ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #14 : MABAE 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      6
      30 ก.ค. 60

     

    \face to face



    มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หัวเตียงหลังจากรู้สึกตัวจากการสั่นของข้อความแชทที่ดูท่าทางจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ คิมยงกุกเหลือบมองแพจินยองที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางเขาก่อนจะก้มลงจุ้บหัวของอีกคนเบาๆเพราะกลัวว่าจะทำให้ตื่น ดีที่เสียงรบกวนของโทรศัพท์ไม่ได้ทำให้เด็กตรงหน้ารู้สึกตัว

     

    วิชวลวง

    ไอ้เชี่ย ซ้อมกันไหมเนี่ย ตกลง 09:24 AM

     

    คังแดน

    กูยังไงก็ได้เพราะกูว่าง 09:26 AM

     

    วิชวลวง

    พวกแม่งยังไม่ตื่นแน่เลย 09:26 AM

     

    เซอุน

    กูตื่นแล้ว 09:28 AM

     

    วิชวลวง

    แล้วไอ้ส้นตีนตื่นยัง 09:30 AM

     

    ยงกุก

    09:34 AM  ส้นตีนหน้ามึงสิ

     

     

    นี่คือบทสนทนาส่วนหนึ่งที่ยงกุกตื่นขึ้นมาแล้วพบเจอ ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติที่แจฮวานจะเป็นคนเปิดบทสนทนาตอนเช้าเพราะมันตื่นเช้าที่สุดแต่ไม่คิดว่าคนอื่นวันนี้จะรวมใจกันตื่นไวขนาดนี้ อย่างไอ้แดนนี่อย่างน้อยต้องหลังเที่ยงไปเป็นต้นแล้ววันนี้เป็นห่าอะไร

     

    เซอุน

    ไปซ้อมกัน แต่แดกก่อนนะกูหิว 09:36 AM

     

    คังแดน

    เออ กูขอครึ่งชั่วโมง เจอกันห้องซ้อม 09:36 AM

     

    ยงกุก

     09:37 AM  กูขอหลายชั่วโมงเลย

     

    วิชวลวง

    เบี้ยวอีกแล้วนะมึงอ่ะ 09:40 AM

     

    ยงกุก

    09:41 AM ไป ไอ้สัด แต่ขอไปส่งจินยองก่อน

     

    วิชวลวง

    มึงพาเมียเข้าบ้านเหรอ!? 09:41 AM

     

    คังแดน

    เช้ดดด กี่ยก เหนื่อยไหมเนี่ยมึง 0942 AM

     

    เซอุน

    เบาๆหน่อยพวกมึงอ่ะ น้องยังเด็ก รอบเดียวก็สาหัสแล้ว 09:42 AM

     

    วิชวลวง

    กูพนันว่ามันแม่งจัดสี่รอบ 09:43 AM

     

    เซอุน

    มึงมันใจหมาแจฮวาน 09:43 AM

     

    คังแดน 

    มึงไม่เล่น? 09:44 AM

     

    เซอุน

    กูให้สองละกัน 09:44 AM

     

     

    ไอ้พวกส้นตีนหมา.. ทีแบบนี้ตอบไววินาทีต่อวินาที ผมถึงกับต้องเหลือบมองหน้าจินยองที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า ถ้าผมเขาห้องน้ำไปตอนนี้มันจะดูน่าสงสัยไหมวะ

     

     

    ยงกุก

    09:46 AM กี่ยกก็เรื่องของกู เดี๋ยวกูออกแล้วทักไป

     

    เซอุน

    เออออ งั้นมึงไปหาไรกินกับกูก่อนไอ้แจฮวาน 09:50 AM

     

    ยงกุก

    09:52 AM ไม่กินกันเองนะสัด

     

    เซอุน

    มึงนี่ส้นตีนสมชื่อ 09:54 AM

     

    วิชวลวง

    เดี๋ยวจัดกี่ยกกูจะมาบอก 09:56 AM

     

    เซอุน

    ไอ้แจฮวาน!! ไอ้ฟาย พูดมาก รีบออกมากูหิวข้าว 10:01 AM

     

     

    ยงกุกหัวเราะกับบทสนทนาของเพื่อนก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีจินยองก็ลืมตามามองเขาแล้ว

     

    “พี่หัวเราะอะไรครับ” 

     

    “อ่าว ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาวางโทรศัพท์ลงข้างๆก่อนจะดึงตัวอีกคนมากอดแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยว 

     

    “เมื่อกี้ พี่คุยกับใคร” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาจากอกของยงกุกผลจากที่เขากำลังกอดรัดจินยองอยู่

     

    “คุยกับพวกไอ้แดน เดี๋ยวมีซ้อม”

     

    “กี่โมงเหรอครับ”

     

    “รอส่งนายก่อนแล้วค่อยไป” 

     

    “ผมไปด้วยสิ” จินยองเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ยงกุกมองหน้าจินยองเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มันเลยทำให้เด็กตัวเล็กอดถามไม่ได้ “ไปไม่ได้เหรอ”

     

    “ไปดิ”

     

    “เห็นเงียบ คิดว่าไม่อยากให้ไป”

     

    “กลัวนายเบื่อเฉยๆ”

     

    “ถ้าพี่ไปส่งผมที่บ้านนี่สิน่าเบื่อของแท้” จินยองทำหน้างอใส่ ยงกุกก้มจูบหน้าผากของเด็กในอ้อมกอดก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

     

    “เค งั้นเดี๋ยวพาเอาของไปเก็บบ้านนายก่อนแล้วค่อยไปกัน”

     

    “ไปเลยไม่ได้เหรอ”

     

    “กลับไปให้แม่นายเห็นหน้าก่อน อย่าดื้อ” จินยองทำหน้าบึ้งใส่ยงกุกก่อนจะมุดหน้ากับผ้าห่ม “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

     

    “ไปเลย!” ยงกุกอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจของแฟนตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้เขาจึงตะโกนออกมา “นี่ แพจินยอง”

     

    “…”

     

    “ฉันไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้ามานะ”

     

    “แล้วทำไมไม่หยิบเข้าไปเล่า!!” 

     

     

    ____________

     

     

     

    บททดสอบความอดทนของแพจินยองยังคงย้ำเตือนความนึกคิดของเขานับตั้งแต่ที่ยงกุกขอตัวไปอาบน้ำแล้วไม่ยอมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปคนที่จะต้องเป็นคนเอาไปให้จะเป็นใครได้นอกจากแพจินยอง เป็นช่วงเวลาที่สับสนตบตีกันมากที่สุดกับการต้องควบคุมอารมณ์และสีหน้าไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเขากำลังตื่นเต้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจยงกุกก็ขับรถมาส่งที่บ้านเพื่อจะมาเก็บของแต่กลับโดนพี่ดงโฮสาดดราม่าใส่ว่าเมื่อคืนไม่ยอมกลับพี่มันเลยต้องเป็นคนล้างจานเองแต่พอสังเกตเห็นว่ามีคนมาด้วยมันก็เลยเงียบ ทุกอย่างผ่านไปไว มาก เพราะจินยองรีบเอาของไปเก็บแวะทักทายแม่ แนะนำยงกุกให้รู้จักคร่าวๆก่อนจะขอตัวออกมาเพราะถ้าอยู่นานกว่านี้คนที่มีคำถามมากมายคงจะเป็นคังดงโฮมากกว่าแม่เขาเสียอีก เพราะระหว่างที่จินยองเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเดินขึ้นรถยงกุกก็หนีไม่พ้นสายตาของพี่ชายตัวโตเลย ถ้าถึงเวลากลับบ้านผมได้มานั่งให้มันสัมภาษณ์แน่

