คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 11
10.12.12
‘...กรุณาฝากข้อความไว้หลังเสียงสัญญาณค่ะ........ปิ๊บ!’
ปาร์คชานยอลไม่เคยรำคาญเสียงผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อนเลย หลังจากที่เขาฟังหล่อนพูดประโยคเดิมซ้ำมากว่าสามสิบรอบเห็นจะได้
วันนี้บยอนแบคฮยอนไม่มาโรงเรียน...
เขารู้สึกไม่สบายใจที่คนแข็งแรงอย่างแบคฮยอนจะหยุดเรียนแบบนี้ อีกทั้งสังหรณ์แปลกๆเมื่อวานนี้อีก...
ชายหนุ่มพยายามโทรติดต่ออีกคนมาตั้งแต่เช้า แต่ก็เจอแต่เสียงผู้หญิงน่ารำคาญนั่นตลอด
ไอ้ครั้นจะให้เขาไปเยี่ยมที่บ้านมันก็กะไรอยู่....
คิดเรื่อยเปื่อยได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงร้องเสียลั่น ชายหนุ่มรีบกดรับทันที
“ครับ?”
(อ..ชานยอล นี่พี่เองนะ...)เสียงหวานที่เอ่ยกลับมาเรียกให้ชานยอลต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ว่าไงครับพี่ลู่หาน”ชานยอลเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
(เอ่อ....คือ...เย็นนี้ว่างมั๊ย?)
“ว่างครับ....”
(เรามาซ้อมบทละครกันมั๊ย? ค...คือพี่แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้มันพังน่ะ!)เสียงหวานที่ละล่ำละลักรีบแก้ตัวเรียกรอยยิ้มบางๆจากชานยอลด้วยความเอ็นดูได้เป็นอย่างดี
“ได้สิครับ...ที่ไหนล่ะ”
(เอาเป็นบ้านนายได้มั๊ย?)คำขอของปลายสายเรียกให้เขาชะงักไปชั่วครู่แต่สุดท้ายเขาก็ตอบตกลงไป
ชานยอลตกลงที่จะไปรับลู่หานที่หน้าโรงเรียน วันนี้เขาเอารถมาคงจะสะดวกพอดูเชียวล่ะ
ชานยอลไม่ได้รังเกลียดที่จะมีคนไปบ้านเขา...ความจริงก็ไม่ใช่บ้านหรอก แต่เขาออกมาอยู่คอนโดได้สักพักแล้ว ก็เพราะเขาทะเลาะกับพ่อเรื่องคู่หมั้นนั่นแหละ ตอนนี้ที่คอนโดเลยมีเขาอาศัยอยู่แค่คนเดียว
ส่วนห้องเขาคงจะรกตามสไตล์ชายโสด...
ไม่สิ...
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่โสดสินะ...
เพราะพี่ลู่หานเพิ่งจะตกลงโอเคกับเขาไปเมื่อวานนี้เอง...
หวังว่าเรื่องอะไรๆมันจะเป็นไปด้วยดีนะ...
.
.
.
.
.
แบคฮยอนมองเห็นแต่ความมืดมิด...
ไอเย็นที่กระทบตามผิวกายเรียกให้ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาอย่างช้าๆ เขาพยายามมองไปรอบๆตัว แต่ก็พบเพียงความมืดมิด
ทันใดนั้นด้านหน้าเขาก็มีดวงไฟเล็กๆดวงหนึ่งลอยอยู่ มือเรียวเอื้อมมือไปพยายามจะแตะมัน แต่มันก็ลอยหนีเขาไป ขาเรียววิ่งตามดวงไปดวงนั้นไปจนใกล้ถึงทางออก แสงสว่างที่สอดส่องมาให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย...
ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคย
ชานยอลกำลังยืนอยู่ที่ประตูนั้น มือหนาของชายหนุ่มยื่นออกมาด้านหน้า แบคฮยอนเอื้อมมือจะคว้ามือของอีกคนเอาไว้ แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสโดนมือของอีกคน ร่างของชานยอลก็วาบหายไป...
