ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ืเนเน่กะฮารุกะ

    ลำดับตอนที่ #1 : อย่างนี้มันต้องจีบ

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 58


    หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว คุณซาดาโกะก็ขอตัวไปเก็บล้างจานชาม ปล่อยให้เนเน่นั่งทำหน้ามึนกับคุณฮารุกะ

    ความเงียบที่เกิดขึ้นเนื่องจากการไม่อยู่ของคุณซาดาโกะ ทำให้ความอึดอัดลอยขึ้นครอบคลุมพื้นที่ของทั้งเด็กสาวและชายหนุ่ม

     

    ฟินนนนนนนนนน หรือว่าเราหลุดมาอยู่ในเวิร์ดของฮารุกะซะแล้วล่ะ

     

                ต่อให้บรรยากาสมันช่างแสนอึดอัด แต่เธอก็ปฏิเสธความฟินของตัวเองไม่ได้หรอก ก็ได้มาเจอฮารุกะที่ตัวเองชอบในเวอร์ชั่นคนทั้งทีนี่ ถึงอาจจะแค่มีคาแรคเตอร์และสตอรี่บางอย่างเหมือน แต่เอาจริงๆแค่นี้มันก็หนีไม่พ้นแล้ว แถมยังชื่อเหมือนกันอีก

                เด็กหนุ่มหน้าตาดีซึ่งก่อนหน้านี้กำลังมองคุณซาดาโกะล้างจานรู้สึกถึงพลังงานแปลกๆรอบๆตัว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่ยอมชวนคุยอะไรเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าคนแปลกหน้าคนนั้นกำลังจ้องตัวเองอยู่ ด้วยสายตาที่อธิบายความหมายไม่ออก

     

    จ้องอยู่จริงๆด้วย

     

                เด็กหนุ่มคิดในใจ ตอนแรกที่เจอบนเครื่องบินเขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้แอบมองเขาเป็นระยะๆ และตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ใส่แว่นด้วย แถมตอนที่หลับคนคนนี้ยังเผลอละเมอเรียกชื่อของเขามาอีก

     

    หรือจริงๆเธอคือนักสืบมาตามตัวเรา

     

                เด็กหนุ่มแสดงอาการหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่ตอนนี้เนเน่ไม่ได้จ้องมาที่เขาแล้ว แต่ทว่าเธอกำลังจ้องหน้าจอของโทรศัพท์มือถืออยู่

     

    เฮ้อ นี่เราจะบ้าหรอ เราเคยสร้างศัตรูกับใครที่ไหนหล่ะ นักส่งนักสืบจะไปมีได้ยังไง

     

                สิ้นเสียงความคิด หญิงสาวเจ้าของบ้านก็เดินกลับมาพร้อมกับถั่วแดงต้มถ้วยเล็กๆในมือ

     “เนเน่จัง ทานถั่วแดงก่อนสิจ้ะแล้วค่อยไปนอน

     “ค่ะ คุณยามาดะ

     เรียกว่าคุณซาดาโกะก็พอจ้ะ


     อ๋อ ค่ะๆคุณซาดาโกะ


              ฮารุกะแอบน้อยใจนิดๆ ทำไมไม่มีสำหรับเขาด้วยหล่ะ เขารำพึงในใจ ก่อนจะขอตัวกลับห้องไป



    “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณนานาเสะ”


                ยังไม่ทันที่จะก้าวขาพ้นห้องทานข้าว หญิงสาวผู้มาใหม่ก็เรียกเขาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคแสนงุนงง


    “คุยกันก่อนได้หรือเปล่าคะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณนิดหน่อย”


    “ครับ”

     

    เยสสสสสสสสสสส

     


                เด็กสาวอุทานในใจด้วยความยินดี โอกาสมาขนาดนี้ทั้งทีเธอก็ต้องจีบเซ่

    ..
    ..
    ....
    ......

    ........



                ถึงจะบอกว่าโอกาสมาก็ต้องจีบ แต่เอาจริงๆแล้ว เนเน่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการจีบใครเลยสักครั้ง ชีวิตที่ผ่านๆมาของเด็กสาวดีสุดก็แค่ได้จีบตัวท๊อปในเกมจีบหนุ่มสร้างฮาเร็ม บอกเลยว่ากับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายตัวเป็นๆเธอจีบใครไม่ได้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่จีบแต่ออกจะเป็นแนวกดขี่ข่มเหงเสียมากกว่า

     

    “คุณเนเน่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมงั้นหรอครับ”

             

    “อะ...เอ่อ คือ”

    ตายล่ะ จะคุยเรื่องอะไรดีวะเนี่ย โถ่เอ้ย

                เด็กสาวสบถในใจ

     

