ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.54K
      16
      2 ธ.ค. 55

     CHAPTER  10
    2.12.12

     

     

     

     

    “นายอยากจะกลับบ้านรึยัง?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขานั่งดูขบวนพาเรดที่ผ่านไปแล้วมาได้สักพักหนึ่ง

     

    “กลับเลยก็ดี  ที่บ้านคงเป็นห่วงกันแย่แล้วล่ะ”แบคฮยอนเอ่ยตอบก่อนคนตัวเล็กจะยันตัวลุกขึ้น  มือเรียวปัดเศษดินเศษหญ้าที่เปื้อนตามกางเกงของตนออกอย่างลวกๆ

     

    “งั้นฉันไปส่งแล้วกัน”ชานยอลเอ่ย  ริมฝีปากได้รูปส่งรอยยิ้มบางๆให้อีกคน

     

    “อือ”แบคฮยอนรับคำเบาๆก่อนที่จะเดินตามชานยอลไปที่ลานจอดรถ

     

    ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ  แต่มันก็ไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น  ภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของกรุงโซลสองข้างทางมันช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  แบคฮยอนหันไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่อย่างเงียบๆ

     

    ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววเอาจริงเอาจังของอีกคนมันมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจถอนสายตาจากไปได้...

     

    หลังจากที่เขายอมรับความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจของตัวเองได้แล้วหัวใจของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งอย่างน่าประหลาด...

     

    “...ชานยอล...”เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ

     

    “หืม?”ชานยอลรับคำแต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า

     

    “นายกับไอ้มินโฮนั่นมีเรื่องอะไรกันเหรอ?”คำถามจากคนข้างๆทำเอาชานยอลหายใจสะดุด

     

    “...ท...ทำไมจู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ”

     

    “เอ้า! นี่ฉันเกือบโดนเพื่อนนายข่มขืนนะเว้ย!”แบคฮยอนหันไปแว๊ดไม่ได้มีความขวยเขินใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น

     

    “เฮ้อออออ....ฉันต้องบอกจริงๆใช่มั๊ย?”ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสายที่จ้องอย่างเอาจริงเอาจังจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

    “ใช่!”เสียงหวานเอ่ยตอบเสียงแข็ง

     

    “...เรื่องมันก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก  สมัยตอนฉันอยู่โรงเรียนเก่านั่นแหละ....”เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆเล่าเรื่องราวบาดหมางระหว่างเขากับมินโฮให้แบคฮยอนฟัง

     

    “ฉันกับหมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้น  ตอนนั้นฉันมีแฟนอยู่คนนึง  เธอเป็นคนสวยมากเลยล่ะ...นิสัยดีด้วย...”แบคฮยอนตั้งใจฟังอีกฝ่ายเล่าอย่างตั้งใจ  แต่ประโยคนี้ของชานยอลทำให้เขาใจกระตุกเบาๆอย่างไม่รู้สาเหตุ

     

    แฟนเก่าของชานยอล...

     

    “ความรักของเรามันก็ทำท่าจะไปได้ด้วยดีจนกระทั่งพ่อของฉันไม่ยอมรับเธอ...พ่ออยากให้ฉันแต่งงานกับลูกสาวของหุ้นส่วน  เราเลยจำเป็นต้องหมั้นกันเพราะผู้ใหญ่โดยที่เราไม่ได้รักกันเลยด้วยซ้ำ...”เสียงทุ้มยังเอ่ยเรื่อยๆราวกับมันคือนิทานก่อนนอนของเด็กน้อยเสียอย่างนั้น  แต่มือหนาที่กำลังจับพวกมาลัยกลับกำแน่นจนขึ้นข้อขาว

     

    “พอแฟนของฉันรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นแล้วเธอก็เสียใจมาก...ทั้งที่ฉันพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้รักกัน...แต่เธอก็ไม่ฟัง...จน...”เสียงทุ้มที่ขาดหายไปในช่วงสุดท้ายทำให้แบคฮยอนที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าฟังต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง  ดวงตาคู่คมแดงก่ำ

     

    “ชานยอล...”เมื่อเห็นว่าเรื่องที่เล่าอยู่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเสียแล้ว  แบคฮยอนก็ตัดสินใจที่จะเอ่ยบอกอีกฝ่ายให้เลิกเล่า

     

    “...จนเธอฆ่าตัวตาย....ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมาก...และฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน...ฉันคิดว่าฉันไม่อาจรักใครได้แล้วนากจากเธอ...”มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปแตะไหล่หนาเบาๆคล้ายการปลอบใจหยุดชะงัก  แบคฮยอนค่อยๆชักมือกลับเบาๆไม่ให้อีกคนรู้ตัว

     

    รักใครไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

     

    “ฉันเพิ่งมารู้ที่หลังว่ามินโฮก็ชอบเธอเหมือนกัน...แถมชอบเธอก่อนหน้าฉันเสียอีก  แต่หมอนั่นก็ยอมให้ฉันเพราะมันเชื่อว่าฉันจะดูแลเธอได้ดีกว่ามัน...แต่หมอนั่นก็คิดผิดที่ฝากเธอไว้กับฉัน...”แบคฮยอนเบือนหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำที่รื้นน้ำของอีกฝ่าย

     

    เขาไม่ควรให้ขานยอลขุดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาสินะ....

