คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : MABAE 10
\ Tolbee
ความบังเอิญมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่ที่ว่าคนเราจะเลือกเชื่อในด้านไหน ดวง โชคชะตา พรมลิขิต เวรกรรม ความตั้งใจ แต่สำหรับคิมยงกุกเขาคงเลือกที่จะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเวรกรรมเสียมากกว่า มาในรูปแบบของเจ้ากรรมนายเวรที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่จะเดินไปเตะตัดขา
เพื่อน…
เพราะคำนี้คำเดียวที่มันกำลังเผาไหม้ร่างกายของเขาอยู่ ไม่ใช่ไม่อยากลงไม้ลงมือแต่ถ้าคิดอีกมุมคืออีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขากำลังคบอยู่กับแพจินยอง แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าของที่จินยองได้มาตอนแรกเป็นของจีฮุนถ้าเขาไม่หลอกถาม มันคงจะดูงี่เง่าหากว่าเขาสองคนที่รู้จักกันมานานหรือจะบอกว่าโตมาด้วยกันก็ได้แต่เสือกมาทะเลาะบาดหมางกันเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่ แม่งไม่ใช่ทางของเขากับจีฮุนแน่นอนแต่จะบอกว่าแอบหมั่นหน้ามันไหม… พูดเลยว่ามาก ยิ่งตอนมันบอกจะไม่เลิกยุ่งกับคนมีแฟนแล้วยิ่งคันตีนสุดๆ
“มึงจะทำไร” คิมยงกุกรีบพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะแกะตุ๊กตาออกจากกระเป๋า
“กูจะเอาออก”
“เอาออกไม ไม่อยากห้อยคู่กับกูเหรอ” เขายังคงพยายามบลัฟจีฮุนด้วยการชูตุ๊กตาใส่หน้า คนโดนซ้ำเติมเห็นแบบนั้นก็ได้แต่กัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นเป็นเส้น ชั่ววูบแรกยอมรับว่าเขารู้สึกตกใจมากพยายามที่จะไม่คิดว่าตุ๊กตาตัวนั้นจะเป็นตัวเดียวกันกับที่ให้จินยองแต่ดูรูปทรงแล้วมันเหมือนกันทุกอย่างแล้วยิ่งเห็นหน้ากวนส้นตีนของยงกุกก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นแฟนไอ้ยงกุกด้วย
“ทำไมคนน่ารักอย่างน้องเขาจะต้องมาเป็นแฟนกับคนอย่างมึงด้วยวะ!”
“มึงอย่ามาชมแฟนกูน่ารัก กูชมได้คนเดียว อย่ามาตลก”
“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก”
“ก็มึงไม่ยอมพูดชื่อมาสักทีว่าเป็นใครกูจะไปรู้ไหมละ”
“แล้วเมื่อวานกูก็บอกชื่อน้องเขาไปแล้วมึงก็ยังเสือกไม่พูดอะไร ไอ... ไอฟายเอ้ย!” จีฮุนดูหัวเสียมากยิ่งนึกถึงเมื่อคืนที่เขาคุยเรื่องจินยองกับอีกคนก็ยิ่งรู้สึกหมั่นขี้หน้าเพื่อนตัวเองที่ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง
“ก็กูหมั่นไส้มึงไง”
“มึงนี่มัน...”