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่จินยองได้เข้ามาในโรงเรียนฮันริมแบบถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ อย่างมากก็แค่หอประชุมใหญ่ตอนมาดูการแสดงของโรงเรียนก็เท่านั้น ที่ที่เขาเจอคิมกุกครั้งแรก มันก็เลยดูตื่นตาตื่นใจสำหรับเขาไปหมด วันนี้นักเรียนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่จะบอกว่าไม่มีเลยก็ว่าได้เพราะมันเป็นวันหยุด จะมีก็แค่พวกเด็กกิจกรรมบางส่วนอย่างเช่นพวกยงกุกที่มาซ้อมดนตรีกัน

     

    “ไอ้สัด ไม่มาปีหน้าเลยละ” ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับคำทักทายของแจฮวานที่กำลังดูกระดาษลิสท์เพลงใหม่ที่พวกเขาต้องซ้อมกันแต่พอคนโวยวายเห็นใบหน้าเล็กที่โผล่ตามมาจากด้านหลังยงกุกก็ถึงกับเปลี่ยนบุคลิกสุภาพขึ้นมาทันที “เอ้า จินยอง”

     

    “สวัสดีครับ” จินยองฉีกยิ้มสดใสให้พวกพี่ๆที่รวมตัวกันอยู่ในห้องจะมีก็แต่คังแดเนียลที่มีท่าทางตกใจที่เห็นหน้าจินยอง

     

    “ไหนมึงบอกจะไปส่งน้องที่บ้านไง”

     

    “อยากตามมาด้วยก็เลยพามา” ยงกุกหันไปมองจินยองที่กำลังปิดประตูห้องอยู่ เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆแดเนียลก็เดินเข้ามาชาร์ทเขา

     

    “มึงจะพามาทำไมไม่บอก”

     

    “ทำไมวะ” แดเนียลหันไปมองจินยองด้านหลังก่อนจะปรับเสียงพูดให้เบาลงพอเผลอสบตากับเด็กที่กำลังเดินเข้ามาหา

     

    “เดี๋ยวฮักนยอนจะมา”

     

    “หะ”

     

    “กูเจอน้องเมื่อเช้าแถวคอนโด มันเลยถามหามึง กูเลยบอกจะมาซ้อมมันก็เลยบอกเดี๋ยวแวะมา” สิ้นคำพูดของแดเนียลในหัวของยงกุกมันตีกันไปหมด ตัวเขามันไม่เท่าไหร่หรอกถ้าเจอฮักนยอนแต่จินยองนี่สิ

     

    “แล้วมาไมวะ”

     

    “เห็นบอกจะเอาของมาคืน” ยงกุกถึงกับเข้าโมทเงียบ ภาพวันที่ฝนตกลอยเข้ามาในหัวเขาทุกฉากแต่ก็ต้องดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกเสื้อจากทางด้านหลัง

     

    “พี่ยงกุก”

     

    “ว่าๆ” เขาพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธมากที่สุด

     

    “พี่ลืมพาผมไปซื้อขนมอ่ะ” 

     

    “เอ้า มึงนี่มันเลวจริงๆ งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถพาไปซื้อ” แดเนียลรีบดันยงกุกให้หลบไปแล้วตัวเองก็แทรกตัวไปยืนตรงกลางพลางกอดคอจินยอง คนโดนกอดคอได้แต่ยืนทำหน้าเหลอหลากับท่าทางของแดเนียล 

     

    “ต้องขับรถไปเลยเหรอครับ”

     

    “ใช่ดิ แถวนี้มันมีร้านสะดวกซื้อที่ไหน เนอะ ไอ้กุก” เขาหันไปขอกำลังเสริมจากคนข้างๆ ยงกุกเหมือนเริ่มเข้าใจท่าทางของเพื่อนก็เลยพยักหน้ารับ

     

    “เออ งั้นให้ไอ้แดนพาไปละกัน ฉันขอคุยงานกับพวกไอ้แจฮวานก่อน”

     

    “ก็ได้ครับ แล้วพี่เอาไรไหม”

     

    “กินกับนายแล้วกัน” ยงกุกพูดเสร็จก็หยิบเงินยัดใส่มือของแดเนียล “อันนี้ของจินยองนะไม่ใช่ของมึง”

     

    “น้ำอัดลมสักกระป๋องก็ไม่มี”

     

    “มาเป็นแฟนกูสิ จะออกให้”

     

    “พูดบ้าไรอ่ะ” แดเนียลพูดพลางทุบแขนของอีกคนเบาๆเพื่อกวนประสาท นอกจากจินยองที่ยืนยิ้มชอบใจก็ยงกุกนี่แหละที่พร้อมจะยกตีนขึ้นถีบมากถ้ามันไม่รีบไปจากตรงนี้

     

    “จะเอาอะไรเพิ่มก็โทรมานะ”

     

    “อือ รีบมาละกัน” ยงกุกยีหัวของจินยองก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของแดเนียลที่มองเขาอยู่พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนคนตามเกมส์ทัน สิ่งที่ยงกุกพูดแดเนียลรู้ดีว่ามันตรงกันข้ามเพราะเขาคงไม่อยากให้จินยองกลับมาขณะที่ฮักนยอนก็ยังอยู่ที่นี่หรอก “ขับรถดีๆละมึง”

     

    “เออ”

     

    “ถ้าจินยองกูเป็นอะไรนะ”

     

    “กูจะอุ้มขึ้นรถเลย”

     

    “ไม่เสือกสิครับ อย่าเกินหน้าที่เพื่อนนะครับคุณแดน” ยงกุกพร้อมบวกมากขนาดรู้ว่าคำพูดของแดเนียลเป็นแค่การแหย่เล่น

     

    “เชิญครับน้องจินยอง” แดเนียลหัวเราะชอบใจกับท่าทางของเพื่อนก่อนจะผายมือให้เด็กตัวเล็กที่สุดในนี้เดินนำออกไปก่อน ยงกุกมองทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้หลังห้อง

     

    ไอ้เชี้ยเอ้ย อย่าให้มันมีอะไรไปมากกว่านี้เลย

     

     

     

    เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีบุคคลที่เขากับแดเนียลเพิ่งพูดถึงไปก่อนหน้านี้ก็มาปรากฎตัวท่ามกลางชายฉกรรจ์สามคน รอยยิ้มส่งมาให้แต่ไกลขนาดยังไม่เดินเข้ามาประชิดตัวฮักนยอนก็ฉีกยิ้มส่งให้ทั้งเซอุนและแจฮวาน ก็ยังคงนิสัยร่าเริงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

     

    “สวัสดีครับ”

     

    “เห้ย ไอ้อ้วนไม่ได้เจอตั้งนาน” แจฮวานรีบวางกระดาษที่ถืออยู่ในมือแล้วเดินตรงไปรัดคอฮักนยอน “อ้วนขึ้นปะเนี่ย”

     

    “โหย เขาทักทายน้องกันแบบนี้เหรอ!” คนโดนแกล้งทำหน้างอใส่ เซอุนช้อนสายตามองยงกุกที่ยืนทื่ออยู่ข้างๆสลับกับมองฮักนยอนที่กำลังโดนแจฮวานหยอกล้อ

