ขณะที่ผมกำลังนั่งรอสเนปอยู่ที่ห้องส่วนตัวของเขา โซฟานิ่ม หมอนใบใหญ่ ผมคงไม่มีวันได้เห็นมันอีกแล้ว ผมอาจต้องกลับไปอยู่กับซิเรียสถายใต้ความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจ ทุกคนยังจำจดหมายนั่นได้ใช่มั้ย นั่นแหละสาเหตุล่ะ ผมมองไปรอบๆผมไม่เคยคิดว่าที่นี่จะเป็นที่ๆอบอุ่นที่สุดหลังจากได้รู้จักชายที่ชื่อเซเวอรัส สเนปจริงๆ ไม่ต้องใช้เวลานานหรอกเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องมาอยู่ที่นี่ เขายืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะถอดผ้าคลุมยาวรุงรังออก
"เธอตัดสินใจหรือยังว่าจะเอาไงต่อ" ชายนัยน์ตาสีดำมองผมอย่างสงสัย
"ไม่รู้สิ ผมยื่นใบสมัครงานไว้หลายที่มากๆ คงต้องลุ้นอีกที" ผมก้มหน้าถอนหายใจ
"อยากไปเที่ยวหรืออะไรก่อนหน้านั้นไหม ฉันพาเธอไปได้นะแฮร์รี่" เขานั่งลงข้างๆที่โซฟาตัวเดียวกัน
"คุณจะพาผมไปจริงหรอ" ผมตาเป็นประกายเมื่อได้ยินข้อเสนอของสเนป
"ถือว่าเป็นรางวัลที่เรียนจบแล้วกัน" เขายิ้มมุมปากให้
"ว้าว ขอถามจริงวันนี้แฟนผมไปกินอะไรมาถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ศาสตราจารย์ปรุงยาหน้าโหดคนนั้นไปไหนแล้ว" ผมแกล้งถอยหนีสเนป แต่เขาก็ยังขยับเข้ามาใกล้ แขนที่แข็งแรงคู่นั้นกำลังกักผมอยู่ เขารุกเข้ามาทีละนิดจนผมไม่สามารถหนีไปไหนได้ หลังของผมชนที่วางแขนของโซฟาเป็นที่เรียบร้อย เขาขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆอยู่ที่บริเวณต้นคอผม
"ขอจูบทีได้ไหม?" เฮ้ย เซเวอรัสก็เข้าใจนะว่ามันต้องเกิดอารมณ์อย่างว่ากันบ้าง แต่ทำไมต้องเป็นทุกทีที่อยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ
"ขอร้องเซเวอรัส ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก" ผมปฏิเสธเขาไป สเนปกลับไปนั่งที่เดิมแต่ไม่ได้สำนึกผิดกับเรื่องเมื่อกี้เลย แถมยังฮัมเพลงอีกต่างหาก
"ไม่รู้สิมันเคว้งคว้างบอกไม่ถูก แต่คือผมเพิ่งจะจบการศึกษาได้แค่สองชั่วโมงกับอีกสี่สิบสามนาทีเอง" ผมพูดพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
"ตอนแรกฉันก็เป็นแบบเธอเนี่ยแหละ" คนตรงหน้าผมยิ้มบางๆ
"อื้ม"
"เอางี้มั้ย อยากเป็นศาสตราจารย์สอนป้องกันศาสตร์มืดมั้ย เธอทำได้แน่" เซเวอรัสร้องขึ้นอย่างดีใจ เขาเผลอเขย่าบ่าผมอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ
"ทำไมถึงคิดว่าผมทำได้ล่ะ" ผมพูดอย่างไม่มั่นใจ
"เธอยังเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้ใช่มั้ย"
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ
"รีบวิ่งมาเลย" สเนปเร่งรีบออกจากห้องไปเสียงปิดประตูดัง ปัง ตามมาหลังจากที่เจ้าตัววิ่งไปไกลแล้ว ผมที่ไม่มีทางเลือกอื่นก็วิ่งตามเขาไปผ่านฝูงชนและอาคารต่างๆ จนเราทั้งคู่มาหยุดที่..