“เอ้าๆ เล่นอะไรกันหะเด็กสองคนนี้” ปาร์คจีฮุนแทบจะสะดุดขาตัวเองหลังจากออกตัวเตรียมวิ่งเข้าใส่หวังจะทำร้ายร่างกายส่วนไหนก็ได้ของเพื่อนตรงหน้าแต่กลับโดนแม่เปิดประตูออกมาเพราะได้ยินเสียงโหวเหวกโวยวายของลูกชายตัวเองเบลคเอาไว้
“สวัสดีครับแม่” เป็นยงกุกที่หันไปทักทายแม่เพื่อนพลางโค้งหัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใสซึ่งปกติมันก็แค่ยกยิ้มเบาๆแค่นั้นเวลาทักทายแต่วันนี้ปากฉีกแทบจะถึงก้านสมองเห็นแล้วขัดตาจีฮุนเป็นที่สุด
“เพิ่งกลับเหรอเรา”
“ครับผม บังเอิญเจอจีฮุนพอดีโชคดีจังครับ” คนโดนพาดพิงได้แต่หลับตาแน่นปากเรียวเล็กเม้มเข้าหากันพลางสูดลมหายใจเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังตบตีกันขั้นทารุณ
“ดีแล้วลูกเดี๋ยวนี้แม่ไม่ค่อยเห็นมาเล่นกัน แม่ละนึกถึงเมื่อก่อนเลยติดกันจนคนอื่นคิดว่าเป็นฝาแฝด” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยวาจาสุขสันต์รอยยิ้มอ่อนโยนตามประสาแม่คนช่างขัดกับความรู้สึกของลูกชายตัวเองในตอนนี้
“แม่ เข้าบ้านกันเถอะครับ” จีฮุนพูดพลางเดินเข้าไปหาแต่ก็โดนแม่คว้าตัวเอาไว้
“นี่อะไร ตุ๊กตาเหรอ”
“ใช่ครับ มันซื้อให้ผมด้วย นี่ไง” ยงกุกที่ยืนมองอยู่รีบพูดเสริมพลางชูให้แม่ดู รอยยิ้มเอ็นดูประกฏขึ้นบนหน้าสวยๆเรียกความขัดใจให้กับลูกชายค่อนข้างมาก
“อย่าไปฟังมัน รีบเข้าบ้านเถอะครับแม่”
“ไม่เห็นต้องเขินเลย เพื่อนกันซื้อให้กันก็ไม่เห็นแปลก”
“ผมไม่ได้เขิน แม่.. ผมบอกให้เข้าบ้านไงงง” จีฮุนเริ่มงอแงใส่แม่ตัวเองพอเห็นว่าอีกคนไม่ยอมล้มเลิกจะแซวเขากับยงกุก
“เข้าก็เข้าสิ ดีดดิ้นเป็นเด็กไปได้”
“นี่ จีฮุน” ก่อนที่เด็กงอแงจะเดินเข้าไปในบ้าน คิมยงกุกก็ตะโกนรั้งอีกคนเอาไว้ก่อนแต่เจ้าของชื่อกลับหันไปมองด้วยสีหน้าหาเรื่อง
“อะไรมึง”
“ตุ๊กตาอ่ะ”
“…”
“อย่าให้เห็นว่าเอาออกนะ อย่าให้กูต้องห้อยเก้ออยู่คนเดียว”
_______________
เด็กนักเรียนบางกลุ่มหันมาสนใจบุคคลที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องเรียนที่ไม่ใช่ถิ่นของเขา ปาร์คอูจินที่ทุกคนจะรู้จักในตำแหน่ง shooting guard ของทีมบาสประจำโรงเรียนซึ่งค่อนข้างเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขาเป็นที่หลงไหลของใครหลายๆคนโดยเฉพาะฮยองซอบ เนื่องจากความสามารถในการชู้ตบาสระยะไกลของอูจินมักจะเข้าเป้าทุกลูกมันทำให้เขาดูเท่ห์แต่เจ้าตัวกลับไม่ค่อยจะรู้ตัวสักเท่าไหร่
จินยองที่นั่งลอกการบ้านแดฮวีอยู่เงยหน้าขึ้นมองผู้บุกรุกขณะที่แดฮวีก็กำลังจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเก็บของแต่ก็ต้องหันไปสนใจอีกคนแทน
“ไอ้จินยอง ทำไมมึงไม่บอกกู” เสียงหอบหายใจของอูจินทำให้รู้เลยว่าเขารีบร้อนแค่ไหนในการมาหาเจ้าของชื่อถึงที่ห้องเรียน
“บอกเรื่องอะไร”
“ว่ามึงคบกับยงกุก”
“…”
“ไอ้เด็กโรงเรียนฮันริมที่มึงบอกคือยงกุกใช่ไหม” จินยองหันมองหน้าแดฮวีก่อนจะหันมาสบตากับอูจินด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มึงรู้ได้ไง”
“นั่นสิ ใครบอก” แดฮวีรีบโผล่หน้ามาข้างๆจินยองพอเห็นว่าอูจินกำลังพูดเรื่องเหลือเชื่ออยู่ จริงๆคนอย่างอูจินไม่เคยจะเสาะหาหรือเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่แล้วแต่ทำไมกลับรู้จักแฟนของจินยอง
“แสดงว่าพวกมึงไม่รู้อะดิว่าไอ้ยงกุกเป็นเพื่อนกับพี่จีฮุน”
“หะ!”
