คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : MABAE 12
\limit
สองเพื่อนสนิทยืนซุบซิบกันอยู่หน้าห้องพักครู คนนึงตัวเล็กเหมือนกับผู้หญิงส่วนอีกคนก็ตัวเล็กเกินกว่าจะเป็นร่างผู้ชายแถมหน้าตาก็ไปทางหนอมแน้มมันก็ไม่แปลกที่ทั้งคู่จะตกอยู่ในสายตาของผู้ชายบางกลุ่มที่เดินผ่านไปผ่านมาแต่เขาสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะกำลังยืนคุยกันอย่างออกรสในระหว่างที่รอคุณครูเรียกเข้าไปหา
“ช่วงนี้พี่ดงโฮเป็นอะไรก็ไม่รู้”
“ทำไมอ่ะ” แดฮวีดูตื่นตัวเล็กน้อยพอได้เสียงอีกฝ่ายเอ่ยชื่อบุคคลที่สามขึ้นมา ร่างกายเริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆแล้วตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
“กลับบ้านดึกอะดิ ปกติถ้าฉันถึงบ้านพี่ดงโฮก็จะอยู่บ้านแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย กว่าพี่ดงโฮจะกลับฉันก็เข้าห้องนอนแล้ว” จินยองคิดไม่ตกกับกิจวัติที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตัวเอง คนขี้เกียจอย่างคังดงโฮเลิกเรียนเสร็จก็มักจะกลับบ้านเลย จะออกไปเจอเพื่อนฝูงก็ต่อเมื่อมีน้ำเมาเป็นของกลางเท่านั้นซึ่งก็ไม่น่าจะบ่อยเท่าช่วงนี้หรือว่าจะมีแฟน.. “นายว่าพี่ดงโฮมีแฟนแล้วปะ”
“ฉันจะไปรู้เหรอ!”
“เสียงดังทำไมอ่ะ เจ็บหูหมดดด” จินยองยกมือขึ้นจับหูตัวเองพลางทำหน้ามุ่ยใส่แดฮวีที่อยู่ๆก็ตะโกนตอบเขา
“โทษที.. คือถ้าพี่เขาจะมีก็คงบอกนายเองแหละหน่า”
“ช่างมันเถอะ ไม่มีใครรับนิสัยของพี่ดงโฮได้หรอก” จินยองพูดจบก็หัวเราะชอบใจเพียงแค่นึกถึงคนที่จะมาเป็นแฟนพี่ชายตัวเองก็รู้สึกสงสารเขาคนนั้นขึ้นมาลึกๆแต่อยู่ๆก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ขณะที่หันมองหน้าแดฮวี “แต่ถ้าแฟนพี่ฉันเป็นนายก็ว่าไปอย่าง”
“หมายความว่าไง”
“ก็พี่ดงโฮชอบนายอ่ะ”
“เขาพูดแบบนั้นเหรอ” แดฮวีควบคุมสีหน้าตัวเองระหว่างที่ตั้งคำถามใส่เพื่อนสนิท ท้องไส้ปั่นป่วนจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อบรรเทาอาการมวลท้อง
“ต่อให้ไม่พูดฉันก็จะจับคู่นายกับพี่ชายฉัน”
“ตกลงพี่เขาไม่ได้พูดอะไร”
“ทำไมเหรอ อยากให้พี่ฉันพูดเหรอไง”
“ใครบอกละ” แดฮวีเบะปากใส่จินยองที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับท่าทางวางท่าของเพื่อนตัวเล็ก แต่เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอนขอพนันว่าพี่ดงโฮชอบแดฮวี เพราะนี่ไม่เคยเห็นพี่ดงโฮแกล้งใครเลยสักคน ถ้าไม่ชอบหรือเกลียดใครพี่ดงโฮจะแสดงออกมาอีกแบบ ไม่ใช่โดยการหยอกแบบที่ทำกับแดฮวีแบบนี้หรอก จินยองคอนเฟิร์ม
ประตูห้องพักครูถูกเปิดออกขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่ เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาน่ารักเดินยิ้มแย้มสดใสออกมาจากห้องก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลงเมื่อสายตาประสานกับเด็กผู้ชายตรงหน้า แพจินยองยืนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งไม่ต่างจากอีกฝ่าย จูฮักนยอนก้มหัวลงทักทายเพื่อนร่วมชั้น เขายิ้มให้ก่อนจะเดินหายไปตามทางปล่อยให้จินยองยืนมองเหม่ออยู่อย่างนั้นจนแดฮวีต้องเรียกสติกลับมา
