ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. (end)

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 - i know i didn't live my life in vain.

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 62


    01
    "i know you think this sh.it is easy
         for you, but not so much for me
    but i'll still ride, that's just the risk i'll take"



    .
    .






                 “น้องเอย ง่วงก็ไปนอนเถอะลูก เดี๋ยวแม่ไปซื้อเอง”

                ไม่ๆแม่ เอยไปได้ครับ”

                โธ่ ขวัญเอย” ผมยิ้มบางๆตอนที่แม่กดจูบลงข้างแก้ม ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ ตลาดหน้าหมู่บ้านคือจุดหมาย ถึงจะเพิ่งออกเวรมาแต่ก็ยังไหว แค่ไปซื้อน้ำขิงให้แม่เท่านั้นเอง

                เรามีกันอยู่สองคน พ่อผมเสียก่อนผมจะเกิด แม่เป็นโรคซึมเศร้าและมันทำให้ผมเกือบจะไม่ได้เกิดมา แต่สุดท้ายก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วแม้ว่าตอนเด็กๆร่างกายจะไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ผมเคยป่วยหนักมากๆจนคุณตากับคุณยายรู้สึกว่าการพึ่งหมอมันไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว ผมในเวอร์ชั่นเบบี๋จึงถูกพาตัวเข้าพิธีเรียกขวัญแบบชาวเหนือแท้ๆ

                ครับ ผมเป็นคนลำปางที่ไร้ชื่อเล่น แม่ไม่ได้ตั้งชื่อเล่นผมตอนที่ผมเกิด มีเพียงชื่อจริงที่พ่อตั้งไว้ตามที่เจ้าตัวคาดว่าวันที่ผมเกิดหมอกจะลงหนักที่สุดในปี ชื่อจริงที่เหมือนเด็กผู้หญิงของผมเกิดจากการที่พ่อกับแม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ สิสิรที่แปลว่าฤดูหมอก ผมโตมากับการถูกเรียกชื่อจริงเป็นชื่อเล่นในช่วงหกเดือนแรก เข้าเดือนที่เจ็ดผมป่วยหนัก หมอเฉยๆช่วยพยุงใจคนในครอบครัวผมไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องพึ่งพ่อแก่แม่เฒ่า

               

                ขวัญเอย มาอยู่กับเนื้อกับตัว .. อยู่กับพ่อกับแม่ ไปจนแก่จนเฒ่า

                ถือไม้เท้ายอดทอง ถือกระบองยอดเหล็ก 

               

                เอย”

                ครับแม่”

     

                อยู่กับแม่จนแก่จนเฒ่า อย่ากินข้าวบนหัวเรือ อย่ากินเกลือบนหัวช้าง

                อย่าตกแม่น้ำใหญ่กว้าง อย่าอยู่ในน้ำเป็นเพื่อนปลา อย่าอยู่ในนาเป็นเพื่อนข้าว

     

                แม่รักเอยนะครับ”

                เอยก็รักแม่ครับ”

     

                ขวัญเอย ขวัญมา .. ชื่อเล่นของผมมาจากสิ่งที่แม่ต้องท่องซ้ำไปซ้ำมาตอนที่ผมป่วย แม่ที่เจ็บปวดเพราะการจากไปของพ่อ พ่อที่แม่ยังไม่ทันจะได้บอกรักเป็นครั้งสุดท้ายก็จากไปซะแล้วและเพราะแบบนั้น ทุกๆครั้งที่ผมออกจากบ้าน ไม่ว่าจะไปใกล้หรือไกลแค่ไหน

                เราจะบอกรักกัน

                ลมเย็นๆปะทะใบหน้าตอนที่ผมออกแรงปั่นจักรยานคู่ใจไปหน้าหมู่บ้าน ง่วงขนาดนี้คงไม่กล้าขับรถ ขอออกแรงเองให้ตาสว่างขึ้นมาสักหน่อยดีกว่า ผมคิดพลางกัดลูกอมรสเปรี้ยวในปากให้แตกออกมาเป็นสองซีก

                เป็นหมอก็ฟันผุได้ ไม่ใช่หมอฟันสักหน่อย

     

                น้องเอย มาเช้าจริงๆลูกเอ๊ย”

                หมอเอย มาซื้ออะไรให้คุณแม่คะวันนี้”

     

                ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ยี่สิบห้าปีที่ใช้ไปกับการเทียวซื้อของให้แม่ ตั้งแต่ตัวเล็กจนตัวโต ตั้งแต่เอาเงินแม่มาซื้อจนถึงตอนที่มีเงินซื้อของให้แม่บ้างแล้ว ผมยิ้มกว้างให้ป้าๆแม่ค้าก่อนจะยกมือไหว้สวัสดี

                ผมอ้าปากหาว เดินลัดเลาะแผงนั้นแผงนี้ไปจนถึงร้านน้ำขิงร้านประจำของแม่ ตลาดเช้าวันนี้คนเยอะพอสมควร อาจจะเพราะอยู่ใกล้สถานบันเทิง เวลาแฮงก์ๆดื่มยันเช้าก็มาหาอะไรร้อนๆกินที่นี่

                ผมก็ชอบนะ .. โจ๊กหมูไม่ใส่ขิง

     

                ไอ้จิม! หน้าด้าน ไข่กูมีแค่ซีกเดียวยังจะแย่ง!”