     

    “....หลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะคบใครหมอนั่นก็จะต้องทำลายคนรักของฉันทุกครั้ง....เหมือนที่คนที่มันรักจากไปเพราะฉัน...และมันคงคิดว่านายกำลังคบกับฉันอยู่...”ชานยอลเอ่ย  น้ำเสียงทุ้มตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว 

     

    “ขอโทษที่ถามเรื่องนี้...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงเบาก่อนจะจัดการตัดบทสนทนาโดยการหันหน้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ข้างทางแทน

     

    ตลอดทางหลังจากนั้นบรรยากาศภายในรถก็เต็มไปด้วยความเงียบที่แสนอึดอัดแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง  ทั้งสองคนต่างปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปตามกระแสของมัน

     

    ไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง  รปภ.หน้าป้อมเดินออกมาดูผู้มาเยือน  แต่พอเห็นใบหน้าของคุณหนูของบ้านที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาก็ต้องรีบรุดมาเปิดประตูให้ทันที

     

    “ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย  รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย  แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงจากรถ  ข้อมือบางก็ถูกมือหนาของอีกคนรั้งไว้ก่อน

     

    “หือ?”

     

    “เอาเบอร์นายมา  เดี๋ยวฉันตามเรื่องรถให้...”ชานยอลเอ่ยก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้อีกฝ่าย แบคฮยอนรับมาก่อนจะกดหมายเลขของตนแล้วโทรออก  มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโชว์ให้อีกคนรู้ว่าเขาได้เบอร์แล้ว

     

    “กลับบ้านดีๆ”แบคฮยอนค่อยๆดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกคน

     

    “เดี๋ยว”เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยเรียกไว้หลังจากที่เขาลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว  ชานยอลก็ลดกระจกด้านข้างคนขับลงมาเพื่อคุยกับเขา

     

    “จำไว้นะ...มีเรื่องอะไรโทรหาฉัน...”พูดจบรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกไปทันทีทิ้งไว้แต่คนที่กำลังยืนงงกับคำพูดเมื่อครู่

     

    “ตายแล้วคุณแบคฮยอน”เสียงเอ่ยเรียกชื่อจากทางด้านหลังทำให้แบคฮยอนต้องหันกลับไปมอง

     

    “ทำไมกลับดึกอย่างนี้ล่ะค่ะ...เห็นว่าช่วงนี้มีเรื่องอยู่ไม่ใช่เหรอคะ...อิฉันเป็นห่วงนะคะ”หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะคว้ามือบางของแบคฮยอนไปจับไว้ด้วยความเป็นห่วง

     

    “ขอโทษครับนม...พอดีผมเที่ยวเพลินไปหน่อยน่ะครับ”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานไปให้แทนการขอโทษ

     

    “คราวหลังต้องโทรมาบอกที่บ้านด้วยสิคะ...แล้วเมื่อกี้ใครมาส่งคะ?”แม่นมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู  แบคฮยอนก็เหมือนลูกแท้ๆของเธอ

     

    “...เพื่อนน่ะครับ...เข้าบ้านเถอะครับนม”แบคฮยอนเอ่ยตอบเบาๆก่อนจะเกาะแขนแม่นมผู้เป็นที่รักอย่างออดอ้อน

     

    “เดี๋ยวคุณแบคฮยอนขึ้นไปรอที่ห้องก่อนนะคะ  เดี๋ยวอิฉันจะเอานมสตรอเบอรรี่เย็นเจี๊ยบขึ้นไปให้นะคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างเป็นมิตรก่อนที่เธอจะขอตัวไปเตรียมของว่างมื้อดึกให้กับคุณหนูของเธอ

     

    แบคฮยอนยิ้มให้กับความอบอุ่นที่เขามักจะได้รับจากคนที่บ้านเสมอ  ร่างบางหมุนตัวเตรียมขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง

     

    “แบคฮยอน”แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาน้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังก็ทำให้เขาต้องหันกลับมามอง

     

    “มาหาพ่อที่ห้องทำงานด้วย”ชายวัยกลางคนผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินนำเขาไปที่ห้องทำงานทันที

     

    “มีอะไรเหรอครับพ่อ”เสียงหวานเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ

     

    “นั่งก่อนสิ...”ชายวัยกลางคนผายมือออกเป็นเชิงอนุญาตให้นั่ง

     

    “...พ่อกำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่แคนดา...ช่วงสามเดือนแรกพ่ออยากให้ลูกไปคุมงานที่แคนดาให้หน่อย  ส่วนหลังจากนั้นพ่อได้แต่งตั้งหัวหน้าสาขาที่แคนดาไว้แล้ว...ลูกว่ายังไงแบคฮยอน?”ชายวัยกลางคนเอ่ยถามความเห็นจากลูกชาย

     

    “...ผม...”ร่างบางอ้ำอึ้ง  เขารู้สึกว่ายังๆไม่อยากไปไหนตอนนี้

     

    “ไม่เป็นไร...ถ้าลูกไม่อยากไปพ่อก็ไม่ว่าอะไร...”ชายวัยกลางคนเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน

     

    “ขอเวลาผมตัดสินใจก่อนได้มั๊ยครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถาม  เขาเองก็ยังไม่ได้คิดให้ดีว่าจะไปหรือไม่ไป

     

    “พร้อมเมื่อไหร่ค่อยให้คำตอบแล้วกัน”

     

    “ขอโทษนะครับ...”

     

    “พ่อมีเรื่องจะถามลูกเท่านี้แหละ...ไปพักผ่อนเถอะ...ลูกก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”แบคฮยอนเอ่ยลาผู้เป็นพ่อก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปพักผ่อนหลังจากที่เขาเองก็เที่ยวจนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

     

    กริ๊งงงงงง

     

    เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นเรียกให้ชายวัยกลางคนต้องละสายตาออกจากแผ่นหลังบางของลูกชายตนมาให้ความสนใจ

     

    “ว่าไง”เขากรอกเสียงลงไปตามสายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “เข้าใจล่ะ...จับตาดูให้ดี...ภายในอาทิตย์นี้ฉันขอประวัติเจ้าหนุ่มนั่นอย่างละเอียดด้วย...”เมื่อปลายสายรับคำเขาก็จัดการวางสายทันที

     

    มือหนากร้านโลกค่อยๆเปิดเอกสารซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะออกช้าๆ  ภาพถ่ายสิบกว่าใบปรากฏให้เขาได้เห็น  ภาพลูกชายสุดที่รักของเขากำลังหัวเราะร่าเริงอยู่กับผู้ชายตัวสูงอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกัน  บางภาพก็มีการแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างเกินความจำเป็น...

