ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF OS ; BTS ) ✩ Zillion HOPE ( all x j-hope )

    ลำดับตอนที่ #15 : (sf) Devil Beside #epilogue | rapmonster x j-hope

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 58


    Devil  Beside

    -Epilogue-

    13.10.15

     


     

     

     

               

    ...จองกุก...

    ดูแลท่านแม่ให้พี่ด้วย.....

     

    เฮือก!

    เด็กหนุ่มที่บัดนี้เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้วผุดกายลุกขึ้นนั่งพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน  เจ้าของชื่อ จอกุก ยกมือขาวที่สั่นเทาของตนลูบเบาๆที่หน้าอกหวังให้อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำนี้เบาบางลงบ้างก็ยังดี

    ดวงตากลมทรงเสน่ห์เบือนออกไปที่นอกหน้าต่างห้องบรรทม  ดวงจันทร์สีเลือดดวงเดิมยังคงลอยนิ่งอยู่ตรงนั้นดังเช่นที่มันเป็นมานับหมื่นๆปี

    ยามที่สติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ก็อดที่จะย้อนนึกถึงเสียงหวานที่แสนคุ้นเคยในห้วงความฝันไม่ได้  เสียงหวานที่ตราตรึงลงไปในทุกอณูของความทรงจำเฝ้าวนเวียนหลอกหลอนในทุกช่วงแห่งความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    เอ่ยรำพึงรำพันถึงถ้อยคำเดิมๆที่ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขาเพียงสักนิด  แต่กระนั้นเจ้าของเสียงหวานนั้นก็ไม่ยอมรามือจากไปไหน เขายังคงเอ่ยย้ำซ้ำราวกับจะสร้างความมั่นใจให้กับตนเองว่าจะได้รับสิ่งที่ตนต้องการจริงๆ

    รุ่งอรุณมาถึงในที่สุด ท้องฟ้าที่เคยมืดสนิทกลับสว่างไสวสวยงาม  หากแต่ดวงจันทร์สีเลือดก็ยังคงลอยเด่นอยู่ท่ามกลาท้องฟ้าเฉกเช่นเดิม  ที่โลกปีศาจก็เป็นเช่นนี้...ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนพวกเขาก็จะมองเห็นดวงจันทร์ดวงโตได้อย่างชัดเจนเสมอ

    ก๊อกๆ

    มือขาวออกแรงเคาะแระตูไม้เนื้อดีเบื้องหน้าเบาๆสองสามครั้งอย่างมีมารยาท  แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงเอ่ยตอบกลับมาสักนิด...ก็เป็นเฉกเช่นเดิม  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกี่ปี  เสียงขานรับเบื้องหลังบานประตูก็ไม่เคยเล็ดรอดออกมาแม้สักครั้ง

    “ขอประธานอภัยครับท่านน้า...”เสียงทุ้มของผู้มาใหม่เรียกให้ร่างโปร่งบางของใครบางคนที่นั่งทอดมองผืนฟ้าเบื้องหน้าอย่างนิ่งงันต้องหันกลับมาให้ความสนใจ

    หญิงวัยกลางคนในเครื่องทรงสีขาวปลอดและเรือนผมสีดำขลับคือเจ้าของห้องคนปัจจุบัน  ดวงตาคู่สวยและนัยน์ตาสีเงินยวงที่แสนคุ้นเคย  ริมฝีปากบางสีสวยที่กำลังแย้มรอยยิ้มบางๆแสนงดงามให้กับเขาชวนให้หวนนึกถึงใครบางคนที่จากไปนานแสนนาน

    “อรุณสวัสดิ์ครับ...อีกเดี๋ยวผมจะให้คนยกอาหารเช้าเข้ามาให้นะครับ...”ท่านน้าของเขาไม่ได้ตอบอะไร  ใบหน้าที่ยังคงงดงามเสมอแม้เวลาจะล่วงเยไปนานเท่าใดยังคงแย้มรอยยิ้มบาง  มันงดงามเหนือคำบรรยาย  แต่กลับไร้ซึ่งชีวิตชีวา...

    ...ความงดงามที่นิ่งสงบราวกับรูปปั้นจากปฏิมากรชั้นหนึ่ง....

