ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Road of Insanity [TVXQ Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #2 : Flower Lady [Full]

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 52


    ร้าดอกไม้ย่านกลางกรุงโซลที่ถกตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีขาว ฟ้า และชมพูอ่อน เต็มไปด้ววยดอกไม้สีต่าง ๆ ที่ถูกจัดวางหันหน้าออกรับแสงสีทองยามเช้าที่ทับทาบกับบานกระจกใสอย่างลงตัว เพื่อเป็นการต้อนรับลูกค้าในวันใหม่ มือเรียวบรรจงวางแจกันสีดำมันวาวใบเล็กที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบขาวแซมด้วยเดซี่ดอกเล็กและเฟิร์นใบสุดท้ายลงที่โต๊ะไม้ตัวเล็กก่อนปาดเหงื่อเป็นอันเสร็จสิ้นงานจัดร้านของเช้าวันนี้ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปล้างมือจากเศษดินเพื่อเตรียมตัวทำงานอย่างอื่นต่อ
     
     
     
    เค้กหลายชนิดถูกนำออกจากกล่องที่แช่ตู้เย็นค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจัดเรียงเข้าไปในตู้แช่เย็นกระจกใบโตที่ประดับอย่างน่ารักด้วยตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกเค้กสะดวกมากขึ้น ตามด้วยหม้อต้มกาแฟที่ถูกเปิดให้ร้อนจนส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเมล็ดกาแฟสดชั้นดี ก่อนที่มือบางจะล้างมืออีกครั้งแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
     
     
     
    จุนซู ตื่นได้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยเรียกอีกร่างที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้างคลุมด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวที่พวกเขาใช้นอนด้วยกันทุกคืน ร่างเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลืมตามาพบกับคนปลุกที่เปื้อนเศษดินน้อย ๆ ที่แก้ม ทำให้เจ้าตัวรีบลุกขึ้นมาปัดให้ทันที
     
     
     
     
    “ทำไมพี่ไม่ปลุกผมไปช่วยอีกแล้วนะ” ร่างเล็กบ่นออดแอดพลางเหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กที่แสดงเวลาว่าเหลืออีกเพียงครึ่งชั่วโมง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปจัดการกับธุระส่วนตัวในห้องน้ำทันทีเพื่อไม่ให้คนปลุกต้องรอนาน อีกด้านหนึ่งก็คิดใจใจว่านอนตื่นสายอีกแล้ว ทั้งที่ก็ตั้งเวลาปลุกเอาไว้แล้วแท้ ๆ แต่ทำไมไม่ได้ยินนะ เช้าวันอาทิตย์ต้นเดือนแบบนี้ ปกติจะมีลูกค้าเข้าร้านกันตั้งแต่ร้านเปิดเลยทีเดียวเลยต้องรีบตื่นมาเตรียมร้านให้พร้อม โดยหารู้ไม่ว่า พี่ชายแสนขยันของเขาได้แอบมาปิดนาฬิกาปลุกไว้ตั้งนานแล้ว
     
     
     
     
    ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างเล็กก็เดินหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำเพื่อมาพบกับร่างบางในชุดสีขาวและผ้ากันเปื้อนสีเขียวที่ยืนถือเสื้อผ้ารอเขาอยู่ก่อนแล้ว ชุดสีขาวสะอาดตากับผ้ากันเปื้อนสีเขียวเหมือนกันอีกชุดหนึ่งถูกยื่นให้สวมใส่อย่างรวดเร็ว สองร่างยืนชมตัวเองและจัดการกับชุดนิดหน่อยก่อนจะจูงมือกันเดินลงไปชั้นล่างด้วยรอยยิ้มสดใสเช่นเดียวกับแสงอาทิตย์อ่อนสีทองที่ทาบทับผ่านกระจกของร้านดอกไม้เล็ก ๆ แห่งนี้
     
     
     
     
    “วันนี้ลูกค้าต้องเยอะแน่ ๆ เลย ว่ามั้ย~” ร่างเล็กที่ถูกเรียกว่า จุนซู เอ่ยในทันทีที่ป้ายหน้าร้านถูกกลับแสดงให้เห็นว่าร้านเปิดพลางหันไปยิ้มให้กับรางบางที่ยืนต้มโกโก้หอมฉุยอยู่ที่เครื่องด้านในร้านเพื่อรอรับลูกค้าและหาอะไรให้ตัวเองกับน้องชายดื่มตอนเช้าไปพลาง ๆ ก่อนที่จะปิ้งขนมปังชิ้นเล็กสองชิ้นเป็นอาหารรองท้องสำหรับเช้าที่วุ่นวาย
     
     
     
     
    วันนี้ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับทุกวันที่เขาทั้งสองจะมาเปิดร้านด้วยกันทุกเช้า แต่ก็ยังดีที่จุนซูอยู่ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ทำให้ไม่ว่าวันไหน ๆ ร่างเล็กก็จะมาช่วยเขาทำโน่นทำนี่ตลอด ถึงแม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้างก็ตามที แต่เขาก็มีความสุขเสมอที่ได้ น้องชาย ที่น่ารักคนนี้มาช่วยงานในร้าน ถึงแม้จะรู้สึกว่าบางทีวันที่จุนซูมาทำงานจะทำให้ลูกค้ามากขึ้นจนถึงตอนเย็นก็จะปวดเมื่อยไปหมดก็ตามทีแต่แลกกับความสุขที่ได้มา ก็นับว่าคุ้มค่า
     
     
     
     
    “พี่แจจุง~ เหม่ออะไรอยู่เนี่ย ผมเรียกตั้งนานแล้วนะ เอาทิรามิสสุแก้วนึงกับ... พายบลูเบอร์รี่” ร่างเล็กขึ้นเสียงสูงใส่พี่ชายที่ยืนเหม่อจนเขาสงสัยว่าวันที่เขาไม่อยู่พี่ชายดูแลร้านนี้ได้ยังไงกันนะ พลางฮัมเพลงเบา ๆ ก่อนรับของที่ลูกค้าสั่งแล้วเดินตัวปลิวไปที่โต๊ะ โชคดีที่ไม่สะดุดอะไรไปเสียก่อน กาแฟกับเค้กที่สั่งจึงถึงมือลูกค้าโดยสวัสดิภาพ
     
     
     
     
    “จุนซู ร้องเพลงอีกแล้วนะเรา” มือเรียวขยี้ผมสีน้ำตาลทองของน้องชายพลางปากก็บ่นเรื่องร้องเพลงตอนทำงานเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้เหมือนกัน เจ้าน้องชายตัวดีก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกทำนิสัยแบบนี้เสียที แถมยังเถียงกลับอย่างมุ่งมั่นว่าจะไปเป็นนักร้อง เลยจะต้องซ้อมร้องบ่อย ๆ แจจุงส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรมากไปกว่านั้น ได้แต่หวังให้จุนซูไม่ผ่านการคัดตัวเหมือนครั้งที่แล้วมา
     
     
     
     
    เพราะเจ้าตัวน่ะ ไม่เคยรู้เลย
     
    ว่าแจจุงคนนี้ ห่วงจุนซูมากแค่ไหน
     
    จะต้องปกป้องไว้ให้ได้
     
    ไม่อยากให้จุนซูเป็นนักร้อง...
     
    ต้อง...
     
     
     
     
    แต่อยู่ ๆ ความคิดกลางวันก็ต้องสะดุดลงด้วยเสียงสูงของร่างเล็กอีกครั้ง คราวนี้จุนซูมายืนเท้าสะเอวถลึงตาตี่ ๆ ของตัวเองใส่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แก้มใสพองออกเล็กน้อยกับริมฝีปากอิ่มที่เชิดขึ้นแสดงอาการงอนได้เป็นอย่างดี
     
     
     
     
    “เอาเอสเพรสโซเหรอ ?” ร่างบางตอบไปสุ่ม ๆ เพื่อปกปิดอาการเหม่อของตัวเอง แต่ผิดคาด เพราะความจริงในร้านไม่มีลูกค้าเลยสักคนเดียว
     
     
     
     
    “พี่แจจุง~ เหม่ออีกแล้วนะ พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ฮึ? ไม่มีลูกค้าซักคนเลยน้า”
     
     
     
     
    “ขอโทษที พอดีพี่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่”แจจุงรับคำอย่างเนือย ๆ
     
     
     
     
    “ไม่ต้องเลยน้า วันนี้จุนซูอุตส่าห์ตั้งใจทำงานที่สุดเลยนะเนี่ย” ร่างบางกระโดดเข้ามาหลังเครื่องแคชเชียร์ที่แจจุงยืนอยู่พลางเอาแก้มใสถูไปมากับต้นแขนของร่างบางอย่างรวดเร็ว ลมหายใจอุ่นเป่ารดลงที่ต้นคอทำเอาคนถูกอ้อนหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องพยามผลักคนอ้อนออกไปแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายเจ้าของแก้มสีชมพูระเรื่อก็คายความลับออกมาว่าอยากจะไปเดินเล่นหลังจากเลิกงานแล้วนั่นเอง
     
     
     
     
    แจจุงรับคำอย่างมั่นเหมาะว่าจะพาจุนซูไปที่ย่านการค้าชื่อดังอย่างที่เจ้าตัวต้องการโดยมีข้อแม้ว่าจุนซูต้องไม่ทำของตกเสียหาย เพราะวันนี้จะมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตของวงบอยแบนด์ชื่อดัง ร่างเล็กจึงไม่ยอมจะพลาดโอกาสที่จะไปชื่นชมวงโปรดของเขาเด็ดขาด จุนซูจึงทำท่าทางตั้งใจทำงานเต็มที่จนหน้ามุ่ยไปหมด แจจุงเลยแอบเครียดไปด้วยที่น้องชายไม่สดใสเอาซะเลย
     
     
     
     
    จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมวันนี้ร้านถึงไม่มีลูกค้าเยอะเหมือนที่เคย
     
     
     
     
    แต่ถึงกระนั้นเจ้าของร้านตัวน้อย ๆ ก็มัวแต่สนใจกับเวลาช่วงเย็นที่จะมาถึงเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ สองพี่น้องจึงมัวแต่ง่วงอยู่กับกาแฟ เค้ก ต้นไม้ และหนังสือ... เสียงหัวเราะต่อกระซิกเบา ๆ ดังมาไม่ขาดสายจากลูกค้าสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับร้านนี้เสมอ ทำให้พวกเขาไม่เคยรู้สึกเหงาเลยถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่แค่สองคนด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
     
     
     
     
    คิมจุนซู... แค่จุนซูได้อยู่กับพี่ชาย พี่แจจุง ที่ไหนจุนซูก็อยู่ได้ทั้งนั้นแหลน่า ^^ จุนซูรักพี่แจจุงที่สุดในโลกเลยน้า ก็พี่เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน แล้วก็เหมือนพ่อแม่ที่คอยดูแลเค้ามาตลอดตั้งแต่ยังเด็กด้วยนี่นา แต่ทำไมจุนซูว่า พี่แจจุงถึงได้ดูเงียบ ๆ ตลอดเวลาเลย แล้วก็ดุมากด้วย ยิ่งเวลาถามว่าพ่อแม่ไปไหนนะ พี่จะไม่ยอมตอบอะไรเลย ทำไมนะ พี่ทำแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ยอมบอกอะไรเลย...
     
     
     
     
    คิมแจจุง... พี่ขอโทษที่บอกความลับกับนายไม่ได้จุนซู มันเป็นความลับที่สำคัญมาก ๆ กับพี่และจุนซูด้วยนะ แต่พี่สัญญาว่าจะดูแลปกป้องจุนซูให้ดีที่สุด ไม่ว่ายังไงจุนซูก็ต้องปลอดภัย เข้าใจมั้ย ? เพราะงั้นจุนซูอย่าดื้อให้มากนักนะ จะได้น่ารัก ๆ ไง แล้วซักวันนึง จุนซูก็จะได้รู้ว่าทำไมคิมแจจุงคนนี้ถึงได้... ถึงได้ไม่ยอมบอกคิมจุนซู โอเคมั้ย ? แต่ว่า ตอนนี้ แค่อยากให้รู้ไว้ว่า พี่ รัก นาย
     
     
     
     
    หลังจากวันที่ยาวนานกับการรอคอยผ่านพ้นไป ในที่สุด ร้านดอกไม้เล็ก ๆ แห่งนี้ก็ปิดลงในตอนเย็น เหมือนเช่นเคย สองพี่น้องช่วยกันทำความสะอาดแก้วและภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้ไประหว่างวันอย่างขยันขันแข็ง โดยเฉพาะร่างเล็กที่ดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษจนพี่ชายอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่จะเตือนว่า เงื่อนไขในการออกไปเที่ยววันนี้ คือเขาจะต้องไม่ทำของหล่นแตกเสียหายเท่านั้น จุนซูจึงได้ก้มหน้ามุ่ยล้างจานต่อไปโดยพองลมออกแสดงความไม่พอใจเป็นระยะ แจจุงจึงเป็นแรงงานสำคัญในการล้างจานของวันนี้โดยไล่ให้จุนซูไปอาบน้ำก่อน แล้วเขาจะตามไปทีหลัง หลังจากจัดการในครัวและรดน้ำต้นไม้รอบเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
     
     
     
     
    ใช้เวลาไม่นาน สองพี่น้องกระกูลคิมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจัดการปิดร้านจนเรียบร้อยโดนมีจุนซูยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความที่บ้านและร้านดอกไม้ที่ทั้งสองอาศัยอยู่นั้นตั้งอยู่แทบจะเรียกว่าใจกลางกรุงโซลเลยก็เป็นได้ ทำให้ทั้งสองเลือกที่จะออกเดินช้า ๆ รับลมเย็นสบายของหน้าร้อนไปด้วยในตัว แจจุงก้มลงมองนาฬิกาข้อมือสีขาวที่ตัวเองใส่อยู่ก่อนจะตัดสินใจใช้เวลาสองชั่วโมงก่อนที่วงบอยแบนด์ของจุนซูจะขึ้นแสดงพาเขาไปกินข้าวนอกบ้าน
     
