คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : (os) The HULK | v x jungkook
THE HULK
v x jungkook
13.9.15
“พี่จะเป็นสไปเดอร์แมน...ส่วนนายต้องเป็นแมรี่เจน”
“อะไรกันผมก็อยากเป็นสไปเดอร์แมนนะ!”
“พี่โตกว่าพี่ต้องได้เป็นสไปเดอร์แมนสิ”
“ไม่เห็นเกี่ยว!”
“งั้นเอาใหม่...นายน่ารักกว่านายต้องเป็นแมรี่เจนให้พี่!”
“น่ารักอะไรกันเล่า!”
“จองตัวแล้วนะ...โตขึ้นต้องมาเป็นแมรี่เจนให้พี่นะ”
“ทำไมชอบพูดเองเออเอง!”
“สัญญาแล้วนะจองกุก!”
THE HULK
...จอนจองกุกกำลังประสบกับความเครียดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่น....
...ใหญ่ขนาดไหนอ่ะเหรอ?
...มาก
ดวงตากลมของเด็กหนุ่มจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความเครียดขึง คิ้วได้รูปขมวดแน่นจนแทบจะเป็นปม มือขาวก็กระชับเสื้อยืดตัวใหญ่ที่ตนสวมใส่อยู่เล็กน้อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้กำลังจะเป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในชีวิตวับรุ่นเลยก็เป็นได้ จอนจองกุกวัยสิบแปดปีกำลังจะไปพบกับคนสำคัญ...คนที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำเสมอมา
....ถึงแม้จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลาจะล่วงเลยมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม...
ภาพความทรงจำของแผ่นหลังกว้างของพี่ชายคนหนึ่งและรอยยิ้มแสนร่าเริงนั่นยังคงเด่นชัด น้ำเสียงใสๆที่เอ่ยเจื้อยแจ้วถึงซุปเปอร์ฮีโร่มากมายนั่นก็อีก...
ได้ข่าวจากผู้เป็นมารดาว่าพี่ชายคนนั้นประสบความสำเร็จพอสมควร เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาและกำลังจะกลับมาทำงานที่เกาหลีให้กับบริษัทของครอบครัว เมื่อครั้งเป็นเด็กจองกุกจำได้ดีว่าพวกเขายังเล่นสนุกกันไปวันๆ กระโดดโลดเต้นปีนป่ายกันเสียจนพ่อแม่ต้องมาจับแยก
เวลาสิบปีนี่ผ่านไปไวเสียยิ่งกว่าโกหกเสียอีก...
‘โตขึ้นจ้องมาเป็นแมรี่เจนให้พี่นะ!’
ประโยคนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ขาดสาย ยิ่งยามที่นึกถึงรอยยิ้มกว้างๆของคนพูดแล้วก็พาลให้นึกขัน ในคราที่ยังเป็นเด็กเขาไม่ได้รู้สึกเอะใจกับประโยคไร้สาระนั่นเลยสักนิด ในตอนนั้นในหัวของเด็กน้อยจองกุกมีเพียงเรื่องที่ทะเลาะกันใหญ่โตเพื่อที่จะแย่งกันเป็นสไปเดอร์แมนเพียงเท่านั้น
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพอได้ยินมันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนถึงได้รู้สึกแปลกไปนะ?
...และนั่นแหละที่ทำให้เด็กหนุ่มเครียด...
มันเริ่มจากโทรศัพท์บ้านที่แผดเสียงขึ้นในตอนเช้าของวันอาทิตย์...
“จองกุกไปรับโทรศัพท์สิลูก!”เสียงของมารดาที่ตะโกนก้องมาจากในครัวเรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังเอกเขนกนั่งดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องรับแขกต้องหันไปให้ความสนใจ พอละสมาธิออกจากการดูโทรทัศน์แล้วตอนนั้นแหละเสียงของโทรศัพท์ถึงได้ผ่านเข้ามาในหู
ร่างสูงของเด็กหนุ่มผุดกายลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะคว้ามันฝรั่งทอดกรอบกำหนึ่งยัดเข้าปากแล้วเดินตรงไปยังโทรศัพท์บ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องรับแขกทันที
“บ้านจอนครับ...”กรอกเสียงลงไปอย่างยากลำบากไม่น้อยเมื่อในปากยังคงเต็มไปด้วยมันฝรั่งทอดกรอบ เด็กหนุ่มเคี้ยวตุ้ยๆโดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่ามันจะดูเสียมารยาทเพียงใด
“สวัสดีครับ...ที่นั่นใช่บ้านของ จอน จองกุก รึเปล่า?”น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ดังเข้ามาตามสายเรียกให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น น่าแปลกที่มันคุ้ยเคยอย่างประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ สำเนียงแบบนี้จากที่ไหน
...แต่จองกุกแน่ใจว่าเขาไม่รู้จักคนคนนี้แน่ๆ...
“ครับ...พูดสายอยู่”เด็กหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก อยากจะรีบจัดการธุระให้เสร็จแล้วไปนั่งดูการ์ตูนยามเช้าเช่นเดิมสักที มือขาวจัดการยัดมันฝรั่งทอดกรอบในมืออีกกำเข้าปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเคี้ยวกร้วมๆโดยไม่คิดจะสนใจมารยาทเฉกเช่นเดิม
“อ่า...จองกุก...”น้ำเสียงที่ดูคลายความประหม่าลงของอีกฝ่ายเรียกให้เด็กหนุ่มเริ่มหันมาให้ความสนใจ จองกุกเคี้ยวมันฝรั่งในปากให้ช้าลงและเริ่มคิดที่จะตั้งใจฟังสิ่งที่ปลายสายกำลังจะเอ่ย
“...”
“นี่พี่เอง...แทฮยอง คิมแทฮยอง”กระพุ้งแก้มที่พองออกเพราะกำลังเคี้ยวกรุบกนับชะงักลงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ดวงตากลมของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีบริบูรณ์เบิกกว้างขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะต้องอ้าปากค้างเสียจนมันฝรั่งทอดกรอบในปากแทบจะร่วงลงพื้นกันเกรียวกราวเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“...พี่มาทวงสัญญาแล้วนะแมรี่เจน...”
...ชิบหาย...
คำเดียวในหัวของเด็กหนุ่มตอนนั้น....
ทวงสัญญา?
ทวงสัญญาบ้าบออะไรกันล่ะเว้ย! หมายความว่าอย่างไรเล่า! ทวงสัญญาอะไร?
สัญญาที่บอกว่าจองตัวเขาเป็นแมรี่เจนงั้นหรือ? บ้า...คิมแทฮยองมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
จอนจองกุกไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คิมแทฮยองยึดมั่นกับสัญญาปัญญาอ่อนในวัยเยาว์ที่เจ้าตัวพูดเองเออเองขนาดนั้น เท่าที่จำได้คือเขาเองไม่ได้ตอบตกลงไปเลยด้วยซ้ำ แล้วประเด็นมันยังมีเรื่องที่ตอนนี้เขาไม่ใช่จอนจองกุกที่แทฮยองพี่ชายข้างบ้านคนนั้นเคยรู้จักอีกแล้ว
...ก็ไม่อยากจะปฏิเสธหรอกว่าตอนเด็กๆน่ะจอนจองกุกน่ารักน่าชังแค่ไหน
ดวงตากลมโตใสแจ๋ว ผิวขาวอมชมพูสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับสีสวยแล้วยังฟันกระต่ายน่ารักๆนี่อีก...น่ารักมากจนตัวเองยังนึกไม่ถึงเชียวล่ะ...
