ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF OS ; BTS ) ✩ Zillion HOPE ( all x j-hope )

    ลำดับตอนที่ #11 : (os) Between Two Pairs of Converses ( mpreg ) | rapmonster x j-hope

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      31
      13 ส.ค. 58

    Between Two Pairs of Converses

    rapmonster x j-hope

    MPREG

    12.8.15 

     


     

     

     

    ระหว่างคอนเวิร์สของเราสองคนจะมีคอนเวิร์สคู่เล็กๆวางอยู่ตรงกลาง....

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    ป้ายไฟสีแดงหน้าประตูห้องฉุกเฉินสว่างขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของยามค่ำคืน  ดวงตาทั้งเจ็ดดวงจับจ้องมองมันด้วยหัวใจที่ร้อนรนเกินบรรยาย  ชายหนุ่มวัยรุ่นหกคนที่ได้แต่เฝ้ารอข่าวคราวของใครอีกคนที่อยู่อีกฟากของประตูได้แต่ข่มความร้อนรุ่มภายในไว้เพียงเท่านั้น

    สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างจับจ้องมองมายังกลุ่มของพวกเขาเป็นตาเดียวก่อนที่จะหันไปซุบซิบพูดคุยกันโดยไม่สนใจมารยาทเลยสักนิด  เสียงถอนหายใจดังออกมาจากชายหนุ่มร่างสูงและลาดไหล่กว้างอันเป็นเอกลักษณ์

    ดวงตาทรงเสน่ห์ตะหวัดมองผู้คนเหล่านั้นเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอันใดด้วยเพราะเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้

    ...แน่นอนอยู่แล้วการที่มีคนดังมาวนเวียนกันอยู่แถวนี้ก็ต้องเป็นที่สนใจเป็นธรรมดา...

    อาจจะบอกว่าเป็นความผิดของพวกเขาเองก็ได้ที่ไม่มีความคิดจะปกปิดตัวตนเลยสักนิด  ยิ่งในตอนที่ชื่อเสียงของพวกเขากำลังโด่งดังเพิ่มขึ้นอย่างตอนนี้ยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น...แต่ก็นั่นแหละ  เรื่องไม่คาดฝัน  ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด...

    “นายโอเครึเปล่านัมจุน”เสียงของพี่ใหญ่เอ่ยขึ้นก่อนจะวางมือลงบนไหล่คนเป็นน้องแผ่วเบาอย่างให้กำลังใจเมื่อมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของลีดเดอร์ที่ฉายแววกังวลมากขึ้นทุกทีๆ

    แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่คนที่แบกรับตำแหน่งหัวหน้าวงอย่างคิมนัมจุน...แต่เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับสมาชิกของ บังทันโซนยอนดัน ทุกคน...รวมทั้งพี่เมเนเจอร์ด้วยซ้ำ

    “เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำมาให้ดีกว่า  ทางนี้ก็ฝากพวกนายก็แล้วกัน”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้มีอายุมากที่สุดในที่นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  แต่กระนั้นใบหน้าภายใต้กรอบแว่นสีดำสนิทของผู้จัดการก็ฉายแววเคร่งเครียดไม่แพ้กันเลยสักนิด

    ซอกจินและยุนกิที่ดูเหมือนจะมีสติดีที่สุดในที่นั้นพนักหน้ารับคำก่อนทั้งสองพี่ใหญ่จะหันมาดูอาการน้องๆที่เหลือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้กัน

    “ผมรู้สึกแย่จังเลย”เสียงใสๆของเสน่ห์ประจำวงเอ่ยขึ้นเรียกให้คนอื่นต้องหันไปให้ความสนใจ  เด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีแดงที่บัดนี้เริ่มซีดลงตามการเวลาเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆทรุดกายนั่งลงใช้แผ่นกลังพิงกับกำแพงสีขาวเบื้องหลังราวกับไร้เรี่ยวแรง

    เห็นเพื่อนรักทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เต็มทีคนที่อายุไล่เลี่ยกันอย่างแทฮยองจึงทรุดกายนั่งลงข้างกายอีกคนพลางยกมือขึ้นบีบไหล่อีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจ

    “โฮซอกจะไม่เป็นอะไรเชื่อฉันเถอะ”คำพูดปลอบประโลมที่ดังออกมาจากปากพี่ชายร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์สว่างเรียกให้เหล่าเด็กน้อยทั้งหลายพยักหน้ารับ  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูดปลอบใจทั่วๆไป...แต่พอมันออกมาจากปากของมินยุนกิแล้ว

    ...มันกลับน่าเชื่อถืออย่างน่าประหลาด...

    เห็นน้องๆเริ่มสงบจิตใจได้ซอกจินและยุนกิก็ลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา  วางใจกับน้องเล็กทั้งสามคนที่ดูเหมือนจะจัดการอารมณ์และความแตกตื่นของตัวเองได้แล้ว  แต่ไอ้คนที่น่าเป็นห่วงก็เห็นทีจะเป็นลีดเดอร์ตัวสูงนี่แหละ

    ...ถ้าไม่นับโฮซอกที่เพิ่งถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาทีก็เห็นทีจะมีคิมนัมจุนนี่แหละที่ควรจะได้รับการรักษาด้วยอีกคน...

    เหตุการณ์ที่ทำให้ฮิปฮอปบอยแบนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างบังทันโซนยอนดันต้องพากันรีบร้อนมาจนถึงโรงพยาบาลใจกลางเมืองด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าชุดนอนนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อราวๆหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น...

     

    เวลาตีสองกว่าๆ....เป็นเวลาพักผ่อนของพวกเขาในคืนนี้...

    แล้วก็เป็นดังเช่นทุกวันที่ยามค่ำคืนของกังนัมไม่ได้เงียบสงบนัก  หากแต่มันก็ไม่อาจสู้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันของเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนได้เลยสักนิด  ทุกคนจึงได้พากันหลับใหลทันทีที่ศีรษะสัมผัสกับหมอนนุ่มๆและเตียงอุ่นๆ

    เสียงเสียดสีของเนื้อผ้าที่ดังขึ้นมาสักพักแล้วหลังจากที่เขาหลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีเรียกให้ปาร์คจีมินไหวกาย

    “อื้อ! อึก!”เสียงครางอื้ออึงแผ่วๆที่ดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของห้องเรียกความสนใจของจีมินได้เป็นอย่างดี

    “โฮซอกฮยอง...พี่ยังไม่นอนเหรอ?”เอ่ยถามออกไปเบาๆเมื่อจับตำแหน่งได้ว่าเสียงขยับกายนั้นดังออกมาจากเตียงของคนที่อายุมากที่สุดในห้องอย่างจองโฮซอกนั่นเอง  ในปกติแล้วพี่ชายเจ้าของรอยยิ้มหวานคนนี้ไม่ใช่คนหลับยาก  ยิ่งเจ้าตัวเป็นคนที่ใช้พลังงานเสียจนหมดเกลี้ยงในทุกๆวันแล้วจองโฮวอกความหวังของบังทันก็จะเข้าสู่นิทราได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ

    ...แต่วันนี้มันกลับผิดปกติ...

    “...อ....”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย  แต่เสียงแผ่วๆที่ดังออกมาทำให้จีมินมั่นใจว่าพี่ชายร่วมวงกำลังจะพุดอะไรสักอย่าง  แต่คำพูดมันก็ไม่ได้เล็ดรอดผ่านริมฝีปากบางนั่นเลยสักนิด

    “ฮยอง? เป็นอะไรรึเปล่า?”เหมือนจะเริ่มจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้จีมินจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยถามออกไปทันที  เด็กหนุ่มพลิกกายหันไปยังทิศทางที่ตั้งของความหวังแห่งบังทัน  แต่ก็เพราะความมืดของยามค่ำคืนที่มันทำให้เขาเห็นเพียงแค่การขยับกายลางๆของอีกฝ่ายเท่านั้น

    “...จีมิน...ฉัน...ปวดท้อง...”เสียงที่เอ่ยตอบกลับมานั้นราวกับเค้นออกมาจากพลังทั้งหมดแต่มันกลัวเบาหวิวและอ่อนระโหยโรงแรง  นั่นแหละที่ทำให้จีมินเลือกที่จะลุกขึ้นไปดูอาการของพี่ชายร่วมวงที่ดูเหมือนจะอาการไม่ดีนัก

    โคมไฟตั้งโต๊ะดวงเล็กบนโต๊ะเขียนหนังสือถูกเปิดขึ้นเพื่อให้ความสว่างในการก้าวเดิน  เจ้าของเสน่ห์แห่งบังทันก้าวเดินตรงไปยังเตียงของพี่ชายเบาๆเพราะกลัวจะไปรบกวนฝันหวานๆของเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง

    “โฮซอกฮยอง!”เสียงใสๆที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของปาร์คจีมินดังขึ้นทันทีที่เดินไปถึงเตียงของอีกฝ่าย

    คนที่เป้นความหวังของวงและคนที่เคยร่าเริงเสมอๆตอนนี้กลับอยู่ในสภาพที่ต่างจากภาพที่เห็นโดยสิ้นเชิง  โฮซอกนอนขดกายโก่งโค้งราวกับกุ้งน้ำจืดตัวโตอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาที่ถูกเตะออกไปโดยฝีเท้าของเจ้าตัวเอง  มือเรียวสวยทั้งสองข้างขยำเสื้อยืดสีขาวที่ตนใส่นอนอยู่จนยับยู่ยี่ไปหมด  ใบหน้าสวยฉายแววทรมานอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  รวมทั้งปรางแก้มขาวที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดนั่นอีก

    จองโฮซอกเงยหน้าขึ้นมาสบกับน้องชายร่วมวงเล็กน้อย  ก่อนจะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายส่ายหน้าบอกอีกฝ่ายเป็นการบอกว่าเขาไม่ไหวแล้วไปให้  แล้วก็ดูเหมือนจีมินจะเข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะบอกเพราะอีกฝ่ายเบิกตากว้างแล้วรีบถลาออกจากห้องไปทันที  แต่ก่อนที่จะหายลับจากบานประตูไปก็ไม่วายตะโกนปลุกคิมแทฮยองที่กำลังหลับฝันหวาน  พร้อมกับฝากฝังคำสั่งเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

    “แทฮยองตื่นโว๊ยยยยย ตื่นขึ้นมาดูโฮซอกฮยองเดี๋ยวนี้ฉันจะไปบอกเมเนเจอร์ฮยองให้พาโฮซอกฮยองไปโรงพยาบาล!!!