“จินยอง นั่นมันฮักนยอนหนิ”
“…”
“พอมองใกล้ๆนายนั่นก็น่ารักเหมือนกันนะ” จินยองถอนหายใจกับคำพูดของเพื่อนตัวเอง ไม่ได้โกรธหรือหมั่นไส้อะไรที่แดฮวีเอ่ยปากชมฮักนยอนเพราะเขาก็แอบเห็นด้วยกับความน่ารัก ยิ่งตอนยิ้มให้เขาเมื่อกี้ยิ่งยืนยันคำตอบ ไม่แปลกเลยว่าทำไมพี่ยงกุกถึงคบนานขนาดนั้น
“นายรีบเข้าไปส่งงานดีกว่า เดี๋ยวจะไปกินข้าวช้านะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวมานะ” แดฮวีรีบพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักครูเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ครูตะโกนเรียกเขาพอดี จินยองมองไล่หลังเพื่อนตัวเล็กก่อนจะหันไปมองตามทางเดินที่ฮักนยอนเดินผ่านไปเมื่อกี้อีกครั้ง
คนเราจะสดใสอะไรขนาดนั้น.. แค่เห็นหน้าก็ฮีลทุกอย่างแล้วอ่ะ อิจฉาจัง
____________
วันนี้โรงอาหารคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ สงสัยจะแห่ไปดูแข่งบอลกัน ดีนะที่คราวนี้แดฮวีไม่ลากจินยองไปนั่งเฝ้าใครอีกเพราะคนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขารวมทั้งอูจินและแฟนเด็กของมันด้วย
จินยองยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อรู้สึกอัดอัดกับสายตาของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ปาร์คจีฮุนเอาแต่นั่งมองหน้าขณะที่มือก็ใช้ช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา จินยองเหลือบมองจีฮุนเป็นระยะๆก็ยังคงเห็นอีกฝ่ายมองหน้าเขาอยู่แต่ที่ดึงดูดสายตาเขามากที่สุดก็คงจะเป็นตุ๊กตาหมีที่ยังคงห้อยอยู่ข้างกระเป๋าของจีฮุน อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มกับภาพในหัวของตัวเอง
“ไอ้ยงกุกมันยังห้อยอยู่ไหม”
“ครับ?” จินยองเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ๆจีฮุนก็พูดขึ้นมา
“ตุ๊กตาไง”
“อ่อ ก็ยังห้อยอยู่” จีฮุนหลับตาลงเหมือนกำลังคุมสติของตัวเองก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม เป็นภาพที่ตลกมากสำหรับจินยอง เขานึกภาพไม่ออกเลยว่ายงกุกไปกวนตีนอะไรใส่จีฮุนบ้างแต่แค่เห็นตุ๊กตาหมีกับท่าทางของอีกฝ่ายก็อดยิ้มไม่ได้แล้ว
“เราน่าจะบอกพี่ก่อนว่าคบกับมัน”
“พี่ก็น่าจะบอกผมก่อนว่าซื้อตุ๊กตาหมีมาสองตัว” จีฮุนเงียบหลังจากโดนคำถามสวนกลับของจินยอง เด็กรุ่นน้องยิ้มชอบใจกับสีหน้าของคนตรงหน้า ดูเหมือนใบหน้าน่ารักของจินยองกำลังทำให้ความหงุดหงิดที่มีต่อยงกุกหายไป แค่จะโกรธก็ยังทำไม่ลงเลย จินยองน่ารักขนาดนี้ได้ไงวะ ถ้าผมนึกสู้จะแย่งเพื่อนมานี่ต้องหมามากแน่ๆ แต่ก็คงคุ้ม..
“ไม่ต้องคิดจะจีบจินยองต่อเลยนะพี่จีฮุน” คนโดนกล่าวหาถึงกับหันขวับไปมองคนตั้งคำถามที่นั่งอยู่ข้างๆจินยอง สีหน้ารู้ทันของแดฮวีทำให้จีฮุนรู้สึกอึดอัด ไอเด็กบ้านี่มันอ่านใจคนได้เหรอไงวะ
“รู้ได้ไง”
“สีหน้าพี่มันบอกหมดทุกอย่างเลย”
“ไหนบอกทีตอนนี้ฉันคิดไร” จีฮุนยื่นหน้าไปหาแดฮวีแต่ก็โดนอูจินยื่นมือไปกั้นเอาไว้ก่อน
“อย่าเล่นกันบนโต๊ะอาหารครับ” เขารู้ดีถ้าไม่รีบห้ามศึกตั้งแต่เนิ่นๆมีหวังข้าวรสชาติหมาไม่แหลกแน่ๆ ว่าแต่แดฮวีมันเลิกหมกมุ่นเรื่องพี่จีฮุนแล้วเหรอ ตอนนี้ไหงดูเป็นไม้กันหมาให้เพื่อนสุดฤทธิ์
“เพราะมึงนั่นละไอ้อูจิน”
“เอ้า..”
