“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่หรือเปล่าคะ”
“คงไม่ล่ะ”
ประโยคสนทนาที่ดังขึ้นภายรถคันหรู
น้ำเสียงของคนถามบ่งบอกว่าเธอคาดหวังกับคำตอบมากแค่ไหน แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้เธอต้องรู้สึกเศร้าใจ
“แต่วันนี้วันศุกร์...”
“พรุ่งนี้พี่มีงานน่ะ
ชียอนนา..ไม่งอนนะคะ”
น้ำเสียงหงอยๆ
นั่นทำให้คนที่โตกว่าต้องอมยิ้ม เขารู้ดีว่าต้องใช้น้ำเสียงแบบไหนที่มันพอจะปลอบประโลมคนข้างๆ
ได้ เขาเองก็อยากจะค้างที่นี่กับเด็กคนนี้ใจจะขาด
แต่งานของเขาก็สำคัญเหมือนกันนี่นา
เอาไว้เสร็จงานแล้วเขาคงจะให้เวลากับเด็กคนนี้เต็มที่
“ไม่หรอกค่ะ
หนูไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นหรอก”
“ไม่เอาสิ
ไม่คิดแบบนั้นนะคะ หนูมีสิทธิ์ในตัวพี่ทุกอย่าง”
“แต่ก็คงน้อยกว่าเขา”
“พัค
ชียอน ถ้าเธอยังประชดอีก อาทิตย์นี้ฉันคงไม่มาค้างกับเธอ”
เด็กก็ยังคือเด็ก
แม้ความจริงเธอจะเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้วก็ตามแต่ก็ถือว่ายังเด็กกว่าคนข้างกายอีกมาก
จึงไม่แปลกที่เธอจะต้องการการเอาใจจากคนที่โตกว่า แต่เพราะอารมณ์น้อยใจมันพาไปจนเกินเหตุทำให้เธอเผลอประชดชันให้เขาต้องหงุดหงิด
“หนูขอโทษค่ะ”
ก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษเบาๆ
แล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงถอนหายใจจากคนที่นั่งตำแหน่งคนขับ เมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อพัค
ชียอนจึงเลือกลงจากรถเพื่อขึ้นคอนโดไปพักผ่อนเสียที โดยที่ไม่ลืมจะแอบมองคนข้างๆ
หวังว่าเพียงเขาจะพูดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มี...
ตึ๊ง!!!
เสียงแจ้งเตือนจากแอพแชทชื่อดังทำให้คนที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เผื่อว่าจะเป็นคนที่เธอรอคอย
Min-kyeong KIM : ชียอนนา พี่ขอโทษนะคะที่หงุดหงิดใส่หนู
Min-kyeong KIM : เอาไว้พรุ่งนี้เสร็จงานแล้ว พี่จะให้เวลากับเธอเต็มที่เลย
Min-kyeong KIM : ฝันดีนะคะเด็กน้อยของพี่ <3
Xiyeon P. : ฝันดีเช่นกันค่ะ <3
แค่นี้เธอก็ยิ้มได้
ลืมเลือนเรื่องน้อยใจนั่นแล้ว และคงฝันดีตลอดทั้งคืน
…………………………………………………………………………………….
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ไงคะ ทำไมถึงโทรมาได้ วันนี้ต้องอยู่กับเด็กไม่ใช่เหรอ”
[พรุ่งนี้ฉันมีงานน่ะ เลยต้องกลับมานอนคอนโด]
“เด็กเธอไม่งอนเอาหรือไง”
[ก็นิดหน่อย แต่น้องเขาก็เข้าใจ]
“ดีแล้ว ฉันล่ะขี้เกียจฟังเธอบ่น”
[เลิกพูดเรื่องคนอื่นสักทีเถอะน่า ฉันโทรหาเธอเพื่อจะคุยกับเธอนะ]
“อ่ะๆๆ มีอะไรว่ามา”
[คิดถึง]
“วันนี้วันศุกร์ ไปคิดถึงน้องชียอนโน่น”
[ไม่เอาน่าเยบิน ฉันคิดถึงเธอจริงๆ นะ]
“จะโทรมาบอกว่าคิดถึงแค่นี้ใช่ป่ะ”
[อือ แล้วก็..ฝันดีนะ รักนะคะเยบินนา~]
“อืม... รักเหมือนกันค่ะ ฝันดีนะคะ”
วางสายจากคนที่โทรมาบอกว่าคิดถึงแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
ไม่รู้ว่าเราสามคนเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร รักสามเส้าเราสามคน
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่ไม่อาจมีใครเข้าใจได้และคงไม่อยากจะมาเข้าใจเสียด้วย
ความสุขเหรอ? มันก็มี แต่ก็ทุกข์ด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง รู้สึกแบบไหน ควรยิ้ม
หรือร้องไห้ จะว่าสับสนก็ไม่ใช่ เข้าใจก็ไม่เชิง มันก็แค่บอกไม่ถูก
สะบัดหัวไล่ความคิดและความรู้สึกทั้งหมดนั้นออกไป
ปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง เข้าแอพแชทสีเหลืองชื่อดัง หาแชทที่คุ้นเคย...