     

    โดยเฉพาะรูปที่ทะเลสาบ...

     

    “นายเป็นใครกัน?”ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มในภาพไม่วางตา

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “หยุดๆ พอเลยพอ!”เสียงหงุดหงิดของผู้กำกับเรียกให้เหล่านักแสดงที่กำลังซ้อมบทอยู่บนเวทีต้องหยุดการกระทำ

     

    “นี่มันอะไรกันน่ะพวกนาย! ก่อนหน้านี้ก็เล่นดีๆอยู่ ทำไมรอบนี้ถึงเล่นแบบนี้ล่ะ แข็งมาก โดยเฉพาะลู่หานกับชานยอลนะ  ตอนแรกคู่พวกนายนี่น่าลุ้นที่สุดแล้วนะ...ทำไมตอนนี้มันแข็งแบบนี้ล่ะ”มินซอกโวยวาย  มือขาวโยนบทละครลงพื้นอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินออกไปจากโรงยิมเพื่อสงบสติอารมณ์สักครู่

     

    ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า  เขาเห็นด้วยกับคำพูดของพี่มินซอกทั้งหมด  ตอนแรกเขากับพี่ลู่หานเล่นได้ดีมากแต่มาตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกเกรงๆต่อกัน  ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้าหวานของอีกคนที่กำลังก้มหน้าห้มตาอยู่ข้างๆคน

     

    “พี่ลู่หานครับ”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเบาๆ  ลู่หานสะดุ้งสุดตัว  ก่อนจะรีบเดินลงจากเวทีไปทันที

     

    นี่พี่ลู่หานกำลังหลบหน้าเขา?

     

    ชานยอลได้แต่เกาหัวอย่างงงๆ  ดวงตาเผลอเบือนไปสบเข้ากับดวงตาคู่สวยของอีกคนที่กำลังจ้องมองมาที่ตรงจากด้านล่างของเวที  แต่จ้องกันได้ไม่นั้นเจ้าของดวงตาคู่สวยก็หมุนตัวหันหลังให้เขาเสียอย่างนั้น

     

    แปะ! แปะ!

     

    เสียงปรบมือที่ดังก้องจากทางด้านหน้าประตูโรงยิมเรียกให้ทุกคนต้องหันไปให้ความสนใจ  มินซอกกลับมาแล้ว  ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยหงุดหงิดแล้วทำให้ทุกคนเบาใจลงได้ว่าคงไม่มีระเบิดจากผู้กำกับแล้วล่ะ

     

    “วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน  ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วล่ะ  ส่วนชมรมบาสกับชมรมฮับคิโดอยู่ก่อนนะ  ประธานมีเรื่องสำคัญจะต้องคุย”สิ้นเสียงของมินซอก  เหล่านักเรียนชายที่เหน็ดเหนื่อยจากการซ้อมละครก็พากันแตกฮือกระจัดกระจายกันราวกับผึ้งแตกรัง  เหลือเพียงแต่นักเรียนสองชมรมเท่านนั้นที่ยังคงนั่งทำหน้าเซ็งอยุ่ที่กลางโรงยิม

     

    “เอาล่ะขอบคุณทุกคนมากที่มาประชุมกันในวันนี้”เสียงทุ้มของกัปตันชมรมบาสร่างสูงเอ่ยขึ้นโดยมีกัปตันชมรมฮับคิโดอย่างจื่อเทายืนอยู่ข้างๆ

     

    “ชมรมฮัปคิโดขอพูดก่อนแล้วกันนะ”จื่อเทาเอ่ย  เมื่อไม่มีใครคัดค้านเขาเลยจัดการพูดต่อไป

     

    “กำหนดการทัวร์นาเม้นต์ระดับประเทศออกแล้วนะ...ซึ่งฉันก็ลงสมัครไปแล้ว...”สิ้นเสียงของกัปตันชมรมเสียงฮือฮาโหยหวนโอดครวญ(?)ของเหล่าสมาชิกชมรมฮัปคิโดก็ดังระงมไปทั่ว  ชานยอลเหลือบมองปฏิกิริยาของขนข้างๆแล้วก็แอบที่จะรู้สึกขนลุกตามไปด้วยไม่ได้  ใบหน้าสวยของแบคฮยอนตอนนี้เรียกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างถึงที่สุด  บ่อยครั้งที่คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายลงคอ

     

    “เพราะฉะนั้นค่ายเก็บตัวของเราก็จะมาถึงเร็วๆนี้...อีกสามสัปดาหืจะเป็นงานโรงเรียนแต่อีกหนึ่งเดือนของถึงเวลาลงแข่ง...พอจบงานโรงเรียนแล้วเราจะไปเข้าค่ายเก็บตัวกัน!”จื่อเทาเอ่ยก่อนใบหน้าจะแสดงอาการที่เรียกว่าร่าเริงอย่างถึงที่สุด  แต่สีหน้าของสมาชิกชมรมแต่ละคนเหมือนจะเป้นลมกันทั้งหมด

     

    “ส่วนเรื่องของชมรมบาสก็เหมือนกัน  ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้แข่งเร็วๆนี้แต่ฉันขอโค้ชแล้ว เราจะไปค่ายเก็บตัวเหมือนกัน...ไปกับชมรมฮัปคิโดนี่แหละ...”คริสเอ่ยหน้าตาย

     