“อื้ออ! อูจินเค้าไม่ผิดนะ” ฮยองซอบเห็นจีฮุนหันมาลงที่แฟนตัวเองก็รีบวางช้อนซ้อมแล้วยกมือขึ้นปิดหูอูจินเหมือนกลัวว่าจีฮุนจะพูดจาไม่ดีใส่แฟนตัวเองอีก
“เพราะพี่ไม่คุยกับพี่ยงกุกตั้งหาก”
“คุยแล้ว แต่มันไม่ยอมบอกเถอะ กวนส้นตีน”
“เอออันนี้ผมเห็นด้วยแหละ” แดฮวีที่ทำท่าจะกล่าวหาอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นพยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคหลังของจีฮุน จินยองเห็นแบบนั้นก็ใช้สายตาด่าเพื่อนเสียเลย
“ป่านนี้นอนเน่าตายอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง”
“ทำไมครับ” จินยองแปลกใจกับคำพูดของจีฮุนเลยลืมตัวรีบสวนกลับไป
“ก็เมื่อเช้ามันไม่ได้ไปเรียน เห็นแม่มันบอกว่าป่วย”
“…”
“มันไม่ได้บอกเราเหรอ”
“อ๋อ เปล่าครับ”
“คิดว่าไม่ได้บอก นี่รอเลิกกันอยู่นะ”
“คนเลว”
“คนเลว” เกิดการประสานเสียงของแดฮวีกับฮยองซอบจนทำให้คนเลวอย่างจีฮุนถึงกับสะดุ้ง เขาทำหน้าไม่ร้อนรู้หนาวก่อนจะหัวเราะชอบใจกับแผนการชั่วร้ายของตัวเองที่หวังจะให้เพื่อนสนิทเลิกกับแฟนแล้วรอเสียบ เลวที่สุดตอนนี้ก็ผมนี่ละ! ด่ามาดิ ตั้งรับอยู่
____________
เป็นภาพที่เห็นอยู่ทุกวัน เด็กหนุ่มโรงเรียนเพื่อนบ้านมายืนรอรับแฟนเด็กรุ่นน้องที่คนเห็นคงชินตากันหมดแล้ว แต่ที่แปลกตากว่าทุกวันคือการที่เขาใส่ชุดธรรมดามาแทนที่จะเป็นชุดนักเรียน จะว่าโรงเรียนฮันริมหยุดก็ไม่น่าใช่ แพจินยองเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงทำให้คนเห็นรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาทันที
“ทำไมวันนี้ใส่ชุดธรรมดามาละครับ” ยังไม่ทันหยุดเดินคำถามก็ลอยเข้าหน้าอีกคนอย่างกับโดนรถเชียวเสียวไปถึงสันหลัง
“จะบอกไงดี”
“หยุดเรียนแล้วทำไมไม่บอกผม”
“แค่ใส่ชุดนอกนี่รู้เลยเหรอว่าหยุดเรียน”
“พี่จีฮุนบอกตั้งหาก”
“ไอ้สัด..”
“พี่ด่าผมเหรอ!”
“ด่าไอ้จีฮุนดิ” ใจถึงกับล่วงลงพื้นพอได้ยินเสียงดุดันเหมือนแมวขู่ของจินยอง
“ไม่ต้องไปด่าพี่จีฮุนเลย เพราะพี่เขาผมถึงรู้ว่าพี่ยังไม่หายดี แล้วออกมารับผมทำไม”
“ก็แฟนเลิกเรียนก็ต้องมารับดิ..” ยงกุกพูดยังไม่ทันจบประโยคดีเขาก็เผลอไอออกมา จินยองเห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำหน้าไม่พอใจแถมยังขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะกำหมัดแล้วทุบลงที่แขนของยงกุกอย่างจังสองทีถ้วน “อาๆ เจ็บครับ พี่เจ็บนะมาทุบไม”
“ฮืออ ไม่สบายแล้วออกมาทำไม”
“จินยอง..”
“กลับบ้านไปเลยนะ วันนี้ผมจะไปส่งพี่เอง”
“ไม่เอา”
“เงียบไปเลย!” ยงกุกเม้มปากแน่นหลังจากโดนเด็กตรงหน้าตะคอกใส่ ใบหน้าเง้างอตอนนี้ขึ้นสีด้วยความโกรธ ดวงตาสั่นระริกเป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกำลังจะร้องไห้แล้วนะถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่เขาพูด
“แล้ววันนี้ไม่ไปกินไรเหรอ”
“ไม่ไป ไปเลย นำทางผมไปบ้านพี่บัดเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวดิ แล้วใครจะมาส่งนาย”
“ผมกลับเองได้ ก่อนผมเจอพี่ผมก็ทำอะไรคนเดียวมาก่อนนะ” จินยองดูไม่ล้มเลิกความพยายาม ยงกุกมองหน้าเด็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ
“ตามใจแล้วกัน”
“เดี๋ยวสิครับ” ยงกุกที่กำลังจะออกตัวเดินหันมองตามเสียงก็เห็นว่าจินยองยังคงยืนอยู่กับที่ มือเล็กยื่นส่งให้คนตรงหน้าอย่างงอแง “จับมือผมด้วย” เขาถอยหลังไปคว้ามือของอีกคนมาจับไว้ “คราวหลังต้องจับตลอดนะ”
“อื้อ”
“ห้ามปล่อยด้วย”
“โอเค ไม่ปล่อยด้วย”
“จับแน่นๆเลยนะ”
“ให้อุ้มเลยเปล่า” ยงกุกหยุดเดินทำท่าจะอุ้มจินยองแต่คนตัวเล็กขยับถอยหลังด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องงง! แค่จับ.. มือก็พอครับ” จินยองหันซ้ายหันขวาเช็คสายตาคนรอบข้างด้วยความเคอะเขินหลังจากโดนยงกุกแกล้ง
“ทำไมต้องน่ารักวะ”
“…”
“ฉันอดทนจะจูบนายไม่ไหวแล้วนะจินยอง”
ต่อจากนี้ผมจะดูแลร่างกายตัวเองให้ดี เพราะผมจะไม่ยอมเสียโอกาสแบบนี้บ่อยๆแน่..