                อย่าผลักกันได้มั้ยพวกหน้าสัด กูจะอ้วกอยู่แล้ว”

     

                ผมย้ายสายตาไปที่กลุ่มวัยรุ่นผมยุ่งๆ บ้างสวมฮู้ดนั่งตักโจ๊กเข้าปากเนือยๆ บ้างทุบตีกันจนเจ้าของร้านหันไปส่ายหัวมองยิ้มๆ .. อืม คุ้นๆแ

     

                ไอ้ชิน มึงแดกหมูปะ”

                ไม่ต้องเสือก”

                เอ้าาา ไม่แดกก็จะขอไง แดกช้าเหลือทน”

                ตามประสาชายชาวญี่ปุ่นปะ มึงไม่ชินเหรอ”

     

                  ชินตะ

               

                ‘คุณชอบท่อนไหนในเพลงที่กำลังเล่นอยู่เหรอครับ’

     

                ผมมองคนที่ค่อยๆถอดฮู้ดออก ผมสีดำที่ค่อนข้ายาวแต่เป็นทรงแถมยังหยักศกนิดๆของเขาสะท้อนกับแดดแรกของวันและผมได้รู้ตอนนั้นว่ามันเป็นสีน้ำตาลที่เข้มมากๆต่างหาก

                วินาทีนั้นเองที่เราสบตากันแต่มันค่อนข้างน่าตลกเพราะผมดันหาวออกมาพอดี .. โธ่เอ๊ย ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะหันมามองพอดี

     

                ชิน?”

                มีอะไรวะ .. แค่กๆ

     

                ผมยิ้มปนหัวเราะให้เขา เขาน่าจะเข้าใจมันเพราะผมดันหาวออกมาซะได้ เสียมารยาทแต่มันก็ตลกจริงๆนั่นแหละ ใบหน้าร้ายกาจนั่นนิ่งเฉย ผมไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเขาเองก็วางสีหน้าแบบนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชวนคุย ซักประวัติ ล้างแผล เย็บแผลหรือแม้กระทั่งตอนที่บอกลากัน เขาก็มีอยู่แค่หน้าเดียว

     

                เชี่ย”

     

                ผมหิ้วถุงน้ำขิงเดินเข้าไปหาเขา ไหนๆเราก็สบตากันแล้วแถมนี่ก็เกือบสองอาทิตย์ได้แล้วตั้งแต่วันนั้นถ้าผมจำไม่ผิด .. จริงๆผมพอจะจำคนไข้ได้บ้าง แต่เขาน่ะน่าจดจำที่สุด มาพร้อมกับแผลที่คิ้วเพราะโดนสนับ รอยจูบสีเข้มที่ต้นคอ ชื่อภาษาญี่ปุ่นและใบหน้าเหมือนหลุดออกมาจากมังงะสักเรื่อง

     

                แผลหายดีรึยังครับ?”

     

                ผมเห็นเพื่อนของเขาสบถคำเดิมซ้ำๆ อ่า .. คำว่าเชี่ย ใช่ พวกเขาพูดมันไม่หยุดพร้อมกับซัดไหล่กว้างๆของคนที่ผมเข้าไปทัก เขาจ้องหน้าผม สายตานั่นผมไม่เข้าใจและแหงล่ะ อ่านไม่ออก

                เราสบตากันอยู่พักหนึ่ง เป็นผมเองที่เลื่อนสายตาไปมองคิ้วเขาและพบว่ามันโอเคขึ้นมากๆแล้ว แทบจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย .. เห็นมั้ยล่ะ ฝีมือผมน่ะ บอกแล้วไงว่าจะกลับมาหล่อเหมือนเก่าแน่ๆ

     

                ไอ้ชินนนน”

                นะ นั่งมั้ยครับ ทานโจ๊กครับ อุ่นๆรับเช้าวันเสาร์ที่สดใส” ผมมองท่าทางตลกๆของเพื่อนในกลุ่มเขาที่ปัดเก้าอี้ตัวที่ว่างข้างๆเขาให้ผมนั่งก่อนจะจัดแจงแก้วน้ำ ขวดแม็กกี้และพริกไทยพร้อมกับร้อนรนบอกให้ผมนั่ง

               

                รบกวนด้วยนะครับ”

                ไม่เลยครับ! นั่งได้ครับ ตามสบายเลยนะครับ”

                เบาจิมเบา”

                คุณ เอ่อ .. ”

                ผมชื่อเอยครับ”

                คุณเอยเอาโจ๊กปกติเลยมั้ยครับ”

                ครับ ไม่ใส่ขิงครับ” ผมบอกแล้วก็ขอบคุณที่เพื่อนคนหนึ่งของเขาอาสาสั่งโจ๊กให้ เรานั่งข้างกัน เขาใช้น้ำหอมกลิ่นเดิม มีกลิ่นบุหรี่ติดมาด้วยในคราวนี้

               

                คุณเอยรู้จักไอ้ชินด้วยเหรอครับ”

                อ๋อ .. ผมเย็บแผลที่คิ้วให้เขาน่ะครับ”

                อ๊า คุณหมอที่โรงพยาบาลตอนนั้นนี่เอง”

