เพราะความรักไม่มีเสียง
ผู้เข้าชมรวม
171
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เพราะความรักไม่มีเสียง
มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่...?
ห่างเหิน หมางเมิน ไม่ได้ใส่ใจ ไม่เคยคิดถึงใจ ต่างฝ่ายต่างหันหลัง จมอยู่กับความเอาแต่ใจของตัวเอง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจที่ใช้มันร่วมกัน เหมือนกับกาแฟดิบที่ถูกเทลงในแก้วกระเบื้องที่หาได้จากชั้นวางแก้ว จากนั้นก็เทน้ำร้อนตามลงไป คนให้เข้ากันเสียเล็กน้อย แล้วดื่ม โดยที่ปลายลิ้นไม่ได้รู้สึกรู้สากับรสชาติที่ขมปร่า
“ไม่ขมเหรอลู่หาน...?” ลู่หานเลิกคิ้วใส่ชายหนุ่มร่างสูงผิวแทน ที่เดินถือชีสเค้กทำเองออกมาจากครัว ซึ่งเขาเองก็เพียงแค่เลียนแบบท่าทางของเขาตอบกลับมาพลางพยักเพยิดไปทางแก้ว กระเบื้องเคลือบสีหวานรูปเจ้าหมีตัวอ้วนสีเหลืองที่เขาถืออยู่ "ไม่ใส่อะไรแบบนั้น...ขมแย่"
“ก็...ไม่นี่...” ชายหนุ่มหน้าหวานเจ้าของส่วนสูงไม่มากนักแต่ก็จัดว่าสูงยักไหล่ เขาไม่ได้รู้สึกขมเลยสักนิด มันออกจะเป็นความเคยชินเพราะความเร่งรีบในชีวิตที่ทำให้เขาต้องประหยัดแม้ กระทั่งเวลาชงกาแฟก็ด้วย "...ฉันก็ดื่มแบบนี้มาตั้งนาน...”
“ดื่มกาแฟดำเป็นประจำแบบนี้...มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับคุณชาย...” เขาว่าหลังจากวางจานขนมเค้กหน้าตาน่ารับประทานลงบนโต๊ะไม้ตัวเตี้ยเหมาะกับ โซฟาหนุ่มสีไข่ไก่
“ก็คงไม่แย่สักเท่าไหร่หรอก...”
“จะดีมากกว่าแย่...ถ้าหากนายจะลองทานไปพร้อมๆ กับชีสเค้กที่รสชาติของมันสุดแสนจะวิเศษ...จานนี้...”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่...”
“เถอะน่า...สักครั้ง...ไม่ตายหรอก...” หนุ่มคิมว่าพลางยัดเยียดส้อมคันเล็กให้กับเขา "ลองชิมดูสิว่าชอบไหม...นี่เป็นสูตรที่ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อคืน...กะว่าจะลอง วางขายที่ร้านช่วงคริสมาสต์นี้...” จงอินพูดเรื่อยๆ ในขณะที่สายตาของเขายังคงจ้องลู่หานไม่วางตา "เป็นไง...ใช้ได้หรือเปล่าล่ะ?”
“อืม...ไม่หวานอย่างที่คิด...” “แน่ล่ะ...ก็ฉันหวังจะเอาใจลูกค้าที่ชอบดื่มกาแฟดำเหมือนนายยังไงล่ะ" เขายิ้มอย่างภูมิใจ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของลู่หานเต้นแรง เขารีบเบือนหน้าหนีอย่างผิดสังเกต "เฮ้! เป็นอะไรน่ะไม่สบายหรือเปล่า?” “ไม่ๆ ไม่เป็นไร...ฉันแค่รู้สึกเอียนแป้งเค้ก...”
“อ๋อ...ก็นึกว่าเรื่องอะไร...” จงอินพยักหน้าเข้าใจ "เออแล้วนี่...คริสมาสต์นี้ไปฉลองที่ไหนหรือเปล่า?”
“ทำไม?” “ก็กะว่าจะชวนเธอกับเซฮุนมาฉลองที่ร้านฉันน่ะสิ...ช่วงสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน ...ฉันเปิดให้เด็ก ๆ ทานเค้กฟรีล่ะ...” เขาว่าพลางขยับลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังได้ยินเสียงแว่วมาพอจับใจความได้ "...ก็เลยคิดว่าถ้าได้ฉลองด้วยกันก็คงดี...”
