25 December 2017
ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... ติ๊- ปั๊ก!
ดวงตาคู่สวยนอนมองเพดานสีขาวนิ่งๆ หลังจากเจ้านาฬิกาปลุกได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ในเช้านี้ ร่างสูงบนเตียงสีเทายังคงนอนลืมตาอยู่แบบนั้น ไม่อยากลุกแต่ก็ไม่ได้อยากหลับต่อ มือสวยควานหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ปลดล็อกหน้าจอเช็คข่าวสารความเป็นไปของโลกใบนี้
เงียบ...
โอเค สำหรับคนรักสันโดษแบบเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกแอปพลิเคชันจะไม่มีการแจ้งเตือน เมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจจึงเลือกที่จะวางเจ้าสมาร์ตโฟนคู่ใจไว้ที่เดิม แล้วลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในเช้านี้
เธอตั้งใจจัดโต๊ะไว้ที่มุมตรงนี้ เพื่อที่จะได้มองออกไป... ยังทิศตะวันออก
หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบพร้อมแรงสั่นครืดบ่งบอกว่ามีความเคลื่อนไหวผ่านแอปสีเขียวที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยประเทศมหาอำนาจ เจ้าของข้อความนั้นเป็นใครไม่ได้นอกจากเพื่อนสาวที่ชวนออกไปเที่ยวงานเทศกาลในเย็นนี้ตามประสาแก๊งคนโสดแห่งโคเปนเฮเกน แต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย
เธอป่วย ...เป็นไข้ใจ
แม้จะเพื่อนเธอจะบ่นใส่เล็กน้อยแต่ก็รู้ดีว่าหล่อนไม่ได้ติดใจอะไร แค่โวยวายไปตามประสาเท่านั้น
อย่าสงสัยเลยว่าทำไมในช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้ คังยูฮาไม่เดินทางกลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่ประเทศบ้านเกิด นั่นก็เพราะเธอไม่มีครอบครัวอยู่ที่นั่นยังไงล่ะ คุณแม่ของเธอแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจชาวอังกฤษหลังพ่อของเธอเสียชีวิตไปหลายปีและพาเธอย้ายไปอยู่เมืองผู้ดีตั้งแต่เธออยู่มัธยมต้น
อันที่จริงเธอก็ตั้งใจจะกลับอังกฤษไปฉลองเทศกาลกับครอบครัว แต่ก็ต้องพับเก็บโครงการไปโดยปริยายเพราะทริปฮันนีมูนครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของมารดากับพ่อเลี้ยง เธอไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจกับการไปเที่ยวในช่วงวันแห่งครอบครัวแบบนี้ กลับกันเธอรู้สึกยินดีที่จะเห็นท่านได้มีความสุขอย่างที่ใจท่านต้องการ
หิมะหยุดตกในช่วงสายของวัน เมฆที่เคยบดบังก็เปิดทางให้ดวงอาทิตย์ได้ทำงานเสียที ยูฮายังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพียงแต่บนโต๊ะเปลี่ยนจากแก้วกาแฟเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คยี่ห้อดัง มือขวาคลิ๊กเม้าส์ มือซ้ายกดคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ สายตาจดจ้องที่หน้าจอที่ปรากฏตัวละครกำลังวิ่งไล่ฆ่ากันอย่างเมามันส์ ส่วนปากก็ฮัมเพลงใหม่จากศิลปินคนโปรดที่ดังผ่านหูฟังเข้าสู่โสตประสาท