Ye BIN K. : goodnight นะคะเด็กน้อย <3
Xiyeon P. : ไนท์ค่ะพี่เยบิน <3
นี่แหละ
ความสัมพันธ์ของพวกเธอ
…………………………………………………………………………………….
สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่หัวเราะอย่างความสุข
เสียงกรี๊ดดังให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ เครื่องเล่นต่างๆ ทำงานอย่างขะมักเขม้น
บางอย่างน่ารักน่าเล่น บางอย่างก็ชวนหวาดเสียวจนขาสั่น
อุ
แหวะ !!!
และบางคนก็จะมีอาการประมาณนี้
“ไหวไหมคะเนี่ย”
“...”
ไม่มีคำตอบจากคนที่ยังคงก้มหน้าเอาสิ่งที่เพิ่งกินไปเมื่อเที่ยงออกมา
หน้าซีดราวกับกระดาษ เหงื่อชื้นตามไรผมและท่าทีอ่อนแรงที่ไม่มีแม้แต่แรงจะตอบคำถามก็ดูจะเป็นคำตอบที่ดี
อันที่จริง...ไม่ควรถามด้วยซ้ำไป
“น้ำค่ะ”
บริการคนข้างๆ
ที่นั่งหอบอยู่ ยังดีที่มีเก้าอี้ใต้ร่มไม้ให้นั่งพักพิงไม่ต้องเดินไปไหนไกล
มองเขาที่ยังคงกระดกน้ำเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายก็อดขำไม่ได้
“ไม่ต้องมาขำเลยนะ”
แอบส่งค้อนไปสักที
ก็ดูเด็กนี่สิ แสบชะมัด พาเธอเล่นรถไฟเหาะตั้ง 2 รอบ ต่อด้วยดิสโก้ แล้วจบที่ไวกิ้ง
ใครไม่เป็นแบบเธอบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ เอ่อ..ยกเว้นยัยเด็กนี่ไว้สักคนก็ได้
ไม่รู้ไปเก็บกดอะไรจากไหนมา ถึงได้จัดคอมโบ้เซ็ตโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอสักนิด
...ไม่น่าบอกว่าจะตามใจทุกอย่างเลย ให้ตายสิ!
ก็สงสารนะ
แต่ขำมากกว่า ก็ดูสิ คิม มินกยอง ที่ดูคูล ดูเท่ตลอดเวลา
ตอนนี้ไม่เหลือภาพนั้นเสียแล้ว หากสาวๆ ที่ตามกรี๊ดเขาได้มาเห็นแบบนี้
คงจะไม่ต่างจากเธอหรอกน่า ที่พามาสวนสนุกเพราะอยากให้เขาผ่อนคลายบ้าง
รู้สึกว่าช่วงนี้เขาจะเครียดกับงานเกินไปจนเธอเป็นห่วง
อีกคนนั้นก็คงเป็นห่วงไม่แพ้กัน
แต่ที่จัดคอมโบ้เซ็ตให้นั้นก็เพราะความหมั่นไส้ส่วนตัวล้วนๆ
“กลับกันเลยไหมคะ”
“ต่อให้เธออยากเล่นต่อ
พี่ก็จะพากลับ”
“ค่า..
งั้นหนูขับรถให้นะ”
“เธอคิดว่าสภาพพี่แบบนี้จะขับไหวเหรอ”
ส่งสายตาล้อเลียนให้คนพี่จนได้รับค้อนวงโตมาอีกหนึ่ง
ก่อนจะช่วยพยุงเขาลุกขึ้นเดินไปยังที่จอดรถ อันที่จริงเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องถึงขั้นมาพยุงอย่างกับคนป่วยหรอก
แต่เธอก็แค่อยากเอาใจและเขาก็แค่อยากจะอ้อนเธอก็เท่านั้น ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่าการได้อยู่เคียงข้างกันแบบนี้
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
เขามีเวลาให้เธอได้แค่เย็นวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์เท่านั้น
แต่ใช่ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอด บางครั้งเขาก็ไม่ว่างมาเจอเธอเลย
บางครั้งก็จะมีโอกาสได้เจอเขาระหว่างสัปดาห์ อยู่ที่ว่าเขาจะจัดสรรเวลาให้คนนั้นและเธออย่างไร
…………………………………………………………………………………….