_________
ประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือของเจ้าของ แพจินยองนั่งกอดกระเป๋าตัวเองอยู่บนเตียงพลางสอดส่องสายตาไปทั่วห้องนอน มันก็ไม่ได้รกมากมายเหมือนที่เขาแอบคิดเอาไว้ จัดว่าสะอาดเลยด้วยซ้ำ
“เอากระเป๋ามานี่” ยงกุกเดินไปจับกระเป๋าที่จินยองยังคงนั่งกอดอยู่ เจ้าตัวเห็นแบบนั้นก็ปล่อยให้ยงกุกเอากระเป๋าของเขาไปวางที่โซฟาข้างๆหน้าต่างส่วนตัวเขาเองก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวนั้นโดยมีสายตาของจินยองจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมไปนั่งตรงนั้น”
“นั่งบนเตียงด้วยกันเดี๋ยวอดใจไม่ไหว”
“งั้นเตียงนี้ของผม” เด็กตัวเล็กพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียง จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มาห้องของยงกุก พอนึกแล้วมันก็หยุดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ ก็ตอนนี้เขาอยู่ในห้องของแฟนตัวเองหนิ แถมยังนอนอยู่บนเตียงที่ยงกุกนอนทุกวันด้วย ของพี่ยงกุกก็เหมือนของผมนั่นแหละ!
“จะนอนนี่ก็ได้นะ”
“ผมนอนได้เหรอ” คนโดนยื่นข้อเสนอรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่ง
“อื้อ พรุ่งนี้วันเสาร์ฉันอนุญาตให้นอนได้” จินยองยิ้มปากแทบจะถึงหูแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องโทรหาที่บ้านก่อนไม่งั้นโดนหาว่าหนีออกจากบ้านกันพอดี
“แต่ผมไม่มีชุดนอนอ่ะ”
“ก็ใส่ชุดฉันไปก่อนสิ”
“แปรงสีฟันด้วย”
“ฉันมีสำรอง”
“หมอนข้างละ”
“…”
“ผมนอนกอดพี่ได้เปล่า”
“ไม่ได้” จินยองหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินคำตอบห้วนๆของอีกฝ่าย “เดี๋ยวฉันนอนกอดนายเอง”
“พี่พูดแล้วนะ..” เสียงจินยองเบามาก อาจจะเพราะด้วยความเขินเลยไม่กล้าเปล่งเสียงออกมายิ่งเห็นอีกคนยกยิ้มยิ่งไม่อยากมองหน้าเลยด้วยซ้ำ
“แต่นายต้องโทรหาพ่อแม่นายก่อน”
“เดี๋ยวโทรตอนนี้เลย” จินยองรีบลุกออกจากเตียงตรงไปยังโซฟาที่ยงกุกนั่งอยู่ คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนตักของอีกคน เล่นเอาคนโดนกระทำหน้าเหวอวางมือวางไม้ไม่ถูก จินยองจัดการโทรหาที่บ้านทั้งๆที่ตัวเองก็ยังนั่งอยู่บนตักของยงกุก เขามีสติทุกอย่างที่ทำลงไปเพราะช่วงนี้ยงกุกเอาแต่ขออยู่ห่างเขาอ้างว่าไม่สบาย เจอเขานั่งทับแบบนี้เข้าไปจะไล่ก็ให้มันรู้ไปสิ “พรุ่งนี้ผมกลับสายๆหน่อยนะครับแม่ บอกพี่ดงโฮด้วยนะครับผมขี้เกียจโทรไปบอกอีกรอบ ครับ รักแม่นะ”
“นายนี่มันแสบจริงๆนะจินยอง”
“ทำไมเหรอ” จินยองวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเงยหน้ามองคนด้านหลัง ยงกุกขยับขาตัวเองให้พอมีช่องว่างระหว่างขาของเขาจนจินยองไหลลงนั่งกับพื้นโซฟาแทนที่จะเป็นหน้าขาของอีกฝ่ายแต่มือหนาก็ยังคงกอดรอบเอวของอีกคนเอาไว้หลวมๆ
“เดี๋ยวนี้ไม่กลัวฉันทำอะไรแล้วเหรอ”
“กลัวพี่ไม่ทำมากกว่า”
“ดูพูด..” จินยองยิ้มชอบใจที่กวนประสาทยงกุกสำเร็จ ไม่บ่อยหรอกนะที่จะทำแบบนี้ได้ สงสัยป่วยอยู่เลยไม่ค่อยมีพิษสง
“พี่ยงกุก วันนี้ผมเจอฮักนยอนด้วย” แต่ดูเหมือนคำถามนี้จะทำให้ยงกุกนิ่งไป นี่คงไม่ใช่การกวนประสาทของแพจินยองหรอกนะ..
