คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 9
ชานยอลเงยหน้ามองป้ายขนาดใหญ่หน้าประตูสวนสนุก...
นี่อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งมากับพี่ลู่หานนะ อาทิตย์นี้เขาก็ต้องมาอีกหรอเนี่ย?
ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อีกห้านาทีเก้าโมง...
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตตัวหรูและกางเกงยินส์ราคาแพง เรือนผมสีอ่อนถูกเซ็ตมาอย่างดี เรียกความสนใจจากคนแถวนั้นได้มากมาย
“ชิ”เสียงทุ้มอุทานออกมาเล็กน้อย เมื่อสายลมแรงๆที่พัดผ่านมาพาเอาทรงผมของเขาให้เสียทรง ชานยอลรีบจัดให้มันเข้าที่อย่างรีบเร่ง...
เดี๋ยว...
แล้วทำไมจะต้องมาเซ็ตให้ตัวเองดูดีด้วยวะ??????
มือหนาที่กำลังเซ็ตผมเปลี่ยนมาเป็นขยี้มันแทน ผมที่เคยเซ็ตไว้มันถึงได้หล่งลงมาปิดหน้าปิดตายุ่งเหยิงเสียจนต้องอาศัยกระจกป้อมยามที่ไร้คนในการตรวจสอบความเรียบร้อย
“ทำบ้าอะไรของแกวะ?”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ชานยอลสะดุ้งโหยง
ร่างบางที่เขากำลังรออยู่ยืนมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ วันนี้แบคฮยอนดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะชุดที่คนตัวเล็กสวมใส่นั้นมันไม่ใช่แบบที่เขาจะได้เห็นบ่อยๆกระมัง
เสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองสดใสกับกางเกงยันส์พับขา ถึงจะดูสบายๆแต่ก็นำเทรนในที ชุดน่ะสบายๆนะแต่หน้าเนี่ย...
“ทำไมนายต้องโบกแป้งมาขนาดนั้นด้วยเนี่ย...แล้วตาอีก”ชานยอลเอ่ยถามด้วยความสงสัย มีอย่างที่ไหนมาสวนสนุกคนตัวเล็กเล่นจัดหน้าซะเต็มขนาดนั้น
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ...จัดมาทำไมทั้งชุด”แบคฮยอนสวนขึ้นพลางสายตาก็จ้องมองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้า มีอย่างที่ไหนมาสวยสนุกแต่งตัวอย่างกับจะไปเดินแบบ
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่เนี่ย?”แบคฮยอนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชอนยอลไม่ต่อความแต่ชายหนุ่มเอาแต่สนใจอยู่กับกระจกยาม
“พอดีผมยุ่งไปหน่อย...”ชานยอลเอ่ยตอบตามความจริง...เอ่อ...อันที่จริงคือมันไม่หน่อย
ยุ่งเหยิงสุดๆเลยล่ะ!
“ทำอย่างงั้นมันจะหายยุ่งไม่เล่า! นอกจากจะสูงเกินความจำเป็นแล้วยังโง่เกินความจำเป็นอีกนะนาย!”แบคฮยอนดุอีกคนก่อนมือเรียวจะจับให้อีกคนหันหน้ามาหาตัวเอง ก่อนจะรั้งให้หัวของชานยอลก้มลงมาในระยะที่เขาเอื้อมถึง
ชานยอลนิ่ง...ตอนนี้ใบหน้าของเขาก้มลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับแผ่นอกของอีกคน ระยะห่างเพียงเล็กน้อยที่ทำให้เขาสามารถได้กลิ่นกายอ่อนๆของอีกคนได้อย่างชัดเจนทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ
“อ่ะ! เสร็จแล้ว!”เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากที่จ้องมองผลงานของตัวเองอยู่นาน ตอนนี้ผมของชานยอลมันเริ่มดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วล่ะ...
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของแบคฮยอนอย่างไม่วางตา รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว ความเป็นธรรมชาตินั่นมันยิ่งทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาไปได้
“...จะยืนอีกนานมั๊ยเดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจหรอก”แบคฮยอนหันมาเอ็ดชานยอลที่เอาแต่ยืนนิ่งก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินนำเข้าไปในสวนสนุก ชานยอลลอบยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไป
“ย๊า!!! ตั๋วบ้าอะไรทำไมมันแพงแบบนี้วะ!”แบคฮยอนโวยวายทันทีที่เดินพ้นออกมาจากจุดจำหน่ายตั๋ว
“ก็นายบอกจะเอาตั๋ววันเองไม่ใช่เหรอ? เตือนแล้วก็ไม่ฟังว่ามันแพงแล้วอีกอย่างนะวันเดียวเล่นไม่ครบหรอก”ชานยอลเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มผู้ชนะให้อีกคนหมั่นไส้เล่น
“เดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจไม่เลี้ยงซะหรอก!”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะเตะหน้าแข้งอีกคนไม่เบานักด้วยความหมั่นไส้ในใบหน้าเยาะเย้ยนั่น
“คร้าบๆ”ชานยอลลากเสียงยานคานอย่างล้อเลียนเรียกสายตาจิกลึกถึงทรวงได้เป็นอย่างดี
“ดี!”แบคฮยอนกระแทกเสียงก่อนขาเรียวจะพยายามก้าวยาวๆเดินนำอีกคนไป ชานยอลหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่เขาเล่าให้แบคฮยอนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่เขาขอลู่หานคบ เขานึกว่าแบคฮยอนจะหัวเราะเยาะแล้วล้อเลียนว่าเขาอ่อนเสียอีก แต่มันกลับผิดคาด...