     

                ผมมองเบสและกีตาร์ที่ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างดีที่พิงอยู่กับผนังด้านหลังโต๊ะที่เรานั่งอยู่ ไม่ต้องเดาเลย คงจะเล่นดนตรีแถวนี้แล้วดื่มกันจนเช้าก่อนจะเลยมากินโจ๊กด้วยกันแหงๆ

     

                  ทำไมไม่กินขิง”

                ไม่อร่อยครับ” ผมตอบคนที่เพิ่งจะพูดขึ้นมาเป็นคำแรกตั้งแต่ผมมานั่งที่โต๊ะ

                .. คุณไม่ค่อยได้นอนเหรอ”

                ดูออกเลยเหรอครับ” ผมหัวเราะเพราะถูกของเขานั่นแหละ ผมไม่ได้นอนมาจะครบวันแล้ว .. จริงๆปีสุดท้ายของการเรียนหมอมันทำให้ผมมีภูมิต้านทานกับการไม่ได้นอน จริงๆเรียกได้ว่าทั้งชีวิตในการเรียนมหาวิทยาลัยสายนี้นั่นแหละที่ทำให้ผมชิน

     

                คุณว่าเราคุยกันเก้กังไปมั้ยครับ”

                … ”

                เราเรียกชื่อเล่นคุณได้มั้ย?”

     

                ผมลองเปลี่ยนสรรพนามไปเป็นอีกแบบ แบบที่ใช้กับเพื่อน เขาครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะเลื่อนชามโจ๊กที่เพิ่งมาเสิร์ฟให้ผม

     

                ของเอย”

     

                  แล้วเราก็เลื่อนขั้นจากคนไข้กับหมอมาเป็นคนรู้จักกันขั้นพื้นฐานซะงั้น

     

     

     




     

     

                ไอ้เหี้ยยยยยยยย นั่นหมอที่เย็บแผลให้มึงเหรอ ละไม่เล่าเลยนะ เก็บเงียบไม่บอกใคร”

                น่ารักจนกูเอ๋อแดกเลย ไปไม่เป็นเลย เพิ่งเข้าใจคนที่เขาชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารัก” จิมมี่บอกแบบนั้น ผมไม่ได้แสดงความเห็นอะไรนอกจากดื่มน้ำให้หมดแก้ว .. เขาไปแล้ว เขาที่ตักโจ๊กเข้าปากไวมากๆและหมดชามก่อนใครแม้จะมาทีหลัง

                ผมเดาว่านั่นคงเป็นนิสัยของคนที่แทบไม่มีเวลาทานอาหารให้ครบทุกมื้อ

                รีบกินแล้วก็รีบไปทำงานต่อ

     

                หมอเอยเขาอายุเท่าเราปะวะ”

                ละเมื่อกี้มึงไม่ถามอะ”

                กูเขินไอ้เหี้ย เขาน่ารักอะ” 

                มึงรู้ปะไอ้ชิน” ผมส่ายหัว

                ถ้าเขาเป็นหมอที่ทำงานจริงจังในโรงพยาบาลก็คงอายุเท่าเราหรือไม่ก็มากกว่า มีตัวเลือกแค่นี้” มีนพูดขึ้นและผมคิดตามในหัว สรุปเอาเองว่าน่าจะอายุเท่ากันเพราะเขารู้อายุผมจากประวัติที่ผมกรอกและถ้าเขาต้องการเรียกชื่อเล่นผมหรืออยากให้คุยกันสบายๆ

                น่าจะแปลว่าเราอายุเท่ากัน

     

                ถ้าอดนอนแล้วได้เจอหมอเขาทุกวัน กูแม่งยอม”

                เกินไปนะเราอะจิมมี่”

                มึงคิดนะไอ้มีน สภาพเขาคือใส่เสื้อยืด กางเกงบอล คีบแตะ ตาคล้ำแต่น่ารักแบบกูเพ้อ มึงดูตอนเขากินข้าวดิ โอ๊ย กูอยากป้อน”

     

                ผมกลอกตาใส่พวกมันเพราะก็แบบนี้ เห็นชอบแม่งทุกคน

     

                แสดงความเห็นหน่อยดิเสือ”

                เสือกอะไรเรื่องกูนัก”

                ดุจริง”

                นายญี่ปุ่นจะกลับคอนโดเลยปะ”

                อืม .. โคตรง่วง” ผมบ่น เสยผมที่ยาวแล้วไปด้านหลัง เย็นๆนัดร้านตัดผมไว้ คงจะแค่ซอยๆช่วงที่ปรกตาออกนิดหน่อยเพราะไม่ได้มีแพลนตัดผมจริงจัง

               

                เออ เจอกันพรุ่งนี้ อย่าลืมนะเว้ย มีซ้อมนะ กูนัดแปดครั้งแล้ว”

                ไม่ลืมๆ เจอกันมึง”

                ขับรถดีๆนะไอ้พวกสันขวาน วงเรายังขาดใครสักคนไปไม่ได้ กูต้องเก็บเงินซื้อหมานะเว้ย” ไอ้เจ๋งที่อยากได้คอร์กี้นักหนาแหว ผมพยักพเยิดหน้าบอกลาเพื่อนๆที่แยกย้ายกันกลับ ผมควบ harley-davidson สีดำของตัวเอง จัดเบสที่สะพายไว้ด้านหลังให้เข้าที่

                ส่วนหมวกกันน็อค .. ช่างแม่ง

     

                ไอ้ชิน! มึงเอาอีกแล้วนะ กูบอกให้ใส่หมวกด้วย!”