เครื่องมือสื่อสารที่ไม่ได้รับความสนใจส่งเสียงแสดงอาการแจ้งเตือนอีกครั้ง แต่คราวนี้มารัวเสียจนเจ้าของต้องแปลกใจและหันมาสนใจมัน แต่ก็แค่แว้บเดียวเท่านั้นร่างสูงก็หันไปสนใจกิจกรรมที่กำลังทำต่อ จนเมื่อจบเกมนั่นแหละถึงได้หันมาสนใจเจ้าโทรศัพท์เครื่องบางที่หน้าจอมืดสนิท
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อโนติปรากฎการติดต่อจากแอปสีเหลือง ซึ่งมีเพียงคนเดียวที่จะติดต่อเธอผ่านทางนี้ เพื่อนสนิทตัวดีที่อยู่คนละทวีปอย่าง คิม มินกยอง เพื่อนสนิทในวัยเด็กที่ยังคงรักษามิตรภาพนั้นมาจนปัจจุบัน ซึ่งข้อความนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการทักทายตามประสา และอวดว่าไปเที่ยวกับแฟนสาวที่เพิ่งจะกลับมาคืนดีกันหมาดๆ
จบการสนทนากับอีกฝ่าย ก็เข้าแอปสีเขียวเจ้าประจำเผื่อจะมีข่าวสารอัพเดตจากกลุ่มที่เธอ mute เอาไว้ แชทบนสุดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นของกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ดูท่าว่าจะรวมตัวกันกลับไปเที่ยวที่นั่น ข้อความไหลอย่างต่อเนื่องจากเพื่อนเก่าที่คุยกันอย่างออกรส นิ้วสวยเลื่อนดูภาพที่เพื่อนได้ถ่ายมา มุมเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ พาให้คิดถึงวันวาน ไล่สายตามองรูปรวมที่มีคนอยู่ในภาพราวสิบคนเห็นจะได้
ไม่มีใครคนนั้น... ก็แน่ล่ะสิ ในเมื่อคนๆ นั้นอยู่ห่างไปอีกทวีปนึง คงเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะอยู่ในภาพนี้ มุมปากยกยิ้มบางเบาเมื่อหลายๆ ภาพคือที่ที่คุ้นเคย ที่ที่คิดถึง
ที่...ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำอันสวยงามของเธอ
Birmingham, UK - 2013
“ยูฮา ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กปีหนึ่งจากเกาหลีใต้” เสียงแหลมๆ ปนตื่นเต้น อันเป็นเอกลักษณ์ที่มาก่อนตัว ไม่จำเป็นต้องหันไปดูก็รู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเพื่อนสาวคนสวยชาวเอเชียแผ่นดินใหญ่ หนึ่งในเพื่อนที่สนิทกันที่สุดนั่นเอง
“อ่าฮะ แล้ว?” หันไปตอบรับพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัยว่าเอามาบอกเธอทำไม นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิ่งแฮมแห่งนี้มีนักศึกษาต่างชาติหลายพันคน กว่าครึ่งเป็นชาวเอเชียและหลายสิบคนที่มาจากประเทศที่ว่านั่น
“ไปชวนน้องเขามาเข้าคอมมูนิตี้เราเถอะ”
คอมมูนิตี้ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือก๊ก กลุ่มก้อน ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรวบรวมคนให้มารู้จักและสนิทกัน อย่างเธอกับเพื่อนสาวก็สนิทกันเพราะระบบนี้ รวมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย
อืม.. โอเค.. เธอเข้าใจสาเหตุที่เพื่อนเธอตื่นเต้นแล้วล่ะ
“เธอก็ไปชวนมาสิ”
“โน เธอนั่นแหละยูฮา”
“ทำไมต้องเป็นฉัน?”
แต่ที่คังยูฮาคนนี้ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมหล่อนต้องเร้าหรือให้เธอเป็นคนไปชวนด้วย ทั้งๆ ที่หล่อนก็สามารถไปชวนเองได้ หลายคนในคอมมูนิตี้ก็ฝีมือหล่อนชวนมาทั้งนั้น
“ก็เธอเป็นคนเกาหลีใต้นี่”
“เผื่อเธอจะลืมนะพิ้งกี้ ตอนนี้ฉันถือสัญชาติอังกฤษแล้ว”
ใช่ ตอนนี้ถือได้ว่าเธอเป็นคนอังกฤษแล้ว ด้วยความที่อยู่มาหลายปีและดูท่าว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต การขอสัญชาติให้เป็นเรื่องเป็นราวดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อสวัสดิการหลายๆ อย่าง
“แต่เธอก็ยังเชื้อชาติเกาหลีใต้นี่ ยังพูดเกาหลีได้อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเธอไม่ทำเองล่ะ เธอก็เคยไปอยู่เกาหลีใต้นี่”
“แต่ฉันเป็นคนจีนนะ หล่อนคงไม่อุ่นใจเท่าคนที่มีเชื้อชาติเดียวกันอย่างเธอ”
ร่างสูงเจ้าของผมสีบลอนด์สว่างได้แต่กระพริบตาปริบๆ นี่มันเหตุผลบ้าอะไรกัน ความอุ่นใจเกี่ยวอะไรกับเชื้อชาติมิทราบ ใครเชิญมาก็เหมือนกันถ้าใจอยากจะมาไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าคนๆ นั้นไม่อยากมาร่วมด้วย ต่อให้เอาอีกสิบเกาหลีไปชวนเขาก็คงไม่มา
“คนอื่นก็มีนะ คูปส์ โจชัว ซูซี่ โรเซ่ เจนนี่” บอกปัดกลายๆ พร้อมเสนอทางเลือกอื่นที่มี ในเมื่อทั้งกลุ่มไม่ใช่แค่เธอที่เป็นคนเกาหลีใต้ เอ่อ.. หมายถึงเคยเป็น
“น่านะ ยูฮา~”
“เฮ้อ.. โอเคๆ ก็ได้ ฉันจะไปชวนก็แล้วกัน แต่ไม่รับปากนะว่าหล่อนจะมาอยู่กับเราด้วย”
สุดท้ายก็ต้องยอมตกลงให้จบไปก่อนที่เจ้าตัวจะงัดลูกอ้อนมาใช้ให้ขนลุกเล่นๆ เอาล่ะ..อย่าเพิ่งมองว่าเธอเป็นคนเงียบหรือหยิ่ง เธอเป็นคนธรรมดาที่ค่อนไปทางตลก แต่นั่นก็เฉพาะกับเพื่อนสนิทเท่านั้น กับคนแปลกหน้าเธอจะรู้สึกขัดเขินจนอึดอัด และเธอก็แค่เข้าหาใครก่อนไม่เป็น
หลังจากที่ได้ตกปากรับคำและได้รับข้อมูลเบื้องต้นของเป้าหมายจากเพื่อนเมื่อวันก่อน คังยูฮาก็ยังไม่เจอใครที่ว่านั่นเสียที ครั้นจะให้ออกตามหาเป็นกิจจะลักษณะเหมือนที่ตามหาคนหายหรือถามใครต่อใคร เธอก็ไม่สามารถ ไม่สิ..แค่ไม่อยากทำมากกว่า ก็เลยได้แต่คอยสังเกตบริเวณรอบๆ ในที่ที่เธอไป เผื่อจะเจอหญิงสาวที่สูงร้อยหกสิบกว่า ผิวขาว ผมยาวสีดำ และที่สำคัญหน้าตาสวยมาก ส่วนเรื่องชื่อนั้นลืมไปได้เลย ในเมื่อเพื่อนเธอไม่รู้ ก็อย่าหวังที่เธอจะรู้
เหมือนพระเจ้าทรงเมตตาไม่ให้เธอต้องเจอเพื่อคนสวยบ่นกระปอดกระแปดที่ยังตามหาเด็กปีหนึ่งคนนั้นไม่เจอเสียที เมื่อเธอเดินเข้ามุมประจำในห้องสมุดแล้วสายตาบังเอิญไปพบกับผู้หญิงที่มีลักษณะใกล้เคียงกับข้อมูลที่ได้รับมา ที่จริงนี่ไม่ใช่คนแรกที่เธอเจอหรอกนะ คนแบบนี้มีเป็นสิบคนแต่ก็ยังไม่ใช่คนที่ตามหาอยู่ดี
ยืนชั่งใจอยู่นานว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเธอทำเพียงเข้าไปอยู่ใกล้คอยฟังเวลาพวกหล่อนคุยกับเพื่อน เพื่อให้แน่ใจว่าใช่จริงๆ แล้วค่อยเข้าไปทักทาย แต่คนนี้นั่งอยู่คนเดียวคงใช้วิธีเดิมไม่ได้แน่ เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าคงต้องเข้าไปถามกันอย่างตรงๆ ขายาวก็ก้าวเข้าไปทันที
อืม.. สวยกว่าที่คิด
เธอรู้ว่าหล่อนเป็นคนสวย แต่ไม่นึกว่าสวยถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าสวยจัด สวยจนเธอรู้สึกประหม่ากว่าที่เคย ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจว่าที่เห็นนั่นเป็นคนธรรมดาหรือนางฟ้าจากสวรรค์ชั้นไหนกันแน่ ไม่รู้ว่าตอนตกลงมาโลกมนุษย์จะรู้สึกเจ็บบ้างไหม ปีกที่โดนตัดไป..เอาไปเก็บไว้ที่ไหนกัน
