Friends
#BANGCHAN
‘ เพื่อนกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอกเว้ย
’
ประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของผม
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี
ทุกคนที่เห็นความสัมพันธ์ของผมกับเขาล้วนบอกประโยคเดียวกันนี้กับผมทั้งนั้น
ซึ่งในตอนนี้ผมก็คิดว่าแบบนั้น เพราะคนเป็นเพื่อนกันใครเขาจะนอนเตียงเดียวกัน(?)
จะดูแลกัน(?) และจะรักในแบบที่ผมรักเขาแบบนี้หละครับ
ดวงตากลมสวย
ที่มักจะมองมาที่ผม ทำให้ผมตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ก็นั่นแหละครับ
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความเป็นเพื่อนกันของผมกับคิมฮิมชาน
ผมชื่อบังยงกุกนะครับ
ผมเป็นเพื่อนกับฮิมชานมาหลายปีจนไม่อยากจะนับระยะเวลาแล้วหละครับ เราอยู่ด้วยกัน
ทำอะไรต่างๆนานา มาด้วยกันหลายอย่าง ผมคิดว่าเขาเข้าใจผมมากกว่าฝาแฝดแท้ๆของผมอีก
ผมว่าเขาเหมือน แม่ เลยครับ แม่ทูนหัวของผมหนะนะ
ผมรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน
ชอบอะไร เขาก็รู้เหมือนกันว่าผมเป็นคนแบบไหน และชอบอะไร อย่างเช่น
เขารู้ว่าผมชอบไปคลับ เขารู้ว่าผมชอบสีขาวดำ และเขาก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดน้อย
และผมก็เดาว่าเขารู้ว่าผมรักเค้า
ผมอยากให้ทุกคนคิดถึงเพื่อนสนิทที่สุดของคุณนะครับว่าเวลาเค้าอยู่กับคุณ
เค้าเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าเป็นแบบเรื่องราวของผมกับฮิมชานแล้วหละก็ ผมบอกได้เลย
มันไม่ใช่ความเป็นเพื่อนแล้วหละครับ และมันพัฒนามาไกลมาก
เกินกว่าจะกลับไปยืนที่จุดเดิมแล้วหละครับ
เมื่อก่อน
ในตอนที่ผมกับฮิมชานยังเป็นเพื่อนกัน ฮิมชานเขาชอบอ้อนครับ...
“ปังง เราอยากกินต๊อกร้านนั้น พาเราไปกินหน่อยสิ”
เสียงสองที่เขาใช้กับสายตาเหมือนเจ้ากวางน้อยถูกส่งมาให้ผม
และก็เป็นอันว่าผมแพ้ทางเขาอยู่เรื่อยไป
แต่พอความสัมพันธ์ของเรามาไกลขึ้นมากกว่าคำว่าเพื่อน
เขาก็ยังอ้อนอยู่นะครับ แต่ผมว่ามันเป็นการอ้อนแบบแปลกๆครับ
“ปัง
ชานอยากได้กระเป๋าหลุยส์คอลเล็คชั่นใหม่อ่ะ เนี่ยลิมิเต็ดอิดิชั่นเลยนะ”
เสียงของแม่ยอดยาหยีของผมดังขึ้น เหมือนเสียงคำสั่งในค่ายทหารเลยครับ คือถ้าไม่ทำตามนี่โดนปืนเป่าหัวเลยครับ
“แต่ว่า
ชานเพิ่งจะซื้อใบใหม่ไปเมื่อวานเองนะ”
ผมพูดตอบกลับพร้อมกับพลิกหนังสือพิมพ์ในมือไปพลาง
“นั่นมันเมื่อวาน