“ตลกกกกก” ทั้งจินยองและแดฮวีต่างก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ แต่ดูท่าทางจินยองจะช็อคจนลืมวิธีการพูดไปแล้วเลยเป็นหน้าที่ของแดฮวีที่ต้องทำคดีต่อ “มึงอย่ามาพูดพล่อยๆ”
“พล่อยหน้ามึงสิเตี้ย พี่จีฮุนเพิ่งมาโวยวายใส่กูเมื่อเช้าเลยห่าเอ้ย” อูจินพูดพลางขยี้หัวตัวเองไปมาอย่างหัวเสีย ต้องเป็นเขาทุกทีที่ไม่ได้เริ่มอะไรแต่กลับมาโดนว่าโดนด่า ชะตากรรมแท้ๆ
“สมหน้ามึง อยากจับคู่ให้ไอ้จินยองดีนัก”
“ไม่ใช่กูโว้ย ฮยองซอบล้วนๆกูแค่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ”
“แล้วพี่จีฮุนเขามาโวยวายเรื่องอะไรเหรอ” จินยองที่ดูจะดึงสติกลับมาได้รีบตั้งคำถามใส่อูจินด้วยความกังวลใจ
“ไม่รู้ มาถึงก็ใส่ๆว่ากูไม่รู้เลยเหรอว่ามึงคบกับไอ้ยงกุก เป็นเพื่อนกันประสาอะไร” อูจินดูท่าทางจะเหนื่อยจากการวิ่งมาเลยเดินมานั่งบนโต๊ะของจินยองอย่างถือวิสาสะ
“แล้วพี่เขารู้ได้ไง”
“กูจะไปรู้เหรอ” อูจินหันไปตอบแดฮวี คนโดนขึ้นเสียงใส่เลยอดไม่ได้ที่จะฟาดลงที่หลังของอีกคนด้วยความหมั่นไส้ แม่งตะคอกอยู่ได้
“ตุ๊กตาหมีไง! เพราะตุ๊กตาหมีนายแน่ๆ” แดฮวีดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบหันไปเขย่าแขนของจินยองทันที ประโยคสันนิษฐานของอีกฝ่ายค่อนข้างจะมีเปอร์เซ็นสูง อาจจะเป็นเพราะแดฮวีรู้เรื่องที่ยงกุกเห็นตุ๊กตาหมีแล้วแต่ในความรู้สึกของจินยองน่าจะเป็นเพราะตุ๊กตาหมีที่ยงกุกขอเอาไปห้อยที่กระเป๋าหรือเปล่า…
“พี่เขาสองคนเป็นเพื่อนกันเหรอ” จินยองเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยเสียงที่เบามาก
“เออ เพื่อนข้างบ้านกันเลย รู้แค่ว่าสนิทกันชิบผาย” สิ้นคำพูดของอูจินดูเหมือนกายหยาบของจินยองจะไม่มีดวงวิญญาณสถิตอยู่ ทุกอย่างมันโหวงเหวงไปหมด ตัวเขาบนจนรู้สึกเหมือนลอยได้
ถ้าเขาอยู่บ้านใกล้กัน สองคนนั้นก็ต้องเจอกัน พี่จีฮุนก็ต้องเห็นตุ๊กตาที่พี่ยงกุกขอไป แล้วที่พี่ยงกุกมาขอตุ๊กตาจากเขา…
“วันนี้เอาตุ๊กตาหมีมาเปล่า… งั้นฉันขอ”
ฮือออ ไม่ชอบแบบนี้เลยยยยย!!!
_______________
จินยองแอบเหลือบมองคิมยงกุกเป็นระยะๆไม่กล้าแม้แต่จะปริปากขอกินนู่นนี่นั่นแบบที่เขาชอบทำเวลาอีกคนพาไปไหน ตุ๊กตาหมีตัวสีขาวก็ยังคงห้อยอยู่ที่กระเป๋าเป้ของยงกุกยิ่งทำให้จินยองรู้สึกหวิวในท้องจนต้องหันมองไปทางอื่น
“จินยอง”
“คะ ครับ” อาการเหม่อลอยของเขาทำให้เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยพอได้ยินอีกคนเรียกชื่อ
“ยังอยากได้หมีอยู่ไหม” ยงกุกหันมาถามด้วยสีหน้าปกติ คนฟังรู้ดีว่าอีกคนพยายามเก็บความลับอะไรบางอย่าง จะบอกว่าความลับเสียทีเดียวก็ไม่ได้เพราะยงกุกเป็นคนไม่พูดหากว่าไม่มีคนถามเขามากกว่า
“พี่ยงกุก..”