                ไอ้สัดดดด มึงจอดเลยยย”

     

                ผมขับออกมาแล้ว ไม่ได้ฟังเสียงโวยวายของเพื่อนสนิทที่คบกันตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบัน ผมไม่ได้มีปัญหากับการเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่ได้รู้สึกว่าถ้าผมตายหรือพิการ การมีอยู่หรือดับไปของผมจะสร้างปัญหาให้กับใครแต่อย่างใด

                ลมที่ปะทะใบหน้าทำให้รู้ว่าผมชอบตอนเช้าเพราะอากาศสดชื่น

     

                … ”

     

                แต่แล้วแผ่นหลังคุ้นเคยของคนที่กำลังจูงจักรยานเดินออกมาจากซอยซอยหนึ่งก็ทำให้ผมเลิกคิ้วกับตัวเอง นั่นคงเป็นคนที่เพื่อนผมเพ้อถึงตลอดมื้อเช้า .. พนันว่าเขาคงแวะซื้ออย่างอื่นก่อนกลับบ้าน ในวินาทีที่ผมกำลังจะขับผ่านเขาไป บางอย่างสั่งให้ผมบีบเบร

                เสียงบดของล้อรถที่ขับมาด้วยความเร็วมากกว่าปกติกับถนนทำให้เขาคนนั้นสะดุ้ง

     

                ชินตะ .. ”

     

                เขาเรียกเสียงอ่อย คิ้วขมวดเหมือนโกรธๆที่ผมทำให้เขาตกใจ ผมมองเขาที่แก้มขึ้นสีชมพูเพราะแดดเริ่มร้อน เขาน่าจะเดินมาไกลพอสมควรแล้ว

     

                โซ่หลุด แต่เราใกล้ถึงบ้านแล้ว”

                ใส่ไม่เป็น?”

                อือ” เอยตอบในลำคอ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ผมอยากบีบแก้มเขาให้ร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น แต่ไม่น่าแปลกใหม่เพราะมันเคยเกิดขึ้นกับผมเวลาเห็นเด็กตัวเล็กๆที่เดินเริ่มเก่งแล้ว

                อยากแกล้งให้ร้องไห้

     

                พยายามแล้ว”

                แก้ตัว”

                เอ้า ว่ากันซะงั้น” เขาย่นจมูกและหลีกทางให้ผมที่จอดรถแล้วและไม่ได้จะทำอะไรเลยนอกจากใส่โซ่รถให้เขา ผมย่อตัวลง สังเกตเห็นมือเขาที่เปื้อนน้ำมันจากโซ่รถจักรยานจนเป็นสีดำ

                ผมเงยหน้าสบตากับเขาที่ยืนค้ำหัว

     

                เป็นเด็กหรือไง”

                อ่าว”

                หน้างอแง”

     

                ผมเคยได้ยินคำนี้ .. คำว่างอแง

                แต่ยังไม่เคยใช้กับใคร

     

                ก็หงุดหงิดนี่ ง่วงจะตายอยู่แล้ว”

                เลิกบ่นแล้วดู”

     

                เขาโอดครวญกับตัวเอง เป็นเสียงเหมือนลูกหมาแต่ไม่ได้น่ารำคาญ ไม่นานนักเขาก็นั่งยองๆลงข้างๆตัวผมเพื่อดูวิธีการใส่โซ่จักรยาน ผมเหลือบตามองจมูกรั้นๆ ผมยุ่งและแก้มแดงๆของคนที่ตั้งใจดูทุกขั้นตอน ..

               

                “อ๋า แบบนี้นี่เอง”

                อืม”

                แล้วมือเปื้อน .. เช็ดกับเสื้อเราก็ได้ เสียสละ เดี๋ยวเลอะรถนะ รถแพงด้วย” ผมมองปากเล็กๆนั่นพูดบอกยาวๆพร้อมกับดึงชายเสื้อตัวเองมาตรงหน้าผม พอยืนขึ้นแบบนี้ .. เขาตัวเล็กฉิบหายเลย

     

                เร็วเข้า”

     

                ผมไม่ได้ตอบอะไร สบตาเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นรถตัวเอง

     

                เฮ้ย ชินนนน”

     

                ผมออกรถหลังจากเขาลากเสียงยาวๆจบ เคยได้ยินเหมือนกันว่าการพบกันครั้งแรกเป็นเรื่องที่ก็แค่เกิดขึ้น .. การพบกันครั้งที่สองโดยบังเอิญคือโชคชะตา

                และถ้ามีครั้งที่สาม

                .. เราเรียกมันว่าความตั้งใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    .







     

                นี่กี่นิ้ว”

                อย่าถามเราเลยจัส เราอยากนอน”

                เอยยยย ตอบก่อน!”

                ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ไปเล่นกับแฟนแกได้มั้ย”

                ตงก็ไม่อยากเล่นกับนี่” คนตัวเล็กกว่าที่ลืมตาไม่ขึ้นอีกแล้วยกธงขาวให้เพื่อนสนิทต่างคณะอย่างจัสมิน โรงพยาบาลที่เขามาใช้ทุนน่ะอยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาลสัตว์ที่จัสมินทำงานอยู่ บ้านเขาค่อนข้างไกลจากที่ทำงาน เขาเพิ่งออกเวรและง่วงเหลือทน สุดท้ายก็ต้องมาอาศัยห้องจัสมินที่ใหญ่โตแบบมีห้องนอนสามห้องเพื่อของีบแล้วจะได้มีแรงขับรถกลับ

                เขานอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ถ้ายังอยู่ในโรงพยาบาล แม้จะมีห้องพักเล็กๆให้แต่ใจมันก็พะวงว่าเมื่อไหร่จะได้ตื่นไปช่วยคนไข้ .. ให้ตายเถอะ

     

                จัส”

                ตง ทำไงดี เอยไม่ยอมเล่นกับผมเลย”

                อย่ากวนเพื่อน เอยไม่ได้นอน มึงก็รู้ .. มานี่” เอยแอบลืมตาข้างหนึ่งมองจัสมินที่โดนแฟนตัวเล็กดึงหูออกไปจากห้องที่เขามาขออาศัยนอน

                คนที่อิดโรยเหลือเกินปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นึกถึงเหตุผลของการเริ่มต้นเรียนสายนี้ .. อาจจะเป็นเพราะเสียพ่อไปในช่วงที่แม่กำลังท้องพอดีและแม่พร่ำบอกเขาเสมอว่าถ้าตอนนั้นพ่อถึงมือหมอไวกว่านั้นคงจะดี เอยก็เลยคิดว่าอยากจะเรียนหมอ

                เผื่อจะได้ช่วยใครสักคนได้ทันเวลา

               

                เอย .. อ้าว หลับแล้ว” จัสมินพึมพำกับตัวเองเพราะเพื่อนสนิทหลับไปทั้งๆที่ไม่ได้ห่มผ้าห่มเลยด้วยซ้ำและตงไม่หึงหรอกถ้าเขาจะทำแบบนั้นให้กับคนที่ตงเอ็นดูซะตั้งขนาดนั้นอย่างเอยน่ะ

                ตาคมมองเพื่อนตัวเล็กที่ท่าทางเหนื่อยสุดๆ จะว่าเห็นเอยในสภาพนี้จนชินแล้วก็ใช่แหละแต่ทำใจให้ชินไปกับอะไรแบบนี้มันก็ยาก เขาเรียนสัตวแพทย์มา ทำงานหนักไม่ได้ครึ่งหนึ่งของคนที่เรียนหมอและมีนิสัยขี้เกรงใจจนรับปากใครๆทุกทีเวลาเขาขอแลกเวรแบบนี้หรอก

                เฮ้อ เอยนะเอย

     

                มึงจะกวนเอยไปถึงไหน”

                ก็ไม่ได้เจอนาน อยากคุยด้วยเฉยๆคร้าบบบ”

                ผอมลงตั้งเยอะ”

                ทำงานหนักไง ดีนะผมไม่เรียนหมออะ ไม่งั้นคุณขาดใจตาย ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

                ประสาท”

                ตงอะ!”

     

                จัสมินแหว เดินตามหลังแฟนที่น่าจะไปทำอะไรไว้ให้เอยกินตอนตื่น รายนี้น่ะเอ็นดูเพื่อนเขาแบบสุดๆ เอยเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่พูดคำหยาบและที่สำคัญคือความน่ารักแบบซื่อๆของเจ้าตัวนั่นแหละที่ทำให้เขากับเพื่อนๆชอบแหย่

               

                มึงไปสนิทกับเอยได้ยังไงนะ”

                ก็เรียนด้วยกันหลายเซคเลยตอนปีหนึ่งกับปีสอง ทางนี้เห็นตัวเล็กๆก็อยากแกล้ง”

                เป็นอะไรนักกับคนตัวเล็กกว่า”

                ก็อยากแกล้งอะะะ” จัสมินงอแงบอก วางคางไว้บนบ่าตงที่กำลังทำต้มจืดไว้ให้เพื่อนสนิทของจัสมินที่กลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขาเหมือนกัน

     

                แล้วก็นั่นแหละ พอจบมาก็ยังสนิทกันเพราะที่ทำงานเอยใกล้ที่ทำงานผมไง คุณหึงเหรอ”

                หึงที่หน้า”

                เนี่ย ไม่เคยจะมีหรอก หึงหวงอะตง”

                ไปนอนมั้ย เพ้อแล้วนะจัส”

                คนดีไม่รักกันเลย!” สะบัดสะบิ้งเหมือนเด็กๆแต่ไม่ยอมเอาตัวออกห่างตงไปไหน คนตัวเตี้ยกว่าทำแค่ถอนหายใจปรายตามองไอ้คนงอแงไม่เข้าเรื่อง

                ตงทำต้มจืดใส่หม้อไว้ให้เอยจนเสร็จ จัสมินขอกินหนึ่งถ้วยและเขาไม่ได้ว่าอะไร เราตัดสินใจนั่งดูหนังด้วยกันสักเรื่องฆ่าเวลา เพราะสองทุ่มมีนัดสังสรรค์กับเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย กว่าจะว่างตรงกันก็เล่นเอาปวดหัว พอจะได้เจอกันทั้งทีจัสมินก็เลยตื่นเต้นขนาดนี้