     

    “แล้วมาไมวะ คิดถึงไอ้ยงกุกเหรอ” เจ้าของชื่อหันขวับไปมองเพื่อนปากหมาที่ชอบขุดเจาะจุดอ่อนของคนอื่น ฮักนยอนเงียบไปแปบนึงก่อนจะตอบเซอุนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

     

    “ผมเอาของมาคืนพี่ยงกุกอ่ะ”

     

    “ค่อยเอามาให้วันไปเรียนปกติก็ได้หนิ”

     

    “ก็วันนี้ผมว่างพอดีเลยอยากเอามาคืน” ฮักนยอนเดินเข้าไปหาพลางยื่นเสื้อเดนิมส่งให้ “วันนั้นพี่เปียกฝนเยอะเลย ไม่สบายเปล่า”

     

    “ไม่…”

     

    “อ๋อ ที่มึงไม่สบายจนหยุดเรียนไปนี่เพราะไอ้อ้วนนี่เหรอ”

     

    “พี่ไม่สบายจริงๆด้วย” ฮักนยอนดูมีสีหน้าตกใจบวกกับท่าทางจริงจังของแจฮวาน ยงกุกลูบหางคิ้วตัวเองเมื่อรู้สึกอยากจะเดินไปโบกหัวเพื่อนตัวเองสักที เขาอุตส่าห์ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด

     

    “ตอนนี้หายแล้ว”

     

    “ผมบอกพี่แล้วนะว่าไม่ต้องเอาเสื้อมาคลุมให้ผม”

     

    “ช่างมันเถอะ ผ่านมาละ” ยงกุกพยายามพูดปัดๆให้อีกคนลืมเรื่องนี้พลางหันไปโยนเสื้อวางไว้บนกระเป๋าตัวเอง “คราวหลังก็พกร่มละกัน..”

     

    “เห้ยไอ้กุก” เจ้าของชื่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมองตามเสียงก็พบว่าแดเนียลยืนอยู่ที่ประตู มันจะไม่น่าตกใจหากว่าคนด้านหลังไม่ใช่แพจินยอง สีหน้าของเด็กนั่นสร้างความปั่นป่วนให้ยงกุกจนแทบจะเป็นบ้า

     

    “เชี้ย…” เสียงอุทานของเซอุนหายไปกับความเงียบ แจฮวานค่อยๆเดินไปกอดคอฮักนยอนเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์มันค่อนข้างกดดัน ยงกุกทำได้แค่ยืนมองหน้าจินยองในขณะที่จินยองกับฮักนยอนมองหน้ากันอยู่

     

    “กูดึงไว้ไม่ทันจริงๆวะมึง” แดเนียลรีบเดินตรงเข้ามาหายงกุก “น้องมันเข้ามาตั้งแต่มึงเอาเสื้อคลุมให้ฮักนยอนพอดีเป๊ะ” ยงกุกหันมองแดเนียลหลังจากที่เพื่อนอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจะหลับตาลงพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย

     

    “ไหนขนมอ่ะ”

     

    “ผมไม่อยากกินแล้ว” คำพูดเรียบๆของจินยองกับสายตาสั่นไหวมันทำให้ยงกุกรู้สึกอึดอัด เขากวักมือเรียกให้อีกคนเดินเข้ามาหา จินยองยืนนิ่งอยู่แปบนึงก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้ายงกุกรอให้อีกคนคว้าคอไปกอดไว้

     

    “ไว้ซ้อมเสร็จฉันพาไปหาไรกินแล้วกัน” ยงกุกก้มกระซิบข้างๆหูของจินยอง ถึงแม้ยงกุกจะให้ความสำคัญกับเขาแต่จินยองก็ไม่สามารถหยุดมองฮักนยอนได้ ไม่ใช่แค่ยงกุกที่ทำตัวไม่ถูก ตอนนี้จินยองก็รู้สึกหน่วงไปหมด มีคำถามมากมายพลั่งพลูอยู่ในหัวแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนหรือควรพูดตอนนี้เลยดีไหม

     

    “เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานหนิ” สายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นหันมองฮักนยอน คนโดนมองส่งยิ้มให้จินยองก่อนจะเดินมายืนใกล้ๆด้วยท่าทางร่าเริง “จำเราได้เปล่า”

     

    “อื้อ ที่หน้าห้องพักครู”

     

    “นายนี่เองแฟนพี่ยงกุก” รอยยิ้มกับน้ำเสียงสดใสมันตรงกันข้ามกับแววตาที่กำลังมองเจ้าของชื่อ ฮักนยอนไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหมั่นไส้แพจินยองแต่แค่รู้สึกหน่วงเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เขาต้องมายืนมองแฟนใหม่ของแฟนเก่าตัวเองอยู่ด้วยกันต่อหน้าขนาดนี้

     

    “นายจะกลับเลยไหม”

     

    “ไล่ผมเหรอ” ฮักนยอนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ

     

    “หรือจะอยู่ต่อก็ได้นะ แต่เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะชอบอยู่ดูฉันซ้อมสักเท่าไหร่”

     

    “เพราะพี่ไม่เคยชวนผมตั้งหาก ถ้าพี่ขอให้ผมอยู่ผมก็จะอยู่”

     

    “แต่เราอยากให้กลับ” อยู่ๆจินยองก็พูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงสั่นเครือชัดเจนเพราะด้วยความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว

     

    “เออๆไอ้อ้วน แค่เอาเสื้อมาคืนก็กลับได้แล้ว ปะ เดี๋ยวเดินไปส่ง” แจฮวานที่ท่าทางจะสนิทกับฮักนยอนรีบเดินมากอดคอเด็กรุ่นน้องพลางออกแรงเดินเบาๆให้อีกคนขยับตาม

     

    “เดี๋ยวผมเดินไปส่งฮักนยอนก็ได้”

     

    “อยู่นี่ละ จะไปทำไม” ยงกุกรีบคว้าแขนของอีกคนเอาไว้พอจินยองทำท่าจะเดินไป

     

    “พวกพี่ก็ซ้อมไปสิ แค่เดินไปส่งหน้าโรงเรียนไม่เห็นเป็นไร”

     

    “…”

     

    “ทำไม หรือพี่จะไปส่ง” สิ้นคำพูดของจินยองเพื่อนสนิททั้งหลายของยงกุกต่างก็มองหน้ากัน สถานการณ์อึดอัดจนแทบอยากจะวิ่งออกไปหายใจข้างนอกให้ทั่วท้อง 

     

    “ผมกลับคนเดียวได้ครับ”

     

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปส่ง” จินยองยังคงหันไปย้ำคำตอบเดิมกับฮักนยอน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้คนที่เหมือนกำลังจะตายก็คงจะเป็นคิมยงกุก จะปล่อยให้ฮักนยอนเดินออกไปเองก็น่าเกลียดจะขอไปส่งเองยิ่งน่าเกลียดกว่า “ได้ไหม จูฮักนยอน” เจ้าของชื่อยืนเงียบอยู่แปบนึงก่อนจะเหลือบมองคิมยงกุกที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้างอแงแสดงออกจนเห็นได้ชัดแต่ก็พยักหน้ารับคำขอของจินยอง

     

    “ตามใจแล้วกัน”

     

     

     

     

