

            “เอามาดิ ก็นายบอกให้เอามา”

            “แน่ใจนะ” จินยองไม่เชื่อถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยักหน้ายืนยัน เด็กตัวเล็กเดินไปนั่งลงข้างๆพลางหยิบกระเป๋าจากมือของยงกุกมาเปิดออก เขามีท่าทางพอใจที่เห็นว่ายงกุกเอาชุดนักเรียนมาด้วยแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง จินยองหยิบกล่องเล็กๆสีดำออกมาดูก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของของมัน “นี่อะไรอ่ะ”

            “ถุงยางไง”

            “…”

            “นี่นายใสถึงขนาดดูไม่ออกเลยเหรอ” 

            “ผมรู้ว่าคือถุงยาง แต่เอามาทำไม” จินยองไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะได้เห็นถุงยางใกล้ๆขนาดนี้ ยงกุกอมยิ้มหน้าตาเจ้าเล่ห์พลางหยิบกล่องถุงยางออกมาจากมือจินยองแล้วแกะมันออกเผยให้เห็นซองเล็กๆสามซองด้านใน

            “เผื่อใช้ พกไว้ไม่ได้เหรอ” สายตาที่ช้อนมองกับมือที่ถือถุงยางอยู่มันกำลังทำให้จินยองหายใจติดขัด ทำไมช่องท้องเขาจะต้องโหวงทุกครั้งที่อีพี่ยงกุกพูดเรื่องพวกนี้ด้วย รำคาญตัวเองจัง!

            “ถ้ามาแบบแกะแล้วผมได้ฆ่าพี่แน่” พยายามเบี่ยงประเด็นไม่ให้เข้าหาตัวเอง แต่ที่พูดไปก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถ้ามาแบบแกะกล่องแล้วนี่มีอารมณ์ขึ้นแน่ คำถามจะถาโถมทันทีว่าเอาไปใช้กับใคร..

            “นี่เอามาใช้กับนาย”

            “ไม่ต้องย้ำ เอามาเก็บได้แล้ว” จินยองก้มหน้าก้มตาคว้ากล่องถุงยางในมือยงกุกมายัดใส่ไว้ในที่เดิมของมัน แต่ไม่ทันไรร่างกายของเขาก็โดนดึงให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของคนข้างๆได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ยงกุกออกแรงนิดเดียวเท่านั้น

            “คิดถึงวะ” คำพูดสั้นๆที่เอ่ยออกมาแต่มันกลับทำให้หัวใจของจินยองอบอุ่นยังไงบอกไม่ถูก “คิดว่าวันนี้จะต้องนอนกอดหมอนข้างละ”

            “ผมไม่ได้ใจดีแบบนี้ตลอดหรอกนะ”

            “งั้นวันนี้ก็ต้องกอบโกยอะดิ”

            “อื้ออ!” ยงกุกเชิดคางของอีกคนให้เงยขึ้นพลางก้มลงประกบริมฝีปากแน่นถึงแม้ว่าจินยองจะพยายามดันไหล่ของเขาออกก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือหนาที่โอบไหล่ของคนในอ้อมกอดอยู่กระชับเข้าหาตัวมากกว่าเดิม เขาใช้มือบีบคางนุ่มนิ่มนั่นเบาๆเพื่อให้จินยองยอมปล่อยให้เขาได้เข้าไปลิ้มลองรสชาติของโพรงปากเล็กที่เขาเฝ้าฝันว่าจะได้เชยชมมันอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ลิ้นชื้นของทั้งคู่สัมผัสกันและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินยองเผลอยกมือขึ้นกำเสื้อของยงกุกเอาไว้แน่น หัวใจเขาเต้นแรงมาก มากจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยินแต่เขาก็ไม่อยากจะถอนริมฝีปากออกจากผู้ชายตรงหน้า

            คิมยงกุกรู้สึกดีกับการหยอกล้อสัมผัสในโพรงปากหวาน ยิ่งจินยองพยายามหนีเขาก็ยิ่งโหยหาไล่ดูดดึงปลายลิ้นจนเด็กในกำมือขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เขารู้สึกเจ็บหลังจากโดนคมเขี้ยวของเด็กน้อยตรงหน้า

            “นายกัดฉันหลายครั้งแล้วนะจินยอง” เขาผละริมฝีปากออกพลางใช้ลิ้นดุนตรงส่วนที่โดนจินยองกัด 

            “ก็ผมหายใจไม่ออก” เด็กตัวแสบก้มหน้าก้มตาใช้หลังมือปิดปากของตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี้ปากเขาไปสัมผัสกับอะไรมา

            “หายใจไม่ออกก็บอกสิ”

            “บอกยังไงก็พี่..”

