ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF OS ; BTS ) ✩ Zillion HOPE ( all x j-hope )

    ลำดับตอนที่ #10 : (sf) Devil Beside #2 | rapmonster x j-hope

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 58


    Devil  Beside

    -2-

    Rapmonster x j-hope 
    30.6.15

     


     

    สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้มีเพียงยืนมองแสงสีขาวนวลที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องรับแขกที่พังยับเยินของเราเงียบๆเท่านั้น  ผู้ชายแปลกหน้าที่หล่นลงมาจากหลังคาบ้านด้วยสภาพโชกเลือดตอนนี้สภาพดีขึ้นมากแล้วครับ  คงเพราะได้พลังรักษาของโฮซอกนี่แหละ

    “อึก!”ผมเห็นใบหน้าสวยของโฮซอกแสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อยหัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ผมเดินเข้าไปหาคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆโซฟารับแขกก่อนจะวางมือลงบนไหล่บางนั้นเบาๆ

    “ไหวรึเปล่า?”ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขารู้สึกยังไง  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังรักษาที่แสนมหัศจรรย์นี่มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่  และที่สำคัญผมไม่สนใจว่าใครหน้าไหนมันจะตายยังไง...ขอแค่โฮซอกของผมปลอดภัยและไร้ซึ่งความเจ็บปวด เพียงแค่นั้นพอ...

    “ฉันไม่เป็นไร”โฮซอกเอ่ยตอบผมก่อนจะหันหน้ามาส่งยิ้มกว้างให้ผมคล้ายการปลอบใจ...ผมรู้

    ...ผมรู้ว่าเขาไม่โอเค...

    แค่เห็นใบหน้าสวยที่เริ่มซีดเซียวนั่นผมก็มั่นใจแล้วว่าเขาไม่โอเคแน่ๆ  ผมอยากจะบีบไหล่เขาแรงๆแล้วตะโกนสั่งให้หยุดทำเดี๋ยวนี้...แต่ก็นั่นแหละ  ผมทำได้แค่คิด  ผมไม่รู้ว่าผู้ชายตัวเล็กที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงนี้เป็นใคร  แต่เท่าที่ดูผมคิดว่าเขาคงสำคัญกับโฮซอกไม่น้อย

    ...ไม่อย่างนั้นโฮซอกคงไม่ร้อนรนรีบรักษาขนาดนี้หรอก...

    “อ...องค์ชาย...”คนที่นอนแน่นิ่งแทบจะเป็นศพในตอนแรกดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วครับ  เขาค่อยๆลืมตามองโฮซอกช้าๆก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา

    “อดทนอีกนิดนะจีมิน...ฉันจะรักษานายเอง...”โฮซอกเอ่ยเสียงเข้มเพื่อใช้แทนคำปลอบใจอีกคนทั้งๆที่ตัวเองก็หน้าซีดแทบจะไร้สีอยู่แล้ว 

    ...ไม่ไหวครับ...

    ...ผมทนเห็นเขาเจ็บปวดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว...

    ผมตัดสินใจทรุดกายนั่งลงข้างๆเขาก่อนจะยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทที่ผมชอบนั่นเบาๆ  ผมรู้ว่าถ้าผมสั่งเขาก็ขัดขืนไม่ได้เพราะพันธะสัญญา...แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าเขาคงไม่พอใจแน่นอน

    ...สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้จึงมีแต่การให้กำลังใจเขาเท่านั้น...

    “อ...องค์ชายพอเถอะขอรับ...ถ้าท่านรักษาท่านจะ...”

    “ชู่! นอนเฉยๆแล้วก็ไม่ต้องพูด”โฮซอกเอ่ยดุคนเจ็บที่ฝืนตัวจะพูดราวกับดุเด็กน้อยจอมซน  ผมเห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวดกันจนแทบเป็นปม  แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงและเอ็นดูคนโดนดุมากเท่าไร

    ใช้เวลาหลังจากนั้นไม่นานบาดแผลภายนอกของคนแปลกหน้าก็หายไปเกือบหมด  เหลือบ้างเพียงประปราย  โฮซอกค่อยๆยืนขึ้นเมื่อการรักษาเสร็จสิ้นลงแล้ว

    “โฮซอก!”แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขากำลังจะยืนขึ้น  ร่างของเขากลับซวนเซจนล้มลงมาในที่สุด  โชคดีที่ผมคิดว่าอาการเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไรอยู่แล้วเลยคว้าตัวเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะต้องเจ็บตัวเพิ่มอีกคน

    “อาการดีขึ้นแล้วเรามานั่งคุยกันดีกว่า”ผมเอ่ยบอกทุกคนในห้องรับแขก  ซึ่งชายแปลกหน้าก็พยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย  เขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งที่โซฟาโดยมีผมที่ลากเก้าอี้สำหรับทานข้าวมานั่งตรงข้ามกับเขา

    “ก่อนอื่นข้าต้องแจ้งข่าวให้องค์ชายทราบขอรับ”เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดเบาๆหนึ่งครั้ง ม้วนกระดาษที่ผูกริบบิ้นสีดำขลับก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า  เขาส่งมันให้กับโฮซอกอย่างสุภาพก่อนจะถอยกลับไปนั่นตามปกติ

    ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจดหมายนั่นเขียนว่าอะไร  มันไม่ใช่ภาษาที่ผมรู้จัก...แต่ผมคิดว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักเพราะมือเรียวของโฮซอกที่ถือมันไว้กำลังสั่นระริกขณะที่ไล่สายตาไปตามข้อความเหล่านั้น

    “โฮซอก...”ผมได้แต่ครางชื่ออีกคนเสียงเบาเมื่อเห็นหยาดน้ำตาที่หยดลงบนกระดาษจนรอยหมึกแตกกระจาย

    ในครั้งแรกมันก็มีเพียงหนึ่งหยด...

    ...แต่หลังจากนั้นคนตัวบางข้างกายผมก็ร้องไห้เสียจนตัวโยน  โฮซอกไม่ได้ส่งเสียงร้องโฮออกมา  สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่กอดกระดาษแผ่นนั้นแนบอกและปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาเพียงเท่านั้น

    ...และภาพนั้นก็กำลังจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น...

    ...ผมกำลังเจ็บปวดไปกับหยดน้ำตาของเขา...

    ผมไม่ได้เอ่ยปลอบเขาเพราะผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น  สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือรวบตัวเขาเข้ามากอดแน่นๆ  กอด...

    ...กอดให้เขารู้ว่าเขายังมีผม...

    “หยุดร้องนะครับคนดี...เห็นมั๊ยว่าตาบวมหมดแล้ว”ผมผละอ้อมกอดออกจากโฮซอกเบาๆ  ตอนนี้โฮซอกดูเปราะบางมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  เขาดูเหมือนพร้อมจะแตกสลายทุกเมื่อหากว่าผมแตะต้องตัวเขาแรงเกินไป

    ...ผมไม่ชอบ...

    ...ไม่ว่าข้อความในจดหมายบ้าๆนั่นจะเขียนว่าอะไร...

    ...แต่ผมไม่ชอบใจมันเอาซะเลย  เพราะมันทำให้รอยยิ้มแสนสวยของโฮซอกเลือนหายไป...