    ทั้งสองเดินเงียบกันมาตลอดทาง แพจินยองกำลังเดินนำหน้าจูฮักนยอนอยู่เป็นภาพที่เหมือนเด็กสองคนกำลังทะเลาะกันธรรมดา คนอื่นมองอาจจะดูน่ารักแต่ภายในใจของทั้งสองคนมันกำลังร้อนวูบวาบโดยเฉพาะเด็กที่ชื่อจินยอง เขาพยายามเดินคุมจังหวะหายใจของตัว อยากจะหันไปเริ่มพูดเรื่องที่คาใจก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่อยู่ๆก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีมือมาสัมผัสที่ไหล่ของเขา

     

    “ใครเป็นคนจีบใครก่อนเหรอ” คำถามถูกยิงเข้าใส่ทันทีเมื่อจินยองหันไปหา สีหน้าบึ้งตึงเหมือนเด็กเอาแต่ใจมันยิ่งทำให้จินยองรู้สึกหงุดหงิด ถ้าเป็นใครๆเห็นก็คงอยากจะดึงมาโอ๋กันทั้งนั้นแต่คงไม่ใช่กับเขาแน่

     

    “พี่ยงกุก”

     

    “แล้วทำไมคบกันไวจัง”

     

    “…”

     

    “เพิ่งเดือนกว่าๆเองหลังจากเลิกกับเรา”

     

    “คบไวไม่ไวไม่เห็นสำคัญเลย”

     

    “ไม่กลัวพี่เขาจีบเพราะอยากลืมคนเก่าบ้างเหรอ”

     

    “เออ ใช่ พี่เขาอยากลืมคนเก่า”

     

    “…”

     

    “เพราะคนเก่าทำให้พี่เขาเสียใจไง เสียใจมากด้วย แล้วทำไมพี่เขาจะไม่มีสิทธิ์อยากจะลืม” ฮักนยอนยืนเงียบเมื่อโดนอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ ใบหน้าร้อนผ่าวลำคอเริ่มตีบตันจนกลืนน้ำลายลำบาก ความรู้สึกโกรธมันกำลังถาโถมเข้าใส่แพจินยอง เด็กผู้ชายคนนี้หนะเหรอที่มาทำให้คิมยงกุกของเขาต้องเสียใจ

     

    “แต่ไม่คบกันไวไปหน่อยเหรอ...”

     

    “ถึงจะคบกันไวแต่ทุกวันนี้พี่ยงกุกก็ยังจีบเราทุกวัน พี่เขาทำให้เรายิ้มทุกวัน รู้ไว้ด้วย” 

     

    “พี่เขาอ้อนนายด้วยเหรอ”

     

    “ใช่ เมื่อคืนเราก็ไปนอนห้องพี่ยงกุกมา จะให้เราเล่าไหมละว่าทำอะไรบ้าง”

     

    “บ้าไปแล้วเหรอไง” ฮักนยอนแทบจะยกมือขึ้นปิดหูของตัวเอง น้อยครั้งมากที่คิมยงกุกจะอ้อนเขาพอมาได้ยินจากปากของจินยองก็เสียความรู้สึกเล็กน้อย เขาไล่สายตามองจินยองตั้งแต่หัวจรดเท้า ฮักนยอนยอมรับว่าจินยองเป็นคนน่ารักทั้งรูปร่างและหน้าตาแล้วดูเหมือนว่านิสัยจะแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้คนอย่างฮักนยอนก็คงหาเรื่องประชดประชันแล้วหนีกลับบ้านไปแล้ว ไม่มาเดินปรับความเข้าใจแบบที่จินยองกำลังทำอยู่แบบนี้หรอก

     

    “เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับพี่ยงกุกสักที” จินยองรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มจะงอแงใส่อีกคน แต่นี่คือคำพูดที่เขาคิดไว้เสมอแต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ

     

    “พี่ยงกุกเขาเข้ามาหาเราเองตั้งหาก”

     

    “แล้วทำไมไม่ไล่เขาไปละ!”

     

    “…”

     

    “ถ้าพี่ยงกุกยื่นมือไปช่วยอะไรก็ไล่เขาไปสิ พูดไปเลยว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ”

     

    “นี่นาย...”

     

    “เลิกทำให้พี่เขาลืมนายไม่ได้สักที”

     

    “…”


    “เลิกทำตัวอ่อนแอได้แล้ว จูฮักนยอน!” สิ้นคำพูดที่อึดอัดอยู่ในใจจินยองก็รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองเพราะไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาตั้งหากที่กำลังอ่อนแอ จูฮักนยอนยืนมองเพื่อนตัวเล็กด้วยสีหน้าอึ้งๆ ทุกประโยคที่แพจินยองพูดมามันเป็นความรู้สึกของคิมยงกุกทั้งนั้น เด็กคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปมากกว่าใคร “ถ้านายไม่รีบเดินไปตอนนี้เราจะต่อยนายจริงๆด้วย”

     

    “นี่โกรธที่เรามาเจอพี่ยงกุกขนาดนี้เลยเหรอ”

     

    “เปล่า”

     

    “…”

     

    “เราโกรธที่นายทำให้พี่ยงกุกไม่สบาย แถมยังไม่รู้เรื่องอีกตั้งหาก”

     

    “ก็พี่ยงกุกไม่ได้บอกเราหนิ”

     

    “เพราะว่านายไม่ใช่แฟนพี่เขาแล้วไง” แววตาจริงจังของจินยองกำลังมองตอบโต้เด็กที่ตัวสูงกว่าเขาหน่อยนึงไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว เขาไม่รู้หรอกว่าจะโดนอีกฝ่ายต่อยหน้าเขาหรือเปล่าหากพูดจาแบบนั้นออกไปแต่ดูท่าทางแล้วฮักนยอนก็ไม่น่าใช่เด็กหัวรุนแรงอะไรถึงแม้ว่าจะดูเป็นเด็กเอาแต่ใจมากก็เถอะ

     

    “อือ.. ก็คงงั้น” ฮักนยอนตอบกลับด้วยท่าทางเศร้าสร้อย น้ำเสียงดูไม่มั่นใจเหมือนทุกครั้งที่คนสดใสอย่างฮักนยอนควรจะเป็น “ดูท่าทางพี่ยงกุกคงจะแคร์นายมาก”

     

    “…”

     

    “ส่งเราแค่นี้แหละ”

     

    “แน่ใจนะ”

     

    “เดี๋ยวเราเดินไปเอง รีบกลับเข้าไปเถอะ พี่ยงกุกจะเป็นห่วงเอา” ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่น้ำเสียงก็มีความประชดประชันเล็กน้อยแต่ถึงยังไงซะเขาก็พูดตามที่เขาคิด จูฮักนยอนเดินผ่านจินยองไปไม่มีแม้แต่จะหันกลับมามอง แล้วจะเป็นไปไม่ได้หากว่าเด็กจิตใจอ่อนไหวง่ายขี้เอาแต่ใจอย่างฮักนยอนจะไม่ยอมร้องไห้ให้กับเรื่องแบบนี้ มันไม่ง่ายที่จะต้องมายืนฟังแพจินยองพูดเรื่องคิมยงกุก มันทำให้เขารู้ว่ายงกุกใส่ใจจินยองมากแค่ไหนรวมถึงสิ่งที่เขาเห็นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคิมยงกุกทำจริง ขนาดตอนที่เขาอยู่ในห้องด้วยยงกุกยังเลือกที่จะเรียกจินยองให้เดินไปหา เลือกที่จะไม่ออกมาส่งเขา เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของจินยอง จะว่าไป.. คิมยงกุกดูแคร์แพจินยองมากกว่าช่วงเวลาที่เขาคบกันเสียอีก หรือเป็นเพราะผมอาจจะเอาแต่ใจมากเกินไปจนลืมมองว่าอีกฝ่ายก็หยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นให้แล้ว มันอาจจะเป็นความพอดีที่ผมมองว่ามันน้อยไป ถ้าผมรู้จักความพอดี ผมอาจจะรับรู้ว่าพี่ยงกุกก็เคยแคร์ผมบ้างก็ได้มั้ง 

     

    ผมนี่มันอ่อนแออย่างที่นายนั่นพูดจริงๆด้วย...