“หื้อ” จินยองคว้าชายเสื้อของอีกคนเอาไว้ยงกุกเลยต้องหยุดเดินแล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน “เป็นอะไร”
“พี่มีอะไรไม่บอกผมหรือเปล่า”
“ไม่มีหนิ” ต่อให้ยงกุกพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแค่ไหนคนฟังก็ไม่รู้สึกสบายใจอยู่ดี “ทำไม นายมีอะไรจะบอกฉันเหรอไง”
“พี่รู้จักกับพี่จีฮุนด้วยเหรอครับ” คำถามที่จินยองตัดสินใจถามออกไปทำให้ยงกุกสูดลมหายใจเข้าก่อนจะผ่อนออกเบาๆ
“มันจีบนายเหรอ”
“แต่ผมบอกพี่เขาไปแล้วนะว่าผมมีแฟนแล้ว” จินยองดูตื่นตกใจที่โดนยงกุกถามแบบนั้น คนตัวเล็กขยำชายเสื้อของอีกคนแน่นขึ้นพลางกระตุกเบาๆขณะที่กำลังทำหน้าเหมือนเด็กจะร้องไห้ “ตุ๊กตาตัวนั้นพี่จีฮุนก็ให้มา”
“ฉันรู้แล้ว”
“รู้ได้ไงอ่ะ” จินยองมองยงกุกตาใสด้วยความสงสัย เพราะเขาก็ไม่ได้บอกอีกฝ่ายสักหน่อยว่าได้มันมายังไง
“มันก็มีของมันตัวนึง”
“…”
“ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามันซื้อมาคู่นาย”
“พี่จีฮุนไม่ได้บอกสักหน่อย ผมเห็นแค่ตัวเดียวตอนพี่เขาไปส่งผม”
“นี่…” ยงกุกกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นเพื่อข่มอารมณ์ยิ่งเห็นสีหน้าตื่นตูมของจินยองที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปยิ่งแล้วใหญ่ “มันไปส่งนายถึงบ้านเลยเหรอ”
“แค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวจริงๆนะ” จินยองยกนิ้วชี้ขึ้นเพื่อบอกจำนวนครั้งด้วยท่าทางจริงจัง เขารู้สึกกลัวไปหมดยิ่งมองหน้าอีกคนก็ยิ่งกังวลไม่อยากให้อีกฝ่ายโกรธเขาทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ จินยองไม่อยากทะเลาะกับยงกุก เขาทนไม่ได้หรอกหากว่าวันนึงอีกคนไม่ยอมคุยกับเขาหรือไม่มารับเขาที่โรงเรียนมันจะต้องแย่มากแน่ๆเลย
“แล้วมันบอกเหรอว่ารู้จักฉัน”
“เปล่า อูจินเป็นคนบอก”
“ไอ้อูจินที่อยู่ทีมบาสอะนะ” ยงกุกดูแปลกใจพอได้ยินชื่อของอูจิน
“อื้อ”
“เป็นเพื่อนกันเหรอ หรือมันก็จีบนายอีกคน” สีหน้าเหลือจะทนของยงกุกเล่นเอาจินยองรีบส่ายหัวปฎิเสธยกใหญ่
“ไม่ใช่นะ อูจินเป็นเพื่อนผม”
“เพื่อนแบบไหน”
“เพื่อนแบบแดฮวีเลยอยู่กลุ่มเดียวกันแล้วอีกอย่างอูจินก็มีแฟนแล้วด้วย” สิ้นคำพูดของจินยองดูเหมือนจะทำให้อารมณ์ของอีกคนลดลง เขาพยายามรวมสติกลับมาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแฟนอูจินคือฮยองซอบเพราะจีฮุนเคยพูด ยงกุกมองหน้าเด็กตรงหน้าอยู่แปบนึงพอเห็นสีหน้าแมวหงอยของจินยองก็อดใจอ่อนไม่ได้
“นายไม่ได้ชอบไอ้จีฮุนมันใช่ไหม”
“ผมมีแฟนแล้วนะ!” จินยองดูหงุดหงิดที่โดนอีกฝ่ายถามแบบนั้น ใบหน้าดุดันที่ยงกุกเห็นแล้วเหมือนเด็กกำลังขู่ขอความเป็นธรรมเสียมากกว่าไม่ได้มีความน่าเกรมขามใดๆทั้งสิ้น
“ก็ดีแล้วไง ส่วนเรื่องตุ๊กตาฉันไม่อยากให้นายซื้อมันแล้ว”
“ถ้าพี่ไม่สบายใจผมไม่อยากใช้ก็ได้” จินยองพูดด้วยวาจาตัดพ้อที่ตัวเองจะอดใช้ของคู่กับยงกุกแต่พอได้ยินข้อเสนอใหม่ก็หลุดยิ้มออกมาจนคนเห็นถึงกับยอมแพ้ต้องยกมือขึ้นบีบแก้มไปทีนึง
“เปลี่ยนเป็นกำไลข้อมือได้ไหม”
“ก็น่าสนใจนะครับ!”
“งั้นนายเลือกแล้วกัน”
“เอาแบบสลักชื่อด้วยนะ”
“ไม่เอาดิ” จินยองที่มีน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อกี้ค่อยๆปรับสีหน้าเป็นโมทอาฆาตทันที
“ผมจะเอาสลักชื่อด้วย”
“…”
“ตัวเล็กๆ”
“ตามใจนายแล้วกัน แต่สลักด้านใน...”
“ผมจะเอาด้านนอก”
“…”
“สลักชื่อของพี่กับผม ตัวเล็กๆ ด้านนอก” จินยองแทบจะเน้นทุกคำพูดขณะจ้องหน้าคิมยงกุก คนโดนกดดันเลยได้แต่หลับหูหลับตาพยักหน้ายอมรับชะตากรรมดีกว่าอีกคนไปห้อยหมี
ไม่ยอมแฟนตัวเองแล้วจะไปยอมใครวะ
_______________
ทั้งสองคนเดินเลือกกำไลข้อมืออยู่พักใหญ่ อันที่จริงเป็นจินยองมากกว่าที่ทำการเลือกและตัดสินใจคนจ่ายเงินอย่างยงกุกทำได้แค่เดินตามเฉยๆ กำไลสแตนเลสที่ช่วงนี้ดูฮิตกันในหมู่วัยรุ่นพอสมควรคล้องอยู่ที่ข้อมือของทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วเหตุการณ์ในการเลือกกำไลวันนี้ก็ทำให้ยงกุกรู้ว่าข้อมือของจินยองใหญ่กว่าเขานิดนึงมันเลยทำให้เขาตัดสินใจเรียกจินยองว่า ‘อ้วน’ แบบแรนด้อมจนคนโดนเรียกตั้งตัวไม่ทัน นี่ตั้งแต่ออกมาจากร้านก็ไม่ได้ยินยงกุกเรียกชื่อเขาอีกเลย.. มันทำไมเหรอ หะ อ้วนแล้วไง
“อ้วน ฉันว่าตัวหนังสือมันใหญ่ไปเปล่าวะ” จินยองก้มมองดูกำไลที่ข้อมือของตัวเองสลับกับของยงกุกก็ไม่เห็นว่าตัวหนังสือมันจะใหญ่อะไรเลย สำหรับเขามันแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำ ความที่ไม่อยากให้มันมีอะไรด้านบนอะนะ..
“ไม่เห็นจะใหญ่เลย”
“ของนายดูเล็กกว่าของฉันอีก” ยงกุกว่าพลางขว้าแขนของอีกคนมายกดู
“เท่ากันนน มันจะมาใหญ่กว่าได้ไงเลือกขนาดเท่ากัน”
“ไม่เห็นเท่ากันเลย”
“เอ้า.. แล้วมาหอมแขนผมทำไม” จินยองถึงกับตัวชาวูบจังหวะที่ยงกุกก้มหอมที่แขนของเขาระหว่างที่กำลังดูกำไลอยู่
“มันใกล้ปากพอดี หมั่นเขี้ยว” เขาพูดพลางสอดนิ้วมือประสานกับมือของจินยองด้วยท่าทางสบายๆ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าคำพูดที่พูดเมื่อกี้มันกำลังเรียกเลือดให้ไหลย้อนขึ้นมาบนหน้าของจินยองด้วยปริมาณที่สูงกว่าปกติ
“ผมไม่เคยเห็นพี่พูดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“อะไร หมั่นเขี้ยวอะเหรอ” จินยองพยักหน้า ยงกุกนึกขำกับข้อสงสัยของอีกคน “ฉันก็คนนะเว้ย ส่วนใหญ่หมั่นเขี้ยวแต่พวกหมาแมวตัวอ้วนๆแต่ถ้าหมั่นเขี้ยวคนนี่นายคนแรก”
“ผมอยู่ในโซนหมาแมวเหรอ..” คนตัวสูงกว่าก้มมองอีกคนด้วยสายตาเอ็นดู เขากระชับมือที่จับอยู่ก่อนจะดึงจินยองเข้ามาแนบกับตัว
“มีแต่คนบอกว่านายเหมือนแมว”
“…”
“แต่ฉันว่านายเหมือนลูกหมูมากกว่า”
“…พี่!!”