เขากรีดร้อง...แต่ไร้เสียง ร่างของเขาร่วงหล่งลงไปในความมืดอย่างรวดเร็ว...
ก่อนที่เขาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาในที่สุด
“ฮึก...”มือเรียวยกขึ้นสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้มของตัวเอง สัมผัสเปียกๆทำให้เขาประหลาดใจ
น้ำตา...
เขาร้องไห้?
“พี่แบคฮยอน?!”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง
“เป็นอะไรครับพี่?! เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”จงอินเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลน
หลังจากเลิกเรียนเขาก็รีบบึ่งมาบ้านแบคฮยอนทันที เขาเป็นห่วงไม่รู้ว่าผ่านไปวันหนึ่งแบคฮยอนจะฟื้นหรือยัง แต่พอเขามาถึงเขากลับเห็นคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ด้วยใบหน้าเหม่อลอย
“พี่แบคฮยอน...”จงอินลดเสียงให้เบาลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆแบคฮยอน
“จงอิน...”เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเบาๆ
“จงอิน...ฮึก...”ยังไม่ทันที่จงอินจะได้ขานรับ คนตัวเล็กก็โผเข้ากอดผู้มาใหม่ทันที คิมจงอินมือไม้สั่น เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี จงอินเอื้อมมือขึ้นมาลูบเรือนผมนุ่มของอีกคนเบาๆเป็นการปลอบใจ
“ไม่เป็นไรครับ...ผมอยู่นี่...อยู่ข้างๆพี่นี่แหละครับ...”เสียงทุ้มที่เอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยนดูจะได้ผลดีทีเดียว เพราะฝ่ามือเล็กที่กำเสื้อด้านหลังของเขาแน่นค่อยๆคลายออกเล็กน้อย
“ฮึก...จงอิน...ฉันกลัว...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ คิมจงอินตัดสินใจโอบกอดร่างบางของอีกคนแน่นหวังให้ความอบอุ่นของเขาช่วยปลอบประโลมอีกคนให้คลายจากความหวาดกลัว
“...พี่ไม่ต้องกลัวนะ...ผมอยู่ข้างๆพี่เสมอ...ผมสัญญาเลย!”เด็กหนุ่มพยายามให้กำลังใจอีกคน
แบคฮยอนค่อยๆผละออกจากอีกคน ซึ่งจงอินก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มือบางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆก่อนจะส่งยิ้มที่ตัวเองคิดว่าสดใสที่สุดไปให้อีกคน
เขาไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงทั้งนั้นแหละ
“อ...เออใช่...ผมซื้อสตรอเบอรรี่ชีสเค้กของโปรดพี่มาให้ด้วยล่ะ กินเลยมั๊ยครับ”คิมจงอินเอ่ยถามรอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง
“อื้อ”แบคฮยอนรับคำก่อนจะค่อยๆขยับตัวช้าๆ ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องของเขาไม่ใช่เล่นๆเลย
“พี่อย่าเพิ่งขยับตัว...เดี๋ยวผมจัดให้เอง”พูดจบคิมจงอินก็จัดการตั้งโต๊ะเฉพาะกิจขึ้นมาให้อีกคนอย่างว่องไว
“นายเอาหนังสือเรียนมาทำโต๊ะเนี่ยนะ?”แบคฮยอนเอ่ยถามขำๆก่อนจะหันหน้าไปมองอีกคนด้วยความสงสัย
“แน่นอน! กินไปได้ความรู้ด้วยนะครับ!”คิมจงอินเอ่ยตอบ ก่อนจะยีงฟันอย่างหน้าหมั่นไส้
“กวนตีน!”เสียงหวานเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นไปโบกหัวอีกคนดังเบ๊ะ
“โห่พี่ ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นซีเรียส อ่ะ...ได้แล้ว มีนมสตรอเบอร์รี่ด้วยนะครับ”จงอินเลื่อนเค้กและแก้วนมให้อีกคน
“ขอบคุณนะ...”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณก่อนจะตักเค้กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ไม่เป็นไรครับ...แค่ของกินเอง...”
“ไม่ใช่เรี่องนี้...หมายถึงเรื่องที่นายช่วยฉันเมื่อวานต่างหาก...ขอบคุณมากนะคิมจงอิน”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณจากใจ ใบหน้าสวยที่ถึงแม้ตอนนี้จะฟกช้ำไปหน่อยแต่รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาในสายตาของคิมจงอินแล้วมันก็ยังคิดว่ามันสวยงามที่สุดอยู่ดี
“อ...เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ”คิมจงอินเกาท้ายทอยด้วยความเก้อเขิน
ดวงตาคมจับจ้องไปที่ร่างบางตรงหน้า ทุกอากับกริยาของแบคฮยอนอยู่ในสายของเขาทั้งหมด...
แบคฮยอนคือดวงอาทิตย์ของเขา...รอยยิ้มสดใสที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเขาเสมอ...
เขารักบยอนแบคฮยอน...
.
.
.
.
.
แบคฮยอนเดินหน้ามึนๆมาโรงเรียน มือเรียวลูบหน้าท้องเป็นระยะระยะ อาการปวดบริเวณหน้าท้องของเขาดีขึ้นมากหลังจากที่นอนพักอยู่บ้านหนึ่งวันเต็มๆ แต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี
ไอ้ที่ท้องเนี่ยไม่ใช่ปัญหาหรอก...
ปัญหาน่ะมันอยู่ที่...
“อ้าวแบคฮยอนหวัดดี...โห ไปต่อยกับใครมาน่ะ”
“ไปแย่งแฟนใครเค้ามาล่ะมุมปากถึงได้เหวอะแบบนั้นน่ะ”
แผลที่มุมปากนี่ต่างหากเล่า!!!
หมดหล่อเลยขอบอก!
ไอ้โล้นนั่น อย่าให้เจออีกนะพ่อจะจับยัดคอห่านเลยคอยดู!!!
“โอ๊ย!”เสียงหวานอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเขาเผลอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแรงไปหน่อยมันเลยร้าวไปทั่วปากเชียวล่ะ
“...โอ้โห...มีขับไปรับไปส่งด้วยว่ะ”
“...แฟนกันก็แบบนี้...พวกแกก็อกหักกันไปละกัน...”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักเรียนที่กำลังจะเดินเข้าโรงเรียน เรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ
รถยนต์คันหรูที่เขาคุ้นเคยวิ่งปราดเข้ามาในโรงเรียน...
ชานยอล...
กับพี่ลู่หาน........?
แบคฮยอนได้แต่มองตามรถที่เคลื่อนผ่านเขาไปราวกับภาพสโลว์ ริมฝีปากของเขาแห้งผาก แบคฮยอนรู้สึกเหมือนว่าเขาจะลืมหายใจไปครู่หนึ่ง...
“...เดี๋ยวนี้ไอ้ชานยอลนะ ไปไหนมาไหนก็ไปแต่กับพี่ลู่หาน...เป็นแฟนกันก็เงี้ย...”
แฟน?
ชานยอลกับพี่ลู่หานเป็นแฟนกัน?
“เฮ้นาย!”แบคฮยอนตะโกนเรียกเจ้าของประโยคเมื่อครู่ไว้
“ใครเป็นแฟนกับใครนะ?”เสียงหวานเอ่ยถาม
“ชานยอลเป็นแฟนกับพี่ลู่หานไง...”นักเรียนคนนั้นตอบก่อนจะเกาหัวงงแล้วเดินจากไป
เป็นแฟนงั้นเหรอ?!?!?!