     

    ...และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องมานั่นรวมกันอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินกลางดึกเช่นนี้...

     

    ครืด

    เสียงดันบานประตูเปิดออกพร้อมกับเตียงผู้ป่วยที่ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินเรียกให้ชายหนุ่มทั้งเจ็ดคนไหวตัว  คิมนัมจุนเป็นคนแรกที่ผุดลุกขึ้นก่อนจะวิ่งตรงรี่เข้าไปหาเตียงผู้ป่วยที่มีร่างของเพื่อนร่วมวงนอนหลับใหลไร้สติอยู่บนนั้น

    “อย่าห่วงเลยครับ เขาแค่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบ”แพทย์หนุ่มเอ่ยบอกทันทีเมือ่เห็นสีหน้าเป็นกังวลของชายหนุ่มที่ถลาเข้ามาเกาะขอบเตียง

    “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ  แต่เนื่องจากอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเราเลยให้ยาสลบอ่อนๆกับเขาไปเพื่อให้เขาหลับน่ะครับ  เพราะอาการของเขาเราทำอะไรกับมันไม่ได้....ตอนนี้ผมจะส่งเขาไปพักผ่อนที่ห้องรับรอง  พรุ่งนี้ถ้าเขาฟื้นก็กลับบ้านได้เลยครับ...”แพทย์เจ้าของไข้เอ่ยบอกก่อนจะให้บุรุษพยาบาลเข็นเตียงไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้

    “เดี๋ยวเชิญญาติคนไข้ที่ห้องทำงานของผมด้วยนะครับ...ผมจะแจ้งอาการของคนไข้ครับ”ผู้จัดการหนุ่มผู้มีอายุมากสุดพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามหลังชายหนุ่มในชุดกราวน์ไปอย่างไม่เร่งรีบนัก

    “พวกเราก็ไปฟังด้วยเถอะ...ถึงจะปลอดภัยแล้วแต่ฉันยังไม่อยากวางใจ  ฉันเป็นห่วงโฮซอก...”เป็นลีดเดอร์ที่ดูเหมือนจะกลับมาเยือกเย็นอีกครั้งได้ในที่สุด  ซึ่งประโยคนั้นก็เรียกให้คนที่เหลือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  ก่อนสมาชิกทั้งหมดของบังทันโซนยอนดันจะรีบเดินตามแผ่นหลังกว้างของผู้จัดการวงไปทันที

     

    “โฮซอกเป็นอะไรเหรอครับหมอ”เป็นนัมจุนที่เอ่ยถามออกไปทันทีที่พวกเขาเข้ามาภายในห้องทำงานของนายแพทย์หนุ่มผู้ที่รับผิดชอบในค่ำคืนนี้

    “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอกครับ”คำตอบพร้อมกับรอยยิ้มของนายแพทย์หนุ่มเรียกให้คนเห็นเหตุการณ์คนแรกอย่างปาร์คจีมินตาโต  เด็กหนุ่มเรียบแทรกกายออกมาเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยถามเสียงดังเสียจนจองกุกที่ยืนข้างๆต้องรีบดึงตัวไว้ก่อนพี่ชายตัวเล็กจะได้ถลาตัวเข้าไปหาเรื่องหมอจริงๆ

    “ไม่ร้ายแรงเหรอครับ!? แต่พี่โฮซอกเขาปวดท้องมากจนร้องไห้เลยนะหมอ!

    “ใจเย็นๆก่อนครับ.....มันเป็นอาการปกติของคนไข้เคสนี้น่ะครับ...”หมอหนุ่มยังคงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มต่อไป  ไม่ได้เกรงกลัวอารมณ์ที่เริ่มเดือดดาลของปาร์คจีมินเลยแม้แต่น้อย

    “ปกติ?  ตกลงโฮซอกเป็นอะไรกันแน่ครับหมอ?”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดูท่าจะไม่ดีเสียเท่าไหร่แล้ว  คนเป็นหัวหน้าวงอย่างนัมจุนจึงออกปากถามออกมาเพื่อยุติมวยวัดระหว่างญาติคนไข้กับหมอลงเสียก่อน

    “...ปวดครรภ์น่ะครับ...”

    “ห๊ะ?”ทั้งเจ็ดเสียงอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความงงงวย  เรียกรอยยิ้มกว้างของผมอหนุ่มได้เป็นอย่างดี

     

    “...ยินดีด้วยครับ  ตอนนี้คุณจองโฮซอกตั้งครรภ์ได้ราวๆสี่เดือนแล้วครับ...”

     

    “ห๊า!!!!!!!!

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    “อือ...”เสียงครางแผ่วๆจากคนบนเตียงแรกให้เด็กหนุ่มที่ฟุบอยู่ข้างเตียงต้องดีดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง  ปาร์คจีมินฉีกยิ้มกว้างก่อนจะร้องตะโกนออกมาดังลั่นเสียจนทุกชีวิตในห้องผู้ป่วยต้องหันมาให้ความสนใจ

    “โฮซอกฮยองฟื้นแล้ว!!!”เสียงร้องของเจ้าเด็กหัวแดงเรียกให้อีกหกชีวิตที่เหลือต่างพากันถลากายเข้ามาล้อมเตียงคนป่วยไว้ในทันที

    “อื๋อ....จีมิน?”สิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในดวงตาคู่สวยของคนที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหลคือใบหน้ายิ้มแย้มจนตายิบหยีของน้องชายร่วมวง

    “ยังปวดท้องอยู่รึเปล่า?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนจากพี่ใหญ่ของวงเรียกให้ใบหน้าสวยที่ยังติดซีดเซียวนิดๆไหวไปมาเล็กน้อย  โฮซอกไม่ได้ปวดท้องแล้วที่หลงเหลืออยู่ก็แค่อาการอ่อนเพลียแปลกๆเล็กน้อยเท่านั้นเอง...

    “ผมเป็นอะไรอ่ะ...จำได้แค่ปวดท้องมากเลยเมื่อคืน แบบเหมือนเนื้อวัวที่กินไปตอนเย็นมันดิ้นอยู่ในพุงไม่หยุดเลย...”เมื่อตื่นขึ้นมาจนเต็มตาแล้วความหวังของวงก็เริ่มเอ่ยพูดเสียงเจื้อยแจ้วทันที  เห็นพฤติกรรมที่เหมือนปกติของคนป่วยแล้วทุกคนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก

    “โฮซอก...ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”เป็นเสียงของมินยุนกิที่ดังขึ้น  ใบหน้าเรียบนิ่งจริงจังของพี่ชายร่วมวงเรียกความสงสัยให้ก่อเกิดในใจของจองโฮซอกได้เสียมากโข

    “...ฟังที่ฉันจะพูดแล้วก็ตั้งสติให้ดีนะ...”ฝ่ามือขาวทั้งสองข้างของคุณพ่อประจำวงคว้าจับไหล่บางของเมนแด๊นเซอร์เอาไว้แน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเสียจนเต็มปอด

     

    “...โฮซอก...นายกำลังท้อง...”

     

    “ครับ?”สีหน้างงงวยและอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของคนตรงหน้าเรียกให้ยุนกิต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งก่อนจะเอ่ยอธิบายให้เจ้าม้าโง่ตรงหน้าเข้าใจสักที

    “นายกำลังท้อง...ในท้องนายมีเด็กคนหนึ่งกำลังอาศัยอยู่  นายกำลังจะเป็นแม่คนเข้าใจรึเปล่าโฮซอก...”