ชีวิตของวัยทำงานที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับงาน
งาน และงาน
จึงไม่แปลกถ้าจะมีคู่รักจำนวนไม่น้อยเลิกรากันไปด้วยสาเหตุที่ไม่มีเวลาให้กัน
แต่คงไม่ใช่กับคู่นี้ ไม่รู้ว่าพระเจ้าทำขวดน้ำยา “ความเข้าใจ” หกใส่จนเกินควรหรืออย่างไร
ถึงได้มีความเข้าอกเข้าใจกันเกินเหตุ เข้าใจไปหมดไม่ว่าเขาจะทำงานหนัก
หรือแม้แต่เขาจะแบ่งปันหัวใจให้ใครอีกคน
“จะไปกี่วันล่ะคราวนี้”
“น่าจะเกือบๆ
เดือนนึง แต่ไม่แน่นอน”
“นานอยู่นะ
เด็กเธอไม่งอแงแย่เลยเหรอ”
“ก็คงงอแงแหละ
แต่น้องเข้าใจ”
เป็นธรรมดาที่คิม
มินกยองจะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ตามประสาวิศวกรสาวผู้มากฝีมือ
บริษัทของเธอเป็นหนึ่งในบริษัทที่รับงานโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศแถบแอฟริกา
ทำให้เธอต้องเดินทางไปดูงานบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งในแต่ละครั้งก็นานหลายวัน
เรียกได้ว่าอยู่จนคุ้มกับค่าตั๋วเครื่องบินและทำให้ใครบางคนงอแงล่ะนะ
สองร่างยังคงนอนกอดก่ายบนเตียงหลังเสร็จกิจกรรมสานสัมพันธ์ให้ความรักแน่นแฟ้น
เมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ แต่ละคนจมอยู่ในความคิดตนเอง
หนึ่งคนนอนเหม่อมองเพดานปล่อยความคิดต่างๆ ให้ไหลผ่านสมอง
ในขณะที่คนตัวเล็กในอ้อมแขนโฟกัสสายตาไว้ที่ผ้าม่านผืนงามแต่ในหัวกลับนึกถึงใครบางคน
เธอกำลังกังวลว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาจะไปไกลและนานแบบนี้
รถยนต์คันหรูจอดเทียบหน้าบริษัทเครื่องสำอางชื่อดังเพื่อทำหน้าที่ส่งสาวร่างเล็กดังเช่นทุกครั้งที่คนขับไปค้างกับเธอ
ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปทำงานของตัวเองในบริษัทที่อยู่ห่างไปอีกฝั่งของแม่น้ำฮัน
ใบหน้านิ่งแต่ดูมีเสน่ห์นั้นดึงดูดให้ผู้พบเห็นต้องมองตามจนเหลียวหลังเสมอ
ไหนจะท่วงท่าที่ดูสง่าผ่าเผยประกอบกับการแต่งกายที่ดูภูมิฐานยิ่งส่งให้เธอนั้นดูดีขึ้นเป็นเท่าตัวสมกับตำแหน่งหัวหน้าทีมในฝ่ายการตลาด
แม้อายุจะเฉียดเข้าเลขสามเต็มทนแต่เมื่อลองเทียบกับตำแหน่งหน้าที่นั้นก็บ่งบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถมากแค่ไหน
“หัวหน้าคังครับ
วันนี้จะไปทานมื้อเที่ยงกับผมได้ไหม”
“ขอโทษนะคะ
แต่ฉันไม่สะดวก”
เป็นประจำทุกวันที่จะมีชายหนุ่มหรือแม้กระทั่งสาวสวยมาเชื้อเชิญเธอไปทานข้าวด้วยกันทั้งเที่ยง-เย็น
และก็เป็นประจำที่เธอมักจะปฏิเสธคนเหล่านั้นไป ช่วยไม่ได้นี่เนอะ
ในเมื่อเธอไม่อยากจะสานสัมพันธ์หรือกระทำการใดที่เป็นการให้ความหวัง
การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนั้นถือเป็นเรื่องที่ควรทำมากกว่า แม้มันจะทำให้เธอกลายเป็นคนที่เย่อหยิ่งแต่เธอก็ไม่เสียเวลาไปใส่ใจกับมันเพราะในชีวิตเธอยังมีอะไรที่สำคัญกว่านี้มาก
“จะปฏิเสธไปถึงไหนกันนะแม่คุณ”
“เธอก็รู้ว่าคนพวกนี้เข้ามาหวังอะไร
ตัดไปตั้งแต่แรกน่ะดีแล้ว”
“จ้า
ถ้าฉันเป็นแฟนเธอคงจะดีใจแย่ที่เธอไม่สนใจใครแบบนี้”
“ก็เวอร์ไป”
เพื่อนสนิทที่คบกันมาช้านานอย่างจอง
อึนอูอดที่จะแซ็วไม่ได้ ในเมื่อเพื่อนเธอมีคนเข้ามาขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวัน
แต่สาวเจ้าดูไม่สนใจใครเลยจริงๆแถมยังปฏิเสธแบบไร้เยื่อไยสุดๆ
น่าดีใจแทนแฟนหล่อนเหลือเกินที่เพื่อนเธอแสนดีขนาดนี้
ถ้ารู้จักกันเพียงผิวเผินเธอคงจะคิดว่าคู่ของเพื่อนคนนี้คงจะหวานหยาดย้อยยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าแต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร
เรื่องราวความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่ยากจะเข้าใจและเชื่อเถอะ.คงไม่มีใครอยากจะเข้าใจแน่ๆ
เธอรู้ว่าคิม มินกยองรักคัง เยบินมากแค่ไหน
เพราะดูจากการที่เขาปฏิบัติต่อเพื่อนเธอ
ถึงแม้ในตอนแรกที่รู้เรื่องวุ่นวายนี้เธอจะไม่เชื่อว่าเขารักเพื่อนของเธอจริงๆ
แต่เขาก็แสดงให้เห็นผ่านการกระทำและสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ไหนจะเพื่อนสาวที่บอกว่าโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้
เธอจึงทำได้เพียงถอยออกมา คอยมองดูอยู่ห่างๆ
แล้วเธอก็พบว่าเขาทั้งสามคนพึงพอใจและมีความสุขกับวังวนนี้จริงๆ
...แปลกดีเหมือนกัน
สปาเก็ตตี้ที่ดูน่ารับประทานอยู่เสมอแต่ในวันนี้ดูท่าว่าจะไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก
มือสวยทำเพียงหมุนส้อมกับเส้นสีเหลืองไปแบบนั้น สายตาเหม่อมองที่ว่างกลางโต๊ะไม้โอ๊คที่ถูกขัดมันจนเงา
นิ้วเรียวยาวของมืออีกข้างเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าคนนี้กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
จนคนที่นั่งตรงข้ามทนไม่ไหวเอานั่นแหละ ถึงได้สะกิดเรียกให้รู้ตัวสักที
“กยอง...
กยอง... คิม มินกยอง!!”
“ห๊ะ
ว่า เอ่อ มีอะไรเหรอ”
“คิดอะไรอยู่
หรือว่าไม่อร่อย”
“ปะ..เปล่า
พอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“กินก่อนเถอะ
เดี๋ยวเย็นชืดแล้วจะไม่อร่อย”
คนเหม่อทำเพียงยิ้มและม้วนเจ้าเส้นนุ่มสีเหลืองเข้าปาก
ฝีมือของเยบินยังอร่อยเสมอ เขาชอบอาหารทุกอย่างที่คนรักทำ เพียงแต่ในวันนี้มีเองมากมายให้ต้องคิด
จริงอยู่ที่เขาเป็นเพียงวิศวกรธรรมดาแต่ในทุกสายงานย่อมมีความขัดแย้ง ด้วยความที่เป็นคนจริงจังกับงานและตรงไปตรงมาทำให้มีคนไม่น้อยที่ไม่พอใจในจุดนี้
แม้จะโดนผู้ใหญ่เรียกเข้าไปเตือนด้วยความหวังดีแต่เขาก็ไม่อาจเมินเฉยได้ จนเพื่อนๆ
ถึงกับบอกว่าถ้าเขาเป็นตำรวจ ป่านนี้คงได้นอนในหลุมไปแล้ว
แน่นอนว่ามินกยองเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับทุกเรื่อง
…………………………………………………………………………………….
บนโลกนี้มีเรื่องราวแปลกประหลาดหลายอย่าง
มนุษย์มีความซับซ้อนทั้งด้านความคิดและความรู้สึก
คนส่วนใหญ่อาจมีความคิดความรู้สึกไปในทางเดียวกัน แต่ใช่ว่า 7 พันล้านคนบนโลกจะต้องเหมือนกันไปเสียหมด
ผิดถูกคืออะไร..ใครเป็นคนกำหนด เหมาะสมหรือไม่สมควรคืออะไร..ใครเป็นคนตัดสิน
แล้วใครกันที่ขีดกรอบเอาไว้ว่า
ความรักเกิดขึ้นได้กับคนเพียงสองคน
คุณเคยเป็นไหม
บางทีแค่อยู่เฉยๆ ก็ถูกเกลียดโดยไม่รู้ตัว ใช้ชีวิตปกติไปวันๆ
ก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเลว ทั้งที่ไม่เคยไปทำอะไรให้ใคร ถูกกล่าวหาว่าแย่งแฟนคนอื่น
แม้ว่าผู้ชายพวกนั้นจะเป็นฝ่ายเข้ามายุ่งกับเธอเองและเธอก็ไม่เคยตอบกลับอะไรเลย แต่ทำไม...
“เลิกยุ่งกับแฟนฉันสักที”
“.
. .”
เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องมาเจอเรื่องไร้สาระปวดประสาทแบบนี้
ผู้หญิงที่มีท่าทางดูหาเรื่องพร้อมกับพวกอีกสองคนเดินมาขวางทางจนเธอต้องหยุดแล้วมองหน้าทั้งสามอย่างสงสัย
แล้วประโยคที่ออกมาจากหญิงสาวตรงกลางนั่นทำให้เธอต้องสงสัยหนักเข้าไปอีก
‘ใครอีกแล้ววะ’ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่รู้ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้บอกว่าชื่อว่าแฟนเจ้าหล่อนคือใคร
แล้วเธอก็ไม่ได้ไปยุ่งกับใครด้วย
“ฉันบอกว่าให้เลิกยุ่งกับแฟนฉัน!!!”
“.
. .”
อ่าฮะ
เธอได้ยินแต่เธอไม่อยากตอบอะไร เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
จึงทำเพียงมองหน้าอีกฝ่ายเฉยๆ ซึ่งนั่นมันทำให้หล่อนโมโหอยู่ไม่น้อย
“นี่แกจงใจกวนประสาทฉันใช่ไหม
หนอย! ขอฉันลองตบแกสักทีเถอะ
อยากรู้นักว่ามันด้านขนาดไหน”
หมับ!!!
“ใช้ความรุนแรงแบบนี้
ไม่ดีเลยนะคะ”
“แกเป็นใคร”
“จุ๊
จุ๊ จุ๊.. พูดกับคนแปลกหน้าแถมอายุมากกว่าแบบนี้ ดูจะไม่มีมารยาทหน่อยๆ นะคะเนี่ย”
“แก!!!”
ไม่ต้องออกแรงอะไรให้มากความ
แค่กำข้อมือแน่นๆ จ้องหน้านิ่งก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวั่นแม้จะมีพวกมากกว่า
จริงอยู่ที่ยังอุตส่าห์มีแก่ใจจะยิ้มให้แต่มันก็ดูน่ากลัวชอบกล คงต้องขอบคุณความหน้าร้ายของตัวเอง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เมื่อรู้ตัวว่าคงไม่สามารถจะสู้กับคนแปลกหน้าผู้มาใหม่ได้
นักเลงสาวทั้งสามจึงต้องถอยทัพกลับ แต่ก็ยังมิวายทิ้งคำขู่ที่ดูว่าคนโดนขู่นั้นจะกลัวจนตัวสั่น(?)
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
หันไปขอบคุณเจ้าหญิงที่ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเธอได้ทันเวลาพอดิบพอดี
ยอมรับว่าเธอแอบขำกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่น้อยแต่ต้องเก๊กหน้าไว้ไม่ให้หลุดหัวเราะ
ก็ดูสิ..เจ้าหญิงของเธอตัวนิดเดียว สูงแค่หูของพวกนั้นเองมั้ง แต่ก๋ากั่นนักเชียวล่ะ
ส่วนยัยพวกนั้นก็นะ
ทำเป็นมาหาเรื่องซะดิบดีแต่ไหงรีบหนีทั้งที่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรเลยว่าแฟนของหล่อนคือใคร
อดจะแซ็วพร้อมส่งสายตาล้อเลียนไม่ได้ จนคนอายุมากกว่าต้องแว้ดใส่
“ตัวแค่นี้
ยังจะเก่งอีกนะคะ ถ้าพวกนั้นทำอะไรขึ้นมา พี่จะเป็นยังไงคะ”
“ย๊า!! นี่ฉันเพิ่งช่วยเธอไปนะ
ถ้าฉันมาไม่ทันป่านนี้หน้าสวยๆ ของเธอมีรอยมือของยัยพวกนั้นแล้ว”
“ฉันคงไม่ให้ใครทำฉันฝ่ายเดียวหรอกค่ะ”
“ใครจะไปรู้
ก็เห็นยืนนิ่งเงียบแบบนั้น”
อันที่จริงคัง
เยบินเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่นักเลงสามคนเดินไปหาเรื่องชียอนแล้วล่ะ
แต่ก็ยังอยากดูท่าทีก่อนจนเห็นว่าคนที่ถูกหาเรื่องไม่มีทีท่าตอบโต้หนำซ้ำยังเงียบจนอีกฝ่ายหัวเสีย
เธอจึงต้องรีบเข้าไปขวาง แต่ดูเด็กนี่สิ นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วยังกวนประสาทกันอีก
“ฉันแค่ขี้เกียจจะพูดอะไร
เพราะพูดไปคนพวกนั้นก็ไม่ฟังอยู่ดี”
“จ้า
เอาเถอะรีบๆ ขึ้นรถ หิวแล้ว”
ถ้าหากถามว่าทำไมคังเยบินถึงยอมให้มินกยองมีใครอีกคน ก็คงเป็นเพราะใครอีกคนนั้นคือพัคชียอน
ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เด็กคนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ไหม
“ช่วงหลังนี้กยองดูแปลกไป
ตอนอยู่กับเธอเป็นป่ะ”
“ก็เป็นนะคะ
เหม่อบ่อยๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา”
“แล้วเขาไม่บอกอะไรเธอเลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ
ฉันว่าจะถามพี่เหมือนกัน”
เป็นเรื่องปกติเวลาที่มินกยองไม่อยู่สองสาวมักจะนัดเจอกันเสมอ
บ่อยครั้งที่ชียอนไปค้างที่คอนโดของเยบินซึ่งมินกยองรู้เรื่องนี้ดีและสนับสนุน มันดีที่คนที่เขารักทั้งสองคนรักกันแบบนี้ จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้นะแต่ถือว่าตัดปัญหาใหญ่ไปได้หนึ่งเรื่องละกัน
มินกยองและเยบินคบกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยปี
1 ตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยมีปัญหานอกใจ มินกยองเป็นคนรักที่ดีมากคนหนึ่ง
เป็นคู่รักที่ใครต่างก็อิจฉา
แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ห่างไกลทั้งคู่ก็ไม่เคยปล่อยให้ระยะทางมาทำลายความสัมพันธ์
จนกระทั่งเมื่อ
3 ปีก่อน คิมมินกยองได้พบกับพัคชียอนโดยบังเอิญ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่รักแรกพบอะไรเทือกนั้น มันเป็นความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวเสียมากกว่า เมื่อรู้ตัวอีกทีหัวใจที่เคยมีแต่คังเยบินก็มีพัคชียอนเข้ามาอีกคน
แม้คนเด็กกว่าจะขอเป็นฝ่ายถอยกับความรักในครั้งนี้และมินกยองจะยุติความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เป็นคังเยบินเสียเองที่ไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในคราแรกที่คนรักได้มาสารภาพว่าเขากำลังรักใครอีกคน มันทำให้เธอเจ็บปวดไม่น้อยจนขอเลิกกับเขา แต่ทว่าเป็นคนที่มาทีหลังเข้ามาขอโทษ
ขอให้ทั้งสองอย่าเลิกกันและจะเป็นฝ่ายไปเอง
มินกยองตามง้อ
ทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักกลับมาเคียงข้างเขาเหมือนเดิมในขณะที่เขาเองก็เจ็บปวดที่ต้องปล่อยใครอีกคนไป
เรื่องราวรักสามเส้าที่ดูจะจบลงด้วยดีนั้น กลับเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อคังเยบินได้บังเอิญเจอกับชียอนและมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องสนิทกันอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ จนในที่สุดแล้วมันก็จบลงที่...
มินกยอง รักเยบินและชียอน
เยบิน รักมินกยองและชียอน
ชียอน รักมินกยองและเยบิน
…………………………………………………………………………………….
‘ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ คราวนี้พวกนั้นเล่นเธอหนักแน่ๆ’
คำเตือนจากรุ่นพี่ที่พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้านายยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไปไหน ตั้งแต่ที่ต้องไปต่างประเทศจนกลับมาเกาหลีแล้วเธอยังคิดเรื่องนี้ไม่ตก เธอพอจะรู้ว่าเป็นใคร
แต่ที่ไม่รู้คือคนพวกนั้นจะทำอะไรกับเธอกันแน่
บังเอิญเธอไปรู้เห็นการฮั้วประมูลโครงการใหญ่ของบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ ซึ่งเธอไม่เห็นด้วยและมักจะคอยขัดขวางอยู่เสมอ และเพราะเธอกุมความลับอันเน่าเฟะอยู่จึงถูกดึงตัวให้อยู่ที่นี่เพื่อที่คนพวกนั้นจะได้คอยควบคุมเธอไม่ให้แพร่งพรายความลับนี้ออกไป
โชคดีที่รุ่นพี่ของเธอมีอำนาจในบริษัทอยู่บ้างทำให้คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรร้ายแรง แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเสมอไป
ในเมื่อตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะมีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลังอยู่
[พี่กลับมาหลายวันแล้วนะคะ แต่ทำไมยังไม่มาหาหนูบ้างเลย]
“ก็พี่บอกว่าไม่ว่างไงคะ งานพี่ยุ่งมาก”
[ยุ่งจนไม่มีเวลาเลยเหรอคะ
หรือพี่กำลังมีคนอื่นเหรอ]
“ถ้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลยจะดีกว่า”
หงุดหงิด
ใช่! มินกยองกำลังหงุดหงิดมาก หงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ตั้งแต่กลับมาเธอยังไม่ได้ไปหาคนรักทั้งสองคนเลย อ้างเพียงแค่ว่างานยุ่งมาก ไม่มีเวลา
แต่ความจริงแล้วเธออยากอยู่ห่างจากทั้งสองสักพักเพราะกลัวจะมีอันตราย
เธอไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรและร้ายแรงแค่ไหน
เธอเข้าใจที่ชียอนจะงอแงแบบนี้เพราะน้องคงคิดถึงเธอมาก เธอเองก็คิดถึงอีกฝ่ายไม่ต่างกัน แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้
[หงุดหงิดใส่น้องแบบนี้มันใช่เหรอ]
“ชียอนโทรไปฟ้องเธออีกแล้วเหรอเนี่ย”
[ใช่! แล้วตอนนี้น้องร้องไห้หนักมากด้วย]
“.
. .”
[เธอเป็นอะไร
รู้ตัวไหมว่าดูแปลกไปมาก]
“คงไม่คิดว่าฉันจะมีคนอื่นเหมือนน้องใช่ไหม”
[ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงน่ามินกยอง]
“เฮ้ออออออ”
[เธอจะไม่เล่าก็ไม่เป็นไรนะ
แต่โทรไปง้อน้องหน่อยก็ดี น้องคิดถึงเธอมากนะ]
“ฉันรู้..
แล้วเธอ คิดถึงฉันบ้างมั้ย”
[ตอนแรกก็คิดถึง
แต่จะเลิกคิดถึงถ้าไม่ง้อน้อง]
“เธอนี่จริงๆ
เลยน้า เดี๋ยวฉันจะไปง้อน้องเดี๋ยวนี้แหละ”
[ดีมาก]
“เยบินนา ~”
[อะไร]
“ฉันรักเธอมากนะ รู้ไหม”
[อืม ฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน]
เรื่องปกติเวลาที่มินกยองทะเลาะกับชียอน เยบินจะเป็นคนกลางคอยประสานความสัมพันธ์ให้ และเมื่อถึงคราวที่เยบินกับมินกยองทะเลาะกันบ้าง
จะเป็นชียอนที่เป็นคนกลาง
ส่วนเยบินกับชียอนนั้น ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะจนต้องพึ่งคนกลางสักที
เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวันนี้มินกยองจึงต้องพาชียอนออกมาเที่ยวบ้างหลังจากไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วยกันเลยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา กับเยบินก็เช่นกัน เพราะเธอกลัว... กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดี
จากความช่วยเหลือของรุ่นพี่เธอในการเปิดโปงความชั่วทำให้มินกยองได้รับการคุ้มครองจากตำรวจในฐานะพยานคนสำคัญ
แม้จะมีการจับกุมและอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนแล้วแต่เธอก็ยังไม่วางใจ
เป็นอันรู้ดีว่ามีอีกหลายคนที่เสียผลประโยชน์ในครั้งนี้และต้องการจะเอาคืนจากเธออย่างสาสม
“มีความสุขมั้ย”
“มีสิคะ
อากาศดีมาก แถมวิวก็สวย”
“พี่หมายถึง ที่เราเป็นแบบนี้มีความสุขไหมคะ”
“ถ้าไม่มีความสุขหนูคงไม่อยู่แบบนี้หรอก”
รอยยิ้มที่มีให้กัน
อ้อมกอดที่อบอุ่นเป็นเครื่องยืนยันคำตอบของคำถามนั้นเป็นอย่างดี
สองร่างที่ยืนดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันท่ามกลางธรรมชาติแสนสวยด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่ได้รับรู้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มัจจุราชกำลังมาเยือน
…………………………………………………………………………………….
ฝนที่โปรยปรายเปรียบดั่งฟ้ากำลังร่ำไห้ต่อดวงวิญญาณที่จากไป
ผู้คนที่สวมชุดดำพากันทยอยกลับหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา
เหลือเพียงครอบครัวและคนสนิทที่ยังคงยืนนิ่งมองป้ายหินอ่อนเหนือหลุมฝังศพนี้
ถัดไปไม่ไกลมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนมองอยู่ แม้ร่างกายจะเปียกปอนจากฝนที่กำลังตกแต่เธอก็ยังยินดีที่จะยืนอยู่แบบนั้น
จนเมื่อแสงสว่างได้ลาลับไปเหลือเพียงแต่แสงไฟดวงเล็กที่คอยให้ความสว่าง
ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้วสองขาเรียวจึงได้พาตัวเองมายืนมองรูปถ่ายด้วยสายตาที่พร่าน้ำตา เข่าทรุดอย่างห้ามไม่ได้ หัวไหล่สั่นไหวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนๆ
นี้กำลังร้องไห้หนักแค่ไหน
เธอไม่ได้รับอนุญาตให้มาร่วมพิธีเพราะคนในครอบครัวนั้นโกรธเกลียดเธอมาก ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ คอยให้ทุกคนกลับไปหมดถึงได้เข้ามาแบบนี้ มือเรียวลูบไล้ใบหน้าบนภาพถ่ายนั้นเบาๆ
มีคำพูดมากมายที่อยากบอกกับคนที่นอนข้างใต้นี้ แต่ก็ทำได้เพียงร้องไห้จนแทบขาดใจ ถ้าเป็นไปได้..คิม มินกยอง
ก็อยากเป็นคนที่นอนอยู่ที่นี่เสียเองไม่ใช่คนรักของเธอ…
ไม่ใช่
พัค ชียอน
หลังจากที่สวีทกันท่ามกลางพระอาทิตย์ตก ทั้งสองคนก็ตั้งใจจะกลับไปหวานกันที่คอนโดต่อ
ว่ากันว่าเมื่อยามมีความสุขคนเราก็มักจะไม่สนใจสิ่งรอบกายนอกจากความสุขที่อยู่ตรงหน้า จึงไม่ได้รู้เลยว่ามีใครที่กำลังเดินตามมา
เมื่อถึงจุดที่ไร้ผู้คน ถึงเวลาที่ใครคนนั้นต้องทำภารกิจ มือกร้านหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาเล็ง ด้วยระยะแบบนี้ไม่มีทางที่มืออาชีพจะทำพลาด
ปุ้ก!!!