“สะ ฮึ้ม! สวัสดี ฉันยูฮา คังยูฮา เธอใช่เด็กปีหนึ่งที่มาจากเกาหลีใต้มั้ย”
Seoul, South Korea
25 December 2017
ช่วงค่ำในเทศกาลแห่งความสุขแบบนี้ ไฟหลากสีที่ถูกประดับไว้จนทั่วแข่งกันส่องแสงเพิ่มความสวยงาม ผู้คนมากหน้าหลายตาออกมาเฉลิมฉลอง ดื่มด่ำกับความสุขท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ร้านอาหารถูกจับจองจนเต็มแน่น ห้างสรรพสินค้าชื่อดังจัดงานอย่างสนุกสนาน เสียงดนตรีจากคอนเสิร์ตของศิลปินดังไปจนทั่วบริเวณ
สองเท้าก้าวเดินไปตามทางสีขาวไม่มีจุดหมายอยู่ที่ใด ทำเพียงเดินไปเรื่อยๆ อย่างที่ใจต้องการ ซุกมือในกระเป๋าเสื้อโคทตัวยาวที่ช่วยปกป้องความหนาวได้เป็นอย่างดี
แรงสั่นสะเทือนจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเรียกความสนใจจากเจ้าของจนต้องยกขึ้นมาดู คิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเป็นข้อความจากกลุ่มที่เธอปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ คงมีใครสักคนเมนชั่นถึงเธอ ตัวเลขแจ้งเตือนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้หญิงสาวเลือกหาที่นั่งเพื่อเปิดอ่านมากกว่าการเดินไปอ่านไป พัค ชียอนกวาดสายตามองไปชั่วครู่ก็เจอเก้าอี้ตัวยาวว่างอยู่
เปิดดูหาชื่อของตัวเองในท่ามกลางสงครามข้อความ แล้วก็เจอ..เป็นเพื่อนร่วมคลาสสมัยเรียนที่อังกฤษซึ่งค่อนข้างสนิทกัน ข้อความนั้นไม่มีอะไรนอกจากการพูดถึงด้วยความคิดถึง ยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นความวุ่นวายภายในกรุ๊ปแชทที่เกิดขึ้นเป็นประจำ พาลให้นึกไปถึงสมัยเรียน ซึ่งก็วุ่นวายไม่ต่างกัน
ภาพถ่ายมุมเดิม บรรยากาศเดิมๆ ที่ไหลผ่านสายตาไปพร้อมกับความทรงจำที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีสิ่งที่เห็นนั้นก็คือมุมหนึ่งในห้องสมุด มุมประจำของเธอกับใครอีกคน มุมที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว...
‘ฉันยูฮา คังยูฮา เธอใช่เด็กปีหนึ่งที่มาจากเกาหลีใต้มั้ย’
ปล่อยให้ความหลังอันสวยงามครอบครองความคิดและจิตใจอยู่พักใหญ่ พัค ชียอนจึงเลิกสนใจรูปภาพเหล่านั้นและหันมาอ่านข้อความแทน อดหัวเราะไปกับบทสนทนาอันแสนสนุกไม่ได้ คงคิดถึงกันมากถึงได้คุยรัวขนาดนี้ เพราะปกตินานๆ ครั้งจะคุยกัน ก็น่าแปลกใจนะ.. ที่สมัยนี้คนเราสามารถติดต่อกันง่ายขึ้น แต่กลับไม่คิดที่จะทำมัน ปล่อยให้เวลาพาความสนิทสนมให้ไกลออกไป รู้อีกที ก็กลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกัน
นิ้วสวยพิมพ์ข้อความลงไปอย่างรวดเร็ว ตอบคำถามจากเพื่อนที่ถามมาเมื่อหลายนาทีก่อน พร้อมกับทักทายคนอื่นๆ พูดคุยด้วยอีกนิดหน่อย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เริ่มออกเดินไปยังสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้นัก