     

     

    ____________

     


     

    กระดาษเพลงถูกวางลงรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เนื่องจากคนถือไม่ได้มีสมาธิอยู่กับมัน เสียงดนตรีดังออกมาจากสายกีตาร์เป็นระยะๆแต่ก็เหมือนกับเจ้าของแค่ใช้นิ้วเขี่ยเล่นเท่านั้น เด็กวัยรุ่นสี่คนดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาสามคู่ต่างก็เหลือบมองไปที่เพื่อนตัวสูงที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้จ้องมองบานประตูเฝ้ารอให้มันถูกเปิดออกก่อนที่คังแดเนียลจะเป็นคนเดินไปบังทัศนียภาพจนมิด

     

    “เดี๋ยวน้องมันก็มา” ยงกุกช้อนตามองเพื่อนคนสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้า 

     

    “ทำไมถึงวนรถกลับมาวะ”

     

    “น้องมันเห็นฮักนยอนกำลังเดินมาที่โรงเรียนมันเลยขอให้กูวนรถกลับ” ยงกุกสูดลมหายใจเข้าพลางเอนตัวพิงกับกำแพง เขาหลับตาสนิทหวังจะให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ตลกร้าย

     

    “อย่าคิดมากมึง จินยองกับฮักนยอนไม่เป็นไรหรอก”

     

    “เออ ไอ้แจฮวานพูดถูก มึงก็น่าจะรู้นิสัยเด็กสองคนนั้นนะ”

     

    “เพราะกูรู้ไง ถ้าฮักนยอนพูดจาไม่ดีใส่จินยองล่ะ มึงว่าน้องมันจะรับได้เหรอ” สามคนหันมองหน้ากันเพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าฮักนยอนมีนิสัยเอาแต่ใจหากไม่พอใจอะไรก็มักจะพูดจาเสียดแทงคนอื่น

     

    “เออหน่า น้องมันคงมีเหตุผลพอตัว มันเป็นคนทิ้งมึงไปหาไอ้จินอูนะเว้ยไม่ใช่มึงทิ้งมัน มันจะมาด่าว่าจินยองไม่ได้หรอก” ยงกุกแอบหันไปใช้สายตาด่าเซอุนหลังจากที่อีกฝ่ายปาอะไรใส่เขาก็ไม่รู้

     

    “คิดเยอะนี่ไม่ใช่มึงเลยนะสัด..”

     

    “จินยอง” ยงกุกแทบไม่ได้ฟังประโยคที่แดเนียลพูดพอเห็นว่าจินยองเปิดประตูเข้ามา เด็กเจ้าของชื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาอยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเสียงั้น ปากเล็กเบะคว่ำลงทันทียงกุกถึงกับต้องรีบเดินเข้าไปหาก่อนจะคว้าหัวเล็กๆนั่นมากอด “ร้องไห้ทำไม”

     

    “พี่ยังเจ็บอยู่ไหม”

     

    “หะ”

     

    “พี่เห็นฮักนยอนพี่ยังรู้สึกเจ็บ ฮึก.. หรือเสียดายที่เลิกกันอยู่เปล่า” จินยองพูดจาแทบไม่รู้เรื่อง ใบหน้าเล็กมุดอยู่กับอกของอีกคนจนเจ้าตัวรู้สึกอุ่นๆรับรู้ได้เลยว่าคนในอ้อมกอดกำลังร้องไห้อยู่

     

    “ไม่หนิ”

     

    “เมื่อกี้พี่อยากเดินไปส่งฮักนยอนหรือเปล่า” จินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง ยงกุกใช้หลังมือปาดน้ำตาที่เลอะใบหน้าน่ารักออกอย่างเบามือ

     

    “เฉยๆนะ แต่ต่อให้เดินไปส่งมันก็เหมือนพี่เดินไปส่งน้องเสียมากกว่า”

     

    “เหมือนที่พี่เอาเสื้อให้ฮักนยอนตอนฝนตกเหรอ”

     

    “อือ นายอยากมีแฟนเป็นคนใจดำขนาดเห็นคนอื่นเปียกฝนแล้วเดินหนีเหรอ”

     

    “แต่พี่ใจดีมากไป”

     

    “…”

     

    “ที่พี่ไม่สบายก็เพราะฮักนยอน…” เป็นอีกครั้งที่จินยองเริ่มร้องไห้ เขารู้สึกอ่อนไหวไปหมด จิตใจไม่แข็งแรงพอที่จะนึกถึงตอนยงกุกยอมถอดเสื้อของตัวเองให้คนอื่น เขายอมไม่สบายเพื่อให้ฮักนยอนไม่เป็นอะไรเลยนะ

     

    “ก็ใครจะรู้ว่าจะไม่สบายวะ ปกติก็ทนแดดทนฝน” 

     

    “เออ น้องจินยองอย่าคิดมาก ไอ้เชี้ยนี่มันไม่คิดอะไรกับฮักนยอนแล้ว” เซอุนพูดเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นว่าจินยองดูท่าทางสติกระจัดกระจายไปหมด ปากหมาชอบแกล้งเพื่อนแบบเขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนทะเลาะกับแฟนสักเท่าไหร่แล้วอีกอย่างผมยืนยันได้เลยว่าตอนนี้ไอ้ยงกุกมันรักเด็กเตี้ยนั่นแค่คนเดียวเลยไม่อยากให้น้องมันเข้าใจผิด

     

    “วันๆมันเอาแต่พูดเรื่องนายมันจะเอาเวลาไหนไปคิดถึงคนอื่นวะ”

     

    “พี่พูดเรื่องผมด้วยเหรอ”

     

    “อย่าไปฟังไอ้แจฮวานมาก” ยงกุกยกมือขึ้นปิดหูจินยองแต่ก็โดนจินยองจับมือออก

     

    “พี่ไม่พูดถึงผมเลยเหรอ..” 