    “ห๊า????”ปฏิกิริยาที่ทุกคนแสดงออกล้วนเป็นไปทางเดียวกันหมด

     

    “ทำไมต้องไปด้วยกันล่ะ”เป็นแบคฮยอนที่กล้าเอ่ยถาม

     

    “เพราะว่าเราจะไปใช้พื้นที่บ้านพักพี่เป็นค่ายเก็บตัวไงล่ะแบคฮยอน”เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนคริสจะส่งยิ้มบางๆให้คนถามอย่างเป็นมิตร

     

    แบคฮยอนพยักหน้ารับรู้  เขาลืมไปเสียสนิทว่าคริสมีบ้านพักของครอบครัวอยู่ที่เชจูหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ  มันใหญ่พอที่จะตั้งสโมสรได้เลยล่ะ

     

    ประชุมกันต่ออีกไปนานทุกคนก็แยกย้ายกันไป  เหลือแต่ลู่หานและชานยอลที่ถูกมินซอกเรียกตัวไว้คุยอะไรสักอย่างแบคฮยอนเหลือบมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาเริ่มคิดว่าลู่หานชักจะไม่น่ารักแล้ว

     

    คิดอะไรอยู่คนเดียวได้ไม่นานดวงตาคุ่สวยก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า  ขณะที่ลู่หานกำลังจะลงจากเวทีร่างบางนั้นก็เสียหลักล้มลงแต่โชคดีที่ชานยอลที่เดินตามลงมาคว้าตัวไว้ได้ทัน  ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่คืบ

     

    จู่ๆแบคฮยอนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  มือเรียวคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วตั้งท่าจะเดินกลับบ้านทันที

     

    เฮอะ!

     

    เดินหงุดหงิดงุ่นง่านมาได้สักพักแบคฮยอนก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

    แล้วนี่เขาจะหงุดหงิดทำไม?

     

    ขาเรียวพาร่างของเจ้าของเดินไปตามซอยเงียบๆแห่งนี้ช้าๆ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอทางด้านหลังทำให้เขาไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งที่เขาลองเปลี่ยนจังหวะการเดิน  ฝีเท้าของคนด้านหลังก็เปลี่ยนจังหวะตามเขา

     

    แบคฮยอนหยุดเดิน...คนด้านหลังก็หยุดเดิน

     

    พอเขาเริ่มเดิน...คนด้านหลังก็เริ่มเดิน

     

    เมื่อมันใจว่ามันผิดปรกติ  ฝีเท้าก้ถูกเร่งให้เดินเร็วขึ้น  แต่เสียงฝีเท้าที่ตามเขามาก็เร่งขึ้นเช่นกัน  ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังถูกตามอยู่แน่ๆ  สมองเลยสั่งการให้ขาเรียวออกวิ่งทันที

     

    แบคฮยอนวิ่งหนีมาเรื่อยๆจนกระทั่งเขาหลุดออกจากทางกลับบ้าน  เวลานี้ก็เลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้ว  ผู้คนจึงไม่ค่อยมากอย่างที่ควรจะเป็น

     

    “อะไรนักหนาวะ! ขออยู่สงบๆสักวันได้มั๊ยเนี่ย!”ร่างบางสบถกับตัวเอง  ช่วงนี้รู้สึกว่าชีวิตของเขามันจะวุ่นวายเกินไปแล้ว  ต้องเป็นเพราะไอ้บ้านั่นแน่ๆ

     

    เพราะนายแน่ๆปาร์คชานยอล!!

     

    “ชิ!”เสียงหวานสะบถออกมาเบาๆ  เมื่อเห็นว่าตัวเองเลี้ยวผิดมาเจอทางตันซะงั้น  แบคฮยอนกำลังจะวิ่งออกไป  แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะไอ้คนที่วิ่งตามเขามามันมาหยุดยืนอยู่หน้าทางออกเพียงทางเดียวของตรอกเล็กๆนี่เสียแล้ว

     

    “แฮ่กๆ”อีกฝ่ายเองก็หอบไม่แพ้เขาเลย  แบคฮยอนกวาดสายตาไปทั่วเพื่อหาทางหนีทีไล่  แต่ก็พบเพียงแต่กำแพงอิฐสูง...

     

    สงสัยคงต้องลุยกันสักตั้งแล้วมั้ง...

     

    มือเรียวค่อยๆเลื่อนขึ้นไปหมายจะปลดเป้ตัวเองลงเพื่อให้ลุยได้ถนัดขึ้น  แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อมีชายฉกรรจ์อีกประมาณห้าหกคนเดินเข้ามาสมทบบังทางออกเสียจนมิด

     

    “ทำเอาพวกฉันวิ่งวะเหนื่อยเลยนะไอ้ตัวแสบ”ชายคนกลางที่วิ่งไล่ตามแบคฮยอนมาตั้งแต่ต้นเอ่ยขึ้นปนกับเสียงหอบหายใจ  เสียงและรูปร่างที่คุ้นเคยเรียกให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด

     

    ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นค่อยๆถอดแว่นตาดำที่บดบังใบหน้าของตนออก เผยให้เห็นใบหน้าที่บวมช้ำราวกับเพิ่งไปฟัดกับหมามายังไงอย่างงั้น

     

    “ไอ้โล้น!”เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจ  ถึงแม้ตอนนี้ใบหน้านั่นจะบวมตุ่ยขนาดไหนแต่เขาก็ยังจำได้ดีว่ามันคือคนที่ทำร้านน้องหนูของเขาที่ผับคืนนั้น

     

    “จำได้ซะทีนะไอ้ตัวแสบ! แกดูเอาไว้วะว่าแกทำอะไรกับพวกฉันไว้บ้าง! วันนี้แหละแกต้องชดใช้!”ชายฉกรรจืคนนั้นคำรามก้อง

     

    แบคฮยอนกวาดสายตามองศัตรูของเขา...ประมารหกคน...ดูท่าจะโหดหินไปสักหน่อย

     

    ถึงจะเจ้บตัวบ้างแต่เขาคิดว่าฝีมือเขาน่าจะพอต่อกรได้ล่ะ!