_______________
วันนี้จินยองดูไม่ค่อยอยากกลับบ้านสักเท่าไหร่ ยิ่งได้ของแทนใจอย่างกำไลข้อมือก็รู้สึกไม่อยากห่างคนตรงหน้า จะบอกว่าติดอีกคนก็ได้ ใช่แล้ว.. ตอนนี้จินยองติดยงกุกมาก รู้สึกอยากอยู่ด้วยตลอดเวลาแต่มันก็คงได้แค่คิดเพราะถ้าเป็นแบบนั้นพี่ดงโฮได้ทุบผมตายแน่ๆ เก็บความอยากไว้กับตัวพอ แล้วอีกอย่างไม่รู้ด้วยว่าอีกคนจะรู้สึกแบบนี้กับเขาหรือเปล่าด้วย ;-;
“นั่งมองหน้าอยู่ได้ ของมาแล้วก็กินดิ” ยงกุกพูดพลางเอื้อมมือหยิบตะเกียบที่อยู่ข้างๆถ้วยของจินยองมาแกะให้ จัดวางอุปกรณ์การกินทุกอย่างเพราะอีกคนไม่ยอมขยับตัวสักที “หรืองอนที่ฉันไม่พาไปกินอะไรปิ้งๆย่างๆที่นายอยากกิน”
“อื้อ ก็บอกอยู่ว่าอยากกิน” จินยองทำหน้ามุ่ยใส่แต่จะมีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ถ้าไม่ใช่ตัวเขาเอง แค่ยงกุกพาไปกินอะไรเขาก็เต็มใจไปทั้งนั้นแหละ แต่ที่นั่งเงียบเอาแต่มองหน้าเพราะกำลังคิดเรื่องควาทสัมพันธ์ของเขาสองคนตั้งหาก ทั้งปัจจุบัน อนาคตหรือแม้กระทั่งอดีตของอีกคน
“ไว้คราวหลังแล้วกัน ปิ้งๆย่างๆของนายมันไกลฉันกลัวนายจะกลับบ้านช้าแล้วโดนว่า” ยงกุกพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้จินยอง สีหน้าตอนพูดช่างนิ่งเฉยจนไม่รู้ว่ารู้สึกผิดจริงๆหรือพูดไปงั้น บาปอะไรของจินยองวะเนี่ยที่ต้องมาชั่งน้ำหนักความจริงจากคนตรงหน้า
“พี่ ผมถามคำถามพี่ได้ปะ”
“ถ้าเรื่องเรียนขอไม่ให้ถามละกัน”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ..” จินยองจ้องหน้าอีกคนด้วยสีหน้าไม่แปลกใจเลยที่จะได้รับคำตอบแบบนั้น
“แล้วเรื่องไร”
“จำที่พี่เคยบอกผมได้ไหมเรื่องรอยสักอะ” ยงกุกทำหน้าคิดก่อนจะพยักหน้า
“ทำไมเหรอ หรือพร้อมสละครั้งแรกแล้ว”
“พร้อมบ้าอะไรละครับ” ยงกุกยกยิ้มกับท่าทางเคอะเขินของจินยองหลังจากเขาหยอกเรื่องวันนั้น “ผม.. ผมอยากรู้เรื่องพี่กับฮักนยอน” เสียงจินยองเบามากพอเอ่ยชื่อของบุคคลที่สาม คิมยงกุกที่กำลังยกน้ำขึ้นมาดื่มถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะทำตัวปกติ
“ทำไมถึงอยากรู้”
“ผมรู้มาจากแดฮวีว่าพี่คบกับฮักนยอน 8 เดือน..”
