นครใหม่ปีที่ 87
(พุทธศักราช 2687 ตามเวลาของเมืองเก่า)
บนอาคารสูงที่เรียงตัวกันอย่างแออัดทำให้ไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวมากสำหรับช่วงเวลาบ่าย หวังเพียงว่าจะมีลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่างบานเดียวของห้องบ้าง นี่คือที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนตามการจัดการของรัฐบาล เนื่องด้วยประชากรที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถครอบครองที่ดินได้ จึงจัดการให้สร้างอาคารสูงสามสิบชั้นซึ่งรองรับประชาชนกว่าหกร้อยครัวเรือนต่ออาคาร ส่วนพื้นที่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนั้นถูกนำไปใช้เพื่อการเกษตรเพื่อเลี้ยงปากท้องคนในประเทศ ‘ทัพพ์’ชายชราวัยเจ็ดสิบหกปี อดีตผู้ดูแลห้องสมุดกลาง เดินออกจากที่พักของตนเพื่อไปลานกลางเมืองเพราะบ่ายนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
บรรยากาศของอาคารนี้ถูกออกแบบให้ความรู้สึกสบายตา และค่อนข้างสงบเพราะเป็นอาคารอยู่อาศัยของผู้ที่เกษียณอายุราชการและไม่มีครอบครัว บางเดือนก็จัดกิจกรรมร่วมกันภายในที่อยู่อาศัย แต่ทัพพ์มักจะกลับไปที่ทำงานเดิมเสมอ
เส้นผมทั้งศีรษะของเขากลายเป็นสีสว่าง ยามที่เดินกลางแสงแดด ผิวหนังเริ่มหมองต่างจากคนวัยหนุ่มสาวที่ยืนอยู่บริเวณนี้ ชายชรากำลังยืนมองความเป็นไปของโลก มุมมองบนสะพานสามารถเห็นอาคารที่อยู่ไกลออกไปขนาดปลายนิ้วก้อย ท่ามกลางสีเหลืองทองของต้นข้าวกำลังออกรวง แต่วันนี้คือวันพิเศษ สิ่งที่แปลกตาคือผู้คนจำนวนมากกำลังรอชมแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับปัญหาประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขั้นวิกฤติ หรือหากมีใครสักคนต้องการคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นใน ‘นครใหม่’ ทัพพ์ก็สามารถเล่าถึงที่มาของปัญหานี้ได้
พุทธศักราช 2598 คือช่วงเวลารุ่งเรืองที่สุด เกิดสิ่งก่อสร้างมากมาย กินเนื้อที่ถึงร้อยละสี่สิบของพื้นที่ทั้งหมด ด้วยเทคโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า คณะนักวิจัยค้นพบยาและวิธีรักษาโรคครบทุกโรค ความสามารถทำอวัยวะเทียมได้ทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงวิธีการรักษาโรคมะเร็ง ประเทศนี้จึงถูกต่างชาติทั้งทวีปยุโรปและทวีปเอเชียจับตามองนับตั้งแต่นั้น
พุทธศักราช 2600 เกิดอุทกภัยที่สร้างความเสียหายมากที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกไว้ มวลน้ำมาจากตอนเหนือของประเทศ แต่กลับระบายสู่ทะเลได้ในปริมาณน้อยเพราะบ้านเรือนที่สร้างขวางทางน้ำ สร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรที่เพาะปลูก ทั้งยังกระทบต่อปัญหาความอดยากในระหว่างที่เกิดอุทกภัยครั้งนั้น แม้ว่าการแพทย์จะล้ำหน้ามากกว่าประเทศอื่น แต่ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งต้องล้มตายเพราะขาดอาหาร ภายหลังจากเหตุการณ์สิ้นสุดลงรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงทั้งประเทศขึ้นใหม่โดยเน้นสร้างพื้นที่อาศัยให้ประชากร เปลี่ยนพื้นที่ส่วนใหญ่สำหรับทำการเกษตร มีลานกลางเมือง และแบ่งเขตพื้นที่จังหวัดและอำเภอให้เท่ากันเพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึงยามเกิดภัยพิบัติ และได้ใช้ชื่อว่า ‘ประเทศนครใหม่’