            “ฉันทำไม”

            “ก็พี่จูบอยู่อ่ะ” ยงกุกยิ้มชอบใจกับท่าทางของจินยอง เขายกมือขึ้นเสยผมของเด็กตรงหน้าพลางก้มจูบหน้าผากอย่างหมั่นเขี้ยว

            “ชอบไหม”

            “อื้อ..”

            “นี่แค่เรียกน้ำย่อยนะ”

            “ถ้ามากกว่านี้.. มันนานไหมอ่ะ” 

            “หมายความว่าไง”

            “แบบ.. ถ้าผมมีอะไรกับพี่ไง” จินยองพูดตะกุกตะกักแถมสายตาก็ยังล่อกแล่กจนยงกุกต้องดึงหัวอีกคนมากอด

            “อยู่ที่สถานการณ์และความพึงพอใจ”

            “คืออะไร” ยงกุกก้มมองเด็กที่กำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว อยากก้มลงไปฟัดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ท่าทางวันนี้คงจะยังไม่พร้อม

            “เอาเป็นวันนี้ฉันอยากนอนกอดนายเฉยๆ”

            “ไม่อยากมีอะไรกับผมแล้วเหรอ”

            “อยาก แต่ว่าพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ใช่เหรอ” พูดแบบใจๆเลย ผมอยากมากแต่ถ้าพรุ่งนี้ไปเรียนผมกลัวว่าจินยองจะไม่ไหว ยิ่งเป็นครั้งแรกอยู่ด้วย

            “อื้อ งั้นนอนกอดอย่างเดียวก็ได้”

            “ทีเรื่องแบบนี้ละเชื่อฟังดีจังเลยนะ” จินยองยู่ปากแบบที่ตัวเองชอบทำ “นายไปนอนปะ” 

            “แล้วพี่จะไปไหน”

            “เปล่า นั่งอยู่นี่ละ” ยงกุกตบมือลงที่เตียงแต่จินยองก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้พลางออกแรงกระตุกเบาๆ

            “มานอนด้วยกัน ไหนบอกจะนอนกอดไง” น้ำเสียงงอแงออดอ้อนให้อีกคนทำตามซึ่งยงกุกก็ยอมแต่โดยดี เขาอมยิ้มมองหน้าเด็กขี้อ้อนก่อนจะขยับตัวเข้าไปหา จินยองโน้มตัวลงนอนหันหน้าเข้าหายงกุกแต่ก็โดนอีกฝ่ายจับหันหลัง 

            “ถ้านายนอนหันหน้ามาทางฉัน นายโดนฉันจูบทั้งคืนแน่” จินยองหัวเราะชอบใจพลางขยับตัวหันหลังให้ยงกุก เขาดึงตัวเด็กตรงหน้าให้เข้ามากระชับกับลำตัวแล้วกอดเอาไว้หลวมๆแต่ก็โดนจินยองรวบมือเอาไว้แล้วจับมาหนุนที่แก้มของเขาแทน

            “พี่ยงกุก พี่รู้เรื่องแดฮวีกับพี่ดงโฮได้ไงเหรอ” จินยองพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่

            “ก็คุยกับแดฮวี”

            “พี่คุยกับแดฮวี?” เด็กในอ้อมกอดเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังด้วยสีหน้าสงสัย

            “อื้อ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องนาย”

            “ทำไมแดฮวีไม่เห็นเล่าเรื่องพี่ดงโฮให้ผมฟังเลย”

            “ไม่รู้”

            “…”

            “ไปถามเองสิ” ยงกุกยังคงยืนยันคำเดิมถึงแม้ว่าสายตาของจินยองบ่งบอกว่าอยากรู้มากก็ตาม 

            “มีความลับกับผมนะ” คนโดนกล่าวหาไม่ได้โต้ตอบอะไรแต่แกล้งทำเป็นหลับตาใส่ จินยองเห็นแบบนั้นก็เอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งนั่นด้วยความหมั่นไส้ “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก”

            “นายนอนไม่ปิดไฟเหรอ”

            “เออผมลืมอ่ะ”

            “ไม่ตื่นเต้นดิ”