ก็ชานจะเอาอ่ะ ปังจะซื้อไม่ซื้อ ถ้าไม่ซื้อก็คอยดูละกัน ” เสียงนิ่งๆตอบกลับมา
ผมว่านี่มันไม่เข้าข่ายอ้อนแล้วครับ นี่มันข่มขู่ชัดๆ ส่วนผม บอกแล้วครับ
ผมก็แพ้ทางเขาอยู่เรื่อยไป
“จ้าๆ
ชานเลือกเอาเลย อ่ะนี่บัตร ชานเอามาคืนเราด้วยนะ”
ผมหยิบบัตรแบล็คการ์ดออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินเอาไปให้แม่ทูนหัวของผม
ก่อนจะแอบขโมยหอมแก้มนิ่มๆนั้นเบา ถือว่าคุ้มครับ กระเป๋าใบละเป็นหมื่นเป็นแสนกับการได้แค่หอมแก้ม
คุ้มมากครับ คุ้มจนผมอยากจะร้องไห้
ตอนที่เราเป็นเพื่อนกัน
ฮิมชานเค้าชอบเดินมากอด มาวอแวกับผมมากๆครับ จนผมรู้สึกเสพติดสัมผัสแบบนั้นของเขา
แล้วผมก็พบว่า ผมถูกทิ้งไว้กลางทาง ยังไงหนะหรอครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า… “ชาน วันนี้เราเหนื่อยมากเลย มาขอกอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
ผมพูดพร้อมอ้าแขนเดินเข้าไปหาร่างขาวๆที่กำลังใช้กล้องหน้าของโทรศัพท์ถ่ายเซลฟี่ตัวเองอยู่
“ปัง หยุด อย่าพึ่ง
ขอชานถ่ายเซลฟี่ก่อน ขอเดี่ยวๆ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าชานอวดแฟน”
คนสวยของผมไม่แม้แต่จะหันมามองผมเลยด้วยซ้ำในขณะที่เขาพูดวาจาที่แสนจะทำร้ายจิตใจผมออกมา
ผมก็เลยยืนรอเขาอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง พอเห็นเขาวางโทรศัพท์ลงเท่านั้นแหละครับ
ผมนี่วิ่งเข้าไปกอดเจ้าก้อนขาวๆของผมอย่างไว
“นิ่มจังเลย
หอมด้วย แฟนใครหว่า” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มขาวๆนั่นไปอีกหลายที
ตอนแรกอีกฝ่ายก็หัวเราะคิกคักเลนกับผมอยู่ดีๆหรอก
แต่เหมือนว่าผมจะเล่นนานเกินไปจน
ฮิมชานเริ่มร้อน เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดบนใบหน้าขาว
“ปัง ออกไปเลย เราร้อนแล้ว
นู่นไปกอดทิกเกอร์ก็ได้ ดูท่าจะอยากให้พ่อมันกอดแย่แล้ว ชานจะไปนอนแล้วนะ ง่วง”
พูดจบแค่นั้นก็ลุกเดินไปเลยครับ ไม่มีการกู๊ดไนท์คิสอะไรทั้งสิ้น
ผมก็เลยหันไปมองไอเจ้าหมาน้อยทิกเกอร์ลูกรักพันธุ์พุดเดิ้ลของผม
ก่อนจะเข้าไปกอดมันพลางระบายความในใจไปด้วย
“ทิกเกอร์
แม่เราเค้าเป็นไรอ่ะ เมื่อก่อนตอนพ่อเป็นเพื่อนกับแม่ แม่เค้าไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย
เห็นพ่อไม่ได้วิ่งเข้ามากอดตลอด แล้วดูตอนนี้สิ ต้องให้พ่อมากอดหนู
นี่มันช่วงหมดโปรโมชั่นแล้วหรอ” ผมอยู่ในจุดที่ต้องพูดกับหมาแทนเมียแล้วครับทุกคน