    “ขอบคุณนะนัมจุน”โฮซอกยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆก่อนจะส่งยิ้มให้ผมบางๆแล้วหันกลับไปสนใจชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเราต่อไป

    “จีมินสถานการณ์ที่อะโครโพลิสเป็นยังไงบ้าน...ท่านแม่ล่ะ...”โฮซอกเอ่ยถามอีกคนอย่างร้อนรน  น้ำตาของเขาเหือดแห้งไปหมดแล้ว  ตอนนี้ผมเห็นแต่ความเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าสวยของเขา

    ...โฮซอกคงจะตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้วเมื่อสักครู่นี้แน่นอน...

    “ตอนนี้ท่านจีฮเยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนชั่วคราวขอรับ...ส่วนเสด็จแม่ขององค์ชายที่ไม่ใช่เผ่าปีศาจก็ถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในปราสาทขอรับ...ทรงปลอดภัยดีขอรับองค์ชาย...”คำบอกเล่าของคนแปลกหน้าทำให้โฮซอกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  เห็นสีหน้าเขาดีขึ้นผมก็พลอยโล่งใจไปด้วยครับ

    “ทางสภากำลังถกเถียงกันอยู่ขอรับ...เรื่องผู้สืบบัลลังก์คนต่อไป  ตามหลักแล้วต้องเป็องค์ชายโฮซอกขอรับ...เพียงแต่...”เสียงของอีกฝ่ายแผ่วเบาลงจนโฮซอกขมวดคิ้วแน่น

    องค์ชายจองกุกไม่เห็นด้วยขอรับ...คงเพราะเรื่องสายเลือด....”คนที่ชื่อ...ไม่ใช่สิ ปีศาจที่ชื่อจีมินพูดได้เพียงเท่านั้นเขาก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ  แต่ถึงอย่างนั้นคนที่รอฟังอยู่อย่างโฮซอกก็ไม่ได้ว่าอะไร  เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปบ้าง

    “แล้วทำไมฉันต้องหนีด้วยล่ะจีมิน...นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจจะกลับไปครองบัลลังก์อยู่แล้ว”โฮซอกพูดก่อนจะหันมาสบตากับผมช้าๆก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผมบางๆ  มือเรียวของเขาเอื้อมมากอบกุมมือของผมเอาไว้ก่อนจะกระชับกุมแน่นราวกับต้องการหาที่พักพิง

    ...ซึ่งผมก็เต็มใจเป็นให้กับเขา...

    “มันขัดกับกฎมลเทียรบาลยังไงล่ะขอรับ...ที่ว่าบุตรที่ไม่ได้เกิดจากอัครมเหสีจะขึ้งครองบัลลังก์ไม่ได้จนกว่าจะสิ้นองค์รัชทายาทน่ะขอรับ...ตอนนี้องค์ชายจองกุกต้องกำลังเตรียมทหารมาไล่ล่าพระองค์แน่ๆขอรับองค์ชาย! เพราะฉะนั้นพระองค์ต้องหนีไปนะขอรับ!”จีมินผุดหายลุกขึ้นเต็มความสูง  เขาสะบัดผ้าคลุมสีแดงที่กำลังเกะกะออกไปด้านหลังพลางยื่นมือออกมาด้านหน้าเป็นการเชิญให้องค์ชายที่เคารพของเขาหนีไปอย่างที่แนะนำไว้

    “ฉันเขาใจจีมิน...แต่ฉันกับนัมจุน...”

    “โฮซอก...”โฮซอกเอ่ยแย้ง  แต่ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรผมเลยขัดขึ้นมาเสียก่อน  เขาคงไม่อยากให้ผมลำบาก...แต่ถ้าความลำบากของผมมันแลกความปลอดภัยของเขา...ความปลอดภัยของเราได้  ผมยอม...

    ...ในตอนนี้ วินาทีนี้ ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีอะไรที่จะสำคัญกับผมไปมากกว่าเขาอีกแล้ว...

    “คุณจีมินใช่มั๊ยครับ...ผมเข้าใจที่คุณเสนอ ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ผมก็เห็นด้วยกับคุณ...”

    “นัมจุน!!”โฮซอกร้องเรียกชื่อผมเสียงดังลั่น  มือเรียวทั้งสองข้างของเขาก็เขย่าต้นแขนผมอย่างแรงคล้ายกับกำลังพยายามเรียกสติคืนกลับมาให้ผม

    ...แต่ตอนนี้ผมมีสติเต็มร้อย...แล้วก็คิดดีแล้วด้วย...

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดเรื่องไรขึ้น...แต่จากที่ฟังมานายกำลังมีอันตรายไม่ใช่เหรอโฮซอก?”ผมคว้าไหล่ของโฮซอกเอาไว้ ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลทรงเสน่ห์คู่นั้น

    “ต...แต่...”คนเล็กกว่าตรงหน้าผมเม้มริมฝีปากแน่นอย่างช่างใจ คิ้วเรียวของเขาก็ขมวดมุ่นอย่างคนคิดไม่ตก

     

    “ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น...ความปลอดภัยของนายสำคัญที่สุดโฮซอก...”

     

    ผมพูดพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยใบหน้าจริงจัง...อยากให้เขารับรู้ว่าผมมั่นใจแค่ไหนในคำพูดของตนเอง  ผมอยากปกป้องเขา...ถึงดูเหมือนถ้าคู่ต่อสู้เป็นปีศาจแล้วผมจะค่อนข้างไร้ประโยชน์ก็ตาม

    ...แต่อย่างน้อยผมก็ได้พยายาม...

    “นัมจุน...”ที่พูดไปผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาร้องไห้เลยนะครับ  แต่โฮซอกกลับร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่ตอนแรกกว่าจะปลอบให้หยุดร้องได้

    “โฮซ....”กำลังจะเอ่ยปลอบเขาแต่แล้วเขาก็โถมตัวเข้ามากอดผมเสียจนแทบหงายหลัง  โฮซอกซบไปหน้าลงกับไหล่ของผมส่ายหน้าไหวไปมาเหมือนเด็กน้อยขี้อ้อนก่อนจะยอมผละออกมาในที่สุด

    “งั้นขอเวลาพวกเราเก็บของก่อนนะจีมิน”โฮซอกเอ่ยบอกกับจีมินก่อนจะรีบคว้าแขนผมลากเข้าไปในห้องนอนทันทีโดยมีจีมินคนสนิทที่ยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่เบื้องหลัง

    ...ไม่รู้ว่าตกใจที่โฮซอกตกลงปลงใจอย่างรวดเร็วหรือตกใจที่องค์ชายคนดีร้องไห้งอแงเป็นเด็กน้อยกับผมกันแน่...

     

    Devil  Beside

     

     

    ท่านพ่อของฉันเสียแล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

     

    ...นั่นคือสิ่งที่โฮซอกบอกกับผมถึงสาเหตุที่เขาร้องไห้หลังจากที่อ่านจดหมายฉบับนั้น...

    การไม่ได้อยู่ดูใจพ่อก่อนที่ท่านจะเสียเป็นสิ่งที่ทำให้โฮซอกร้องไห้  นอกจากนั้นก็คือเรื่องที่น้องชายต่างมารดาที่โตมาด้วยกันกำลังไล่ล่าเขา...เพราะเพราะไม่ต้องการให้โฮซอกสืบทอดบัลลังก์ต่อไป

    ...ผมคาดเดาไม่ได้เลยสักนิดว่าตอนนี้หัวใจดวงน้อยๆของโฮซอกกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน...