     
     
     
    “จริงเหรอ วันนี้กินข้าวข้างนอกจริง ๆ อ้ะ ดีใจจัง วันนี้ทำไมพี่แจจุง ใจดี๊ ใจดี มีอะไรรึเปล่าเนี่ย มีหนุ่มมาจีบรึเปล่าน้า” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น ดวงตาเรียวเล็กโตขึ้นอย่างเป็นประกายด้วยความดีใจ ตบด้วยการแซวพี่ชายหน้าสวย ปกติเขาจะกินข้าวฝีมือแจจุงที่บ้านซึ่งก็อร่อยไม่แพ้ร้านอาหารไหน ๆ แต่ก็ยังดีใจที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศออกมากินข้าวนอกบ้านบ้าง ก็กินข้าวที่บ้าน ไม่พ้นกินแกงกิมจิ หรือไม่ก็กับข้าวสองสามอย่างเท่านั้น
     
     
     
     
    “จะกินมั้ยจุนซู” แจจุงไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ปนอาฆาตนิด ๆ
     
     
     
     
    “กิน ๆ ๆ กินเนื้อย่างได้มั้ย ผมอยากกินอ่ะไม่ได้กินมา น๊าน นานนนนนนน~” ร่างเล็กเปลี่ยนกับมาเรื่องกินทันทีก่อนจะเริ่มใช้มุขถนัดคือการออดอ้อนพี่ชายต่อไป เพราะรู้ว่า อ้อนแบบนี้ทีไร แจจุงก็จะต้องใจอ่อนทุกที และก็จริงอย่างที่คาด แจจุงตกลงพาจุนซูไปร้านเนื้อย่างอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
     
     
     
     
    “อย่ากินเพลินนักล่ะ เดี๋ยวไปดูไม่ทันไม่รู้ด้วย”
     
     
     
     
    ชายหนุ่มน่ารักทั้งสองพากันเข้าไปในร้านเนื้อย่างร้านโปรดของจุนซู ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย เพราะสำรับเนื้อย่างที่เจ้าตัวชื่นชอบถูกสั่ง และถูกจัดการให้หมดอย่างรวดเร็วก่อนที่เจ้าตัวจะงายหลังผลึ่งแล้วยิ้มจนแก้มแทบปริ เพราะไม่ใช่บ่อย ๆ เลยที่พี่ชายแสนเค็มอย่างแจจุงจะยอมมากินเนื้อย่างที่ร้านแบบนี้ หนำซ้ำยังสั่งได้ไม่อั้น ไม่ใช่สั่งมาแค่สองชุดเหมือนครั้งที่แล้วซะด้วยสิ กำลังคิดและปล่อยให้ท้องย่อยเพลินไปจนถูกแจจุงตีเข้าให้เพราะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะถึงเวลาแสดงของนักร้องที่พวกเขาตั้งใจมาดู จุนซูจึงรีบพาตัวเองตามแจจุงออกมาอย่างว่าง่าย
     
     
     
     
    “อ๊ะ เดี๋ยวนะ จุนซูอยากซื้อตุ๊กตาตัวนั้นอ้ะ~” ร่างเล็กวิ่งตรงไปยังร้านขายของริมถนนที่วางตุ๊กตากระต่ายสีครีมตัวใหญ่ยักษ์วางอยู่ที่หน้ากระจกรายล้อมด้วยตุ๊กตาขนาดลดหลั่นกันไปหลายสี คอของมันถูกประดับด้วยโบว์อันใหญ่สีน้ำตาลไหม้ หูสีชมพูตั้งข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งตกลงมาด้านข้างอย่างน่ารักน่ากอด ร่างบางก้มลงล้วงบางสิ่งออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง “จะได้เอาไว้กอดตอนนอน นี่ไงจุนซูเอาเงินเก็บมาด้วยนะ~”
     
     
     
     
    “เงินไม่พอเหรอจุนซู พี่ช่วยออกให้ก่อนก็ได้” ร่างบางเอ่ยขณะแอบมองเงินในมือเล็กที่มีไม่มากนัก แต่ก็เป็นเงินเก็บที่เขาอดทนออมไว้มานานน่าดู เทียบกับราคาเหยียบแสนวอนของเจ้าตุ๊กตากระต่ายบ้าตัวนั้นไม่ติด แต่จุนซูก็ขัดขืนและยืนยันจะซื้อตุ๊กตาด้วยเงินของตัวเองที่มีอยู่ สุดท้าย ก็เลยเหลือแค่ตุ๊กตากระต่ายสีชมพูดขนาดกำลังดีให้จุนซูอุ้มกระเตงไปมาได้ง่ายดายด้วยแขนเรียวเล็กเพียงข้างเดียว
     
     
     
     
    “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน ค่ำแล้วด้วย”
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×