     

    คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็ถอดเป้วางไว้ที่พื้น  คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างรวบรวมสมาธิ  แขนทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งการ์ด เขาพร้อมจะมีเรื่องแล้ว!

     

    กริ๊ก!

     

    กระบอกโลหะหันปลายมาทางเขาด้วยฝีมือของไอ้โล้นและลูกน้องคนอื่น  แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ  มือเรียวค่อยๆเปลี่ยเป็นยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

     

    “ไม่ต้องคิดที่จะสู้ให้ยุ่งยาก  เพราะถ้าคิดจะลุยละก็....ดีไม่ดีลูกตะกั่วจะเข้าไปฝังในตัวแกทีเดียวหกเม็ด”ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆแบคฮยอนที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งแข็ง

     

    “ความจริงแล้วฉันอยากจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้เลยนะ...เห็นหน้าแกแล้วเปลี่ยนใจว่ะ...”เสียงทุ้มที่น่าขยะแขยงสำหรับแบคฮยอนเอ่ยขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้กระบอกปืนโลหะแตะไปที่แก้มขาวเบาๆ  ความเย็นของโลหะเรียกให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย

     

    “จะฆ่าเลยฉันก็เสียดายหน้าแกว่ะ...”กระบอกปืนเย็นๆไล้ไปตามใบหน้าสวยของแบคฮยอนช้าๆ  แบคฮยอนเบี่ยงหน้าหลบอย่างรังเกียจ  เมื่อเห็นท่าทีรังเกียจอย่างชัดเจนจากอีกคนชายหนุ่มก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที  มือหนาข้างที่ไม่ได้ถือปืนออกแรงตบแก้มขาวนั้นอย่างแรงจนใบหน้าสวยสะบัดหันไปอีกทาง

     

    โลหิตสีแดงไหลย้อยช้าๆออกมาจากมุมปากบางของแบคฮยอน  แบคฮยอนไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่ายเพราะตอนนี้เขาเป็นรองอยู่อย่างเห็นได้ชัด  แต่ดวงตาสวยก็ตวัดมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง

     

    “ดูสิหน้าสวยๆของแกที่นายฉันถูกใจเป็นแผลหมดแล้ว...ทางที่ดีถ้าไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็ทำตามที่ฉันบอกจะดีกว่านะ...”มือหนาบีบคางมนบังคับให้ใบหน้าสวยหันมาสบตน  ยิ่งเห็นสายตาไม่พอใจแต่ไม่อาจตอบโต้ได้ของอีกคนก็ยิ่งสะใจ

     

    “ก่อนที่ฉันจะชำระแค้นกับแก...ขอสนุกกับแกสักหน่อยก็แล้วกันนะ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหื่นกระหาย  ดวงตาคู้นั้นจ้องมองร่างกายบางน่าสัมผัสของคนตรงหน้าด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่ปกปิด  กระบอกปืนสีดำถูกยกขึ้นมาจ่อหน้าผากมน

     

    “ถอดเสื้อออก”สั่งสั้นๆก่อนจะแตะกระบอกปืนกับหน้าผากมนเป็นการย้ำคำสั่ง  แบคฮยอนกัดฟันกรอดก่อนมือเรียวจะค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของตนทีละเม็ดอย่างช้าๆ

     

    “เร็วๆ”เมื่อเห็นว่าอีกคนชักช้าเหลือเกิน  ชายหนุ่มก็เอ่ยสั่งให้เร่งมือแบคฮยอนเร่งมือขึ้นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่พอใจเท่าไหร่นัก  เท้าใหญ่ของอีกฝ่ายถึงได้ยกขึ้นถีบหน้าท้องของเขาเสียหงายหลัง

     

    “อั่ก!”เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวลำตัวบางจึงรับแรงถีบไปเต็มๆ  มือขาวทั้งสองข้างกุมท้องของตัวเองแน่น  แบคฮยอนจุกเสียจนไม่สามารถเปล่งเสียใดๆออกมาได้

     

    “หึ!”ชายฉกรรจ์คนนั้นจ้องมองร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ที่พื้นด้วยความสะใจ  เขาหันไปฝากอาวุธปืนไว้กับลูกน้องก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาร่างที่กำลังทรมาณอยู่ที่พื้น

     

    “อึก!”เรือนผมสีน้ำตาลสวยถูกมือหนากระชากจากด้านหลังให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบกับตน  ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาราวกับจะฆ่าให้ตายเสียตรงนั้น  เสียงไอและหอบหายใจเป็นระยะยังคงดังออกมาจากริมฝีปากบางทำให้คนกระทำอดที่จะแย้มรอยยิ้มด้วยความพอใจไม่ได้

     

    “ปล่อ....ย”ร่างบางถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างไร้ปรานีก่อนที่ร่างของเขาจะถูกคร่อมทับด้วยร่างหนาของอีกคน  เสียงหวานที่เปล่งออกมาขาดหายไม่เป็นคำ

     

    “ทำตัวน่ารักๆดีกว่านะ...แกจะได้ตายแบบสบายๆหน่อย...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนมือหนาจะพยายามปลดซิปกางเกงนักเรียนของร่างบาง  แต่มือเรียวก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรืออะไรได้  แต่ร่างกายของเขาก็ยังพอมีแรงอยู่บ้าง

     

    เพี้ยะ!