    “ห๊า!!!!!และปฏิกิริยาตอบรับที่ไม่ผิดไปจากที่คาดก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกหลายชีวิตที่เหลือได้เป็นอย่างดี  ทันทีที่สมองประมวลผลคำพูดของพี่ชายร่วมวงได้สำเร็จคนที่กำลังจะเป็นแม่คนก็อ้าปากหวอเบิกตากว้างด้วยความตกใจเสียจนหน้าขัน

    “บ้าเหรอฮยอง! อย่ามาอำ  ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ไง!”อาการของจองโฮซอกตอนนี้เหมือนกับพวกเขาที่ได้รับข่าวเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน  ยุนกิหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มอธิบายให้อีกคนฟังพร้อมกับยื่นผลตรวจที่แพทย์หนุ่มที่เข้าเวรเมื่อวานมอบให้กับอีกฝ่าย

    “เขาบอกว่ามันคล้ายๆโรคอย่างหนึ่งน่ะ...แต่มันไม่ได้มีอันตรายอะไรโอกาสเกิดขึ้นก็น้อยกว่า 1 ใน 100ล้าน ซึ่งนายเป็นคนนั้น...ผู้ชายที่ท้องน่ะ...

    “เอาเป็นว่าตอนนี้นายท้องอยู่...นั่นคือเรื่องจริง...”ซอกจินเป็นคนช่วยสรุปอีกแรง  ฝ่ามือเรียวของคนท้องสั่นระริกอย่างไม่อยากจะเชื่อ  โฮซอกได้แต่เบิกตากว้างจ้องมองผลตรวจในมือด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ

    “ไม่ต้องกังวล...นายอยู่ในมือหมอแล้ว  พวกนายจะปลอดภัยแน่ๆ....”เห็นสีหน้าตื่นตกใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลซอกจินก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปลอบใจอีกคน  มือใหญ่ของพี่ใหญ่ยกขึ้นลูบเรือนผมสีดำสนิทของความหวังแห่งบังทันเบาๆด้วยความเอ็นดูหวังให้ความอบอุ่นที่ส่งผ่านไปจากฝ่ามือคลายความกังวลให้อีกฝ่ายได้บ้าง

    “เรื่องที่นายท้องเราไม่กังวลกันแล้ว...แต่เรื่องที่หน้ากังวลก็ยังมีอยู่...”ยุนกิว่าพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง  แต่คราวนี้มันกลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้งที่ทับถมอยู่ทั่วทั้งใจ

    “...เด็กในท้องนาย...เป็นลูกของใครกันแน่โฮซอก...”ประโยคนั้นรากลับต้องมนต์  ร่างของอนาคตคุณแม่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะนิ่งค้างไปพักใหญ่  ใบหน้าสวยของโฮซอกเสหลบสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมายังตนก่อนจะเหลือบไปมองใครบางคนที่ยืนห่างออกไปที่ด้านหลังของกลุ่มคนเล็กน้อย

    “นาย...ไปมีแฟนตอนไหน...แล้ว...แฟนเป็นผช.?”มินยุนกิเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังที่มีแววตำหนิอยู่เล็กๆ  ถึงจะไม่รู้ว่าตำหนิเรื่องที่มีแฟน  หรือมีแฟนเป็นผู้ชาย หรือเรื่องที่เขาไมยอมบอกอีกฝ่ายว่ามีแฟน  แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องไหนมันก็ทำให้ฟันคมของคนโดนถามต้องขบลงบนริมฝีปากบางสีสวยของตนอย่างใช้ความคิด

    ยิ่งยามที่นึกถึงว่า...เขา จะรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว  ความเครียดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก  แต่มาคิดตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันแล้ว...เขาคงรู้เรื่องนี้พร้อมกับคนอื่นๆไปแล้ว

    อีกฝ่ายจะคิดยังไงหากอยู่ๆจะต้องมารู้ตัวว่าตนเองกำลังจะเป็นพ่อคน...ที่ไม่รู้ว่าชีวิตที่กำลังจะเติบโตอยู่ในท้องของจองโฮซอกนี้เกิดมาจากความตั้งใจหรือความผิดพลาด

    “ว่าไงโฮซอก...ไอ้หมอนั่นเป็นใคร?”ถึงจะรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นคนเป็นน้องลำบากใจที่จะพูด  แต่กระนั้นยุนกิก็ยังคงเอ่ยถามหาคำตอบอยู่ดี...ตอนนี้สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความรู้สึกของโฮซอกก็คือเรื่องพ่อของเด็กน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกห้าเดือนข้างหน้านี้นั่นแหละ

    “คือ...ผม...”

     

    “ฉันเอง...”เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้คนที่เหลือต้องหันไปให้ความสนใจ  ไม่เว้นแม้กระทั่งจองโฮวอกที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดครั้งหนึ่งก่อนจะค่อยๆผ่อนออกแล้วเอ่ยปากพูดให้ความมั่นใจกับทุกชีวิตภายในห้องนี้อีกครั้ง

     

    “พ่อของเด็ก...พ่อของลูกในท้องโฮซอกคือผมเอง...”

     

    สิ้นเสียงเอ่ยของลีดเดอร์ร่างสูงของนัมจุนก็เซถลาไปเสียจนหลังกระแทกกำแพงตามแรงดันจากมินยุนกิทันที  ฝ่ามือขาวของคุณพ่อประจำวงกำคอเสื้อของอีกฝ่ายแน่น  ดวงตาเรียวก็จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างเอาเรื่อง

    “คิมนัมจุน...นาย...”

    “ยุนกิ!”ร่างของยุนกิถูกดึงกลับมายืนที่เดิมอย่างง่ายดายพร้อมกับเสียงปรามของคนที่อายุมากที่สุดอย่างผู้จัดการของวง

    “...ใช่รึเปล่าโฮซอก...”

    “....”

    “นัมจุนเป็นพ่อของเด็กในท้องนายจริงๆรึเปล่า?”คำถามของผู้จัดการวงที่เปรียบเสมือนผู้ปกครองที่เคารพในตอนนี้เรียกให้แก้วตาสวยสั่นไหว  โฮซอกเหลือบสายตาไปมองคนที่อ้างว่าเป็นพ่อของลูกอย่างเต็มไปด้วยความกังวล

    ...จองโฮซอกกำลังกลัว...

    ...กลัวกับสิ่งแปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง...

    ...ที่กลัวมากกว่านั้นคือ...กลัวว่าพ่อของเด็ก เขาจะยอมรับออกมาเพราะจำใจ...

    ...บางทีที่อีกฝ่ายเลือกความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันอาจจะเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ก็ได้...แต่ในเมื่อตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว...โฮซอกก็กลัว...กลัวว่าความรู้สึกที่เคยมีให้กันมันจะไม่เหมือนเดิม...

    ชั่วคระหนึ่งที่แววตาสั่นไหวไม่มั่นใจของจองโฮซอกเบือนขึ้นมาสบกับใครอีกคนหนึ่ง  ดวงตาคมของหัวหน้าวงกลับแน่วแน่ไม่สั่นไหวแม้เพียงนิด  แววตาที่ถ่ายทอดคามรู้สึกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ...

    ...ว่าเขายินดีเพียงใด...

    รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูปของนัมจุนก่อนที่มันจะค่อยๆขยับกว้างขึ้นเพิ่มความมั่นใจให้กับใครอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงนิ่ม  ความอุ่นซ่านคล้ายสายลมอุ่นของฤดูใบไม้ผลิพัดพาเอาความหนักใจก่อนหน้านี้ออกจากอกของเขาเสียจนหมดสิ้น  โฮซอกปิดเปลือกตาลงช้าๆก่อนจะเปิดมันขึ้นมาใหม่

     

    “ครับ...นัมจุนเป็นพ่อของเด็กในท้องผม...”

     

    ได้ยินแบบนั้นทุกชีวิตในห้องนอกจากชายหนุ่มสองคนที่เป็นหัวข้อสนทนาก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  ไม่เว้นแม้แต่มินยุนกิที่ตั้งแง่กับเรื่องนี้ในตอนแรก  ซอกจินฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมน้องชายร่วมวงที่กำลังจะได้เป็นคุณแม่อีกครั้ง

    “เอาเถอะ...เป็นนัมจุนพวกฉันก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง  อย่างน้อยไอ้เมารีนี่ก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้นายเผชิญปัญหาเพียงลำพังแหละนะ...ใช่มั๊ยยุนกิ”ว่าแล้วก็หันไปขอความเห็นจากพ่อเต่าที่ยังคงตีหน้าบูดอยู่ข้างกาย  เอาสอกกระทุ้งอีกฝ่ายเบาๆเป็นการบอกให้หันกลับมาสนใจสักนิด  มินยุนกิถอนหายใจฟึดฟัดแต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับในที่สุดเรียกรอยยิ้มกว้างจากโฮซอกได้เป็นอย่างดี

    “ในเมื่อร่วมกันก่อ...พวกนายก็คงต้องร่วมกันรับผิดชอบแหละนะ  แต่อย่างห่วงเลย..พวกเรานี่แหละจะคอยสนับสนุนเอง”ซอกจินว่าก่อนจะตัวปลิวเพราะแรงผลักของใครบางคนที่ดันเขาออกเพราะกำลังขวางทาง

    ฝ่ามือเรียวของโฮซอกถูกมือหนาของใครอีกคนคว้าไปจับไว้เสียจนแน่น  ดวงตาพราวระยิบอย่างถูกอกถูกใจจับจ้องมาที่เขาเสียจนรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งกาย

    “แบบนี้ก็หมายความว่าพวกเรากำลังจะมีหลานใช่มั๊ยฮยอง!”คิมแทฮยองผู้รักเด็กยิ่งกว่าสิ่งใดเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าดีใจอย่างถึงที่สุดก่อนจะโดนหิ้วตัวออกไปด้วยฝีมือของลีดเดอร์ที่เริ่มคิดว่าเจ้าลิงดำนี่จับมือเรียวๆนั่นนานเกินไปเสียแล้ว

    “โฮซอก...”เสียงเรียกที่ดังขึ้นเรียกให้ดวงตาคู่สวยของจองโฮซอกต้องหันไปให้ความสนใจยังที่มาของเสียง  เป็นอีกครั้งที่ฝ่ามือเรียวถูกมือใหญ่ของใครอีกคนคว้าเอาไปกอบกุมไว้แน่น  แต่คราวนี้มันแตกต่างกับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิงเพราะมันช่างเป็นการกุมที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนเสียจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    “ต่อจากนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ...เพราะมันไม่ได้มีแค่นานอีกต่อไปแล้ว...”รอยยิ้มอบอุ่นกรีดขึ้นบนริมฝีปากได้รูปของลีดเดอร์  นัมจุนส่งยิ้มให้อีกคนก่อนจะกระชับมือที่กอบกุมฝ่ามือเรียวของอีกคนไว้แน่นขึ้นอีกคล้ายคำสัญญาที่มอบให้แก่กัน

    “ฉันสัญญาว่าจะดูแลนายให้มากขึ้น...มากขึ้นกว่าเดิม...”

    “...เพราะตนนี้นอกจากนายแล้ว...ในนี้...”ฝ่ามือหนาอีกข้างที่ว่างเอื้อมไปสัมผัสหน้าท้องที่เริ่มพองขึ้นเล็กน้อยของอีกคนแผ่วเบาถ่ายทอดความอบอุ่นทั้งหมดผ่านฝ่ามือหนาให้ซึมลงไปทั่วทั้งใจของคนฟัง

     

    “...ในนี้...มีลูกของเรา”

     

    “อื้อ!”โฮซอกรับคำเสียงใสก่อนจะเป็นฝ่ายยกมืออีกข้างที่ว่างวางทาบทับลงบนหลังมือหนาของอีกฝ่ายที่หน้าท้องของตนแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรีดีย์

    ...หลังจากนี้พวกเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุด...

    ...ไม่ว่าจะเป็นควารักของกันและกัน  หรือแม้กระทั้งเจ้าตัวน้อย...ลูกของพวกเขาก็ตาม...

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    “เพราะในนี้มีลุกของเราอยู่.....”

    “อ้วกกกกกกกกก~”

    “โคตรเลี่ยนนนนนนนน!

     

    เสียงล้อเลียนน่าโมโหของคิมแทฮยองตามมาด้วยเสียงพร้อมขย่อนของเก่าของจอนจองกุกและตบท้ายด้วยเสียงวิจารณ์จากปาร์คจีมินเรียกให้คนที่กำลังหน้ามึนหิ้วกระเป่าเดินทางใบโตสองใบลงจากรถตู้ต้องขมวดคิ้วฉับ

    “นัมจุนฮยอง...ผมว่าโฮซอกฮยองจะอ้วกเพราะความเลี่ยนของฮยองนี่แหละไม่น่าใช่แพ้ท้อง ฮ่าๆๆๆๆๆ”เสียงล้อเลียนและเสียงระเบิดเสียงหัวเราะของบรรดาลูกลิงแก๊งน้องเล็กของบังทันเรียกความหงุดหงิดของลีดเดอร์ให้พุ่งพรวดจนแทบทะลุปรอด

    ตอนนั้นบรรยากาศมันพาใจเขาเลยพูดออกมาจากใจเสียฉิบ...ไอ้เด็กพวกนี้เลยเอาไปล้อกันเสียจนสนุกปาก  ให้ตายเถอะ!

    แต่พูดก็พูดเถอะ  อย่างว่าแต่เจ้าเด็กพวกนี้เลย  แม้แต่คนที่ทำให้เขาพูดประโยคหวานเลี่ยนพวกนี้ให้อย่างจองโฮซอกมันยังล้อไม่หยุดเลยด้วยซ้ำ! มันน่านัก!

    “อย่าไปถือสาเด็กๆสิครับพ่อพิ้งค์บอย ฮ่าๆๆ”เสียงเอ่ยแววแสนกวนประสาทดังขึ้นข้างกายพร้อมกับร่างโปร่งบางของคนที่เขาแอบคาดโทษเอาไว้ในใจที่เดินมายืนเคียงข้างเขา

    “เดินมาเองทำไม...ทำไมไม่รอเมเนเจอร์ฮยอง”เอ่ยดุอีกคนเบาๆเมื่อเห็นว่าอนาคตคุณแม่ยังหนุ่ม(?)เดินก้าวฉับๆตรงมาหาเขาราวกับลืมไปแล้วว่าตนนั้นท้องโตขึ้นทุกวันๆ

    “สงสารฮยองเขาบ้างสิต้องมาคอยพยุงฉันทั้งๆที่ยังเดินได้ปร๋อขนาดนี้นะ...ไปเพิ่มภาระให้เขาทำไม  อีกอย่างก็มีนายถือกระเป๋าให้แล้วไง”ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้ขัดตาทัพเพราะรู้ว่าที่อีกฝ่ายดุน่ะเป็นห่วงทั้งนั้นแหละ

    ...แต่ก็นั่นแหละถึงตอนนี้จะท้องอยู่แต่อย่างไรเสียจองโฮซอกก็ยังเป็นผู้ชายนะ  เขาไม่ได้มีความสุขนักหรอกที่ต้องเดินไปไหนมาไหนโดยการถูกประคับประคองราวกับผู้หญิงน่ะ

    อีกอย่างคือตอนนี้มีแฟนคลับมากมายที่มาส่งพวกเขาเดินทางในวันนี้ ขืนให้พี่เมเนเจอร์มาคอยพยุงอาร์มี่คงเป็นห่วงกันเสียยกใหญ่นั่นแหละ  แน่นอนว่าเรื่องที่เขาตั้งครรภ์จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้  อย่างน้อยก็ตอนนี้...ในตอนที่บังทันกำลังมีชื่อเสียง กำลังไปได้ดี  เขาไม่อยากให้มาเสียเรื่องเพราะความไม่ระวังตัวของเขาและนัมจุน

    ...การทำตัวให้ปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้...

    “ใส่กางเกงยืดใช่มั๊ย?”เมือนเห็นว่าป่วยการที่จะดุคนดื้ออย่างจองโฮซอก  นัมจุนเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยถามอีกคนเพื่อเช็คความเรียบร้อย

    โฮซอกพยักหน้ารับแข็งขันก่อนจะให้มือทั้งสองข้างเกี่ยวขอบยางยืดของกางเกงตนดึงด้านหน้ายืดให้อีกฝ่ายดูอย่างไม่คิดจะอายใครร้อนถึงคิมนัมจุนที่ต้องรีบพลิกตัวเข้ามาขวางทางก่อนที่เลนส์กล้องของแฟนไซต์บ้านใดจะถ่ายภาพไอดอลหนุ่มที่ดึงกางเกงเล่นในที่สาธารระได้เสียก่อน

    “แล้วกระเป๋าน่ะหนักมั๊ย...ให้ฉันถือรึเปล่า”ถึงตอนนี้กระเป๋าเสื้อผ้าทำหรับเดินทางของจองโฮวอกจะอยู่ในมือของเขาแล้วแต่ก็ยังเห็นอีกคนหอบกระเป่าย่อยของตนสะพายบ่าอยู่ดี

    “ไม่หนักๆ นี่ใส่แค่มือถือกระเป่าตังค์แล้วก็ของใช้ส่วนตัวเอง”เห็นเจ้าตัวออกลายดื้อไม่ยอมให้ถือนัมจุนก็ได้แต่ปล่อยให้เจ้าตัวแบกไปนั่นแหละ  อีกอย่างมันก็ดูไม่ได้หนักสักเท่าไหร่หรอก

    ยืนรอกันอยู่ไม่นานเมื่อผู้จัดการวงร่างใหญ่เดินทางมาถึงสมาชิกทั้งเจ็ดคนและผู้จัดการวงบังทันโซนยอนดันก็เริ่มเดินทางเข้าไปภายในสนามบินทันที  พวกเขานั่งรอที่ห้องรับรองอย่างเรื่อยเปื่อยเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกเรียกขึ้นเครื่องในที่สุด

    ถึงจะเป็นห่วงสุขภาพของโฮซอกอยู่ไม่น้อยแต่ก็อย่างที่บอกไปเพื่อทำตัวให้ ปกติ ที่สุด...คนตัวบางจึงไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากทำงานตามปกติ  และมันก็คงเป็นโชคร้ายของพวกเขาพอสมควรที่ช่วงนี้ดันมีตารางงานทัวร์คอนเสิร์ตไม่หยุดหย่อน  อย่างเช่นวันนี้พวกเขากำลังจะเดินทางไปยังประเทศไทยเพื่อแสดงคอนเสิร์ต

    “ถ่ายดีๆดิฮยอง!”เสียงโวยวายจากที่นั่งด้านหลังเรียกให้นัมจุนที่กำลังเลื่อนแอพลิเคชั่นสีฟ้าและนกตัวน้อยอยู่ต้องหันไปให้ความสนใจ  เห็นคิมแทฮยองและจอนจองกุกกำลังเถียงกันโหวกเหวกไม่อายใครเพียงเพราะกำลังพยายามเอาหน้าของตนเองเข้ากล้องให้ได้มากที่สุด

    ผิดกับจีมินและยุนกิที่นั่งด้านข้างเขาสองคนนี้เข้าโลกส่วนตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว  ยุนกินอนหลับทันทีที่ขึ้นเครื่องส่วนจีมินก็เริ่มเล่นเกมอย่างสนุกสนาน  ซอกจินกำลังคุยเรื่องอาหารบนเครื่องบินกับเมเนเจอร์อย่างตั้งใจ  ส่วนโฮซอกที่นั่งข้างๆเขาน่ะเหรอ?

    ...ไม่อยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว...

    หย่อนก้นนั่งได้ไม่เท่าไหร่เจ้าตัวก็ขอตัวไปห้องน้ำ  เขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกเลยปล่อยให้ไปคนเดียวเพราะยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากขอไปด้วยก็โดนชี้นิ้วคาดโทษเสียก่อนนะสิ

    ...จองโฮซอกน่ะเกลียดการสร้างความลำบากให้คนอื่นที่สุดเลยล่ะ...

    จนเครื่องเกือบจะออกอยู่แล้วโฮซอกก็ยังไม่กลับมานัมจุนจึงเห็นสมควรว่าจะตามไปดูเสียที  เขาเอ่ยปากบอกกับจีมินที่นั่งถัดไปว่าจะไปตามโฮซอกกลับมานั่งก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังท้ายเครื่องทันที

    “โฮซอก”เอ่ยเรียกเบาๆพร้อมกับเคาะประตูก็ได้ยินเสียงตอบรับกับมาเล็กน้อย  แต่มันก็อู้อี้เสียจนฟังไม่รู้เรื่อง  จนสักพักที่มีเสียงกริ๊กดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกเปิดออกช้าๆนั่นแหละนัมจุนถึงได้คิดว่ามันผิดปกติ

    “อ้วก...อ่อก...”แต่ทันทีที่เขาผลักประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงโก่งคออาเจียนของคนรักดังขึ้น  ไวเท่าความคิดชายหนุ่มรีบถลากายเข้าไปลูบหลังทันที  เห็นโฮซอกโก่งคออาเจียนเสียจนหน้าดำหน้าแดงแต่สิ่งที่ออกมาก็มีเพียงน้ำย่อยเท่านั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี 

    มือใหญ่ลูบหลังอีกคนอยู่สักพักจนโฮซอกเป็นฝ่ายลุกออกไปป้วนปากเองนั่นแหละเขาจึงหยุดมือลง

    “เวียนหัวเหรอ?”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างร้อนรน  แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือการส่ายศีรษะปฏิเสธเป็นพัลวันของโฮซอก  คนตัวบางให้แขนเสื้อเช็ดปากลวกๆก่อนจะเอ่ยตอบความห่วงใหญ่ของชายหนุ่มคนรักด้วยรอยยิ้มบางๆแต่ทว่ามันช่างฝืดเฝื่อนเสียจริงในความคิดคนมอง

    “เปล่าอ่ะ...คิดว่าคง....”

    “หื้ม?”คำสุดท้ายที่เปล่าออกมามันแผ่วเบาเสียเหลือเกิน  แผ่วเบาเสียจนเขาจับใจความไม่ได้สักนิดว่าคนตัวบางตรงหน้านี้กำลังหมายถึงอะไรจึงได้เลิกคิ้วถามกลับไปอีกครั้ง

    “...คิดว่าคง...แพ้ท้อง...”โฮซอกเอ่ยตอบเบาๆก่อนจะเบือนหน้าหนีอีกคนแล้วผละตัวออกมาจากห้องน้ำทันที  แต่มันก็ไม่ได้ไวเกินกว่าสายตาของคิมนัมจุน  ชายหนุ่มแอบอมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแก้มขาวทั้งสองข้างนั้นขึ้นสีเรื่อลามไปจนถึงใบหู  ใบหูขาวที่ขึ้นสีแดงจัดตัดกับหมวกบีนี่สีฟ้าสดใสที่อีกคนใส่อยู่มันช่างน่ารักน่าชังเสียจนอดใจไม่ไหวจริงๆ

    ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป  มือหนาเอื้อมออกไปคว้าข้อมือบางของคนที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำไป  ออกแรงดึงไม่มากนักร่างโปร่งบางของอีกคนก็ถลามาตามแรงดึง  เพราะความตกใจจองโฮซอกจึงไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่ายทับทับลงบนเรียวปากบางแผ่วเบา  มันเป็นเพียงการสัมผัสอย่างอ่อนโยนเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการลุกล้ำมากกว่านั้น

    ยามเมื่อถอนริมฝีปากออกดวงตาคมของชายหนุ่มร่างสูงก็เหลือบไปเห็นดวงตาวาววับของอีกคน  ถึงแก้มนิ่มจะแดงแป๊ดแต่จองโฮซอกก็ยังว่ากล่าวเขาผ่านสายตาอยู่ดี  เจ้าเหมียวจอมยุ่งตรงหน้าพองขนขู่ฟ่อจนน่าขันแต่กระนั้นมันก็น่ารักเสียเหลือเกิน

    อยากจะประทับจูบซ้ำๆอีกสองสามทีให้หายมันเขี้ยวอยู่หรอกแต่เสียงประกาศเตือนให้กลับไปนั่งที่ของตนเพราะเครื่องกำลังจะออกแล้วนั่นแหละที่ทำให้ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าควรกลับไปได้แล้ว  ถึงคิมนัมจุนจะทำหน้างอแงใส่คนรักเพราะความเสียดายก็ตามที

    ...เอาเถอะ...ไว้เข้าโรงแรมเมื่อไหร่จะจับฟัดให้หายอยากเลยล่ะ...

     

    หลังจากนั่งเครื่องอย่างทรหดมากว่าห้าชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงประเทศไทยในที่สุด  เสียงกัปตันหนุ่มประกาศมาตามสายว่าอีกเพียงห้านาทีเครื่องก็จะทำการแลนดิ้งแล้ว  ทุกคนต่างเริ่มเก็บข้าวของของตนลงกระเป๋าให้เรียบร้อย  แม้แต่ยุนกิพ่อเต่าง่วงก็ยังตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย  แต่เจ้าแมวง่วงข้างกายเขากลับหลับปุ๋ยเสียอย่างนั้น

    “ฮยองเดี๋ยวผมเก็บของให้ก็ได้”ปาร์คจีมินที่เห็นท่าทางลำบากใจของลีดเดอร์ที่ดูเหมือนจะไม่อยากปลุกเจ้าเหมียวความหวังที่ใช้ต้นแขนแกร่งต่างหมอนเอ่ยขึ้น  เด็กหนุ่มส่งยิ้มล้อเลียนพี่ชายร่วมวงเสียจนตายิบหยี  ถึงจะหมั่นไส้อยากลุกขึ้นไปตบหัวแดงๆนั่นสักทีแต่ก็ยอมนั่งเฉยๆรับความหวังดีกึ่งล้อเลียนนั่นไว้อยู่ดี

    หลังจากที่เหมือนจะอาเจียนเอาน้ำย่อยออกมาเสียจนหมดกระเพาะพอกลับมานั่งที่ได้โฮซอกก็หลับปุ๋ยไปอย่างรวดเร็วทันที  เพราะโฮวอกนั่งติดกับหน้าต่างหัวเจ้าตัวถึงได้โขกกับหน้าต่างดังโป๊กเสียหลายทีร้อนถึงคิมนัมจุนนี่แหละที่ต้องจัดแจงหาท่านอนให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น

    ...สุดท้ายก็เลยจบที่ใช้ต้นแขนของเขาแทนหมอนอย่างที่เห็นนี่แหละ...

     

    ตอนแรกคนที่ง่วงน่ะจองโฮซอก  แต่ตอนนี้คนที่ง่วงน่ะคิมนัมจุน...ส่วนอนาคตคุณแม่ที่เคยง่วงน่ะเหรอ....นู่น  มันดีดดิ้นอยู่คนแรกของแถวนู่น

    ขณะที่ทุกคนพักผ่อนกันมาอย่างเพียงพอบนเครื่องบินแต่นัมจุนกลับไม่ได้นอนเลยสักนิด  ไม่ใช่เพราะความเป็นลีดเดอร์ที่อยากจะอยู่ดูแลสมาชิกคนอื่น  แต่ความเป็นคนรักที่กังวลอาการแพ้ท้องของคนข้างกายต่างหาก

    เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าโฮซอกจะมีอาการแพ้ท้องที่น่าเป็นห่วงนั่นอีกเมื่อไรนัมจุนจึงไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยสักนิด  ได้แต่นั่งตัวแข็งปล่อยให้อีกคนพิงไปเสียจนเต็มที่  ตอนนี้จึงไม่ได้มีเพียงเครื่องแต่งกายของเขาแล้วที่เป็นสีดำ  แม้แต่ใต้ตาก็ดำทะมึนไม่แพ้กันเลย

    “ประเทศไทย!!!ความหวังของบังทันวิ่งรี่ตรงไปทันทีที่เห็นประตูทางออก  เสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ  โฮซอกกระโดดออกไปยืนจังก้ากางแขนขาอย่างร่าเริงต่อหน้าแฟนๆด้วยความตื่นเต้นทันที  เหมือนจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าในท้องขาวๆนั่นมีเจ้าตัวเล็กที่อีกไม่กี่เดือนจะลืมตาดูโลกอยู่นั่นน่ะ มันน่าตีจริงเชียว!