ชานยอลกับพี่ลู่หานเป็นแฟนกัน...
เหรอ?
ปึ้ง!
ขาเรียวเตะเข้าที่ประตูล็อกเกอร์นักกีฬาดังโครมอย่างไม่คิดจะกลัวความผิด
“ชานยอล...”
ปึ้ง!
เตะซ้ำที่เดิม
“เป็นแฟน...”
ปึ้ง!
ยังไม่ยุบ
“กับพี่ลู่หาน...”
ปึ้ง!
ยังไม่สะใจ
“งั้นเหรอ!?!?!?!?”
ปึ้ง!
โครม!
ประตูตู้ล็อกเกอร์ไม่สามารถต้านทางแรงโทสะของยอนแบคฮยอนได้ มันเลยจบชีวิตลงด้วยการหลุดทะลุเข้าไปอยู่ด้านในตามแรงเมื่อครู่
แบคฮยอนยืนหอบหายใจ...การใช้แรงมากๆทั้งๆที่ยังไม่หายดีมันทำให้เขาเหนื่อย...
ไอ้เสาไฟฟ้างี่เง่า!!!!
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสถาณะอะไรนะ
ถูกฟันแล้วทิ้ง?
เฮอะ!
"ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่! คอยดูเถอะความรักโง่ๆของแกน่ะฉันจะทำลายมันเองไอ้เสาไฟฟ้าหน้าเอ๋อ!"
ตึง!
แบคฮยอนแหกปากออกมาสุดเสียงก่อนหมัดหนักๆของเขาจะซัดเข้าไปที่ประตูล้อกเกอร์อีกตู้ที่ยังสมบูรณ์อยู่เสียจนมันยุบ
มือเรียวควักเงินออกมาจำนวนหนึ่งยัดเข้าไปในล็อเกอร์ที่พังแล้วเอาปากกาเขียนที่ข้างประตูล็อกเกอร์ว่า
‘ผมขอโทษที่ทำล็อกเกอร์พังนะครับ มีปัญหาอะไรติดต่อที่ปาร์คชานยอลห้อง 2-A ครับ’
“หมดตูดแน่ไอ้เอ๋อ!”แบคฮยอนกระแทกเสียงก่อนจะเดินตึงตังจากไปทันที
ต้องขอบคุณที่โรงเรียนเขามันไม่มีกล้องวงจรปิด เขาถึงได้มีที่ระบายอารมณ์แบบนี้
ตึง!
แบคฮยอนโยนกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะนักเรียนอย่างแรงโดยไม่สนใจเลยว่าเพื่อนร่วมห้องจะตกใจแค่ไหน
ร่างบางกระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด แบคฮยอนตวัดขาเรียวขึ้นมาวางพาดไว้บนโต๊ะนักเรียนด้วยมาดมาเฟีย เรียกสายตางุนงงจากเพื่อนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี
“มองอะไร?”แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงเขียว เรียกเอาเหล่าเพื่อนๆผู้อยากรู้อยากเห็นรีบหันหน้าหนีกันแทบไม่ทัน
ครืดดดดดด
เสียงเปิดประตูห้องเรียนเรียกความสนใจจากคนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี
ชานยอลเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าสบายๆ เหมือนที่เขามักจะทำในทุกๆวัน
“ไปไหนมาวะชานยอล...ส่งแม่ทูลหัวมาเหรอ ฮิ้ววววว”และแล้วเพื่อนทั้งห้องก็พากันโห่แซวกันอย่างมันปาก ชานยอลเกาท้ายทอยเบาๆ โดนแซวทั้งห้องแบบนี้เขาก็เขินนะ
ปึ้ง!