..แต่นั่นมันเป็นเรื่องของอดีต...
ดวงตากลมทรงเสน่ห์ที่ยังคงประกายใสแจ๋วเฉกเช่นวันวานจ้องมองภาพที่กระจกเบื้องหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ ภาพที่เห็นหาใช่เด็กหนุ่มน่ารักน่าชังอย่างที่ตนเคยจินตนาการไว้ไม่...สิ่งที่เห็นมีเพียงเด็กหนุ่มตัวสูงรูปร่างสมส่วนเช่นเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน อีกทั้งใบหน้าที่ควรจะน่ารักน่าชังราวกับกระต่ายตัวน้อยๆตอนนี้กลับเติบใหญ่เสียจนหล่อเหลาแซงวัยเดียวกันไปโข...
...ไอ้หล่อน่ะมันก็ดีอยู่หรอก...
...แต่มองยังไงมันก็ห่างไกลจากคำว่า ‘แมรี่เจน’ ไปมากโขเลยมิใช่หรือ?
จองกุกถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ มือขาวของเด็กหนุ่มก็ยกขึ้นขยี้เรือนผมสีดำสนิทของตนสองสามทีเสียจนมันยุ่งเหยิง เด็กหนุ่มเลิกสนใจสภาพตัวเองในกระจกตรงหน้าก่อนจะเดินไปทิ้งกายนอนแผ่บนเตียงใหญ่ของตนอย่างอ่อนแรงทันที
“พี่ต้องจำผมไม่ได้แน่ๆ”เด็กหนุ่มพึมพำกับตนเอง ยิ่งนึกสภาพตัวเองตอนนี้แล้วก็ยิ่งเครียด
ตอนเด็กๆจองกุกเป็นเด็กตัวเล็ก ไม่ว่าจะทั้งความสูงหรือแม้แต่ความกว้างของลำตัว เพราะเป็นเด็กตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันทำให้เขามักจะตกเป็นเป้าหมายในการกลั่นแกล้งเสมอ ตอนเด็กๆจองกุกมักจะคิดว่าเขาจะทนมันได้ คิดว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดต่อกรกับมัน
...แต่แม่ของเขาไม่คิดแบบนั้น...
คุณนายจอนจึงได้หอบหิ้วลูกชายตัวเล็กไปสู่สังคมใหม่ที่ไกลถึงอีกฟากของโลก จองกุกเริ่มชีวิตวัยประถมอีกครั้งที่อเมริกา
ในช่วงแรกมันก้เหมือนที่เกาหลี เด็กๆที่นั่นไม่ได้ใจดีมากนัก ทุกคนมองว่าจองกุกเป็นตัวประหลาด เพราะตัวเล็กกว่าเขาแถมยังพูดน้อยไม่ค่อยสุงสิงกับใครเสียอีก...อันที่จริงจองกุกก็อยากจะบอกหรอกนะว่าเงียบๆนี่ไม่ได้หยิ่งแค่พูดภาษาอังกฤษยังไม่เก่งโว๊ย
แต่ก็นั่นแหละ....เขาบอกไม่ทัน...
จองกุกยังคงถูกรังแกเล็กๆน้อย จริงอยู่ที่มันไม่ได้หนักเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่เกาหลีแต่มันก็ยังมีอยู่ในทุกๆวันของการเรียน...จนกระทั่งวันนั้น...
วันที่ ‘ฮีโร่’ ของเขาปรากฏตัวขึ้น...
“เฮ้! กระเป๋าของตัวเองก็ถือเองสิ”เสียงเอาเรื่องของใครบางคนที่ดังขึ้นจากเหนือหัวเรียกให้เด็กน้อยจอนจองกุกที่ถูกกองกระเป๋าเป้ท่วมทับอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปให้ความสนใจ
ดวงตาวาวๆพร้อมเอาเรื่องของเด็กชายตัวสูงเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งคือสิ่งแรกที่จองกุกเห็น เด็กชายที่ดูเหมือนจะแก่กว่าเขาเล็กน้อยเพราะมีร่างกายที่สูงกว่า..แต่กระนั้นมันก็เก้งก้างเสียเหลือเกิน
“แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย!”เจ้าอ้วนหน้าตกกระผู้เป็นหัวโจกของแก๊งค์เด็กบ้าตะโกนตอบจนน้ำลายกระเซ็น จองกุกเบ้หน้าพลางขยับตัวหนีด้วยความรังเกียจ ก็ไม่รู้นี่นาว่าเจ้าอ้วนนี่มีเชื้อลมบ้าหมูสักกี่มากน้อย ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงสักนิด
“ฉันเกรดสูงกว่านะ....พูดดีๆหน่อยไอ้อ้วน”คำพูดของคนผิวเข้มยืนยันความคิดของจองกุกได้ดีว่าจองกุกเด็กกว่า พูดยังไม่ทันจบประโยนดีร่างโปร่งเก้งก้างของเด็กชายชาวเอเชียเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งก็เซแท่ดๆไปด้านหลังตามแรงผลักของเจ้าอ้วน
เห็นอีกฝ่ายล้มหงายหลังก้นกระแทกพื้นจนหมดท่าจองกุกก็ได้แต่ถอนหายใจ ไงล่ะ...ทำอะไรไม่ประมาณตนเอง อยากทำตัวเป็นฮีโร่สุดท้ายก็โดนผลักเสียกระเด็น จองกุกคิดว่าไม่ว่ายังไงการอยู่เฉยๆยอมๆทำให้มันไปก็ดีกว่าเห็นๆ ถึงจะน่าขัดใจแต่อย่างน้อยจองกุกก็ไม่เจ็บตัว
“ลุกได้แล้วไอ้กุ้งแห้ง”เสียงน่ารำคาญดังขึ้นพร้อมกับเด็กหนุ่มชาวอเมริกันด้านหลังที่ฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้น จองกุกหยัดกาบลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะกระเป๋ามากมายที่ท่วมทับอยู่บนตัวเด็กชาย แต่ก็ไม่มีเสียงบ่นออกมาเลยแม้แต่นิด
ดวงตากลมใสเหลือบมองคนที่นั่งจุมปุ๊กปั่นฝุ่นตามร่างกายตนเองอยู่ไม่ห่างมากนักนิ่งๆ จนชั่วขณะหนึ่งที่ดวงตาคมคู่นั้นบังเอิญเหลือบมาสบกัน แววตาประหลาดก็ปรากฏขึ้นในแววตาคู่นั้น
...นี่อย่าบอกนะว่า...
พลั่ก!