“อีก 2 เดือนก็ครบ 9 เดือน” จินยองหยุดพูดพออีกคนแทรกขึ้นมา สีหน้ายงกุกเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่ประโยคที่เขาพูดออกมาก็แอบทำให้คนฟังจุกอยู่ไม่ใช่น้อย
“พี่จำได้ด้วยเหรอเนี่ย เก่งจัง” ยงกุกเหลือบมองจินยองพลางเริ่มจัดการของกินตรงหน้า
“วันที่ฉันคบกับนายวันแรกฉันก็จำได้ ไม่เห็นแปลกเลย”
“ก็ลองไม่จำดูสิครับ”
“แล้วจะถามฉันแค่นี้อะเหรอ”
“จริงๆผมอยากถามอีกเรื่องนึงมากกว่า”
“เรื่องอะไร” จินยองสูดลมหายใจเข้าก่อนจะผ่อนออกเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง
“ฮักนยอนเคยเห็นรอยสักพี่ไหม”
“ก็ต้องเคยสิ” อยู่ๆความรู้สึกฟึดฟัดก็โถมเข้าใส่จินยองเฉย เพียงแค่คิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่เห็นรอยสักใต้ร่มผ้าของยงกุก รู้ทั้งรู้ว่าไม่แปลกที่ฮักนยอนจะเคยเห็น เขาคบกันมาเกือบ 9 เดือนเลยนะเว้ยแพจินยอง แต่ไม่รู้ทำไมมันอดหวงไม่ได้ ไอ้คนเห็นแก่ตัวววว แพจินยองคนนิสัยไม่ดี!
“เห็นแบบ.. แบบพี่แค่ถอดเสื้อหรือว่ามีอะไรกัน” คิมยงกุกเหลือบมองคนตรงหน้า เขาอดยิ้มไม่ได้ทั้งๆที่กำลังเขี้ยวอาหารอยู่ก็ต้องรีบยกน้ำขึ้นมาดื่มกลัวว่าจะเผลอหัวเราะออกมา
“จะอยากรู้เรื่องนั้นทำไม”
“พี่ก็พูดมาสิ..”
“จะให้ฉันพูดอะไร”
“พี่เคยมีอะไรกับฮักนยอนหรือเปล่า”
“แล้วถ้ามีอะไรกันแล้วนายจะทำไม” จินยองไม่รู้ว่าคำตอบของยงกุกจริงจังหรือว่าแค่อยากกวนประสาทเขา แต่ไม่ว่าจะทางไหนใจเขาก็สั่นจนอยากจะลุกขึ้นตะโกนระบายอารมณ์ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้าง ยิ่งเห็นสีหน้าทีเล่นทีจริงของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“ตอบผมอย่างเดียวไม่ได้เหรอ”
“ต้องอธิบายด้วยปะ”
“พี่ยงกุก...”
“จินยอง” เจ้าของชื่อนั่งมองหน้าอีกฝ่่ายด้วยสีหน้าบึ้งตึง ยงกุกจ้องหน้าจินยองขณะที่เอ่ยชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันจะมีอะไรกับฮักนยอนหรือไม่มีมันก็เป็นอดีต ทำไมถึงอยากฟังให้ตัวเองรู้สึกไม่ดีด้วย” คำพูดของยงกุกทำให้จินยองรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะไม่งั้นเขาจะดูงี่เง่ามากๆเพราะเขาเองที่เป็นคนเริ่มเรื่องนี้ “หรือว่านายสะดวกใจที่จะฟัง”
“แสดงว่าพี่เคยมีอะไรกับฮักนยอนแล้ว”
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นจินยอง”
“…”
“ประเด็นมันอยู่ตรงนี้” ยงกุกเคาะนิ้วที่โต๊ะเบาๆสองที พอเห็นว่าอีกคนเริ่มน้ำตาคลอเขาถึงลดเสียงลง “ตรงนี้มันมีแค่ฉันกับนาย เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยว”
“…”
“มันไม่แปลกหรอกที่นายอยากจะรู้ แต่ฉันแค่ไม่อยากให้นายเอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง รู้แค่ว่าฉันมีความสุขอยู่ตอนนี้ก็พอ”