    “นางกำนัลบอกผมว่าท่านน้าไม่ยอมทานอาหารมาสองวันแล้ว  มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีแดงเพลิงน่ายำเกรงในฉลองพระองค์เต็มยศเดินตรงเข้าไปหาใครอีกคนช้าๆ  แววดาที่ดุดันเสมอยามทอดกายนั่งบนบัลลังก์แปลเปลี่ยนเป็นแววตารักใคร่และเสียในทียามเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีตรงหน้า

    “...หากท่านน้าไม่ยอมทานอาหารจนล้มป่วยขึ้นมา...ผมรับรองว่าพี่โฮซอกจะ....”

    จองกุก...”กำลังจะเอ่ยโน้มน้าวให้ท่านหญิงตรงหน้ายอมทางข้าวสักมื้อริมฝีปากได้รูปก็ต้องชะงักลงก่อนเมื่อนำเสียงหวานที่ไม่ได้ยินมาหลายปีเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆจากริมผีปากสีสวยนั่น

    “...ครับ?”ถึงจะประหลาดใจเพียงใดที่วันนี้ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง  แต่ชายหนุ่มก็ยังรับคำอย่างมีมารยาทเฉกเช่นที่ควรทำ

    “...เมื่อไหร่เราจะปล่อยให้น้าไป...”น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยถามแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้มบาง  หากแต่สำหรับคนฟังแล้วประโยคนั้นมันไม่ได้งดงามอย่างภาพที่เห็นเลยแม้แต่น้อย

    “...ผมสัญญากับพี่โฮซอกไว้ว่าจะดูแลท่านน้าให้ดี...”

     

    “...แต่น้าอยากไปหาโฮซอก...”น้ำเสียงหวานและแววตาเว้าวอนของสตรีตรงหน้าเรียกให้ดวงใจกล้าแกร่งของผู้ที่เป็นถึงราชาปีศาจถึงกับสั่นไหว  ดวงตากลมทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงช้าๆเพื่อควบคุมอารมณ์ของตนให้คงที่

    ...จะได้ไม่พลั้งเผลอทำอะไรที่ไม่สมควรออกไปอีก...

    “...ต้องขออภัยด้วยครับท่านน้า...ผมต้องรักษาสัญญาสุดท้ายที่ให้ไว้กับพี่โฮซอก...”

    ...ในความฝันทุกๆคืน...

    “...ไม่ต้องแล้วล่ะจองกุก...”รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นอีกครั้งบนเรียวปากสวยของคนที่มีศักดิ์เป็นน้าในความรู้สึก  แต่ครั้งนี้รอยยิ้มนั่นมันกลับทำให้ราชาปีศาจรู้สึกแปลกไป  จากว่าหวาดกลัวก็ไม่ใช้  หากจะเป็นการหวั่นเกรงก็ไม่เชิง...

    ...แต่บางอย่างกำลังร้องบอกว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว...

    ...อะไรบางอย่างที่เกินกว่าสิ่งที่เขาจะคาดคิด...

    ...อะไรกันนะ?...

     

    “...เมื่อคืน....โฮซอกมาหาน้า...”

    “...”

    “เขาบอกว่าเขา...กลับมาแล้ว....”

     

    Devil  Beside

     

    เสียงครืดคราดของผืนดินที่แยกตัวดังเข้ามาในโสตประสาทอย่างไม่เป็นจังหวะ เสียงมันดังราวกับฟ้าผ่าก็ไม่ปาน  แต่กระนั้นก็ไม่อาจดึงชายหนุ่มร่างสูงที่จมลงสู่ห้วงคิดของตนให้กลับออกมาสู่โลกความจริงได้เลยแม้สักนิด

    เขากลับมาแล้ว

    ถ้อยคำเมื่อยามรุ่งสางของหญิงวัยกลางคนเจ้าของใบหน้างดงามและนัยน์ตาสีเงินแสนสงบนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่ละออกไปไหน

    ยอมรับอย่างไม่อาย...เมื่อยาวที่ได้ยินประโยคนั้นความรู้สึกหนาววาบก็แล่นริ้วไปทั่วทั้งร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ  จองกุกไม่ปฏิเสธว่าคำพูดนั้นไร้มูลความจริงแค่ไหนเพราะเขาเองนี่แหละ....

    ...เขาเองที่ยืนมองร่างทั้งสองร่างหายลับไปในเปลวเพลิงสีดำสนิทนั่น...

    ...ไม่เหลือแม่แต่ร่องรอยใดๆให้ได้เก็บกลับไปเพื่อจัดพิธีศพให้สมเกียรติของผู้ที่จากไปเลยสักนิด...