เสียงกระแทกที่ดังลั่นห้องเรียกให้จลาจลโห่แซวต้องชะงักลง ทุกสายตาพากันจับจ้องไปยังจุดกำเนิดเสียงทันที
แบคฮยอนเปลี่ยนขาที่วางอยู่บนโต๊ะ แขนบางยกขึ้นกอดอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคู่สวยเบือนมาสบกับดวงตาของชานยอลแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เจ้าของมันจะสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทางอย่างแรงเสียจนชานยอลกลัวว่าคอบางๆนั่นจะหักเอา
“เป็นอะไรหน้าบูดแต่เช้า?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีที่เขาเดินมานั่งลงประจำโต๊ะเรียนของตัวเอง ซึ่งมันก็คือข้างๆกับแบคฮยอนนั่นแหละ
“เสือก”แบคฮยอนหันมาด่าเขานิ่งๆก่อนจะหันกลับไปสนใจเหล่านกเหล่ากาข้างนอกนั่นแทน
“เอ้า...อะไรวะ?”ชานยอลได้แต่เกาหัวด้วยความงงงวยกับปฏิกิริยาของอีกคน
วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนก็ยังคงเมินชานยอลอย่างแข็งขัน เขารู้สึกว่าเห็นหน้าไอ้เอ๋อนั่นทีไรอยากจะวิ่งเข้าไปเตะเหมือนประตูล็อกเกอร์ทุกที
เฮอะ!
“โอเคดีขึ้นนะ...ต่อไปก็ฉากของชานยอลกับแบคฮยอน...พวกนายยังไม่เคยลองเลยสินะ...ขึ้นมาเร็วเข้า”มินซอกผู้กำกับตัวกลมที่วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเอ่ยเรียกนักแสดงด้วยใบหน้าร่าเริง
แบคฮยอนที่ได้ยินชื่อตัวเองแทบจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงไปซะเดี๋ยวนั้นเลย...
ต้องเล่น ‘บทนั้น’ กับปาร์คชานยอลน่ะเหรอ?
ขอตายดีกว่า!!!!
“ขึ้นมาเร็วๆสิ...”เขาได้ยินเสียงทุ้มของคนที่เขาเหม็นหน้าที่สุดตอนนี้เอ่ยขึ้น เรียกให้แบคฮยอนยิ่งอยากจะเดินหนีเข้าไปใหญ่
“เอาล่ะฉาก9แอคชั่น!”
สิ้นเสียงของผู้กำกับเหมือนวิญญาณหน้ากากแก้วจะเข้าสิงปาร์คชานยอล ร่างสูงค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ร่างบางของอีกคนเรื่อยๆ
“ธีราเน่...ข้า...จะได้แต่งงานกับองค์หญิงซาเรสตร้าแล้วจริงๆ! ข้าต้องขอบคุณเจ้าธีราเน่!”เสียงทุ้มกังวาลนั้นเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ก่อนแขนแกร่งจะคว้าตัวอีกคนเข้าไปกอด
“ค...คาลอส...ได้โปรดปล่อยข้าเถิด...”เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา มือบางค่อยๆดันแผ่นอกกว้างขออีกคนออกจากตัว
“...ข้า...ดีใจกับท่านด้วย...”เสียงหวานสั่นเครือ ร่างบางหันหน้าหนีอีกคนเพื่อซ่อนใบหน้าแสนเศร้าของตนเอง
“ธีราเน่...เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง มือหนาก็คว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่เจ้าของมันจะหนีไป
“ข้า...ดีใจกับท่านด้วยจริงๆ...ข้าต้องไปแล้วคาลอส...”เสียงหวานนั้นยิ่งสั่น มือบางบิดออกจากการกอบกุมก่อนจะวิ่งออกไปทันที
“ธีราเน่!”เสียงทุ้มตะโกนไล่หลังอีกคนไป ดวงตาคมคู่นั้นฉายแววอาลัยอย่างชัดเจน