เพราะแบคฮยอนเอาแต่นิ่ง...
นิ่งจนเขาไม่สามารถเดาได้ว่าอีกคนนั้นคิดอะไรอยู่...
“วันเสาร์ไปเที่ยวกัน!”แต่จู่ๆหลังจากที่เงียบไปนานคนตัวเล็กก็โผล่งขึ้นมาจนเขาตกใจแทบหงายหลัง สรุปวันนี้เขาและแบคฮยอนเลยมาเที่ยวด้วยกันอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่...
...เพราะเหมือนว่าแบคฮยอนจะบังคับให้เขามาเสียมากกว่า
ไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ที่เครื่องเล่นชิ้นหนึ่ง ชานยอลเหลือบมองแบคฮยอนที่รีบวิ่งเข้าไปต่อแถวราวกับเด็กๆแล้วก็อดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้ ดวงตาคู่สวยเป็นประกายระยิบยามที่จ้องไปยังเครื่องเล่นชิ้นนี้
“มาต่อแถวสิ!”เสียงหวานตะโกนเรียกเขาก่อนมือเรียวจะกวักยิกๆ
“กลัวไม่ได้เล่นรึไง?”ชานยอลเอ่ยถามพลางสงสายตาล้อเลียนให้อีกฝ่าย
“เออสิ! นายไม่เห็นรึไงว่าคนมันเยอะแค่ไหน”
“ก็ไปเล่นอย่างอื่นค่อยกลับมาเล่นสิ”
“ไอ้นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากเล่นที่สุดในสวนเลยนะเว่ย!”แบคฮยอนพูดก่อนจะหันหน้ากลับไปเข้าแถวต่ออย่างมุ่งมั่น
คราวที่แล้วที่เขามากับลู่หานเขาไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวพวกนี้ได้เลยเพราะลู่หานกลัวความสูง... สายตาคมเหลือบมองขึ้นไปยังรถไฟเหาะด้านบนที่กำลังตีลังกาอย่างหน้าหวาดเสียวก่อนจะเลื่อนมาหยุดที่ร่างบางที่ยืนอยู่หน้าเขา ริมฝีปากบางนั้นยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาให้ได้ยิน
ไม่นานนักก็ถึงรอบของพวกเขา แบคฮยอนรีบวิ่งไปจองที่นั่งหน้าสุดอย่างไม่คิดจะหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น
“นายคงไม่กลัวใช่มะ?”แบคฮยอนหันมาถามเขาที่นั่งข้างๆหลังจากที่ล็อคที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”ชานยอลก็ยักคิ้วกลับให้อีกฝ่าย
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวรถไฟก็กระชากตัวออกอย่างแรงเสียจนเรียกเสียงกรี๊ดเบาๆได้จากผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเขา
ชานยอลได้ยินแต่เสียงร้องอย่างถูกอกถูกใจจากคนข้างๆ รอยยิ้มสดใสอย่างที่ไม่เคยได้เห้นของแบคฮยอนทำให้เขาเผลอจ้องมองมันอย่างลืมตัว
“เห็นนั่นมั๊ย!”ชานยอลตะโกนตามแบคฮยอนแข่งกับเสียงกรีดร้องที่ดังระงมไปหมด
“ไหน!”
“ที่ทะเลสาบนั่นน่ะ!”เนื่องจากรถไฟเหาะอันนี้เป็นเครื่องเล่นที่สูงที่สุดของสวน เมื่อนั่งอยู่แบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นทุกส่วนของสวนได้จนหมด
“ทำไมนะ!”
“ฉันอยากเล่น!”ชานยอลบอกก่อนมือจะชี้ไปยังทะเลสาบ
“ก็เอาสิ! วู้วววววววว!”แบคฮยอนรับคำก่อนจะร้องออกมาอย่างถูกใจเมื่อถึงช่วงตีลังกา
ชานยอลหัวเราะเบาๆ เขาว่าแบคฮยอนคงไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เขาชี้น่ะคืออะไร เพราะถ้ารู้คนตัวเล็กคงไม่ยอมตอบตกลงง่ายๆแบบนี้หรอก...
ชานยอลปล่อยให้อีกคนลากไปเล่นนู่นทีนี่ทีอย่างไม่คิดจะโต้แย้ง...ไม่สิ เขาแย้งไปแล้ว แต่จะมีใครขัดใจบยอนแบคฮยอนได้กันล่ะ?