    แล้วครั้งจะบอกว่าคนคนนั้นกำลังจะกลับมา...ไม่สิกลับมาแล้วหลังจากที่จัดงานศพกันใหญ่โตผ่านไปกว่าเจ็ดปีอย่างนั้นหรือ?

    ...ช่างไร้สาระนัก...

    แสงสว่างแรกของพื้นพิภพลอดผ่านรอยแยกของผืนดินเบื้องบนลงมาช้าๆ  ขายาวภายใต้กางเกงสแลกเนื้อดีก้าวช้าๆไปตามขั้นบันไดหินสลักสวยงาม  ใช้เวลาเพียงไม่นานสายลมเอื่อยๆของโลกมนุษย์ก็หอบเอากลิ่นของทุ่งหญ้ากว้างเข้ามาปะทะกายตน

    ดวงตาทรงเสน่ห์หรี่ลงเล็กน้อยเพื่อปรับสภาพให้สามารถมองเห็นในแสจ้าได้อย่างไม่ระคายดวงตานัก  กลิ่นของความมีชีวิตชีวาของโลกมนุษย์ช่างสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับชายหนุ่มได้เป็นอย่างดีทีเดียว

    ...ต่างจากโลกปีศาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตายและดวงวิญญาณเพียงเท่านั้น  หากถามว่าตัวเขาพึงพอใจกับกลิ่นอายแบบไหนมากกว่าจองกุกก็คงไม่อาจตอบได้...

    ..เพราะเขานั้นชื่นชอบพวกมันทั้งคู่...

    ยังจำได้ดีถึงครั้งเยาว์วัยที่เด็กชายจองกุกตัวน้อยเดินต้อยๆตามพี่ชายจอมซนอย่างโฮซอกขึ้นมาบนพื้นพิภพ  ลักลอบกันขึ้นมาเพียงสามสหาย  จองกุก โฮซอก และจีมิน...

    เด็กชายผมแดงตัวเล็กที่แสนซุกซนแต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความใส่ซื่อเมื่อครั้งเก่าก่อนเติบใหญ่จนกลายเป็นองครักษ์มากฝีมือ  จองกุกจำได้ดีว่าเจ้าของรอยยิ้มกว้างและดวงตาเรียวรีคู่นั้นน่ารักมากเพียงใดยามที่เจ้าตัวหัวเราะ

    ...ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รู้สึกหลงรักและไม่อาจละสาตาจากใบหน้าน่ารักของคนต่ำศักดิ์กว่าได้...รู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักลงไปจนหาทางขึ้นไม่ได้เสียแล้ว...

    ในคราแรกที่จองกุกตระหนักได้ถึงปัญหาที่จะตามมาหากพี่ชายตัวบางของเขาขึ้นครองบัลลังก์เขาใช้เวลากว่าสองปีในการยอมรับมัน...

    ประชาชนมากมายยึดถือเรื่องสายเลือดและชาติพันธุ์มากกว่ากฎมลเทียรบาลเสียอีก  แล้วหากว่าท้ายที่สุดแล้วกฎที่เปรียบเสมือนบรรทัดฐานของสังคมถูกมองข้าม  ไม่มีใครที่คิดจะทำตาม....

    ...เมื่อถึงตอนนั้นเผ่าพันธุ์ของเขาจะอยู่เช่นไร...

    ...ประชาชนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อสังคมเกิดขาดระเบียบ...

    ...ยุคแห่งการแย่งชิงและเข่นฆ่าจะไม่กลับมาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?...

    นั่นแหละที่ทำให้จองกุกตัดสินใจ....ตัดสินใจในสิ่งที่ทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิต  จองกุกไม่คิดว่าเรื่องที่ลงมือทำไปนั้นเป็นสิ่งผิดพลาด  เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะลงมือทำและนั่งอมยิ้มรับผลของมันได้...

    ...แต่สิ่งที่ถูกต้องกับความต้องการของเขา...

    ...อย่างไหนกันล่ะที่ควรเลือกเก็บเอาไว้...อย่างไหนกันล่ะที่ต้องละทิ้งไป...

    แต่ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้เด็กหนุ่มจองกุกในตอนนั้นจึงจำต้องช่างน้ำหนักโดยเอาตำแหน่งแหละหน้าที่ตอนนั้นขึ้นมาใช้...

