อากาศปลายเดือนเมษายนที่เย็นสบายแบบนี้ เหมาะแก่การตื่นเช้ารับความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บานสะพรั่งสวยงามมองไปทางไหนก็เจอแต่ความสดใส สำหรับคนที่เคร่งเครียดกับงานมาตลอดทั้งปีการใช้สิทธิ์ลาพักร้อนในช่วงนี้ถือว่าไม่เลวนัก
ร่างบางในชุดสีดำทั้งตัวตั้งแต่ฮู๊ดตัวเก่ง สกินนี่ยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ที่คอคล้องสายสะพายกล้อง DSLR อันโตที่ไม่เหมาะสมกับมือบาง ๆ นั่นเลยสักนิด กำลังเดินทอดอารมณ์ในสวนสวยท่ามกลางดอกโบตั๋นหลากสีที่กำลังผลิบาน ในวันธรรมดาแบบนี้นักท่องเที่ยวบางตา ทำให้เก็บภาพสวยถูกใจได้หลายมุม
มุมปากสีแดงกระตุกยิ้มเมื่อในจอแสดงภาพที่เธอเพิ่งกดชัตเตอร์ไปเมื่อครู่ อีกหนึ่งภาพในมุมที่หมายตา กว่าจะได้ถ่ายวิวตรงหน้าก็ต้องรอให้บริเวณนี้ปลอดคนไปเสียก่อน แต่ผลที่ออกมาก็คุ้มค่ากับเวลาร่วมสิบนาทีที่เสียไป
ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงที่นี่ เจ้าของเรือนผมสีม่วงจึงคิดถึงสถานที่ต่อไปในเมืองนี้ ยกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรูที่หน้าปัดมีรอยร้าวจากความอารมณ์ร้อนในอดีตซึ่งเธอไม่คิดจะเปลี่ยนมัน เก็บเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจ
หามุมพักเหนื่อยชั่วครู่ แม้อุณหภูมิจะอยู่ในช่วงสิบองศาเซลเซียสกลาง ๆ แต่แสงแดดที่ส่องจ้าก็ทำให้เหงื่อตกได้เช่นเดียวกัน บวกกับที่เป็นคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย จึงไม่แปลกหากจะมีอาการขาล้าจากการเดินต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
นิ้วเรียวกดไล่ดูผลงานที่เพิ่งถ่ายมาระหว่างนั่งพัก ยิ่งดู ยิ่งคิดถึง ... คิดถึงคนที่สดใสดั่งฤดูใบไม้ผลิ คิดถึงคนที่สวยงามยิ่งกว่าดอกไม้ทั้งปวง
“oh! Sorry sorry sorry sorry… ” ฉันเอ่ยขอโทษภาษาสากลรัว ๆ เพราะความไม่ระวัง มัวแต่ถ่ายรูปจนเดินถอยไปชนใครเข้า ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมเทานั่งจุมปุ๊กกับพื้น ทำให้ฉันต้องรีบปล่อยกล้องในมือให้สายสะพายทำหน้าที่แทน ส่วนฉันก็รีบพยุงเธอขึ้นมา ปากก็รัวคำขอโทษไม่หยุด
“That's OK” เธอตอบรับคำขอโทษทั้ง ๆ ที่ไม่มองหน้าฉัน มือเล็กปัดฝุ่นออกจากตัว
“sorry” อดไม่ได้ที่จะขอโทษอีกครั้ง แม้เธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ฉันก็อยากจะขอโทษอยู่ดี
เธอพยักหน้าขณะมองสำรวจตัวเอง ท่าทางนั้นคุ้นเคยเสียจนฉันใจสั่น จะว่าไปคนนี้ก็ตัวเล็กพอกันกับใครคนนั้น ฉันยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เหมือนเธอจะรู้ตัวจึงได้เงยหน้ามา
“ลูดา!”