ยังไม่ทันสรุปกับตัวเองได้จนจบ เด็กหนุ่มตัวสูงเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งก็วิ่งถลาเข้ามายังกลุ่มของพวกเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะออกแรงถีบเข้าที่ก้นอ้วนๆของตัวหัวหน้าเสียจนร่างกลมๆนั้นกลิ้งโคโร่ไปกับพื้นหญ้า
“คิดว่าผลักคนอื่นเข้าได้ฝ่ายเดียวรึไงไอ้อ้วน!”เสียงนั้นตะโกนกร้าวท่ามกลางสายตาตกตลึงของคนที่เหลือ รวมทั้งจอนจองกุกเองด้วย เด็กชายมองภาพการตะลุมบอนที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าตาปริบๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วและวุ่นวายเกินไปเสียจนเขาตามไม่ทัน
จนเสียงร้องไห้จ้าของเจ้าอ้วนที่ดังขึ้นนั่นแหละสติของเด็กชายถึงจะกลับมา จองกุกมองเห็นเจ้าหมูและพรรคพวกพากันวิ่งจากไปโดยไม่สนใจกระเป๋าเป้ที่อยู่กับเขาเลยสักนิด
“นี่นาย!”เสียงเรียกนั่นพาให้ร่างเล็กของเด็กชายสะดุ้งสุดตัว จองกุกจ้องมองร่างสูงกว่าของเด็กชายอีกคนที่กำลังสาวเท้าเดินตรงมาหาเขาอย่างหวาดๆ มองสภาพสะบักสบอมของอีกฝ่ายแล้วก็ชักไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วไอ้หมอนี่มันชนะจริงๆหรือเปล่า?
มือที่ใหญ่กว่าฉวยเอากระเป๋าทุกใบที่จองกุกหอบไว้ไปถือเสียงเอง ก่อนจะจัดการโยนมันออกไปเบื้องหน้าในทิศทางที่เจ้าหมูตอนและพรรคพวกวิ่งแจ้นออกไปเสียจนสุดแรงขา
“ไอ้อ้วน แกลืมกระเป๋าโว๊ย!!!!!”
“แล้วก็นาย!”คนที่กำลังคิดว่าจะเดินจากไปเงียบๆจำต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้เมื่อเด็กชายตัวสูงอีกคนหันขวับมารั้งเขาเอาไว้เสียก่อน จองกุกยืนนิ่งจ้องมองอีกคนที่สาวเท้าเข้ามาเลิกลั่ก กำลังคิดว่าถ้าเกิดอีกฝ่ายล่วงรู้ว่าเขาแอบด่าในใจแล้วอยากจะเตะเขาขึ้นมาจะทำอย่างไรดี
“โง่รึเปล่า? นำไมไม่สู้ล่ะ”อีกฝ่ายเท้าเอวตะโกนใส่เข้าเสียจนหัวคลอน จองกุกเลยได้แต่มองตาปริบๆด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ยิ่งอีกคนยกมือขึ้นมาตบปุๆลงบนหัวทุยๆของเขาราวกับเอ็นดูนักหนาก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“เอ้าตอบสิ...ไปยอมเจ้าพวกนั้นทำไม?”พอเห็นว่าคนตัวเล็กกว่ายังเอาแต่มองหน้าเขาคาปริบๆ เด็กชายตัวสูงกว่าก็ได้แต่เอ่ยเร่งเร้าไปอีก ไม่รู้ว่าเจ้าตาแป๋วนี่เป็นใบ้รึไงกันนะ
“เอ่อ...ก็ ไม่อยากเจ็บตัว...มั้ง?”
“ไม่ได้!!!!”ตอบอ้มแอ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงตะวาดลั่นของอีกคน มือใหญ่กว่าคว้าเอาไหล่เล็กของจองกุกเอาไว้แน่ก่อนใบหน้าจริงจังของคนอายุมากกว่าจะเคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับสีหน้าจริงจัง
“ต่อไปนี้นายต้องสู้เข้าใจป่ะ? เดี๋ยวฉันจะสอนเอง...วิถีลูกผู้ชายน่ะ!”
“...อ้อใช่ ฉันชื่อแทฮยองนะ คิมแทฮยอง!”
....และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่จองกุกได้พบกับ ฮีโร่ ของเขา...
...โอเค กลับมาสู่ปัจจุบันที่แสนโหดร้าย...
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่แผดเสียงดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตากลมใสแจ๋วเฉกเช่นเมื่อครั้งเยาว์วัยต้องกลับมาสู่ปัจจุบัน จองกุกไถลกายไปบนเตียงไขว่คว้าเอาโทรศัพท์มารับในที่สุด
“ครับ”
(จองกุก...อย่าลืมนะ บ่ายโมงเรามีนัดกันที่หน้าสถานนี) เด็กหนุ่มแทบจะเด้งตัวพรวดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มที่เริ่มคุ้นเคยจากปลายสาย มือขาวอีกข้างที่ว่างก็รีบยกขึ้นจัดการทรงผมที่ยู่ยี่ของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางทันทีที่ประมวลผลได้ว่าปลายสายคือใคร
“อ..เอ่อ...ครับๆ”ตอบออกไปแบบงงๆมือก็ยังจัดสภาพร่างกายตนเองไปด้วย จนมานึกขึ้นได้นั่นแหละว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้เห็นเขาเด็กหนุ่มจึงได้แต่เปลี่ยนมาเป็นการเกาหัวแก้เก้อเพียงเท่านั้น
พี่แทฮยอง ของจอนจองกุกเอ่ยกำชับนัดอีกครั้งจนมั่นใจแล้วก็วางไปพร้อมกบเอ่ยว่าจะไปหาของขวัญมาให้เนื่องในโอกาสพบกันครั้งแรกในรอบสิบปี แทฮยองที่สดใสร่าเริงและเต็มไปด้วยพลังงานเสมอ
...ความสดใสนั่นแหละที่จองกุกชอบ...
...จองกุกชอบคิมแทฮยองมานานแล้ว...
...ชอบมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ...
เมื่อครั้งยังเด็กมันอาจจะเป็นเพียงความชื่นชมที่มีให้กับพี่ชายคนนี้ แต่ตอนนี้จองกุกคิดว่ามันไม่เหมือนเดิม...
...มันอาจจะเริ่มจากความชื่นชม....แต่ตอนนี้จองกุกชอบ....
ตลอดสิบปีที่ผ่านมาพวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย เท่าที่จำได้มีประมาณสองถึงสามปีต่อหนึ่งครั้งเพียงเท่านั้นเองที่ได้คุยกัน...และมันก็เป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์ของผู้เป็นแม่เท่านั้น
หลังจากที่พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนนานาชาติประจำเขตในอเมริกาแล้ว คิมแทฮยองก็ตามติดจอนจองกุกเหมือนเงาตามตัว เอ่ยปากวอแวว่าจะสอนวิถีลูกผู้ชายให้เด็กชายจองกุกไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดคนขี้รำคาญอย่างจอนจองกุกก็ต้องยอมอย่างเสียไม่ได้
พวกเขาสองคนกลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันเสียยิ่งกว่าคู่หูรักษ์ยมเสียอีก จนกระทั่งวันที่ผู้เป็นมารดามารับเขาที่โรงเรียนครั้งแรกนั่นแหละที่จองกุกได้รู้ว่าคิมแทฮยองน่ะเป็นลูกชายคนโตของเพื่อนร่วมงานแม่...เท่านั้นแหละ แม่ของเขาเลยจัดการนับแทฮยองเป็นลูกชายคนที่สองตามไปด้วยทันที
พวกเขาสองคนสนิทกันราวกับพี่น้องแท้ๆ ที่ไหนมีแทฮยองที่นั่นย่อมมีจองกุก...และที่ไหนที่มีจองกุก...ก็จะมีคิมแทฮยองอยู่ด้วยเช่นกัน
จองกุกมีความสุขมากในตอนนั้น...แทฮยองทำให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างคุ้มค่าภายในเวลาเพียงแค่แปดเดือน....ใช่แล้ว...
...ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแปดเดือน...