     

    “หยุดดิ้นสิวะ!”ฝ่ามือหนาประทะเข้ากับแก้มขาวอย่างแรง  รอยแดงปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน  ชายหนุ่มอดที่จะรำคาญไม่ได้ที่อีกคนเอาแต่ดิ้น  ทั้งๆที่แรงก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว

     

    “ปล่....อย...”ยิ่งซิปกางเกงถูกรูดต่ำลงเท่าไร  แบคฮยอนก็เริ่มรู้สึกภึงอันตรายที่เริ่มคืบคลานเข้ามาหาเขาทุกทีๆ  ดวงตาคู่สวยที่เริ่มรื้นน้ำกวาดมองไปรอบตัวหวังเพียงขอความช่วยเหลือในตอนนี้...ตอนที่เขาไม่สามารถสู้ได้  แต่ตรอกเปลี่ยวแห่งนี้ก็ดูจะไร้ความหวังเหลือเกิน  ท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสียิ่งทำให้เขาใจหาย

     

    “ปล่อย!!”แบคฮยอนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเท่าที่จะหาได้ออกแรงผลักร่างหนาที่คร่อมทับตนอยู่ออกไป  แขนเรียวพยายามยันร่างตัวเองขึ้นเพื่อหาทางหนีแต่ก็ไม่ทันมือหนาของอีกคนที่กระชากข้อมือบางเสียจนเจ้าของร่างปลิวติดมือมาอย่างง่ายดาย

     

    “ดื้อนักใช่มั๊ย!!”เสียงทุ้มคำรามลั่น  สิ้นเสียงหมัดใหญ่ก็กระแทกลงที่หน้าท้องขาวนั่นทันที

     

    “แค่ก! แค่กๆ”แบคฮยอนไอออกมาอย่างหนัก  เรี่ยวแรงของเขาหายไปจนหมด  ไม่มีแม้แรงที่จะขัดขืน  ลมหายใจติดขัด  ดวงตาของเขาเริ่มพร่าเรือนไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บปวดหรือเพราะน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มขาวจนเขารู้สึกได้นี่กันแน่

     

    สัมผัสน่ารังเกลียดตามลำคอและแผ่นอกทำให้เขายิ่งอยากร้องไห้  เปลือกตาสวยค่อยๆปิดลงอย่างไร้ทางสู้หวังแค่จะหนีจากสัมผัสน่ารังเกลียดนี่  แต่ยิ่งหลับตากลับยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจน

     

    มือเรียวเหยียดไปยังทางออก  สัมผัสอบอุ่นบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ที่ฝ่ามือ...

     

    เขาแค่หวังความอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยของใครสักคนเท่านั้น...

     

    แต่มันก็มีเพียงอากาศเท่านั้น...

     

    เสียงตะโกนของใครหลายคนเรียกให้เปลือกตาบางต้องเปิดขึ้นอีกครั้ง  ภาพตรงหน้าของเขาพร่าเลือนไปหมด  แสงสว่างที่ส่องลอดผ่านทางออกของตรอกมาทำให้เห็นเงาของใครบางคนวิ่งใกล้เข้ามา  ร่างสูงที่คุ้นเคย...

     

    “ชาน....ยอล....”เอ่ยเบาราวกับเสียงลม  รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางสวยก่อนที่สติสุดท้ายของเขาจะค่อยๆจางหายไป

     

    “พี่แบคฮยอน!!!”จงอินตะโกนเรียนชื่ออีกคนหลังจากที่เห็นร่างบางนั้นหมดสติไป

     

    กริ๊ก!

     

    ขายาวกำลังจะก้าวพาร่างของตัวเองเข้าไปหาอีกคน  แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักกึก  กระบอกปืนที่เคยเล็งไปยังคนตัวเล็กบัดนี้ได้พากันสามัคคีหันมาหาเขากันหมดแล้ว

     

    “ออกไปซะไอ้หนูถ้ายังไม่อยากตาย!”หนึ่งในคนที่กำลังเล็งปืนมาที่เขาเอ่ยขึ้น  ดวงตาคมเหลือบไปมองร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ด้านหลัง  คิมจงอินขบกรามแน่น

     

    แรงสั่นที่มาจากโทรศัพท์เครื่องหรูในมือซ้ายเรียกรอยยิ้มเล็กๆให้ปรากฏขั้นที่มุมปากของเด็กหนุ่มได้

     

    “ยิ้มอะไร”

     

    คิมจงอินไม่ได้ตอบอะไรมีเพียงรอยยิ้มร้ายเท่านั้น  เสียงล้อรถเบียดถนนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนรถยนต์สีดำจะแล่นเข้ามาจอดไม่ไกลนัก  ชายในชุดสูทพากันวิ่งกรูลงมาจากรถ  กระบอกปืนสีดำหลายสิบกระบอกพากันจ่อตรงไปยังชายฉกรรจ์เหล่านั้น

     

    “ขออภัยในความล่าช้าครับคุณจงอิน”ชายหนุ่มสวมแว่นดำคนหนึ่งเอ่ยกับเด็กหนุ่มก่อนจะขอให้เขาเข้าไปช่วยคุณหนูคนสำคัญที่นอนหมดสติอยู่ไม่ไกลนัก

     

    เมื่อเห็นว่าเสียทีชายหนุ่มจึงต้องยอมจำนน กระบอกปืนถูกวางไว้ที่พื้นช้าๆก่อนพวกเขาจะถูกต้อนออกไปจากตรอกนั้น

     

    จงอินตัดสินใจปล่อยพวกตัวร้ายให้คนของตระกูลบยอนจัดการ  ส่วนเขาก็มีหน้าที่ดูอาการคุณหนูของบ้าน

     

    “พี่แบคฮยอน!”จงอินอดที่จะตกใจกับสภาพของอีกคนไม่ได้  เด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อนอกของชุดนักเรียนออกก่อนจะบรรจงคลุมร่างบางนั้นอย่างเบามือ  แขนแกร่งช้อนร่างของอีกคนขึ้นมาแนบอกก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถทันที  ชายหนุ่มในแว่นดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่าชายชุดดำนี้ดูจะตกใจไม่น้อยกับสภาพสะบักสะบอมของคุณหนู  เขารีบเปิดประตูให้จงอินเข้าไปนั่งและขับรถออกไปทันที