    เรื่องปกติที่เอาไว้คุยกับคนเพิ่งรู้จักกันมันมีอะไรบ้างเนี่ย

     

    “คืออะไรหรอครับ”


                ฮารุกะเอ่ยหลังจากยืนจ้องหญิงสาวที่กำลังทำท่าตะกุกตะกักมาสักพัก เขารู้ได้เลยจากท่าทางว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้มีเรื่องจะคุย แต่แค่เรียกเขาไว้ไม่ให้ไปเฉยๆ แล้วจะเรียกเขาไว้ทำไมละ

     

    “ค... คือ ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณนานาเสะค่ะ”

               

                            หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็นั่งลงตรงโต๊ะฝั่งตรงกันข้ามกันกับคนที่จะคุยด้วย เขาสังเกตเห็นความประหม่าที่ออกมาจากตัวของคนตรงหน้าได้

    “คุณนานาเสะ ตอนนี้ยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอยู่หรือเปล่าคะ”

    หา เรื่องนี้เนี่ยนะ

    “ครับตอนนี้เป็นนักว่ายน้ำมืออาชีพ ทำไมหรอครับ”

    “คือ คุณมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกับตัวการ์ตูนที่ฉันชอบนะค่ะ”


    ชัดเลย ชัดสุดๆ


                            ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้ากำลังพูดถึงคืออะไร มันอาจจะแปลกไปหน่อย แต่เรื่องของเขาถูกพี่สาวของผู้จัดการทีมตัวแสบเอาไปทำเป็นการ์ตูนโดยไม่ขอสักคำ แถมยังแอบเสริมเติมเนื้อหาบางอย่างที่ดูน่าขนลุกพิกลเพิ่มเข้ามาในเนื้อเรื่องอีก กว่าเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองและเพื่อนๆกำลังถูกโคลนนิ่งในเวอร์ชั่นสองมิติการ์ตูนเรื่องนี้ก็แปะโปสเตอร์ไปทั่วญี่ปุ่นแล้ว

    “คงแค่บังเอิญแหละครับ”

    เรื่องอะไรจะให้รู้ว่าเป็นตัวเองล่ะ ชายหนุ่มไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลย คนที่รู้ก็น่าจะมีแค่ยัยตัวดีนั่นกับเพื่อนๆในทีมเท่านั้นแหละ


    “คือ ถึงจะแค่บังเอิญ แต่ฉันก็ดีใจมากๆเลยละค่ะที่ได้มาเจอคนที่คล้ายกับคนที่ฉันชื่นชมขนาดนี้ ถึงจะไม่ใช่ตัวจริงเพราะมันเป็นไปไม่ได้ก็เหอะ”

    “ครับ” พูดแบบนี้ก็แอบเขินแฮะ ชายหนุ่มคิดในใจ


    “ฉันหน่ะ ชอบฮารุกะมากๆเลยละค่ะ.... อ เออหมายถึงในเรื่องฟรีนะคะ”


    “ครับๆ”


    “คือ ฉันอยากจะเป็นคนที่มีอิสระได้อย่างฮารุกะคุงเขา อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาโดยไม่ต้องมีคนอื่นมาคอยชักใย เพราะฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เลย ทั้งครอบครัว สังคม มันกดดันไปหมดเลย ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะหนีมาอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยด้วยซ้ำ”



                            ข้อความที่เด็กสาวเผลอพรั่งพรูอออกมาจากความเก็บกดที่สะสมมานาน สะกิดต่อมคนฟังได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มดีใจที่ได้เป็นตัวอย่างของเธอ แต่เอาจริงๆแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มีอิสระตามใจคิดขนาดนั้นหรอก เขาก็แค่นักกีฬาธรรมดา เป็นคนธรรมดาๆคนนึงเท่านั้น สังคม ครอบครัว เพื่อนฝูง อะไรหลายๆอย่างก็ได้ผูกมัดเขาเอาไว้เหมือนกัน อิสระที่เขามี ก็ยังคงมีขอบเขต ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำได้



    “คุณเนเน่ครับ”


    “อ่ะ อ๋า ขอโทษค่ะ ฉันเผลอพูดอะไรไม่จำเป็นออกไป”


    “เปล่าครับ ผมไม่ได้จะว่าเรื่องนั้น”


                ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แอบแฝงความรู้สึกแย่ๆของผู้หญิงตรงหน้าไม่ทำให้เขาเคืองอะไรเธอหรอก สงสารเสียมากกว่า


    “ผมแค่อยากจะบอกว่า อิสระมันอยู่กับใจของคุณเอง ถ้าหากคุณปิดประตูเลือกที่แต่จะคิดว่าตัวเองถูกกักขัง คุณก็จะมองไม่เห็นว่ามีเส้นทางไหนที่เปิดให้คุณเข้าไปค้นหาได้ เพราะทุกคนก็ไม่ได้สามารถเลือกได้ทุกสิ่ง ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่เรามีสิทธิจะเลือกคิด เลือกที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าช่องทางที่เป็นของคุณนั้น ดีมากพอ ผมเชื่อว่าคุณเนเน่ต้องหามันเจออย่างแน่นอนแหละครับ”