เนื่องจากปัญหาเรื่องงานของผู้เป็นแม่ทำใหญ่เขากับคุณนายจอนต้องกลับมาใช้ชีวิตที่เกาหลีเฉกเช่นเดิม จองกุกคิดว่าตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เสียใจนักหรอก แต่พอเอาเข้าจริง ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากบ้านโดยมีคิมแทฮยองโบกมือลาให้ ทำนบน้ำตาของเด็กชายจองกุกก็ล้นทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
...ตอนนั้นจองกุกไม่เข้าใจหรอก...แต่เขารู้แค่ว่า..
...จองกุกไม่อยากแยกจากกับคิมแทฮยอง...
หลังจากนั้นจอนจองกุกก็ใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างเด็กชายทั่วไป อ้อ...ต่างกันก็ตรงที่ไม่มีจองกุกที่ยอมคนอีกแล้ว รู้สึกว่าหมัดมวยงูๆปลาๆที่เรียนมาจากคิมแทฮยองจะใช้งานได้ดีทีเดียว
จอนจองกุกที่เคยน่ารักและตกเป็นเหยื่อของการรังแกได้จากไปและถูกแทนที่ด้วยจอนจองกุกที่เป็นผู้ล่า...ถึงตัวเอขาเองจะไม่ได้รังแกใคร แต่จองกุกตัดสินใจที่จะไม่ยอมคนอีกแล้ว ถึงจะยังไม่ชอบการเจ็บตัวเหมือนเดิมแต่จองกุกก็มีวิธีรับมือใหม่ที่ไม่ใช่การยอมทำตาม
...ก็แค่ซัดมันเท่านั้นแหละ...
เพราะแยกจากแทฮยองทำให้จองกุกรู้ว่าเขาจะไม่มีพี่ชายผิวเข้มตัวเก้งก้างคนนั้นคอยดูแลอีกแล้วเด็กชายก็คิดว่าเขาต้องดูแลตัวเอง จองกุกเลยขอผู้เป็นมารดาไปเรียนคาราเต้เอาไว้ป้องกันตัว แต่กลายเป็นว่าเรียนไปเรียนมาดันกลายเป็นความสามารถพิเศษซะงั้น
เพราะฉะนั้นจอนจองกุกตัวเล็กๆน่าปกป้องคนนั้นของคิมแทฮยองน่ะ ไม่มีอีกต่อไปแล้วล่ะ...
...มีแต่เด็กหนุ่มมาดแมนจอนจองกุกคนนี้ต่างหากเล่า!
แล้วอย่างงี้จะไปเป็นแมรี่เจนได้ยังไงล่ะ! งี่เง่า!
เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง มือขาวเอื้อมไปคว้าเสื้อผ้าในตู้อีกกองใหญ่มาวางแผ่เอาไว้เพื่อหาชุดสำหรับวันพิเศษแบบนี้อีกครั้ง จองกุกจัดการลองเสื้อผ้าแล้วส่องกระจกมองภาพเบื้องหน้าเพื่อดูความเรียบร้อย...
...แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...
...แทฮยองหวังจะได้เห็น แมรี่เจน แบบไหนจากเขากันนะ..
...ก็ที่เห็นอยู่ตอนนี้น่ะ...ตัวก็สูง กล้ามเนื้อก็มีตามแบบเด็กหนุ่มทั่วไป หน้าตาก็ไปทางหล่อเหลาไม่ได้น่ารักสัดนิด แถมยังแรงเยอะเป็นบ้า...
“เดอะฮัคชัดๆ”
...จองกุกถอนหายใจก่อนจะเริ่มใคร่ครวญอีกครั้งว่าเขาควรจะไปพบกับคิมแทฮยองจริงๆอย่างนั้นหรือ?...
“พี่ต้องผิดหวังแน่ๆ...ที่แมรี่เจนของพี่กลายเป็นเดอะฮัคไปแล้ว”
THE HULK
แต่ก็นั่นแหละคิดแล้วคิดอีกว่าจะมาดีมั๊ย?...
...สุดท้ายก็มาอยู่ดี บ้าเอ๊ย!
จองกุกนึกด่าตนเองในใจเบาๆที่ไม่อาจหาคำปฏิเสธการนัดครั้งนี้ได้สักนิด เลยต้องมาทำตัวเป็นคนน่าสงสัยอยู่ที่ทางเข้าสถานนีรถไฟแบบนี้เนี่ย!
เด็กหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีแดงตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มและรองเท้าทิมเบอร์แลนด์หุ้มข้อกำลังยืนเกาะเสาประตูทางเข้าของสถานนีรถไฟใจกลางเมืองด้วยท่าทีที่มีพิรุธมากถึงมากที่สุด
ทำตัวน่าสงสัยเสียจนคิดว่ายามหน้าสถานนีอาจจะเข้ามาจับเขาในเร็วๆนี้นี่แหละ!
นาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือถูกเจ้าของมันยกขึ้นมาดูเวลา เข็มนาฬิกาที่บอกเวลากว่าเที่ยงครึ่งแล้วเรียกให้จองกุกเริ่มไหวตัว คิมแทฮยองนัดเขาเอาไว้ตอนบ่ายโมงและตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้ว อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น....
...แต่จอนจองกุกก็ยังไม่กล้าเดินเข้าไปรอตรงบริเวณที่นัดหมายกันเอาไว้อยู่ดี...
อันที่จริงจองกุกมาถึงตรงนี้ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงแล้ว...และเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดก็คือการพยายามไตร่ตรองว่าเขาควรจะมาเจอแทฮยองตามนัดหรือไม่?
เรื่องที่ทำให้จองกุกคิดไม่ตกก็คือเรื่องที่ว่าพี่ชายคนสนิทจะผิดหวังไหมหากรู้ว่าจอนจองกุที่เคยน่ารักน่าชังในสายตาของเขากลับกลายเป็นคนที่ห่างไกลจากคำว่า น่ารัก ไปไกลได้ขนาดนี้....
“แก...คนั้นหล่อเนอะ...ไม่เคยเห็นหน้าเลย สงสัยไม่ได้อยู่แถวนี้มั้ง”เสียงพูดคุยกันเบาๆของเด็กสาววัยมัธยมต้นสองคนที่เดินออกมาในชุดเครื่องแบบเรียกให้จองกุกต้องหันไปให้ความสนใจ ได้ยินหัวข้อสนทนาก็ไม่ได้คิดจะสนใจเท่าไรนักจนได้ยินประโยคถัดมานั่นแหละ
“ขนาดอุ้มตุ๊กตาสไปเดอร์แมนตัวเบ้อเร่อยังหล่อเลยแก”
...เดี๋ยวนะ...
ตุ๊กตาสไปเดอร์แมน?
...นี่อย่าบอกนะว่า...
เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปมองภายในสถานีทันที และภาพที่เห็นก็คือตุ๊กตายัดนุ่นสไปเดอร์แมนตัวเบ้อเร่ออย่างที่ได้ยินมา ส่วนคนที่ถือนั่นกำลังหันหลังให้เขาอยู่ จองกุกเลยไม่อาจคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
แต่แผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อสูทแฟชั่นมันกลับคุ้นเคยอย่างประหลาด กะเอาด้วยสายตาความสูงของผู้ชายคนนั้นคงไล่เลี่ยกับเขา อาจจะเท่าๆกันเสียด้วยซ้ำ
...ถ้าเป็นแทฮยองจริงๆ..