            “ไม่เห็นน่าตื่นเต้นเลยแค่พี่มานอนด้วย พูดอย่างกับว่าไม่เคยนอนด้วยกันงั้นแหละ” จินยองพูดขณะที่ลุกขึ้นเดินไปปิดไฟแล้วรีบดิ่งตัวมามุดแขนของยงกุก หัวทุยๆคลอเคลียอยู่บริเวณคางของคนด้านหลัง กลิ่นหอมลอยแตะจมูกอยู่เรื่อยๆ มือเล็กก็กอดแขนของเขาแน่นแล้วที่สำคัญ นอกจากแผ่นหลังนิ่มๆที่แนบชิดกับลำตัวเขาแล้ว ก้นของอีกคนก็แนบชิดกับส่วนอ่อนไหวของเขาเหมือนกัน มันไม่ง่ายจริงๆ.. “พี่จะนอนกอดผมอย่างเดียวจริงๆเหรอ”

            “อย่าถามประโยคนี้อีก” ยงกุกกัดฟันแน่นในขณะที่พูด เขาพยายามข่มตาไม่คิดฟุ้งซ่าน

            “พี่ทนไหวแน่นะ”

            “จินยอง ถ้านายไม่หยุดพูดพรุ่งนี้นายไม่ได้ไปเรียนแน่” 

            “ก็ผม..”

            “ฉันจะไม่ทนแล้วนะ”

            “…”

            “จะหลับไม่หลับ” จินยองพยักหน้ารัวๆเมื่อโดนอีกฝ่ายกดเสียงใส่แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวเงียบอาจจะเป็นเพราะมือของยงกุกที่เลื่อนลงมาอยู่บริเวณท้องน้อยของเขาอีกนิดเดียวก็จะถึงส่วนนั้น “ถ้ารู้สึกอะไรก็ไม่ต้องถาม เข้าใจไหม” เหมือนยงกุกจะรู้ตัวว่าตอนนี้น้องชายเขามันกำลังแข็งตัวจนทำให้อีกคนรู้สึก นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้โดนตั้งคำถามก็เป็นได้ จินยองนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน ยงกุกหลับตาสนิทพลางรวบตัวจินยองเข้ามากอดแน่น เขามุดหน้าลงกับคอของเด็กในอ้อมกอดพยายามอยู่ให้สงบที่สุด คืนนี้เขาต้องห้ามทำอะไรมากกว่านี้ เป้าหมายก็คือนอนกอดเท่านั้นห้ามเกินเลย เพราะถ้าเขาผิดคำพูด จินยองต้องไปเรียนพร้อมกับความเจ็บปวดระบมแน่นอนไม่ก็ไม่ได้ไปเลย คนอย่างคิมยงกุกไม่ยั้งมือแน่ ในหัวเขามีแต่คำว่าอยากฟัดใจจะขาด.. แต่รอวันที่มันอำนวยมากกว่านี้ดีกว่า

            

            อดทนไว้คิมยงกุก…

            

     

     

    ____________

     

     

     

            “ไอ้เซอุนยังไม่มาอีกเหรอวะ” เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งที่ยืนจัดผมด้านหน้าของตัวเองอยู่ตรงตู้ล็อคเกอร์พูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเขามารอเกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้วแต่เพื่อนคนสุดท้ายก็ยังไม่เดินเข้ามาในห้องซ้อมสักที

            “เออ ปกติมันมาไวกว่าไอ้ยงกุกอีก” คนโดนเอ่ยถึงเหลือบมองเจ้าของคำพูดผ่านกระจกบานเล็ก คังแดเนียลยกยิ้มชอบใจที่ได้กวนประสาทเพื่อน “มึงลองโทรไปหามันดิ๊ ไอ้แจฮวาน”

            “เออๆ สั่งเก่งจังเลยนะพวกมึงอ่ะ ไม่มีเบอร์ไอ้เซอุนกันหรือไง” ถึงเขาจะบ่นแบบนั้นแต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

            “กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ยงกุก”

            “อะไร”

            “เมื่อคืนมึงกระแดะไปนอนบ้านน้องจินยองมาเหรอ” แจฮวานเหลือบมองเพื่อนสองคนหลังจากได้ยินคำถามของแดเนียลก็อยากจะเดินเข้ามาเสือกด้วยแต่ต้องโทรหาเซอุนก่อน

            “เมียเก่าบอกเหรอ”

            “กูโทรไปบ้านมึงมาตั้งหาก”