    ...สิ่งมีชีวิตทั้งหมดย่อมเกิดมาพร้อมกับหน้าที่  แล้วตัวเขาเล่า?  เกิดมาพร้อมกับหน้าที่หรือไม่?

    หากเป็นเช่นนั้นแล้วหน้าที่ที่ว่านั้นคืออะไร?

    จองกุกได้คำตอบในวันก่อนที่ผู้เป็นบิดาจะสิ้นพระชนม์และเรียกเขาเข้าไปพบ...

    ดูแลประชาชนของเราด้วย...ให้พี่ชายของเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่าที่เขาเลือก...เจ้าก็เช่นกัน...

     

    นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายที่ออกจากปากของผู้เป็นบิดา  ราชาปีศาจผู้ซึ่งกำลังประชวรหนักและต้องการมอบบัลลังก์ให้กับใครสักคนเพื่อให้ตนได้จากไปอย่างเป็นสุข

    ...และจองกุกคิดว่านั่นเป็นเขา...

    ให้โฮซอกได้ใช้ชีวิตอย่าที่เขาต้องการ....

    จองกุกยึดถือสิ่งนั้นเป็นหลัก....เขาเองก็เช่นกัน  หากโฮซอกมีความสุข  จีมินก็จะมีความสุข...และหากจีมินมีความสุข  จองกุกก็เช่นกัน....

    หากการที่โฮซอกไม่กลับมายังโลกปีศาจหลายร้อยปีเช่นนี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าความสุขของพี่ชายเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

    ...หากความสุขของโฮซอกคือการใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน  จองกุกก็จะสืบทอดบัลลังก์ให้เอง...

    ...แต่การเจรจามันไม่เป็นเช่นนั้น  สภาปีศาจไม่ยอมให้เขาขึ้นครองบัลลังก์หากยังมีโฮซอกอยู่...ไม่สิ  ตาเฒ่าพวกนั้นไม่ยอมให้ใครครองบัลลังก์ทั้งนั้นหากยังมีโฮซอกอยู่...

    ...พูดให้ถูกคือไม่ยอมให้แม้แต่โฮซอกได้ครองบัลลังก์...

    ...บอกแล้วว่าพวกหัวโบราณยึดถือกับเรื่องชาติพันธุ์มากกว่าที่คิด...

    ...อาจจะถือว่าเป็นความผิดของเขาส่วนหนึ่งก็ว่าได้  ตั้งแต่ครั้งเมื่อเยาว์วัยแล้วที่จองกุกได้รับรู้ว่าไม่ค่อยมีคนพอใจกับการมีอยู่ของพี่ชายต่างมารดาคนนี้เท่าไหร่นัก  แต่เพราะโฮซอกยังคงเป็นโฮซอกที่ร่าเริงเสมอเขาจึงได้วางใจ....

    ...วางใจว่าพี่ชายของเขาจะอยู่ได้อย่างสงบสุขในบ้านของเรา  เพียงแต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น  การหนีออกจากบ้านไปกว่าร้อยปีนั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่ชายของเขาคงจะหมดความอดทนลงเสียแล้ว...

    ...จองกุกไม่มีทางเลือกเพราะในการประชุมไม่มีใครสนับสนุนการขึ้นครองบัลลังก์ของเขาโดยที่โฮซอกยังมีชีวิตอยู่  ทุกเสียงลงมติให้กำจัดพี่ชายต่างมารดาคนนี้ทิ้งเสีย...และสภาก็อยากให้โฮซอกจากไปเงียบๆเสียด้วยซ้ำ...

    ...จองกุกเลยอาสาทำงานนี้ด้วยตนเอง  อาจจะดูเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่คิดจะเอาหน้าจากการสังหารพี่ชายตนเอง  แต่เป็นเขาที่ลงมือไม่ดีกว่าหรือ  การจากไปของพี่ชายคงไม่ต้องทรมาณนัก  และหลังจากไปแล้วถ้อยคำสุดท้ายของพี่ชายจะได้รับการทำตามแน่นอน...

    ...และสุดท้าย เพื่อรักษาชีวิตจีมินและท่านน้าผู้เป็นมารดาของโฮซอกเอาไว้...

    ...ไม่ว่าอย่างไรจองกุกก็ต้องขึ้นเป็นผู้ครองบัลลังก์ให้ได้...