....นับว่าพังตั้งแต่ข้อแรก...
จองกุกมองเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่วิ่งดิ๊กๆตรงไปหาผู้ชายคนนั้น เด็กหนุ่มมองเห็นผู้ชายที่หอบสไปเดอร์แมนตัวเขื่องย่อตัวลงพูดคุยกับเด็กน้อยคนนั้นด้วยความเอ็นดู ชั่วขณะหนึ่งที่เจ้าของรอยยิ้มนั้นเบือนใบหน้ากลับมา ตอนนั้นแหละที่ทำให้จองกุกมั่นใจ
....คิมแทฮยอง....
ผู้ชายผิวเข้มเจ้าของรอยยิ้มสดใสคนนั้น....
...คิมแทฮยอง พี่ชายของเขาแน่นอน....
ใบหน้าคมเข้มที่มีเค้าโครงให้เห็นลางๆตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย บัดนี้กลับเติบใหญ่หล่อเหลาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจากที่คาดหวังเอาไว้
ผิวเข้มที่ดูเหมือนจะเข้มขึ้นอีกไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของคิมแทฮยองลดลงเลยสักนิด กลับกันมันกลับทำให้บรรยากาศอุ่นๆที่รอบกายของใครคนนั้นถูกแต่งแต้มด้วยความเซ็กซี่เพิ่มขึ้นเสียอย่างนั้น
แทฮยองโตขึ้นมาได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้ ผิดกับเขาที่โตขึ้นมาเหมือนเป็นจอนจองกุกอีกคนที่คิมแทฮยองไม่มีทางรู้จัก...
ยิ่งคิดแบบนี้เด็กหนุ่มก็ได้แต่คิดไม่ตก...
แต่แล้วความคิดไม่ตกนั่นก็ต้องชะงักลงเมื่ออะไรบางอย่างโผล่ผ่านเข้ามาในสายตาของเขา จองกุกจ้องมองภาพเบื้องหน้านิ่งงัน ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มเรียบเฉยทั้งที่ภายในจิตใจของเขากลับร้อนลุ่มราวกับไฟเผา
กลุ่มเด็กสาวกลุ่มหนึ่งยืนพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลมากนักจนกระทั่งเด็กสาวคนหนึ่งถูกเพื่อนๆของเธอดันหลังให้หลุดออกมาจากกลุ่ม จองกุกเห็นเด็กสาวที่วัยไล่เลี่ยกับเขามีท่าทีเขินอายอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนกายเข้าหาชายหนุ่มอีกคนที่กำลังย่อตัวคุยกับเด็กน้อยอยู่
จองกุกเห็นแทฮยองละสายตาจากเด็กน้อยคนนั้นชั่วครู่ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้เด็กสาวคนนั้นคล้ายกับเป็นการเอ่ยขอเวลาอย่างสุภาพ คิมแทฮยองคุยอะไรบางอย่างกับเด็กน้อยอีกเพียงครู่เดียวพ่อหนูนั่นก็ยิ้มร่าวิ่งจากไปทันที
จองกุกไม่รู้ว่าหลังจากนั้นแทฮยองคุยอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่แม่สาวน้อยนั่นดันเดินเข้าไปยืนเคียงข้างพี่ชายคนสนิทของเขาด้วยใบหน้าเขินอาย อีกทั้งความแนบชิดที่แทบจะสิงรวมร่างกับคิมแทฮยองนั่นอีก!
ผู้หญิงสมัยนี้มันอะไรกันนะ!
“อ...เอ่อ...”กระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงราบเรียบได้ไม่นานก็มีแรงสะกิดจากเบื้องหลังทำให้จองกุกต้องหันกลับไปให้ความสนใจ
“คือ...หนูจะบอกว่าป้ายค่ะ...ป้าย”เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับนิ้วเรียวของเธอที่ชี้ตรงไปยังอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างกายจองกุก ดวงตากลมของเด็กหนุ่มจึงได้หันกลับไปตามปลายนิ้วนั้น ยิ่งพอเห็นว่าอะไรที่เด็กสาวพยายามบอกมือขาวที่คว้าจับป้ายโฆษณาร้านอาหารอยู่นั้นจึงต้องรีบคลายออกแทบจะในทันที
ให้ตายเถอะ! จอนจองกุกแผลบีบป้ายไม้เนื้ออ่อนนั่นแน่จนตอนนี้บางส่วนมันยุบคามือไปแล้ว!
จองกุกหันไปก้มหัวขอทาเด็กสาวคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านอาหารหน้าสถานีอีกครั้งก่อนจะขอตัวผละออกมาเพื่อมองหาสถานที่สังเกตการณ์ใหม่ที่ไม่มีสิ่งของอะไรที่จะตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขาอีก
จอนจองกุกไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เดินเข้ามาในสถานีกันนะ แต่เมื่อเห็นว่ามันยังพอมีเสาใหญ่ที่ดูท่าจะเป็นที่พึ่งพิงให้เขาได้เด็กหนุ่มจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหามากนัก
“อ้าว...”จองกุกชะงักทันทีเมื่อเห็นว่าใครอีกคนที่เขาจับตามองอยู่ตอนนี้หายไปแล้ว ภาพตรงหน้าที่เคยมีผู้ชายผิวเข้มตัวสูงกับตุ๊กตาสไปเดอร์แมนตัวยักษ์อยู่ตอนนี้กลับว่างเปล่า แม้แต่กลุ่มเด็กสาวนั่นก็หายไปแล้ว
จอนจองกุกนึกโทษตัวเองในใจที่ดันเผลอปล่อยให้อีกคนคลาดสายตาไปได้....ยกมือขึ้นดูนาฬิกาว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลานัดกับเขาแล้ว คิมแทฮยองหายไปไหนกันนะ?
...นี่หรือว่าหายไปกับยัยเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นกันน่ะ!
เฮ้! นี่มันพรากผู้เยาว์เลยนะ!
“ขอโทษครับ...มาคนเดียวเหรอครับ?”
เสียงทักที่ดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับแรงสะกิดที่หัวไหล่ไม่ได้ทำให้จอนจองกุกคิดจะหันไปให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มกำลังง่วนกับการกวาดสายตามองหาร่างสูงของใครอีกคนอยู่เลยไม่ได้ใส่ใจคนที่เข้ามาทักทายเลยสักนิด
“มองหาอะไรอยู่เหรอครับ?”แต่ดูเหมือนคนที่เข้ามาเอ่ยทักทายจะยังไม่ยอมรามือไปง่ายๆ เขาจึงได้เอ่ยถามไถ่ต่อไปอย่างอารมณ์ดี จองกุกนึกอยากจะถีบคนถามเข้าสักป้าบข้อหาสร้างความรำคาญใจ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มพึงระลึกได้ว่าเขาควรมองหาคิมแทฮยองเสียก่อนเป็นอย่างแรก
“ถ้าหาคิมแทฮยองมองทางนั้นก็ไม่เจอหรอก...”