            “แล้วทำไมไม่โทรเข้ามือถือ”

            “ถ้าโทรแล้วมึงรับสาย กูจะลำบากโทรเข้าบ้านมึงทำไม..” ยงกุกทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว อันที่จริงเมื่อเช้าที่เขาตื่นก็เห็นสายเรียกเข้าของเพื่อนที่ไม่ได้รับโชว์อยู่สี่ห้าสายแต่ไม่ได้สนใจอะไร “จะโทรกลับหน่อยก็ไม่มี”

            “ก็จินยองนอนไวกูเลยเผลอหลับไปกับน้อง”

            “นอนไวหรือทำไรกัน”

            “นอนๆ ไอ้สัดพูดแล้วแบบโคตรทรมาน” 

            “อดกลั้นสินะ” แดเนียลพูดจบก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

            “เวลาแม่งไม่อำนวย”

            “สองครั้งแล้วนะที่มึงเอาแต่นอนเฉยๆ”

            “กูรู้ มึงจะให้กูขืนใจน้องเหรอไง” แดเนียลยักไหล่พลางตบบ่าของเพื่อนหวังจะช่วยปลอบใจ

            “รักน้องมันมากสินะ ถนอมเหลือเกินพ่อคุณ”

            “หุบปาก..”

            “พวกมึง ไอ้เซอุนไม่มาละ” ยงกุกเกือบจะใช้ศอกเสยหน้าเพื่อนสำเร็จแต่ต้องชะงักเอาไว้หลังจากแจฮวานพูดแทรกเข้ามาในบทสนทนา

            “ไอ้สัดดด มันไปไหน ไม่ได้ซ้อมกันสักที จะแข็งอยู่แล้ว”

            “มันติดธุระ” 

            “มึงก็โทรหาไอ้ซอนโฮดิ เอามันมาช่วยก่อนมันเล่นกีต้าร์ได้หนิ” แดเนียลเสนอความคิดเห็นพลางโบ้ยให้ยงกุกเป็นคนโทรหา

            “มึงก็โทรสิ”

            “เดี๋ยวกูโทรเอง.. ไอ้พวกหนังหมา” ยงกุกกับแดเนียลมองหน้ากันก่อนจะหลุดหัวเราะกับคำพูดตัดความรำคาญของแจฮวาน ถ้าไม่มีมันแล้วใครจะเป็นคนโทร ..

     

     

            เดินห้างด้วยความรู้สึกผิด.. จองเซอุนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงหลังจากวางสายจากแจฮวาน เขาไม่ได้ตั้งใจจะโดดซ้อมแต่แม่กำชับมาว่าให้พาลูกชายเพื่อนแม่ไปผ่อนคลายในขณะที่เหล่าแม่ๆไปออกงานสังคม นี่เขาจะต้องทำแบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน ใกล้จะถึงวันแข่งแล้วด้วย

            “ไอหิว เมื่อไหร่จะไปหาไรกินกัน” ผู้ชายตัวสูงรูปร่างใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายขณะที่เซอุนกำลังคิดอะไรเพลินๆ

            “พี่จะกินไรอ่ะ”

            “แล้วแต่ยูสิ ไอเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกนะ จะรู้ได้ไง” เซอุนถอนหายใจกับประโยค ไอๆ ยูๆ ของคนข้างๆ 

            “งั้นพี่ยองมินกินอาหารเกาหลีเป็นไหม”

            “เป็นดิ พ่อแม่เป็นคนเกาหลี”

            “ก็เห็นพูด ไอๆ ยูๆ คิดว่าฝรั่ง” 

            “ก็มันติด จะให้เรียกว่าไรละ”

            “เซอุนไง ผมชื่อเซอุน จองเซอุนอะ ส่วนพี่ก็เรียกตัวเองว่า’พี่’ก็ได้” เซอุนว่าพลางจิ้มหน้าอกของคนตรงหน้า ยองมินขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดที่โดนเด็กที่ไหนไม่รู้มาออกคำสั่ง

            “เออ จะพยายาม”

            “ไม่ต้องพยายามครับ ทำเลย” เซอุนพูดจบก็เดินนำหน้ายองมิน คนตัวสูงกว่าเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามไปติดๆ

            “ตกลงยู.. เซอุนจะกินไร” เขาชะงักไปแปบนึงเมื่อเห็นสายตาของเซอุนหันมองก่อนจะรีบเปลี่ยนสัพนามใหม่