“นี่...พอเหอะ...”ชานยอลเอ่ยเสียงเหนื่อยอ่อนเมื่อถูกลากมายังไวกิ้งที่มีเสียงกรีดร้องดังเป็นแบ็คกราวมิวสิค
“ทำไม? จะอ้วกแล้วรึไง?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างล้อเลียน
ก็แน่ล่ะสิ! ถึงแม้เขาจะไม่ได้กลัวพวกเครื่องเล่นหวาดเสียว แต่การที่แบคฮยอนลากเขาไปเล่นนู่นนี่นั่นที่ล้วนแต่หวาดเสียวแบบนี้เนี่ย! มันก็เสียสุขภาพจิตเหมือนกันนะ
“ฉันเล่นตามใจนายมาครึ่งวันแล้วนะ...นี่ยังไม่หิวรึไง”ชานยอลเอ่ยถามเพราะหลังจากที่ชายหนุ่มกะเวลาคร่าวๆนี่ก็คงจะเที่ยงแล้ว
“เล่นไอ้นี่ก่อน”แบคฮยอนเอ่ยเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลเริ่มตึงๆ
“นายควรจะตามใจฉันมั่งนะ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง
“เออๆ เล่นไอ้นี่เป็นอย่างสุดท้ายแล้วฉันจะตามใจนาย!”แบคฮยอนยื่นข้อเสนอ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างออดอ้อน
“ห้ามกลับคำนะ”ชานยอลเอ่ย แบคฮยอนพยักหน้าให้ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งไปต่อแถวเพื่อเล่นไวกิ้ง
“นายแน่ใจนะว่าจะไม่นั่งพักจริงๆ”ชานยอลเอ่ยถามให้แน่ใจ ตอนแรกเขากะว่าจะพาแบคฮยอนไปนั่งกินร้านอาหารเกาหลีเพราะคราวที่แล้วที่มากินเขาว่ามันอร่อยดี แต่แบคฮยอนดันซื้อฮอตด็อกรถเข็นกินซะงั้น
“ฉันว่าเดินไปกินไปมันสนุกกว่า”ร่างบางยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะจัดการงับฮอตด็อกเข้าปากไปอีกคำใหญ่
ชานยอลทองตามแผ่นหลังบางที่เดินนำเขาไปลิ่วๆอย่างใช้ความคิด...
ต่างกันจริงๆด้วย...
ลู่หานกลัวความสูงแต่แบคฮยอนชอบ...
ลู่หานชอบนั่งพักแต่แบคฮยอนไม่ชอบ...
มากับลู่หานเขาไม่สนุกแต่แบคฮยอน...
“เดินเร็วๆซิ! นายจะเล่นอะไรล่ะเดี๋ยวก็หมดวันก่อนหรอก เปลืองบัตรนะเว้ย!”แบคฮยอนตะโกนเรียกทำให้ชานยอลหลุดออกจากภวังค์ ขายาวรีบสาวเท้าเดินตามอีกคนไปทันที
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อน”มือหนารั้งข้อมือบางของคนที่เอาแต่เดินลิ่วๆให้หยุดก่อน
“อะไร?”
สวบ!
ยังถามไม่ทันจบประโยคดี อะไรบางอย่างก็ถูกสวมลงมาบนหัวเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคู่สวยหันไปมองกระจกที่วางอยู่ใกล้ๆ
“ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะเว้ย”แบคฮยอนโวยวายก่อนมือเรียวจะรีบถอดที่คาดผมหูแมวสีขาวออกจากหัวทันที
“ฉันว่ามันเข้ากับนายดีออก”ชานยอลหัวเราะ
“งั้นนายก็เอาอันนี้ไปเลย”แบคฮยอนคว้าที่คาดผมหูกระต่ายส่งให้ชานยอล
“เออ...ก็ดีนะ”ชานยอลเอ่ยอย่างไม่หยี่ระ
“คุณน้องชายลองอันนี้มั๊ยคะ”เสียงหวานๆของพนักงานขายเอ่ยขึ้นก่อนมือบางของเธอจะส่งที่คาดผมลายหูเสือมาให้เขา
“ครับ?”แบคฮยอนหน้าเหรอหรา
“เขาบอกว่าอันนี้เข้ากับนายนะ ‘น้องชาย’ ฮ่าๆๆๆๆๆ”พูดจบชานยอลก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง สงสัยขนาดตัวของแบคฮยอนคงทำให้คนขายเข้าใจผิดว่าเป็นน้องชายของเขากระมัง แบคฮยอนตวัดสายตามองชานยอลด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานๆให้กับพนักงานสาวคนนั้น เล่นเอาแก้มขาวของเธอขึ้นสีเรื่อได้เล็กน้อย
“เอาอันนี้แหละครับ”เห็นสถานการณ์เริ่มคลุมเครือชานยอลก็รีบคว้าที่คาดผมมาจากพนักงานขาย ชายหนุ่มจ่ายเงินเรียบร้อยก่อนจะลากอีกคนเดินออกมาจากร้านขายที่คาดผมทันที
“อะไรของนายเนี่ย? ซื้อมานี่ปรึกษากันมั๊ยว่าจะเอารึเปล่า”แบคฮยอนเอ็ดทันทีที่ชานยอลปล่อยให้ข้อมือของเขาเป็นอิสระ
“มาเที่ยวกับฉันนายยังกล้าหม้อสาวอีกนะ...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆรอดไรฟันก่อนมือหนาจะจัดการสวมที่คาดผมหูเสือลงบนหัวอีกคนอย่างแรง
“อะไรนะ?”แบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อเขาฟังประโยคของอีกฝ่ายไม่ทัน
“เปล่า....”ชานยอลปฏิเสธเสียงเรียบ พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเครื่องเล่นชิ้นหนึ่งไม่ไกลจากตรงที่พวกเขาอยู่มากนัก ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้กำลังเหรอหราด้วยความงงของแบคฮยอน รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูป
“นายสัญญาแล้วใช่มั๊ยว่าจะตามใจฉัน”ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อ...อื้อ!”แบคฮยอนรับคำอย่างงง
“ห้ามกลับคำนะ!”ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนมือหนาจะลากข้อมือบางให้เดินตามตัวเองไปทันที
ถึงเวลาชำระแค้นแล้วบยอนแบคฮยอน...