ทัพพ์ยืนมองจอขนาดใหญ่ด้วยความตั้งใจ วิกฤติการณ์ประชากรล้นประเทศ ทำให้อาหารและทรัพยากรไม่เพียงพอต่อความต้องการเป็นปัญหาที่ไม่นึกเลยว่าจะเกิดขึ้นในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ อย่างมากก็เป็นแค่พล็อตเรื่องหนังเกี่ยวกับโลกอนาคตเท่านั้น และตอนนี้ทัพพ์อยากรู้เหลือเกินว่าจะแก้ปัญหาแบบใดได้บ้าง
นาฬิกาแสดงเวลานับถอยหลังเหลือเพียงไม่กี่นาที ประชาชนทั้งหมดจะได้ฟังพร้อมกัน มือทั้งสองข้างของชายชราพิงไว้ตรงราวจับทิ้งน้ำหนักตัวเอนไปข้างหน้า เสียงพูดคุยฟังไม่ได้ศัพท์ของคนเป็นหมื่นคน ต่างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันเมื่อสัญลักษณ์ของนครใหม่ปรากฏขึ้นบนจอ เรียกความสนใจจากฝูงชนด้านล่าง
“แถลงการพิเศษวันที่ยี่สิบสามสิงหาคม นครใหม่ปีที่แปดสิบเจ็ด โดยนายกรัฐมนตรี เรื่องกฏหมายความคุมจำนวนประชากรฉบับแรก พุทธศักราชสองพันหกร้อยแปดสิบเจ็ด”
บนสะพานนั้นยังคงดังไปด้วยเสียงพูดคุยของคนสูงอายุที่พักอยู่อาคารเดียวกันและกลุ่มผู้ประกอบอาชีพชาวนาหลากหลายช่วงอายุกำลังพูดถึงความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาเบื้องต้นของคณะผู้บริการของประเทศนครใหม่
‘นี่ต้องเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอีกแน่’
‘คุณทำอย่างกับเรามีทางเลือกเสียล่ะ’ ผู้เป็นสามีออกความเห็น ทัพพ์ไม่ต้องการแอบฟังให้เสียมารยาทแต่ทั้งสองคนนั้นพูดคุยเสียงดังจนเกินไป
“เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศของเรานั้นกำลังประสบปัญหาวิกฤติเรื่องประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานส่งผลต่อทรัพยากรอาหารและสาธารณูปโภคที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงเกิดกฏหมายควบคุมจำนวนประชากรฉบับแรกขึ้นและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้”
เสียงโวยวายจากประชาชนผู้มาฟังคำแถลงการณ์ดังขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินว่ากฏหมายมีผลบังคับใช้ทันที เหมือนทุกครั้งที่ออกกฏหมายให้ประชาชนปฏิบัติตามทุกฉบับไม่เคยผ่านการร่างโดยประชาชน หรือประกาศล่วงหน้าว่ากำลังมีการร่างกฏหมาย ผู้คนด้านล่างโบกมือแสดงทีท่าไม่พอใจให้กับหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่
จำนวนไม่น้อยเลยทำท่าทางไม่สุภาพในพื้นที่สาธารณะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่สำหรับทัพพ์ในวัยเจ็ดสิบหกปีแล้ว มันก็ไม่ต่างจากตลอดชีวิตที่เคยเห็นมา
“ข้อแรกนครใหม่ปีที่แปดสิบแปด ประชาชนสามารถมีบุตรเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น หากฝ่าฝืนถือเป็นโทษร้ายแรงจะได้รับบทลงโทษประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร”
ประเทศพัฒนาด้านเทคโนโลยีกำลังก้าวถอยหลังไปสู่ความป่าเถื่อนอีกครั้งเมื่อรัฐบาลประกาศนำบทลงโทษหลายร้อยปีก่อนกลับมาใช้กะทันหัน แค่เอ่ยถึงการประหารเช่นอดีตนั้นแล้วทำให้ประชาชนรู้สึกขนลุกไปพร้อมกัน
“ข้อที่สองเนื่องด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าที่สุดในทวีปเอเชียประชากรจึงมีอายุไขที่นานขึ้นถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี แต่กฏหมายใหม่ระบุว่าให้สิ้นสุดหรือยุติการรักษาอาการเจ็บป่วยเมื่ออายุเก้าสิบปีเท่านั้น”
นายกรัฐมนตรีเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มอ่านแถลงการณ์ต่อไป ซึ่งแต่ละข้อนั้นดูจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และลดทอนความเป็นมนุษย์ของประชาชนลงทีละน้อยราวกับทุกคนเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประเทศแล้วตายจากไป
“ข้อที่สามประชาชนชายและหญิงที่มีอายุเกินเจ็ดสิบห้าปีจะต้องขึ้นทะเบียนแก่เขตที่ท่านอยู่ และมีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระหนึ่งเดือนแล้วกลับมารายงานที่เขตอีกครั้ง เพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไปในการลดประชากรของประเทศ
ข้อที่สามจุดหนึ่งผู้ทำคุณงามความดีแก่ประเทศสามารถยกเลิกการรายงานตัวได้โดยมีหลักฐานยืนยันแน่ชัด
ข้อที่สามจุดสอง หากไม่มารายงานตัวทั้งสองครั้งที่กำหนดจะถูกจัดเป็นการขัดขวางความมั่นคงและกฏหมาย ต้องโทษประหารชีวิตทันที”
ภาพบนจอดับลงทิ้งไว้แต่พื้นหลังสีดำสนิทท่ามกลางความโกลาหลของประชาชน เครื่องดื่ม อาหาร รองเท้ารวมถึงสิ่งใดก็ตามที่ใกล้มือถูกขว้างไปทิศทางของหน้าจอพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
‘ขั้นตอนต่อไปของการลดจำนวนประชากรงั้นรึ!’
‘มันจะเป็นอะไรได้นอกจากฆ่าพวกเรา!’
ทัพพ์มือสั่นไปทั้งสองข้าง ทบทวนว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เส้นผมขาวโพลนนั้นขับให้ใบหน้าของเขาดูขาวซีดไร้สีเลือด หนุ่มสาวบริเวณนั้นมองมาทางเขาด้วยความสงสาร ราวกับว่ากำลังเห็นคนใกล้ตายเดินไปเดินมาอยู่รอบตัว ผู้สูงอายุที่เกษียณและวัยใกล้เคียงก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ทุกคนดูสิ้นหวังและท้อใจกับความอยุติธรรมนี้โดยอ้างกฏหมายที่จะฆ่าคนเป็นล้านเหมือนฆ่าปลาเพื่อทำอาหารถวายพระ ขอพรให้พบแก่สิ่งดีๆ
ทางเชื่อมของอาคารที่โล่งและรับลมได้ดีกว่าจุดอื่นไม่ได้ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นเลย ชายชรารู้สึกโหวงอยู่ภายใน สับสนระหว่างความท้อแท้กับสิ่งที่ได้รับกับ/ความโกรธแค้นเบื้องลึก
ประเทศของเราเร่งพัฒนาแต่นี้น่ะหรือคือ การแก้ปัญหาตื้นๆของกลุ่มคนไร้ความคิดและยังไร้ความยินยอมจากคนหลายสิบล้านคนที่เหลือ จากการศึกษาประวัติศาสตร์ในห้องสมุดมาทั้งชีวิตนี่ก็นับเป็นการย่ำอยู่กับที่ในการจัดการคุณภาพประชากรอีกอย่างหนึ่ง ทัพพ์วาดฝันว่าจะได้เห็นการคิดค้นพลังงานทดแทนหรือเทคโนโลยีให้การผลิตอาหารให้เพียงพอเสียอีก
ชายชราเดินกลับห้อง ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับการสังหารหมู่คนวัยชราที่ชอบด้วยกฏหมาย ตราบใดที่ต่างประเทศถูกปิดกั้นไม่ให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันจะกลายเป็นสิ่งถูกต้องต่อไป ทัพพ์นึกคิดกับตัวเองระหว่างก้าวขาพาสังขารของตนกลับไปห้องพักอาศัย รอวันตายที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งกำหนดไว้แล้ว
‘ในอดีตเมื่อครั้งยังใช้ชื่อเก่านั้นประเทศนี้เป็นประเทศที่สิ้นหวัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหนึ่งร้อยกว่าปีถัดมาก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ประเทศที่คณะผู้นำไม่กี่คนสามารถชี้เป็นชี้ตายแก่ประชาชนที่เหลือได้’
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย