//นิยายเรื่องนี้จะเริ่มทำการทำลายตัวเองทุกบท ยกเว้นบทนำนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป และจะเริ่มลงเนื้อหาใหม่ พล็อตใหม่ (ความจริงมันคือพล็อตต้นแบบอันแรกสุด ซึ่งเคยลงไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ้าใครติดตามไว้ตั้งแต่ช่วงนั้นอาจจะจำได้บ้าง แต่เป็นฉบับปรับปรุง) โดยเนื้อหาใหม่จะเน้นความเป็นไทยเดิมมากขึ้น ดำเนินเรื่องให้สมดุลมากขึ้น(ไม่เน้นหนักไปที่จอมเวทจนเกินไป) รวมทั้งเน้นความสัมพันธ์กันของตัวละครมากขึ้นอีก ทั้งด้านครอบครัว และด้านความรัก(พล็อตใหม่มีนางเอกลงเอยแน่นอน แต่ไม่เน้นฉากรักใคร่)//
Cr. teety-pairoj.blogspot.com รูปฝึกฝีมือของคุณไพโรจน์
สำหรับผู้ที่หลงเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องน้อยๆ เรื่องนี้ของกระผม ไม่เลื่อนผ่านไปเหมือนก้อนหินริมทาง
อย่างไรก็ตามข้อมูลคร่าวๆ สำหรับประกอบการตัดสินใจว่าจะกดอ่านบทแรกดีหรือไม่นั้น อยู่ข้างล่างแล้วนะครับ ผมจะไม่โฆษณาใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้นักอ่านที่ไม่สนใจเนื้อเรื่องแนวๆนี้ เสียเวลาและเสียค่าเน็ตไปฟรีๆ แต่ผมจะกล่าว(พิมพ์) อย่างจริงใจให้ตรงกับสิ่งที่นิยายเรื่องนี้เป็นที่สุด
นิยายเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากไอเดียที่พยายามจะนำเอาอิทธิพลต่างๆจากวรรณคดีไทย มาเขียนใหม่ ในเนื้อเรื่องใหม่ ให้มีความเป็นแฟนตาซีตะวันตก โดยยกเอามาเฉพาะ อิทธิพลต่างๆเท่านั้น เช่น เผ่าพันธุ์ที่พบได้บ่อยๆ อย่างยักษ์,เงือก,กินรี,คนธรรพ์.. เรื่องราวของเวทมนต์ คาถา คำสาปและของขลัง... สถานที่บางที่ซึ่งพบบ่อย เช่น ป่าหิมพานต์ เมืองลับแล... รวมทั้งกลิ่นอายของไทยเดิมเพียงแต่ใส่ความเป็นแฟนตาซีอย่างเต็มขั้น
จะไม่มีการกล่าวถึง ชื่อบุคคล เหตุการณ์ หรือสิ่งต่างซึ่งมีอยู่จริง หรือเป็นตัวละครในวรรณคดีใดๆทั้งสิ้น เพราะอย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่านิยายเรื่องนี้คือการสร้างขึ้นใหม่ เนื้อเรื่องใหม่ โลกใหม่ทั้งหมด
นิยายเรื่องนี้ไม่ Y แต่ไรต์ไม่คิดมาก อยากจะจิ้นใครกับใคร ยังไง ตามสบาย
นิยายเรื่องนี้ไม่ ฮาเร็ม แม้จะมีบริบทอยู่ในยุคที่ผู้ชายสามารถมีภรรยา(เมีย)ได้หลายคนก็ตาม ยังคงมีเรื่องรักๆ ไคร่ๆ แต่น้อย
ตัวเอกของนิยายเรื่องนี้เก่ง แต่ไม่เทพทรูและต้องใช้เวลาพัฒนา ไรต์วางแผนการเติบโตของตัวละครเอาไว้แล้วและหวังจะให้คนอ่านรู้สึกถึงความเก่งของตัวเอกในฐานะคนที่พยายามและเรียนรู้ เป็นความเก่งจาก สิบสู่ร้อย และไม่ใช่เก่งไปซะทุกอย่าง
ตัวเอกแพ้เป็น ชนะได้
นิยายเรื่องนี้ไม่ลงเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนกับหลายๆ เรื่อง แต่จะลงเมื่อเขียนจบครบทั้งตอน ตามตารางที่ได้แจ้งล่วงหน้าไว้ หากเขียนไม่ทันตารางจริงๆด้วยเหตุผลข้ออ้างอะไรก็ตาม จะมีการแจ้งล่วงหน้าก่อนวันลงนิยายในตารางอย่างน้อยหนึ่งวันเสมอ แต่ผมจะไม่มีทางลงนิยายที่ยังเขียนไม่จบตอนไปแบบครึ่งๆ กลางๆ เด็ดขาด