“พี่จียอน”
คาเฟ่เล็ก ๆ ไม่ไกลจากสวน Wangcheng คือสถานที่ที่ฉันเลือก ดูจากท่าทีก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะมาด้วย แต่เพราะฉันขอร้องเธอจึงจำใจต้องมา ฉันจัดแจงสั่งเครื่องดื่ม แม้จะผ่านมานานแล้วแต่ฉันยังจำทุกอย่างเกี่ยวกับเธอได้ดี...ทุกอย่างที่ฉันเคยไม่ใส่ใจ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอพูดจีนเป็น”
แต่สุดท้ายก็เป็นลูดาที่ต้องยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือเมื่อผู้รับออเดอร์สื่อสารกับฉันไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าหล่อนใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เป็นฉันที่สั่งนอกเหนือเมนูเอง บางทีก็นึกหงุดหงิดที่ตัวเองเป็นคนกินยากแบบนี้ อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเธอสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นที่นี่ เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา หลายสิ่งเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
เธอเหลือบมองฉันเล็กน้อย ก่อนจะจัดการจ่ายเงินและเดินนำฉันกลับไปที่โต๊ะ ไม่มีใครเริ่มบทสนทนาจนฉันเริ่มอึดอัด เธอยังคงไม่มองหน้าฉัน จนกระทั่งเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว ฉันก็ยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ
“ถ้าชวนมาแล้วจะเงียบแบบนี้ คราวหลังก็อย่าชวนเลย”
“อ่า...”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยกับประโยคนั่น บทสนามีในหัวมากมายแต่ฉันกลับไม่สามารถกลั่นมันออกมาได้ เคยคิดเอาไว้ว่าหากได้เจอกัน ฉันมีเรื่องมากมายที่จะคุย แต่ในความเป็นจริงนั้น..ทำได้แค่เงียบ มองเสี้ยวหน้าเธอแบบนี้
이제 괜찮니 너무 힘들었잖아
우리 그 마무리가 고작 이별뿐인 건데
우린 참 어려웠어
ตอนนี้เธอสบายดีใช่ไหม มันยากมากเลยนะ
ตอนจบของเรานั้นเป็นเพียงแค่การจากลา
แต่มันยังคงยากสำหรับเราสองคน
“ก็อย่างที่เห็น นี่..ถ้าไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้มาคุย ก็อย่าเลย”
ดูเธอหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และตอนนี้เหมือนมันกำลังมากขึ้น แอร์ในร้านเย็นฉ่ำแต่ทำไมฉันรู้สึกถึงเหงื่อที่กำลังผุดออกมา นี่มันเป็นคำถามพื้นฐานสำหรับคนที่ไม่ได้เจอนานไม่ใช่หรือไง เชื่อเถอะ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร แบบไหน เธอก็จะมีอาการแบบนี้อยู่ดีนั่นแหละ คิดแล้วก็..เสียใจ
ปล่อยความเงียบปกคลุมอีกครั้ง โทรศัพท์เครื่องบางของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ส่งเสียงเรียกร้อง ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะแอบมองว่าใครกันที่โทรมา รู้ว่าเสียมารยาทแต่มันก็อยากรู้ และพอรู้แล้วก็..เจ็บ
잘 지낸다고 전해 들었어 가끔
벌써 참 좋은 사람 만나 잘 지내고 있어
굳이 내게 전하더라
ฉันได้ยินเรื่องราวของเธอมาบ้าง
เธอกำลังคบกับใครสักคนอยู่ใช่ไหม ใครสักคนที่ดี
มีบางคนเล่าให้ฉันฟัง
...
“แฟนเหรอ” ฉันถามในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจดี ในเมื่อรูปที่โชว์หราตอนสายเข้านั้นก็เป็นรูปคู่ที่ดูหวานกันดี อ่า..เจ็บชะมัด
“ค่ะ” สั้น ๆ แต่สะท้านทั้งหัวใจ
“เพื่อนพี่ อ่า..ไอซอลน่ะ เคยเล่าให้ฟัง น่ารักกันดีนะ” โง่สิ้นดีที่คุยเรื่องนี้ ฉันได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ บรรยากาศที่อึดอัดมากอยู่แล้ว มันแย่ลงไปอีก
ลูดาไม่ตอบเธอแค่พยักหน้าและจ้องหน้าฉัน
잘했어 넌 못 참았을 거야
그 허전함을 견뎌 내기엔
ดีแล้วล่ะ เธอไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อยู่กับมัน
เธอคงทนอยู่กับความว่างเปล่าไม่ได้หรอก
...
“ดีแล้วล่ะนะ มีคนดูแลเธอได้พี่ก็สบายใจ เขารู้ใช่มั้ยว่าเธอไม่ชอบอยู่คนเดียว”
อีกครั้งที่ไร้เสียงตอบรับ เธอจ้องหน้าฉันนิ่ง ดวงตาที่ฉันเคยหลงไหล ดวงตาที่เคยมีความรักเต็มเปี่ยมในนั้น ตอนนี้..มันว่างเปล่าเหลือเกิน
좋으니 사랑해서 사랑을 시작할 때
니가 얼마나 예쁜지 모르지 그 모습을 아직도 못 잊어
헤어 나오지 못해 니 소식 들린 날은 더
เธอมีความสุขกับความรักใช่ไหม ความสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นตอนไหนเหรอ
เธอคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอเองสวยมากแค่ไหน ฉันยังคงไม่สามารถลืมภาพของเธอได้
ฉันลืมมันไม่ได้จริงๆ มันรู้สึกแย่มากที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเธอ
...