“นี่คุณ...!”พอเจอประโยคนั้นเข้าไปนั่นแหละจองกุกจึงได้หมดความอดทน เด็กหนุ่มตัวสูงหมุนกายกลับมาเผชิญหน้ากับอีกคน เตรียมตัววางมวยกันสักทีที่ทำให้เสียอารมณ์ แต่แล้วดวงตากลมทรงเสน่ห์ก็ต้องเบิกกว่าเมื่อมองให้ชัดว่าเจ้าคนน่ารำคาญที่ว่านั่นเป็นใคร
ตุ๊กตาสไปเดอร์แมนตัวเขื่องคือสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในคลองสายตา ริมฝีปากเป็นกระจับของเด็กหนุ่มอ้าค้างอย่างตกตะลึง ยิ่งยามที่ตุ๊กตาตัวนั้นถูกมือหนาของคนที่ถือมันอยู่ค่อยๆดันออกเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าของตนจองกุกก็ยิ่งตกใจ
แก้มขาวทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มขึ้นสีเรื่อทันทีที่ประมวลผลได้ทันว่าใครกันที่เป็นเจ้าของตุ๊กตานี่ในตอนนี้ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายจะโผล่พ้นจากเบื้องหลังของตุ๊กตาตัวนี้มาขายาวของเด็กหนุ่มก็ออกวิ่งทันที
“อ้าวจองกุก!”ได้ยินเสียงทุ้มของอีกฝ่ายตะโกนไล่หลังมาแต่จอนจองกุกก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ในหัวของเด็กหนุ่มกลับมีเพียงวิธีที่จะหลบหนีให้พ้นจากคมแทฮยองเพียงเท่านั้น
...ชิบหาย!!!!!....
...พี่แทฮยองเห็นเขาแล้ว...คิมแทฮยองเห็นเขาแล้ว!!!!...
จอนจองกุกเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและดวงตากลมทรงเสน่ห์กำลังวิ่งอย่างสติแตกออกไปอีกฟากของสถานีทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
จองกุกไม่รู้ว่าเขาจะวิ่งหนีแทฮยองทำไม แต่เขารู้แค่ว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเจอแทฮยอง....ยังไม่พร้อมจะเห็นสีหน้าผิดหวังของคิมแทฮยองที่จอนจองกุกที่เคยน่ารักคนนั้นตอนนี้ไม่ได้น่ารักอีกต่อไปแล้ว...
ฝ่ายคนโดดวิ่งหนีก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆด้วยความงงงวยเมื่อเห็นอีกคนวิ่งแผล่วจากไป เป็นเวลากว่าหลายวินาทีที่คิมแทฮยองจะประมวลผลได้ว่าเขาควรจะวิ่งตามคนเป็นน้องไป ชายหนุ่มจัดการว่างเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคในการวิ่งตามเสียเหลือเกินลงที่ข้างเสาก่อนขายาวทั้งสองข้างจะก้าวออกไปทันที
มองเห็นแผ่นหลังโปร่งนั่นไวๆก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ นึกถึงสมัยที่เขาเพิ่งรู้จักกับเด็กชายตาแป๋วนั่นใหม่ๆขึ้นมาทันที เจ้าเด็กน้อยขี้รำคายที่เอาแต่วิ่งหนีเขา...แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนทนลูกตื้อเขาไม่ไหวอยู่ดีนั่นแหละ
แทฮยองเห็นจองกุกตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายหันไปขอโทษเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้วแต่เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายหนันมาแทฮยองยังเห็นหน้าไม่ชัด อยากจะคว้าตัวน้องเอาไว้แล้วบอกให้อยู่นิ่งๆสักที แต่ดูเหมือนจอนจองกุกจะยังคงเป็นเด็กดื้อเหมือนเดิมกระมัง
ตอนเด็กๆกั้นแทฮยองยอมรับว่าจองกุกน่ารักมาก เป็นเด็กน้อยน่าตาจิ้มลิ้มที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก และแทฮยองก็คิดว่าอีกคนจะต้องโตมาน่ารักเช่นเดิมไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน...
หลายครั้งที่เขาชมเจ้าตัวว่าน่ารัก จองกุกก็จะโกรธแล้วเบ้ปากใส่ตลอด เด็กน้อยตาแป๋วนั่นเข้าใจว่าที่เขาชมว่าน่ารักนั้นคือใบหน้าของจองกุก...โอเค นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง...
แต่จริงๆส่วนที่น่ารักของจองกุกคือนิสัยของเจ้าตัวต่างหาก...ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เอาเป็นว่ามันน่ารักก็แล้วกัน!
วิ่งตามจนเลยสถานีออกมาอีกฝั่งแล้วก็ยังตามจับไม่ทันอยู่ดี แทฮยองไม่แปลกใจที่จอนจองกุกวิ่งได้เร็วแถมยังความเร็วไม่ตกขนาดนี้ ก้ดูได้จากสรีระสูงโปร่งของอีกคนที่ดูท่าจะบ้าพลังไม่หยอกนั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าจองกุกเป็นเด็กหนุ่มที่ดูแลตัวเองดีมากทีเดียว
จนกระทั่งวิ่งมาถึงย่านการค้านั่นแหละที่ความเร็วของจองกุกลดลงเพราะเด็กหนุ่มต้องคอยวิ่งหลบคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ผิดกับคิมแทฮยองที่....
“ขอโทษครับ!!! ขอทางหน่อยครับ หลบครับ!!!”
...ตะโกนขอทางมันไปเลย!...
จองกุกได้ยินเสียงโหวกเหวกก็หันกลับไปดุ พบคิมแทฮยองที่กำลังวิ่งตะโกนขอทางไล่หลังสลับกับเรียกชื่อเขาตามมาอย่างน่าอาย พี่ชายคนนี้เคยอายอะไรบ้างไหมในชีวิตจองกุกเองก้อยากรู้นัก!