    การปล่อยให้มีคนจากสวรรค์อยู่ในปราสาทมืดแบบนี้ไม่ค่อยมีคนเห็นด้วยมากนักหรอก...แต่ที่ทำอะไรไม่ได้เพราะมีบิดาของเขา  ราชาปีศาจคอยปกป้องอย่างไรเล่า....

    ...จองกุกตัดสินใจเชื้อเชิญจีมินมาร่วมมือกับเขาเพื่อคิดหาทาง  บางทีพวกเขาอาจจะแกล้งปลิดชีวิตโฮซอกแล้วพาพี่ชายของเขาไปหลบภัยก่อนได้....

    ...แต่ทันทีที่เขาเอ่ยคำว่าปลิดชีวิตโฮซอกขึ้นมา  จีมินก็ไม่คิดจะฟังประโยคถัดไป  ชายหนุ่มผมแดงมองเขาด้วยสายตาผิดหวังแล้วเอาแต่พร่ำบอกว่าจองกุกนั้นช่างชั่วร้าย  พร่ำบอกว่าเขาไร้หัวใจแค่ไหนที่คิดจะสังหารพี่ชายของตนเอง

    ท่านไม่คู่ควรกับการเกิดมาเป็นน้องชายขององค์ชายโฮซอกเลยจริงๆ

    ประโยคนั้นของจีมินดังก้องไปทั่วทั้งโสตประสาท  จองกุกจำได้ดี...จำได้ว่าตอนนั้นเขาโกรธเกรี้ยวแค่ไหน  จำได้ว่าโกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือกับจีมิน  โกรธจนเกือบจะฆ่าคนตัวเล็กกว่าให้ตาคามือ

    ...จองกุกผู้ไม่เคยอยู่ในสายตาของจีมินเลยสักนิด

    ...ต่างจากโฮซอกที่เปรียบเสมือนแสงสว่างของปีศาจตัวน้อยๆอย่างจีมินเสมอ...

    เด็กหนุ่มจองกุกในอดีตรู้ตัวตอนนั้นเองว่าตนเป็นคนขี้อิจฉาเพียงใด  อิจฉาที่คนที่รักเลือกพี่ชายของเขาแทนที่จะเป็นเขา...

    ...นั่นแหละที่ทำให้เขาตัดสินใจลั่นวาจาออกไปว่าจะไม่มีวันยกบัลลังก์นี้ให้กับใคร...และจะไม่มีวันปล่อยให้โฮซอกมีชีวิตอีกต่อไปแน่นอน....

    ...จีมินหนีห่างจากเขาไปได้ด้วยสภาพที่สะบักสบอมไปหมด  ยามที่เห็นคนตัวเล็กดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีไปนั่นแหละที่จองกุกเพิ่งจะรู้ตัว....

    จีมินผ่านเข้ามาในหัวใจโดยไม่ทันตั้งตัว....

    ...และก็จากไปโดยไม่ทันได้เตรียมใจเช่นกัน...

    ...จากไปทั้งที่ยังเข้าใจว่าเขาชั่วร้ายเพียงใด...โดยที่จองกุกยังไม่ทันได้แก้ต่างให้ตนเองเลยสักนิด....

     

    ...วันนี้คือวันครบรอบเจ็ดปีจากเหตุการณ์วันนั้น...

    ...วันที่จองกุกสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งสองคน...

     

    สายลมเย็นๆที่พักผ่านไปหน้าพาให้เรือนผมสีดำสนิทของชายหนุ่มพลิ้วไหวไปตามแรงลม  เปลือกตาขาวค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าเมื่อดวงตาของเขาปรับกับแสงสว่างได้แล้ว  กลิ่นความมีชีวิตชีวาลอยอบอวลไปทั่วจนอดไม่ได้ที่จะต้องสูดกลิ่นอายเหล่านั้นเข้าไปให้เต็มปอด

    ถนนที่เคยผุพังอย่างไรเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น  สภาพรกร้างของถนนสายนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักสำหรับเขา  เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาจองกุกให้ปีศาจรับใช้มาคอยเฝ้าวนเวียนไม่ห่าง  หากพวกมนุษย์จะคิดว่ามันเป็นถนนผีสิงที่ทำมาค้าขายอะไรก็ไม่รุ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

    มองไปทางซ้ายมือก็พบถนนตัดใหม่ที่เลี่ยงบริเวณนี้ไปเล็กน้อยแล้วก็คิดว่ามนุษย์นี่ก็ไม่เคยหยุดหาทางเอาชีวิตรอดเลยสักนิด  อาจะเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้กระมังพวกมนุษย์จึงได้ค้นพบทางออกของปัญหาได้เสมอ...ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอันแสนสั้นนั้นในการไขปัญหาบางข้อก็ตาม...