“คัทททททททท!!! เยี่ยมมากกกกก!”มินซอกสั่งคัทก่อนจะโยนบทละครในมือขึ้นฟ้าแล้วหมุนตัวสามรอบด้วยความปลื้มใจ
“ถ้าวันจริงพวกนายเล่นได้แบบนี้นะ เยี่ยม! เอาล่ะงั้นฉากต่อไปขอดูฉากของมิดไนท์หน่อย...อ้อแล้วก็พรุ่งนี้เตรียมตัวมาให้ดีนะเราจะลองสวมชุดจริงกัน...แบคฮยอน อยู่ก่อน...มาคุยกับฉันหลังจากปล่อยแล้วนะ...”หันมาสั่งกับนักแสดงเรียนร้อย เจ้าตัวก็หันกลับไปสั่งอย่างอื่นต่อ
“นายก็เล่นเก่งนะเนี่ย”เสียงยียวนที่ดังขึ้นที่ด้านหลังเรียกให้แบคฮยอนตะวัดสายตาไปมองเล้กน้อยก่อนจะหน้าหนีแล้วเดินจากมา
“เดี๋ยว”มือหนาคว้าข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะดึงให้อีกคนเข้ามาใกล้ตน มืออีกข้างที่ว่างอยู่เลื่อนขึ้นมาจับคางมนให้หันหน้ามาสบกับเขา
“ไปโดนอะไรมา”ชานยอลเอ่ยถามด้วยความสงสัย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เรื่องของฉัน”แบคฮยอนปัดมือของชานยอลออก
“นายเป็นอะไรทำไมต้องหงุดหงิด...ฉันถามดีๆนะว่าแผลที่หน้าเนี่ยไปโดนอะไรมา”แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรำคาญ ร่างบางหมุนตัวมายืนประจันหน้ากับอีกคนก่อนจะเอ่ยตอบประโยคคำถามเมื่อครู่
“ไม่มีอะไร ฉันแค่เกือบจะโดนลูกน้องไอ้มินโฮเพื่อนนายมันข่มขืนพอฉันดิ้นมันเลยอัดฉันแต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วเพราะคิมจงอินมาช่วยไว้ พอใจรึยัง?”พูดจบก็สะบัดมือออกด้วยความรำคาญ
“ทำไมต้องประชดประชันด้วยบยอนแบคฮยอน...แล้วเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่โทรมาบอก”ชานยอลเอ่ยถาม
“ฉัน...”
“พี่แบคฮยอน!”ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้ตอบอีกฝ่าย เสียงเรียนกจากรุ่นน้องข้างบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ขอตัวล่ะ”แบคฮยอนเอ่ยห้วนๆก่อนจะเดินเข้าไปหาจงอินทันที
ชานยอลขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย...
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแบคฮยอนต้องประชดประชันเขาแบบนั้นด้วย...
มือบางกำแน่นจนเล็บจิกลงไปที่ฝ่ามือขาว ดวงตากลมโตจับจ้องภาพเบื้องหน้าด้วยความสับสนและไม่พอใจ...อยากจะเอ่ยถามให้เข้าใจแต่ก็ไม่กล้า...
เขาจึงได้แต่ปั้นหน้าใสซื่อแล้วเดินเข้าไปทักตามปรกติเท่านั้น
“ชานยอล...”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นเรียกให้ชานยอลที่กำลังหัวเสียต้องหันมาให้ความสนใจ
“ครับ”ชานยอลขานรับอย่างสุภาพก่อนจะยิ้มบางๆให้ลู่หาน
“ฉันอยากซ้อมบทต่ออีกหน่อยน่ะ...”ใบหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยอย่างกระดากอาย
“ได้สิครับ...”ชานยอลเอ่ยตอบก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มซ้อมบทของตนทันที
เฮอะ!
ตุบ!