               

                เมื่อไหร่เอยจะตื่นอะ ผมอยากชวนเอยไปด้วยแล้ว”

                เขาต้องรีบกลับบ้านรึเปล่า มึงอย่าวอแว”

                ฮึ่ย”

     

                ยิ่งโตยิ่งงอแง

                จัสมินเป็นแบบนั้น

                ตงกดจมูกลงบนหัวของคนที่นอนเกยเขาเหมือนเป็นหมอนข้าง หนังรักเรื่องนี้ที่เราดูด้วยกันเป็นสิบๆครั้งแล้วและยังจูบกันที่ฉากเดิมๆทำให้ใจเต้นขึ้นมา .. ความรักคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง

                ทำเรื่องธรรมดาให้พิเศษได้

     

                เอ่อ .. ”

     

                ตงผละออกจากจัสมิน ไม่ใช่เพราะลมหายใจขาดห้วงแต่เพราะบุคคลที่สามที่เกาะขอบประตูห้องนั่งเล่นแล้วมองมาเหมือนกับจะเป็นตากุ้งยิงทั้งๆที่พวกเขาก็แค่จูบกัน

                เอยเหมือนเด็ก .. เป็นแบบนั้นในสายตาทุกคนเสมอ

     

                คือเราจะมาบอกว่าขอนอนค้างด้วยได้มั้ย แม่เราไปต่างจังหวัด เพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้” สิสิรทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มันทำให้จัสมินหัวเราะออกมาเบาๆกับความไม่เดียงสาของเพื่อนสนิท

     

                ได้อยู่แล้วและดีมากๆๆที่แม่เอยไม่อยู่”

                ทำไมงั้นอะ”

                จะชวนไปดื่ม ไม่ๆ บังคับไป”

                เวร” เอยอ้าปากพะงาบๆเพราะเขาไม่สันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

                ไอ้จ๊าบก็ไป ต้องเจอกันหน่อยดิเฮ้ย เพื่อนรักเลยนะนั่น”

                อ้าว จ๊าบไปเหรอ .. งั้นเราไปก็ได้” เอยพยักหน้าหงึกหงัก ถึงจะง่วงนอนแต่ขอนอนอีกสักชั่วโมงแล้วไปด้วยก็ไม่เสียหาย นอนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กว่าจะว่างตรงกันนี่มันปาฏิหารย์แล้วนะเฮ้ย

     

                ไอ้จ๊าบคือดีใจจนเนื้อเต้นแน่ๆ”

                โอเคๆ เราไปนอนก่อนนะ”

                ฝันดีเอย”

                ขอบคุณนะตง ฝันดีครับ” ยิ้มบางๆบอกแล้วก็หายไปจากกรอบประตู ตงพรูลมหายใจก่อนจะเขกหัวจัสมินไปที .. เมื่อกี้น่ะ ทั้งๆที่ได้ยินแล้วว่าเพื่อนมาจ๊ะเอ๋แต่ไอ้คนหน้าด้านนี่ยังไม่ยอมถอนจูบ

                บ้าบอ

     

                ไรอะคุณณณ”

                ไม่ต้องมาเกาะแกะ”

                ตงอะะะะ”

                ไม่ต้องเรียก”

                ตงจื้อ!”

     

                เฮ้อ

     

     




     

               

                น้องเอยยยยยยยย ความรักของกู”

                อ๊ย! น้องเอยยยย”

     

                เจ้าของชื่อเบ้ปากก่อนจะจมหายไปในอ้อมแขนของเพื่อนมหาวิทยาลัยที่รุมกอดและหยิกแก้ม ไม่รู้อะไรนักหนา ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่จะมาเรียกกันว่าน้องเอยๆตลอดเลย ให้ตายเหอะ

     

                วันนี้ฝนตกเป็นลูกอมแน่นอนไอ้เหี้ย น้องเอยยอมมาร้านเหล้า กูจะบ้า”

                บุญของพวกกูแล้ว ได้เจอน้องเอย”

     

                เอยรู้จักกับเพื่อนของจัสมินทุกคน คราวนี้มีเพื่อนของตงจื้อมาด้วยนิดหน่อยแล้วก็ยังมีเพื่อนในคณะเขาบางคนที่จัสมินไปชวนๆมาด้วย กลายเป็นว่าเรานั่งโต๊ะใหญ่ที่สุดของร้านด้วยกันสิบกว่าคนซะงั้น

                ว่าแต่คิดถึงเพื่อนๆชะมัดเลย ให้ตายดิ

     

                มาให้พ่อหอมหัวหน่อยมาลูกมา”

                ปล่อยยยย” เอยสะบัดตัวออกแต่สู้แรงจ๊าบไม่ไหว คุณหมอที่จ๊าบสมชื่อเสมอเพราะทั้งตัดสกินเฮดและเจาะหูหอมหัวเพื่อนตัวเล็กแรงๆหลายที เอยเบะจนจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีใครช่วยเลยสักคน .. จริงๆอาจจะมีตงจื้อแต่จัสมินล็อเอวไว้แน่นเหมือนหนวดปลาหมึกติดกุญแจสามชั้น