“ฉันยังไม่อยากรับปากหรอกนะ...นายก็รู้ว่ารายนั้นน่ะไม่คิดแตะแม้แต่กาแฟ ...”
“ก็แน่ล่ะสิ...หมอนั่นเป็นถึงนักร้องดังนี่น่า...” ชายหนุ่มวางถาดขนมคุ้กกี้ที่เพิ่งอบออกมาร้อนๆ ลงบนโต๊ะ พร้อมกับถุงกระดาษที่แสกนโลโก้ของร้านไว้ "กลัวคอพัง...ฮ่า ๆ"
“อย่าไปพูดถึงเขาเลยน่า...”
“คนรักนายทั้งคน...”
“นั่นแหละที่ไม่อยากได้ยิน...” ลู่หานถอนหายใจ “มีอะไรหรือเปล่า...?” จงอินลดกายลงนั่งข้างๆ ชายหนุ่มอีกคน มือของเขาเลื่อนลงกุมมือของอีกคนเอาไว้แน่น "...บอกฉันได้เสมอนะ"
“ไม่มีอะไรหรอก...”
“อย่าโกหกสิ...” ปลายนิ้วเรียวขยับเกี่ยวเส้นผมสีทองของเขาทัดไว้ที่หลังใบหู
“ฉัน...”
"แววตาของนายมันฟ้อง...ว่ามีเรื่องที่ไม่สบายใจกำลังรบกวนนายอยู่...”
ลู่หาน คุณชายไฮโซที่รู้จักกันดีในแวดวงสังคม คุณพ่อของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านบันเทิงทั้งหมดรวมถึงค่ายเพลงยักษ์ที่ อยู่ในเครือทั้งเล็กและใหญ่ คุณแม่ของเขาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตัวยงที่มักจะมีชื่อเป็นผู้บริจาครายใหญ่ ในทุกๆ ปี เขาใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองมาตั้งแต่เกิด ไม่มีสิ่งไหนที่ลู่หานต้องการแล้วเขาไม่ได้ เพียงแค่เอ่ยปาก ทั้งพ่อและแม่ก็เขาก็พร้อมจะหามาประเคนให้ จะเว้นเสียก็แต่ ความรัก
หากจะย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว คงเป็นเรื่องราวความทรงจำที่เขาจำได้อย่างดีว่ามันคือความสุขที่หาซื้อไม่ ได้ด้วยเงินตรามากมายที่เก็บไว้จนเน่าหรือขึ้นราในตู้เซฟที่ธนาคาร ทว่ามันคือความสุขที่เขาหามันมาด้วยตัวเอง ความสุขที่เรียกว่า ความรัก จากผู้ชายคนนั้น ศิลปินหนุ่มคนดัง โอเซฮุน คนทั้งคู่กลายเป็นที่จับตามองกันเพียงชั่วข้ามคืนหลังประกาศคบหากันอย่าง ฟ้าแลบ ในฐานะ ’ชายรักชาย’ ได้ถูกแถลงในเช้าของวันที่หิมะตก และงานแต่งงานของเขาทั้งคู่ได้ถูกจัดขึ้นในคืนวันคริสมาสต์อีฟ ค่ำคืนและเทศกาลแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับความสุขที่คนทั้งคู่ใช้มัน ร่วมกัน ความสุขที่ไม่คิดว่ามันจะหมดไปเพราะเวลาที่ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านได้พัดพาทุกสิ่งที่จากไปด้วยเช่นกัน
“น่าเบื่อ!” โอเซฮุนละใบหน้าขึ้นจากแม็คบุ๊คโปรที่ใช้สำหรับปรับพื้นเสียงเมโลดี้ขึ้น คนรักของเขาที่อยู่ในชุดโค้ทยาวสีดำ ซึ่งไม่เข้ากับบรรยากาศงานคริสมาสต์เลยสักนิด "ผมไม่ชอบงานพวกนี้คุณก็รู้...”