“อื้อ”
“เจอแบบใกล้มากด้วย น่ารักดีนะครับ” จินยองพูดเหมือนเด็กช่างอวด เขาดูตื่นเต้นเหมือนกับว่าไปเจอดาราคนดังมา “ดูเป็นคนสดใสมากเลย”
“ฮักนยอนมันก็เป็นแบบนี้แหละ บางทีอยากจะด่ายังทำไม่ได้เลย”
“นั่นสิ แค่เห็นผมยังอยากยิ้มให้เขาเลย” เสียงจินยองดูอ่อนลงเป็นจังหวะเดียวกันที่คนด้านหลังกระชับกอดพลางเอาคางเกยไหล่
“เหมือนที่ฉันเห็นนายไง”
“พี่ไม่เห็นจะยิ้มให้ผมเลย ถ้าไม่แกล้งก็กวนตีน”
“ก็ไม่เห็นจะต้องยิ้มตลอดเวลา คนหาว่าบ้ากันพอดี” จินยองทำเสียงจิ้จ้ะด้วยความหมั่นไส้ ยงกุกเห็นแบบนั้นก็เผลอฟัดแก้มไปทีนึงจนลืมไปเลยว่าตัวเองป่วยอยู่ “นายลุกไปนั่งที่เดิมดีกว่า”
“ไม่เอา อยู่แบบนี้แหละอุ่นดี” จินยองเอนหลังพิงแนบกับลำตัวอีกคน มือเล็กก็เล่นกับมือของยงกุกเหมือนลูกแมวพยายามจะเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ การกระทำของจินยองมันกำลังทำให้หัวใจของยงกุกทำงานอยู่ตลอดเวลา ความน่ารักของเด็กตัวเล็กมันไม่สามารถทำให้เขาหลุดหนีไปไหนได้ อยากจะกอดเก็บเอาไว้ข้างตัวตลอด ไม่อยากจะให้ใครชายตามองหรือคุยด้วยหากไม่จำเป็น อาการแบบนี้ไม่ต้องถามหมอก็รู้ว่าหวง
แก้วน้ำใสที่มีน้ำอยู่เกือบล้นถูกประคองมาด้วยมือเล็กๆของเด็กแสบที่ดูเหมือนจะเข้ากับแม่ของลูกชายบ้านนี้ได้เป็นอย่างดี เม็ดยาสองเม็ดที่ถือติดมาด้วยหลังจากไปฟ้องแม่เจ้าของบ้านว่าลูกชายเขาป่วยแล้วไม่ยอมกินยา แพจินยองค่อยๆวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมกับถือยาเดินตรงไปหาร่างสูงที่ยังคงนอนหลับตาอยู่บนเตียง
“พี่ยงกุก.. พี่ยงกุกครับ” เจ้าของชื่อส่งเสียงครางในลำคอพลางพลิกตัวหนีแต่จินยองก็ขยับตัวตามจนขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนเตียงข้างๆอีกคน “พี่ลุกมากินยาก่อนนน” จินยองตัดสินใจเขย่าตัวยงกุกแต่อีกคนก็ยังไม่ยอมขยับ “พี่ยงกุกก ตื่นนะ… นี่!” คนตัวเล็กพยายามจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนที่นอนอยู่ คิมยงกุกดูเหมือนจะรำคาญที่อีกฝ่ายพยายามจะปลุกเขาเลยอดไม่ได้ที่จะคว้าเอวอีกคนให้ลงมานอนในอ้อมกอด เขากอดหัวจินยองจนใบหน้าเล็กมุดอยู่ตรงแผ่นอก เอวก็ถูกมือหนารวบกอดเอาไว้แถมยังโดนขาพาดตัวอีกตั้งหาก “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้”
“อยู่เฉยๆ” ยิ่งดิ้นใส่อีกคนก็ยิ่งกอดรัดเขาแน่นขึ้น ป่วยอยู่แต่ความกวนประสาทนี่ไม่ลดลงเลยนะ!