และเพราะหันกลับไปมองนั่นแหละเด็กหนุ่มจึงไม่ทันได้มองว่าด้านหน้านั้นมีสิ่งกีดขวางอะไร ร่างโปร่งของจอนจองกุกชนเข้ากับฟูกที่นอนอันใหญ่ที่กำลังถูกขนย้ายอย่างแรงจนกระเด็นหงายหลัง
“ข...ขอโทษครับ!”จองกุกเอ่ยขอโทษชายสองคนที่ล้มลงไปกองกับพื้นก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนีต่อ แต่แล้วก็ไม่เป็นดังที่คิดเมื่อไหล่โปร่งถูกคว้าจับเอาไว้ด้วยฝีมือของใครบางคนเสียก่อน
“จับตัวได้แล้วนะจอนจองกุก....”คิมแทฮยองว่าพลางยกยิ้มอย่างผู้ชนะทั้งที่ชายหนุ่มยังคงหอบหายใจแรงเพราะการออกแรงโดยไม่คาดคิดเมื่อครู่นี้ ดวงตาคมของแทฮยองเหลือบซ้ายแลขวาเมื่อพบพื้นที่เงียบๆหลังร้านเบเกอรี่ที่อยู่ถัดไปชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะลากร่างโปร่งของเด็กหนุ่มอีกคนให้เดินตามกันไปทันที
แทฮยองนึกขอบคุณที่จองกุกไม่ดิ้น ไม่รู้ว่าเพราะยอมแพ้แล้วหรือเพราะเหนื่อยกันแน่...ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี เพราะถ้าจะให้พูดจริงๆเกิดเจ้าเด็กตาแป๋วนี่มันดิ้นขึ้นมาก็รับประกันไม่ได้หรอกนะว่าเขาจะสู้แรงไหวน่ะ
“วิ่งหนีพี่ทำไมน่ะจองกุก?”แทฮยองเอ่ยถามพลางยืนหอบหายใจจ้องมองคนที่นั่งยองๆอยุ่ที่พื้นพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้แน่น เห็นเจ้าเด็กน้อยตัวสูงตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะยอมตอบเลยสักนิดแทฮยองเลยตัดสินใจที่จะนั่งยองๆลงตรงหน้าของอีกคน
“เฮ้...นี่คิดจะไม่มองหน้าพี่จริงๆรึไง? ไม่ได้เจอกันตั้งสิบปีไม่อยากเห็นหน้าพี่เหรอ?”แทฮยองเอ่ยถาม แต่กระนั้นจองกุกก็ยังนิ่ง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยงงๆ ไม่รู้ตัวเองจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างไรดี
“นายไม่อยากเจอพี่เหรอ?”เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสลดลงเล็กน้อยเรียกให้หัวทุยๆของจอนจองกุกส่ายไปมาเบาๆเป็นการปฏิเสธ
“งั้นทำไมไม่ยอมมองหน้าพี่ล่ะ”ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมไปข้างหน้าหวังจะคว้าเอาข้อมือทั้งสองข้างออกจากใบหน้าของคนเป็นน้อง เห็นปิดเสียแน่นขนาดนี้ก็กลัวว่าเจ้าตัวจะขาดอากาสหายใจตายไปเสียก่อน
“ห้ามจับนะ!”จองกุกตะหวาดลั่นเรียกให้มือที่กำลังเอื้อมออกไปต้องชะงักนิ่ง พอรู้ตัวว่าเผลอตะคอกพี่ชายแสนดีของตัวเองไปเสียแล้วเด็กหนุ่มจึงได้แต่ละล่ำละลักเอ่ยแก้ตัวเป็นพัลวัน
“คือไม่ใช่...คือผม...คือ...”เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ตัวออกไปอย่างไรเด็กหนุ่มเลยจัดการหมุนกายหนีไปอีกฝั่งเสียอย่างนั้น ทำให้ตอนนี้สิ่งที่แทฮยองเห็นมันถูกลดขึ้นลงมาเหลือแค่แผ่นหลังโปร่างของใครอีกคนเพียงเท่านั้น
“แล้วทำไมไม่มองหน้าพี่ล่ะ?...”
“เปล่า...ไม่ได้ไม่มองหน้าพี่...แต่....”
“แต่?”คิมแทฮยองเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสงสัย ยอมรับว่าสถานการณ์นี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน แล้วจองกุกเมื่อก่อนก็ไม่เคยหนีหน้าเขาแบบนี้ด้วย แทฮยองมาเจอแบบนี้เลยไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันยังไงดีน่ะสิ
“ไม่อยาก...ให้พี่เห็นหน้า....”
“อ้าวทำไมล่ะ?”ยิ่งได้ยินเหตุผลประหลาดๆของคนเป็นน้องแล้วก็ยิ่งต้องขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกันเข้าไปอีก
“ก็...ผมไม่น่ารัก...”เสียงที่ตอบกลับมานั้นเบาหวิวและขาดๆหายๆราวกับคนพูดไม่เต็มใจที่จะเอ่ยมันออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“นายน่ารักจะตาย...เมื่อก่อนพี่ก็ชมตลอดนะ เฮ้มั่นใจหน่อยสิ แล้วก็หันมาหาพี่ได้แล้วแมรี่เจน”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน! ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน!”แต่ดูเหมือนยิ่งแทฮยองพยายามหาทางตะล่อมกลับยิ่งทำให้จองกุกยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น คิมแทฮยองเลยได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงงงวย จากที่ดูจอนจองกุกก็ยังเหมือนเดิม...ขี้รำคาญและขี้หงุดหงิดเหมือนเดิมไม่มีผิด
“แล้วก็ห้ามเรียกว่าแมรี่เจนด้วย!”
“ทำไมล่ะ!”
“ก็ไม่ได้ชื่อแมรี่เจน!”
“แต่นายเป็นแมรี่เจนของพี่นี่! สัญญากันแล้วจะผิดสัญญาเหรอจองกุก!”
“ไม่เคยสัญญา! ทำไมชอบพูดเองเออเอง!”
และประโยคนั้นก็ราวกับเรียกความทรงจำครั้งเก่าของคนทั้งคู่ออกมาอีกครั้ง จองกุกลดฝ่ามือที่บังใบหน้าลงแต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมหันมาพบใครอีกคนอยู่ดี ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาในที่สุด
“ตอนเด็กๆผมก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้สัญญา...พี่พูดเอง”
“...”
“...พี่ก็พูดไปงั้นแหละ เพราะตอนเด็กๆผมน่ารัก...ให้ไปเป็นแมรี่เจนของพี่อะไรกันล่ะ จะขอผมเป็นแฟนรึไง?”ท้ายประโยคเด็กหนุ่มก็แค่นหัวเราะกับตัวเอง
“ก็ใช่ไง”คิมแทฮยองก็ยังคงเป็นคิมแทฮยองพูดอะไรออกมาไม่คิดเหมือนเดิม ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างน่าหมั่นไส้
“...นั่นมันสัญญาแบบเด็กๆ ถ้าตอนนั้นพี่ไปเล่นกับเด็กผู้หญิงน่ารักพี่ก็จะขอสัญญาแบบนี้แหละคิมแทฮยอง...”
“เฮ้ๆ...ไปกันใหญ่แล้วจองกุก นี่ใจคอจะพบกันครั้งแรกในรอบสิบปีโดยหันก้นให้พี่แบบนี้รึไง?”
“เงียบแล้วฟังคนเขาพูดให้จบก่อนสิวะ!”เจอประโยคเด็ดเข้าไปดอกเดียวคิมแทฮยองที่กำลังจะอ้าปากเล่นมุขถึงกับหุบฉับ ชายหนุ่มพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นการตกลงที่จะทำตามคำขอถึงแม้จะรู้ว่าจองกุกไม่เห็นมันก็ตาม
“...ตอนนั้นผมคนน่ารักมากพี่เลยให้ผมเป็นแมรี่เจน...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไง ผมไม่ได้น่ารักแบบนั้น ไม่ได้น่าตาจิ้มลิ้ม ไม่ได้ตัวเล็กน่ารัก แถมตอนนี้ยังบ้าพลังสุดๆเลยด้วย...พี่ไม่รู้หรอกว่าผมเคยทำจักรยานเพื่อนพังด้วยมือเปล่าตอนม.ต้นน่ะ!”ได้ยินมาถึงตรงนี้คิมแทฮยองก็ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นึกสาบานกับตนเองว่าจะไม่กวนตีนจอนจองกุกอีกแล้วถ้าไม่อยากมีชะตากรรมแบบจักรยานคันนั้น
“ตอนนี้ผมทั้งตัวใหญ่ ทั้งไม่น่ารัก แถมยังบ้าพลังอีก....”
“...”
“ผมไม่ใช่แมรี่เจนของพี่...ผมเป็นเดอะฮัคต่างหาก...”
น้ำเสียงหงอยๆนั้นเรียกให้คิมแทฮยองถึงกับบางอ้อ พอเข้าใจขึ้นมาลางเสียแล้วล่ะว่าจอนจองกุกเป็นอะไร พอรู้ทันเลยอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าเสียงมือเสี่ยงเท้าของคนอายุน้ายกว่ามากแต่ไหนแต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
...น่ารัก...
แทฮยองคิดแบบนั้น...