“ฉันก็แค่ชวน...ไม่ได้หวังว่าคุณจะไปด้วยกันหรอก" ลู่หานตอบกลับบ้าง เขาเองก็ชักเบื่อที่ต้องมานั่งหาเหตุผลล้านแปดเพื่อคุยกับผู้ชายคนนี้ที่เขาเรียกว่าสามี
“คุณก็น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ควรชวนผม...”
“แต่จงอินเขาอยากให้คุณไป...”
“ทำไมต้องจงอิน...?” ลู่หานถอนหายใจ "ช่วงนี้คุณพูดถึงมันบ่อยเกินไปแล้วนะ"
“ก็เขาเป็นเพื่อนคุณไม่ใช่หรือ...?”
“เขาเป็นเพื่อนผมน่ะใช่...แต่เขาไม่ใช่เพื่อนของคุณ...เลิกยุ่งกับมันซะ... ก่อนที่จะเป็นข่าว...” เขากล่าวเรื่อยๆ ก่อนจะดึงสายยูเอสบีออกจากเครื่องหลังจากกดอีเจ็กแล้ว "อย่าทำให้ผมต้องเอาเวลามาจัดการกับเรื่องพวกนี้...มันเสียเวลา"
“โอเซฮุน...” เซฮุนเลิกคิ้ว "ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าความรักของเรามันเหือดหาย...หรือว่าระเหยกลายเป็นไอไป ตั้งแต่ตอนไหน เพราะฉันเองก็เบื่อแล้วคุณเองก็เบื่อ...มันเป็นแบบนี้...ฉันว่าเราห่างกัน...สักพักดีกว่าไหม?”
“คุณจะเลิก...?”
“ก็ถ้ามันดีกว่า...ฉันว่าเราก็ควรทำ!” ลู่หานทิ้งท้ายไว้ก่อนจะคว้ากระเป๋ากับเสื้อคุมขนสัตว์สีเดียวกันเดินออก ไปจากห้องทันที ทิ้งไว้เพียงความเงียบหลังจากที่เขาปิดประตูลง
ทำไมเขาจะต้องทนอยู่กับความน่าเบื่อหน่ายกับชีวิตคู่ที่หมดรสชาติหมดรสรักไป นานแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่ควรหาข้อผูกมัด ผูกคอตัวเองให้ตายด้วยการแต่งงาน นั่นก็เพราะลู่หารไม่คิดว่าการแต่งงานนั่นคือจุดจบของความรักที่ถูกบั่นทอนด้วย ตัวเขากับเซฮุน คนเราที่พบเจอกันทุกวัน เห็นกันทุกด้าน มันน่าเบื่อเกินไป ความรักที่เคยมีมันค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติไปในที่สุด
เสียงโครมครามที่ดังมาจากด้านในห้องนั้นทำให้เขาต้องถอนหายใจอีกครั้ง ใช่ เขายังไม่ได้ขยับเท้าออกไปจากหน้าห้องเสียด้วยซ้ำระหว่างที่ยืนคิดถึงเหตุผล นานับประการ หาสาเหตุจากการที่ทำให้ชีวิตคู่เต็มไปด้วยปัญหาและจบลงด้วยการมีปากเสียงกัน แบบนี้ทุกครั้ง แม้ว่าสุดท้ายลู่หานอาจจะชนะในสงครามประสาทเมื่อสักครู่ นั่นก็เพราะว่าเขาชิ่งหนีออกมาต่างหาก!
“ไง...พ่อไฮโซหนุ่ม...ชิ่งอีกแล้วล่ะสิ...” ทว่าเสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังขึ้นกลับฉุดเขาขึ้นจากความคิดมากมายที่กองทับถม ร่างของเขาอยู่ "เผื่อว่านายจะหิวน่ะนะ...” เขายักคิ้วพลางชูถุงเบอเกอรี่จากร้านของตัวเองขึ้นให้ลู่หานได้เห็น
“ก็ไหนว่าวันนี้...” “ก็คิดอยู่แล้วไงว่าเพื่อนสุดที่เลิฟของฉันคงจะไม่ยอมโผล่หัวออกมาจากห้องให้เห็นหน้ากันง่าย ๆ" จงอินเอ่ยเรื่อย ๆ ในขณะที่ยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดูเวลา "ฉันก็เลยคิดว่า...ควรจะมาหามันเอง...”
“มาได้ถูกเวลาเป๊ะ...”
“ถ้าให้เดา...หมอนั่นคงจะกำลังอาละวาดจนบ้านแทบพังอยู่แน่ ๆ" หนุ่มคิมหัวเราะขำ "แต่เอาเถอะน่า...รับรองว่าถ้าได้เห็นหน้าฉันแล้วล่ะก็...” เขาไม่ได้ฟังเสียงทัดทานใดใดของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย จงอินดึงคีย์การ์ดจากมือของลู่หานมาก่อนจะผลักประตูเข้าไปทันทีที่มันปลดล็อก แล้วหมอนอิงก็ลอยมาปะทะหน้าหล่อ ๆ เข้าพอดิบพอดี "เจ๋งเป้ง...แม่นชะมัดเลยเพื่อนเกลอ...”
“มาทำไม?” เสียงของเซฮุนฟังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก เขากำลังหอบหายใจจากความเหนื่อย หนุ่มร่างเล็กที่ตามเข้ามาถอนหายใจกับสภาพห้องรับแขกที่ดูไม่ได้ "...ฉันถามว่าเสนอหน้ามาทำไม?”
“อย่าอารมณ์เสียนักซี่...”
“พามันออกไป...” เขาหันไปสั่งคนรักที่กำลังจัดการกับเศษแจกันราคาเกือบครึ่งแสน "ลู่หาน...ฉันบอกให้พามันออกไป"
“ไม่เอาน่าเซฮุน...วันนี้วันคริสมาสต์นะ"
“ต่อให้เป็นวันตายของนายฉันก็ไม่สน...”
“ปากร้ายชะมัด...” เจ้าตัวว่าหน้าบูด แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาแม้จะไม่ได้รับเชิญก็ตามที "ฉันก็แค่เอาเค้กมาฝากน่า...”
“ไม่กิน!”
“ลองทานดู...”
“บอกว่าไม่กิน...”
“น่านะ...นิดนึงก็ยังดี...”
“คิมจงอิน”
“ครับ...คุณโฮเซฮุน"
“โธ่เว้ย!” โอเซฮุนเดินกระแทกเข้าปิดประตูเสียงดังเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ทว่าคิมจงอินยังคงนั่งหัวเราะไม่เลิกรา เขาสนุกทุกครั้งที่ได้ยั่วประสาทเพื่อนรัก มันช่างเป็นวิธีแสดงความรักที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
“นายก็ไม่น่าไปแกล้งเขา...”
“หมอนั่นก็บ้าจี้แบบนี้ตลอด...” ชายหนุ่มว่าพลางมองหาห้องครัว "อย่าไปสนใจเลยน่า...เดี๋ยวหิวก็ออกมาทานเองล่ะ" เขาแตะบ่าของลู่หานเบาๆ "ทานอะไรก่อนไหม...ฉันซื้อมาเยอะแยะเลย...กะว่าจะฉลองเสียหน่อย...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว...ทานด้วยกันเลยก็แล้วกัน...ขอยืมครัวด้วยนะ" โชพยักหน้า
“ตามสบายนะ ฉันขอทำความสะอาดห้องสักหน่อย...เละเชียว”
“ขอบคุณครับ...”
น่ารัก
มันคือสิ่งที่ลู่หานคิดในตอนที่เห็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียวสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้า อ่อนที่เขาเองก็ไม่เคยคิดแม้แต่จะแตะต้องมันเลยสักครั้ง เขากำลังฮัมเพลงเบา ๆ ระหว่างที่จัดอาหารและขนมเค้กทั้งนำมาจากร้านและแวะซื้อมาจากร้านเจ้าประจำ ใส่จาน พิถีพิถันจัดวางมันลงได้อย่างน่ารับประทาน ลู่หานค่อย ๆ ขยับเท้าก้าวเข้าไปมองใกล้ ๆ กลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูกชวนให้น้ำลายสอ
“น่าทานไหมล่ะ?”