“พี่ยงกุก ผมบอกให้ปล่อยอ่าาา มันอึดอัด”
“ปล่อยนายก็ก่อกวนไม่เลิกดิ” ยงกุกพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ จินยองดูเหมือนจะผ่อนแรงดิ้นลงเพราะรู้สึกเหนื่อย มือก็ยังกำเม็ดยาอยู่กลัวว่าจะหล่นหาย เขาหยุดนิ่งอยู่เกือบหนึ่งนาทีก่อนจะค่อยๆขยับตัวอีกครั้งแต่คราวนี้ใช้แรงฮึดสุดท้ายดันยงกุกให้พลิกตัวจนตัวเองขึ้นไปนอนเกยอยู่บนตัวของคนด้านล่าง คิมยงกุกค่อยลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่ามีเด็กดื้อกำลังนอนทับอยู่บนตัวเขาเพราะอย่างไรซะมือหนาก็ยังไม่ปลดพันธนาการออกจากรอบเอวของจินยอง
“ก็ผมอยากให้พี่กินยาหนิ” เสียงพูดอู้อี้จนฟังแทบไม่รู้เรื่องเนื่องจากหัวของเด็กตัวเล็กยังคงแนบอยู่กับแผ่นอกของคนด้านล่าง รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้านิ่งเฉยทั้งๆที่หลับตาอยู่ ใครจะเชื่อว่าก้อนกลมๆที่อยู่บนตัวเขามันกำลังทำให้เขามีความสุขได้ขนาดนี้ “ทำไม.. เสียงหัวใจพี่เต้นแรงจัง” จินยองดึงมือของยงกุกที่กอดหัวเขาอยู่ออกพลางยกหัวขึ้นมองหน้าคนที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ ยงกุกหรี่ตามองจินยองก่อนจะแกล้งพลิกตัวลงไปนอนทับเด็กตัวเล็กแทน “อ๊าาา เอาอีกแล้วนะ หนักจะตายอยู่แล้ววว”
“เสียงหัวใจนายก็เต้นแรงเหมือนกันนะจินยอง” คนด้านล่างถึงกับเม้มปากแน่นจากที่โวยวายเมื่อกี้กลายเป็นใบ้ขึ้นมาทันที ยงกุกค่อยๆช้อนแผ่นหลังบางของจินยองด้วยแขนทั้งสองข้างพลางแนบแก้มลงกับแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ เขากอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นไม่อยากขยับไปไหน มันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ที่สบายใจที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสมา มือเล็กค่อยๆกอดหัวของอีกคนเอาไว้หลวมๆ กลิ่นอ่อนๆของคิมยงกุกที่เขาคุ้นเคยดี กลิ่นที่ไม่ใช่น้ำหอม กลิ่นแรกที่ทำให้เขาจำผู้ชายคนนี้ได้ในวันแรกที่เจอกัน มันยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม
“ก็เพราะพี่นั่นแหละ”
“ตัวนายก็หอมด้วย”
“นี่มันเสื้อผ้าพี่นะ มันจะมีกลิ่นของผมได้ไง” จินยองเบนหน้าหนีด้วยความเขินเมื่อยงกุกเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ฉันหมายถึงกลิ่นจากตัวนายตั้งหาก”
“พี่ยงกุก!” คนโดนเรียกไม่ได้สนใจเสียงงอแงที่ดังอยู่ข้างหู เขารู้อย่างเดียวว่าอยากลิ้มลองสัมผัสร่างกายของเด็กตรงหน้า จมูกเป็นสันอดไม่ได้ที่จะกดฝังลงไปที่ผิวนุ่มนิ่มบริเวณซอกคอพลางกดจูบย้ำๆจนจินยองรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มือเล็กยังคงพยายามดันร่างของอีกคนออก ไม่ได้ทำไปเพราะรังเกียจแต่แค่รู้สึกเคอะเขินจนอยากจะมุดดินหนีกลับบ้านอยู่แล้ว ยงกุกยังคงหยอกล้อกับแก้มกลมๆของจินยองยิ่งเห็นอีกฝ่ายนอนหลับตาแน่นก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ขอจูบหน่อยดิ”
“อื้ออ ไม่ๆๆ ไหนบอกป่วยแล้วจูบไม่ได้ไง” จินยองหลับตาส่ายหัวไปมาใบหน้าขึ้นสีจนคนเห็นถึงกับต้องเผลอยิ้มชอบใจแต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อรู้สึกหงุดหงิดกับสถานภาพร่างกายตัวเอง คิมยงกุกหลับตาแน่นพลางสูดลงหายใจเข้า เขาพยายามไม่มองริมฝีปากเล็กที่ห่างกับริมฝีปากตัวเองเพียงแค่นิดเดียว เพียงแค่เขากดจูบลงไปมันก็จบเรื่อง สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือจูบลงที่หน้าผากของจินยองเท่านั้นก่อนจะรีบพลิกตัวออกมา ยิ่งอยู่ใกล้ลมหายใจของเขาจะยิ่งทำให้คนด้านล่างมีสิทธิ์ที่จะติดหวัดจากเขาได้สูง