รู้อย่างนี้ผมกลับไปเป็นเพื่อนกับคิมฮิมชานดีกว่า
อ่อ
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้เองครับ คือผมจะขอย้อนไปในอดีตก่อนว่า
เมื่อก่อนผมกับฮิมชานเป็นรูมเมทกันครับ
และเพราะแบบนี้เราจึงเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ
มันอาจจะเป็นกรรมของผมครับที่เมื่อก่อนผมปล่อยให้เค้านอนคนเดียว มองเพดานในห้องอย่างเหงาๆอยู่บ่อยๆ
เพราะผมมีงานที่คลับ ซึ่งกว่าจะเลิกก็เกือบเช้าแล้ว
ทำให้ตอนนี้พอเราเป็นแฟนกันผมเลยเป็นฝ่ายที่ถูกทิ้งบ้าง
“ชาน”
ผมสะกิดเบาๆที่ไหล่ของคนตัวขาวข้างที่นอนตะแคงหันหน้าไปอีกทาง
และไม่มีสัญญาณตอบกลับครับ
“ตัวเอง
หลับแล้วหรอ” ผมกระซิบถามไปอีกที และเหมือนเดิมครับไร้สัญญาณตอบกลับ
ผมเริ่มปฏิบัติการพ่อบ้านใจกล้า
จับฮิมชานให้นอนหันหน้ามาหาผมดีๆ ก่อนจะค่อยๆหอมแก้มซ้ายและขวา
แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น มือขาวๆก็ตบเข้าที่แก้มผมอย่างจัง
‘ เพี๊ยะ! ’
“ฮื่อ ยุง อย่ากวน
แง่มๆ ” และนั่นคือคำพูดเหมือนละเมอของเค้าหละครับ
ทั้งๆที่ไม่ลืมตามาดูแม้แต่น้อยว่าที่คุณเธอตบมานั่นไม่ใช่ยุงครับ
แต่เป็นแก้มของแฟนหนุ่มสุดหล่อของตัวเองต่างหาก
เออ อ่ะ
ให้มันได้อย่างนี้สิครับ ผมหมดอารมณ์ที่จะทำอะไรมิดีมิร้ายเขาแล้วหละครับ นอนก็นอน
ผมคงมีบุญวาสนาแค่นอนเตียงเดียวกันแหละครับ
วันนี้ผมมางานวันเกิดเพื่อนกับฮิมชานครับ
เจอเพื่อนเก่าเต็มไปหมด พอพวกมันเห็นผมมากับฮิมชานก็ล้อกันใหญ่เลยครับ
“เฮ้ยๆ พวกมึงดู
คู่เพื่อนสนิทเค้ามากันนู่นแล้วเว้ย”
เสียงจากใครคนหนึ่งตะโกนออกมาต้อนรับพวกผมสองคน
“เฮ้ยว่าไง ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ป่าววะ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงแซวดังมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ตอนนี้ไม่มีปิดปังอะไรแล้วครับ
แม้แต่หมายังดูออกเลยว่าผมกับฮิมชานไม่ได้เป็นเพื่อนกัน
“กูเป็นแฟนกับฮิมชานเว้ย
กูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนสนิทกับคนน่ารักๆแบบนี้หรอก เสียดายของแย่” ผมตอบออกไปพลางหันไปยิ้มให้กับคนตัวขาวที่จับมือกับผมอยู่
ต้องมีเขินกันบ้างแหละครับงานนี้
“หยุดพูดอะไรเลี่ยนๆได้แล้ว
ร้อน ปล่อยมือ จะไปกินน้ำ” อ่า นี่แหละครับ การเขินสไตล์คิมฮิมชาน ผมชินแล้วแหละ ถึงจะปากแข็งแต่ก็น่ารักที่สุดในโลกสำหรับผมเลยหละ
.
.
.