แบคฮยอนเผลอเตะเก้าอี้ตัวหนึ่งจนคว่ำโดยไม่รู้ตัว ทำเอาเขารีบจับไว้แทบไม่ทัน
“มาทำเป็นห่วงเป็นใย...เฮอะ! นายนี่มันตอแหลได้โล่จริงๆ”พูดแล้วก็เบะปากออกอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นภาพชานยอลและลู่หานกำลังต่อบทกันอย่างสนุกสนาน
“เรียกผมมีอะไรรึเปล่าครับพี่มินซอก”หลังจากที่เลิกแล้ว แบคฮยอนก็เดินไปหาผู้กำกับ เอ่ยถามเรื่องที่ถูกเรียกพบทันที
“พรุ่งนี้นายเอาถุงน่องมาด้วย...”
“ครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถามซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู
“...พรุ่ง-นี้-เอา-ถุง-น่อง-มา-ด้วย ชัดยัง?”มินซอกเอ่ยทวนประโยคช้าๆชัดๆทีละคำ
“อ...เอามาทำไมครับ?”
“ไม่งั้นก็ไปแว๊กซ์ขนหน้าแข้งมาให้เตียน...เลือกเอา!”
“อ...ครับ”แบคฮยอนได้แต่เกาหัวงงๆ มือบางแอบถลกดูขนหน้าแข้งตัวเอง
ก็แทบไม่เห็น...
“เอามาทำไม”แบคฮยอนตัดสินใจเลิกคิดแล้วก็เตรียมกลับบ้าน มือบางคว้าเอากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายไว้บนบ่าก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปทันที
ชานยอลยืนรออยู่หน้าโรงเรียนด้วยหลากหลายอารมณ์ เขาอยากจะเดินไปส่งแบคฮยอนและคุยกันให้รู้เรื่องถึงพฤติกรรมแปลกๆและเหตุการณ์รุนแรงของแบคฮยอน ไม่นานนัก ร่างบางที่คุ้นเคยก็เดินออกมาจากโรงเรียน
“แบคฮยอน...”ชานยอลเอ่ยเรียกอีกคนเอาไว้ มือหนาก็เลื่อนไปคว้าข้อมือบางของอีกคนเพื่อกันไม่ให้หนีอีกด้วย
“ชานยอล...”แบคฮยอนดูประหลาดใจเล็กน้อย มือบางก็พยายามบิดออกจากการกอบกุมของเขา
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน...เดี๋ยวฉันไปส่ง...”
“ชานยอล...”ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบประโยคดี เสียงหวานของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนก็เอ่ยเรียกเสียก่อน ดวงตากลมโตของลู่หานจ้องมองมายังมือหนาที่กำลังกอบกุมข้อมือบางขออีกคนไว้ไม่วางตา
ชานยอลรีบปล่อยข้อมืออีกคนให้เป็นอิสระทันที
“เย็นนี้ไปกินไอติมกันมั๊ย...ร้านนั้นเพิ่งเปิดใหม่เลยนะ...”เสียงหวานเอ่ยอย่างร่าเริงก่อนจะเดินมาจับแขนแกร่งของชานยอลเบาๆ
ดวงตาของลู่หานบังเอิญเบือนไปสบกับดวงตาสวยของแบคฮยอนพอดี ทำเอาแบคฮยอนหลบสายตาแปลกๆของลู่หานแทบไม่ทัน ขาเรียวพาร่างของตัวเองเดินออกไปจากจุดนั้นทันที ชานยอลทำท่าเหมือนจะรั้งไว้ แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ลู่หานอยู่ข้างๆเขา...
ไว้คราวหน้าเขาต้องคุยกับแบคฮยอนให้รู้เรื่อง...
.
.
.
.
.