            “กินปิ้งย่างแล้วกัน มันใกล้สุดแล้ว”

            “…”

            “มองอะไรอ่ะครับ ก็พี่บ่นหิวหนิ”

            “แค่สงสัยว่านายมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ”

            “หะ?” คนโดนสงสัยถึงกับหน้าเหวอกับการตั้งคำถามแรนด้อมของเด็กนอก

            “คนที่ชื่อแจฮวานไง ตั้งแต่อยู่กับนายเห็นแต่ชื่อนี้โทรหาตลอด”

            “นั่นเพื่อนผมตั้งหาก” อยู่ๆใจก็หวิวขึ้นมา จะตื่นตกใจอะไรขนาดนั้นกับอีแค่คนเข้าใจผิดว่าเป็นอะไรกับแจฮวาน ก็แค่เข้าใจผิดเอง..

            “เพื่อนยูโทรหาบ่อยจังเลยโนะ แปลก” ยองมินพูดจบก็เดินตรงไปที่ร้านปิ้งย่างตรงหน้า นอกจากสัพนามที่แก้ไม่หายของอีกคนแล้วสิ่งที่กวนใจเขาก็คงจะเป็นชื่อของบุคคลที่สามนี่แหละ ขนาดอยู่ห่างกันยังจะต้องมาได้ยินชื่อมันอีก หลอกหลอนอยู่นั่น..

     

     

    ____________

     

     

     

            เสียงคุยเจี้ยวจ้าวไม่หยุดไม่หย่อนเมื่อเด็กสองคนนี้อยู่ด้วยกัน อีแดฮวีและอันฮยองซอบกำลังถกเถียงกันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเขาอยากจะไปด้วยกันหากว่ามีโอกาสโดยมีจินยองร่วมด้วยประปรายแต่ไม่ใช่กับคนขับรถอย่างคิมยงกุก

            เขาเอาแต่นั่งเงียบถึงแม้ว่าแดฮวีจะถามอะไรเจ้าตัวก็ทำได้มากสุดคือพยักหน้ากับส่ายหัว ยงกุกไม่ค่อยสันทัดในการจับเข่าคุยจริงจังขนาดนี้สักเท่าไหร่แล้วที่สำคัญเขากำลังทบทวนชีวิตตัวเองอยู่ว่าทำไมจะต้องมาขับรถให้ไอ้เด็กสองคนด้านหลังด้วย

            “พี่ยงกุก ถ้าถึงแล้วช่วยน้องเลือกเปียโนด้วยนะ” แดฮวีเกาะขอบเบาะคนขับพลางเอนหัวมอง

            “เลือกเองดิ”

            “ได้ไง เป็นนักดนตรีเสียเปล่าช่วยน้องดูหน่อยไม่ได้เหรอ” เด็กตัวเล็กที่สุดในที่นี้ทำหน้าเง้างอไม่พอใจ ยงกุกเหล่มองแต่ก็หันไปสนใจถนนตรงหน้าเหมือนเดิม

            “ลืมไปเปล่าว่าฉันเล่นเบส”

            “อย่ามาโม้ พี่แดนเคยบอกว่าพี่เคยเรียนเปียโนด้วย” จินยองได้ยินแบบนั้นถึงกับหันหน้ามาร่วมบทสนทนาด้วย

            “ทำไมพี่ไม่เห็นบอกเลยอ่ะ”

            “ก็ไม่มีใครถาม”

            “ไม่เห็นเหมือนพี่อูจินเลย มีอะไรก็บอกทุกอย่าง” เด็กตัวแสบตัวที่สองส่งเสริมความขัดแย้งให้จินยอง ยงกุกใช้สายตามองฮยองซอบที่นั่งทำหน้าทะเล้นอยู่ด้านหลังก่อนจะแกล้งเบลคแรงๆทีนึงจนหัวเด็กนั่นทิ่มชนกับเบาะตรงหน้า แต่สำหรับจินยองเขากลับเอื้อมมือไปดันหน้าอกเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวถลาชนด้านหน้าของรถ

            “อ้า!! น้องเจ็บนะพี่ยงกุก” เป็นแดฮวีที่แผดเสียงใส่

            “ก็หันไปปิดปากเด็กนั่นให้ทีดิ”

            “ผมจะฟ้องพี่อูจิน”

            “ฟ้องเลย เอาโทรศัพท์ไหม ให้ยืม” ยงกุกทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆแต่ก็โดนจินยองตีมือเสียก่อน