“ซื้อมาจากไหนล่ะ...?” “ก็ร้านที่นายชอบไปทานบ่อย ๆ ไง...” เขาหันมายิ้ม ก่อนจะแกะห่อเบอเกอรี่จัดเรียงลงจานกระเบื้อง ลู่หานพยักหน้าเบา ๆ ยืนมองอยู่อย่างนั้น กระทั่งค่อย ๆ สวมกอดรอบเอวสอบของชายหนุ่มอีกคนเอาไว้ เขาแนบหน้าลงบนแผ่นหลังของจงอิน
"...ลู่หาน...”
“ถ้าเขาเป็นได้อย่างนายก็คงจะดี...” ลู่หานพูดขึ้นมาเบา ๆ "...แต่ถ้าในตอนนั้นคนที่ฉันเลือกเป็นนาย...มันก็คงจะดีกว่า...”
“นายรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา...”
“ฉันรู้...รู้ดี...จงอิน...”
“มันผิด...”
“ใช่มันผิด...ฉันมันผิด...คิดผิด...เข้าใจอะไรแบบผิด ๆ"
“ลู่หาน...”
“ฉันเหนื่อยกับความรักที่มันค่อย ๆ ลดลงเพราะความไม่เอาไหนของเซฮุน...ฉันเบื่อกับความแข็งกระด้างที่เขามอบให้ ฉันมาตลอด...และสุดท้าย...ความรักของฉันมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ รสชาติมันขมกว่ากาแฟที่ฉันดื่มทุกวันเสียอีก...”
“นั่นก็เพราะว่านายเองก็ไม่ได้ใส่ใจมันเหมือนกัน...นายปล่อยให้เวลาผ่านมา นานเสียจนนายเองก็ชินไปกับมัน...” เขาเป็นฝ่ายหันกลับมารวบกอดลู่หานเอาไว้เสียเองทั้งตัว "แต่เชื่อสิ...นายไม่มีทางขาดมันได้หรอก...ถ้าหากคุณไม่ดื่มกาแฟ...นายก็จะ ง่วงนอนและรู้สึกไม่มีแรง...ก็เหมือนกัน...ถ้าหากนายขาดเขาไป...นายก็จะ รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป...”
“จงอิน...”
“แต่ถ้านายอยากจะลองเติมน้ำตาลสักนิด...ใส่นมสักหน่อย...ฉันก็จะเป็นคนเติม มันให้นายเอง...ลู่หาน...” ริมฝีปากหนาโน้มลงมอบจุมพิตให้กับชายหนุ่มหน้าหวานที่ค่อย ๆ หลับตาลงรอรับสัมผัสนั้นอย่างอ่อนโยน เสียงนาฬิการ้องบอกเวลาเที่ยงคืนตรง เป็นจูบเบา ๆ ตอนรับค่ำคืนวันคริสมาสต์ที่ไม่เลวทีเดียว หากชายหนุ่มผิวแทนไม่ถูกกระชากออกจากลู่หาน จนกระทั่งล้มลงบนพื้นไม้ปาเก้ราคาแพง
“ไอ้เพื่อนทรยศ!”
“เซฮุน...”
“หึ...ไอ้เพื่อนสารเลว...ฉันไม่คิดว่าแกจะกล้าทำแบบนี้กับฉันที่นี่!”
“ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว...”
“แหงสิ...ก็มันเห็นกันอยู่ตำตา!” เซฮุนตวาดเสียงลั่น "คุณก็เหมือนกัน...ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่งกับมัน!”
“อย่าว่าลู่หาน"
“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้...ก็ในเมื่อลู่หานเป็นของฉัน!”
“อ๋อ...รู้ด้วยเหรอว่าฉันเป็นของคุณ...”
“ลู่หาน...! อย่าไปยั่วโมโหเซฮุนสิ...”