     

    “อ่าว เอาแล้วมึง เรื่องนี้กูไม่ขอช่วยแล้วกัน”

     

    “ไอ้สัด..” เขาหันไปด่าคิมแจฮวานก่อนจะโดนจินยองจับหน้าให้หันมาสนใจเขา

     

    “ตกลงพี่พูดถึงผมบ้างเปล่า”

     

    “พูดดิ แต่ก็ไม่ได้ตลอดเวลาแบบที่ไอ้แจฮวานพูด” จินยองทำปากยื่นปากยาว ท่าทางเหมือนจะสบายใจขึ้นมาบ้างพอได้ยินอะไรแบบนี้ เด็กตัวเล็กยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินสะบัดก้นไปนั่งที่เก้าอี้ “หายโกรธแล้วเหรอ”

     

    “ยัง”

     

    “…”

     

    “ยังเคืองที่เอาเสื้อไปให้คนอื่นอยู่นะ” จินยองพูดพลางเหลือบไปมองเสื้อเดนิมที่วางอยู่บนกระเป๋าของยงกุก

     

    “น้องไง”

     

    “น้องบ้าไรนั่นแฟนเก่า”

     

    “แฟนเก่าแล้วเป็นน้องไม่ได้เหรอ”

     

    “พี่ได้แล้วฮักนยอนละได้เปล่า” ยงกุกเงียบ เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสามคนแต่ก็ไม่มีใครสบตาเขาสักคน “พี่ไม่รู้หรอกว่าฝ่ายนั้นคิดอะไร”

     

    “ไปคุยอะไรกันมา”

     

    “เปล่า แค่เดินไปส่ง”

     

    “แน่ใจ”

     

    “สนใจมากเหรอว่าฮักนยอนพูดอะไร”

     

    “เออ มึงสนใจมากเหรอไอ้ยงกุก” เจ้าของชื่อถึงกับหันไปชูนิ้วกลางใส่หน้าแจฮวานที่กำลังหยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพาย “ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย วันนี้ยังไม่ซ้อมแล้วกัน”

     

    “แล้วมึงจะไปไหน” 

     

    “กูจะไปหาไรแดก” 

     

    “งั้นกูไปด้วย” แดเนียลรีบลุกจากโต๊ะแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองบ้าง “ไปไหมมึงไอ้เซอุน”

     

    “ไปกันเลย กูมีนัด”

     

    “กินข้าวกับเพื่อนแม่มึงอีกแล้วเหรอ”

     

    “เออ เห็นบอกลูกชายเพิ่งกลับจากออสเลยจะให้กูไปคุย แม่งไม่รู้เป็นไรอยากให้กูไปเรียนเมืองนอกจังเลย” เซอุนมีท่าทางไม่พอใจกับความต้องการของแม่ นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากอยู่บ้าน

     

    “แล้วมึงกับจินยองอ่ะ” 

     

    “พวกมึงไปกันเลย ไว้นัดซ้อมกันใหม่”

     

    “เออๆ งั้นแยกย้าย ดีเลยกูจะได้ไปเที่ยวยาวๆ” แดเนียลหันไปหัวเราะคิกคักกับแจฮวานแล้วเดินออกไปตามด้วยจองเซอุนที่เพิ่งเก็บของเสร็จ 

     

    “มึง กูไปละนะ”

     

    “เออๆ เจอกัน” ยงกุกโบกมือให้เซอุนก่อนจะหันไปมองจินยองเพราะอีกคนดึงแขนเสื้อเขาอยู่

     

    “แผนการซ้อมล่มเพราะผมเหรอ” จินยองดูไม่สบายใจที่เห็นทุกคนหายกันไปทีละคนๆ

     

    “ไม่เกี่ยวหรอก พวกมันก็หาเรื่องกันออกจากบ้านไปงั้น ไม่เห็นหน้าไอ้แดนกับไอ้แจฮวานเหรอ ดีใจยิ่งกว่าครูยกเลิกคลาสอีก” จินยองอมยิ้มกับคำพูดของยงกุกแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกหน่วงๆก็ยังลบออกไปไม่หมด “ตกลงไม่หิวแล้วแน่นะ”

     

    “ก็นิดหน่อย”

     

    “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” 

     

    “อื้อ” ยงกุกยีหัวเด็กตรงหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง

     

    “วันนี้ฉันให้นายเลือกเลยว่าจะกินอะไร”

     

     

    ____________

     


     

    ถ้วยว่างเปล่าถูกวางลงตรงหน้าก่อนที่เจ้าของจะยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหาแล้วสั่งข้าวอีกถ้วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปสักอย่าง แพจินยองจัดการหยิบผักมาซ้อนกันสองสามชั้นพอจัดเรียงเรียบร้อยก็ยื่นมันมาตรงหน้ายงกุก รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ยงกุกต้องมีหน้าที่คีบเนื้อวางลงบนผักนั่นให้เด็กจอมเขมือบกินเพราะหน้าเตามันร้อนเขาเลยไม่อยากให้จินยองยื่นมือเข้าใกล้สักเท่าไหร่ 

     

    “ไหนใครบอกไม่หิวแล้ว”

     

    “ก็พอมานั่งกินจริงๆมันก็หยุดไม่ได้หนิ” จินยองทำปากยื่นปากยาวใส่ยงกุกพลางจัดวัตถุดิบบนผักให้พอดีคำก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เขาเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เห็นจินยองลืมเรื่องก่อนหน้านี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เครียดแค่ไหนของกินจะเยียวยาทุกอย่างสินะ

     

    “กินช้าๆเดี๋ยวก็ติดคอหรอก”

     

    “แล้วพี่ไม่กินอ่ะ”

     

    “ก็กินอยู่แต่ส่วนใหญ่มองนายกิน” อยู่ๆจินยองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเสียงั้น ไม่ได้เขินที่ยงกุกพูดเพราะมันเป็นปกติที่คนอย่างยงกุกจะคิดอะไรก็มักจะพูดออกมาแต่เขินที่มารู้ว่ามีคนกำลังจ้องเขากินอยู่ตั้งหากแล้วยิ่งเป็นยงกุกก็ยิ่งรู้สึกกังวลว่าจะกินเยอะไปจนไม่น่ารักหรือเปล่า...

     

    “ผมกินเยอะไปเหรอ” 

     

    “ก็ดีแล้ว จะได้อ้วนๆกอดอุ่นๆ”

     

    “ไม่ได้ชอบคนตัวเล็กๆหุ่นดีๆเหรอไง”

     

    “ถ้าเป็นนายก็ชอบหมดอ่ะ” 

     

    “แล้วถ้าผมอ้วนตุ๊ต๊ะเลยล่ะ พี่จะยังอยากกอดผมเปล่า” จินยองพูดพลางวาดมือแสดงท่าทางให้อีกคนเห็นภาพ มันคงไม่มีใครแสดงท่าทางได้น่ารักเท่าแพจินยองอีกแล้วละในสายตาของยงกุก 

     

    “ฉันก็จะกอดให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งอ้วนก็จะยิ่งกอด จะกอดจนกว่าจะมิด”

     

    “ขี้โม้”

     

    “ก็นายโม้ใส่ฉันก่อน”

     

    “ยกตัวอย่างตั้งหาก”

     

    “แต่ฉันทำจริง” 

     

    “พูดมาก กินเข้าไปเลย” จินยองรีบหนีบเนื้อในจานของตัวเองยัดใส่ปากของอีกคน เขาไม่ชอบเวลายงกุกพูดสักเท่าไหร่เพราะยงกุกมักจะจ้องหน้าเขาเวลาตอบคำถาม มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตเขาเลย คนบ้าอะไรต้องทำให้ตกหลุมรักทุกวันขนาดนี้ 

     

    “ไม่เขินดิ”

     

    “ไม่มีใครเขินสักหน่อย มั่ว..”