“เจ้าตัวเขียวไม่ได้ขี้น้อยใจที่ตัวเองไม่น่ารักซะหน่อย...นายเป็นแมรี่เจนต่างหาก”
“เป็นฮัค!”จองกุกเถียงเสียงดัง
“ตกลงจะเป็นให้ได้เลยใช่มั๊ยฮัคเนี่ย!”
“ใช่!”
“ก็ดี!”แทฮยองว่าก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วสาวเท้าเข้าหาอีกคนทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวมือหนาทั้งสองข้างก็จับไหล่โปร่งนั่นแล้วหมุนให้ร่างของอีกคนหันมาจ้องหน้ากันสักที
เพราะการเสียหลักโดยไม่รู้ตัวทำให้จองกุกล้มลงไปนั่งจุมปุ๊กที่พื้นแถมยังหันหน้าเผชิญกับดวงตาคมของคิมแทฮยองเสียอีก กำลังจะยกมือขึ้นปิดหน้าแต่ก็โดนอีกคนคว้าข้อมือเอาไว้สุดแรงเสียก่อน
“พี่ชอบเป็นสไปเดอร์แมนนะ...แต่แม่รี่เจนน่ะคนที่ชอบคือสไปเดอร์แมนไม่ใช่คิมแทฮยอง...”
“....”
“ส่วนพี่น่ะชอบเดอะฮัค...”
“คิมแทฮยองน่ะชอบเดอะฮัค...เข้าใจรึเปล่าจอนจองกุก”
ได้ยินประโยคนั้นเข้าไปแล้วยิ่งได้จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมคายคู่นั้นแก้มขาวของเจ้าเด็กฮัคจึงได้ขึ้นเสียเรื่ออย่างน่ารักเสียจนคนชอบเป็นสไปเดอร์แมนอดไม่ได้ที่ต้องเอื้อมมือออกมาหยิกเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ย! หยิกทำไมเนี่ย!”
“ก็จองกุกน่ารักอ่ะพี่เลยหมั่นเขี้ยว”คิมแทฮยองตอบหน้าตายก่อนจะย่อตัวลงนั่งให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับอีกคน จอนจองกุกเบ้หน้าก่อนจะต่อยต้นแขนอีกฝ่ายไปแรงๆโดยไม่คิดจะยั้งมือ เรียกให้คิมแทฮยองต้องหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที
“ตาบอดรึไง! จ้องอีกทีซิตรงไหนวะที่เรียกว่าน่ารัก ห๊ะ!”ว่าแล้วคนอายุน้อยกว่าก็ถลึงตาจ้องอีกคนอย่างเอาเรื่อง ร้อนถึงคนโดนสั่งที่ตั้งท่าทำตามด้วยแววตาพราวระยับ
คิมแทฮยองหยัดกายขึ้นมานั่งอีกครั้งก่อนที่มือหนาทั้งสองข้างจะคว้าเอาหัวทุยๆของคนป็นน้องให้โน้มเข้าใกล้ตนก่อนจะจัดการเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ กดหน้าผากลงกับหน้าผากมนของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วทันที
“ท...ทำอะไรเนี่ย!”ฝ่ายคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าของพวกเขาจะใกล้กันเกินไปแล้ว จะให้บิดกายผละออกมาก็ดูเหมือนจะไม่ทัน เลยได้แต่ละล่ำละลักเอ่ยถามออกไปด้วยความกระดากอายทันที
“ก็นายบอกให้พี่จ้องดีๆไง...นี่พี่ก็จ้องดีๆแล้วนะ...มองยังไง...”
“....”
“นายก็ไม่น่ารักเลยสักนิดจริงๆแหละ....”
ประโยคนั้นเรียกให้ใบหน้าหล่อเหลาของจอนจองกุกหน้าเสีย ดวงตากลมฉายประกายรวดร้าวอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะกลับมาเรียบนิ่ง แล้วตอนนั้นเองแหละที่เจ้ากระต่ายตาแป๋วเริ่มที่จะพยศ
“เฮ้เดี๋ยวสิใจเย็น!”เมื่อเห็นอีกคนพยายามจะผละออกด้วยกำลังแล้วแทฮยองก็ได้แต่แต่ร้องห้ามเสียงดังพลางหลบกำปั้นของอีกฝ่ายเป็นพัลวัน
“...ก็ไม่น่ารัก...แต่หล่อไง หล่อมากด้วย!”
“...แล้วพี่บอกรึไงล่ะว่าเดอะฮัคที่พี่ชอบจะหล่อไม่ได้น่ะ...”สิ้นประโยคก็เหมือนร่างของจอนจองกุกถูกสต๊าฟเอาไว้ทันที
“...ถึงจะผิดคาดไปหน่อย แต่ถ้าได้คนหล่อขนาดนี้มาเป็นแฟนพี่ว่าพี่นี่เหละชายเหนือชายที่แท้จริง...”
เท่านั้นแหละไอ้บรรยากาศหวานๆที่เพียรสร้างกันมาถึงกับพังครืนไม่เป็นท่า จอนจองกุกสะบัดหลุดออกจากอีกฝ่ายได้สำเร็จพร้อมๆกับคิมแทฮยองที่กะโดดถอยหลังออกไปทันที เห็นแบบนี้แต่จากแรงหวัดหลายดอกที่เขาโดนไปแทฮยองมั่นใจว่าถ้าโดนไปเต็มๆสักลุกคงได้ดับคาที่เป็นแน่
...งั้นตอนนี้สไปเดอร์แมนขอหนีเอาชีวิตรอดก่อนดีกว่า...
“ย่าห์! คิมแทฮยอง...รู้ใช่มั๊ยว่าเวลาทำให้เดอะฮัคโกรธจะมีสภาพเป็นยังไง! หวังว่าคงเตรียมใจไว้แล้วใช่มั๊ยวะ!!!!”
...อนิจจา...แมรี่เจนนั้นวันนั้นก็ได้กลายมาเป็นเดอะฮัคในวันนี้...
แต่เอาเถอะ...ถ้าได้แฟนเป็นเดอะฮัคที่น่ารักขนาดนี้แทฮยองก็คิดว่าจะยอมเป็นที่รองมือรองตีนหนักๆนั่นจนตายเลยล่ะ....
END.
TALK.กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เด็กฮัคคคคคคน่ารักกกกก ฮื่อออออ อันนี้มันเป็นพล๊อตชั่ววูบค่ะ เอามาลงในนี้ไม่ว่ากันเนอะ ขอขั้นโฮปเคะไว้แป๊บ 5555555
โอเคนี่เป็นวีกุกเรื่องแรกที่เคยแต่งเลยค่ะ ไม่รู้จะถูกใจกันรึเปล่า คือโยส่วนตัวคิดว่าจองกุกหล่อมากค่ก น้องหล่อและมีความเป็นสามีสูงมาก 5555555 แต่ก็นั่นแหละค่ะน้องมันเคะ 55555555
นี่ชิปวีกุกนะคะ ชอบความมาดแมนของคู่นี้ค่ะ คือส่วนตัวไม่คิดว่าน้องมันแบ๊วนะ ชอบน้องหล่อๆ 555555 ชอบบบ มันทำให้วีเป็นชายเหนือชายอย่างที่เขาว่าแหละค่ะ 55555
โอเคไม่มีอะไรแล้ว ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่า รักคนอ่านทุกคนน้า บ๊ายบายยยย อิอิ
ความคิดเห็น