แบคฮยอนนั่งจ้องไอ้เจ้าถุงน่องสีเนื้อที่เขาเอามา ไม่ใช่ของเขาแน่นอน! เขายืมของสาวใช้ในบ้านมาต่างหาก
“มาแล้วทุกคน!!!!”นั่งรอกันอยู่ได้ไม่นานผู้กำกับตัวกลมก็กลับมาพร้อมกับลังเสื้อผ้าขนาดใหญ่สามสี่ลัง และแน่นอนมินซอกไม่ได้แบกเอง
“เอาล่ะไปลองใส่กันเดี๋ยวนี้ ต้องแก้อะไรจะได้ทัน”มินซองสั่งหลังจากที่เขาแจกจ่ายเสื้อผ้าของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ออออ”แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ ก่อนมือบางจะเริ่มปลดซิปกางเกงของตัวเอง
หมับ!
แต่ก่อนจะได้ปลดก็มีมือหนาของใครสักคนมาจับเอาไว้เสียก่อน
“จะทำอะไร?”เสียงทุ้มเอ่ยถามฉายแววจริงจัง
“เปลี่ยนชุด”แบคฮยอนตอบหน้าตายก่อนจะพยายามสะบัดมือนั้นออก
“ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ”ชานยอลพยักเพยิดไปทางห้องน้ำของโรงยิมที่มีคนยืนต่อคิวมากมาย
“คนเยอะ...ปล่อย”แบคฮยอนเถียง
“ไม่...ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ”ชานยอลเอ่ยเสียงเบารอดไรฟัน
“ไม่”แบคฮยอนตอบเสียงห้วน ดวงตาของทั้งสองคนจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“จะไปเปลี่ยนเองดีๆ...หรือต้องให้ฉันลากนายเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนให้”ชานยอลขู่
“ทำได้ก็ลองดูสิ...ปล่อย”แบคฮยอนกระชากมือออกจากมือของอีกคน
“ทำได้แน่...แต่คิดเอาละกันว่าถ้าเพื่อนๆเห็นฉันลากนายเข้าห้องน้ำจะเกิดอะไรขึ้น?”
“...แฟนนายก็จะของขึ้นน่ะสิ...”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะพยักเพยิดไปทางด้านหลังของชานยอล
ลู่หานกำลังยืนมองเขาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์...
แบคฮยอนสะบัดตัวออกจากชานยอลได้ในที่สุด เจ้าตัวเดินไปต่อคิวเข้าห้องน้พทันที
“อะไรวะเนี่ย?!”แบคฮยอนสบถเบาๆหลังจากที่คลี่ชุดออกมาดู
เขารู้แล้วว่าทำไมมินซอกถึงให้เอาถุงน่องมา!
เพราะชุดของเขามันเป็นเดรสสั้นโชว์ถึงต้นขาน่ะสิ!
แบคฮยอนแทบจะกรีดร้องแล้ววิ่งออกไปตีมินซอกจริงๆ
แต่เสียงทุบประตูโวยวายขอเข้าห้องน้ำจากคนด้านนอกก็ทำให้เขาต้องรีบกลั้นใจแล้วจัดการสวมมันอย่างรวดเร็วทันที
ฝากไว้ก่อนนะพี่มินซอก!!!!!!!
TBC.
TALK. ตอนสิบเอ็ดมาแล้วค่าาาาาาา *โบกไม้โบกมือ ตอนแรกเพชรว่าจะเอามาลงวันอาทิตย์แต่พอดีหนีเที่ยวมาเพิ่งกลับนี่แหละค่ะ 55555555555555555 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้อัพนะ เพราะเพชรจะไปวุ่นวายกับโปรเจ็คค่ะ
เป็นโปรเจ็ครวม SF ชานแบคค่ะ มีทั้งหมดแปดเรื่องจากแปดนักเขียน น่าจะวางขายในงานตลาดฟิควันที่ 26 มค. 2556 นะคะ ยังไงถ้าเห็นก็อย่าลืมติดตามผลงานของนักเขียนทั้งแปดคนด้วยนะคะ ส่วนใครเขียนบ้างอันนี้ต้องสืบหาเอาเองล่ะค่ะ เพชรไม่บอกหรอก ><
ความคิดเห็น