“ครับ..” จินยองก้มหน้าลง ยงกุกรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้ไม่รู้ว่าโกรธที่เขาไม่ยอมบอกหรือว่างอนอะไรเขาเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับคางอีกคนให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“เพราะนายนะจินยอง”
“…”
“ฉันมีความสุขเพราะเด็กที่ชื่อแพจินยอง หรือว่านายไม่ได้ชื่อแพจินยอง”
“ผมชื่อแพจินยอง!” อีกคนเผลอโวยวายใส่ก่อนจะเบะปากลงรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าแทบไม่ทันแต่มันก็ไม่พ้นสายตาของยงกุก
“แล้วร้องไห้ทำไม”
“ก็พี่ดุ.. ฮึก ผมอะ”
“ฉันไปดุนายตอนไหน” กลายเป็นยงกุกที่รู้สึกใจเสีย เขาหันซ้ายหันขวาก่อนรีบลุกขึ้นไปนั่งข้างๆจินยอง มือหนารวบหัวของอีกคนมากอดพลางยีผมเบาๆ
“พี่ทำเสียงดุ” เสียงจินยองอู้อี้มากเพราะอยู่ในอ้อมกอดของยงกุกแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจน
“ฉันก็เสียงแบบนี้อยู่แล้วไหมละ”
“พี่ไม่ได้โกรธที่ผมถามใช่ไหม” จินยองเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ตาแดงๆบวกกับปากที่คว่ำลงอดไม่ได้ที่จะต้องก้มลงไปจุ้บที่ปลายจมูกเล็กๆนั่นพลางใช้มือปาดน้ำตาบนหน้เด็กงอแงแต่ดูเหมือนความอ่อนโยนจะหายไปแล้วในร่างของยงกุก คนโดนกระทำเลยมุดหน้าหนีเพราะอีกคนค่อนข้างจะปาดแรงไปหน่อยออกแนวเหมือนบดขยี้อะไรนิ่มๆด้วยความหมั่นเขี้ยวอยู่ด้วยซ้ำ ...
“โกรธทำไมวะ ถ้าคนอื่นถามก็จะโกรธแต่นี่นายถามก็เลยไม่โกรธ”
“จริงๆนะ”
“ฉันเคยโกหกนายเหรอ” จินยองส่ายหัวรัวๆ “เออ เลิกงอแงเลิกตั้งคำถามแล้วก็กินได้แล้ว”
“อื้อ”
“ฉันกลับไปนั่งที่ได้ยัง”
“ไปสิ”
“ไล่เลยนะ” ยงกุกว่าพลางย้ายกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองโดยมีสายตากับรอยยิ้มสบายใจของเด็กขี้แงมองอยู่
“พี่ยงกุก”
“อะไรอีก”
“คำว่าแพจินยองในความหมายของพี่คืออะไรเหรอ” ยงกุกจ้องมองหน้าเด็กผู้ชายที่กำลังดูดน้ำตาใสทั้งๆที่เมื่อกี้ยังร้องไห้ฟูมฟายจนเขาเกือบทำตัวไม่ถูก
“ดาวโทลบิ”
“หื้อ”
“แพจินยองก็คือฉัน”
“…”
“แค่ฉันกับนาย แค่นั้น ไม่เห็นต้องถาม”
แพจินยองในความหมายของผมคือ... ดาวโทลบิ
เป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้อง เป็นสิ่งที่ผมคิดถึง
เป็นสิ่งที่ผมอยากมองเห็นอยู่ตลอดเวลา
เป็นทุกอย่าง เป็นความรัก ...
“พี่ครับบบ”
“ไร”
“ผมรักพี่นะ”
“…”
“เจ้าดาวโทลบิ”
_____________________
เหม็นฟามรักโว้ยยยยย
ขอโทษกับความยาวของ Chapter ด้วยนะคะ แงๆ
เราเข้าใจความรู้สึกจินยองอะ พอนึกถึงแฟนเก่าของอีกคนแล้วมันจะรู้สึกโหวกๆ
อยากจะรู้ว่าเขาดีแค่ไหนกันเชียว งอแงๆ
ขอหวีดหน่อย ช่วงนี้ยงกุกมาถาโถมมาก
ทั้งถ่ายแบบ vlive โน่นนี่นั่น ห้อยยย ใจทำงานหนักมาก
พูดคุยกันใน #มบฟช นะจ้ะ
พูดถึงแท็กเราเข้าไปดูมาเห็นหลายคนแคปตอนพี่ยงกุกหื่นกามใส่น้องเสียส่วนใหญ่
คนอื่นต้องคิดว่าพี่ยงกุก กาม มากแน่ๆเลยสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน 555555
รักมากและขอบคุณที่อยู่สนับสนุนนะคะ
เรือต้องแล่นต่อไปหากใจยังชิป #กุกนยอง
ความคิดเห็น