     

    “รับอะไรเพิ่มไหมคะ” จินยองช้อนตามองพนักงานผู้หญิงที่อยู่ๆก็มายืนอยู่ข้างๆยงกุกแถมยังมองไม่ละสายตา

     

    “เอาไรเพิ่มเปล่า” ยงกุกมีท่าทางอึดอัดเล็กน้อยที่โดนจู่โจมแบบไม่ได้ตั้งตัวเขาเลยหันมาถามจินยอง

     

    “ไม่เอา”

     

    “งั้นขอเติมน้ำหน่อยนะคะ” 

     

    “อ่อ ครับ” เขาดูสับสนกับชีวิตขึ้นมาทันที ยงกุกรีบหันไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองยื่นให้พนักงานที่ยังคงพยายามยัดเยียดการให้บริการเขาโดยมีสายตาจับจ้องของแพจินยองมองอยู่ตลอดเวลา

     

    “ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็เรียกได้นะคะ”

     

    “ครั..”

     

    “ครับ เดี๋ยวผมจะเรียกเอง” จินยองลุกขึ้นคว้าแก้วน้ำที่พนักงานสาวเพิ่งเทเติมให้หลังจากเธอกำลังยื่นคืนให้ยงกุกมาถือไว้แทนก่อนจะรีบยกขึ้นดื่มราวกับว่าแก้วน้ำนั้นเป็นของตัวเอง “ไปก่อนก็ได้ครับ ตอนนี้เรายังไม่อยากได้อะไร” เขาเหลือบมองพนักงานอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ขยับตัวไปไหน

     

    “เดี๋ยวยืนรออยู่แถวๆนี้นะคะ”

     

    “รอหลังร้านก็ได้ครับ” ยงกุกเผลอหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของแพจินยอง พนักงานสาวมีสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินหายเข้าไปหลังร้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ยงกุก “ไปยิ้มตอบกลับทำไม”

     

    “เอ่า.. ก็เขายิ้มให้”

     

    “แล้วจำเป็นต้องยิ้มกลับเหรอ รู้จักกันไหมก็ไม่ใช่” จินยองไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้ สายตาเขายังคงจ้องมองไปที่ครัวเพื่อเช็คความเรียบร้อยว่าพนักงานคนนั้นไม่ได้กำลังแอบมองคนของเขาอยู่

     

    “เขาก็แค่มาบริการ”

     

    “ไม่เห็นบริการผมเลย”

     

    “แล้วน้ำที่นายกินอ่ะ” ยงกุกพูดยิ้มๆพลางชี้ที่แก้วที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งนึงหลังจากจินยองจัดการยกดื่มด้วยความหงุดหงิดเมื่อกี้ “ยังดีนะเหลือให้ฉันตั้งครึ่งนึง”

     

    “เขาพยายามจะจับมือพี่ตั้งหาก ผมเลยหยิบมาก่อน”

     

    “หวงเหรอ”

     

    “ใช่ มีปัญหาหรือเปล่า” 

     

    “เปล่าครับ”

     

    “หลายรอบแล้วนะ หลายรอบแล้ว”

     

    “หลายรอบอะไรของนาย”

     

    “ไม่ต้องมาพูด!”

     

    “เอ้า” คิมยงกุกถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของจินยอง เขาชอบเวลาที่จินยองเป็นแบบนี้ มันดูน่ารักไปหมด ยิ่งเวลาทำหน้ามุ่ยยิ่งแล้วใหญ่ เห็นแล้วอยากจะจับมาตีก้นให้เข็ดหลาบ 

     


     

    คิมยงกุกหันซ้ายหันขวาเมื่อรู้สึกว่าเด็กที่เดินตามเขาต้อยๆตอนแรกหายไปอีกแล้ว ครั้งที่สิบเห็นจะได้ที่เขาจะต้องคอยมองหาจินยองที่เอาแต่แวบหายไป หันไปอีกทีก็ไปโผล่ร้านเครื่องเขียนบ้างละ ร้านของกินบ้างละ พอไปลากออกมาเดินได้ไม่ถึงห้าก้าวไอ้ตัวแสบก็หายแวบไปอีกเหมือนเคย นี่ต้องหาอะไรมาจัดการเด็กนี่สักหน่อยละ

     

    “อะไรอ่ะ” จินยองก้มมองข้อมือตัวเองหลังจากที่ยงกุกเอาอะไรก็ไม่รู้มาคล้อง 

     

    “จะได้ไม่หายอีก” ยงกุกยกมือของตัวเองขึ้นให้จินยองดูว่ามันเป็นสายเชื่อมต่อมายังข้อมือของเขา สิ่งที่ยงกุกไปซื้อมาก็คือสายจูงเด็ก…

     

    “นี่มันเอาไว้จูงหมาหนิ!”

     

    “จูงเด็กก็พอ..”

     

    “ไม่เอาาา” จินยองทำท่าจะแกะออกแต่ยงกุกก็จับมือเอาไว้

     

    “อย่าแม้แต่จะคิด”

     

    “ฮือออ ถ้าผมอยากเข้าร้านโน่นนี่นั่นพี่ก็รั้งไว้อะสิ ไม่เอาอ่ะ เอาออก”

     

    “อย่างอแง ฉันคล้องไว้เพราะนายชอบหายไปตั้งหาก” ดูท่าทางจินยองจะไม่พอใจอย่างแรงแต่ก็ต้องยอมเพราะคนนั้นคือยงกุก “จะไปร้านไหนก็บอกไม่ใช่แวบหายไป คนตามมันเหนื่อย”

     

    “พี่ก็เดินไปสิ”

     

    “ไม่ได้ ถ้านายหายทำไง”

     

    “ก็โทรหาสิ”

     

    “ไม่โทร ขี้เกียจ” จินยองคว่ำปากลงทันทีพอสิ้นคำพูดของยงกุกแต่คราวนี้มันไม่สามารถทำร้ายคนเริ่มมีภูมิต้านทานอย่างเขาได้อีกแล้ว “ไม่ต้องมาเบะ ไป เดิน” ยงกุกกระตุกมือเบาๆให้จินยองออกตัว เด็กขี้แงสะบัดสะบิ้งก่อนจะเดินนำหน้าไปยงกุกเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามเพราะไม่งั้นสายมันจะรั้งตัวเขาไปแทน นี่สรุปซื้อมาคุมจินยองหรือยิ่งโดนจินยองลากกันแน่

     

     

    ยงกุกต้องคอยกระตุกเชือกกลับมาตลอดเวลาจินยองเดินออกนอกลู่นอกทาง เขาเหนื่อยที่จะเลี้ยวเข้าร้านนู้นร้านนี้ พอเขาจะเดินไปนั่งอีกคนก็ดึงสุดตัวเพื่อที่จะให้เดินตาม จนล่าสุดจินยองก็ลากยงกุกมายืนอยู่หน้าตู้หนีบตุ๊กตาพลางทำหน้าทำตาละห้อยอยากจะได้ตุ๊กตาสปองบ๊อบที่อยู่ข้างใน

     

    “จะเล่นเหรอ” เด็กตัวเล็กพยักหน้ายึกยักแต่สายก็ยังจ้องมองตุ๊กตาที่อยู่ข้างใน ยงกุกเห็นแบบนั้นก็หยิบเหรียญในกระเป๋ากางเกงตัวเองยื่นให้

     

    “ให้ผมเล่นจริงๆเหรอ”

     

    “ตาโตเกินไปแล้ว ถ้าบอกไม่ให้เล่นจะกลับไหมละ”

     