    ...น่าอิจฉาไม่น้อย...

    ดวงตากลมทรงเสน่ห์ทอดมองรอยแตกของพื้นถนนที่บัดนี้เต็มไปด้วยวัชพืชที่ชอนไชขึ้นมาตามการเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป  ไล่สายตาถัดไปอีกเพียงน้อยนิดก็พบกับแนวป่ารกที่ยังไม่มีใครคิดเข้ามาดูแล

    ไม่ต้องให้ใครเอ่ยบอกชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทและดอกกุหลาบสีดำสนิทในมือก็ก้าวเดินตรงไปยังทิศทางที่เคยคุนกว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาทันที

    ใช้เวลาไม่นานร่างของเขาก็เดินลัดเลาะเข้าไปตามแนวป่าทึบจนเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังเข้ามาในโสตประสาทผะแผ่ว  ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างเข้าไปในแนวป่าภาพเหตุการณ์เมื่อวันวานก็ลอยเข้ามาในหัวทุกครั้ง  ทั้งเสียงกรีดร้องหรือแม้แต่เสียงกรีดร้อง

    ...นี่กระมังที่เขาว่า ไม่มีผู้ชนะในสงคราม ทุกการสูญเสียทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้เสมอ ไม่ว่ากับใครก็ตาม...

    ...การได้ครองบัลลังก์อย่างที่หวังไม่ใช่สิ่งที่มีความสุขเลยสักนิด...

    เสียงน้ำตกที่ดังชัดเจนขึ้นและแสงสะท้อนจากโลหะบางอย่างเป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานเขาจะถึงที่หมายแล้ว  คันธนูทองแดงของใครบางคนถูกปักทิ้งไว้ตรงนั้น  ทิ้งเอาไว้ตรงที่ร่าเล็กของใครบางคนเคยนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

    ....ที่สุดท้ายสำหรับลมหายใจของคนที่เขารัก...

    รองเท้าหนังคู่งามชะงักลงเล็กน้อยเมื่อพบความผิดปกติของอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขา  ท่ามกลางป่ารกร้างที่น่าจะไร้ซึ่งผู้คนกลับมีร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น  ร่างสูงสมส่วนของใครบางคนที่คุ้นตาอย่างน่าประหลาด

    ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นอยู่ในชุดสูทเรียบๆไม่ได้เป็นพิธีการมากนักแต่มันก็เป็นการแต่งกายแสนสุภาพ  เรือนผมสีเงินนั่นช่างแปลกตายิ่งนัก  มันสว่างไสวท่ามกลางความมืดทึบของผืนป่า

    จองกุกมองเห็นชายหนุ่มคนนั้นขยับปากเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่าง  แต่ทว่ามันกลับแผ่วเบาจนเขาไม่สามารถจับใจความได้  ร่างสูงนั้นย่อกายลงส่งมอบช่อดอกลิลลี่สีขาวที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามพร้อมกับริบบิ้นสีแดงสวยเฉกเช่นเดียวกับเรือนผมของใครบางคน  เขาวางมันไว้เคียงข้างกับคันธนูทองแดงปักเอาไว้ตรงนั้น

    “วันนี้ท้องฟ้าเหมือนจะร้องไห้นะครับ”เสียงทุ้มจากใครอีกคนเรียกให้จองกุกไหวกาย  เมื่อพบว่าบทสนทนานั้นดูเหมือนจะเอ่ยกับตนชายหนุ่มก็ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปยังที่หมายของตนทันที

    “มันก็ร้องไห้อยู่ทุกวันนี่ครับ”จองกุกเอ่ยตอบ  ชายหนุ่มทรุดกายลงวางช่อกุหลาบสีนิลกาลลงเคียงข้างกับช่อดอกลิลลี่นั้นช้าๆ  เขาปิดเปลือกตาลงอธิฐานอะไรอีกเล็กน้อยก่อนจะหยัดกายขึ้นแล้วถอยห่างออกมาสามสี่ก้าว

    “..ท้องฟ้าร้องไห้...หรือคุณมองเห็นว่ามันร้องไห้กันครับ?”คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนั้นเรียกให้รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนเรียวปากสีสวยของราชาปีศาจคนปัจจุบัน 

    ...นั่นสินะ...

    ท้องฟ้าร้องไห้...หรือเขากันแน่ที่ร้องไห้....

    “...วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ท้องฟ้าจะร้องไห้นะครับ...”เสียงทุ้มที่เคยคุ้นจากร่างสูงข้างกายไม่ได้เรียกให้ชายหนุ่มไหวกายได้เท่ากับประโยคต่อมาที่ดังขึ้นจากริมฝีปากหนานั่น

     

    “...ว่าอย่างนั้นมั๊ยจองกุก...”

     

    ดวงตากลมทรงเสน่ห์ของราชาปีศาจตวัดมองผู้พูดอย่างรวดเร็ว  และทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนเข้ามาในคลองสายตาความหนาวยะเยือกก็แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย  ราชาหนุ่มปฏิเสธไม่ได้ว่าในขณะนี้เขารู้สึกพรั่นพรึงแค่ไหน

    “...คุณ...!”ถึงจะพบกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่จองกุกไม่มีทางลืมใบหน้าของคนคนนี้ได้แน่นอน  ใบหน้าของมนุษย์คนสุดท้ายที่เขาพบเจอ  ใบหน้าของคนรักต่างเผ่าพันธุ์ของพี่ชายเขา

    ...ใบหน้าของชายคนที่เขาเห็นว่าจบชีวิตลงด้วยคมดาบและเปลวเพลิงสีดำไปพร้อมๆกับผู้ลงมืออย่างพี่ชายเขา...

    “...ผมบอกคุณแล้วว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ท้องฟ้าจะร้องไห้...”รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากของอีกฝ่าย  แต่ทว่านั่นมันกลับน่าขนลุกเสียจนจองกุกยังต้องยอมรับ

    ...คนตรงหน้านี้เป็นมนุษย์แน่หรือ?...

    ...มนุษย์ที่สร้างความพรั่นพรึงให้กับปีศาจแบบนี้มีด้วยอย่างนั้นหรือ?...

    “...ดวงอาทิตย์....กลับมาแล้ว”เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนเปลวเพลิงสีดำจะลุกท่วมแผดเผาดาบโลหะเล่มใหญ่ที่ถูกปักทิ้งไว้เคียงค้างกับคันธนูทองแดงเมื่อครู่จนร่องรอยความเก่าแก่ที่เกิดขึ้นตามกาลเวลาจะลบเลือนไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

    “...ทำไม...”

    ...คุณถึงยังมีชีวิตอยู่...

    คำถามที่อยากจะเอ่ยถามออกไป  แต่ทว่าความตกตะลึงกลับปิดปากเขาเอาไว้  จองกุกนึกโมโหตนเองไม่น้อยที่จู่ๆก็ดูเหมือนจะกลายเป็นใบ้ขึ้นมาเสียเฉยๆ  อยากจะเอ่ยถามออกไปแต่ก็ไม่อาจทำได้  ตัวเขาเองยังเรียบเรียงความคิดให้เป็นระบบไม่ได้ด้วยซ้ำ   เพียงแค่เห็นคนที่ควรจะตายไปแล้วมายืนยกยิ้มอยู่ตรงหน้าก็ราวกับถูกทุบด้วยค้อนจังๆที่กลางหัวอย่างไรอย่างนั้น

    ...ทั้งๆที่เห็นกับตาว่าทั้งสองร่างถูกแผดเผาจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี...

    สิ่งที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมีเพียงดาบเล่มใหญ่ประจำตัวของโฮซอกเท่านั้นที่ตกอยู่ที่เดิม...

    “...โฮซอกมีพรวิเศษคุณน่าจะรู้....เขาเปลี่ยนวิญญาณของตนเองเป็นพลังชีวิตให้ใครคนอื่นได้....”เสียงทุ้มนั้นเอ่ยอธิบาย  คนรักของพี่ชายเอื้อมมือออกไปคว้าเอาดาบเล่มใหญ่ที่บัดนี้ไร้เจ้าของเอาไว้  จองกุกจ้องมองภาพนั้นไม่วางตา...ดาบนั่นเป็นสิ่งที่สืบทอดมาทางสายเลือด  หากไม่ใช่เจ้าของมันอย่างโฮซอกแล้วย่อมไม่มีผู้ใดยกมันขึ้นมาได้  แม้แต่เขาเองก็ตาม...