     

    ฮารุกะคุงปลอบใจเราด้วยอ้ะ><



                เด็กสาวคิดในใจก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณ



    “ขอบคุณคุณนานาเสะมากนะคะ ที่ช่วยพูดแนะนำกับคนอย่างฉัน”



    เราคงรบกวนเขามากไปแล้วหล่ะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอีกทีตอนเย็นอยู่แล้ว เฮ้อไปดราม่าใส่คนที่พึ่งรู้จักกันตั้งแต่เพิ่งได้คุยกันครั้งแรก แย่จริงเล้ยเรา



    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดี ต่อจากนี้เรียกผมว่าฮารุกะเฉยๆก็พอแล้วล่ะครับ”


    เอ๋!!!!!!!!!!!

    ฟินนนนนนนนนนนโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    “ค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

    “ครับ ราตรีสวัสดินะครับ”

                            สิ้นเสียง ชายหนุ่มก็เดินออกไปจากห้องพร้อมๆกับคุณซาดาโกะที่เดินเข้ามาพอดี


    “เนเน่จังไปอาบน้ำได้แล้วนะจ้ะ พี่เตรียมน้ำให้เสร็จแล้ว”


    “ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณซาดาโกะ” ถ้าไม่ได้คุณฉันคงไม่เจอคนที่ตามหามาตลอด ขอบคุณมากค่ะ

     

     ‘ ทำหน้าซาบซึ้งกับเรื่องแค่นี้เนี่ยนา เนเน่จังเนี่ยเป็นเด็กที่อ่อนน้อมจริงๆซาดาโกะคิด

     

                    วันรุ่งขึ้น เด็กสาวซึ่งมีแผนว่าจะไปซื้อเครื่องรางที่วัดซะหน่อยก็ตื่นมาตั้งแต่เช้า เธอแต่งตัวด้วยชุดแนวญี่ปุ่นๆสไตล์ของเธอก่อนจะหยิบของใช้ต่างๆแล้วบอกลาเจ้าของบ้าน



    “คุณซาดาโกะคะ หนูไปที่วัดก่อนนะคะแล้วจะกลับมาทานข้าวเย็นตอนห้าโมงครึ่ง”



    “จ้าๆ วันนี้เห็นว่าฮารุกะคุงก็จะไปเมืองนั้นเหมือนกันนี่ ไหนๆแล้วก็ไปด้วยกันเลยสิจ้ะ”



    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณซาดาโกะ ฉันไปคนเดียวได้ ไปก่อนนะคะ”



    “จ้าๆ” สาวใหญ่ขานตอบในขณะที่เด็กสาวใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูบ้าน

     


                ในขณะนั้นเอง ประตูก็ไปชนกับวัตถุชิ้นใหญ่จนมันล้มลงไปกับพื้น




    “โอ้ย!!” เสียงทุ้มร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเงยขึ้นมาดูสาเหตุ


    “อ้าว คุณเนเน่”



                ชายหนุ่มหน้ามนทักทายทันทีที่มองเห็นใบหน้าของคนที่เพิ่งทำให้เขาล้ม เขาไม่ได้ทำหน้าถือโกรธอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าขำขันกับความซวยของตัวเองเสียมากกว่า


    “ขอโทษนะคะคุณฮารุกะ คือฉันไม่ทันจะได้มองเลย คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ”



                เนเน่รีบคุกเขาลงไปดูอาการของชายหนุ่มอย่างทุลักทุเลในกระโปรงของเธอ แต่ยังไม่ทันได้จัดแจงท่าให้ดีชายหนุ่มก็พูดขัด


    “ผมไม่เป็นไรครับ แค่นี้ผมสบายมาก”  ถึงเขาจะพูดอย่างนั้น แต่รอยช้ำที่แขนทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้


    “ค่ะ วันนี้คุณซาดาโกะบอกฉันว่าคุณจะไปเมืองเดียวกับฉันพอดี เดี๋ยวเราไปด้วยกันเลยนะคะ”


    “ครับ”


                            การโหนรถไฟในยามเช้านั้นยากลำบากอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ผู้คนมากมายเบียดเสียดเข้าไปในรถไฟจนแน่นไปหมด ชายหนุ่มกับหญิงสาวชาวต่างชาติถูกเบียดจนแยกออกจากกัน



    เขาจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย


                            เนเน่มองไปยังฮารุกะอย่างเป็นห่วง ตอนที่เธอเปิดประตูชนเขา ฮารุกะล้มลงไปแล้วเอาข้อศอกลง แรงมหาศาลของเธอกับแรงโน้มถ่วงและน้ำหนักของเขาอาจจะทำให้กระดูกแตกได้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังทำสีหน้าสบายๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



                            เอี๊ยด



                            รถไฟชะลอตัวพร้อมๆกับผู้คนที่ถลาไปในทิศทางเดียวกัน เด็กมัธยมต้นในชุดกะลาสีเสียการทรงตัวจนไปชนที่แขนของร่างสูงอย่างจัง



    “โอ้ยย”


                            ฮารุกะที่เคยพูดว่าไม่เป็นไรร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่ผู้คนมากมายที่ขวางกั้นทำให้เนเน่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากเรียกถามด้วยความเป็นห่วง
     

    “ฮารุกะซัง! คุณไหวมั้ยคะ”


    “โอยยยย”


                            ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรไป เขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดถึงขีดสุด

    .
    .
    .
    .

                สุดท้ายก็ไปไม่ถึง



                            ชายหนุ่มและหญิงสาวได้รับความช่วยเหลือจากคุณลุงที่อยู่ในรถไฟให้ออกมาจากขบวนได้ที่สภานีก่อนถึงสถานีเป้าหมาย ฮารุกะไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลในย่านนั้น



    “กระดูกไม่แตกหักครับ แต่ว่าข้อควรจะพักอย่าใช้แขนข้างนี้ไปสักระยะนะครับ”


    “ค่ะ”


                            ทั้งสองนั่งฟังคำอธิบายของหมอสักพักก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลมานั่งพักที่ม้านั่งในสวนสาธารณะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม



    เดี๋ยวฉันไปกดน้ำมาให้นะคะ”


                           เนเน่ไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฎิเสธ เธอเดินไปยังตู้กดน้ำใกล้ๆก่อนจะกลับมาพร้อมกับน้ำผลไม้และกาแฟ


    “เอาน้ำผมไม้หรือกาแฟคะ” เธอถามชายหนุ่ม


    “เอากาแฟครับ ขอบคุณมากนะคะ”


                            ชายหนุ่มยื่นแขนที่ไม่เป็นอะไรออกมารับจากมือของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หญิงสาวไม่ได้จ้องมองหน้าของเขาเลยสักนิด แต่สายตาของเธอมองไปยังแขนอีกข้างของเขา


    “คุณเนเน่ครับ”  ชายหนุ่มเรียกสติของผู้หญิงตรงหน้า เธอไม่ปล่อยมือจากาแฟกระป๋องสักที

     

                            ไม่รู้เพราะอะไร แต่น้ำตาของเนเน่ค่อยๆไหลลงมาเมื่อมองไปยังแขนที่มีรอยฟกช้ำของชายหนุ่มตรงหน้า



    “เนเน่ คุณร้องไห้ทำไมครับ” ฮารุกะมองมายังหญิงสาวที่จู่ๆก็น้ำตาไหล เขาทำอะไรไม่ถูก


    “เปล่าค่ะ คือ ฉันแค่รู้สึกผิด น้ำตาเลยไหลลงมาล้างตา”


    “รู้สึกผิดทำไมครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะดันตัวหญิงสาวให้นั่งลงจรงเก้าอี้แทนตำแหน่งของ
    เขา


    “ก็ ถ้าแขนคุณบาดเจ็บ คุณคงไม่ได้ไปว่ายน้ำใช่มั้ยคะ จริงๆแล้ววันนี้คุณก็ตั้งใจจะออกไปว่ายน้ำด้วยนี่คะ” 

                          เด็กสาวพูดพลางมองไปยังกระเป๋ากีฬาที่ชายหนุ่มถือมาด้วย




    “ครับ แต่เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวหายแล้วผมก็ว่ายได้อยู่ดีนี่”

    “ค่ะ แต่คุณคงอยากว่ายน้ำแย่เลย ฉันทำลายอิสระของคุณ  ตอนแรกฉันคิดว่าคุณจะกระดูกร้าวจนว่ายนำ้ไม่ได้ไปแล้ว”


          เด็กสาวหยุดร้องไห้แล้ว เหลือแต่คราบน้ำตาใสๆที่แก้มทั้งสองข้าง


    “อยากว่ายก็อยากแหละครับ แต่ผมอดทนได้ ไปเถอะ วันนี้คุณตั้งใจจะไปที่ไหน ผมเปลี่ยนแผนละ”



    “คะ?” เธอช้อนตามองใบหน้าของชายหนุ่ม



    “เดี๋ยววันนี้ผมไปเที่ยวกับคุณแทนก็ได้ ผมว่างแล้ว”

     

    เฮือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×