ร่างบางสะดุ้งโหยงทุกครั้งที่มีเสียงกรีดร้องดังเล็ดรอดออกมา ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง กลิ่นไอเย็นๆที่แผ่ซ่านออกมายิ่งทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว...
เขากลัวแทบตายในขณะที่คนข้างๆ...
มันยืนยิ้มอย่างสะใจ!
นี่แผนเอาคืนของนายใช่มั๊ยปาร์คชานยอล!
แบคฮยอนได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความเคียดแค้น
“เอ้ายืนนิ่งทำไมเล่า...เข้าไปต่อคิวสิ”ชานยอลเอ่ยเสียงล้อเลียนก่อนจะดุลหลังคนที่อยู่ข้างหน้าเขาให้เดินเข้าไป แต่แบคฮยอนก็ขืนไว้สุดตัว
“ชานยอลอา...เล่นอย่างอื่นเหอะ...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงอ้อนวอนก่อนคนตัวเล็กจะพยายามกระดึ๊บออกไปให้ห่างจากประตูทางเข้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
“ไหนนายบอกว่าจะตามใจฉันไงแบคฮยอน...”ชานยอลเอ่ยเสียงเย็นมือหนาก็คว้าข้อมือบางเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“กลัวเหรอแบคฮยอน?”เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
กลัว?
คนอย่างบยอนแบคฮยอนเนี่ยนะ? เหอะ!
“ใครกลัว?”แบคฮยอนทำเป็นใจดีสู้เสือ ใบหน้าสวยตีหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่อง
“งั้นก็เข้าไปสิ”ชานยอลพยักเพยิดไปทางประตูทางเข้าที่มีพนักงานตรวจบัตรในชุดเพชฌฆาตยืนมองมาที่เขาตาขวาง
ผ่ายต้อนรับไม่ควรทำหน้าอย่างงี้นะครับ!
แบคฮยอนได้แต่โอดครวญในใจ แต่พอหันกลับมาเจอไปหน้าล้อเลียนของปาร์คชานยอล คนตัวเล็กก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด ก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินเกร็งๆเข้าไปตรวจบัตร
ชานยอลเดินตามคนที่ตัวเกร็งเข้าไปตรวจบัตรแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ พนักงานตรวจบัตรของบ้านผีสิงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นมีเพียงสายตาที่จ้องมาอย่างเอาเรื่องเท่านั้น แบคฮยอนยื่นข้อมือข้างที่มีบัตรออลเดย์สวมอยู่ให้พนักงานดู พนักงานหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าบัตรเข้าชมจากใต้เสื้อคลุมขึ้นมาพร้อมกับที่เจาะกระดาอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือต่อไป
ปลุ!
เสียงเจาะตั๋วช่างหลอกหลอนเขาเสียจนแทบกรีดร้อง ยิ่งเห็นแบคฮยอนหวาดกลัวเท่าไหร่ พนักงานตรวจบัตรก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาจึงส่งรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมไปให้อีกคนเสียจนแบคฮยอนต้องรีบรับตั๋วแล้ววิ่งเข้าไปหลบหลังประตูทันที
“น้องชายคุณน่ารักดีนะครับ”เสียงของพนักงานตรวจบัตรดังขึ้นเบาๆขณะที่เจาะบัตรเข้าให้ชานยอลอย่างนุ่มนวลผิดกับตอนแบคฮยอนลิบลับ
“น่ารักมากครับ...”ชานยอลรับบัตรมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆเมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของคนตัวเล็ก
“บ้านผีสิงที่นี่น่ากลัวนะครับ...คุณควรจะอยู่ใกล้ๆเขาไว้”พนักงานยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ซึ่งชานยอลก็ยิ้มตอบ
“ขอบคุณครับ...”
“ชานยอลลลลลลลลลลลลลลล!!!!!!!”ยังไม่ทันเอ่ยได้จบประโยคดี เสียงหวานที่เขาคุ้นเคยของคนตัวเล็กที่เพิ่งหายเข้าประตูไปเมื่อครู่ก็ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นเสียจนพนักงานหัวเราะอย่างเอ็นดู
“จะตะโกนทำไม เดี๋ยวฉันก็เข้ามาเนี่ย”ชานยอลเอ่ยเอ็ดอีกคนเบาๆ
“ก...ก็เมื่อกี้มันมีเสียงอะไรก็ไม่รู้อ่ะ”แบคฮยอนเอ่ยตอบเสียงสั่น คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม มือบางก็คว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว
ดวงตาคู่สวยกวาดมองบรรยากาศรอบๆอย่างหวาดระแวง ภายในบ้านผีสิงแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปอย่างหรูหราราวกับคฤหาสน์ บันไดใหญ่ที่ตรงกลางทอดยาวขึ้นไปด้านบนราวกับเชื้อเชิญให้พวกเขาก้าวขึ้นไป
“คุณผู้ชายครับ...”แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขา เสียงแหบแห้งก็เอ่ยทักพวกเขาจากด้านหลังเรียกให้แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวจนชานยอลรีบเอามือปิดปากคนตัวเล็กไว้แทบไม่ทัน
“...จดหมายครับ”พ่อบ้านชราในชุดขาดรุ่งริ่งเอ่ยขึ้น มือเหี่ยวแห้งยื่นซองจดหมายเก่าๆที่กลายเป็นสีเหลืองมาให้ มือหนารับมาก่อนจะก้มหัวขอบคุณ ชายชราคนนั้นก็เดินหายไปในประตูที่อยู่ด้านหลังทันที
“เลือกทางที่ถูกต้อง หากเลือกผิดทางสิ่งที่ต้องจ่ายทดแทนคือชีวิต...”ชานยอลอ่านออกเสียงให้แบคฮยอนที่ยืนเกาะเขาแน่นฟัง แบคฮยอนจ้องมองไปยังบันได้ใหญ่ที่แยกออกเป็นสองทางอย่างหวาดระแวง
เขาคิดว่าทางไหนก็ไม่น่าไปทั้งนั้นแหละ!