                อ๊

     

                จ๊าบ! อย่ายุ่งกับเรา”

                ไม่ทันแล้วหนูเอ๊ย” คราวนี้เอยโดนหอมแก้ม น้ำตาจะไหลแต่โดนจ๊าบแกล้งแบบนี้ประจำตั้งแต่สมัยเรียน กว่าจะโดนมันปล่อยตัวก็เหนื่อยจนเถียงอะไรต่อไม่ไหว

               

                เนี่ย ใครจับลูกกูแต่งตัว ผู้ชายมองทั้งร้านแล้ว”

                อย่าบ้าได้เปล่า”

                โดนด่าว่ะ เป็นกูกูร้องไห้ละนะ โดนน้องเอยด่าอะ” เพื่อนคนอื่นๆแซวแต่จ๊าบไม่แคร์ เขามองเอยที่ใส่เชิ้ตสีดำผ้าทิ้งตัวปลดกระดุมสามเม็ด ไม่พ้นไอ้จัสมินมันนั่นแหละเพราะเสื้อตัวโตเหมือนใส่เสื้อผัวมาไม่มีผิด

     

                น้องเอย ใครทำน้อง”

                แกนั่นแหละทำเราอยู่คนเดียวเลย!”

                โกรธแล้วว่ะๆๆๆ”

     

                เอยชกอกเพื่อนไปหนึ่งทีเพราะเหนื่อยจะต่อกกับจ๊าบ ไม่นานหัวโต๊ะก็เริ่มแจกจ่ายแก้วเหล้า เอยไม่ถนัดเท่าไหร่เลยขอไซเดอร์แทนเหล้า สุดท้ายก็ได้ไซเดอร์ที่ชอบกินอย่างทอฟฟีแอปเปิลมา

                เขานั่งฟังเพื่อนๆคุยกันเรื่องงาน ส่วนมากฝั่งตงที่เรียนนิเทศก็จะบ่นเจ้านายกัน ฝั่งคุณหมอแบบพวกเขาหรือจัสมินก็คล้ายๆกันตรงที่งานเยอะแล้วก็ไม่ค่อยได้นอน

     

                ใช้ทุนหมดกูจะเปิดคลินิกแล้ว เหนื่อยว่ะ”

                ชวนเอยไปทำงานด้วยเลยงั้น ดูดิ ผอมจนแก้มหาย”

                อย่าล้อ” เอยเอ็ดจัสมิน แต่เอาจริงๆเขาไม่อยากทำงานคลินิก ..  อยากอยู่โรงพยาบาลรับเคสหนักๆซะมากกว่า ก็นั่นแหละ มันฝังใจ

                บทสนทนาของเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เพื่อนในรุ่นทำผู้หญิงท้องก็เลยต้องใช้ทุนด้วยเงินตัวเองเพื่อไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านแล้วช่วยเมียเลี้ยงลูก ไหนจะการเก็บเงินเพื่อแต่งงานของเพื่อนฝั่งตงที่ดูยากและท้าทาย สำหรับเอยไม่เคยคิดถึงการแต่งงานมาก่อน

                มันฟังดูยุ่งยากยังไงก็ไม่รู้แ

     

                เออ พวกมึงได้ยินมั้ยว่าวงที่จะเล่นวันนี้คือร้องดีฉิบหาย”

                ได้ยินแค่หล่อทั้งวง ไม่เชื่อมึงดูปริมาณมนุษย์ผู้หญิงที่มารอดูดิ” เอยหันไปมองรอบๆตามที่เพื่อนบอกและมันก็จริงด้วยแหละ วันนี้ผู้หญิงเยอะแยะไปหมดเลย

     

                เขาเป็นวงแบบไหนวะ แบบกัมพ์มั้ย ออกอัลบั้มไรงี้?”

                ไม่เว้ย กูได้ยินมาว่ามีคนมาติดต่อเยอะแต่เขาไม่คิดจะทำเป็นวงจริงจังขนาดนั้น เหมือนแต่ละคนมีงานทำอยู่แล้วแล้วแค่เล่นตามร้านบ้างแก้เบื่อ”

                อินดี้ฉิบหาย”

                เออดิ นี่กว่ากูจะจองร้านนี้ได้” จัสมินบ่นแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจมาดูวงที่ว่าแต่จองเพราะมันคือตรงกลางระหว่างพวกเราทุกคนต่างหาก แถมเดินทางมาง่ายอีก

     

                น้องสาวกูแม่งโคตรคลั่ง คือมีสองคนมั้งที่เป็นนายแบบด้วย แบดบอยหน่อยแหละ ด้วยลุคด้วยอะไร นี่ยังอยากจะขอเกาะกูมาเลย”

                กูว่าเป็นผู้ชาย ถ้าโสดทำงานสายนี้ก็ไม่แย่อะ คนเข้ามาเยอะ มาๆไปๆ ดีลได้ก็เอา”

                ไอ้สัดดด พูดจาเจ้าชู้ฉิบหาย”