    เราสามคนเรียกแท็กซี่ออกมาที่นอกตัวเมืองตามคำแนะนำของจีมิน  เขาให้เหตุผลว่าหากเกินการปะทะกันจะจะได้ไม่มีคนอื่นที่เดือดร้อนไปด้วยเพราะเรื่องของโลกปีศาจ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่โฮซอกเห็นด้วย

    ตอนนี้พวกเราทั้งสามคนเลยมาหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟเก่าๆที่นอกเมืองแห่งนี้  โฮซอกเป็นคนเสนอให้เราพักเพื่อวางแผนรับมือ...หรืออย่างน้อยก็เพื่อหาวิธีปลอมตัว กลบกลิ่น หรือหาวิธีหลีกเลี่ยงการปะทะ

    “ตอนที่ข้าหนีออกมาจากวัง...องค์ชายจองกุกก็เริ่มรวบรวมกำลังพลแล้วขอรับ...พวกทหารเลวไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว  แต่พวกระดับนายกองขึ้นไปก็เริ่มตึงมือ...อีกอย่างที่เป็นปัญหาคือ ข้ารับใช้ที่ได้มาแต่กำเนิดขององค์ชายจองกุกนั่นแหละครับ...”จีมินเอ่ยอธิบายเสียงเบา  ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ชุดย้อนยุดเหมือนอัศวินยุกกลางอย่างก่อนหน้านี้แล้ว  เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดลายกราฟฟิคของโฮซอกกับกางเกงยีนส์เก่าๆของผม...โอเค  ขามันยาวเกินไปมากๆ...

    “ข้ารับใช้ที่ได้มาแต่กำเนิดคืออะไร”ดูเหมือนจะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง  เพราะโฮซอกพยักหน้าเห็นด้วยกับจีมินไปแล้ว  ถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ผมก็อยากมีส่วนร่วมนะ...ผมไม่อยากกลายเป็นภาระของโฮซอกหรือแม้แต่ของจีมิน

    “พวกทาสรับใช้ที่ได้มาจากชาติกำเนิดน่ะ...เพราะแม่ของฉันเป็นนางฟ้า ฉันจึงไม่มีปีศาจรับใช้ แต่จองกุกไม่ใช่...ท่านน้า...หมายถึงแม่ของจองกุกน่ะเป็นราชินีแห่งทุ่งวิญญาณ เธอมีสุนัขล่าวิญญาญเป็นทาสรับใช้...จองกุกก็เช่นกัน...”โฮซอกอธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็นก่อนจะก้มลงดูดโกโก้เย็นแก้วใหญ่ตรงหน้าเล็กน้อย

    ..โอเค  ผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าพวกนั้นมีสัตว์เลี้ยงพิเศษก็แล้วกัน...

    “พวกมันน่ากลัวมากเลยเหรอ?”รู้ครับว่าคำถามดูโง่มาก แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมาจริงๆผมจะทำอะไรได้บ้าง

    “ก็ไม่เชิง...”โฮซอกยักไหล่  ก่อนจะเอ่ยอธิบายต่อ

    “ในทุ่งวิญญาณพวกมันมีหน้าที่ตามล่าวิญญาณที่พยายามหนีขึ้นมาจากนรก...มันจะน่ากลัวกับพวกวิญญาณและอะไรก็ตามที่มาจากโลกปีศาจ  แต่สำหรับมนุษย์ธรรมดาไม่น่ากลัวเท่าไหร่ มันทำอะไรนายไม่ได้หรอกนัมจุน...ไม่ต้องกลัวนะ”โฮซอกเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ผมเป็นการปลอบใจ

    แต่ผมอยากตะโกนบอกเขาเหลือเกินว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าหมาบ้าๆพวกนั้นคือการที่ผมรู้ว่าพวกมันเป็นอันตรายสำหรับโฮซอกน่ะสิ...

    “แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ...เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นถึงองค์ชายโฮซอกเชียวนะ  ฉันไม่เป็นไร...เชื่อสิ”โฮซอกเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง

    ...เขาคงรู้ว่าเรื่องผมกังวลคืออะไร...

    ผมขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เขาเข้าใจผมได้มากขนาดนี้  อย่างน้อยผมก็คิดว่าโฮซอกคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอันตรายอย่างแน่นอน...

    ...ก็พวกเราสัญญากันไว้แล้วนี่ว่าเราจะไปพร้อมกัน...

    “องค์ชายขอรับ”จู่ๆเสียงเรียกของจีมินก็ขัดบรรยากาศแสนหวานระหว่างเรา  ผมอยากจะกระทืบเท้าลงบนรองเท้าผ้าใบของเขาหรอกนะครับ  แต่พอเหลือบไปเห็นใบหน้าจริงจังของปีศาจทั้งสองที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้

    “นัมจุน...เราต้องออกไปข้างนอกแล้ว  ฉันไม่อยากให้คนอื่นโดนลูกหลง”โฮซอกหันมาพูดกับผม  ผมเลยจัดการควักธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่งวางทิ้งเอาไว้  แล้วเราสามคนก็เดินออกมาจากร้านอย่างเงียบเชียบ

    ทันทีที่เท้าของผมก้าวออกมานอกร้านผมก็ต้องพบกับเรื่องประหลาดใจอีกครั้ง  ท้องฟ้ายามบ่ายที่ควรจะสว่างไสวตอนนี้มันกลับมืดครึ้มเสียจนน่ากลัว  ทุกอย่างรอบกายเงียบสงัด...

    ...ผมเพิ่งสังเกตว่าแถบนี้ไม่มีรถผ่านไปมาสักคัน  อาจเป็นเพราะสิ่งที่กำลังใกล้เข้ามาก็ได้...

    “อย่าอยู่ห่างจากฉันนะ...”โฮซอกเอ่ยขึ้นเบาๆขณะที่มือเรียวข้างหนึ่งของเขาก็กระชับสายกระเป๋าเป้สัมภาระเพียงน้อยนิดของตัวเองให้แน่นขึ้น  มืออีกข้างก็เอื้อมมากอบกุมมือผมไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไปไหนอย่างนั้นแหละ

    ...แต่นั่นมันก็ทำให้หัวใจของผมพองโต  ผมเองก็กระชับมือเรียวของเขาเอาไว้เช่นกัน...

    จู่ๆจีมินที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็ถลาออกมายืนกันอยู่ด้านหน้าของพวกเราทั้งสองคน  เขาสะบัดมือครั้งหนึ่งกลุ่มควันสีดำสนิดก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสลายตัวออกจากกันในที่สุด

    ...ผมคิดว่าผมโชคดีที่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแล้วจากโฮซอกไม่อย่างนั้นผมต้องเป็นลมแน่ๆ...

    เสื้อยืดเก่าๆกับกางเกงยีนส์ที่เขาเคยใส่อยู่ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว มันกลับกลายเป็นชุดเกราะโลหะเหมือนที่เขาใส่ในตอนพบกันครั้งแรกแทน  แต่ที่แปลกกว่าหน่อยก็คงจะเป็นหางสีดำที่สะบัดไปมาอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ

    “เดี๋ยวข้าจัดการเองขอรับ”จีมินเอ่ยก่อนเขาจะคว้าเอาอะไรบางอย่างออกมาจากความว่างเปล่า...

    ...ธนู...

    ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นธนู  แต่ที่ประหลาดไม่ใช่คันจับที่เป็นสีทองแดงประกายวับ  แต่เพราะมันไม่มีเส้นเอ็นและลูกธนูต่างหาก

    ทันใดนั้นเองที่ผมสะดุ้งแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามดังมาแต่ไกล มันไม่ได้ดังมากมายอะไร  แต่มันกลับเต็มไปด้วยความคุกคาม

    จีมินยกคันธนูขึ้นจนลำแขนเหยียดตึง มืออีกข้างก็ง้างทำท่าขึงสายธนู  ลำแสงสีแดงค่อยๆก่อตัวเป็นเส้นคล้ายลูกธนูก่อนมันจะถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับแตกออกจากกันเป็นธนูแสงนับสิบ

    เสียงแหวกอากาศและเสียงปักของหัวธนูดังมาให้ได้ยินจากที่ไกลๆ  ก่อนจะตามาด้วยเสียงกรีดร้องคำรามอย่างเจ็บปวดทรมาณ

    โฮซอกกระชับมือผมแน่นขึ้นก่อนจะจัดการโยนกระเป๋าเป้ใบโตที่เจ้าตัวถืออยู่ส่งให้ผม  เขาส่งยิ้มหวานมาให้ผมคล้ายการปลอบใจก่อนจะค่อยๆปล่อยฝ่ามือที่กอบกุมกันแน่นของเราสองคนออกช้าๆ

    “องค์ชายอย่าออกมาขอรับ!”จีมินเอ่ยเสียงร้อนรน  สองมือก็ยังคงง่วนกับการยิงลูกธนูแสงใส่สิ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาพวกเราทั้งสามคนไม่หยุด  ผมคิดว่ามันยังอยู่ไกลพอสมควรเพราะนอกจากฝุ่นดินที่ฟุ้งตลบห่างออกไปหลายร้อยเมตรบนถนนทางหลวงเส้นนี้ผมก็ยังไม่เห็นอย่างอื่นเลยสักนิด

    “นายรับมือพวกมันคนเดียวไม่ไหวหรอก  อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าพลังของนายมันไม่พอ...”โฮซอกเอ่ยแย้งเสียงเย็นอย่างเต็มไปด้วยอำนาจ  ผมไม่เคยเห็นโฮซอกแบบนี้มาก่อน  เขาไม่เคยแสดงความกดดันขนาดนี้ต่อหน้าผมเลยสักครั้ง

    ...แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเขาในโหมดจริงจังหรอกนะ...

    กลุ่มควันนั้นใกล้เข้ามาทุกที  ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งสังเกตได้ว่าพวกมันใหญ่ขนาดไหน...

    โฮซอกดีดนิ้วหนึ่งครั้งกลุ่มควันสีดำสนิทก็ม้วนพันขึ้นรอบตัวเขาเช่นเดียวกับจีมินก่อนหน้านี้...

    ...และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างที่แท้จริงของเขาแบบเต็มๆ...

    เสื้อยืดเข้ารูปกับกางเกงยีนส์สีซีดของเขาหายไปแล้วตอนนี้บนตัวของโฮซอกกลับกลายเป็นชุสูทสีดำสนิทแทน  และแน่นอนสิ่งที่สวยงามที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นปีกกลุ่มควันสีรัตติกาลของเขา  ครั้งก่อนมันทอประกายระยิบระยับเพียงใด ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

    โฮซอกตรงหน้าผมดูไม่เหมือนโฮซอกเลยสักนิด  เขาดูสุขุมลุ่มลึกกว่ามาก...แถมยังดู...

    ...สูงศักดิ์...

    ...สูงศักดิ์เสียจนผมไม่กล้าที่จะจ้องมองเขาจนเต็มตาเสียด้วยซ้ำ...

    “จีมินกางเขตอาคมรอบนัมจุนแล้วก็คอยสนับสนุนอยู่ตรงนี้...ปกป้องนำจุนเข้าใจมั๊ย”โฮซอกหันมาเอ่ยทิ้งคำสั่งไว้กับคนต่ำศักดิ์กว่า  ดวงตาที่เคยเป็นสีดำสนิทของเขาตอนนี้มันกลายเป็นสีเงินยวงน่าหลงใหลไปเสียแล้วครับ

    สายตาของเราสองสบกันโดยบังเอิญก่อนเขาจะส่งยิ้มกว้างแสนงดงามอย่างที่เขามักทำเป็นประจำมาให้ผม  และนั่นแหละที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก...

    ...รอยยิ้มแบบนั้น  รอยยิ้มของโฮซอก...

    ...ผมโล่งใจที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นโฮซอกคนเดิมของผม...

    “ให้ข้าจัดการเองเถอะขอรับ...องค์ชายทรงรักษาพระองค์...”จีมินเอ่ยแย้ง ผมคิดว่าเขาคงเป็นห่วง ผมเข้าใจเขานะครับ เพราะให้พูดกันตามตรงเป็นผมผมก็คงไม่อยากให้โฮซอกไปฟัดกับกลุ่มหมาบ้านั่นแน่ๆ  ถึงความรู้สึกลึกๆจะกู่ร้องว่าโฮซอกคือสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าฝูงหมาล่าวิญญาณพวกนั้นอีกก็เถอะ

    นี่เป็นคำสั่งจีมิน...อยู่ตรงนี้คอยสนับสนุนแล้วก็ปกป้องนัมจุน  ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง”โฮซอกเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

    ...ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้กำลังหวาดกลัวกับใบหน้าจริงจังของโฮซอกในรูปลักษณ์นี้...

    ...เขาดู....

    ...เหมาะสม....

    เหมาะสมกับการครองบัลลังก์...

     

    กรรรรรรรร!

    แต่ก่อนที่เราจะได้ตกลงอะไรกันให้เรียบร้อยเสียงร้องคำรามของอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน เสียงร้องของมันดังมากเสียจนผมต้องยกมือขึ้นอุดหูโดยอัตโนมัติ  พอเหลือบสายตาไปมองยังต้นเสียงผมก็ต้องตกใจจนแทบลืมหายใจ

    ...สุนักสีดำสนิทตัวใหญ่ราวตึกสามชั้นกำลังวิ่งห้อตรงเข้ามาหาเราทั้งสามคนอย่างดุดัน  มันกระโจนเข้ามาทำท่าจะตะครุบพวกเราเข้าปากที่ประดับไปด้วยเขี้ยวแหลมอันใหญ่เท่ากับกรวยจราจรนั่น

    “ปกป้องนัมจุน!ผมได้ยินเสียงโฮซอกตะโกนดังลั่นก่อนร่างของจีมินจะเคลื่อนกายเข้ามายืนอยู่ข้างผมทันที  ม่านแสงสีเหลืองของอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนมันจะห่อหุ้มรอบกายของผมจนกลายเป็นโดมขนาดเล็กคลุมตัวของผมเอาไว้แทน

    ผมมองภาพเบื้องหน้าผ่านโดมสีเหลืองใสตรงหน้านี่ออกไป  โฮซอกกระโจนออกไปอยู่ด้านหน้าพวกเราอย่างรวดเร็ว  เขาสะบัดมือขวาหนึ่งครั้งดาบเล่มใหญ่ที่ประดับด้วยอัญมณีสีเลือดเม็ดโตก็ปรากฎขึ้นมาอยู่ในมือเรียวของเขา

    โฮซอกยกดาบขึ้นตั้งให้ปลายแหลมชี้ขึ้นด้านบนด้วยสองมือของเขาเป็นเวลาเดียวกับเจ้าหมายักษ์ตัวนั้นที่กระโจนเข้ามาพอดี  โฮซอกย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนกายเข้าไปใต้ร่างที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศของเจ้าหมาล่าวิญญาณ

    ปลายดาบแทงเข้าที่ใต้คางของมันก่อนแรงกระโจนของมันเองจะผลักดันให้ปลายดาบที่แทงค้างอยู่ลากยาวออกไปจนสุดลำตัว

    ทุกอย่างอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเสียงกรีดร้องด้วยความทรมาณของมันจะดังขึ้นพร้อมกลับเปลวเพลิงสีดำสนิทที่ลุกท้วมไปทั่วทั้งร่างของมัน  ร่างกายที่ถูกผ่าออกเป็นสองซีกถูกเผาเสียจนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า  เจ้าหมายักษ์ทั้งตัวสลายหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงสีดำที่โฮซอกเคยเล่าให้ผมฟังราวกับมันไม่เคยอยู่ตรงนี้

    ...มีเพียงกลิ่นเหม็นของเนื้อที่ถูกเผาจนมอดไหม้เท่านั้นที่บอกให้รู้ว่ามันเคยอยู่ตรงนั้น...