“ถามได้มั้ย คบกันนานหรือยัง เอ่อ.. ไม่ตอบก็ได้นะ” ฉันอ้ำอึ้ง ยอมรับว่าอยากรู้มาก ๆ เท่าที่ได้ข่าวเธอมาบ้างนั้น ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนอยู่เคียงข้างเธอมานานแล้ว ...นานพอ ๆ กับระยะเวลาที่เราเลิกรากันไป
“อยากได้คำตอบแบบไหนเหรอคะ”
“อ่า...”
ฉันไม่เข้าใจกับประโยคนี้ ทำไมลูดาถึงได้ถามกลับแบบนี้กันนะ สำคัญด้วยเหรอว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน ในเมื่อมันก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“หกเดือน”
“ห้ะ?”
จู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นในจังหวะที่ฉันกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นมา เกือบทำแก้วหลุดมือแล้ว ฉันภาวนาให้ฉันหูฝาดไป มันอาจเป็นแค่หกวัน หรือ หกสัปดาห์
“คบกันมาหกเดือนกว่าแล้ว”
แต่เราเพิ่งเลิกกันไปแค่...แปดเดือน
좋으니 그 사람 솔직히 견디기 버거워
니가 조금 더 힘들면 좋겠어
진짜 조금 내 십 분의 일 만이라도
아프다 행복해줘
เธอรักเขาใช่ไหม ฉันทนไม่ได้จริงๆ
ฉันหวังว่าเธอคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
แค่หนึ่งในสิบของความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึก
ในขณะที่ฉันกำลังเจ็บปวด ขอให้เธอมีความสุขนะ
...
รู้สึกถึงขอบตาที่กำลังร้อนผ่าว ในขณะที่ฉันกำลังเจ็บปวดจากการเลิกรา เธอก็มีใครอีกคนคอยปลอบโยนสินะ ฉันเคยคิดว่าเธอคงมีอาการไม่ต่างกัน แต่ฉันคิดผิดไป ไม่สิ..บางทีเธออาจจะไม่ได้เจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ
ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงเรียกเข้าของเธอก็ดังอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา หันหน้าหนีไม่อยากรับรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แม้จริง ๆ แล้วฉันจะไม่สามารถเข้าใจได้ก็ตามที
“ขอตัวนะคะ”
“ดะ..เดี๋ยวสิ”
เธอเอ่ยขอตัวและลุกขึ้นเตรียมจากไป ฉันรีบเอ่ยรั้ง คว้าข้อมือเธอไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องฉันนิ่งจนฉันรู้สึกตัว รีบปล่อยข้อมือบางนั่นทันที
“เอ่อ..ค่ากาแฟ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าฉันเลี้ยง แล้วเรา...ก็อย่าได้พบกันอีกเลย”
억울한가 봐 나만 힘든 것 같아
나만 무너진 건가
고작 사랑 한번 따위 나만 유난 떠는 건지
มันไม่ยุติธรรมเลย เหมือนมีแค่ฉันฝ่ายเดียวที่เจ็บปวด
ฉันคือคนเดียวใช่ไหมที่ความรู้สึกพังทลาย
ฉันรักแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฉันแสดงออกมากไปเหรอ
...
ทำได้เพียงมองตามเธอไปและทิ้งตัวพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง มันเจ็บกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ รู้ว่าลูดามีใคร แต่พอได้ยินจากปากเจ้าตัวเองแบบนี้ หัวใจฉันมันเหมือนถูกบีบรัดจนแหลกสลาย เธอกับเขายังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์นั่น ท่าทางมีความสุขจนฉันไม่อาจทนมอง ก้มหลับตาพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล
복잡해 분명 행복 바랬어
이렇게 빨리 보고 싶을 줄
มันซับซ้อนเหลือเกิน แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุข
ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดถึงเธอได้เร็วขนาดนี้
...