     

    “ขอบคุณคุณจงอินมากนะครับที่โทรมาบอกคุณท่าน ไม่อย่างนั้นพวกเราก็อาจจะมาช้าเกินไป”

     

    “ไม่เป็นไรครับ...”เสียงทุ้มตอบรับเบาๆก่อนเจ้าของเสียงจะหันมาให้ความสนใจร่างที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน  เด็กหนุ่มเลื่อนมือขึ้นไปปาดเลือดที่เลอะบริเวรมุมปากบางเบาๆราวกับกลัวว่าอีกคนจะแตกสลายไปหากเขาลงแรงมากกว่านั้น

     

    หลังจากเลิกการประชุมชมรมตอนเย็นแล้วเขาก็เดินออกมารอแบคฮยอนที่หน้าโรงเรียนกะว่าจะชวนอีกคนกลับบ้านด้วยกัน  แต่ดูเหมือนเขาจะมาช้าไปหน่อย  เพราะพอเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยแว่บๆ

     

    “พี่แบคฮยอน!”เด็กหนุ่มตะโกนเรียกแต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้สนใจเขาเลย  ขาเรียวนั้นเอาแต่พาร่างของตัวเองวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย  จงอินจึงตัดสินใจวิ่งตาม  แต่ไม่นานพวกเขาก็คลาดกัน

     

    “นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่...”เด็กหนุ่มบ่นพึมพำ เมื่อเขามองไปรอบๆตัวแล้วพบทิวทัศน์ที่แปลกตา  เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้  เพราะก่อนจะคลาดกัน  เหมือนว่าเขาจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งไล่แบคฮยอนอยู่  เขาเลยตัดสินใจโทรบอกพ่อของแบคฮยอนว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอาจจะเจอปัญหาเข้าแล้วก็ได้

     

    กว่าเขาจะวิ่งหาตรอกที่เกิดเหตุพบก็เล่นเอาเหนื่อยทีเดียวล่ะ  เพราะบริเวณนี้เขาก็ไม่คุ้นกับมันเช่นกัน...

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นตา  รถยนต์คันหรูแล่นไปจอดที่หน้าประตูบ้านก่อนที่เหล่าคนรับใช้จะพากันกรูออกมาช่วยเหลือ

     

    “เดี๋ยวกระผมจัดการต่อเองครับ...”คนที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อบ้านเอ่ย  จงอินค่อยๆส่งร่างของแบคฮยอนให้คนคนนั้น

     

    “จงอิน...”เสียงทุ้มทรงอำนาจที่เขาไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนักเอ่ยเรียกชื่อทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    “ครับ?”

     

    “ขอบคุณมากนะที่คอยดูแลลูกชายฉัน...”ชายวัยกลางคนคนนั้นเอ่ยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขา  มือหนาหยาบกร้านวางลงบนไหล่ของเขาเบาๆ  รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้เขา

     

    “ไม่เป็นไรครับ...ผมเต็มใจ”เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเบาๆอย่างเกรงใจ

     

    “หลังจากนี้ฉันคงต้องฝากเธอดูแลแบคฮยอนเวลาอยู่ที่โรงเรียนแล้วล่ะ...”

     

    “ครับ”จงอินรับคำก่อนจะยิ้มบางๆ

     

    “วันนี้เธอกลับไปก่อนแล้วกัน  ขอบคุณมากนะ  ฉันขอตัวขึ้นไปดูแบคฮยอนหน่อย...”ชายวัยกลางคนเอ่ยก่อนจะขอตัวขึ้นไปดูอาการลูกชายของตนเอง

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    หลังจากที่ประชุมเรื่องชมรมเสร็จชานยอลและลู่หานก็ถูกมินซอกเรียกตัวไปคุยอยู่นานเสียงจนมืด  เนื้อหาก็เรื่องเดิมๆที่พวกเขาแสดงกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร  มินซอกเลยเสนอทางออกให้  ซึ่งเขาว่ามันจะยิ่งทำให้แย่ลง....มั้ง?

     

    “ฉันขอสั่งให้พวกนายไปซ้อมกันมาให้เรียบร้อยนะ  สัปดาห์หน้าถ้าไม่ได้ล่ะก็........ตาย!

     

    ชานยอลคว้ากระเป๋าเป้ตัวเองขึ้นมาสะพาย  ดวงตาคมสอดส่องไปทั่ว  เขากำลังมองหาใครบางคนที่เขาคิดว่าจะเดินไปส่งเสียหน่อย  แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า  เขาไม่แปลกใจเลยที่แบคฮยอนจะกลับไปก่อนเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว  ไม่ใช่เรื่องของแบคฮยอนที่จะต้องมารอเขาเสียหน่อย

     

    มือหนาความหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกะจะโทรไปถามเสียหน่อยว่าถึงบ้านแล้วรึยัง  เขารู้สึกสังหรณ์แปลกๆยังไงไม่รู้สิ

     

    “อ...เอ่อ...ชานยอล”แต่ก่อนที่จะได้กดโทรออก  เสียงหวานของอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน

     

    “ครับ?”ชานยอลรับคำ

     

    “คือ...นี่ก็มืดแล้ว...คือ”ลู่หานรู้สึกกระดากอายหากเขาจะเอ่ยขอออกไป  บางทีมันอาจจะดูไม่ดี  ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเล็กน้อยอย่างน่ารัก

     