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวไปมากกว่านั้นร่างของเจ้าหมายักษ์อีกตัวก็พุ่งเข้าหาพวกเราอย่างรวดเร็ว  มันอ้าปากกว้างอวดเขี้ยวอันใหญ่ของมันเตรียมตัวเขมือบโฮซอกเข้าไปทั้งตัว  แต่เขาก็หลบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

    เสียงแหวกอากาศดังขึ้นก่อนธนูแสงจะปักเข้าตรงที่กลางหน้าผากของมันกว่าสิบดอก  เจ้าหมาซวนเซก่อนจะล้มลงไปกับพื้นในที่สุด  ผมเหลือบมองจีมินที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก  เขายังคงค้างท่ายิงอยู่เลยครับ

    “จีมินนายว่าพวกมันมีกันเท่าไหร่”โฮซอกหันมาเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างกายผมขณะที่พื้นดินรอบตัวเราสั่นสะเทือนจากแรงกระแทก  เสียงร้องคำรามดังระงมไปทั่วจนผมแทบสติแตก

    ก็ทำใจมาพอสมควรแล้วล่ะครับว่ามันจะต้องน่าหวาดกลัว  แต่ผมไม่คิดว่าการได้มาเจอจังๆแบบนี้มันจะชวนให้ประสาทเสียได้ขนาดนี้!

    “สามสิบ...อาจจะห้าสิบขอรับองค์ชาย”จีมินเอ่ยตอบแล้วนั่นก็ทำให้ขนอ่อนทั้งร่างของผมตั้งชัน  แต่โฮซอกกลับทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง...

    ...เขายิ้มครับ...

    พระเจ้า! ให้ตายเถอะเขายิ้มในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ!

    พอดีเลย...ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมาสองร้อยปีได้แล้วมั้งเนี่ย”โฮซอกเอ่ยก่อนจะปักดาบลงที่พื้น  เขายกแขนขึ้นหมุนหัวไหล่เล็กน้อยเหมือนการวอร์มอัพสำหรับออกกำลังกาย

    แต่เดี๋ยว!

    นี่ไม่ใช่การออกกำลังกายนะโฮซอก!!!!!

    เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งก่อนเจ้าหมายักษ์หลายสิบตัวอย่างที่จีมินบอกจะปรากฏขึ้นให้เห็น  ไม่รู้ว่าเพราะว่าฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบจากฝีเท้าของพวกมันหรือเปล่าที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการมาครั้งนี้มันช่างคุกคามเสียเหลือเกิน

    “อ...องค์ชาย!”เพราะเสียงตะโกนเรียกใครบางคนของคนข้างกายผมถึงได้สติกลับมาจากการถูกข่มขวัญนั่น

    ผมหันกลับมาทันเห็นร่างของโฮซอกที่กระโจนเข้าไปในกลุ่มหมาบ้านั่น...แต่เดี๋ยวก่อน! เขาพุ่งเข้าไปน่ะครับ  พุ่งเข้าไปเฉยๆเลย!

    ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขาตวัดรวดเร็วเสียจนผมมองเห็นเป็นเส้นแสงวิบวับเพียงเท่านั้น  เขากระโดดหลบอุ้งตีนยักษ์ข้างหนึ่งที่ฟาดลงมากลางร่างของเขาก่อนจะตวัดดาบในมืออย่างรวดเร็วจนขาปุกปุยข้างนั้นขาดกระเด็น  ยังไม่ทันที่เลือดของเจ้าหมายักษ์ตัวนั้นจะไหลออกมาให้เห็นเปลวเพลิงสีดำก็ลุกโชนเผาผลาญพวกมันเสียก่อน

    เสียงกรีดร้องที่ดังระงมไปทั่วก่อนเปลวไฟสีดำจะลุกพรึบพั่บอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่จ้องมองด้วยความประหลาดใจ...

    ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตะลุมบอนกับเจ้าหมายักษ์ราวสิบตัวและช่วงเวลาของเส้นแสงสะท้อนจากปลายดาบที่ประกายวิบวับสวยงามราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรีทุกอย่างก็สงบลง

    โฮซอกกระโดดวูบออกมาจากกลุ่มของเจ้าหมายักษ์นั้น  ปีกกลุ่มควันแสนสวยของเขาสยายออกพยุงร่างโปร่งบางให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อยๆลดระดับลงมาจนปลายรองเท้าหนังมันปลาบนั่นจะสัมผัสพื้นดินช้าๆอย่างนุ่มนวล

    ดาบเล่มโตที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิตสีดำสนิทถูกสะบัดแรงๆหนึ่งครั้งไล่คราบไม่พึงประสงค์เหล่านั้นให้กระเซ็นลงบนพื้นดินอย่างไม่ใส่ใจ เป็นเวลาเดียวกับเปลวเพลิงสีรัตติกาลที่ลุกโชนขึ้นเผาไหม้ฝูงหมายักษ์ราวสิบตัวเบื้องหลังของเขาจนไม่เหลือแม้เพียงเถ้าถ่าน

    “ไม่ต้องกลัวนะนัมจุน...ฉันกับจีมินจะปกป้องนายเอง”ขณะที่เคลื่อนกายเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆเขาก็ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เขามักทำเสมอ...

    รอยยิ้มที่ยังคงสดใส สวยงามและบริสุทธิ์ทุกครั้งที่ผมเห็นมัน...

    “รักษาตัวนะโฮซอก...”ต่อให้ผมงุดหงิดที่ตัวเองไร้ประโยชน์มากเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่าการยอมรับ...

    ...ยอมรับว่าผมทำได้เพียงแค่เชื่อใจโฮซอก...

    ไม่ใช่ว่าผมกลัวความตาย...ไม่เลยสักนิดหากผมต้องเห็นเขาจากไปต่อหน้าต่อตา...

    ผมแค่คิดว่าผมต้องเชื่อใจโฮซอกว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปเหมือนที่เขาเชื่อว่าผมจะปกป้องตัวเองได้...

    ความรักของเรามันเป็นเรื่องเชื่อใจกันและกันมาตั้งแต่แรกแล้ว...

    ...และผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ทรยศความเชื่อใจของโฮซอกโดยการทำเรื่องโง่ๆอย่างเช่นการทะเล่อทะล่าออกไปล่อหมาโดยหวังว่าจะปกป้องเขา...แต่สุดท้ายผมก็จะกลายเป็นภาระ...

    ...ผมจะไม่ทำแบบนั้น...

    ...ต่อให้ตอนนี้ผมอยากกระโจนออกไปคว้าดาบของเขามาแกว่งแทนก็ตาม...

    โฮซอกยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาผม...โดมใสสีเหลืองตรงหน้าแหวกออกจากกันตามร่างของเขาที่เดินเข้ามาด้านใน  มือเรียวข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบของเขายกขึ้นสัมผัสใบหน้าของผมช้าๆอย่างอ่อนโยน

    “อย่าห่วงเลยนัมจุน....เราจะปลอดภัย เราทั้งคู่...ทั้งฉันและนาย...”โฮซอกกดสีรษะของผมให้โน้มลงไปจนหน้าผากของเราทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา

    ความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่ว  ไปใช่เพียงจุดที่เราสัมผัสกัน  แต่รวมถึงทั่วทั้งหัวใจของเราด้วย...

    ฉันจะรีบไปรีบมา...”โฮซอกผละใบหน้าออกไปก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับผมอีกครั้ง  รอยยิ้มหวานที่แสนอบอุ่น  ผมยอมรับครับว่าเขาเป็นปีศาจที่มีรอยยิ้มงดงามและจรรโลงใจนิ่งกว่านางฟ้าเสียอีก

    โฮซอกเขย่งตัวขึ้นแนบริมฝีปากบางสีสวยของเขาเข้ากับริมฝีปากของผม  รสจูบของเขามันเบาบางทว่ากลับหนักแน่นในความรู้สึก

    มันเป็นเพียงแค่การสัมผัสเบาๆเท่านั้น...แต่มันกลับทำให้หัวใจของผมพองโต...

    ...มันเป็นจูบของคำสัญญา...

    ...สัญญาว่าเขาจะรีบไปรีบกลับ....และกลับมาอย่างปลอดภัย...

    โฮซอกผละออกไปแล้ว  เขาส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันจังหวะที่จีมินกำลังต้องการความช่วยเหลือพอดี

    ...เขาเก่งมาก...

    ...นั่นคือความจริงที่ผมเพิ่งได้รู้...

    ...และความจริงอีกอย่างที่ผมต้องยอมรับให้ได้คือ  ผมมันเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวจ้อยไร้ความสามารถจริงๆ...

    ตังแต่คบกันมาหลายปีผมไม่เคยคิดเลยว่าระยะห่างของเรามันจะไกลขนาดนี้...

    ...แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องหัวใจ...พวกเรารักกัน ผมรู้และผมมั่นใจ...

    เพียงแต่ความเมาะสม...ผมเป็นเพียงนัมจุน  เป็นคิมนัมจุนมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้เด่นในเรื่องอะไรสักอย่าง ไม้มวยก็เป็นแบบงูๆปลาๆพอเอาชีวิตรอดได้...

    แล้วเขาล่ะ?

    โฮซอกล่ะ?

    ...เขาเป็นปีศาจ...ปีศาจที่เป็นปีศาจจริงๆ  สิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของมนุษย์...แค่ความจริงข้อนี้มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกเราจะอยู่ด้วยกัน...

    ...ไม่เพียงแค่นั้น...เขาเป็นเจ้าชาย...เป็นเจ้าชายรัชทายาทที่ต้องเตรียมพร้อมในการขึ้นครองบัลลังก์...

    จากที่เขาเล่าและให้ผมเดาจากนิสัยของโฮซอก...ที่เขาต่อสู้อยู่นี่ไม่ใช่เพื่อการแย่งชิงบัลลังก์แต่อย่างใด...

    เขาทำเพื่อปกป้องเรา...ปกป้องอนาคตและความสงบสุขเขาเราทั้งสองคนมากกว่า...

    แต่ถ้าหากอย่างนั้นบัลลังก์ของโลกปีศาจเล่า...

    ...คนเป็นเจ้าชายอย่างเขาจะปล่อยให้บ้านเมืองเคว้งคว้างไร้ผู้นำได้งั้นหรือ?

    ผมยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆเป็นการเรียกสติ...สิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้ไม่ใช่การมายืนจิตตกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น  แต่ผมควรหาวิธีปกป้องตัวเองให้ได้เสียก่อน...

    ...ผมควรจะลืมเรื่องนั้นไปก่อน...อย่างน้อยๆก็ในตอนนี้...ถึงแม้จะรู้ว่าท้ายที่สุดมันก็จะตกตะกอนอยู่ภายในใจของผมเองก็ตาม...

    ผมดึงความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ภาพตรงหน้าของตัวเองก่อน  คราวนี้ฝูงหมายักษ์มันมีจำนวนมากขึ้นจนน่าตกใจ  ผมภาวนาให้โฮซอกรับมือมันได้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเสียเขาไปตอนนี้

    “ท่านนัมจุน”เสียงเรียกของจีมินดังขึ้นอย่างร้อนรนทำให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจ  เขาเอ่ยเรียกผมโดยที่ไม่ได้หันมามองเสียด้วยซ้ำ  เพราะเขายังต้องคอยสนับสนุนโฮซอกอยู่ที่ตรงนี้  ธนูแสงนับสิบพุ่งตรงไปยังฝูงสุนัขนั้น  แต่มันก็พลาดจุดสำคัญไปได้หลายครั้งเพราะจีมินเองก็คงกลัวว่าจะพลาดไปโดนองค์ชายของตนที่ตะลุมบอนอยู่กลางวงนั่น

    “รับนี่ไปขอรับ”ดาบเก่าเล่มหนึ่งถูกเขาหยิบออกมาจากความว่างเปล่า  จีมินยื่นมันส่งมาให้ผมก่อนที่เขาจะหันกลับไปสนใจกับการยิงโต้ตอบฝูงสุนัขนั่นต่อไป

    “ด...เดี๋ยวๆ ให้มาฉันก็ใช้ไม่เป็นนะ”ผมเอ่ยแย้ง  ก็แน่สิครับนี่มันดาบนะ...ดาบนะครับ  ของมีคมนอกจากคัตเตอร์กับกรรไกรแล้วในชีวิตคิมนัมจุนไม่เคยจับของมีคมอย่างอื่นเลยนะครับ

    ...แล้วอยู่ๆจะให้มาเหวี่ยงดาบแบบนี้ไม่ไหวหรอกครับ!

    “มันเป็นดาบสองคมขอรับ แค่เหวี่ยงซ้ายขวา...ถ้าอะไรทะลุข่ายอาคมเข้ามาเหวี่ยงสุดแรงเลยนะขอรับ!”จีมินเอ่ยก่อนจะสบถออกมาเบาๆเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังบินอยู่เหนือหัวของตน

    ...และแล้วเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าฝูงหมาล่าวิญญาณก็ปรากฏขึ้นครับ...

    เสียงร้องแหลมสูงจนแสบแก้วหูดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจนแม้แต่โฮซอกที่กำลังดึงดาบออกมาจากหัวของหมายักษ์ตัวหนึ่งยังต้องเงยหน้ามอง

    เฟอร์รี่...”จีมินเอ่ยออกมาเบาๆเป็นเวลาเดียวกับที่โฮซอกหันมาทางพวกผมพอดี  สายตาของเราสบกันแน่นิ่ง  ผมเห็นแววกังวลในแก้วตาสีเงินคู่นั้น  โฮซอกขบริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างใช้ความคิดก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด

    “จีมิน...ฝากพวกเฟอร์รี่ด้วย!

    “ขอรับ!”จีมินรับคำแข่งขันก่อนจะหันมาหาผมอีกครั้ง

    “อย่าลืมนะขอรับท่านนัมจุน นอกจากข้ากับองค์ชายแล้ว...อะไรเข้ามาใกล้ฟันให้หมด  ในที่นี้ไม่มีพันธมิตรของเราหรอกขอรับ”จิมินเอ่ยขึ้นก่อนเตรียมตัวจะวิ่งออกไปแต่แล้วเขาก็ชะงักแล้วหันกลับมาหาผมอีกครั้ง

    “...ท่านนัมจุน  ขอบคุณที่อยู่ข้างๆองค์ชายนะขอรับ...แล้วก็รักษาตัวเพื่อองค์ชายนะขอรับ”เขาเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ผม  จีมินผละออกไปแล้วเหลือเพียงแค่ผมที่อยู่ในเขตอาคมและดาบเล่มเก่าในมือเท่านั้น

    ...และนั่นก็ทำให้ผมสงสัย...