                หรือมึงไม่ชอบอะ วันไนท์สแตนด์” เอยฟังเพื่อนๆคุยกันแล้วก็อดเขินไม่ได้ เขายกมือขึ้นเกาแก้มและได้รับสายตาล้อเลียนจากจ๊าบที่น่าจะเดาใจกันออกว่าเขาไม่ค่อยประสีประสาเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

     

                เฮ้ย ขึ้นแล้วว่ะ”

                ไหนขอดูหน่อยดิ หล่อเท่าท่านจ๊าบเขารึเปล่า”

                ตงว่าไงๆๆ สู้ผมได้เปล่า”

                ไร้สาระ”

     

                เอยหัวเราะเบาๆเพราะใบหน้างอๆของจัสมินโดนตอนตงจื้อเอ็ด จริงๆคู่นี้น่ารักมากๆ .. แต่ตอนที่มันยากจนจัสมินหงอยอันนั้นก็น่าสงสาร แต่ก็ผ่านมาแล้วนี่ คบกันมานานมากๆแล้วด้วย

                ตากลมของคนที่เท้าคางจิบไซเดอร์รสหวานที่ชอบนักชอบหนามองไปที่เวที เขานั่งไม่ห่างจากตรงนั้นเท่าไหร่ เรียกได้ว่าสบตากับนักร้องได้สบายๆเลยล่ะ

                แสงไฟมืดๆในร้านพลันสว่างขึ้นและพุ่งไปที่สมาชิกในวงที่เริ่มขึ้นมาประจำที่ เอยกวาดตามองมือกลงที่สวมเสื้อกล้ามสีขาวยี่ห้อกุชชี่ ใบหน้าคุ้นเคยนั่นทำให้เขาต้องหรี่ตามองดีๆตามประสาคนสายตาสั้น

     

                หล่อเปล่าน้องเอย”

                หรี่ตาแป๊บ”

                เด็กหนอเด็ก จะบอกให้ว่าหล่อไม่เท่าพี่จ๊าบ”

                เงียบหน่า” เอยตะปบหน้าเพื่อนไปทีเพราะจะมองมือกลอง แต่เหมือนมันจะสายเกินไปแล้วเพราะนักร้องนำของวงขึ้นมาเรียกความสนใจไป

     

                สวัสดีครับ พวกเรา no bad days ครับ”

     

                เสียงกรี๊ดดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือและโห่ร้อง เขาเชื่อแล้วนั่นแหละว่าวงนี้คงคุณภาพจริงๆเพราะทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงก็มารอฟังวงนี้เล่นกันทั้งนั้น คถึงได้แน่นร้านแบบนี้

     

                จิมมี่นะครับ ร้องนำ”

                … ”

     

                ‘จิมมี่ครับ โสด’

     

                เดี๋ยวนะ

                เอยชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว

     

                ส่วนนี่มือกลองวงเรา ชื่อมีนครับ”

                ไอ้เหี้ย เชื่อแล้วว่าหล่อ”

                จัสมิน มึงหมองแล้วอะ”

                อย่าว่าพ่อกูนะเว้ย อย่าให้พ่อกูต้องผงาด”

                กีตาร์ เจ๋งครับ”

     

                บางคนเริ่มจำชื่อสมาชิกในวงได้ทีละคน ทีละคน .. รอยยิ้มสดใสของสามหนุ่มที่ยืนบนเวทีในวันนี้คือรอยยิ้มเดียวกันกับที่นั่งกินโจ๊กด้วยกันกับเขาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

                แบบนี้ก็เหลือคนสุดท้ายแล้ว

     

                  ชินตะครับ .. มือเบส”

     

                จิมมี่แนะนำคนสุดท้ายที่เพิ่งขึ้นมาบนเวที เป็นครั้งแรกที่เอยเห็นอีกคนสวมเสื้อยืดตัวหลวมๆและนั่นทำให้เขาเห็นว่าชินตะมีรอยสักที่ท้องแขน แต่เขาไม่แน่ใจนักว่ามันคือรูปอะไร

                แปลกดีเหมือนกัน ที่เราสบตากันแม้ว่ารอบๆตัวจะมีคนอีกเป็นร้อย .. รสชาติของไซเดอร์ที่ถูกปากผ่านลำคอไปในจังหวะที่ดนตรีเริ่มบรรเลง ผมสีดำปรกใบหน้าของคนที่กำลังโซโล่เบสหลังจากถอนสายตาออกไปจากเขา เอยมองมือใหญ่และก้านนิ้วยาวที่จับคอร์ดแล้วเปลี่ยนไปเรื่อยๆอย่างเป็นธรรมชาติ

                แหวนที่อีกคนใส่

                ความยาวของขาภายใต้สกินนี่สีดำสนิท

                คอนเวิร์สหุ้มข้อที่อีกคนสวม

                ตาคมที่มองตรงมาที่เขา

     

                … ”

     

                และไม่เคลื่อนไปไหนอีกเลย







    tbc.

























    อัพไวจริง

    งงมั้ย

    ชั้นรู้หมดแล้ว ใครระแวงว่าเส้า

    หยุดเดี่ยวนี้ หยุดทันที

    ถ้าไม่หยุด ไม่เลิก

    ชั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

    เดี๋ยวรีบมาอัพเลย กำลังใจมา ของปัย ( •̀ᄇ• ́)ﻭ✧

    #จนมีหัวใจ 






               

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×