    “จริงด้วย...งั้นเดี๋ยวผมไปส่งแล้วกันครับ”ชานยอลเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆไปให้  เรียกให้แก้มขาวนั้นขึ้นสีอย่างง่ายดาย

     

    “อ...อื้อ”ลู่หานรู้สึกขอบคุณที่ชานยอลเป็นคนเอ่ยปากเอง  เพราะเขาก็อายเกินกว่าที่จะขอให้อีกคนไปส่ง

     

    ชานยอลไม่ได้เอารถมา  เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงต้องนั่งรถเมล์เอา  ผ่านไปประมาณเจ็ดป้ายรถเมล์ก็ถึงหน้าปากซอยบ้านของลู่หาน  แต่เพราะบ้านของลู่หานอยู่สุดซอยพวกเขาจึงต้องเดินเข้าไปอีกใกลอยู่

     

    “ชานยอล...”เสียงหวานของคนข้างๆเอ่ยขึ้นเรียกให้ชานยอลต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    “ครับ”

     

    “คือเรื่องนั้นน่ะ...”ลู่หานเอ่ยเปิดประเด็น

     

    “เรื่องที่สวนสนุกวันนั้นน่ะ...”ชานยอลรู้สึกหายใจสะดุดขึ้นมาทันทีที่ชื่อสวยสนุกถูกเอ่ยขึ้น  เขาแทบจะลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิด

     

    “คือพี่ไปคิดๆมาแล้วนะ...”ลู่หานหยุดเดิน  ใบหน้าสวยก้มลงจนคางชิดอก  ชานยอลก็หยุดตามอีกคน  ดวงตาคู่คมเริ่มฉายแววความหนักใจ

     

    “เรื่องที่นาย....พี่...”ลู่หานเอ่ยเสียงเบา  ตอนนี้เขาเขินเกินกว่าจะเอ่ยมันออกมาให้ชัดเจนได้

     

    “พี่จะ....พี่จะคบกับนายนะ!”เสียงหวานเอ่ยออกมารัวเร็วเสียแทบฟังไม่ทัน  และก่อนที่ชานยอลจะได้เอ่ยอะไรต่อ  เจ้าตัวก็รีบวิ่งดุ๊กๆเข้าบ้านไปทันที

     

    “อ...ห๊ะ?”ฝ่ายชานยอลที่เหมือนสมองจะประมวลผลได้ช้าเหลือเกินก็ได้แต่ตกอยู่ในอาการมึนงง

     

    เขาบอกไม่ถูกว่าในตอนนี้ตัวเขารู้สึกอย่างไร  เขาควรจะดีใจที่พี่ลู่หานตกลงคบกับเขา  แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจ  แต่มันมีความรู้สึกจุกๆอะไรบ่งอย่างที่เกิดขึ้นในอกอย่างที่เขาไม่สามารถหาที่มาของมันได้

     

    ความรู้สึกที่มันเริ่มทำให้เขาอึดอัดอย่างประหลาด...

     

    มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา  แต่แล้วก็ทำให้เขารู้ว่าเขาเปิดรายชื่อทิ้งไว้

     

     

     

     

     

    ไอ้ลูกหมาบยอน

     

     

     

     

     

    แค่เขานึกถึงเจ้าของชื่อแล้วเขาก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขามันติดขัด...

     

    ทำไมกัน.....










    TBC.
    TALK: หายหัวไปนานมากค่ะ ยอมรับผิดแต่โดยดี  ขอโทษน้าาาาาาาาา TT งานเยอะอ่ะ ไม่ใช่เรื่องเรียนหรอก  กิจกรรมอ่ะค่ะ  อาทิตย์หน้าเพชรก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอัพได้รึเปล่า  เพราะเป็นอาทิตย์ที่มีงานโรงเรียนพอดี  ม.6 แบบเพชรก็ต้องทำละครล่ะค่ะ! ติดงานทำฉากทำนู่นทำนี่ทำนั่น เยอะไปหมดเลย TT ขอโทษจริงๆนะคะ

    โอเคเข้าเรื่อง...  ตัวละครสำคัญโผล่มาอีกตัวแล้ววววว  คุณพ่อบยอนนั่งเองค่ะ >< ขอสปอยเกี่ยวกับคุณพ่อบยอนไว้นิสนุง  ขอบอกว่านางเป็นคนหวงลูกชายมากค่ะ! อุอุ  เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ><

    ส่วนเรื่อง heartshot นี่  เพชรอัพแน่ๆค่ะ  แต่ก็อย่างที่บอก  เนื่องจากอีเพชรสมาธิสั้นม๊ากกกก  ไม่สามรถทำอะไรนานๆได้  เพชรเลยแต่งเร็วไม่ได้(เกี่ยว?)  เพชรเลยจะขอลงให้จบเป็นเรื่องๆอ่ะค่ะ  จะลงเพลย์บอยให้จบก่อนแล้วค่อยลงฮาร์ตชอทต่อ  แต่ถ้าคนอ่านไม่สบายใจที่เห็นมันมีแต่อินโทรค้างเติ่งมานานมาก  เพชรจะลบบทความออกก่อนดีมั๊ยคะ  จะได้ไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป #เหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆ  ยังไงก็อดใจรอกันอีกหน่อยนะคะ  เรื่องนี้จบจะอัพให้เลย!!!  สัญญา! เกี่ยวก้อยๆ  ปิดเทอมนี้จะอัพได้เร็วแล้วค่ะ  เพชรมีที่เรียนแล้ว  ชิวแล้ว  ไม่มีเรื่องเรียนพิเศษอะไรอีกแล้ว จะยุ่งก็แค่พวกกิจกรรมนี่แหละค่ะ  แต่เดี๋ยวก็หมดแล้ว

    ถึงตอนนั้นจะนั่งแต่งทั้งวี่ทั้งวันเลย  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ><  เจอกันตอนหน้านะคะทุกคน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×