“แม่งไม่น่าชวนมานอนด้วยเลย”
“ทำไมอะ” สีหน้าจินยองดูผิดหวังขึ้นมาทันทีพอได้ยินยงกุกพูดแบบนั้นแล้วยิ่งน้ำเสียงหงุดหงิดยิ่งแล้วใหญ่
“ก็ฉันจะทำในสิ่งที่อยากทำไม่ได้ทั้งๆที่มีนายอยู่ตรงหน้า”
“อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้พี่ตั้งใจ... พี่ตั้งใจจะปล้ำผมเหรอ!!” จินยองทำหน้าดุใส่ยงกุกพลางรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งตัวโผล่มาแค่หัว แทนที่อีกคนจะรู้สึกหงุดหงิดไปมากกว่านี้เขากลับหลุดขำออกมากับท่าทางตื่นตูมของเด็กตรงหน้า
“เอาจริงๆถ้าเมื่อกี้ฉันไม่หยุดทำนายก็ยอม”
“ถ้าพี่พูดอีกทีผมจะลุกไปชกพี่จริงๆด้วย” คนโดนแหย่ถึงกับเขินหูดำหูแดง รู้สึกรำคาญที่อีกฝ่ายดันรู้ทัน โอ้ยยย รำคาญตัวเองนี่แหละนับวันยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ TT
“มาชกดิ ปล้ำแม่ง ป่วยก็ป่วยไม่สนห่าไรละ”
“อย่ามานิสัยเสีย”
“ไหนอะยา เอามากิน” ยงกุกพูดพลางแบมือใส่จินยอง เขาเห็นแบบนั้นก็ก้มมองมือตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอปล่อยเม็ดยาหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“แงงงง เพราะพี่นั่นละ ยามันหล่นหายไปแล้ว” จินยองรีบสะบัดผ้าห่มออกแล้วก้มหน้าก้มตาหาเม็ดยาบนเตียง
“โดนมุดคอทีมือไม้อ่อนเลยเหรอ.. โอ้ย!” ยงกุกชะงักความกวนตีนแทบจะทันทีที่หมอนลอยอัดหน้าเขาเมื่อกี้ เด็กตัวแสบเห็นแบบนั้นแทนที่จะรู้สึกกลัวแต่กลับหัวเราะร่าชอบใจยกใหญ่ “แพจินยอง!”
“ผม.. ผมไม่ได้ตั้งใจ... ฮาๆๆ”
“เดี๋ยวนี้กวนประสาทเหรอจินยอง” ยงกุกพูดเสียงนิ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนเรียกความสนใจให้เด็กแสบค่อยๆผ่อนเสียงหัวเราะลง
“พี่จะไปไหน...”
“จะไปนอนกับแม่”
“…”
“ส่วนนายก็นอนนี่ไปแล้วกัน”
“อือออ ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ให้ไป” จินยองที่นั่งอยู่บนเตียงรีบคลานมาทำตาเศร้าตรงหน้ายงกุก สีหน้างอแงเสียยิ่งกว่าเด็กทารกอยากนมแม่เสียอีก
“ไม่ดีเหรอ จะได้นอนเตียงคนเดียวเลยไง”
“ไม่เอาก็ผมอยากเบียดกับพี่หนิ” ปากเล็กเบะลง ดวงตาสั่นระริกเหมือนรู้ว่าเป็นท่าไม้ตายที่จะทำให้คนอย่างคิมยงกุกโอนอ่อนผ่อนตาม “เมื่อกี้ผมขอโทษ ผมลุกไปเก็บให้ก็ได้” จินยองพูดจบก็รีบลงจากเตียงไปหยิบหมอนที่กองอยู่ที่พื้นมาวางบนเตียงพลางปัดๆแล้วจัดมันอย่างดี “เรียบร้อยแล้ว” พูดเสร็จก็หันหน้ามามองเจ้าของห้องด้วยสีหน้าใสซื่อลบล้างความผิดที่ก่อไว้
“ไปละ”
“อ๊าาาา ไม่เอา พี่ยงกุกนอนกับจินยองนะ” เป็นทันทีที่เขาหันตัวทำท่าจะเดินออกไปก็โดนเด็กกระโจนเข้าใส่จนเกือบเซลงไปนั่งบนเตียง จินยองกอดยงกุกแน่นจากทางด้านหลังพลางเอาหน้าแนบกับหลังของอีกคนพร้อมทำเสียงงอแงพูดจาไม่รู้เรื่องจนคนฟังต้องหลุดหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
“ก็นายทำตัวไม่น่ารัก”
“ไม่จริง ผมทำตัวน่ารัก” เจ้าตัวยังคงเถียงแต่น้ำเสียงฟังดูออดอ้อน จริงๆยงกุกแพ้คนขี้อ้อน แล้วตั้งแต่คบกับจินยองมาเขาไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้ของแฟนตัวเองสักเท่าไหร่ ถึงจะพอมีแต่ก็ไม่ได้หักโหมแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
“โกหกแฟนตัวเองได้ไงวะ ก็เห็นอยู่ว่าดื้อ”
“หันมาคุยกันดีๆนะ!”
“ไม่หัน”
“เจ้าดื้อ หันมา!”