“ฟังฉันนะเซฮุน...ฉันเหนื่อยและเบื่อกับชีวิตคู่ที่มีคุณกับฉันเต็มทน ...และหลังจากนี้ฉันจะไม่ทนอยู่กับความรักขม ๆ ที่คุณไม่เคยคิดจะใส่ใจ...เราห่างกันสักพักเถอะ!” ลู่หานไม่ได้ใส่ใจกับโต๊ะไม้ตัวหนักที่ใช้รับประทานอาหาร มันล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังลั่น เขากลับคว้ามือของจงอินมากุมไว้และก้าวเท้าออกจากห้องไปทันที
จงอินพยายามรั้งร่างที่กำลังจะพาเขาขึ้นรถ ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่กลางลานจอดรถมาเกือบสิบนาทีแล้ว หากแต่ก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เพราะแรงโมโหของหนุ่มร่างบางอีกคนที่มีไม่น้อยเกือบเท่าแรงผู้ชายอย่างคิมจงอินสุดท้ายแล้วมันก็เลยลงเอย ชายหนุ่มผิวสีแทนจึงต้องยอมแพ้ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นคอนกรีตเสียดื้อ ๆ ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น จนอีกคนอ่อนใจ พากันไปนั่งหลบมุมดื่มเบียร์กันอย่างเงียบ ๆ ที่สวนสวยชั้นดาดฟ้า
“ฉันขอโทษนะ...”
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะฉันเองก็เต็มใจ...” ลู่หานยิ้มอย่างไม่คิดอะไรในใจจริง ๆ "เราต่างก็ผิดด้วยกันทั้งคู่...”
“ฉันว่า...เราควรจะ"
“ฉันเชื่อ ว่าเราควรจะไป...รอให้ทุกอย่างมันดีขึ้นกว่านี้...”
“แล้วเซฮุนล่ะ...” ลู่หานส่ายหน้าเบา ๆ
"...หมอนั่นต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้าหากว่าเราหนีไป...”
“ฉันอยากจะอยู่ห่าง ๆ จากเขาสักพัก...ให้ทั้งฉันแล้วก็เขา...คิดทบทวนดูว่าสิ่งที่พวกเรากำลัง รู้สึก...มันจะยังเรียกว่าความรักได้อีกหรือเปล่า...”
“ลู่หาน...เธอไม่จำเป็นต้องทบทวนด้วยซ้ำ...ดวงตาของเธอมันฉายชัดเสมอว่าเธอยัง รักหมอนั่น...” จงอินบอกกับเธอ "แม้กระทั่งก่อนที่เธอจะหลับตาลงรับจูบของฉันก็ด้วย...”
“ฉัน...”
“อย่าโกหกตัวเองเลยนะลู่หาน...” เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มของลู่หานเบา ๆ "เธอรักเซฮุน...”
“ฉันทำให้นายเจ็บใช่ไหม...”
“ไม่เลย...” เขาลดมือเลื่อนลงกอบกุมมือของร่างบางไว้ "แค่ได้รักเธอ...ได้บอกกับเธอแบบนี้...ฉันก็พอใจแล้ว...” เขาว่า "ก็อย่างว่า...ฉันมันมาทีหลังนี่...” แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แต่ฉันรักรอยยิ้มของนาย...ที่เซฮุนไม่เคยมี"
“ฉันก็รักดวงตาที่มีรอยยิ้มของเธอเหมือนกัน...” เขาว่า "ดังนั้น...อย่าร้องไห้เลยนะ...” เขาเช็ดน้ำตาให้ลู่หานเบา ๆ
“จูบกันอีกสักครั้งได้ไหม...?”
“ถ้าเธอต้องการ...” จงอินโน้มหน้าลงมอบจูบให้กับลู่หานอีกครั้ง และอีกครั้ง สัมผัสกันเนิ่นนาน ดึงดูดอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็ออดอ้อนมอบความหวานให้ไม่จางหาย "...ทุกอย่างที่ลู่หานต้องการ...ฉันให้เธอได้...ทั้งหมด...”
“ขอบคุณนะจงอิน...”