ห้องทำงานของอัลบัส ดัมเบิลดอร์
. . . . . . . . . . . . . . .
"ลมอะไรหอบพวกเธอมา เซเวอรัส แฮร์รี่" พ่อมดชุดสีม่วงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานในห้อง เอ่ยขึ้นมาโดยที่ไม่ได้หันมามอง
"ท่านรู้ได้อย่างไรครับ" สเนปสงสัย ดัมเบิลดอร์ชูกระจกเงาขึ้นเพื่อให้เห็นถึงสาเหตุที่เขารู้ได้
"ผมอยากให้ท่านพิจารณารับพอตเตอร์ เป็นครูสอนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ครับ"
"ตามนั้น" ศาสตราจารย์ใหญ่ตอบโดยไม่แม่แต่จะหยุดคิดด้วยซ้ำ
"หมายถึง..?"
"ตอนนี้เธอเป็นศาสตราจารย์ของฮอกวอตส์ไง แฮร์รี่" ดัมเบิลดอร์พูดซ้ำ
"ขอบคุณมากครับ"แฮร์รี่ตอบ
"เอ่อ ท่านครับเรื่องที่ตกลงกันไว้?"
ผมเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักจะแปลกๆแล้วสิ
"นั่นขี้นอยู่กับตัวพ่อหนุ่มคนนี้เอง" ดัมเบิลดอร์ยังคงตอบให้เป็นปมปริศนา คงเพราะอยากจะเข้าใจแค่สองคน
สเนปพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป ผมรีบวิ่งตาม เสื้อคลุมสีดำยาวของเขาสะบัดเป็นจังหวะ
"เราจะไปไหน?" ผมถามขึ้นหลังจากเดินตามจนเหนื่อย แต่เขาดูเหมือนจะไม่สนใจ แถมยังมองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมาคุยด้วย
"แฮร์รี่ เธอคิดว่าจะกลับไปอยู่กับ..พ่อทูนหัวของเธอไหม?"
"ผมก็ไม่แน่ใจ"
"อยากมาอยู่กับฉันไหม?"
ผมนึกสักพักกว่าจะตอบคำถาม
"ก็น่าจะได้นะ ผมว่า..แต่ต้องมีคนซุบซิบเรื่องของเราแน่เลย"
"งั้นก็แต่งงานกับฉันเสียสิ"
"ใช่ๆ แต่งงา- หา? แต่งงาน!!"
ไม่แน่ใจกับคำที่คนตรงหน้าพูดเท่าไหร่นัก แต่สาบานได้เลยว่า..ผมได้ยินไม่ผิด!!
สเนปหยิบแหวนออกมาจากเสื้อคลุม แหวนรูปใบไม้สีเงินเรียบๆแต่คงสำคัญทางด้านจิตใจมากกว่า
"คุณจะไม่..คุกเข่าลงหน่อยเหรอ"
"อะ แฮ่ม..ก็รู้นะว่าต้องทำแต่ฉันข้อเข่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะ" สเนปยิ้มเขินๆ ยืนตัวตรง
"ต้องพูดอะไรหน่อยมั้ย?" ผมเตือนสติคนข้างหน้า
"นั้นสิ..พูดอะไรนะ?" แก้มแดงๆนั่นมองต่ำลง
"ฉันจะดูแลเธอจนลมหายใจสุดท้าย และไม่มีเวทมนตร์ใดๆมาทำลายความรักของฉันที่มอบให้เธอ ขอให้เมอร์ลินเป็นพยานในความรักครั้งสุดท้ายครั้งนี้.. แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ เธอจะให้เกียรติอันสูงสุดโดยการแต่งงานกับฉันไหม?"
ผมมือสั่นไปชั่วขณะ และเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องด้วยความตื่นเต้น
"ขอให้เมอร์ลินเป็นพยานในความรักครั้งสุดท้ายครั้งนี้ ..แต่งครับ"
เราจูบกันที่ตรงหน้านาฬิกามันเป็นจูบที่ดีและหวานหอมที่สุดเท่าที่ผมจำได้