            “พี่อย่าแกล้งน้องมันสิ น้องมันอุตส่าห์มาด้วยนะ”

            “อุตส่าห์มาด้วย..” คนโดนตำหนิถึงกับเซลล์บนหน้าตาย ใช้คำว่าอุตส่าห์มาด้วย แทนที่จะบอกว่าผมอุตส่าห์ขับรถมาให้นี่ไปๆมาๆกลายเป็นภาระไอ้เด็กอันฮยองซอบไปซะงั้นแล้วคือธุระทั้งหมดนี่ก็ของแดฮวี โอ้โห.. นี่ทำเพื่อแฟนเลยนะเนี่ย ไม่งั้นไล่ลงรถหมดแล้ว

     

     

           ทั้งสามคนเดินวนอยู่ในร้านเครื่องดนตรีอยู่นานพอสมควร จะมีก็แต่คนขับรถจำเป็นที่นั่งรออยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าด้วยท่าทางที่เขานั่งหรือเพราะหน้าตาที่ปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ได้ถึงต้องมีเหล่าหญิงสาวบวกกับชายหนุ่มบางกลุ่มที่หันมองอยู่ตลอดจนจินยองที่เดินอยู่ในร้านต้องเดินออกมาปรากฎตัวให้ชาวโลกเห็นว่าผู้ชายคนนี้มากับเขา

            “ทำไมไม่เข้าไปในร้าน” ยงกุกเงยหน้ามองเด็กที่ยืนทำหน้าดุใส่

            “ก็ในร้านไม่มีที่นั่ง”

            “ก็ไปยืนข้างๆผมสิ” จินยองคว้าข้อมือของยงกุกพลางออกแรงดึง เจ้าตัวเห็นแบบนั้นก็ต้องยอมลุกตาม

            “พี่ยงกุก มานี่เลย ตัวนี้ดีไหม” พอเดินเข้าไปถึงในร้านแดฮวีก็รีบพุ่งตัวเข้าใส่ก่อนจะลากให้ไปดูเปียโนตัวสีขาวซึ่งมันก็ดูเหมาะกับแดฮวีแต่ถ้าจะให้เขาพูดไปมันก็จะไม่ใช่คิมยงกุกเขาเลยพยักหน้าอย่างเดียว “พยักหน้าคืออะไร”

            “นายชอบปะละ ชอบก็เอา”

            “แค่นี้อะเหรอ”

            “เป็นแฟนเหรอต้องมาเลือกให้อ่ะ.. โอ้ย!” ยงกุกหันขวับไปมองคนลงไม่ลงมือกับเขาก็เห็นว่าจินยองกำลังยืนทำหน้าบึ้งอยู่

            “แฟนยืนอยู่นี่ยังกล้าพูดอีกนะ”

            “ฉันประชดไอ้เตี้ยนี่เฉยๆ” ยงกุกรีบแก้ตัวส่วนแดฮวีก็ยิ้มหัวเราะชอบใจโดยเฉพาะฮยองซอบที่ยืนอยู่ข้างหลัง “เออๆ รุ่นนี้มันก็ดี ครูเคยแนะนำตอนเรียนอยู่ แต่มันก็นานมาละไม่รู้ว่าตอนนี้อันไหนมันพัฒนาบ้าง ทำไมไม่ถามเจ้าของร้านวะ” 

            “ถามแล้ว ก็เขาบอกรุ่นนี้ดีสุด”

            “เออ ก็เอารุ่นนี้ดิ” ยงกุกแทบจะง้างมืองัดหน้าหวานๆของแดฮวีแต่ก็ได้แค่คิดเพราะอยู่ใจกลางศูนย์รวมผู้คน “แล้วนายตามมาไมเนี่ย” เหมือนยงกุกจะไม่มีที่ลงเขาเลยไปลงใส่ฮยองซอบที่ยืนมองเปียโนอยู่ข้างๆ

            “ผมจะไปบ้านพี่แดฮวีครับ”

            “ไปทำไม”

            “พี่อูจินให้ไปรอนั่นแล้วเดี๋ยวไปรับ” 

            “ไปนอนบ้านอูจินอีกแล้วเหรอ” เป็นจินยองที่ถามต่อ ฮยองซอบพยักหน้าขณะที่ยิ้มไม่หยุดพอเอ่ยชื่อบุคคลที่แทบจะเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตของเด็กร่าเริงนี่ “ไปนอนบ่อยจัง อิจฉา” ประโยคหลังจินยองพูดเสียงเบามากแต่คนที่ยืนข้างๆก็ได้ยินมันชัดเจน “นี่ ฮยองซอบ”

            “ครับผม?”

            “พาไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ” จินยองอยู่ๆก็ชวนเด็กตรงหน้าแต่กลับไม่ชวนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านข้าง

            “ไปๆ ผมก็จะเข้าเหมือนกัน”

            “พี่รอแดฮวีอยู่นี่นะ” เขาหันมากำชับยงกุกที่ยืนมองด้วยความสับสนแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คนโดนสั่งพยักหน้ารับพลางยืนมองเด็กสองคนเดินออกไปจากร้าน

     

     

            หลังจากพาพวกตัวแสบสองชีวิตไปส่งเรียบร้อยตอนนี้ก็เหลือเขากับจินยองสองคนแล้วดูเหมือนเด็กที่นั่งข้างๆจะยืนยันว่ายังไม่อยากกลับบ้านแต่อยากไปเล่นบ้านตัวเองก่อน ยงกุกเห็นว่ามันเพิ่งจะห้าโมงเย็นก็เลยไม่ได้ขัดใจอะไรบวกกับเขาก็ยังไม่อยากแยกจากจินยองสักเท่าไหร่ด้วย

            “ทำไมไม่เห็นเจอพี่จีฮุนเลย ไหนบอกอยู่บ้านใกล้กันไง” พอมาถึงห้องจินยองก็ตรงดิ่งไปที่หน้าต่างพลางยื่นหน้าไปมองบ้านหลังข้างๆ

            “ก็มันซ้อม อยากเจอมันเหรอ”

            “ถามดูเฉยๆ” เขาหันมองยงกุกที่เพิ่งเดินตามเข้ามา คิมยงกุกยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหยิบแผ่นใบปลิวที่เขาชอบแจกตามหน้าร้านมาดู สิ่งที่เรียกความสนใจมากที่สุดก็คงจะเป็นสินค้าที่อยู่ด้านหน้าใบปลิวนี่ละ..

            “นายเอาอะไรมาเนี่ย” เขามั่นใจว่าใบปลิวที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องเขียนเป็นของจินยองแน่นอนเพราะมันวางอยู่บนกระเป๋าเป้ของเด็กนั่นแล้วที่สำคัญเขาไม่ได้เป็นคนหยิบมา

            “อ๋อ..” จินยองเดินเข้ามาหายงกุกก้มมองใบปลิวที่อยู่ในมือก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูง “ตอนไปเข้าห้องน้ำกับฮยองซอบแล้วเดินผ่านร้านอะไรก็ไม่รู้ เขาเรียกผมกับฮยองซอบไปคุยแล้วก็แจกใบนี้มา” อยู่ๆใบหน้าเล็กก็ขึ้นสีพอนึกถึงคำพูดของพนักงานในร้าน

            “แล้วนายรู้ใช่ไหมมันคืออะไร”

            “ตอนแรกก็ไม่รู้ไรหรอกครับ แต่พอพี่เขาอธิบายผมก็เลยเข้าใจ”

            “…”

            “แต่ฮยองซอบรู้เรื่องพวกนี้เยอะมากเลย..” จินยองก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้ามองคนตรงหน้า อยู่ๆยงกุกก็อมยิ้มขึ้นมานึกขันกับความใสซื่อของแพจินยอง 

            “ก็ไอ้อูจินมันกามจะตาย”

            “แต่ฮยองซอบบอกว่าอูจินไม่เคยใช้ของแบบนี้กับน้องเลย” 

            “ทำไม อยากลองเหรอ”

            “ทะลึ่ง..” 

            “ของฉันไม่ต้องใช้ของพวกนี้หรอก” เขาวางใบปลิวลงก่อนจะช้อนหน้ามองจินยองที่ก้มหน้าอยู่ไม่ว่าจินยองจะหันหนีเขาก็ขยับตามตลอด “อยากลองเปล่า”

            “พี่อะกามกว่าอูจินอีก”

            “ก็นายน่าฟัดทำไม.. รู้ตัวปะเนี่ย” ยงกุกใช้มือทั้งสองข้างคว้าสะโพกของจินยองให้ขยับเข้ามาหาเขาเล่นเอาเด็กตื่นตกใจรีบยกมือขึ้นดันหน้าอกของอีกคนเอาไว้

            “พี่พนักงานเขาก็บอกว่าผมน่ารัก” 

            “อะไรนะ” จินยองกลั้นยิ้มเมื่อเห็นอาการหัวร้อนของอีกฝ่าย 

            “ก็เขาบอกว่าผมน่ารัก.. อื้อ!” ประโยคขาดหายไปหลังจากคนยืนฟังทนไม่ไหวก้มลงประกบปากเล็กที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่เมื่อกี้ มือหนากระชับแผ่นหลังบางให้แนบกับลำตัวด้วยความรู้สึกโหยหา แพจินยองหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถูกรุกล้ำแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไรเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก


     

    CUT


     

            “วันนี้นอนนี่ไม่ได้เหรอจินยอง” เขายังคงหอบหายใจอยู่ในขณะที่พูด หลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้มันไม่อยากให้เขาอยู่ห่างจากเด็กตรงหน้าแม้แต่ก้าวเดียว

            “แต่พรุ่งนี้.. ผมไปเรียนนะ” จินยองยังคงรู้สึกหวิวอยู่ทุกครั้งที่คนด้านบนขยับตัว คิมยงกุกฟัดแก้มของเด็กตรงหน้าทีนึงก่อนจะพลิกตัวลงไปนอนข้างๆแต่จินยองก็พลิกตัวกลับไปนอนทับบนตัวของอีกคนต่อเพราะไม่อยากถอนกอดออกจากร่างอบอุ่นนั่น ยงกุกเห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะกับความอ้อดอ้อนของอีกคนไม่ได้ “เราต้องห่างกันบ้างนะ อย่างอแง”

            “ใครกันแน่ที่จะงอแงใส่” 

            “พรุ่งนี้ผมต้องเจ็บแน่ๆเลย”

            “ให้ฉันจุ้บบรรเทาปวดไหมละ”

            “อารมณ์ยังไม่หมดเหรอไง” จินยองยกหัวมองด้วยสายตาตำหนิแต่ก็ต้องก้มลงมานอนแนบกับแผ่นอกของอีกคนเหมือนเดิมเพราะภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันแทรกเข้ามาในหัวของเขา

            “อารมณ์เกิดตลอดแหละเวลาเห็นหน้านายอ่ะ”

            “เงียบเถอะครับ ไม่งั้นผมต่อยจริงๆด้วย” ยงกุกหัวเราะจนตัวสั่นหลังจากได้ยินสิ่งที่เด็กบนตัวเพิ่งขู่เขาออกมา จินยองทำหน้าไม่พอใจที่ยงกุกไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวเขาเลยสักนิดแต่ก็ต้องผ่อนคลายอารมณ์หงุดหงิดนั่น สายตาจ้องมองสำรวจตามรอยสัก นิ้วเล็กๆไล่สัมผัสไปตามตัวอักษรสีดำก่อนจะก้มลงจูบเบาๆสองสามทีด้วยความหมั่นเขี้ยว ทุกการกระทำของแพจินยองอยู่ในสายตาของคิมยงกุกทุกอย่าง ใบหน้าน่ารักที่กำลังตั้งใจสำรวจรอยสักของเขามันทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบจะต้องดับศูนย์หากว่าไม่มีเด็กคนนี้อยู่บนโลก “life for music..”

            “อื้อ”

            “ผมชอบนะ” 

            “นายก็เป็นส่วนหนึ่งของความหมายมันอยู่นะ”

            “หื้อ?”

            “bae jinyoung is my music”

            “…”

            “ไม่ดีเหรอ”

            “น้ำเน่าอ่ะ” ยงกุกอมยิ้มกับคำพูดของจินยอง เขากอดเด็กตัวเล็กแน่นพลางจูบลงที่หัวทุยๆนั่นด้วยความเอ็นดู หลังจากวันนี้ไป ทั้งสองคนคงรู้สึกว่าควรทะเลาะกันให้น้อยลงแล้วรักกันมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกผูกมัดที่ทำให้พวกเขามั่นใจว่าคงไม่มีอะไรมาแยกเขาทั้งคู่ออกจากกัน ถ้าไม่ใช่เพราะโลกแตกหรือต่างฝ่ายต่างหมดรักกันเอง ก็คงไม่มีอะไรมาทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ง่ายๆหรอก เพราะตอนนี้แพจินยองเป็นของคิมยงกุกเต็มตัวแล้วหนะสิ

     

    ____________


    โอ่ยยยยยย ('v')

    #มบฟช
    ฉาก CUT  >>>  @viewpm
    t

     

    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×