“ป่ะ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น แต่ดูเหมือนแบคฮยอนจะเริ่มเข้าโหมดจิตหลุด เพราะคนตัวเล็กเอาแต่เกาะแขนเสื้อเขาแน่นไม่ยอมขยับ
“แบคฮยอน”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกคนเบาๆ
“อ...ห๊ะ!”แบคฮยอนสะดุ้งก่อนจะหันมามองเขา
“ไปเหอะจะได้ออกไปจากที่นี่ไง”พูดจบขายาวก็ออกเดินทันทีเรียกให้อีกคนต้องเดินตามมาอย่างเสียไม่ได้
ชานยอลเลือกที่จะขึ้นบันไดข้างขวา ตลอดทางที่เดินมาเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆเท่านั้น สงสัยว่าเขาคงดวงดีเลือกถูกทาง
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นไม่ไกลนักเรียกให้แบคฮยอนต้องกำแขนเสื้อของอีกคนให้แน่นยิ่งกว่าเดิม อีกไม่ถึงห้าเมตรพวกเขาก็จะถึงทางแยกแล้ว แสงไฟภายในเปลี่ยนไปกลายเป็นแสงแบล็คไลท์ยิ่งทำให้รอยเลือดที่ทำด้วยสีเรืองแสงนั้นเด่นชัดเข้าไปอีก
ชานยอลอดที่จะชื่นชมไม่ได้ ขนาดเขายังรู้สึกว่ามันค่อนข้างขนหัวลุกเลย ไม่แปลกที่คนข้างๆเขาจะสติแตก
ผลุบ!
“แบร่!”
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!”จู่ๆด้านข้างฝั่งแบคฮยอนก็มีผู้หญิงในชุดขาวโผล่พุ่งออกมาจากตู้ไม้เก่าๆ เรียกเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนหลับตาปี๋กระโดดเกาะแขนชานยอลแน่นอย่างหวาดกลัว
“ไปจากตรงนี้เร็วๆเหอะ!”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด คนตัวเล็กก็ยังคงหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว
เขาแกล้งแรงไปรึเปล่า?
เมื่อเห็นอาการจิตหลุดของคนตัวเล็กชานยอลก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ ตอนแรกเขาจงใจเดินช้าๆให้คนตัวเล็กได้ซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ แต่ดูเหมือนมันจะโหดร้ายไปหน่อย
“แบคฮยอนลืมตาสิ...ถ้านายไม่ลืมตาแล้วจะวิ่งยังไง”เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกคน
“ก็มันกลัว!”เสียงหวานเอ่ยสวนกลับมาแขนเล็กก็เกาะแขนเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม
ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนมือหนาจะแกะมือของคนที่เกาะเขาไว้แน่นออก แบคฮยอนลืมตามองหน้าเขาอย่างงง ชานยอลเลื่อนมือลงไปกอบกุมมือเล็กไว้คล้ายการปลอบใจ
“ฮิฮิฮิ”เป็นเวลาเดียวกับเสียงหัวเราะน่าขนลุกที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง มือหนากระชับมือบางให้แน่นขึ้นก่อนขายาวจะเริ่มออกวิ่งไปด้านหน้า แบคฮยอนวิ่งตามอีกคนไปอย่างเสียไม่ได้
ดวงตาสวยจับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างของคนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเขา ความอบอุ่นที่แผ่ผ่านมาทางมือที่สัมผัสเขาทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างหน้าประหลาด
ถึงแม้ว่าเขาจะยังรู้สึกกลัวอยู่...แต่เขาก็กลับรู้สึกว่าเขาจะปลอดภัยตราบใดที่มือข้างนั้นยังคงกอบกุมมือของเขาไปแบบนี้...
ดูเหมือนการจับมือจะได้ผลดีในการกำหราบอาการสติแตกของแบคฮยอน ชานยอลลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่สามารถลากอีกคนออกมาจากบ้านผีสิงได้สำเร็จ
มือหนาค่อยๆปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ แต่คนตัวเล็กกลับคว้ามือเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น ชานยอลหันหน้าไปมองอีกคนด้วยความสงสัย แบคฮยอนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าของตัวเองไม่ให้เขาเห็น แต่ไม่นานนักมือเล็กก็ปล่อยมือเขาออก
“เอ้า! ยืนทำไมล่ะ? ไม่เล่นอย่างอื่นแล้วรึไง”เสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะเดินนำเขาลิ่วๆ ทิ้งให้ชานยอลได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียว
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!
อันตรายเกินไปแล้ว!!
แบคฮยอนกรีดร้องในใจขณะที่เขากำลังเดินนำอีกคนอยู่ มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าอกตัวเอง หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
อะไรๆๆๆๆๆๆ
เมื่อกี้มันอะไรกัน!