ตารางการลงนิยาย
ส่วนเสริมเพิ่มเติมความเข้าใจ
ระบบธาตุ
(พลังเวทในเรื่องนี้จะเรียกว่า พลังภูตะ หรือ ภูตธาตุ หรือ พลังธาตุ ขึ้นอยู่กับความเคยชินของตัวละครที่พูด)
ธาตุพื้นฐาน มีอยู่ 4 ธาตุด้วยกันคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นหน่วยพื้นฐานที่สุดของพลังเวทมนต์ในธรรมชาติ
โดยมีอีก 2 ธาตุเป็นธาตุผสม
คือ สายฟ้า(ไฟ
ผสม ลม) และ
ไม้ (น้ำผสมดิน)
เมื่ออยู่รวมกันครบ 6 ธาตุจะเรียกว่า
วัฎธาตุ
ธาตุทั้งหมดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มรูปธาตุ (น้ำ
ดิน ไม้) จับต้องได้
และ อรูปธาตุ (ไฟ
ลม สายฟ้า) จับต้องไม่ได้
ธาตุข่ม
หมายถึงธาตุที่ได้เปรียบอีกธาตุหนึ่ง
(ทำให้ลดประสิทธิภาพหรือหักทำลายลงไป)
คือ
ลมข่มดิน ดินข่มสายฟ้า
สายฟ้าข่มน้ำ น้ำข่มไฟ
ไฟข่มไม้ ไม้ข่มลม
ธาตุอริ
หมายถึงธาตุที่เป็นขั่วตรงข้ามกัน
ลม-น้ำ
ไฟ-ดิน
ไม้-สายฟ้า
เมื่ออยู่รวมกันมีโอกาศเกิดผลได้สองทาง
คือ ทั้งสองธาตุจะอ่อนกำลังลง
หรือ ทั้งสองธาตุอาจแข็งกำลังขึ้นพร้อมกัน
ขึ้นอยู่กับธาตุข่มที่แวดล้อมอยู่
อัสนี้=สายฟ้า ปฐวี=ดิน วาโย=ลม รุกโข=ไม้ เตโช=ไฟ อาโป=น้ำ
รูปเสริมความเข้าใจ จากตำราวิชาวัฎธาตุ ที่ดินเรียน
รูปแบบของเวทมนต์
คาถา- อาคม-
อักขระยันต์
คาถา-
คาถาคือเวทมนต์ที่จำเป็นต้องมีคำร่าย
หรือคำสวด
เพื่อเป็นตัวกลางให้พลังเวทเปลี่ยนสภาพแสดงผลออกมาได้
โดยเวทมนต์จำพวกคาถาจะให้ผลที่มีประสิทธิภาพแน่นอน
ไม่แปรผันตามความสามารถของผู้ร่าย
เพราะต้องใช้พลังเวทเท่ากันและต้องร่ายคำเดียวกัน
แต่คาถานั้นมีหลากหลายตั้งแต่คาถาชั้นต้นใครก็ร่ายได้
ไปจนถึงคาถาระดับมหาจอมเวทเท่านั้นที่ร่ายได้(คาถาระดับมหาจอมเวทมักจะต้องใช้พลังภูตธาตุที่จำเพาะเจาะจงอย่างใดอย่างนึ่งจำนวนมหาศาล
จอมเวทชั้นเอกทั่วไปจึงร่ายไม่ได้เพราะพลังธาตุไม่มากพอ)
อาคม-
อาคมคือเวทมนต์ที่ร่ายออกได้ทันที
ไม่จำเป็นต้องมีคำร่าย
อาคมส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงพลังเวทมนต์ที่ไหล่อยู่ในตัวให้แสดงผลออกมา
โดยที่อาคมส่วนใหญ่นั้นจะแสดงผลออกมาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ร่าย
รวมทั้งพลังภูตะธาตุที่ใช้
อาคมหลายชนิดจึงถูกแบ่งเป็นขั้นของการฝึกฝน
อักขระยันต์-
อักขระยันต์ถือเป็นเวทมนต์ที่ใช้พลังภูตะธาตุในร่างกายน้อยที่สุด
แต่ควบคุมให้เกิดผลยากที่สุด
โดยที่การแสดงผลทางเวทมนต์ของยันต์นั้นจะขึ้นอยู่กับอักขระที่เขียนเป็นสำคัญ
อักขระที่เขียนขึ้นจะเป็นตัวกลางคล้ายกับคาถา
แต่มนต์ที่แสดงผลจะมีข้อแม้
และข้อจำกัดหลายอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของอักขระนั้นๆ
แต่ด้วยความที่ใช้ยากและให้ผลที่ไม่ดีเด่อะไรนักทำให้ไม่ค่อยมีคนใช้มากนัก
รวมทั้งยิ่งมีผุ้ใช้น้อนลงก็ทำให้เรียนรู้ได้ยาก
จนในที่สุดก็กลายเป็นศาสต์ที่สาบสูญไป
เหลือบันทึกไว้เพียงแค่ในตำราไม่กี่เล่ม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น