    “ไม่” จินยองรีบหยิบเหรียญในมือของยงกุกมาก่อนจะหยอดตู้ ยงกุกขยับไปยืนใกล้ๆแต่ก็โดนจินยองดันออก “อย่าเข้ามา ผมไม่มีสมาธิ” เขายืนมึนงงกับชีวิตตัวเองหลังจากโดนอีกคนขับไล่แต่ก็ยอมขยับออกมายืนดูห่างๆแต่ดูเหมือนจะห่างเกินไปจินยองเลยหันมาโวยวายใส่เขาอีกว่าขยับมือไม่ถนัดเพราะสายที่เชื่อมเขาสองคนอยู่ “อื้อออ! หนีบไม่ได้เลยเห็นไหม”

     

    “อันนั้นมันความกากของนายตั้งหาก.. อะไร?” ยงกุกก้มมองมือเล็กที่แบอยู่ตรงหน้า

     

    “ขอตังหน่อย” ใบหน้าอ้อนวอนกำลังออดอ้อนคนด้านชา แต่นิสัยที่แก้ไม่หายของเขาก็ต้องโดนใบหน้าน่ารักนั่นทำลายลงได้เช่นกัน ยงกุกถอนหายใจก่อนจะหยิบเหรียญยื่นให้ “ฮิ! คอยดูนะรอบนี้ผมได้แน่นอน” 

     

    “ไม่ได้เดี๋ยวพาไปซื้อ”

     

    “ไม่เอา ต้องหนีบเท่านั้น ซื้อมันไม่อินเลย” ยงกุกยกยิ้มกับท่าทางอยากเอาชนะของจินยอง เขาโดนอีกคนกระตุกเชือกให้ขยับเข้าไปหา “ครั้งนี้ขยับมาใกล้ๆหน่อยสิ”

     

    “อะไรของนายอีก”

     

    “ขยับมาาา” มือเล็กกระตุกเชือกยิกๆคนโดนบังคับเลยต้องรีบเดินเข้าไปประชิดตัว จินยองยิ้มพอใจก่อนจะหันไปสนใจเครื่องเล่นตรงหน้าแต่หลังจากที่เขาหยอดเหรียญใส่เข้าไป มือหนาจากคนด้านหลังก็สอดรอบเอวเขามาจับมือทั้งสองข้างของจินยองที่จัดแจงวางอยู่ที่คันโยกกับปุ่มกด “ทำอะไรครับ”

     

    “ช่วยนายเล่นไง”

     

    “เอามือออกไปเลย.. แล้วก็ขยับออกไปด้วย” ใบหน้าร้อนวูบวาบ รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนอีกฝ่ายจับเนื้อต้องตัวแต่นี่มันก็กลางห้างเลยนะ

     

    “จะเอาไหม สปองบ๊อบอ่ะ” ยงกุกหันพูดข้างๆหู ลมหายใจอุ่นๆมันกำลังทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าใจเต้นรัว ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อดีแค่ไหนที่ยงกุกจับมือเขาจากด้านหลังไม่งั้นโดนอีกคนล้อแน่ๆ

     

    “พี่เล่นเป็นเหรอ”

     

    “ก็เคยหนีบให้ไอ้แดเนียลอยู่บ้าง”

     

    “หะ พี่หนีบให้พี่แดเนียลทำไม” จินยองเงยหน้ามองคนด้านหลัง นี่ตัวเขาเลยคางยงกุกไปนิดเดียวเองเหรอเนี่ย

     

    “ก็ไอ้แดนมันจะเอาไปให้แดฮวี คนโง่อย่างมันหนีบสิบกว่ารอบก็ไม่ได้”

     

    “ชอบว่าคนอื่นจริงเลย” ยงกุกไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดของจินยอง เขาพยักเหยิดหน้าให้จินยองสนใจเครื่องเล่นตรงหน้า 

     

    “ฉันจะเล่นแล้วนะ”

     

    “อื้อ ก็พี่จับมือผมอยู่ก็เล่นสิ” พูดเองก็เขินเอง ทำไมจะต้องมาซ้อนตัวขนาดนี้

     

    “ถ้าหนีบได้ให้ไร” 

     

    “ต้องให้ด้วยเหรอ”

     

    “ให้ดิ แฟนกันเขาก็ทำกันงี้ไม่ใช่ไง”

     

    “แล้วจะเอาไร”

     

    “ขอเอาที โอ้ย! เจ็บ” ยงกุกถึงกับมุดหน้าลงกับไหล่ของจินยองหลังจากโดนจินยองโหม่งหัวกระแทกปากเข้าให้อย่างแรง

     

    “รีบเล่นสักที ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”

     

    “เลือดไหลปะเนี่ย!”

     

    “ไหน ขอดู..” เป็นวินาทีที่เขาอยากจะมุดตัวหนีออกไปมาก ว่าจะคุมสมาธิได้แล้วนะยังมาโดนอีกคนจู่โจมแบบนี้อีก “มาจูบผมทำไมเนี่ย! ยิ้มทำไม ไม่ต้องมายิ้ม”

     

    “ตกลงเลือดไหลเปล่า ดูให้อีกทีสิ”

     

    “ไม่ดูแล้ว ผมจะเอาสปองบ๊อบ” ยงกุกหัวเราะจนไหล่สั่น จินยองถึงกับหมั่นไส้กับความกวนประสาทของคนด้านหลัง อยากจะหันไปด่าแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาเลยต้องเงียบปากเอาไว้

     

    “เออๆ จะตั้งใจเล่นแล้วนะ”

     

    “สักทีเถอะครับ” 

     

    “จะเล่นแล้วนะ”

     

    “พี่ยงกุก!!” หัวเล็กออกแรงดันหน้าอีกคนออกด้วยความสุดจะทน หลังจากที่โดนอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงที่แก้มของเขาอย่างหมั่นเขี้ยวแต่แทนที่ยงกุกจะสำนึกเขากลับหัวเราะชอบใจ

     

    “เออๆ ฮาๆๆๆ ไม่แหย่ละ”

     

    “บ้าจริงเลย” 

     

    “ก็รักอ่ะ ให้ทำไง”

     

    “…”

     

    “รู้ปะเนี่ย”

     

    “อื้อ”

     

    “อื้ออะไร”

     

    “ก็รู้แล้วไง”

     

    “แค่นั้นเองเหรอ”

     

    “งั้นถ้าพี่หนีบได้ ผมจะให้แล้วกัน”

     

    “หะ? ให้.. ให้อะไร” ยงกุกถึงกับเบิกตาโตเมื่อได้ยินอีกคนยื่นข้อเสนอ

     

    “ก็พี่ขออะไรละตอนแรก”

     

    “จริงปะเนี่ย”

     

    “จะเล่นไหม”

     

    “เล่นดิ เดี๋ยวหนีบให้สิบตัวเลย”

     

    “อย่ามาเวอร์”

     

    “แต่ต้องให้สิบทีนะ”

     

    “โอ้ยย ไอ้พี่ยงกุก!”


     

    _________________


    เพิ่งเลิกงานถึงบ้านปั้บก็มาลงเลย
    พอดีแต่งเอาไว้ยาวเบื๋อย คิ้คิ้ เขาอนุญาตกันแล้วอ่ะ *มองบน
    ตามเดิมนะจ้ะ มาพูดคุยกันได้ที่แท็ก #มบฟช
    หรือไม่ก็ @viewpmt 

    หลังจากอ่านคอมเม้นเราก็มีคำถาม...
    พี่ยงกุกกวนตีนขนาดนั้นเลยเหรอคะ?? 55555

     

    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×