“งั้นคืนนี้...ฉันจะอยู่กับนายจนถึงเช้า...เราจะอยู่ด้วยกันตรงนี้...ฉันจะ ตอบแทนความรักของนายในคืนนี้ที่นี่...” ลู่หานเอ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ลู่หานค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้หนุ่มคิมแล้วกอดเขาไว้ ซึ่งจงอินเองก็กอดเขาเอาไว้แน่นในอ้อมแขนเช่นกัน ค่ำคืนได้หมุนผ่านไปท่ามกลางคนสามคนที่ไม่รู้อนาคตที่มันกำลังจะเกิด
โอเซฮุน เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้มันเรียกว่า ความรัก
ลู่หาน เธอมองข้ามสิ่งดีดีที่มีอยู่ไปเพื่อที่จะทิ้ง ความรัก
และคิมจงอิน เขาที่มองทุกอย่างให้สวยงาม แต่งแต้มโลกทั้งใบด้วย ความรัก
ไม่มีใครอยู่
พิสูจน์ได้จากความเงียบ ความมืด และความหนาวเหน็บ ไร้เสียงจากเครื่องฮิตเตอร์ที่มักจะทำงานอยู่เสมอ บอกได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดใดใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ แล้วโอเซฮุนหายไปไหน นั่นคือคำถามแรกหลังจากที่ลู่หานเหยียบย่างเข้ามายังห้องที่เขาเรียกมันว่าบ้านมาเกือบสามปีเต็มแล้ว
“นายกลับไปเถอะ...”
“ฉันจะทิ้งนายไว้ในสภาพห้องแบบนี้ได้ยังไง...?” เขาเถียง ทว่าลู่หานกลับยิ้ม
“ไม่เป็นไร...ฉันอยู่ได้...” ลู่หานยืนยัน "ไปเถอะ...”
จงอินยอมแพ้ เขายอมกลับไปโดยไม่มีข้อต่อรองใดใด ลู่หานถอนหายใจ เขาทิ้งสภาพโทรม ๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนลงบนโซฟาที่เย็นชืด ร่างบางค่อย ๆ ทอดกายลงนอนหนุนหมอนอิง กลิ่นหอมจาง ๆ ของเซฮุนทำให้เขานึกถึงเขาขึ้นมา
“ลู่หาน...” เขาคงจะคิดถึงเซฮุนมากจริง ๆ ถึงได้หูแว่วได้ยินเสียงของเขากระซิบอยู่ข้างหู "...ฉันกลับมาแล้ว...” แรงกอดรัดทั้งร่างทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาจริง ๆ ใบหน้าของเซฮุนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่มาก แต่ทว่าลู่หานกลับมองเห็นเขาไม่ชัดเจนนัก
นั่นก็เพราะน้ำตา
“อย่าร้องไห้...ฉันขอโทษ...”
“คุณ...กลับมาแล้วเหรอ...?”
“...ใช่...กลับมาแล้ว" เขาเอื้อมมือมาจับแก้มของร่างเล็กก่อนจะเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉัน...ขอโทษ" ลู่หานเอ่ย
“คุณจะขอโทษทำไม...?”
“ก็ฉันนอกใจคุณ...”
“นั่นก็เพราะความผิดของฉันไม่ใช่เหรอ...?” เขาลูบเส้นผมสีทองของลู่หานเบา ๆ
“เซฮุน...”
“ผมสัญญาว่าหลังจากนี้จะชงกาแฟให้คุณดื่มทุกวัน...” ลู่หานยิ้ม "ผมจะเป็นคนใส่ทั้งน้ำตาลแล้วก็นมให้คุณ...”
“ฉันจะเลิกดื่มกาแฟดำ"
“เราจะดื่มกาแฟด้วยกันทุกเช้า...”
“แล้วก็ทานเค้กด้วยกัน...นะ"
“ได้สิ...”
“ฉันรักคุณ เซฮุน...”
“ผมก็รักคุณ...ลู่หาน...” เขาจูบเบา ๆ ลงบนปากบางของลู่หาน ความนุ่มนวลที่ผู้ชายคนหนึ่งอยากจะเปลี่ยนแปลงเพื่อเติมความหวานให้กับชีวิตรัก ลู่หานไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มานานเสียจนคิดว่ามันช่างเป็นความรักที่หวานเลี่ยนเสียยิ่งกว่าชีสเค้กของจงอินเสียอีก แต่นั่น...มันก็คือสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด
ลู่หาน...ก็เหมือนกาแฟดำ ที่รอคอยความหวานจากผู้ชายที่เขารัก โอเซฮุน
ผลงานอื่นๆ ของ beautifulnightmare ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ beautifulnightmare
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น