แบคฮยอนเลื่อนมือขึ้นมากุมแก้มใสทั้งสองข้างที่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันร้อนจนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
ไอ้ความรู้สึกหวานแหววเหมือนสาวน้อยนั่นมันอาร๊ายยยยย!!!
คนตัวเล็กสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดนอกลู่นอกทางก่อนจะเริ่มโฟกัสไปที่การหาของกิน...
ความจริงแล้วการที่เขาชวนชานยอลมาเที่ยวในวันนี้ก็มีหลายๆเหตุผล เขาเห็นชานยอลเพิ่งถูกหักอกมา...น่าจะประมาณนั้น เขาเลยอยากจะพามาปลอบใจ แล้วก็...
เขาอยากรู้ว่าอาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันคืออะไรกันแน่!
การใช้เวลาอยู่ด้วยกันอาจจะให้คำตอบเขาได้...
หวังว่าแบบนั้นนะ...
“เออใช่...อะไรที่นายบอกว่าอยากเล่นตอนอยู่บนรถไฟเหาะนะ?”แบคฮยอนตัดสินใจหมุนตัวกลับมาถามอีกคนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
ชานยอลเลิกคิ้ว
...บอกแล้วว่าแบคฮยอนไม่รุ้หรอกว่าเขาอยากเล่นอะไร
“ตามมาสิ จะพาไปเล่น...”ชานยอลเอ่ยก่อนจะเดินนำอีกคนไปทันที แบคฮยอนเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินตามอีกคนไป
อะไรวะ? ถามแล้วไม่ตอบ
“ห๊ะ?”แบคฮยอนอดที่จะอุทานออกมาด้วยความงงไม่ได้
“อะไรล่ะ ลงมาสิ...”ชานยอลเอ่ยเร่งก่อนจะก้าวลงไปในเรือถีบ...
ใช่...เรือถีบ!!!!
ไอ้เนี่ยอ่ะนะ!!!!
“ที่ชี้ทะเลสาบเพราะอยากเล่นไอ้เนี่ยอ่ะนะ!”แบคฮยอนโวยวาย มือเรียวก็ชี้ไปที่เรือถีบรูปหงส์สีชมพูหวานแหววที่ตอนนี้มันมีร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังนั่งรอให้เขาตามลงไปอยู่แล้ว
“ก็ใช่ไง...ลงมาได้แล้ว คนอื่นเขารอต่อนายอยู่นะ”ชานยอลเอ่ยเตือนอีกคน เพราะคนที่ต่อแถวรอต่อจากพวกเขาเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว แบคฮยอนหันกลับไปมอง เจอเข้ากับสายตาทิ่มแทงของหญิงสาวคนหนึ่งที่จ้องมองเขาประมาณว่า
รีบๆลงไปได้แล้ว ฉันอยากจะนั่งกับแฟนฉันแล้วนะยะ!
แบคฮยอนยิ้มแหยๆ ก้มหัวขอโทษให้ก่อนจะรีบก้าวลงมานั่งข้างๆชานยอลทันที
“แค่เนี้ยก็จบ...”ชานยอลเอ่ยก่อนขายาวจะเริ่มปั่นที่ถีบทันที
“นี่ใจคอจะให้ฉันปั่นคนเดียวจริงๆอ่ะนะ”เมื่อปั่นออกห่างจากฝั่งมาได้สักพัก ชานยอลก็ตัดสินใจเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งกอดอกนิ่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าสวยงอง้ำอย่างไม่พอใจ
“ไม่ชอบรึไง...ฉันว่าวิวมันสวยดีออก”แบคฮยอนตวัดสายตากลับมามองคนถามอย่างเอาเรื่องทันที
ถามนี่คิดก่อนมั๊ยเนี่ย?
“เออสิ...ใครจะไปชอบวะ นึกภาพผู้ชายสองคนนั่งในเรือถีบหวานแหววแบบนี้แล้วไม่ขนลุกรึไงล่ะ!”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะทำท่าทางขนลุกประกอบ
“ไม่นิ...”ชานยอลตอบหน้าตาย
“ฮึ่ย!”แบคฮยอนพ่นลมออกมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าอีกคนคงจะหน้าหนาเกินกว่าเขาอยู่มาก
“อายคนอื่นเขาบ้างมั๊ยเนี่ย...ไอ้ของแบบนี้เอาไว้นายมากับแฟนค่อยมาเล่นสิวะ...มีอย่างที่ไหนมาปั่นเรือถีบกับเพื่อน!”แบคฮยอนยังไม่หยุดบ่น
“ใครบอกว่านายเป็นเพื่อนฉัน...”เสียงทุ้มเอ่ยเสียงเรียบ เรียกเอาคนที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงต้องหันมามองเขา
“...”ชานยอลไม่ได้คิดจะต่อความอะไรกับประโยคชวนใจหายเมื่อครู่เลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มก็แค่ปั่นเรือถีบไปเรื่อยๆเท่านั้น
แบคฮยอนเบือนหน้าออกไปมองที่ข้างทางแทนด้วยความรู้สึกโหวงๆแปลกๆ....
แล้วไอ้ที่เหมือนจะสนิทกันแบบนี้คืออะไร?