ไม่รู้ว่าก้มหน้านานเท่าไหร่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที เธอกับอีกคนเดินข้ามไปอีกฝั่งของถนนแล้ว ฉันมองผ่านม่านน้ำตาที่พร่าเลือน สองมือนั้นประสานกันแน่น ภาพความทรงจำไหลมาซ้อนทับ
ฉันยิ้มทั้งน้ำตา
“ยินดีด้วยนะ ลูดายา”
좋으니 사랑해서 사랑을 시작할 때
니가 얼마나 예쁜지 모르지 그 모습을 아직도 못 잊어
헤어 나오지 못해 니 소식 들린 날은 더
เธอมีความสุขกับความรักใช่ไหม ความสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นตอนไหนเหรอ
เธอคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอเองสวยมากแค่ไหน ฉันยังคงไม่สามารถลืมภาพของเธอได้
ฉันลืมมันไม่ได้จริง ๆ มันรู้สึกแย่มากที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเธอ
...
ฉันมองตามเธอจนลับสายตาไป จากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดเจนว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหน ช่างต่างกับฉันเหลือเกิน
เวลาน้อยเกินไป ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ฉันอยากจะพูดคุยกับเธอ
“เธอเหมาะกับผมสีนี้มากเลยรู้มั้ย ถ้าพี่รู้ว่าเธอทำแล้วสวยขนาดนี้ พี่จะไม่ห้ามเธอเลย”
ฉันทำได้เพียงพูดกับแก้วน้ำไร้เจ้าของตรงหน้า ที่เธอไม่ยอมถือมันไปด้วย
“รอยยิ้มของเธอ ยังสดใสเหมือนเดิม”
좋으니 그 사람 솔직히 견디기 버거워
너도 조금 더 힘들면 좋겠어
진짜 조금 내 십 분의 일 만이라도
아프다 행복해줘
เธอรักเขาใช่ไหม ฉันทนไม่ได้จริงๆ
ฉันหวังว่าเธอคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน
แค่หนึ่งในสิบของความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึก
ในขณะที่ฉันกำลังเจ็บปวด ขอให้เธอมีความสุขนะ
...
อ่า ทำไมต้องเจ็บขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้มีความสุขในขณะที่ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ชั่วความคิดหนึ่ง ฉันหวังที่จะได้เห็นความเจ็บปวดผ่านแววตาของเธอ แต่มัน..ไม่มีเลย
혹시 잠시라도 내가 떠오르면
걘 잘 지내 물어 봐줘
ถ้ามีตอนไหนที่เธอนึกถึงฉัน
ช่วยถามว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง
...
ความหวังเล็กน้อยที่เคยมี ตอนนี้หายสิ้น ไม่ได้หวังถึงขั้นจะต้องกลับมารักกัน แต่อย่างน้อยแค่ได้คุยกันดี ๆ ก็พอแล้ว
“แค่คำถามว่าสบายดีมั้ย เธอยังไม่ถามพี่เลย เกลียดกันมากสินะ”
잘 지내라고 답할 거야 모두 다 내가 잘 사는 줄 다 아니까
그 알량한 자존심 때문에
너무 잘 사는 척 후련한 척 살아가
ฉันมั่นใจว่าทุกคนคงจะตอบว่าฉันสบายดี ทุกคนคิดว่าฉันไม่เป็นอะไร
เพราะว่าความโง่ของตัวฉันเอง
ฉันที่ทำตัวเหมือนว่าไม่เป็นอะไร ใช้ชีวิตอย่างว่างเปล่าไปวันๆ
...
ถ้าวันนั้นฉันแสดงออกว่าเจ็บปวด ถ้าฉันแสดงออกว่าอ่อนแอ ถ้าฉันไม่โกหกตัวเองว่าฉันอยู่ได้โดยไม่มีเธอ ในวันนี้..มันจะลงเอยแบบนี้หรือเปล่า คนที่ได้กุมมือเธอในวันนี้ คงเป็นฉันใช่มั้ย
좋아 정말 좋으니
딱 잊기 좋은 추억 정도니
난 딱 알맞게 사랑하지 못한
เธอกำลังมีความสุขจริงๆใช่ไหม
เรื่องของเรากลายเป็นความทรงจำที่ดีแล้วใช่ไหม
ไม่เคยมีใครรักเธอใช่ไหม
...
“ทุกอย่างมันกลายเป็นความทรงจำที่สมบูรณ์แล้วสินะ” ฉันพำพัมกับตัวเองเบา ๆ
뒤끝 있는 너의 예전 남자친구일 뿐
ฉันกลายเป็นเพียงแค่คนรักเก่าของเธอ
...
หันมองอีกทางที่เธอเดินไป ยกยิ้มบางเบา
“โชคดีนะตัวเล็ก”