    ...ปีศาจนี่ยิ้มสดใสกันทุกตนไหมนะ...

    แกว๊กกกก!!!

    ปล่อยให้ผมใจลอยอยู่ได้ไม่นานเสียงร้องแสบหูของอะไรบางอย่างก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของผม

    อะไรบางอย่างที่ลักษณะคล้ายกับนกบินโฉบลงมาที่โดมข่ายอาคมรอบตัวผม  ถ้าให้พูดลักษณะกันจริงๆจะเรียกว่าคล้ายนกก็คงไม่ได้ น่าจะบอกว่าเหมือนเด็กผีที่มีปีกมากกว่า  มันมีใบหน้าเหมือนกับมนุษย์เพียงแต่มีปากที่กว้างกว่ามาก และแนวฟันเหมือนปลาปิรันย่า

    ผมตกใจจนแทบหงายหลังเมื่อเจ้าตัวแรกเริ่มเอาฟันแหลมคมของมันเจาะโดมอาคมจนสั่นสะเทือนไปหมด  ไม่นานหลังจากนั่นพรรคพวกของมันก็ตามเข้ามาสมทบ  ตอนนั้นเองที่ความกลัวแล่นริ้วเข้าไปทั่วทั้งใจผม

    ด้ามดาบเก่าๆในมือที่จีมินยื่นมาให้ถูกกำแน่นจนผมยังแปลกใจ  แต่ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก  ยิ่งเมื่อเห็นฟันแหลมคมที่เริ่มเจาะโดมข่ายอาคมจนปริร้าวแล้วสติของผมก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิง

    ...สารภาพตามตรงแบบไม่ห่วงตุ๊ดเลยก็คือแค่จะกรี๊ดผมยังร้องไม่ออกเลยด้วยซ้ำ!

    ผมจ้องมองรอยปริร้าวนั้นด้วยใจระทึก  เสียงทุกอย่างเหมือนหายไปจากการรับรู้ทั้งสิ้น  ได้ยินพียงเสียงปริแตกของข่ายอาคมที่เป็นปราการเพียงด่านเดียวที่กั้นผมไว้กับความตายเท่านั้น

    “นัมจุน!สิ่งที่รับรู้ได้ต่อมาคือเสียงตะโกนของโฮซอกพร้อมกับข่ายอาคมที่แตกละเอียด  ตอนนั้นแหละที่เหมือนสติของผมถูกดึงกลับมาด้วยเสียงเรียกของโฮซอก

    ผมตัดสินใจหลับหูหลับตาเหวี่ยงดาบออกไปด้านหน้าทันที  แรงต้านจากด้ามจับทำให้ผมรู้ว่าคงจะหวดโดนอะไรบางอย่างได้แล้วนั่นแหละ

    เสียงแหวกอากาศดังขึ้นติดกันหลายครั้งพร้อมกับความร้อนที่ลอยตามกระแสลมมากระทบกับผิวของผมเรียกให้ผมต้องลืมตาขึ้นมอง

    เจ้าเฟอร์รี่ตามที่จีมินเรียกนอนกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายภายในกองเพลิงสีดำอยู่ตรงหน้าผม  จนในที่สุดพวกมันก็สลายหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงนั้น

    ไม่เป็นไรนะ”เสียงหอบหายใจของโฮซอกเรียกให้ผมละสายตาออกจากเจ้าปีศาจเหล่านั้น  ใบหน้าสวยของโฮซอกฉายแววตื่นตระหนก  หยาดเหงื่อเกาะพราวตามใบหน้าของเขา  พอเห็นผมพยักหน้าว่าไม่เป็นไรเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

    ตอนนั้นเองแหละที่ผมได้สังเกตเห็นเขาเต็มๆตาเป็นครั้งแรก  แขนซ้ายข้างที่ไม่ได้ถือดาบของเขาลู่ลงข้างลำตัว  แขนเสื้อสูทของเขาขาดวิ่นจนดูไม่ได้  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมตกใจได้เท่ากับคมเขี้ยวที่ยังคงปักคาอยู่ที่ต้นแขนของเขาพร้อมกับหยาดโลหิตสีแดงฉานที่ไหลรินลงมาไม่หยุด

    “โฮซอก!ผมถลาเข้าไปหาเขาทันที  ตอนนี้ความหวาดกลัวที่ผมมีมันมากยิ่งกว่าที่กำลังจะโดนเฟอร์รี่เหล่านั้นโจมตีเสียอีก 

    โฮซอกหมุนกายยกดาบเล่มโตขึ้นด้วยแขนข้างเดียวฟันเจ้าเฟอร์รี่ที่บินโฉบลงมาจากด้านหลังทันที

    “นัมจุน...เขี้ยวมันมีพิษ เราต้องดึงมันออก”โฮซอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย  เขาหายใจแรงขึ้นจนผมกลัวว่าจะหายใจไม่ทัน  แถมใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวไร้เลือดฝาดเสียจนน่ากลัว

    ดึงออกให้ฉัน...สองมือเลยนะ  ต้องทำเร็วๆด้วยไม่งั้นนายจะโดนพิษ”โฮซอกจักการปักดาบไว้ข้างกายก่อนมือเรียวข้างที่ยังใช้งานได้จะเอื้อมมาจับไหล่ผมเอาไว้แน่น

    “แต่....”ผมอยากจะเถียงว่าผมทำไม่ได้แน่ๆ  แต่เห็นแววตาอ้อนวอนและใบหน้าที่เริ่มฉายแววทรมาณของเขาผมก็ได้แต่กลืนทุกอย่างลงไปในลำคอจนหมด

    ผมสูดหายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอดก่อนจะพยักหน้ารับ  โฮซอกส่งยิ้มหวานให้ผม  แม้มันจะเต็มไปด้วยความอิดโรยแต่มันก็ยังคงงดงาม

    “เชื่อใจฉันนะโฮซอก...”ผมเอ่ยบอกกับเขาขณะที่ปล่อยดาบเก่าๆในมือลงพื้นอย่างไม่ใยดี  โฮซอกพยักหน้ารับก่อนเขาจะทิ้งกายนั่งลงโดยใช้ดาวเล่มใหญ่ที่ตนปักเอาไว้ที่พื้นแทนพนักพิง

    ผมทรุดกายลงตรงหน้าเขา  สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเมื่อโฮซอกค่อยๆหลับตาลงและพยักหน้าให้ผม

    ผมค่อยเอื้อมมือไปจับเขี้ยวอันใหญ่ที่ปักอยู่ที่แขนของเขา  โฮซอกบอกให้ผมทำมันให้เร็วเพราะมันมีพิษ  แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเจ็บปวดขนาดนี้เพราะเพียงแค่ผมสัมผัสมันแผ่วเบาความร้อนก็ลามไปทั่วทั้งฝ่ามือ

    ...แล้วโฮซอกที่โดนมันเสียบคาอยู่แบบนั้นยังอุส่ามาช่วยผม...

    ...ผมนึกไม่ออกเลยว่าผมจะอดทนต่อความเจ็บปวดขนาดนั้นได้ยังไง...