    ...แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขากลับยกมันได้อย่างง่ายดาย....

    ...นี่มันอะไรกันวะ!!

    “...ตอนที่เจ้านี่ทะลุร่างของผม...โฮซอกเขาก็มอบพรให้...”จองกุกสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด  โอเค...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  เรื่องที่คนตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ก็พอมีความเป็นไปได้...

    “..พี่โฮซอกมอบวิญญาณทั้งหมดเพื่อให้คุณมีชีวิตอยู่สินะ...”จองกุกเอ่ยสรุปกับตนเองพลางยิ้มบางๆ  โฮซอกก็ยังคงเป็นโฮซอกสินะ...ไม่ว่าอย่างไรก็ใจดีเสมอ....

    “...ถูกแค่ครึ่งเดียว...”แต่คำแย้งที่ได้รับจากอีกคนเรียกให้จองกุกต้องหันไปให้ความสนใจอีกครั้ง  ชายหนุ่มคนนั้นสะบัดดาบเล่มใหญ่ในมือหนึ่งครั้งมันก็หายวับไปในอากาศทันที  รอยยิ้มชวนหวาดหวั่นที่ระบายอยู่บนริมฝีปากได้รูปนั่นไม่ได้สร้างความพรั่นพรึงให้เขาไปได้มากกว่าประโยคที่เอ่ยถัดมาเลยสักนิด

    “...เราสัญญากันไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างกันจวบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ...”ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นปิดดวงตาข้างซ้ายของตนเอาไว้  ชายหนุ่มที่จองกุกไม่รู้จักแม้แต่ชื่อยกยิ้มเล็กน้อยที่ในสายตาของเขามันช่างน่าขนลุกเหลือเกิน  ไม่นานเกินรอฝ่ามือนั้นก็ละออกจากดวงตาเผยให้เห็นนัยน์ตาที่เคยเป็นสีดำสนิทบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเงินยวงเช่นเดียวกับใครบางคนในความทรงจำ 

    และราวกับความทรงจำของเขาถูกดึงออกมาสร้างให้มีชีวิตอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มที่เคยนุ่มน่าฟังกลับถูกทับซ้อนด้วยเสียงหวานใสของใครบางคนที่จองกุกจำได้ดี...

    ...จำมันได้ดีและไม่มีวันลืม...

    “...พี่จะอยู่เคียงข้างนัมจุนเสมอ...”

     

    “...เราจะอยู่เคียงข้างกันตราบวันสุดท้ายของลมหายใจ...และจะไม่มีวันแยกจากกันนับแต่วันนี้เป็นต้นไป...”

     

    Devil  Beside

     

     

    See your reflextion from the mirror, slowly close your eyes and then open.

    Devil will not go anywhere, it stays with you.

    Whatch out! — The DEVIL is BESIDE you.

     

     

     

    TALK. อุอิอุอิ จบสมบูรณ์แล้วนาจา อิอิ บทส่งท้ายจบแล้วค่ะ จองกุกหล่อมาก เธอควรได้เป็นพระเอก เธอควรเป็นสามีของพี่ 55555555555 เป็นไงบ้างคะบทสรุปของเรื่อง อื้อ จริงๆแล้วที่คิดไว้มีรูทจบสองสามแบบแต่สุดท้ายก็เลือกแบบนี้เพราะมันดูเหมาะกับคำว่า ปีศาจจะอยู่เคียงข้าง เหมือนชื่อเรื่องดีอ่ะ 5555555555555 

     

    โอเค  จากนี้ไปจะพักยาวแล้วจริงๆน้า  อาจจะมีฟิคตามเทศกาลโผล่มาบ้าง  แต่นอกนั้นจะเอาไว้หลังจากรวมเล่มเรียบร้อยทีเดียวเลยนะคะ  ทีนี้ก็จะไปตั้งหน้าตั้งตาปั่นฟิคที่จะลงในเล่มแล้ว ยังไงใครอยากอ่านก็อย่าลืมอุดหนุนเราน้า เยิ้ฟฟฟฟฟ  เอาไว้เจอกันเรื่องหน้าค่า ไปละ บ๊ายบายยยย

    。SYDNEY♔ Tiny Grey Pointer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×