    อากาศร้อนๆของประเทศไทยทำให้ความง่วงของคิมนัมจุนยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก  ต่างจากเจ้าคนอารมณ์ดีที่วิ่งรี่พาหมวกบีนี่สีฟ้าสดใสนั่นออกไปทักทายแฟนคลับเสียร่าเริง

    ทันทีที่ขึ้นรถนัมจุนคิดว่าจะหลับสักงีบแต่แล้วก็ไม่ได้ดังหวังเมื่อมีกล้องสำหรับถ่ายรายการจับจ้องอยู่  ไม่รู้ว่าหากเขาหลับไปเลยหรือฝืนถ่างตาถ่ายรายการนี่แฟนคลับจะเป็นห่วงมากกว่ากันนะ

    เหลือบมองคนอารมณ์ดีที่หัวเราะคิกคักเพราะชาร์ตพลังมาเต็มที่บนเครื่องบินแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ  ถึงจะร่าเริงแรงเยอะน่าหมั่นไส้ผิดกับตอนอาเจียนก่อนหน้านี้ลิบลับแต่ก็นั่นแหละ  โฮซอกมีความสุขเขาก็มีความสุข

     

    ...ลูกน้อยของพวกเขาก็เช่นกัน...

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    เช้าวันใหม่ที่สดใสมาถึงอย่างรวดเร็วราวกับการหลับหนึ่งตื่นของเขามันช่างแสนสั้น  แสงแดดแรงกล้าที่สาดส่องมาตั้งแต่เช้าพาให้ความง่วงที่มีมาเหมือนถูกพัดหายไปเป็นปลิดทิ้ง

    ถึงแดดจะแรงไปหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าที่นี่ช่างเป็นประเทศที่สดใสและมีชีวิตชีวาเสียจริง  นากาที่แผดเสียงดังลั่นก็ไม่อาจปลุกคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างกายได้เลยสักนิดเดียว  เจ้าเหมียวยังคงหลับปุ๋ยสบายใจอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา  นอนกินที่เสียจนน่าหมั่นไส้...โฮซอกคงจะลืมไปแล้วกระมังว่าเตียงที่เจ้าตัวหลับอยู่น่ะมันเป็นเตียงเล็กสำหรับนอนคนเดียว  และที่สำคัยมันเป็นเตียงเขา!

    แต่เอาเถอะนัมจุนจะมองข้ามไปก็แล้วกัน  เพราะเจ้าแม่แมวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้มันน่ารักเสียเหลือเกิน...

     

    ถึงใจอยากจะปล่อยให้โฮซอกได้พักผ่อนเยอะๆเพราะร่างกายของเจ้าตัวมันไม่ค่อยปกติสักเท่าใดแต่สุดท้ายนัมจุนก็ต้องปลุกเจ้าแมวขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ดีเพราะตารางงานเช้าในวันนี้

    พวกเขามีตารางไปถ่ายรายการข่าวชื่อดังของประเทศไทยเพื่อโปรโมตวงรวมทั้งคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วย...แล้วเช้าวันนี้ก็มีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้นอยู่หลายอย่าง...

    อย่างแรก...จองโฮซอกกินไม่หยุด...ตั้งแต่มื้อเช้าที่โรงแรมจวบจนเกือบถึงรายการในตอนนี้โฮซอกยังไม่หยุดกินเลยสักวิเดียว...

    แต่ที่น่าหงุดหงิดไม่ใช่เรื่องที่เจ้าตัวกินเป็นหมูแบบนี้หรอก แต่เป็นเพราะโฮซอกซื้อมาเยอะแยะแต่กินไปสามคำเจ้าตัวก็เลิกกินแล้วน่ะสิ!

     

    ไม่อยากกินแล้วอ่ะ...นายจัดการต่อที

     

    ว่าแล้วแม่แมวก็โยนอาหารมากมายทั้งขนมทั่วไปจนไปถึงอาหารไทยมาให้เขากินต่อ...แล้วก็ไปซื้ออย่างอื่นมาอีก!

    ...สุดท้ายก็วนเวียนอยู่เท่านี้แหละ โฮซอกซื้อส่วนเขากิน...แม่แต่พี่เมเนเจอร์ยังไม่กล้าห้ามเสียด้วยซ้ำ เพราะอยากให้เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นแข็งแรงไงล่ะ!

    อย่างที่สองก็คือแฟนคลับที่มารอรับพวกเขามากมายจริงๆ  ยังไม่ทันเปิดประตูลงไปเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจก็ดังระงมไปทั่วแล้ว

    และก็เหมือนเดิม...โฮซอกตื่นเต้นกับเสียงนั้นมากเสียจนกระโดดลงรถไปทันทีที่มาถึง  ลืมอีกแล้วหรืออย่างไรว่าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วน่ะ!

    นัมจุนล่ะนึกเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องแม่แมวดีดกะโหลก(?)นี่จริงๆ  กลัวว่าคลอดออกมาคงได้มีอาการสมองเสื่อมเพราะหัวกระแทกพุงแม่นั่นแหละ!

    “โฮซอก...ทีหลังอย่าวิ่ง ท้องอยู่นะ!ทันทีที่เข้าไปในลิฟต์นัมจุนก็เอ่ยดุอีกคนทันทีโดยมีสมาชิกคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย  แต่เพราะความเร่งรีบนั่นแหละจึงทำให้ไม่มีใครห้ามทัน

    “อือ...โทษทีฉันลืมนึกไป...”โฮซอกเอ่ยขอโทษเบาๆก่อนมือเรียวข้างหนึ่งจะยกขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองแผ่วเบาคล้ายการปลอบโยนเจ้าตัวน้อยในท้อง  และเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยเองก็จะรับรู้ได้ว่าคุณแม่เอ่ยขอโทษตนอยู่เลยจัดการตอบรับคำขอโทษนั้นด้วยแรงดิ้นแผ่วๆ  แต่นั่นมันก็มากพอให้โฮซอกนิ่วหน้า

    “โฮซอก...?”เห็นอีกคนเงียบไปจนน่ากลัวนัมจุนเลยเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง  ใบหน้าสวยที่เคยก้มมองหน้าท้องตัวเองเงยขึ้นมาสบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววความเป็นห่วงของลีดเดอร์

    “ดิ้น...”

    “หือ?”เพราะใบหน้าตื่นตระหนกนั่นแหละที่ทำให้นัมจุนได้แต่ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

    “ลูกดิ้นแล้วนัมจุน!เสียงร้องที่ดังลั่นลิฟต์พร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเรียกความสนใจได้จากทุกชีวิตไม่ใช่เพียงแค่เจ้าของชื่อ

    “ไหนฮยองไหนๆ!”เป็นคิมแทฮยองคนรักเด็กที่ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ  กำลังจะเอื้อมมือไปขอจับพุงของพี่ชายร่วมวงแต่ก็โดนมือขาวของใครอีกคนฟาดดังเพี๊ยะเสียก่อน

    “ให้พ่อเขาจับก่อนดิฮยอง!”จองกุกว่าก่อนจะใช้ไหล่ดันคิมแทฮยองออกจากบทสนทนาทันที  คนอายุมากกว่าเลยได้แต่ชะเง้อคอยืดคอยาวมาจากเบื้องหลังเท่านั้น

    “ยัง...ยังดิ้นอยู่มั๊ย?”เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ของหัวหน้าวงตะกุกตะกักเพราะความประหม่า  เห็นว่าที่คุณพ่อทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่พากันหัวเราะ  โฮซอกยังคงมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจอย่างปิดไม่มิดก่อนมือเรียวจะรีบคว้ามืออีกคนมาแนบหน้าท้องตนทันทีที่รู้สึกถึงแรงดิ้นในท้องตน

    พอเห็นแววตาเป็นประกายและสีหน้าตกตะลึงของแฟนหนุ่มโฮวอกก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเปี่ยมสุขในที่สุด  สัมผัสกระทุ้งเบาๆที่ฝ่ามือเรียกรอยยิ้มกว้างจากว่าที่คุณพ่อได้เป็นอย่างดี  เจ้าตัวน้อยโผล่มาทักทายเล็กน้อยราวกับรับรู้ว่าคุณพ่อกำลังทักทายตนอยู่

    “ขอจับบ้างนะฮยอง!”ทันทีที่นัมจุนละมือออกจากหน้าท้องของความหวังแห่งบังทันปาร์คจีมินก็ร้องขอขึ้นทันที  เหล่าสมาชิกของบังทันโซนยอนดังต่างมะรุมมะตุ้มพ่อความหวังเสียจนแทบหายใจไม่ออกเพื่อได้สัมผัสเจ้าตัวน้อย  แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่โผล่ออกมาทักทาย  ถึงจะน่าผิดหวังไปสักหน่อยแต่เรื่องที่เจ้าตัวเล็กเริ่มมีปฏิกิริยาแล้วก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นเสียจนไม่อาจหุบยิ้มได้เลยทีเดียว

    การอัดรายการเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งตอนที่พวกเขาต้องแสดงการเต้นเพื่อโปรโมตเพลงของตน  แน่นอนว่านัมจุนไม่ลืมกำชับกับแม่แมวจอมดีดว่าให้ระวังตัว  อย่าเต้นแรงมากนักหากไม่จำเป็น  ซึ่งโฮซอกก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ...