“ไม่ นายอะสิที่ดื้อจินยอง” ยงกุกแทบจะหลุดหัวเราะออกมาดังๆพอได้ยินประโยคเหล่านั้นออกมาจากปากของจินยอง ถ้าเขาหันไปมองหน้าด้วยนี่มีหวังขาดใจตายแน่ แม่งต้องน่ารักแค่ไหนกันเชียววะ
“ฮืออ ต้องทำยังไงถึงจะอยู่นี่กับผม” คนตัวเล็กใส่อารมณ์เล็กน้อยจนเผลอกระทืบเท้ารัวๆด้วยความขัดใจ จินยองเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนนิ่งอยู่ก็กลายเป็นคนเดินอ้อมมายืนตรงหน้ายงกุกแทนแต่ยงกุกก็หันตัวหนีไปอีกฝั่งซะงั้น “อ๊าาา อย่าทำแบบนี้สิ พี่ยงกุกคุยกับผมนะ” จินยองเริ่มโมโหเขาเลยรีบเดินไปยืนประจันหน้ากับยงกุกอีกที
“ปฏิญาณตนก่อน”
“ปฏิญาณอะไรอ่ะ” จินยองทำสีหน้างวยงงกับคำพูดของยงกุก
“ปฏิญาณตนว่าจะเป็นเด็กน่ารัก”
“…”
“ไม่พูดฉันไปนะเอ่า”
“ผมจะเป็นเด็กน่ารัก!” จินยองรีบพูดขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ
“จะเป็นแฟนที่น่ารักของคิมยงกุก”
“จะเป็นแฟนที่น่ารักของคิมยงกุก”
“จะไม่ดื้อและเชื่อฟังคิมยงกุกคนเดียว”
“…”
“พูดสิ”
“จะไม่ดื้อ.. จะเชื่อฟังคิมยงกุก โหยย ทำไมต้องคนเดียวด้วยอ่ะ”
“…”
“ก็ได้.. จะไม่ดื้อและเชื่อฟังคิมยงกุกคนเดียว”
“จะรักคิมยงกุกคนเดียวด้วย พูดมา”
“อันนี้ไม่เห็นต้องปฏิญาณเลย ก็รู้อยู่แล้วไหมอะว่ารัก” จินยองทำหน้ามุ่ยใส่คนตรงหน้า ยงกุกยืนจ้องหน้าอีกคนได้แปบเดียวก็ต้องดึงหัวมากอด
“ก็แค่อยากฟังจากปากนายไม่ได้เหรอไง”
“งั้นพี่ก็พูดพร้อมกันสิ”
“พูดไร”
“ว่าพี่ก็จะรักผมคนเดียว”
“ขอมีเล็กมีน้อยสักสองสามคนได้ไหม โอ๊ย! เจ็บ!!” สิ้นเสียงโวยวายของยงกุกจินยองก็จัดการรัวหมัดลงที่อกของอีกคนไม่หยุด
“ทำไมชอบกวนตีนงี้!”
“พูดเล่นเอง เลือดคั่งหมดแล้วมั้ง” ยงกุกถูหน้าอกตัวเองด้วยความเจ็บปวดแต่พอเห็นสีหน้าเง้างอของจินยองก็เป็นยาชูกำลังทำให้เขาหุบยิ้มชอบใจไม่ได้จริงๆ
“พูดมาเดี๋ยวนี้” กลายเป็นจินยองที่ถือไพ่เหนือกว่า
“พูดไร”
“ก็จะรักแพจินยองคนเดียวไงงง”
“เออ จะรักคนเดียว”
“รักใคร”
“แพจินยองไง”
“ก็พูดมาให้หมดสิ” ดูท่าทางจินยองจะหัวเสียจริงจังจากสีหน้าที่แสดงออกมาให้ยงกุกเห็น “แต่พี่รู้ใช่ไหมว่าผมรักพี่คนเดียวอยู่แล้ว”
“ก็ลองรักหลายคนดิ จะขังแม่งอยู่ในห้องนี่แหละ”
“ถ้าในห้องมีพี่อยู่ผมก็ไม่อยากไปไหนแล้ว” จินยองทำลอยหน้าลอยตาใส่ยงกุก “โอ๊ะ วันนี้วันที่เท่าไหร่”
“ยี่สิบเอ็ด” ยงกุกดูแปลกใจที่อยู่ๆจินยองก็ร้องตกอกตกใจขึ้นมา
“ยี่สิบเอ็ด กรกฎา สองพันสิบเจ็ด” สิ้นคำพูดของจินยองบวกกับสายตาที่บอกเป็นนัยต์ว่านี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ...
“แล้วไง”
“วันที่ผมกับพี่อยู่ด้วยกันวันแรกไง”
“…”
“มันไม่เหมือนกับวันที่คบกันนะ พี่ต้องจำแยก พี่... พี่ยงกุก! ลุกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่!!”
ผมนี่นอนตัวลีบอยู่บนเตียงเลยครับ...
____________
โอ้ยย ทำไมสีชมพูขนาดนี้ ...
นี่ยังรู้สึกหมั่นไส้อยู่เลย 55555555
#มบฟช
@viewpmt
ความคิดเห็น