    ผมกลั้นใจแล้วกำมันให้แน่นขึ้นเมื่อรู้ว่าหากปล่อยไว้โฮซอกจะยิ่งทรมาณไปมากกว่านี้  ผมเอ่ยขอโทษเขาในใจก่อนจะออกแรงดึงมันออกมาสุดแรงในครั้งเดียวทันที

    “อ๊ากกกกกก!”โฮซอกกรีดร้องลั่นจนกระทั่งผมดึงออกมาจนสุดแล้วโยนมันลงข้างกายนั่นแหละที่ทุกอย่างสงบลง  ทั้งผมและเขาต่างก็หอบหายใจจนตัวโยน

    ...ตอนนี้ฝ่ามือของผมเหมือนแช่อยู่ในน้ำแข็งมาสามชั่วโมง...ผมไม่รู้สึกอะไรเลย...

    ขยับเข้ามานี่หน่อยนัมจุน...”โฮซอกเอ่ยบอกผมเสียงแผ่วทั้งๆที่ใบหน้าสวยของเขายังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

    ...เห็นแบบนั้นผมก็อดที่จะยิ้มออกมาเบาๆไม่ได้  ก่อนหน้านี้มันคงจะทรมาณมากสินะ...เขาถึงได้ร้องไห้ไม่หยุดเลย

    ผมขยับเข้าไปหาตามที่เขาบอกก่อนแสงสีขาวนวลที่ผมคุ้นเคยดีจะสว่างขึ้นใกล้กับฝ่ามือของผม...เขากำลังรักษา  โฮซอกกำลังรักษาแผลให้ผม

    “นายก็รักษาตัวเองด้วยสิ...”ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้เขารักษาจนหายสนิทแล้ว  โฮซอกยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังซีดเซียว  เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยกมือขวาขึ้นตีแขนผมเบาๆ

    ...ตอนนั้นเองแหละที่ผมนึกแปลกใจ...

    ...เขาตีผมแรงมาก...แรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...เหมือนว่ามือของเขาไม่รู้สึกกับแรงกระแทกอย่างนั้นล่ะ...

    ...ไม่รู้สึก?...

    ผมรีบฉวยคว้ามือเขาขึ้นมาดู  โฮซอกมีสีหน้าสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อผมคว้าดาบเก่าๆข้างกายขึ้นมากรีดลงบนผิดเนื้อเขาเบาๆจนเป็นแผลเล็กน้อย

    ...แต่โฮซอกกลับนิ่ง...

    “...นาย...”ผมถึงกับพูดไม่ออก  ยิ่งเห็นเขาส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกับค่อยๆชักมือกลับผมก็ยิ่งอึ้ง...

    ...ผมรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงสภาพแย่นักตอนที่รักษาจีมิน..

    ...และทำไมจีมันถึงไม่ยอมที่จะให้เขารักษา..

    ...เพราะการรักษาของเขามันแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดของคนอื่นเอาไว้จนหมดน่ะสิ...

    “...นาย...รักษา....”

    ...นายอย่ารักษาใครอีก...

    นั่นคือสิ่งที่ผมอยากบอก...แต่ก็ได้แค่คิด  เพราะผมรู้ดีว่าโฮซอกจะทำอีก...

    ...เขาจะรักษาคนอื่นที่บาดเจ็บอีกไม่ว่าจะเป็นผมหรือจีมินก็ตาม...

     

    “...บ้าเหรอ...ฉันรักษาตัวเองได้ที่ไหนกัน...ฮะฮะ”

     

    เขาเอ่ยก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มสวยประจำตัว...แต่ผมไม่ตลก  ผมตลกกับเขาไม่ได้ในตอนนี้  ผมรู้ว่าเขาพยายามทำให้ผมสบายใจ  แต่ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมยิ่งเจ็บปวด...เจ็บปวดที่ทำอะไรเพื่อเขาไปไม่ได้นอกจากเป็นภาระ

    ผมตัดสินใจคว้าตัวเขาเข้ามากอดแน่นๆโดยพยายามหลีกเลี่ยงบาดแผลของเขา  โฮซอกไม่ได้กรีดร้องแต่ตัวเขาเกร็งขึ้นคงจะเจ็บนั่นแหละ  แต่ตัวผมเองก็เกร็งแน่นเช่นกัน  ไม่ใช่เพราะบาดแผลทางกาย...

     

    ...แต่มันเป็นบาดแผลทางใจ...

     

    โฮซอกถอนหายใจก่อนจะโอบกอดผมตอบด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเอ่ยปลอบประโลมผมราวกับปลอบเด็กน้อยสามขวบ  คำปลอบใจที่ให้ความมั่นใจอะไรไม่ได้...

    ...แต่น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกมั่นใจ...

     

    “อย่าห่วงเลย...เราจะรอดไปด้วยกันนัมจุน...เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ สัญญานะ”

     

     

     

    ...มั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรเราก็จะได้อยู่เคียงข้างกันไปจนวันสุดท้ายของลมหายใจแน่นอน...

     

     

     

     

     

     

    TBC.

    TALK. กลับมาพร้อมกับตอนสองแล้วค่า แหะๆ หายไปนานมากสำหรับเรื่องนี้ แต่เราก็เอามาต่อนะ ฮื่อออออ กลับมาแล้ว ยังไงก็จะอัพจนจบอ่ะแหละ ต่อให้หันไปอัพเรื่องอื่นก่อนมากมายก็ตาม ขอโต๊ดดดดด 555555555555

     

    โอเคเข้าเรื่องเนอะ เป็นไงบ้างคะ อ่านแล้วบู๊พอมั๊ย 555555  พ่อปีศาจพรีเมี่ยมทูอินวันของเรานี้แจ่มเวอร์อ่ะพูดเลย อยากได้เมียอย่างงี้สักคน #โดนนัมจุนปาดคอ มีใครรอเรื่องนี้บ้างมั๊ยนะๆๆๆ 5555555  เพชรชอบเรื่องนี้นะ ม่อนโฮปดูรักกันมากๆอ่ะ อย่างที่บอกไปค่ะว่าชอทฟิคมีหลายตอน ตอนแรกวางไว้ไม่เกินห้าตอน ตอนนี้อาจจะเหลือสาม เอ๊ะยังไง 5555  กะไม่ค่อยได้อ่ะค่ะ แต่ไม่เกินห้าแน่ๆ ยังไงก็ฝากติดตามกันจนกึงตอนจบเนอะ มันจะจบยังไงกันหนา

     

    อนุญาตให้กรี๊ดล่วงหน้าได้ค่ะ ตอนต่อไปองค์ชายจองกุกคนเล็กจะออกแล้ว กรี๊ดดดดดดดด บอกเลยว่าเขาต้องหล่อมาก  แล้วก็ขอเตือนใครที่ตั้งแง่เกลียดจองกุกกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้นะคะ...หึหึ แล้วคุณจะเสียใจที่ไม่รักน้อย เหอะ! สะบัดบ๊อบแรง 555555 โอเคเราจะไม่สปอยล์แล้ว มีคนถามว่าเรื่องนี้จบแฮปปี้มั๊ย ส่วนตัวเราว่าเราแฮปปี้นะ 555

     

    เออใช่อยากให้มีแท็ครวมชอทฟิคมั๊ยอ่ะ คือก็อยากมีนะจะได้ไปตามอ่าน แต่ไม่รู้จะใช้อะไรอ่ะ ใครมีอะไรมาเสนอหน่อยน้า ไว้เจอกันตอนหน้าค่า บ๊ายบายยยยยย

     

    。SYDNEY♔ Tiny Grey Pointer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×