    ...ถึงในที่สุดแล้วมันจะไม่เบาเลยสักนิดก็ตาม...

    แต่ในสายตาของนัมจุนก็คิดว่ามันก็เป็นการเต้นเบาๆในระดับที่โฮซอกพยายามทำแล้วนั่นแหละ  แน่นอนว่าคนที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจอย่างโฮซอกจะให้มาออมแรงเต้นแผ่วๆเหมือนยังไม่ตื่นน่ะ...ไม่มีทางหรอก

    ...ตราบใดที่เจ้าตัวเล็กยังไม่ประท้วงก็ถือว่าโฮซอกยังพยายามควบคุมตัวเองได้ดีแหละนะ...

    ...ช่วงเช้าวันนี้ถือว่าสนุกสนานและโฮวอกก็ดีดน้อยลงกว่าปกติมากทีเดียว...

    ...โดยรวมเขาพอใจกับความพยายามมาก...ถึงจะไม่พอใจนิดๆตอนที่เจ้าแม่แมวถลาเข้าไปกอดพิธีกรก็ตามที...

    “นัมจุนอ่า”เอ่ยเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน  แต่แค่นั้นไม่เพียงพอจะเรียกความสนใจจากคิมนัมจุนได้หรอก  ทันทีที่กลับมาที่รถตู้เพื่อเดินทางไปสถานที่จัดงานแถลงข่าวในตอนเย็นของวันนี้นัมจุนก็ควักโทรศัพท์ออกมาฟังเพลงหนีใครอีกคนทันที

    ...ก็ทำได้ดีหรอกนะที่พยายามไม่ทำอะไรรุนแรงให้สะเทือนลูกในท้อง...

     

    ...ผ่านฉลุยในฐานะแม่แต่สอบตกในฐานะแฟนนะจองโฮซอก!...

     

    “เฮ้  โกรธอะไรเนี่ย?”คนตัวบางยู่ปากขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกงอนเข้าให้แล้ว  นิ้วเรียวยกขึ้นจิ้มแก้มสากคนอีกคนเป็นการก่อกวน  แต่ก็เหมือนเดิม...นากจากสายตาคมที่ตะหวัดกลับมามองดุๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

    “นัมจุนฮยองเขาเข้าโหมดพ่อหนุ่มขี้น้อยใจน่ะฮยอง”เป็นเสียงของปาร์คจีมินเจ้าเก่าที่อดจะแอบเหน็บแนมลีดเดอร์ไม่ได้  ยิ่งพอเห็นสายตาวาววับของนัมจุนที่ตะหวัดมามองก็ได้แต่ส่งยิ้มน่ามั่นไส้กลับไปให้เท่านั้น

    “ก็ฮยองไปกอดคนอื่นเขาอ่ะ...หึงไงหึง ง้อนัมจุนฮยองดิ”ไอ้ที่ยุยงอยู่นี่เก้าสิบเปอร์เซ็นปาร็คจีมินเจ้าตัวแสบไม่ได้นึกเป็นห่วงความสัมพันธ์ปานจะกลืนกินของแร็ปเปอร์ทั้งสองคนเท่าไรนัก มันมาจากความสนุกล้วนๆ...ก็อยากรู้ว่าถ้าจองโฮซอกง้อแบบจริงๆจังแล้วพ่อหน้าตายนี่จะใจแข็งไปได้สักกี่น้ำกันเชียวนะ?

    “ขอโทษ...”ไม่ต้องอ้อนอะไรหรอกโฮซอกรู้ดี  ทันทีที่ชายหนุ่มเจ้าน้ำตาแห่งบังทันเริ่มเบะปากคนอยากแกล้งทั้งหลายก็แตกฮือ  แม้แต่คิมนัมจุนยังต้องรีบหันมาให้ความสนใจ

    เมนแร็ปเปอร์ถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะจัดการเก็บหูฟังลงกระเป่าไปในที่สุด  มือหนาเปลี่ยนเป็นคว้าตัวอีกคนเข้ามากอดไว้แน่นๆแทน  พอเห็นว่าอีกคนเหมือนจะหายโกรธแล้วเจ้าเหมียวเศร้าซึมเมื่อครู่ก็กลับมาร่าเริงหูตั้งหางชี้ในทันที

    “งั้นตอนว่างไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหน่อยนะ  อยากเที่ยวอ่ะ!”เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระตือลือล้นเสียจนเกินพอดี  แต่รอยยิ้มกว้างๆของความหวังแห่งบังทันนั่นแหละที่ไม่มีใครปฏิเสธมันได้สักคน

    “โอเค...”เอ่ยตอบอย่างเบื่อหน่ายแต่กลับมีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นจนเห็นลักยิ้มในท้ายประโยคถ้ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆจากปาร์คจีมินตัวยุยงที่นั่งอยู่ด้านหลังนั่นแหละ

    ...คิมนัมจุนน่ะ...ใจแข็งกับจองโฮซอกไม่ได้หรอก...

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    ก่อนที่จะต้องเริ่มงานแถลงข่าวพวกเขามีเวลาว่างราวสองชั่วโมงเศษ  ทั้งเจ็ดคนจึงลงความเห็นว่าจะแอบเดินเล่นซื้อของที่ศูนย์การค้าใกล้ๆกับสถานที่จัดงานเสียหน่อย  และแน่นอนว่าคราวนี้ไม่มีใครลืมปกปิดตัวตนเลยสักคน...

    ...ถึงคิดว่ามันจะไม่ช่วยสักเท่าไหร่ก็เถอะ...

    พวกเขาตัดสินใจแยกย้ายกันเดินเพื่อให้เป็นจุดสนใจน้อยที่สุด  โดยซอกจินและยุนกิเลือกที่จะไปด้วยกัน  ส่วนน้องเล็กทั้งสามคนก็ลงความเห็นว่าจะไปด้วยกัน  และแน่นอนเพื่อไม่ให้เจ้าลูกลิงทั้งสามก่อความวุ่นวายพี่เมเนเจอร์เลยขอติดตามไปด้วย  ตอนนี้เลยเหลือเพียงว่าที่คุณพ่อและว่าที่คุณแม่เท่านั้นที่กำลังเดินเคียงข้างกัน

    นัมจุนเดินตามอีกคนที่ก้าวเดินอย่างร่าเริงด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน  หลายครั้งที่ดวงตาคมแสนอบอุ่นคู่นี้ทอดมองมือเรียวของอีกคนที่กวัดแกว่งไปมาตามจังหวะก้าวเท้าของอีกคน  น่าแปลกที่ช่วงนี้นัมจุนรู้สึกไม่อยากห่างจากจองโฮซอกเลยแม้แต่วินาทีเดียว...

    ทั้งที่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มคบหากันจริงจังเมื่อครึ่งปีก่อนก็ไม่เห็นเป็นอย่างนี้  ถึงแม้กระทั้งตอนที่พวกเขาเป็นของกันและกันนัมจุนก็ไม่ได้มีความหวงแหนในตัวโฮซอกมากมายขนาดนี้แต่อย่างใด  พวกเขาต่างเว้นระยะกันเล็กน้อยเพื่อให้เรื่องของพวกเขายังคงเป็นความลับ...

    ที่ตอนนี้ห่วงหามากกว่าเกาถึงเพียงนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความลับของพวกเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว...

    ...หรือเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยในท้องขาวๆของโฮซอกที่เป็นสายสัมพันธ์ใหม่ที่ก่อตัวจนเริ่มมีรูปร่างนี่กันแน่นะ...

    “เข้าร้านนี้แหละๆๆๆ”เดินจมอยู่ในห้วงความคิดมาได้สักพักข้อมือหนาของนัมจุนก็ถูกฉุดดึงไปพร้อมกับสติที่ถูกรั้งกลับมา  โฮซอกกึ่งลากกึ่งจูงอีกคนเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่งอย่างร่าเริง

    “มาซื้ออะไรกันแน่เนี่ย?”นัมจุนเหลือบมองไปรอบร้านด้วยสายตาหวาดๆ  รอยตัวเขามีสายตามากมายของเจ้าตัวยัดนุ่งจ้องมองตรงมาเสียจนน่าขนลุก  มันก็น่ารักอยู่หรอก  แต่พอมารวมกันมากๆแบบนี้ก็พาให้ขนลุกได้เหมือนกัน...