“นี่จะนั่งนิ่งๆจริงๆใช่มั๊ย?”เมื่อเห็นอีกคนเงียบไป ชานยอลเลยอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยกระตุ้น
ชานยอลอดแปลกใจไม่ได้ที่รอบนี้ไม่มีเสียงบ่นสวนมา มีเพียงแค่ขาเรียวที่เริ่มช่วยปั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับเขาเงียบๆเท่านั้น
“เป็นอะไรของนาย?”ในที่สุดชานยอลก็ไม่สามารถทนกับความเงียบที่แสนอึดอัดนี้ได้
“คำพูดน่ะ...มันมีหลายความหมายนะแล้วแต่คนเราจะเลือกหยิบอะไรมีตีความ...”ดูเหมือนว่าชานยอลจะพอเดาออกว่าอีกคนคิดอะไรอยู่เสียงทุ้มจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ มือหนาโยกหัวอีกคนไปมาเบาๆอย่างเอ็นดู
“อะไรเล่า!”แบคฮยอนโวยวายก่อนมือเรียวจะปัดมืออีกคนออก
“ปั่นไปคนเดียวเลย...ตอนนี้ฉันเมื่อย!”พูดจบแบคฮยอนก็เลิกปั่นทันที เรือที่แล่นฉิวๆถึงได้แล่นอืดๆขึ้นมาทันทีเมื่อเหลือแรงขับเคลื่อนแค่คนเดียว
“ดูข้างหน้าสิ...”ชานยอลเอ่ยบอกอีกคนเบาๆ เขาเองก็หยุดปั่นแล้วเหมือนกัน เรือถีบสีชมพูลอยนิ่งๆอยู่บนผืนน้ำสงบ เนื่องจากพวกเขาออกมาไกลจากฝั่งมากแล้ว บริเวณนี้จึงค่อนข้างไร้ผู้คน มีเพียงเรือของพวกเขากับอีกสองสามลำเท่านั้น ความเงีบสงบแบบนี้ทำให้แบคฮยอนได้ยินเสียงนกตัวน้อยๆขับขานท่วงทำนองไพเราะชัดเจน
แบคฮยอนเงยหน้ามองตรงไปที่ด้านหน้าตามคำบอกของอีกคน ดวงตาคู่สวยพราวระยับอย่างถูกใจ ภาพเบื้องหน้าของเขาตอนนี้เขาไม่สามารถอธิบายมันได้เลย
ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่เคลื่อนคล้อยลงผ่านแนวทิวไม้สนที่ขึ้นเรียงกันอย่างสวยงามราวกับจับมาตั้งไว้ แสงสีทองอาบไล้ปุยเมฆสีขาวและยอดไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เสียงระฆังดังกังวานบอกให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว เหล่านกกาตัวน้อยที่จับจองอยู่ตามกิ่งไม้ พากันบินแตกฮือเพราะตกใจกับเสียงระฆังนั้น ทุกอย่างดูสวยงามไปหมดราวกับภาพวาด...แบคฮยอนไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย
เช่นเดียวกับชานยอลที่ไม่อาจละสายตาจากใบหน้าสวยของอีกคนได้เลย แสงสีทองอาบไล้ผิวขาวขับให้รอยยิ้มหวานที่ปรากฏขึ้นมาของอีกคนดูงดงามยิ้งขึ้นไปอีก...
ชานยอลยอมรับว่าภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันอาจจะเป็นภาพที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยก็ได้...
เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ ใบหน้าสวยจึงเบือนกลับมาจ้องมองอีกคน ดวงตาคู่สวยประสานกับดวงตาคมที่ยังคงไม่วางตา ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบาก่อนจะ...
เป้ง!!!!
ทั้งสองรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็วทันทีที่เสียงระฆังเหมือนกับจะช่วยเอาไว้ แบคฮยอนเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอาย ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างปิดไม่มิด
“หมดเวลาเช่าเรือแล้วครับ กรุณาตรวจสอบสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยก่อนลุกออกจากเรือนะครับ อีกครั้งนะครับ...”เสียงประกาศยังคงดังต่อไป ชานยอลถอนหายใจก่อนจะเริ่มถีบเรือกลับไปคืนที่ท่าเรือเหมือนเดิม
มือหนาถูกยกขึ้นเกาหัวแกรกๆแก้เก้อ...
เขาเองกูรู้สึกขอบคุณเสียงระฆังนั่นนะ...
ถ้าหากมันดังช้ากว่านี้ล่ะก็...
ข้ออ้างว่าบรรยากาศพาไปก็เอาไม่อยู่!
แบคฮยอนเดินออกมาจากท่าเรือเงียบๆโดยมีชานยอลเดินตามหลังมาห่างๆ มือเรียวยกมือขึ้นทาบหน้าอกข้างซ้างของตน ภาวนาให้มันหยุดเต้นแรงแบบนี้เสียที
เมื่อกี้มันเกือบไปแล้วนะบยอนแบคฮยอน!
เกือบไปแล้วจริงๆ!
วันนี้หัวใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกมาดิ้นที่พื้นเพราะผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลกี่รอบแล้วนะ!
“แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกจากด้านหลังทำให้เขาต้องหยุดเดิน
“วันนี้ฉันยังอยากจะไปอีกที่...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ มือหนายกขึ้นมาจับท้ายทอยด้วยความรู้สึกประหม่า
ชานยอลยอมรับเลยจริงๆว่าวันนี้เขารู้สึกแบบนี้กับแบคฮยอนหลายครั้งแล้ว
“ก...ก็ไปสิ...”เสียงหวานเอ่ยตอบเบาๆ
“อ...เฮ้ย”แบคฮยอนอุทานขึ้นมาเบาๆเมื่อจู่ๆมือของเขาก็ถูกมือหนาของอีกคนดึงไปกอบกุมไว้ ชานยอลเดินนำหน้าอีกฝ่ายเพื่อซ่อนความประหม่าที่กำลังเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาตอนนี้
แบคฮยอนรู้สึกว่าเขาจะต้องสะบัดมืออกจากการกอบกุม แต่ทำไมไม่อาจรู้ได้ ร่างกายกลับไม่ทำตามในสิ่งที่เขาคิด ไม่มีแม้แต่การขัดขืนใดๆด้วยซ้ำ...
ดวงตาคู่สวยเอาแต่จับจ้องไปที่มือบางที่ถูกจับไว้แน่นโดยมือของอีกคนเท่านั้น เขาไม่อยากรับรู้ว่าชานยอลอยากจะพาเขาไปเล่นที่ไหนอีก
“รู้รึเปล่าว่าสวนสนุกที่นี่มาพาเรดตอนกลางคืนนะ”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับที่ขายาวคู่นั้นเลิกก้าวเดินเรียกให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ
“นั่งสิ”ชานยอลเอ่ยหลังจากที่เขาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหน้านุ่มสบาย บริเวณจุดชมพาเรดตรงนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างพากันมาจับจองที่นั่งเพื่อรอชมขบวนพาเรดของขึ้นชื่อของที่นี่
แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งตามที่อีกคนบอก ไม่นานนักก็มีเสียงดนตรีดังแว่วมาให้พวกเขาได้ยิน เหล่าเด็กตัวน้อยๆต่างพากันตื่นตาตื่นใจกับพลุที่ถูกจุดขึ้นฟ้าเป็นชื่อของสวนสนุก เหล่าบรรดามาสคอตของแต่ละเครื่องเล่นพากันเดินพริ้วอวดลีลาโชว์สเต็ปเอาใจเด็กๆกันใหญ่ เสียงดนตรีแสนไพเราะ แสงสีสวยจากพาเรดและพลุไฟ เสียงหัวเราะของเหล่าเด็กๆตัวน้อยๆ รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความสุขมันทำให้แบคฮยอนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้...
ใบหน้าสวยหันไปมองชายหนุ่มที่ข้างๆตน ชานยอลกำลังตาโตกับการแสดงผาดโผนที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าเขาไป รอยยิ้มราวกับเด็กๆของชานยอลทำให้แบคฮยอนอดที่จะหัวเราะกับภาพตรงหน้าเบาๆไม่ได้...
อ่า...นั่นสินะ...
ถ้ามันมาถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็...
เสียงหัวเราะคิกคักของแบคฮยอนเรียกให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองแบคฮยอนอย่างงงๆ
บางทีเขาคงต้องยอมรับ...
ปุ้ง!
เสียงพลุชุดใหญ่ถูกจุดขึ้นเสียงดังเสียจนหูอื้อ ชานยอลไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกคนพูดอะไร เพราะเสียงต่างๆที่อื้ออึงไปหมด
ริมฝีปากบางที่ขยับช้าๆเปล่งคำพูดอไรบางอย่างออกมา กับรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่ถูกส่งมาให้เขา...
มันสวยที่สุดเพราะมันไม่ใช่การยิ้มเพียงแค่ปาก แต่ในเวลานี้ดวงตาของแบคฮยอนก็กำลังยิ้มบางๆให้เขาด้วย
ปาร์คชานยอล...
ฉันคง...
รักนายเข้าแล้วล่ะ...
คำพูดที่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้...ขอบคุณเสียงพลุที่จุดได้ตรงกับใจของเขาพอดี...
TALK: สวัสดีจ้าาาาาาาาาา >< วันนี้เพชรเอามาลงก่อนวันที่บอกไว้นะ ฉลองการติดมหาลัยในฝัน กรั่กๆๆๆๆๆ ความจริงก็ยังไม่ติดหรอกค่ะ เหลือสัมภาษณ์อีก แต่ก็ครึ่งทางแล้วเนาะ ดีกว่ายังไม่มีวี่แววอะไรเลย 555555555 โอเคเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
เป็นไงมั่งงงงงง เขินป่ะ? #ไม่มีใครเขิน 55555555 ไม่รู้นะแต่เพชรแต่งไปแต่งมาเพขรว่าตอนนี้มันน่ารักนะ เหมือนเดตเล็กๆของชานแบค ใช่ป่ะ? ตอนนี้เต็มไปด้วยชานแบคอัดแน่น 5555555 นี่แต่งยาวกว่าตอนอื่นเลยนะ ><
ข่าวดี หรือ ข่าวร้าย? เนื่องจากเพชรต้องไปสอบสัมภาษณ์อาทิตย์หน้าเลยจะงดการอัพจ่ะ >< ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนะ! อีกอย่างตอนนี้ก็จบไม่ค้างแล้วด้วย คิดว่าคนอ่านคงไม่เป็นอะไรมาก #เหรอยะ เพชรยังไม่แน่ใจว่าอาทิตย์ต่อไปจะได้อัพอีกรึเปล่า ช่วงนี้โรงเรียนเพชรกำลังจะมีละคร เลยติดพันกับการทำฉากละครมากมาย แต่ถ้าอัพได้เพชรจะอัพให้นะคะ ><
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด แล้วก็อยากจะให้ทุกคนติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ รักนะจุ๊บุ >3< 5555555555
ความคิดเห็น