ผมหนะเป็นคนคอแข็งพอมีงานสังสรรค์กับเพื่อนฝูงแบบนี้มันก็ต้องมีดื่มกันบ้างเป็นธรรมดา
แต่ว่าคนที่ผมพามาด้วยนี่สิ รู้ว่าดื่มแล้วจะเป็นยังไงก็ยังคงดื่มอย่างต่อเนื่อง
แล้วคนที่ซวยจะเป็นใครไปได้หละครับ นอกจากผมหนะ
“กูยังไม่เมาเว้ยย
อีกแก้วก็ไหววว” เสียงที่แสดงว่าแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์แล้ว ดังขึ้นจากคนตัวขาว
ที่ตอนนี้หน้าแดงไปหมดแล้ว
“ชาน พอแล้ว
ไม่เอาแล้ว กลับบ้าน” ผมเอ่ยปรามเมื่อเห็นท่าไม่ดี เพราะฮิมชานเริ่มอยู่ไม่สุข
เขาเป็นคนที่เมาแล้วจะไล่หอมคนอื่นครับ เสียงดังโวยวายด้วย
คนตัวขาวเริ่มหันมาทางผม
ขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นก่อนปากนิ่มนั้นจะประทับลงบนแก้มของผมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดเสียงอ้อนๆออกมา
“ขออีกแก้วนะปังงง
ชานสัญญา จาเป็นเด็กดี”
ณ
จุดนี้ไม่ทนแล้วครับ น่ารักเกินไปต้องพากลับอย่างเดียว
“เฮ้ย พวกมึง
ชงเหล้าให้เมียกูหน่อย ขอเข้มๆ ช็อตเดียวน็อค” ผมหันไปสั่งเพื่อน
แล้วจากนั้นคุณก็คงไม่ต้องเดานะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากผมพาฮิมชานกลับห้อง...ก็นอนไงครับ
หึหึ
อีกอย่างนะครับที่ผมอยากจะเล่าให้พวกคุณฟัง
ฮิมชานเนี่ยเขาเป็นคนใส่ใจคนอื่นครับ เมื่อก่อนตอนที่เราเป็นเพื่อนกัน เวลาผมกับเขาไปไหนด้วยกันเขาก็จะบอกผมให้ดูชุดตัวเองให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทางครับ
บางครั้งก็ว่าผมบ้าง ตามนิสัยเขาแหละครับ
แต่ตอนนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว
เขาก็ปากว่ามือถึงเลยครับ ช่วยผมจัดชุดตลอด เรื่องปกเสื้อ หรือรอยยับต่างๆ
เขาจะช่วยผมจัดตลอด และผมก็ชอบที่จะให้เขาทำแบบนี้นะครับ
เค้าไม่มีทางรู้ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหนเวลาทำแบบนั้น และผมก็รักเขามากจริงๆ
จะพูดก็ได้ว่าตอนนี้ผมหลงฮิมชานจนหัวปักหัวปำแล้วครับ
ให้คนที่สวยกว่านี้ น่ารักกว่านี้มา ก็ไม่เอาแล้วครับ
เพราะผมรู้สึกว่าฮิมชานคนนี้น่ารักที่สุดสำหรับผมแล้วครับ
หลายคนอาจจะคิดว่าผมเว่อร์นะครับ
แต่นี่คือผมพูดจริง ก็คนมันรักไงครับ มันจะให้พูดอะไรได้หละครับ
ผมขอบคุณที่ทุกคนฟังเรื่องราวของผมกับเขา
และอย่าลืมนะครับ ทบทวนความสัมพันธ์ของคุณว่า สรุปแล้วคุณยังเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า
หรือเป็นแบบผมกับ คิมฮิมชาน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมก็ขอให้คุณมีความสุขครับ
บังยงกุกที่รักคิมฮิมชานสุดหัวใจ
สวัสดีค่า
บังชานเรื่องแรกเลย มาแนวฮาๆ ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ คิดมุกไม่ออก 55555555555 อ่านเล่นๆเพลินๆเนาะ
คอมเม้นต์นิดหน่อยก็ได้ ดีต่อใจไรท์เตอร์ค่า ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