    “ตุ๊กตาไง...นี่ร้านตุ๊กตา”ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าเอาตุ๊กตาม้าหน้าตาตลกขึ้นมาหนึ่งตัว  ยกขึ้นแนบแก้มขาวก่อนจะตีหน้าเลียนแบบทันที  ความอารมณ์ดีของอีกคนพาให้นัมจุนหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด  อยากจะกระชากตัวมาฟัดให้จมเขี้ยวเสียตรงนี้จริงๆ  ไม่ว่าจะทำตัวตลกแค่ไหนแต่นัมจุนก็มองว่ามันน่ารักเสมอ

    “ซื้อไปทำไมล่ะ  ที่หออาร์มี่ก็ให้มาจนเก็บไม่ไหวแล้วเนี่ย”พ่อลีดเดอร์เริ่มบ่นเหมือนตาแก่เจ้าของบ้านเช่า  โฮซอกเบ้ปากก่อนจะหันกลับมาเถียงตาใสพร้อมกับสายตามุ่งมั่น

    “ให้ลูกไง...ซื้อไว้เป็นเพื่อนลูกตอนฉันหลับ”คำตอบนั้นเรียกให้นัมจุนขำพรืด ยิ่งเห็นใบหน้าที่บ่งบอกว่าเอาจริงของอีกคนแล้วก็ได้แต่หลุดขำ  นึกในใจว่าจองโฮซอกไปเอาตรรกะเพี้ยนๆนี่มากจากไหนกันนะ

    ...คิมแทฮยองเจ้าเด็กประหลาดนั่นแน่ๆ...

    เมื่อเห็นว่าแม่แมวตั้งหน้าตั้งตาเลือกตุ๊กตาอย่างเอาเป็นเอาตายนัมจุนเลยตัดสินใจที่จะไม่ห้าม  เพราะยิ่งห้ามไปก็เหมือนยิ่งยุน่ะสิ...ดีไม่ดีพ่อเจ้าประคุณจะประชดโดยการซื้อไปถมที่จริงๆเอานั่นแหละ

    ชายหนุ่มปล่อยให้อีกคนเลือกหยิบตุ๊กตาอย่างตั้งอกตั้งใจต่อไป  ดวงตาคมภายใต้แว่นกันแดดราคาแพงก็กวาดสายตาไปทั่วอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างนั่นแหละรอยยิ้มกว้างถึงได้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเสียจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง

    “เจ้านี่แหละ”บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะคว้าเจ้าตุ๊กตาม้าแสนน่ารักมากอดเอาไว้แน่นราวกับกลัวมันจะควบหนีไปไหนเสียอย่างนั้น  เหลือบซ้ายแลขวามองหาแฟนหนุ่มที่ควรจะยืนอยู่ข้างกายแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า 

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ  สมองเริ่มจำลองสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุกของการทิ้งไว้กลางห้างสรรพสินค้าที่ไม่คุ้นเคยแถมภาษาอังกฤษของเขายังแค่ระดับงูๆปลาๆเท่านั้นเอง

    จึกๆ

    แต่ยังไม่ทันคิดจบดีแรงสะกิดเบาๆที่หัวไหล่ก็เรียกให้โฮซอกรีบหันกลับไปมอง  พอเห็นคิมนัมจุนและใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  กำลังจะอ้าปากต่อว่าสักนิดที่ทิ้งเขาไว้คนเดียวให้ใจหายเล่นก็จำต้องชะงักไว้เสียก่อนเมื่ออีกฝ่ายยื่นอะไรออกมาข้างหน้าตน

     

    “ไว้ถ้าลูกเราคลอดแล้วเรามาสวมนี่ให้เขาด้วยกันนะ”

     

    เสียงทุ้มทรงเสน่ห์นั่นเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่น่าหลงใหล  แก้วตาสวยสั่นไหวทันทีที่มองเห็นภาพตรงหน้า  รองเท้าคอนเวิร์สคู่เล็กๆสำหรับตุ๊กตาหมีคือสิ่งที่อีกฝ่ายหมายถึง

    เหลือบมองใบหน้าคาดหวังของคนคลั่งคอนเวิร์สแล้วก็ได้แต่ระบายยิ้มหวานเป็นคำตอบกลับไป  เจ้าตุ๊กตาหมีถูกถือไว้ด้วยมือข้างเดียว  ส่วนมือเรียวอีกข้างที่ว่างก็เอื้อมออกไปคว้ามือของอีกคนมากอบกุมไว้อย่างอ่อนโยนไม่แพ้รอยยิ้มของเขาเลยสักนิด

     

    “อื้อ! เรามาใส่คอนเวิร์สกันทั้งสามคนเลยนะ!

     

    ...ช่องที่เคยว่างอยู่ระหว่างรองเท้าคอนเวิร์สของจองโฮซอกและรองเท้าคอนเวิร์สคู่ใหญ่ของคิมนัมจุนจะมีคอนเวิร์สเล็กๆอีกคู่วางเอาไว้ตรงกลางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่เอง...

     

    Between Two Pairs of Converses

     

    อีกไม่กี่นาทีข้างหน้างานแถลงข่าวคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มต้นขึ้น  ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่หลังเวทีกำลังกอบกุมมือของกันและกันไว้แน่น  เป็นเพราะช่วงเวลาเร่งรีบทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทีเล่านี้

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของคนทั้งคู่  ทั้งตื่นตาตื่นใจที่มีแฟนๆมากมายให้การต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น  ทั้งตื้นตันใจที่มีผู้คนที่รักพวกเขาทั้งเจ็ดคนมากมายถึงเพียงนี้...

    ...และสุขใจที่ได้ยืนเคียงข้างกันและกันแบบนี้...

    ศิลปินทั้งเจ็ดคนค่อยๆทยอยกันขึ้นไปบนเวที  ถึงจะอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายแต่คิมนัมจุนก็เลือกที่จะโอบประคองจองโฮวอกไปจนถึงเก้าอี้นั่งของคนตัวบาง  รอยยิ้มหวานถูกส่งให้กันและกันก่อนที่คิมนัมจุนจะผละจากออกไปเพื่อเตรียมตัวทำงานในฐานะศิลปิน

    ...ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการตั้งใจทำงานในฐานะศิลปิน...

    ...ส่วนในฐานะของพ่อแม่นั้น  มันยังไม่ถึงเวลา...

    คิมนัมจุนลีดเดอร์ของบังทันยกยิ้มครั้งสุดท้ายให้อีกคนวางใจก่อนจะค่อยๆละมือที่โอบประคองบั้นเอวของอีกคนไว้ออกช้าๆ  แต่ก่อนที่เขาจะผละจากไปก็ยังไม่วางทิ้งประโยคบางอย่างเอาไว้ให้ว่าที่คุณแม่ได้แต่ส่งยิ้มกว้างกลับมาให้อย่างงดงาม

     

    “อย่าลืมนะโฮซอก...อีกไม่นานระหว่างคอนเวิร์สของเราสองคนจะมีคอนเวิร์สคู่เล็กๆวางอยู่ตรงกลาง...”

     

     

     

     

     

    End.

     

    TALK. ฮื่ออออออออ จบแล้ววววววว แง๊งงงงงงงง วันชอทเรื่องนี้สดมากเดือดมากค่ะ แบบว่าแต่งบ่ายวันนี้ลงวันนี้ ฮื่อออออ ต้องลงให้ทันวันแม่ค่ะ 5555555  ทันด้วยยยยยย ฮื่ออออ สุขสันต์วันแม่ค่าาาาา อิอิ

     

    โอเคค่ะเข้าเรื่องเลยยยยย เรื่องนี้เกิดจากความมโนล้วนๆค่ะ มโนอย่างเดียวเลย โมเม้นม่อนโฮปเยอะมาตอนมาไทย แต่งมันซะเลย ฮื่ออออ แล้วมันก็มีรูปอ่ะ นัมจุนทำเหมือนโฮซอกกำลังท้อง ฮื่ออออ โอบเขามาก ประคองเขาไปสิ ฟินค่ะ อ่าห์ 555555555555

     

    เพชรพยายามแต่งเรื่องนี้ให้มันน่ารักนะ แต่น่ารักมั๊ยนี่ไม่รู้ ฮื่ออออ พยายามแล้วนะคะ  เอ็มเพร็กก้ไม่เคยแต่ง นี่เรื่องแรก เอาคิ้วท์ๆแบบนี้พอเนอะ  ไว้ถ้ามีพล๊อตอาจจะมาแต่งเรื่องต่ออันนี้ได้ แต่ตอนนี้จะเปิดเทอมแล้วพักไว้ก่อนนะคะ 555555

     

    ส่วนใครที่รอเดวิลก็รอไปก่อนค่ะ 55555555555  ไว้จะพยายามมาอัพที่ติดค้างไว้ แต่ตอนนี้อีเว้นเยอะมากทั้งรหัสแดงทั้งโปรเจ็ค เพราะงั้นพักไว้ก่อน 55555  เอาไว้เจอกันเรื่องหน้าค่า แต่ถ้าอยากเม้ามอยก็ทักทวิตโลด นี่โลดแล่นในนั้นมากค่ะ

     

    ขอบคุณพี่ขวัญที่ปลุกปั่นมากค่ะ ขอบคุณอีบีมที่ท้าทางจนกูต้องจัดสัดเรื่อง  ขอบคุณฝนสำหรับคอนเวิร์คู่เล็กๆนั่น ขอบคุณม่อนโฮปที่ทำให้ฟินจนนี่อดรนทนไม่ไหว ฮื่อออออ ขอบคุณนักอ่านทุกคนด้วยค่า เลิ้ฟฟฟฟฟ บ๊ายบายยยยย

    。SYDNEY♔
    Cute Green Bow Tie Pointer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×