ร่างเล็กหยุดยืนหน้าต้นสนจำลองขนาดใหญ่ที่ถูกประดับอย่างสวยงามหน้าโบสถ์ย่านเมียงดง หยิบการ์ดใบเล็กออกจากกระเป๋า อ้มไปทางด้านหลังเพื่อที่จะแขวนการ์ดที่เตรียมมา ไล่สายตามองหาการ์ดที่นำมาแขวนเอาไว้เมื่อวาน คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อมองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ทั้งที่เธอจำได้แม่นว่าแขวนเอาไว้ตรงไหน และไม่มีทางที่มันจะหล่นหายเองแน่นอน
ใครกัน..ที่มาขโมยความคิดถึงของเธอไป
Copenhagen, Denmark
25 December 2017
ดึงตัวเองออกจากภวังค์แห่งความหลังครั้งเก่า ไม่ว่าจะ 4 ปีที่แล้ว หรือเพิ่งไม่นานมานี้ ความทรงจำอันสวยงามที่ต้องแปดเปื้อนความเจ็บปวดจากเธอเอง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอก็เลือกที่จะจบมันแบบนี้ แต่จะขอไม่เริ่มมันเสียมากกว่า ในเมื่อเธอรู้ดีเหลือเกินว่าสุดท้ายแล้ว เราสองคนต้องเดินคนละเส้นทาง.. ทางที่ไม่มีวันได้ใกล้กัน
กดออกจากอัลบัมรูปภาพที่ดึงเธอเข้าสู่คืนวันเก่าๆ ไล่อ่านข้อความที่ยังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง ตัดสินใจที่จะกดปิด แต่แล้วนิ้วเรียวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีข้อความจากใครคนหนึ่งเด้งขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนา ยิ้มบางๆ ให้กับชื่อนั้น คังยูฮาเลือกที่จะไม่กรอกข้อความใดลงไปเช่นเคย วางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิม ปล่อยให้หน้าจอมืดสนิท
ร่างสูงเลือกที่จะพาตัวเองออกมายังระเบียงหลังห้องที่มีต้นสนจำลองสีเขียวสูง 5 ฟุตตั้งอยู่ ถุงเท้าสีแดงถูกแขวนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หวังเพียงว่าเมื่อซานตาครอสผ่านมาเห็น เขาจะมอบของขวัญให้กับเธอ ของขวัญที่ไม่ว่าจะขอมากเท่าไหร่ก็ไม่มีวันได้มา ไม่ใช่เพราะซานตาครอสไม่มีจริง หากแต่ของขวัญชิ้นนั้น..เธอต้องเป็นคนไปเอามันด้วยตัวเอง
เอื้อมมือไปจับถุงเท้าสีแดงแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ล้วงมือเข้าไปหยิบมาดู กระดาษแข็งขนาดเล็กลายน่ารักเหมาะสมกับเทศกาลพร้อมสายห้อยสีทอง ใครกันที่เอามาใส่ไว้ ในเมื่อตั้งแต่เมื่อวานยังไม่มีใครเข้ามาที่นี่เลยนอกจากเธอ คนข้างห้องเหรอ? ก็ไม่น่าเป็นไปได้ พวกเขากลับไปเยี่ยมครอบครัวกันหมด จะว่าเป็นการ์ดที่เธอเขียนและเอามาห้อยไว้เมื่อคืนก็ไม่ใช่ มันเป็นคนละแบบกัน
เธอเลิกสนใจถึงที่มาที่ไปของการ์ดใบนี้และเปิดออกดู น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตา มือสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเห็นลายมือที่คุ้นเคยกับชื่อลงท้าย...
Miss you, Y.- Park S.
และคัง ยูฮาเองก็คงไม่ได้สังเกตเห็น ว่าการ์ดใบเล็กที่เธอแขวนเอาไว้ ...มันหายไป
แต่ไม่แน่ว่าคริสต์มาสครั้งหน้า คุณซานต้าอาจจะพาเขามาพบกันก็ได้ ใครจะไปรู้
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :)
จะว่าหม่นก็หม่น ไม่รู้จะพูดยังไงดี ชอบมากกกกก
อยากให้มีพาร์ทต่อเลยค่ะ เผื่อเค้าจะได้เจอกัน
ตอนจบเรื่องนี่น่าจะเหมาะกับเพลง the magic of christmas time อีกเพลงนะคะเนี่ย55555