ลูกตะกั่ววิ่งออกจากรังเพลิงผ่านกระบอกเก็บเสียงไปยังเป้าหมาย
ความแรงของปืนนี้มากพอที่จะทำให้กระสุนทะลุหัวใจเหยื่อได้ไม่ยาก และมันควรจะเป็นเช่นนั้นถ้าไม่ใช่...
“พี่คะ
ระวัง”
“ชียอน!!!!!!!!!”
เป็นคนที่เดินอยู่ข้างๆ
หันมาเห็นพอดี
จึงใช้ตัวเองผลักคนรักล้มลงไป
แล้วเจ้ามัจจุราชตัวจ้อยก็ได้กระชากวิญญาณผู้มาขัดขวางการทำงานของมัน
…………………………………………………………………………………….
เวลาเคลื่อนผ่านจากวันเป็นเดือน
จากเดือนเป็นปี หลายสิ่งเปลี่ยนไปแต่บางสิ่งยังอยู่เหมือนเดิม คิม มินกยองยังคงคบกับเยบินต่อไป
แต่หัวใจก็ไม่เคยลบเลือนเด็กที่เธอรักออกไปจากใจ เธอไปหาชียอนที่สุสานแทบไม่เคยขาด นอกเสียจากว่าเธอจะไปไม่ได้จริงๆ ความคิดถึงเปี่ยมล้นอยู่ในใจเสมอ
ไม่ต่างจากเยบิน ถึงแม้เธอจะไม่ได้มาบ่อยครั้งเช่นคนรักแต่ก็ทุกครั้งที่ว่างเธอก็จะมาที่นี่ วันแรกๆ
เธอเองก็ทำใจไม่ได้แต่ต้องเข้มแข็งเพื่อมินกยอง
เราสองคนช่วยกันเยียวยาหัวใจจนกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง
เยบิน เสียคนที่เธอรัก แต่มินกยองเสียคนที่รักและมีบาดแผลลึกในหัวใจ
…………………………………………………………………………………….
คุณคิดว่าคนเราจะเจอเรื่องที่เสียใจได้ในเวลาอันใกล้กันแค่ไหน
?
ใครจะคิดกันว่าในวันนี้
คัง เยบินจะต้องกลับมาที่สุสานแห่งนี้อีกครั้งไม่ใช่เพื่อเยี่ยมชียอน
หากแต่...
“พี่พามินกยองมาหาเธอแล้วนะชียอน ไม่ต้องเหงาแล้วนะ ต่อจากนี้เธอกับมินกยองจะได้อยู่ด้วยกันทุกวัน...ตลอดไป”
คิม
มินกยองประสบอุบัติเหตุ เขาถูกรถชนจากการที่เข้ามาช่วยเยบินเอาไว้ หลังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราได้เพียงสองสัปดาห์เขาก็จากไปอย่างสงบจากที่การเธอตัดสินใจถอดอุปกรณ์ช่วยชีวิตเพื่อให้เขาไม่ต้องทรมานอีกต่อไป
เพราะเธอรู้ดีว่าปาฏิหาริย์มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเธอ
โลกอาจโหดร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆ
คนหนึ่งจนเกินไป
ความตายพรากคนรักไปจากเธอทั้งสองคน
เหลือไว้เพียงความรักในความทรงจำและความเดียวดายบนเส้นทางที่เธอต้องเดินคนเดียว
ครั้งเสียชียอนเธอยังมีมินกยองแม้เธอจะเป็นฝ่ายต้องปลอบโยนเขาก็ตามที
แต่ในวันนี้ คัง เยบิน เสียคนรักไปแล้วทั้งสองคน
แล้วใครกันที่จะปลอบโยนเธอ
- END -
บรรยายเนื้อเรื่องได้สนุกมากค่ะ
ตอนแรกก็แอบงงความสัมพันธ์แบบนี้ มันมีในโลกด้วยหรอ รักกันสองสามคนเนี้ย แต่ในเมื่อโอเคเราก็โอเค555 ขอบคุณสหรับฟิคนะคะ บรรยายได้สนุกดีคะ ชอบมากๆ